ความคิดเห็นที่ 1 สรุปเป็นประเด็นคำถามที่อยากจะรบกวนถามน้าๆ ที่มีประสบการณ์ หรือใช้เทคนิค Hyperfocal บ่อยๆ ดังนี้ครับ จากตาราง ที่ระยะ Focal length 18mm.ที่ f/8 จะได้ค่า Hyperfocal distance 2.15 เมตร จากข้อมูลในตารางและภาพประกอบ  ผมอยากถามว่า... 1. หากผมถือกล้องยืนห่างจากตัวแบบ 1 เมตร และโฟกัสไปที่ตัวแบบ ภาพจะมีระยะชัด 1.17 เมตร ซึ่งระยะชัดจะเริ่มตั้ง 0.68 เมตร  ไปจนถึง 1.85 เมตร  จากตัวผม ใช่หรือไม่? 2. หากผมถือกล้องยืนห่างจากตัวแบบ 1 เมตร และโฟกัสไปที่ระยะ HPFD 2.15 เมตร ภาพจะชัดตั้งแต่ 1.075 เมตร (ซึ่งผมเข้าใจว่าเป็นค่าที่ได้จากระยะ HPFD/2) จากตัวผมไปจนถึง Infinity ใช่หรือไม่? *แก้ไขตัวย่อ จาก HPFC เป็น HPFD ครับ แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 53 14:10:51 จากคุณ : FolkWay เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 03:21:55

ความคิดเห็นที่ 2 3. จากการลองเปลี่ยน Parameter ไปเรื่อยเปื่อย  ผมพบว่า... หากผมไม่ใช้เทคนิค HPFD แต่โฟกัสไปที่ตัวแบบ  ในขณะที่ตัวแบบอยู่ระหว่างผมกับจุด HPFD   ถ้าตัวแบบยิ่งเคลื่อนเข้าใกล้ HPFD เท่าใด  ระยะชัดก็จะเพิ่มขึ้นมากอย่างมีนัยสำคัญ  จากตาราง - ผมถือกล้องห่างจากแบบ 1 เมตร โฟกัสที่ตัวแบบ Dof = 1.17 เมตร - ผมถือกล้องห่างจากแบบ 2 เมตร โฟกัสที่ตัวแบบ Dof = 27.50 เมตร - ผมถือกล้องห่างจากแบบ 2.05 เมตร (ขยับมาแค่ 5 ซม.เอง) โฟกัสที่ตัวแบบ Dof = 42.80 เมตร - ผมถือกล้องห่างจากแบบ 2.10 เมตร (ขยับมาแค่ 5 ซม.เอง) โฟกัสที่ตัวแบบ Dof = 89.20 เมตร - ผมถือกล้องห่างจากแบบ 2.15 เมตร (ขยับมาแค่ 5 ซม.เอง และเป็นจุด HPFD) โฟกัสที่ตัวแบบ Dof = Infinity ถามว่า...เพียงแค่ขยับทีละ 5 ซม. อะไรเป็นสาเหตุให้ Dof แปรผันเพิ่มขึ้นมากจนไปสู่ Infinity? แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 53 14:12:47 จากคุณ : FolkWay เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 03:35:00

ความคิดเห็นที่ 3 4. และหากเป็นไปอย่างที่โปรแกรมคำนวณให้จริง  ในการนำไปใช้งานผมก็เพียงแต่โฟกัสไปยังจุดที่เกิน HPFD และระวังไม่ให้องค์ประกอบอื่นในภาพ  อยู่ใกล้เกินกว่า Near limit เท่านี้ระยะชัดก็จะครอบคลุมทั้งภาพ  ใช่หรือไม่? แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 53 14:14:42 จากคุณ : FolkWay เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 03:47:22

ความคิดเห็นที่ 4 จากตารางและภาพประกอบ ที่ระยะ Focal length 18mm.ที่ f/11 จะได้ค่า Hyperfocal distance 1.53 เมตร ดังนั้นพอจะอนุมานได้มั้ยครับว่าหากเราใช้ f/11 ในการถ่ายภาพ  เพียงจัดองค์ประกอบภาพ ให้องศารับภาพเกินระยะ Near limit (ประมาณ 0.765เมตร) แล้วโฟกัสไปที่จุดไหนก็ได้ที่ไกลกว่า HPFD (เอาสัก 2 เมตรขึ้นไป)   ระยะชัดก็จะครอบคลุมทั้งภาพ  ใช่หรือไม่? แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 53 14:17:53 จากคุณ : FolkWay เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 04:20:10

ความคิดเห็นที่ 5 5.Parameter ที่มีผลทำให้ระยะ Hyperfocal เปลี่ยนแปลง  มีเพียง Focal length กับ f-stop  สองอย่างเท่านั้น  ใช่หรือไม่? ระยะของ Subject ส่งผลต่อ Dof อย่างเดียว  ไม่เกี่ยวกับ Hyperfocal แม่นบ่? ขอบพระคุณล่วงหน้าสำหรับทุกๆ ความคิดเห็นนะคร้าบบบ จากคุณ : FolkWay เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 04:57:10

ความคิดเห็นที่ 6 ไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมจะบอกต่อไปนี้ จะเป็นสิ่งที่เจ้าของกระทู้อยากรู้รึเปล่า เพราะครั้งหนึ่ง ผมก็เคยไขว่คว้าหาตารางที่จะบอกระยะ Hyper Focus มาใช้ ก่อนจะถ่าย ก็ต้องหยิบออกมาดู ว่าจะต้องโฟกัสตรงไหน เราห่างจากแบบเท่าไหร่  แรกๆก็สนุก แต่หลังๆมันไม่ใช่ มันกลายเป็นความทุลักทุเลในการถ่าย ทำให้เสียจังหวะอะไรอีกมากมาย แต่สุดท้าย ก็มาลงเอยด้วยการเล็งธรรมดา ปรับกล้องเล็กน้อยเท่านั้นเอง จากคุณ : ปืนเถื่อน เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 06:11:04

ความคิดเห็นที่ 7 ที่ผมบอกเนี่ย ไม่ได้จะตอบคำถามอะไรที่เจ้าของกระทู้ถามเลยใช่มั้ยครับ แต่ถ้าต้องการจำทำภาพแบบ Hyper Focus ให้สบายๆ ไม่ต้องคิดหนัก ก็เอาแบบผม แต่ก็อย่าลืมที่จะเรียนรู้ในสิ่งที่ต้องการด้วยนะครับ ถ้าหากเรารู้ว่า DOF มันเป็นยังไง อะไรส่งผลต่อมันได้บ้าง นี่แหละที่จะทำให้เรารู้ว่า การทำ Hyper focus ไม่ได้ยากอะไรตรงไหนเลย สิ่งที่ส่งผลต่อระยะชัดคร่าวๆ 1. ระยะจากกล้องและแบบ 2. ระยะของเลนส์ที่ใช้ในตอนถ่าย 3. ค่า F จากคุณ : ปืนเถื่อน เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 06:14:47

ความคิดเห็นที่ 8 จากสามอย่างคร่าวๆที่บอกมา ลองมาใช้ดูสิ ว่าปรับยังไง แล้วภาพจะมีผลยังไง 1. ระยะจากกล้องไปถึงแบบ ถ้ากล้องยิ่งใกล้มากเท่าไหร่ จะทำให้ DOF ตื้นมากขึ้น 2. ระยะเลนส์ที่ใช้ ยิ่งใช้ระยะมากๆ หรือซูมถ่ายมากๆ DOF ก็จะตื้นขึ้นอีก 3. ค่า F อย่างที่รู้กันดีแหละครับ F น้อย DOF ก็ตื้น F มาก DOF ก็มาก เมื่อทราบทั้งสามอย่างนี้แล้ว ทำอย่างไร เพื่อให้ได้ Hyper Focus มาล่ะ ??? จากคุณ : ปืนเถื่อน เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 06:18:12

ความคิดเห็นที่ 9 คำตอบสำหรับผมคือ ก็ทำให้ไอ้ทั้งสามอย่างนี่แหละ ให้มันได้ DOF ลึกๆที่สุด ก็เลยมาเป็นแบบนี้ 1. ใช้ระยะจากแบบที่เหมาะสม ถ้าห่างก็จะยิ่งชัดได้ทั่ว แต่บางครั้งเราต้องการตัวแบบที่อยู่ด้านหน้าสุดเลย ก็เลือกเอาที่เหมาะสมละกัน 2. ระยะเลนส์ อย่างที่บอกไว้ ผมเลยใช้กว้างที่สุดเท่าที่รับได้ครับ หากภาพไหนที่กว้างไม่ได้ จำเป็นต้องซูม ก็ค่อไปไล่เรื่องระยะห่างจากแบบใหม่อีกที 3. ค่า F ก็ตามที่รู้ๆกันครับ เอาซัก 16 ขึ้นไป แล้วแต่สภาพแสง ถ้าไม่ไหว ผมก็เลือกจะใช้การเพิ่ม ISO ขึ้นไปแทน สรุปง่ายๆเลยละกัน ห่างแบบ>มุมกว้าง>Fสูง เมื่อมีสถานการณ์ใดที่ทำให้ค่าต่างๆเปลี่ยนแปลง ก็ลองตั้งค่าที่เหลือให้สัมพันธ์กันดูครับ ปล. สามภาพด้านบนมาจากเลนส์ 18-55 IS เลนส์คิต ติดหนอนครับ ส่วนภาพนี้ ยืมเลนส์น้าแหลบมา อิอิ จากคุณ : ปืนเถื่อน เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 06:26:27

ความคิดเห็นที่ 10 ภาพคุ้นตาจัง  อิอิ จากคุณ : mom_nongda เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 07:00:15

ความคิดเห็นที่ 11 เข้ามาบอกว่า ผมชอบคำถามแบบนี้ มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คิดปัญหา ศึกษาข้อมูล รวบรวมหลักฐาน วิเคราะห์ ฯลฯ ทำเสร็จแล้ว ค่อยมาเสนอสิ่งที่คิด ที่ค้นคว้า และชี้ปัญหาที่ไม่เข้าใจ โอ้ย!! ถ้าคนในโลก ตั้งปัญหาแบบนี้หมด ผมเลิกรับจ็อบหาเงิน มาตอบปัญหาพวกนี้ให้ทุกคนเลย จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 07:10:44

ความคิดเห็นที่ 12 สิ่งที่ส่งผลต่อ DOF & HPFD คือ 1. ระยะห่างของ subject 2. ความยาวโฟกัสเลนส์ 3. ขนาดรูรับแสง 4. ขนาดเซนเซอร์/ตัวรับภาพ ----------------------------------- คำตอบข้อ 1 & 2 มีคนตอบให้แล้ว ข้อสามคือ มันเป็นเรื่องของ Circle of Confusion (CoC) ที่ปรากฏในหัวตารางนั่นแหละครับ และ airy disc ... ที่ไม่ได้ปรากฏในการคำนวน DOF ทั้งหมด เอาคร่าวๆ และจับสองปัจจัยนี้ มารวมเป็นตัวเดียวกัน เพื่อให้เห็นภาพง่ายๆ .... ถ้าสมมุติให้ตัว object ประกอบจากจุดแสง จุดแสงจาก object ที่อยู่ในโฟกัส ก็"น่าจะ" ก่อให้เกิดจุดแสงบน sensor ใช่ไหมครับ? แล้วจุดแสง ที่อยู่นอกโฟกัสหละ? มันก็จะไม่ใช่จุดแสง แต่กลายเป็นวงแสงแทน วงแสง ที่ตรงกลางสว่าง แล้วค่อยๆจางลง ... เป็นแผ่น disc วงแสงนี้ ถ้าตกกระทบ sensor ที่ระดับ pixel .. มันจะไม่ชน 1 pixel แต่อาจไปชน 2 หรือ 3, 4 .. 5 ฯลฯ pixels ได้ แต่เมื่อเข้าใกล้โฟกัส .. วงแสงจะกลายเป็นจุดมากขึ้น อาจกว้างเหลือ 1.2 - 1.3 pixel ไม่ว่าวงแสงจะกว้าง 1.1 หรือ 1.9 pixel ... ผลออกมาเหมือนกัน คือ นอกจาก pixel ที่เป็นเป้าแล้ว ... pixel ข้างๆ ก็รับแสงเช่นกัน ความแตกต่างของวงแสงที่กว้าง 1.1 pixel กับที่กว้าง 1.9 pixel ... ไม่มี แต่ ความแตกต่างของวงแสงที่กว้าง 1.1 pixel กับกว้าง 1.0 pixel มันต่างกันมหาศาล เพราะวงแสงที่กว้าง 1.0 pixel ... จะไม่ก่อให้เกิดภาพที่ pixel ติดกันเลย ได้คำตอบไหมครับ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 07:34:23

ความคิดเห็นที่ 13 คำตอบใน คห.12 เป็นคำตอบหยาบๆเท่านั้นนะครับ ต้องศึกษาเรื่อง CoC ให้ละเอียด อีกนิด ถึงจะเข้าใจมากขึ้น CoC เป็นเรื่องสำคัญ เพราะมันลากยาวไปถึงเรื่อง "ขนาดของ sensor" จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 07:35:50

ความคิดเห็นที่ 14 คิดว่า คงเข้าใจข้อ 5 แล้ว เพราะข้อ 3 ก็อธิบายข้อ 5 ไปด้วย เหลือแต่ที่ข้อ 4 ---------------------------- ความรู้เรื่อง DOF และ HPFD มีประโยชน์มากๆๆๆๆ โดยเฉพาะในภาวะที่แสงน้อย หรือ ภาวะที่ต้องโฟกัสก่อน (pre-focus) อาทิเช่้น การถ่ายภาพกีฬา เอาการถ่ายภาพกีฬา เป็นตัวอย่าง คุณไม่มีทางรู้ได้เลยว่ืา บอลล์จะเข้าประตูจากมุมไหน แต่ถ้าคุณโฟกัสไปยังตำแหน่งกึ่งกลางของ DOF แล้วปรับ f/stop ให้คลุมทั้งมุมซ้ายและขวา คุณก็จะสามารถได้ภาพบอลล์ที่กำลังบินเข้าประตูได้ ... ระยะ HPFD เช่นกัน สมัยก่อน ช่างภาพ นสพ.จะแม่นมาก เพราะต้องหรี่้ f/stop ลงมาที่คำนวน จากนั้น ปรับระยะโฟกัสบนเลนส์ ไปยัง HPFD จำระยะ minimum ให้แม่นๆ แล้วก็ยก กดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เก็บภาพไปเรื่อยๆ กล้องสมัยก่อน มันไม่มี ultrasonic AF นี่นา และถึงมี .. ก็ไล่ตามภาพที่เคลื่อนไหวเร็วๆไม่ไหว การตั้งจุดโฟกัสไว้ที่ HPFD ทำให้มี "โอกาสได้ภาพ" มากขึ้นกว่าเดิมนับสิบๆร้อยๆเท่า จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 07:42:49

ความคิดเห็นที่ 15 ถ้าอยากเข้าใจเรื่อง CoC นี่ (มันเป็นรากฐานของเรื่องอื่นๆอีกเยอะมาก) นอกจาก wiki (ภาษาปะกิ๊ต!!! ) ... แนะนำหนังสือของท่านปรมาจารย์การถ่ายรูป ศักดา ศิริพันธ์ "เ้ทคนิคการถ่ายภาพ" หนังสือเก่า, หายาก เพราะไม่ค่อยมีคนซื้อ และไม่มีตีพิมพ์ใหม่ แต่เป็นหนังสือด้านเทคนิคการถ่ายภาพ ที่ดีที่สุด ของไทย อ่านเข้าใจยากนิดนึง แต่ถ้าเข้าใจหมด เรื่องเทคนิคต่างๆ ... หวานหมูปลาทูนึ่ง จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 07:50:58

ความคิดเห็นที่ 16 vote เป็นกระทู้แนะนำ ไว้ก่อนนะครับ จากคุณ : KU_EE เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 08:15:34

ความคิดเห็นที่ 17   เอ่อ คือ... เพื่อนเคยบอกว่าการถ่ายภาพใช้หลักฟิสิกส์...มันเป็นแบบนี้ใช่ไหมครับ โอย...กุมขมับ ไม่นึกว่าถ้าจะถ่ายรูปต้องประมวลผลในสมองขนาดนี้เลยครับ จากคุณ : DEstinY-REachEr เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 08:52:16

ความคิดเห็นที่ 18   ดูบนสเกลเลนส์ง่ายกว่ารึเปล่าหว่า..? จากคุณ : เจ้าชายรองเท้าแตะ 655 เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 08:57:03

ความคิดเห็นที่ 19   เข้ามากุมขมับอีกคน จากคุณ : ผมมันคนกรุงเทพฯจริงๆนะ เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 09:11:02

ความคิดเห็นที่ 20 5.Parameter ที่มีผลทำให้ระยะ Hyperfocal เปลี่ยนแปลง  มีเพียง Focal length กับ f-stop  สองอย่างเท่านั้น  ใช่หรือไม่? ระยะของ Subject ส่งผลต่อ Dof อย่างเดียว  ไม่เกี่ยวกับ Hyperfocal แม่นบ่? hyperfocal  ที่ผมเข้าใจ  มันก็คือ ระยะที่ focal lenght + f  ที่ส่งผลให้ได้   DOF  สุดสายตา  แม่นบ่ครับ  ไม่ค่อยรู้เรื่องเหมือนกัน จากคุณ : tamrong เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 09:16:07

ความคิดเห็นที่ 21 >> ดูบนสเกลเลนส์ง่ายกว่ารึเปล่าหว่า..? ถ้ามีสเกลให้ดูหละก็ ... ง่ายกว่าแน่นอนครับ สมัยฟิล์ม มันมีได้ เพราะขนาดของฟิล์มมีไม่กี่ขนาด เลนส์ของฟิล์มขนาดไหน ก็ใช้กับฟิล์มขนาดนั้น มันถึงทำเสกลได้ ฟิล์มแต่ละขนาด มี CoC ไม่เท่ากัน เลนส์ของฟิล์มขนาดไหน จะทำเสกลอย่างไร ต้องอ้างอิงจาก CoC เสมอ สมัยฟิล์ม .. CoC ขึ้นกับ สายตาคนดูภาพ, มุมมองภาพ และอัตราการขยายของภาพ (จากฟิล์มไปรูป) หลังจากการเก็บข้อมูลยาวนาน ... พวกนักวิทยาศาสตร์ ตกลงกันว่า CoC ของภาพสุดท้าย มันอยู่ที่ 0.2mm ภาพสุดท้าย ที่นิยมใช้กันคือ .. ภาพ 8" x 10" ถ้ามาจากฟิล์ม 35mm ... ก็ขยาย 7-8 เท่า CoC ของฟิล์ม ก็จะเป็น 0.029-0.031mm Kodak ... เจ้าพ่อของฟิล์ม ทุับโต๊ะเปรี้ยง! บอกว่า 0.0291mm ไม่มีใครกล้าหือ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 09:16:42

ความคิดเห็นที่ 22   หลังๆขี้เกียจเปิดดูระยะและใช้ "ประมาณ"ตลอด จากคุณ : Ace-pilot เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 09:18:15

ความคิดเห็นที่ 23 มายุคดิจิตอล .. เรื่อง CoC เป็นปัญหามากๆๆๆๆ เพราะภาพสุดท้าย มัน .. เท่าไหร่หว่า???? ภาพส่วนใหญ่ ดูบนจอคอมพิวเตอร์ ส่วนน้อย พิมพ์ออกมาดู ุถ้าเอารูปเดียวกัน จากไฟล์เดียวกัน พิมพ์ออกมาดู และเทียบกับภาพที่ขนาดเท่าๆกัน ที่ปรากฏบนจอ จะพบว่า ภาพที่ปรากฏบนจอ มี DOF มากกว่า ภาพที่พิมพ์ออกมาดู ลองเมื่อไหร่ เห็นผลนี้ชัดเจนเมื่อนั้น พอเป็นอย่างนั้น การกำหนด CoC เลยมีปัญหา ตอนนี้ มีการ"ทุบโต๊ะ" กำหนด CoC ... เหลือ 2 รายการ กล้องที่มี sensor ขนาด APS-C กำหนด CoC = 0.018mm กล้องที่มี sensor ขนาด 4/3 กำหนด CoC = 0.015mm จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 09:28:09

ความคิดเห็นที่ 24 วันนี้ ขอจบแค่เรื่อง CoC ก่อนนะครับ เรื่อง Airy disc ขอผลัดไปวันหลัง ... ทั้งที่มันสำคัญกว่า CoC ซะอีก ไว้มีใครอยากรู้รายละเอียดจริงๆ ค่อยมาว่ากัน ความสำคัญของ Airy Disc คือ มันเป็นหนึ่งในกฏพื้นฐานของการออกแบบกล้องดิจิตอล กฏเหล่านี้ ... ถ้ายังไม่สามารถคิดค้นกฏเกณฑ์ใหม่ๆได้ มันตีกรอบการออกแบบกล้อง อย่างเช่น กฏเรื่องแสงต้องกระทบเซนเซอร์เป็นมุมตั้งฉาก ละเมิดไม่ได้ canon และ nikon พยายามฝืนกฏนี้ โดยใช้กฏเกณฑ์เก่าๆ ในการออกแบบ ผลก็คือ เลนส์ที่ใหญ่โตมโหฬาร และขอบมืด (vignette) ในขณะที่ olympus ... ไม่ฝืน และออกแบบระบบใหม่ ที่ทำตามกฏกติกา ผลคือ ระบบ 4/3 ที่คม ชัด และมีขนาดเล็ก แต่ ผลการยอมรับจากห้องแล็บมันเรื่องนึง ผลการยอมรับ จากการตลาด มันอีกเรื่องนึง แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 53 09:36:46 จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 09:36:34

ความคิดเห็นที่ 25 กฏของ Airy ในเรื่อง Airy Disc บอกไว้ว่า ขนาด pixel รับภาพ (Photosite) ต้องมีขนาดไม่น้อยกว่า 4 ไมโครเมตร ถ้าขนาดเล็กกว่านี้ .. ไม่ว่าจะมีจำนวน pixel เท่าไหร่ มันไม่มีทางที่ภาพจะคมชัด (more resolution) ขึ้น ---------------------------------------- ิสิ่งที่ตามมา และเห็นได้ชัดคือ ความละเอียดคมชัด จาก กล้อง คอมแพ็ค high end ใหม่ๆ ที่พิกเซลเกิน 10 ล้าน -vs- กล้อง dSLR low end เก่าๆ ที่ pixel ไม่ถึง 6 ล้าน ทำให้ตาย ... ความละเอียดของภาพ final จากกล้อง compact ก็สู้กล้อง dSLR ไม่ได้ เพราะขนาด pixel ของคอมแพ็ค มันอยู่แถวๆ 2 uM ในขณะที่ของ dSLR มันอยู่แถวๆ 6-8 uM ---------------------------------------- แต่ ก็อย่างที่ว่ามา ผลการยอมรับจากห้องแล็บมันเรื่องนึง ผลการยอมรับ จากการตลาด มันอีกเรื่องนึง กล้องคอมแำพ็ค 14 ล้านพิกเซล จึงให้ภาพที่ "ดูเหมือนว่า" ดีกว่าภาพที่ได้จากกล้อง dSLR 5 ล้านพิกเซล จบ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 09:43:21

ความคิดเห็นที่ 26 ขอเวลารินน้ำในสมองเป็นแก้วเปล่าก่อนนะครับ เดี๋ยวกลับมาเก็บความรู้ ตอนนี้โหวตไปก่อน จากคุณ : kradassa เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 10:04:02

ความคิดเห็นที่ 27   >> ดูบนสเกลเลนส์ง่ายกว่ารึเปล่าหว่า..? ถ้ามีสเกลให้ดูหละก็ ... ง่ายกว่าแน่นอนครับ สมัยฟิล์ม มันมีได้ เพราะขนาดของฟิล์มมีไม่กี่ขนาด เลนส์ของฟิล์มขนาดไหน ก็ใช้กับฟิล์มขนาดนั้น มันถึงทำเสกลได้ ^^ ^^ สอบถาม  น้าแมวเหมียวหน่อยครับ - ตกลงว่าเลนส์ใหม่ๆสมัยนี้ที่มีสเกลบนเลนส์ มันคือการแสดงค่า Dof ถูกไหมครับ - แล้ว ค่าที่ขึ้นบนสเกลเลนส์ มันต้องผันแปลไปตามตัวคูณรึเปล่าครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : เจ้าชายรองเท้าแตะ 655 เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 10:07:31

ความคิดเห็นที่ 28 ขอตอบสั้นๆแล้วกันครับ เดี๋ยวจะพากันเข้า lab physics กันหมด 1.ใช่ครับ ตอบตรงตัวเลย 2. ภาพยังอยู่ใน 'acceptable range' ครับ แต่ที่ระยะ 2.15 เป็นต้นไป จะไม่มี OOF อีกแล้ว 3. มันไม่เป็นบัญญัติไตรยางค์นะครับ พอถึงระยะที่มันแยกแยะ dof ไม่ได้แล้ว จะขยับเพิ่ม 1 มิล มันก็แยกไม่ได้อยู่ดี 4. ใช่ครับ นี่คือเป้าหมายของการใช้ hyperfocal 5. ใช่ครับ เลนส์ยาวก็จะคุม dof ได้ไกลกว่าเลนส์สั้น หรีอพูดอีกแบบหนึ่งคือมีระยะ hyperfocal ไกลขึ้นด้วย และการปรับ f-stop ก็จะควบคุม dof ของเลนส์แต่ละตัวอีกชั้นหนึ่ง คนที่สนใจ dof มากกว่า คือคนที่ถ่ายใกล้ๆ macro, portrait fashion คนที่สนใจ hyperfocal มากกว่าคือคนที่ถ่ายไกลๆ landscape, street แต่คนที่น่าจะสนใจ hyperfocal แต่กลับมาเล่น dof คือช่างภาพ sport ครับ เพราะเทคโนโลยีช่วยให้ถ่ายรูปได้ที่ wide open (นึกถึงเลนส์ 500mm f/4) subject อยู่ห่าง 30-40 เมตร ยังต้องคุม dof ไม่ให้มันเกิด hyperfocal เพราะหนังสือพิมพ์ไม่ชอบฉากหลังรกๆ จากคุณ : . (jaycee) เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 10:29:09

ความคิดเห็นที่ 29   - ตกลงว่าเลนส์ใหม่ๆสมัยนี้ที่มีสเกลบนเลนส์ มันคือการแสดงค่า Dof ถูกไหมครับ ไม่ใช่ อีกข้อ เอาชัวๆรอน้าแมวดีกว่า จากคุณ : Ace-pilot เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 10:29:50

ความคิดเห็นที่ 30 รู้ว่ามันคืออะไร(แบบงูๆปลาๆ) แต่ไม่เคยใช้เลยพับเผื่อยซิ ใช้ กะ และ เดา เอาตลอดครับ จากคุณ : DUB-COOK เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 10:34:40

ความคิดเห็นที่ 31   (สืบเนื่อง คห. 27)ขออภัยจริงๆครับ ผมถามไม่รู้เรื่องเองขออีกที (ขอบคุณคุณ Ace-pilot) - สเกลบนเลนส์ มันคือการแสดงค่าอะไรบ้างครับ - แล้ว ค่าที่ขึ้นบนสเกลเลนส์ มันต้องผันแปลไปตามตัวคูณรึเปล่าครับ ปล. ผมคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับที่จขกท.ถามมาด้วยเลยขออนุญาตถามรวมไป  ถ้ามันไม่เกี่ยวกันขออภัยด้วยครับ จากคุณ : เจ้าชายรองเท้าแตะ 655 เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 10:47:27

ความคิดเห็นที่ 32 ขอบคุณครับ จากคุณ : Jazz Lilt เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 11:33:07

ความคิดเห็นที่ 33 แตก่อน ๆก็ซีเรียส คิดมาก ปัจจุบันเลิกคิดแล้ว ใช้ตา กับ สามัญสำนึกอย่างเดียว จากคุณ : raksapondet เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 11:58:21

ความคิดเห็นที่ 34 5. ใช่ครับ เลนส์ยาวก็จะคุม dof ได้ไกลกว่าเลนส์สั้น หรีอพูดอีกแบบหนึ่งคือมีระยะ hyperfocal ไกลขึ้นด้วย น้า jaycee ... ตรงนี้ ไม่น่าจะใช่นะครับ ถ้าเปิด f/stop เท่าๆกัน และระยะห่างเท่าๆกัน เลนส์ยาวมี DOF น้อยกว่าเลนส์ความยาวโฟกัสสั้น แต่จุดที่เป็นระยะที่ทำให้เกิด hyperfocal อยู่ไกลไปมากกว่าเลนส์ความยาวโฟกัสสั้นกว่า จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 12:14:32

ความคิดเห็นที่ 35 สเกลบนเลนส์มันบอกระยะโฟกัสน่ะครับ ซึ่งมันจะมีขีดให้ดูคร่าว ๆ เวลาอยากใช้ hyperfocal distance ด้วย คือมันจะเอาไว้กะคร่าว ๆ ไม่ละเอียดอะไร หลัก ๆ คือต้องรู้ว่าอะไรมีผลต่อ DOF และ Hyperfocus มันคืออะไร ในการใช้งานจริง ๆ ส่วนใหญ่ก็กะคร่าว ๆ กันน่ะครับ จากคุณ : Morgoth Bauglir เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 12:14:33

ความคิดเห็นที่ 36 ขอบคุณสำหรับทุกๆ ความคิดเห็นอีกครั้งนะครับ จริงๆ แล้วผมเป็นคนที่ไม่ค่อยจะใส่ใจรายละเอียดของทฤษฎีทางการถ่ายภาพสักเท่าไหร่น่ะครับ เป็นประเภทกดไปเรื่อยๆ ไม่ค่อยใส่ใจว่าจะต้องวัดแสงถูกต้องเป๊ะ   แสงสะท้อนออกจากวัตถุสีนั้น  เท่านั้นเท่านี้  ต้องชดเชยแสงให้พอดีเท่าไหน กล้องมันคำนวณให้เท่าไหร่ก็เอาเท่านั้น ชดเชยกันแค่พอเป็น Tone สีของภาพ  แล้วค่อยมาขยับใน ACR อีกที เรื่องความคมชัด  ผมก็ไม่ค่อยจะถวิลหาไอ้แบบที่ว่า  มันต้องคมบาดใจ  เลือดไหลบาดตาอะไรทำนองนั้น เพราะมีแต่เลนส์บ้านๆ ในครอบครอง  สิ่งที่สนใจจึงมีแค่ “ ความคมชัดที่ยอมรับได้ ” ไปโดยปริยายตามสภาพตังค์ในกระเป๋า ทีนี้ ไอ้ “ความคมชัดที่ยอมรับได้” ที่เกี่ยวข้องกับ Hyperfocal เนี่ย  มันมักจะไม่ค่อยมีให้ยอมรับน่ะสิครับ เนื่องจากผมไม่เคยจำเลยว่าไอ้ระยะ Focal length ที่มันสัมพันธ์กับ f-stop มันให้ Hyperfocal ที่ประมาณเท่าไหร่  กะๆ เอาตลอด ผลที่ได้หลังจากเปิดรูปดูในคอมคือมันมี “ความไม่คมชัดที่ผมยอมรับไม่ได้” โผล่เข้ามาเฟรมน่ะสิ 5 5 5 แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 53 12:30:26 จากคุณ : FolkWay เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 12:26:38

ความคิดเห็นที่ 37 ถ้า ข้อสงสัยของผม 1-5 ตอบว่า ใช่ หมดทุกข้อ สู่การนำไปใช้งานจริง...อย่างบ้านๆ อย่างมวยวัด ผมจะนำแนวคิดเหล่านี้ไปใช้งานในสถานการณ์ที่ไม่มีเวลามาควักกระดาษโน้ตดู ว่าระยะนี้ f นี้  นี่มันต้องโฟกัสตรงไหนหว่า...     อย่างไรจึงจะให้ภาพในระดับ “ความคมชัดที่ยอมรับได้” บ่ายอ่อนๆ  อารมณ์ติสเข้าสิงสู่  อยากไปเก็บภาพ life ริมราชดำเนินและสนามหลวง คิดได้ดังนั้นก็หิ้ว 350D+18-55 ออกจากบ้านไป ในสภาพแสงปกติที่โล่ง  กลางแจ้ง (ก็ริมราชดำเนินนั่นแหละ) มีแดดรำไรรอดผ่านร่มมะขามบ้าง ให้มีแสงพอที่จะบันทึกภาพ  กะประมาณว่าสปีดชัตเตอร์น่าจะพอได้ ... - ที่ระยะ 18mm. f/8   รักษาระยะไม่ให้มีอะไรโผล่เข้ามาในองศารับภาพในระยะ 1.5 เมตร แล้วโฟกัสในระยะที่เกินกว่า 3 เมตรขึ้นไป   กดชัตเตอร์ไปเรื่อยๆ โดยไม่มอง VF   ความคมชัดที่ยอมรับได้จะครอบคลุมทั้งภาพหรือไม่? แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 53 13:13:13 จากคุณ : FolkWay เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 12:59:36

ความคิดเห็นที่ 38 วันต่อมาผมถือกล้องออกไปพักเที่ยงด้วย  แสงดีมากๆ บังเอิญไปพบป้าคนหนึ่ง  กำลังตากปลาสลิดอยู่ริมถนน  โดยมีฉากหลังเป็นอาคารบางกอกซิตี้ทาวเวอร์   ตะแกรงที่ป้าตากปลาอยู่สูงกว่าพื้นประมาณ 1 เมตร  ไวเท่าความคิด  ผมมุดเข้าไปใต้ตะแกรง  แล้ว... -หมุนซูมไปที่ 18mm. f/11  โฟกัสไปที่หน้าของป้า (ป้าสูงประมาณ 150 ซม.) แล้วกดชัตเตอร์ ความคมชัดที่ยอมรับได้จะครอบคลุมใบหน้าของป้า  ปลาสลิดบนตะแกรง   และยอดของอาคารบางกอกซิตี้ทาวเวอร์  หรือไม่? *ลืมบอกไปว่าใช้ Mode AV เป็นหลักครับ จากคุณ : FolkWay เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 13:23:41

ความคิดเห็นที่ 39 คำตอบน้าแมวมันจี๊ดดดดด ใจอยู่ข้อนึง คือ... เมื่อก่อนสมัยมือหมุน  ตากล้องชั้นครูทุกคน   รวมทั้งชั้นศิษย์อย่างผม จะครับโฟกัสคาไว้ที่ Hyperfocal ตลอดเวลา  เพราะโอกาสได้ภาพเวลาหยิบขึ้นมา snap มีสูงมาก แต่วันนี้  ผมกลับลืมมันไปเพราะมันถูกลบออก  ด้วยคำว่า  USM ต้องขอบคุณทั้งผู้ตั้งและผู้ตอบ  ที่ทำให้ผมได้กลับมานึกถึงวันดีๆ อย่างวันนั้น จากคุณ : แฉลบยอดหญ้า เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 13:27:49

ความคิดเห็นที่ 40 - ที่ระยะ 18mm. f/8   รักษาระยะไม่ให้มีอะไรโผล่เข้ามาในองศารับภาพในระยะ 1.5 เมตร แล้วโฟกัสในระยะที่เกินกว่า 3 เมตรขึ้นไป   กดชัตเตอร์ไปเรื่อยๆ โดยไม่มอง VF   ความคมชัดที่ยอมรับได้จะครอบคลุมทั้งภาพหรือไม่? 5 5 5 นี่มันคำถามข้อสอบอัตนัย ของ นศ. photoscience ปีสองนะครับ ตัวธงคำตอบคือ ต้องตอบสามคำถามให้ชัดเจน อะไรคือ "ความคมชัด" อะไรคือ "ยอมรับได้" อะไรคือ "ครอบคลุมทั้งภาพ" ข้อนี้เนี่ยะ เด็กๆ ปั่นคำตอบกันหูตาเหลือก เขียนกันเกือบครึ่งค่อนชั่วโมง เอาแค่คำว่า "ยอมรับได้" ก็อ้วกแล้ว --------------------------------------------------------- "ยอมรับได้" มันเป็น subjective ... นามธรรม ภาพๆหนึ่ง ประกอบด้วยจุดๆเต็มไปหมด ถามว่า ถ้าจุดของภาพที่ประกอบขึ้นเป็นรูปร่าง แต่ละจุด มีขนาด 2 มม. ... เราจะยอมรับภาพนั้นได้ไหม? เราจะบอกว่า ภาพนั้น คมชัดไหม? CoC .. circle of CONFUSION .. ไม่ได้ตั้งขึ้นลอยๆ วงกลม (circle) ของความสับสน (confusion) มันระบุถึง ความสับสนใน การเห็น (seeing) และการรับรู้ (perception) ของ "ผู้รับชมภาพ" มีตัวแปรมากมาย ที่ทำให้การเห็น และการรับรู้ ไม่ได้ไปด้วยกัน ภาพที่จุดๆๆๆ ในภาพมีขนาด 2มม นับพันๆจุด ถ้ามองห่างจากระยะห่าง 20 เมตร ... เราจะรู้สึกว่า มันเป็นภาพที่คมทีเดียว ในขณะที่ภาพที่มีจุดภาพขนาดแค่ 0.2 มม. แต่มองห่างจากระยะ 1 ฟุต เราจะรู้สึกได้ว่า ภาพนั้น "ไม่คมชัด" ที่ว่ามา คือ พื้นฐานของ CoC ครับ สำหรับคนทั่วไป ภายใต้การมองปกติ สายตาปกติ แสงปกติ (อะไรคือ ปกติ ไม่ขอพูดถึง) ความคมชัด ที่ยอมรับได้ คือ 1. ภาพที่มองจากระยะห่าง  25 เซนติเมตร แล้วยังมองได้สบาย ... ภาพนั้นมีขนาดแทยงมุม 30 ซม (1 ฟุต)   ... ก็ภาพ 8 x 10 นั่นแหละครับ กระดาษที่ใช้ทำงาน, สมุดทำงาน, กระดาษ A4, นิตยสาร ฯลฯ ถึงมีมิติอยู่แถวๆ นี้ ...  8" x 11" กระดาษที่ใหญ่กว่านี้ ก็ต้องมองห่างกว่านี้ ถึงจะมองสบายตา แต่ถ้ามองห่างกว่านี้ ก็จะมีปัญหา .. เพราะเรายื่นแขนออกไปได้ไกลสุดแค่ 40 เซนต์เอง จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 14:02:40

ความคิดเห็นที่ 41 2. ในภาพ 8" x 10" .. ภาพที่มองสบาย เมื่อมองจากระยะห่าง 30 ซม สิ่งที่เป็นจุดซึ่งปรากฏในภาพ  แล้วเรายังเห็น และยังรับรู้ (percept) ว่าเป็นจุด จะต้องมีขนาดใหญ่ไม่เกิน 0.2 มม จาก #1 และ #2 ... เมื่อ "จุด" นั้น เกิดจากฟิล์ม 24 x 36 มม ... การขยายให้เต็ม 8" x 10" มันคือการขยาย 7 เท่า ฉะนั้น .. สิ่งที่เป็นจุดซึ่งปรากฏในฟิล์ม ถ้าขยาย 7 เท่าแล้ว ยังมีขนาดไม่เกิน 0.2มม .. มันเองต้องมีขนาดไม่เกิน 0.2/7 หรือ  0.029mm ถึงเป็น sensor .. เรื่องนี้ก็ไม่เปลี่ยน สิ่งที่เป็น "จุดภาพ" ที่ปรากฏบน sensor จะต้องมีขนาดไม่เกิน 0.018mm (APS-C) หรือ 0.015mm (4/3) จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 14:08:17

ความคิดเห็นที่ 42 แล้วที่ว่าๆมา ... เกี่ยวอะไรกับการ "ยอมรับได้" ก็อย่างที่ว่ามา พื้นฐานของ CoC มาจาก "การรับรู้" ว่า จุดภาพนั้น ยังเป็นจุด เมื่อจุดภาพที่เห็น บนพื้นที่ 8" x10" จากระยะห่าง 30 ซม มีขนาดไม่เกิน 0.2มม. แล้วถ้าภาพที่เห็น เป็นพื้นที่ LCD ?? ที่มองจากระยะห่าง 20 ซม. CoC มันก็เปลี่ยน เมื่อ CoC เปลี่ยน .. ระยะชัดลึก (DOF) และ HPFD ก็เปลี่ยน สรุป: คำถามนี้ ไม่สามารถให้คำตอบได้ เพราะทุกอย่าง ขึ้นกับสภาวะการเห็นภาพสุดท้าย (final picture viewing condition) ----------------------------------------------- 5  5  5 ว่ามายาวเหยียด สรุปคือ ไม่มีคำตอบ ----------------------------------------------- ปล. เอ๊ย ป.ล. ล้วงลับ .. ตับแตก หรือยังเอ่ย แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 53 14:15:00 จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 14:12:30

ความคิดเห็นที่ 43 โอ้ มีแต่พหูสูตรมาถกกัน กระทู้นี้ จากคุณ : badhermit เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 14:29:50

ความคิดเห็นที่ 44 แป่ว... แหะๆ เรื่องทฤษฎีผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ครับ  ยิ่งอ่านยิ่งงงงงงง น้าหมอแมวฯ หรือว่าท่านอื่นๆ พอจะมีเทคนิคการนำไปประยุกต์ใช้จริง แบบว่า...เห็นเป็นรูปธรรมเลย  มีมั้ยครับ  แบบที่กะๆ เอา   เคยลองเอาไปใช้แล้ว  ผลมันไม่ค่อยน่าพอใจครับ ภาพตัวอย่างของป๋าปืนใน คห.8  เป็นตัวอย่างที่ดีอ่ะครับ ท่านใดพอจะมีภาพลักษณะนี้  แบบที่ว่ามันชัดตั้งแต่หัวจรดปลาย พร้อมกับการอธิบายเทคนิคหรือว่าการเลือกจุดโฟกัสขณะที่ถ่ายภาพนั้นๆ จะเป็นพระคุณอย่างสูงเด้อครับเด้อ... จากคุณ : FolkWay เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 14:44:58

ความคิดเห็นที่ 45 อ้าว ... ก็เล่นไปถามเรื่องอื่น ผมก็เลยออกทะเลตาม คำตอบที่เป็นรูปธรรมคือ น้า jaycee ยกมาอีกรอบก็ได้ คนที่สนใจ dof มากกว่า คือคนที่ถ่ายใกล้ๆ macro, portrait fashion คนที่สนใจ hyperfocal มากกว่าคือคนที่ถ่ายไกลๆ landscape, street แต่คนที่น่าจะสนใจ hyperfocal แต่กลับมาเล่น dof คือช่างภาพ sport DOF .. ในเรื่องของมาโคร มันเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ลองคำนวน DOF ของการใช้เลนส์ 50mm เปิด f/16 ถ่ายที่ระยะห่าง 20 ซม ดูสิครับ 20 ซม. เนี่ย .. มันเป็นมาโครแถวๆ 1:2 เองนะครับ ไม่ใช่ 1:1 ---------------------------------------------------------------- ส่วน fashion ... ต้องการหน้าชัด หลังเกือบเบลอ หลังเกือบเบลอ ไม่ใช่หลังเบลอ หน้าชัด .. ชัดตั้งแต่ปลายจมูก ถึงตีนผมด้านหลัง ไม่มากกว่านั้น ไม่น้อยกว่านั้น และการชัดนั้น ... ไม่ใช่ชัดที่หลังกล้อง หรือ ชัดที่หน้าจอแต่งภาพ แต่ระยะชัด คือ ที่ปรากฏเป็นภาพบนสิ่งตีพิมพ์ต่างๆ จะใช้เลนส์อะไร เปิดหน้ากล้องเท่าไหร่? ช่างภาพที่ชำนาญๆ ถึงไม่รู้หลักการคำนวน แต่ความชำนาญจะทำให้เลือกเลนส์และรูรับแสงได้ถูกต้อง แต่ถ้ารู้หลัีกการคำนวน .. มันสบายกว่าเดิมเยอะ ตัวอย่างเช่น จะถ่ายภาพนางแบบวัยรุ่น กลางทุ่งดอกทานตะวัน ด้วยเลนส์มุมกว้าง เพื่อให้ดูหัวโต ตัวเล็ก โชคดี ที่แสงแดดสลัวๆ พอประมาณ ไม่มีเงา ไม่ต้องใช้รีเฟลกซ์ กดมันอย่างเดียวเลย ... จะใ้ช้ f/stop เท่าไหร่ครับ? เพราะแดดกำลังดี .. f/2.8 ก็ใช้ได้, f/11 ก็ใช้ดี, f/16 ก็แทบไม่มีปัญหา จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 15:29:44

ความคิดเห็นที่ 46 ถ้ากล้องคือ canon 5D .. มันเป็น 135-film size CoC คือ 0.03mm ครับ ถ้าใช้เลนส์มุมกว้่าง 24mm นางแบบอยู่ห่างไป 2 เมตร เปิด f/2.8 .. มันจะชัดตั้งกะด้านหน้า 1.5เมตร  ถึงเกือบ 3 เมตรด้านหลังนางแบบ ... ที่เหลือไม่ค่อยชัด อ้า่ว .. เราต้องการดอกไม้ชัดๆด้วยนี่นา มันแฟชั่น คู่กับดอกไม้ไม่ใช่หรือ? ดอกทานตะวันบานทั้งทุ่ง แต่ภาพที่ออกมา บานหน่อยเดียว งั้นหรี่ไปที่ f/11 หละ? จบเห่อะดิ เพราะทุกอย่าง ตั้งแต่ข้างหน้าห่างไปเมตรนึง จนถึงตึกรามบ้านช่องที่ไกลตา ทุกอย่างชัดหมด นางแบบไม่มีจุดเด่นอะไรซักอย่างให้เห็น ถ้าไม่มีการคำนวน ก็ต้องลองไปเรื่อยๆ ถ่ายท่าละยี่สิบช็อต โดยเปลี่ยน f/stop มันเรื่อยๆ แต่ถ้าคำนวนล่วงหน้า เราจะรู้ว่า เลนส์ตัวนี้ ถ้าเปิด f/5.6 มันจะชัดตั้งแต่ 1 เมตรนิดๆ ถึง 5 เมตร และถ้าหรี่เป็น f/8 ก็จะชัด 1 เมตร จนถึง 10 เมตร .. ครึ่งทุ่งทายตะวัน กำลังดีเลย เห็นไหม? จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 15:38:47

ความคิดเห็นที่ 47 เปิด f/5.6 ภาพออกมากำลังดีเลย ชัดตั้งแต่ข้างหน้า 1.2 เมตร จนถึงเลยไป 5 เมตรข้างหลัง แต่ ... แต่ ลืมอะไรไปหรือเปล่า???? ถึง 5D นั้นเป็นกล้อง 135-film sensor ใช้ CoC ที่ 0.30 mm แต่ลูกค้า ต้องการเอาภาพนั้นไปขยายที่ 6 x 9 เมตร เพื่อเป็น billboard poster การขยาย จาก 24mm x 36mm -> 6,000 x 9,000mm มันคือการขยาย 250 เท่า จุดภาพที่มีขนาด 0.30mm บน sensor มันจะกลายเป็นจุดขนาด 0.30 x 250 หรือ 75 มม ... สามนิ้ว บนภาพโปสเตอร์ของลูกค้า จุด ... จุด  ... "จุด" ที่มีขนาด 3" ... ลูกค้ายอมรับได้ไหม? จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 15:46:46

ความคิดเห็นที่ 48 พอดีกว่าครับ ผมว่า มันไม่ใช่ถ่ายรูปเพื่อสนุกสนาน เพื่อเก็บความทรงจำแล้ว มันกลายเป็นเรื่องของวิทยาศาสตร์การถ่ายภาพเข้าไปทุกทีๆ มึน จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 15:49:37

ความคิดเห็นที่ 49 ขอบคุณน้าแมวเหมียวครับ ใช้ไม่ใช้ นั่นอีกเรื่อง รู้หรือไม่รู้ก็อีกเรื่อง แต่ผมว่า ผมรู้แล้วมันไม่เสียหายอะไรเลยครับน้า มีแต่ทำให้เราเข้าใจกล้องและการถ่ายภาพมากขึ้น ไม่ได้แค่เล่นกล้องไปวันๆครับ จากคุณ : แข้งบวม เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 19:37:09

ความคิดเห็นที่ 50 เข้ามามึนนนนน ความรู้เพียบฮะ ้น้าแมว ท่อแตก ความรู้ตามเก็บแทบไม่ทัน ขอบคุณงับ จากคุณ : Abolys เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 20:10:07

ความคิดเห็นที่ 51 โอว...ขอบคุณน้าแมวเหมียวที่สละเวลาอันมีค่ามาถ่ายทอดความรู้ ให้พวกเราได้ศึกษากัน คารวะหนึ่งจอก... จากคุณ : FolkWay เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 20:21:10

ความคิดเห็นที่ 52 น้าแมวเหมียวอย่าพึ่งจบ กำลังสนุก ผมกำลังค้นพบคำตอบที่ช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับความคมชัดของภาพที่ผมสงสัยมานาน เล่าต่อครับ อยากรู้ จากคุณ : fishincan (fishincan) เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 53 20:38:57