ความคิดเห็นที่ 1   . . ระหว่างนั้น  (มิ.ย. - ก.ค.) เราโทรหาช่างฯ หลายรอบมาก  แต่ก็รับสายบ้าง ไม่รับสายบ้างค่ะ   ไอ้ที่รับสายก็อ้างว่าไม่มีเวลา คอมส์เสียบ้าง ซ่อมเป็นเดือน ไปงานต่างจังหวัดบ้าง  ตัวเองไม่สบายบ้าง พ่อแม่ไม่สบายบ้าง ฯลฯ ค่ะ แต่ครั้งสุดท้ายที่เค้ารับโทรศัพท์ในช่วงนั้น  เค้าบอกว่าจะส่งให้ภายในกลางส.ค. นี้แน่นอน (รวมเวลาประมาณ 2.5 เดือน)   แล้วเค้าก็ให้คำสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าไม่ผิดสัญญาอีกแล้วแน่นอน จนประมาณวันที่ 18 ส.ค. ถ้าเราจำไม่ผิดนะคะ  ยังไม่เห็น CD ไฟล์ส่งมา  ก็โทรไปตามค่ะ (ครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้แล้ว) เค้าบอกว่าเนี่ยกำลังจะส่งไฟล์ให้เลย  แล้วเค้าก็ไรท์ใส่ CD ส่งมาให้ทางไปรษณีย์ค่ะ   ซึ่งอารมณ์แรกที่รู้ว่าเค้าทำให้เสร็จแล้ว  (แม้มันจะนานมากๆ)  แต่ไฟล์ภาพกำลังจะส่งมาถึงมือเราแล้ว ........ มันดีใจมากเลยค่ะ . . . แต่หลังจากนั้นประมาณ 3 วัน ....... อารมณ์ที่ได้รับ CD แล้วเปิดดูไฟล์ภาพที่เค้าส่งมานี่สิค่ะ แทบจะล้มตึง เพราะภาพแต่ละภาพ เหมือนเด็กประถมหัดถ่ายรูป+หัดแต่งรูป เลยค่ะ เบลอบ้าง  ไม่ชัดบ้าง แสงจ้าบ้างจนหลายภาพมองไม่เห็นรายละเอียดของภาพ   บางภาพก็เอียง  บางภาพสว่างตรงกลาง รอบ ๆ มึด ฯลฯ  .....  คือดูภาพแล้ว งงมากๆ ....... นี่เหรอค่ะ ผลงานช่างภาพที่เค้าบอกว่าเค้าเป็นมืออาชีพ พอจะสอบถามเค้ากลับไป  ซึ่งโทรหลายครั้งมากกว่าเค้าจะยอมรับสาย   แล้วเค้าก็แก้ตัวว่าเป็นเพราะกล้องใหม่  ..... เค้าบอกว่าตั้งใจซื้อกล้องใหม่ เลนส์ใหม่  ราคาเรือนแสนไปใช้ในงานเราเป็นงานแรกเลย แต่ปรากฎว่าเพราะเค้าไม่ชิน  ก็เลยทำให้ภาพถ่ายที่ได้ออกมาเป็นแบบนี้   (ตาม ต.ย. ข้างบน) ...... จากคุณ : @ - ENYA - @ เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 15:42:13

ความคิดเห็นที่ 2   . . ซึ่งพอถามว่าแล้วทำไมไม่บอกเราแต่แรก  ตั้งแต่ในวันงาน  (เพราะถ่ายรูปออกมาแล้ว ก็ต้องดูใช่ไหมค่ะว่าเป็นยังไง)   เขาก็เงียบ ไม่ตอบ ไม่พูดอะไรค่ะ  เราก็พูดอะไรไม่ออกเหมือนกัน   แถมภาพที่เค้าถ่ายให้เรา  มีแต่ภาพตอนรดน้ำกับตอนผูกข้อไม้ข้อมือค่ะ  ส่วนตอนพิธีสงฆ์ ถวายอาหารพระ จุดธูปเทียน พวกนี้ ....ไม่มีเลยสักภาพค่ะ มีแต่ภาพบ่าวสาว นั่งไหว้พระอยู่ 2 รูป  แล้วก็ส่วนใหญ่แทบไม่ถ่ายแขกในงานเลยค่ะ ถ่ายแต่บ่าวสาว   พ่อแม่บ่าวสาว + ญาติ ๆ ก็ไม่ค่อยได้ถ่ายค่ะ หรือถ่ายแล้วภาพเสียไปหมดแล้วก็ไม่รู้ ... เพราะสอบถามไปก็เงียบบบบ ขอภาพที่เป็นไฟล์ดิบ ก็ไม่มีให้   (ที่ไรท์ใส่ CD มามีแต่ไฟล์ที่แต่งภาพแล้ว) ตอนนั้นเนี่ย ... อารมณ์พูดไม่ออกบอกไม่ถูกเลยค่ะ  ไม่รู้จะทำยังไงดีเลย จนรอใจเย็น  รอหายเครียดแล้ว วันรุ่งขึ้นก็เรียกเค้ามาตกลงค่ะ ว่าเค้าจะชดเชยเรายังไง  ไม่งั้นเราจะไปแจ้งความ  (จริง ๆ ก็ไม่รู้มันแจ้งความได้ไหม) สรุป .......  เงินส่วนที่เหลือเค้าไม่เอาค่ะ  แล้วเค้าก็คืนเงินที่เราจ่ายให้เค้าไปมาทั้งหมด .........  แล้วก็จบกัน   (คือตอนนั้น ก็นึกไม่ออกว่าจะทำยังไงดี) . . . .......... ก็เลยอยากจะมาเตือนเพื่อน ๆ ว่า ในงานสำคัญของชีวิตเรา การเลือกช่างภาพ เป็นเรื่องสำคัญมากๆ ...... เลยนะคะ ป.ล.  (จริงๆ เราว่าเราควรเรียกค่าเสียหายจากเค้าด้วยนะคะเนี่ย งึมๆ) จากคุณ : @ - ENYA - @ เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 15:43:26

ความคิดเห็นที่ 3   เสียใจด้วยครับพี่ เข้ามาอ่านเป็นกรณีศึกษา จากคุณ : Guview เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 15:48:20

ความคิดเห็นที่ 4   แสดงว่าเรื่องแบบนี้มันก็มีมาเรื่อยๆ แต่ไม่มีใครออกมาเรียกร้อง .......  มันก็เท่านั้นเอง น่าจะสร้างมาตรฐานอะไรสักอย่างขึ้นมาได้แล้วครับ  เพื่อผู้บริโภค  และเพื่อช่างภาพเองด้วย จากคุณ : adagio เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 15:48:25

ความคิดเห็นที่ 5   คงไม่ต้องตั้งมาตรฐานอะไรหรอก แค่ขอให้ระลึกไว้ว่า ชอบถ่ายรูป มีกล้องแพง มันไม่ได้หมายความว่าจะรับงานได้ อย่าคิดว่ามีฝีมือแล้วสามารถรับงานได้เลย เพราะมันคนละเรื่องกันเลย ในสถานการณ์ที่ถ่ายแล้วต้องได้งาน มันต่างจากการถ่ายในเวลาปกติมากมาย จากคุณ : ผมแอบชอบ ค.ห.17 เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 15:59:23

ความคิดเห็นที่ 6   เคยมีข่าวที่ประเทศ อังกฤษ ลักษณะเดียวกัน เด๊ะเลยครับ ลูกค้าว่าจ้าง บริษัท สตู มาถ่ายภาพ แต่ได้ช่างภาพมือสมัครเล่น ผลงานออกมา แย่กว่านี้อีก เขาเลย ฟ้องศาล และชนะ ได้ค่า เสียหาย ไปหลายหมื่นปอนด์..... ผมว่า ตากล้องที่คิดว่าตัวเอง เก่ง ทะลึ่งไปรับงานสำคัญๆ เหตุการครั้งหนึ่งในชีวิต สมควรได้ภาพ ที่มีคุณภาพ.... กลับได้ งาน ที่สุดแสนจะ "ห่วยแตก" คุณค่าของการบันทึก อดีตความทรงจำ ไม่ว่างานรับปริญญา หรือแต่งาน มันวัดเป็นเงินไม่ได้ ... โอกาสครั้งที่สอง แทบจะไม่เกิดขึ้นอีก ช่างภาพที่ยังไม่มั่นใจ ตัวเอง ผมว่าไม่น่า ไปรับงานสำคัญๆ อย่างนั้นเลย เพราะพลาดแล้วพลาดเลย..... กระทู้นี้สมควรโหวต ให้เป็นอุทาหาณ์ทั้งช่างภาพ ที่คิดจะเป็นมืออาชีพ และ คนคิดที่จะจ้าง ช่างภาพ จะได้พิจารณา ให้ถ้วนถี่ครับ... เห็นใจ จขกท ครับ.... โชคร้ายเจอ โปรเทียม แก้ไขเมื่อ 02 มี.ค. 53 16:05:55 จากคุณ : Baboon (ลิงหน้าหมู) เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 16:03:35

ความคิดเห็นที่ 7   อ่านแล้วเห็นใจมากครับ...ช่างภาพคนนี้สุดยอดจริงๆ จากคุณ : ว นวกุล เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 16:11:06

ความคิดเห็นที่ 8   อ่านแล้วเครียดเลยค่ะ บางเหตุการณ์สำคัญที่อยากเก็บไว้เป็นความทรงจำที่ดีๆ มันเรียกกลับมาไม่ได้จริงๆ ยังไงก็ขอให้จขกท.มีชีวิตคู่ที่มีความสุขมากๆ นะคะ ^^ จากคุณ : Clear Ice เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 16:19:45

ความคิดเห็นที่ 9   ถ้าเป็นช่างภาพมื่ออาชีพจริงๆ เค้ารู้อยู่แล้วครับ ว่าวิธีที่จะไม่ทำให้ภาพเบลอมากไป หรือสว่างมากไป ทำยังไง ทำไฟล์ภาพ ให้คมชัดตั้งแต่ถ่ายเสร้จ โดยที่ไม่ต้องแต่งทำยังไง เพราะมันเกี่ยวข้องกับ สปีดชัทเตอร์ ค่า F และการวัดแสง ขอบคุณที่นำเรื่องมาแบ่งปันกันครับผม (^^) จากคุณ : Lastchristmas_โอ๋ เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 16:35:17

ความคิดเห็นที่ 10   ยุคนี้คงไม่เป็นแบบนั้นแล้วมั้งครับ ใครๆ ก็มีกล้องกัน จัดงานทีนึง แห่กันรุมถ่ายภาพ จนบังเสียบรรยากาศในงานหมด ให้เจ้าภาพเอา Notebook พร้อม Card Reader สักตัว มาดูดไฟล์ ก็ใช้ได้แล้ว ที่เหลือก็ค่อยคัดไป Post process อีกที จากคุณ : อั๋น ทรงวุฒิ เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 16:36:50

ความคิดเห็นที่ 11   เฮ้อ  เยอะนะเนี่ย น่าเห็นใจจริง ๆ จากคุณ : raksapondet เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 16:40:26

ความคิดเห็นที่ 12   เห็นใจครับ อยากรู้จังว่ามันเป็นใคร จากคุณ : my name's bond james bond เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 16:42:49

ความคิดเห็นที่ 13   จขกท.ดู ผลงานเก่าๆ  แล้วก็โอเค.... แต่ไง มาถ่ายให้  จขกท.ทำไม  ไม่โอเคหว่า..... เอาผลงานของใครมาสมอ้าง ป่าว.... ช่วงนี้ มือใหม่ๆ เยอะนะครับ     และมือเก่ามีฝีมือ  แต่ไม่มีความรับผิดชอบ... จะจ้างใครมาถ่ายรูป  งานสำคัญๆ คงต้องพิจารณาให้มากๆนะครับ จากคุณ : TOMCAT (ต้อม ตื่นตูม) เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 17:12:09

ความคิดเห็นที่ 14   ไม่มีความสามารถแต่อยากได้เงิน   โปรเทียมควรระลึกไว้ให้มั่น ว่า อยากมีตังต้องมีความสามารถ เห็นใจครับ ครั้งต่อไปก็จ้างไว้ซักคนสองคนเผื่อพลาดนะครับ จากคุณ : bluesoul เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 17:12:56

ความคิดเห็นที่ 15   เท่าที่อ่านกระทู้ทำนองนี้มาหลายอัน ผมได้ข้อคิดเพิ่มอีกอย่างนึงแล้วครับ งานสำคัญครั้งเดียวของชีวิต และเงินไม่ใช่ประเด็น จ้างช่างกล้องมาสองคนเลยครับ คงไม่ดวงซวยขนาดเจอช่างที่ฝีมือไม่ถึงพร้อมๆกันหรอก จากคุณ : Specie เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 17:16:12

ความคิดเห็นที่ 16   สำหรับคนที่กำลังมีงานสำคัญๆ หรือพิธีอะไรสำัคัญๆ ผมว่า งานสำคัญๆ อีกหน่อยเราคงต้องใช้ช่างภาพสัก 2 คนขึ้นไปนะครับ บางครั้ง เหตุฉุกเฉินหลายๆอย่าง มันก็เกิดขึ้นอย่างที่เราคาดไม่ถึง เหตุผลนั้นมีมากมาย หลายตัวแปร เผื่อไว้หน่อย น่าจะดีนะครับ จากคุณ : Renovative เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 17:20:49

ความคิดเห็นที่ 17   ระวังเรื่องจ้างช่างภาพยังไม่พอครับ หามือสอง มือสาม ที่เป็นญาติสนิท มิตรสหายไว้บ้าง อุ่นใจดีครับ สมัยนี้ ผมก็ไม่มั่นใจเลย คนที่บอกว่ารับงานถ่ายรูป ผุดเป็นดอกเห็ด สมัยก่อน ถ้าเป็นอาชีพช่างภาพ ก็คือคนที่เป็นระดับมืออาชีพจริงๆ ถึงจะทำมาหากินได้ แต่สมัยนี้ ซื้อกล้อง DSLR ได้ไม่นาน บอกว่าจะรับงานกันแล้ว โห...อะไรจะพรสวรรค์ ขนาดนั้น เราถ่ายมา เป็นสิบๆ ปี ถ้าเพื่อนไม่ให้ช่วยจริงๆ ยังไม่อยากจะรับเลย ต้องระวังหน่อยครับ สุดท้าย เสียใจด้วยครับ ที่งานสำคัญ ไม่ได้ภาพดีๆ แก้ไขเมื่อ 02 มี.ค. 53 17:49:42 จากคุณ : E22QV เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 17:43:29

ความคิดเห็นที่ 18   เพื่อนผมคนนึงเลยล่ะครับ แบบ คห 17 ว่า ซื้อกล้องมาได้ไม่นาน  ผมว่าผมถ่ายไม่เก่งแล้ว  แต่มันหนักกว่าผม ล่าสุดไปรับงานถ่ายปริญญา  แฟลชยังไม่มีเลย  ใช้เลนส์คิิตตี้  ตอนนี้เป็นอย่างไรแล้วไม่รุ จากคุณ : adagio เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 18:11:26

ความคิดเห็นที่ 19   น่าเห็นใจแทนเจ้าของกระทู้ครับ แต่ช่างมันเหอะครับ...มันผ่านไปแล้ว จากคุณ : TookTong เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 18:12:44

ความคิดเห็นที่ 20   เฮ้อออออ  เจอแบบนี้แย่เลย T___T จขกท.อย่าคิดมากนะคะ  ผ่านไปแล้วอาจจะแก้ไขไม่ได้แล้วค่ะ  และเสียใจด้วยจริงๆค่ะ จากคุณ : ชาหวาน_กะ_โซดาเย็น เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 18:38:13

ความคิดเห็นที่ 21   ถ่ายมาตั้งนานยังไม่กล้ารับงานเลย ช่างกล้าเนอะ 555 ถ่ายรูปเล่น ๆ กันทั่วไป มันบอกให้เอาใหม่ ถ่ายใหม่ได้ แต่ งานพิธี แบบนี้จะไปบอกไงเนี่ย ถ่ายเสีย ขอใหม่อีกทีเหรอ 555 กระทู้นี้ เห็นใจ เจ้าของกระทู้ครับ แต่ก็ไม่รู้จะว่าไง ลองหาเพื่อน ๆ ที่มาถ่ายในงานดูมั้ยครับ อาจจะได้ภาพอื่น ๆ อีก ปล อยากบอกช่างภาพ มือ 2, 3, 4, 5, 6..... เหมือนกัน ว่า ถ้าอยากเข้าไปถ่าย กรุณาดูช่างภาพหลักหน่อยนะครับ ไม่งั้น ภาพช่างภาพหลักอาจจะติดหัว ติดหลังคุณเข้าไปได้ เจอบ่อยมา เพราะผมเคยไปช่วยพี่ ๆ เขาถ่ายหรือคุยกะช่างภาพหลักเหมือน เขาก็บ่นบอก พวกที่เจ้าของงานให้มาช่วยถ่าย ชอบบังมุม คือเข้าไปถ่ายแบบไม่ได้ดูว่า กล้องเขาเตรียมถ่ายอยู่ อยู่ ๆ ก็เดินเข้าไปเลย 555 อันนี้คงโทษช่างภาพไม่ได้นะครับ จากคุณ : BlueWind (มากับสายลม) เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 18:41:13

ความคิดเห็นที่ 22   ห้าปีที่แล้ว ขอให้เพื่อนมาถ่ายภาพงานแต่งงานให้เหมือนกัน เพราะเชื่อมั่นว่ามัน "เทพ" เห็นมันมีกล้องตัวบะเล่ง มีแฟลช มีเลนส์เปลี่ยนได้ เลยเชื่อปักใจว่ามัน "เซียน" โดย ออกที่พักให้ พาเลี้ยงเหล้าก่อนวันแต่งงาน ที่ไหนได้ มันแดรกเหล้าถึงเช้า โอเค ไม่ว่ากัน เพราะมืออาชีพ เรื่องบันเทิงส่วนบันเทิง งานส่วนงาน ตกเช้ามา มีพิธีหกโมงเช้า ปรากฎว่ามัน ตื่นสาย มันมาถึงงานพิธีเกือบจะเลิกแล้ว "แหล่ม" สมัยนั้นยังเป็นกล้องฟิล์ม ต้องมาลุ้นตอนที่เอาฟิล์มและรูปมาส่ง แต่เพราะความเชื่อมั่นส่วนตัวเป็นพิเศษกับความสามารถของมัน เลยไม่ได้ิคิดมากเท่าไหร่ ว่าจะได้ภาพออกมาไม่ได้อย่างหวัง ตกเย็น เห็นมันงุ่นง่านอยู่กับกล้องของมัน "กล้องเมิงเป็นอะไรวะ" มันบอกกล้องพัง (พังกับอะไรไม่รู้) มันจะมาพังอะไรตอนนี้วะเนี่ย เห็นมันเอาหนังยางมัดๆไว้ที่ตัวกล้อง แล้วถ่ายรูป แขกเหรื่อผ่านไปผ่านมา ได้ภาพบ้างไม่ได้ภาพบ้าง เพราะมันมัวแต่ซ่อมกล้อง ยังโชคดีที่เพื่อนคนอื่นเอากล้องมาด้วย เลยมีรูปถ่ายกะเค้ามั่ง ัยังไม่พอ มันยังบ่นอีกเซ็งกล้องพัง เอ๊ะเพราะมางานกรูไหมนี่กล้องเมิงถึงพัง.. จบงานผ่านไปเกือบๆสัปดาห์ ได้รับรูปที่มันถ่ายมาให้พร้อมฟิล์ม ถ่ายไปสามสี่ม้วน มีภาพที่อัดได้ประมาณครึ่งนึง ส่วนภาพที่ดีน่าจดจำ หาไม่ได้เลยซักกะภาพ จนต้องได้เก็บภาพไว้ในสมองกันเองสองคนกับภรรยา จำได้วันนั้นที่ไปรับรูป จ่ายเงินมันไปอีก 5000  กับคำว่า "ขอโทษ" ซักคำมันยังไม่มี ภาพที่ได้มา มันไม่ต่างอะไรกับกล้องคอมแพคเลยซักนิด ได้ที่ถ่ายทีเผลอ ถ่ายตอนหัวเราะ ตอนแขกยิ้ม มีแสงลอดผ่านมาจากด้านหลัง ถ่ายย้อนแสง เล่นกับสปอร์ตไลท์ .... ซักอย่าง...  รู้งี้เอาตังไปซื้อกล้อง ปัญญาอ่อน + ฟิล์ม แล้วขอคนรู้จักถ่ายรูปให้จะดีกว่า เพราะความเชื่อมันว่ามัน "เทพ" นี่แหละ หลังจากนั้นมา เริ่มบ้ากล้อง ซื้ออุปกรณ์โน่น นั่น นี่ จนทำให้เข้าใจถ่องแท้ว่า คนมีกล้องตัวใหญ่ๆ เลนส์เยอะๆ ยี่ห้อดังๆ เลนส์ขาวอวบ ตัดแดง ขอบทอง มันไม่ได้จะถ่ายรูปออกมาได้ดีเสมอไป เพราะตัวผมเองยังถ่ายไม่ได้เรื่องเลย ฮ่าๆๆ (แต่ผมก็คิดว่า ผมถ่ายได้ดีกว่ามันแน่ๆ) เรื่องจบไปกับความทรงจำในวันแต่งงานที่เศร้าๆ ที่หวังว่าจะได้ภาพแต่งงานที่ดีที่สุด เอาไว้ดูกับเมียตอนแก่ตอนเฒ่า ครั้นจะหวังได้แต่งงานอีกรอบแล้วหาคนถ่ายรูปสวยๆ ชาตินี้คงไม่มีสิทธิ์แล้ว งานสำัคัญแบบนี้มันมีแค่ไม่กี่ครั้งในชีวิต ความประมาทเลินเล่อของตัวเอง การตัดสินใจผิดพลาดแค่ครั้งเดียว สิ่งที่ได้กลับมามันไม่คุ้มกันจริงๆ ครั้นเอาให้ลูกหลานดู ว่า นี่นะ รูปถ่ายตอนแต่งงาน สวยไหม เพื่อนปู่เป็นคนถ่ายรูปให้เอง เขาเก่งมาก และภูมิใจมากด้วยที่ได้เขามาถ่ายรูปให้ .............. ฝันสลาย .............. แก้ไขเมื่อ 02 มี.ค. 53 19:22:40 จากคุณ : tauhoo เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 19:10:31

ความคิดเห็นที่ 23   อ่านแล้วเห็นใจ จขกท. รวมไปถึงคนที่ต้องเจอวิบากกรรมกับช่างภาพที่ทำงานด้วยปากมากกว่าใช้ฝีมือ นอกจากนี้ จรรยาบรรณก็น้อยลงไปเรื่อยๆ ทำให้คนที่เค้าทำอาชีพนี้ ทำตัวดีๆพลอยโดนมองระแวงหน้า ระวังหลังไปด้วย เข้าทำนองปลาเน่าตัวเดียว ยุคนี้ ผมว่าภาพตัวอย่างบางทีดูไม่ได้เสียทีเดียว ต้องถามเพื่อน คนรู้จักที่เคยใช้งานช่างภาพคนนั้นคนนี้แนะนำมาจะเชื่อถือได้มากกว่า ต้องยอมรับด้วยว่ายุคนี้ อุปกรณ์ของช่างภาพแต่ละคนเรียกได้ว่าตามกันทัน มีของดี อุปกรณ์ระดับสูงมากขึ้น แต่ฝีมือกับความรับผิดชอบต่ออาชีพกลับน้อยลง ผมก็เชื่อเหมือนกับอีกหลายๆคนครับว่า ยังมีประเภทนี้อยู่อีกเยอะมาก ถ้าฝีมือยังไม่นิ่ง ยังไม่อยู่ในระดับที่รับงานได้ อย่ารับงาน เอาช่วงเวลาดีๆของคนที่ไว้ใจให้ไปถ่ายภาพมาทำลายเสียๆหายๆไปเลยดีกว่าครับ ถ้าเป็นงานของคุณเอง คุณจะรู้สึกอย่างไร มันย้อนเวลากลับไปไม่ได้แล้ว ถ้าไม่ชัวร์ อย่ามั่วนิ่มครับ จากคุณ : ปะการังสีเพลิง เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 19:22:22

ความคิดเห็นที่ 24   . . จริงๆ หลังจากได้รับรูปมาแล้ว  ก็อดนึกไม่ได้่ว่าภาพที่เค้าเอามาให้เราดูนั้น ใช้ภาพที่เป็นผลงานของเค้าจริงๆ หรือเปล่า จะสอบถามไปทางญาติที่แนะนำมา ญาติก็บอกว่าเพื่อนแนะนำมาอีกที  (แต่ไม่ได้บอกเราตั้งแต่ต้น เพราะเห็นว่าไม่ใช่สาระสำคัญ) ซึ่งเพื่อนที่แนะนำมาอีกที ก็บอกแต่ว่า เห็นช่างภาพเค้าพูดเรื่อยๆ ว่าวันนั้นต้องไปรับงานถ่ายที่โน่น ไปรับงานถ่ายที่นี่ ก็เลยคิดว่าน่าจะผลงานดีมาก เลยมีคนจ้างเยอะ ประมาณนั้น .. ก็เลยแนะนำมาให้เราด้วยเจตนาดีอ่ะค่ะ ตอนนั้นเนี่ยที่จ้างช่างภาพเป็นหลักแค่คนเดียว เพราะไม่เคยคิดว่าจะเกิดกรณีแบบนี้น่ะค่ะ  แล้วก็เชื่อใจช่างภาพมากๆ ดีว่ายังมีเพื่อนที่มางานเอากล้องถ่ายรูปมาด้วย  ก็ยังพอทำใจได้ค่ะ ว่าอย่างน้อยถึงไม่มีภาพสวย  ... แต่ก็ยังดีที่มีภาพอ่ะค่ะ จากคุณ : @ - ENYA - @ เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 19:55:50

ความคิดเห็นที่ 25   ผมถ่ายเล่นๆ ครับ.... เล่นกล้องมา เกือบ 2 ปี ฝีมือก็ งั้นๆ ไม่ไปถึงไหน .... แต่ผมไม่ได้คิดจะเป็นช่างภาพอาชีพ.... เพื่อนสิท หลายคน คิดว่า เรา โปร.... เคยขอร้องผม ไปเป็นช่างภาพให้.... ผมถามกลับ มรึง แน่ใจหรือจะพึ่ง กรู มรึงยอมเสียเงิน จ้างมืออาชีพดีกว่า มั๊ง..... งานแต่ง งานบวช ใครขอผมมา ไม่เคยรับปาก เพราะเรารู้ ตัวดี ว่า ฝีมือไม่ถึงขั้น จะรับงาน ใครๆ.... ส่วนงานแต่ง งานบวช งานรับปริญญา ถ้ามี โอกาส ผมก็ จะ เสือ... ถ่ายเอง.... โดยเจ้าของงาน ไม่ได้ ขอร้องสักนิด.... ทั้งนี้ทั้งนั้น เราไม่ได้ ก้าวก่าย ช่างภาพหลัก ที่ เจ้าภาพ จ้างมา เราถ่ายของเรา สนุกๆ ถ้าเจ้าของงาน ขอภาพที่ผมถ่ายมา ผมยินดี อัดลง ซีดี ให้ ฟรีๆ ด้วยความเต็มใจ มันต้องมีซักรูป แหละ ที่ โดน.... ปล. ขอประทานอภัย เจ้าบ่าว เจ้าสาวในรูป ด้วยครับ ไม่มีเจตนา ในทางเสื่อมเสีย ใดๆ ทั้งสิ้น... วันนั้น ผมเป็นช่างภาพจำเป็น ถ่ายภาพ เพื่อฝึกฝีมือ... ถ้าคู่บ่าวสาว คู่นี้เข้ามาอ่านเจอ ต้องการภาพที่ผมถ่าย ในวันนั้น ผมยินดี อัไฟล์ ให้ฟรี ครับ จากคุณ : ลิงหน้าหมู เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 19:59:01

ความคิดเห็นที่ 26   คิดแล้วยังเซ็งสมัยแต่งงานชะมัด  นัดช่างถ่ายซะดิบดี ดันมาบอกว่างานยุ่ง มาไม่ได้ในวันงานกระทันหัน เลยจัดการให้น้องสาวถ่ายด้วยกล้องคอมแพ็ค 3 ล้านพิกเซล ยังถือว่ารอดตายที่ยังมีรูปติดมาบ้าง ผ่านมาแล้วหลายปี  จนบัดนี้ยังเซ็งช่างถ่ายรูปคนนั้นไม่หาย 5555 จากคุณ : เส้นเล็กน้ำ เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 20:00:07

ความคิดเห็นที่ 27   จกท รีทัชสวยกว่า ช่างอีกนะครับนี่ จากคุณ : Nanlanla เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 20:03:59

ความคิดเห็นที่ 28   คห # 22 เรื่องจบไปกับความทรงจำในวันแต่งงานที่เศร้าๆ ที่หวังว่าจะได้ภาพแต่งงานที่ดีที่สุด เอาไว้ดูกับเมียตอนแก่ตอนเฒ่า =========================================== จริงๆ ต้องบอกว่า ... เอาไว้ดู สองตายาย เพื่อรำลึก วันที่สำคัญ ในชีวิต นะยาย จากคุณ : ลิงหน้าหมู เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 20:06:14

ความคิดเห็นที่ 29   นี่แหล่ะ ที่ไม่กล้ารับงานที่ต้องเสียเงินจ้างจากคนที่ไม่รู้จักกัน กลัวค่ะ กลัวความคาดหวัง กลัวเรื่องไม่คาดคิด กลัวมือตัวเอง กลัวอุปกรณ์ ตอนนี้เลยรับแต่งานของคนรู้จัก รับฟรีบ้าง จ่ายค่ารถ ค่าอาหารให้บ้าง สบายใจกว่าเยอะเลยค่ะ จากคุณ : joynuka เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 20:09:27

ความคิดเห็นที่ 30   ช่วงนี้กระทู้กระทู้แนวนี้มาแรง คนจ้างเองก็ควรหาข้อมูลให้มากกว่านี้ครับ บางทีรูปที่ลงมัลติพลายดูสวยๆ คิดไหมว่านั่นคือกี่เปอร์เซนต์ของรูปที่ถ่าย ถ้ากระทันหันอย่าง จขกท. ก็น่าเห็นใจ ช่างภาพเองก็น่าจะรูความพร้อมของตัวเองดีนะครับ ว่าตัวเองทำได้แค่ไหน ปัญหาเรื่องถ่ายภาพสวยไม่สวย มุมดีไม่ดี ไม่กล้าคอมมเม้นท์ใคร แต่รับงานแล้วดองงานนี้ ความเป็นมืออาชีพไปไหนหมด พูดไปตามประสาคนอยากถ่ายรูปให้สวย  ไม่ใช่ช่างภาพรับงานครับ จากคุณ : AprilSnow เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 20:15:45

ความคิดเห็นที่ 31   เข้ามาชมค่ะ น่าเสียดายนะคะ แต่คิดในแง่บวก ยังดีกว่าไม่มีภาพเนอะ ^ ^ จากคุณ : ยัยนู๋แก้มป่อง เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 20:40:53

ความคิดเห็นที่ 32   . . จริง ๆ ประเด็นเรื่องมุมกล้องนี่ไม่เท่าไหร่ค่ะ  เพราะแล้วแต่คนก็แล้วแต่มุมมองจริงๆ แต่เรื่องว่าภาพไม่ชัด เบลอ ภาพเหมือนสั่นๆ แสงจ้าจนมองไม่เห็นแม้แต่รายละเอียดของเสื้อผ้า ถ่าย 5 ชม. มีภาพที่คัดมาให้เราแล้วไม่ถึง 50 ภาพ   รวมถึงส่งไฟล์งานทั้งดิบ และสุกล่าช้า รวมถึงเลื่อนนัดตลอดเวลา  อันนี้สำคัญกว่าค่ะ ยังไง ... ไม่ว่าจะทำงานอาชีพไหน ควรตรงต่อเวลา และรักษาคำพูด เป็นดีที่สุดค่ะ แต่ก็นั่นแหละค่ะ เรื่องจบไปแล้ว .... เราเองก็ไม่เคยได้คุยกับช่างคนนั้นอีกเลยค่ะ ข่าวคราวของเค้าก็ไม่เคยได้ยินอีกเลยค่ะ เพียงแต่อยากเอามาเล่าให้ฟัง ว่าเวลาเลือกช่างภาพ  ควรพิจารณาดี ๆ และฟัง FB รอบข้างเยอะๆ นะคะ จากคุณ : @ - ENYA - @ เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 20:58:48

ความคิดเห็นที่ 33   ช่างภาพเตรียมตัวให้ดีก่อนถ่าย .. เืมื่อวันที่ 21 ผมไปช่วยถ่ายงานเพื่อน ( หลงมาแต่งตอนนี้ไม่ไปก็กระไรแล้ว ) ไปเป็นดาบ 2 คราับ มีเพื่อนอีกคนไปช่วยเป็นกล้องหลัก จริงๆเจ้าบ่าวก็ไม่ได้คาดหวังอะไรกับตากล้องทั้ง 2 หรอกครับ .. แต่ ที่มาบอกคือ มันมีเรื่อง . น่าตกใจถ้าเป็นงานจริงๆ รับตังจริงๆ คือ ถ่ายไปได้ครึ่งงาน  ยังไม่ทันขึ้นเวทีเลย เจ้า CF ของเพื่อนผม มันก็ แฮงค์ ค้างซักงั้น   รอ ตั้งนานก็ไม่หาย ต้องปิดแล้วเปิดกล้องใหม่ ... แต่ ..  รูปหายไปแล้วคราับ หายไปหมดเลย ...  ผมรีบเก็บCF ตัวนั้น แล้ว เอาสำรองของผมให้เพื่อนไปถ่ายต่อ  .. เพราะ ..  มันไม่มีสำรอง ... โอ้ ... ไม่มีสำรอง เพราะคิดว่า 4G พอแล้ว .. การ์ดก็เพิ่งซื้อใหม่เอี่ยม ใช้งานนี้เป็นงานที่ 2 ครับ .. ยังดีที่ กู้ไฟล์ได้ง่ายๆ .. ( เปิดดูในคอม โฟลเดอร์ หายไปทั้งโฟลเดอร์เลย ไม่ใช่แค่ไฟล์ ) ถ้างานนี้เป็นช่างรับตัง ....  คงจ๋อย ทั้งช่างทั้งเจ้าของงาน (แต่มันส์ผู้ร่วมแจม  ฮี่ๆๆๆ )  อีก ครับมาเตือนครับ ..  ..  ช่างที่ดี ต้องเตรียมรับกับสิ่งที่ไม่ได้คาดคิด กล้องสำรองต้องมี  แบตฯสำรองต้องพร้อม การ์ดต้องมากกว่า 1 ปล. วันนั้นลูกสาวผม 5ขวบ9เดือน  ใช้ HX1  เดินถ่ายคู่กับผม ... เอ่อ .....  รูปออกมา (ถ้าชัด) มันสวยกว่าทีผมถ่ายอีก ...  :( จากคุณ : ทุ่มเท เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 21:04:04

ความคิดเห็นที่ 34   ถือว่าเป็นโชคร้ายของ จขกท.ครับ ที่ช่างภาพที่ว่าจ้างกันไว้ ไม่ได้มาตามนัด ชีวิตจริงนั้นเกิดขึ้นได้ครับ แม้ว่าโอกาสจะน้อย  แต่คนเราอะไรไม่แน่นอนครับ ช่างภาพก็เป็นคน ดังนั้น เจ็บป่วยเข้า รพ.ได้ หากเป็นอุบัติเหตุจริงๆ  ซึ่งตรงนี้บอกได้เลย ว่าถือเป็นความซวย แต่ในวงการช่างภาพ Wedding ของเมืองไทยแล้วนั้น ถือว่า เป็น Community กันพอสมควร ยกเว้นช่างภาพคนนั้นจะไม่มีเพื่อน อันนี้เป็นความโชคร้าย ขั้นที่สองของคุณที่ ช่างภาพคนแรก ไม่สามารถหาเพื่อนมาแทนได้  ถามว่า เอาเพื่อนมาถ่ายแล้วจะมีประโยชน์อันใด ในเมื่อไม่ใช่ช่างภาพที่เราต้องการ   ตอบได้ว่า อย่างน้อย ช่างภาพที่รู้จักกัน ก็พอจะรู้บ้างว่า จุดเด่นของช่างภาพคนนี้คืออะไร เน้นถ่ายอะไรมาก ซึ่งก็น่าจะเป็นจุดหนึุ่งที่ลูกค้าเลือก ก็ยังพอจะสามารถมุ่งเน้่นไปในสิ่งที่ลูกค้าชอบได้อยู่บ้าง ความโชคร้ายต่อมาคือ การได้ช่างภาพถ่ายงานแต่งงาน (ซึ่งน่าจะเป็นงานที่สำคัญที่สุดในชีวิตโดยเฉพาะของคุณผู้หญิงแล้วล่ะครับ)  คุณได้ช่างภาพ 1 วันก่อนงานนี่ ถือว่าเป็นความโชคร้ายบนความโชคดี เพราะ หาช่างภาพได้ก็ถือว่าดีแล้วครับ  อย่างน้อย มีภาพของเราในวันนั้นนี่ถือว่ายังเป็นความโชคดี ส่วนเรื่องของงานที่ออกมาไม่ดีนั้น เท่าที่ผมมองจากรูป คงเป็นเรื่องของมุมมองแล้วครับ ถ้า รูปมันออกมาเป็นแบบนั้น แนวนั้นทั้งหมด ก็ถือว่าไม่ผ่านครับ   แล้วถ้ามันแย่กว่า ใน portfolio มากๆ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าเสียใจครับ นี่แหล่ะครับ คำว่าชื่อเสียง ถึุงเป็นสิ่งที่สำคัญ มาตรฐานงาน ถือเป็นสิ่งที่สำคัญ  การคุมจิตใจ ในการถ่ายภาพให้ถ่ายออกมาได้มาตรฐาน ถือว่าเป็นเรื่องยาก สำหรับช่างภาพ  และช่างภาพ wedding ที่ราคาสูง  ที่รับงานคิวละ สองหมื่น สามหมื่น  คำว่า "มาตรฐาน" และ "ชื่อเสียงที่สั่งสม"  นั่นแหล่ะ เป็นคำตอบว่าทำไม ช่างภาพดีๆ มันถึงราคาแพง  ถามว่า ผมเขียนมานี่ เกี่ยวอะไรกับ กระทู้นี้   ขอบอกว่า   ประเด็นหลักของกระทู้่นี้คือ  1. ช่างภาพส่งงานช้ากว่าที่กำหนด  2. รูปออกมาแย่กว่าที่คิด ประเด็นแรกอันนั้นผิดเต็มๆ สำหรับช่างภาพ ( ดังนั้นช่างภาพ หากจะรับงาน ถ้าคิดว่า ทำงานไม่ทันส่ง ก็บอกก่อนถ่ายงานไปเลย ว่า 25 วัน 30 วัน ก็ว่าไป)  สำหรับผมเอง ถ่าย Wedding มาตั้งแต่เรียนจบ  ผมก็เขียนลงไปในเวบไซต์เลยว่า 25-30 วัน ถึงจะส่งงาน    ในประเด็นนี้ขอไม่พูดต่อ เดี๋ยวจะมีคนมาบอกว่า นานเกินไป ใช้ไม่ได้ ช่างภาพส่งงานช้า ....  ผมมองว่า ถ้าลูกค้ารับกับเงื่อนไขไม่ได้ ก็จะไม่จ้างเราเองครับ  เพราะ เราทำสีสันของภาพให้อย่างดี 2. รูปออกมาแย่กว่าที่คิด   จุดนี้คงต้องพูดกันยาวครับ  ถ้าช่างภาพเอางานของคนอื่นมาเสนอเรา อันนี้น่าช้ำชอกใจยิ่งนัก หากช่างภาพถ่ายแย่กว่าที่เห็นผลงาน ก็ต้องดูสาเหตุ ถ้าสาเหตุมาจาก ตัวช่างภาพเอง อันนี้คงต้องคุยกันจริงๆจังๆ ว่า มาจากสาเหตุใด ผมเชื่อว่า ถ้าช่างภาพมีจรรยาบรรณพอ เค้าจะแสดงความรับผิดชอบเอง  แต่บางครั้ง ลูกค้า ผู้ว่าจ้าง ต้องดูเช่นกันนะครับ ว่าปัจจัยแวดล้อมมีผลกับช่างภาพไหม ต่อไปนี้ คือ ตย. ที่อยากจะเล่าให้ฟังนะครับ ไม่เกี่ยวกับ จขกท. ใดๆทั้งสิ้นนะครับ ผมเคยเห็นงานของเพื่อนช่างภาพ ที่โดนต่อว่า จากลูกค้าท่านนึงเหมือนกัน ว่าถ่ายออกมาไม่เหมือนในเวบเลย  แสงไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย  ปรากฎว่า   ก็ พอร์ตงานที่ลูกค้าดู เป็นงานแต่งงานที่เลิศหรูอลังการ มีไลท์ิติ้งทั้งงาน ใช้ช่างภาพ สามคน เก็บทุกมุม แต่งานที่โดนว่านั้น เป็นพิธีเล็กๆ ไม่มีแสงสี ญาติๆไม่ชอบถ่ายรูป และ ใช้ช่างภาพคนเดียว ถ่ายภาพได้แตุ่มุมพิธีการตรงๆ แคนดิดไม่ค่อยได้  สุดท้ายช่างภาพโดนด่า  พอผมได้มาดูรูปแล้ว ผมกลับชื่นชมว่า เออ ถ่ายคนเดียว ถ่ายได้ ขนาดนี้นี่ถือว่าดีมากๆ แล้ว     บางครั้ง หลายๆ เรื่อง ต้องทำความเข้าใจมากหน่อยครับ  ลูกค้าบางทีก็ไม่เข้าใจในส่วนของการถ่ายภาพ  ช่างภาพนี่แหล่ะ จะต้องเป็นคนคอยบอกว่า อะไรคืออะไร ทำไมต้องใช้ช่างภาพสองคน  ถ้าใช้คนเดียวภาพจะเป็นยังไง ทำความเข้าใจกับสไตล์การถ่ายภาพของช่างภาพด้วย  ช่างภาพบางคน ถ่ายภาพ บ่าวสาวเยอะ ถ่ายแขกน้อย  นั่นอาจจะเป็นสไตล์ของเค้า (ซึ่งจริงๆมันก็ไม่ควรนัก) แต่ งานถ่ายภาพ มันคือศิลปะ มันคือสไตล์ ตัวผมเองสไำตล์งานก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ  บางงานปัจจัยมันแตกต่างกัน โรงแรมเดียวกัน ถ่ายภาพก็ออกมาต่างกัน   บางวันลูกเล่นไม่เหมือนกัน แต่ก็ต้องพยามทำให้เข้ามาตรฐานของเราที่สุด เท่านั้นเองครับ  ต้องทำให้ดีที่สุด  ปีที่ผ่านมา ผมถ่ายงานไปน่าจะเป็นร้อยคิว  บางงานก็ถ่ายไม่ดี บางงานก็ถ่ายดีมาก ซึ่งบางทีก็หาคำตอบไม่ได้  แต่การแสดงออกว่าเราทำงานอย่างเต็มที่แล้ว นั่นแหล่ะครับสำคัญที่สุด ว่าเราได้ทำเต็มที่แล้ว ส่วนตอนก่อนจองคิว อะไรที่อาจจะเป็นข้อสงสัย ต้องตอบข้อซักถามของลูกค้าตั้งแต่แรก "อย่าลืมว่า เรา:ช่างภาพ ถ่ายงานแทบทุกวัน  แต่ บ่าวสาว แต่งงานวันนั้น ครั้งแรกนะครับ  และครั้งเดียวด้วย "  ดังนั้น อะไร ๆ ที่เรามองว่าธรรมดา ไม่ใช่เรื่องธรรมดาของบ่าวสาวแน่ๆ สุดท้ายแล้วนั้น อยากจะแนะำนำ บ่าวสาว ที่กำลังจะแต่งงานว่า การหาช่างภาพนั้น คือการเลือก ผู้ที่จะบันทึุกเรื่องราวของวันสำคัญที่สุดในชีวิต ดังนั้น พยามละเมียดละไมในการหา หาตั้งแต่รู้ว่า แต่งงานที่โรงแรมไหนเลยจะดีครับ  แล้ว พยามดู port ช่างภาพ ที่เคยถ่ายโรงแรมที่เราแต่งครับ  แต่ละคนถนัดไม่เหมือนกันครับ นัดคุยงานกับช่างภาพ  ดู feedback ของคนอื่นๆ อาจจะเป็นเพื่อนๆ ของเราที่เคยใช้บริการ หรือ ตามเวบไซต์ที่คนกำลังจะแต่งงานเข้าไปดูกัน ผมบอกได้เลยว่า ทุกวันนี้ ช่างภาพ Wedding เยอะมากจริงๆ เยอะพอที่ลูกค้าจะไม่ต้องง้อเลย  แต่ ช่างภาำพก็ไม่ได้ดีทั้งหมด   ช่างภาพใหม่ๆ ที่เข้ามาก็อาจจะอยากจะมาลองฝีมือ ลองตลาดก็มีบ้างเช่นกัน ดังนั้นช่างภาพที่อยู่มาสักพัก หรือ มีประวัติน้ำดี นั่นแหล่ะที่ทำให้ลูกค้าเชื่อใจได้  แต่ราคาก็จะแพงขึ้นตามความเก๋า ช่างภาพเวดดิ้งในไทย ราคาสูงๆ วันละเป็นแสนก็มี ถ่ายงาน 2-5 คน มากันเป็นทีม บางคนก็เป็นหมื่นๆ ส่วนตัวผม คงเป็นช่างภาพราคากลางๆ (หรือเปล่าก็ไม่รู้)  คิวนึง ก็หมื่นกลางๆ ช่างภาพสองคน ผมแทบจะไม่ถ่ายภาพคนเดียวแล้ว เพราะว่า หากพลาดขึ้นมาแย่แน่ๆ อีกอย่าง ช่างภาพสองคน ได้ภาพสองมุม สวยกว่ากันเยอะ........ ซึ่งจุดนี้ เป็นจุดที่อยากจะแนะนำ บ่าวสาวทุกคนว่า ช่างภาพสองคน คุณจ่ายเงินเพิ่มขึ้นมาอีก ไม่ถึงครึ่ง  ซึ่งจำนวนเงินมันก็ระดับนึง  แต่มันได้ภาพดีกว่ากันเยอะ ไม่ต้องมาปวดหัวว่า จะมีภาพมุมเดียว หรือช่างภาพกล้องจะพัีงมั้ยหรือเปล่าด้วย " คุณเสียค่าดอกไม้ ค่าอาหาร ค่าจิปาถะ เป็นเรือนแสน  อย่ากังวลที่จะเจียดเงินเพื่อเสียค่าช่างภาพดีๆสักสองคน เพื่อเก็บภาพวันสำคัญให้อยู่กับคุณตลอดไป อดีตมันเรียกกลับมาไม่ได้ แต่คุณดูได้จากรูปภาพ  ค่าช่างภาพที่เพิ่มขึ้น นั่นก็คือซองของแขกในงานที่นำมาให้คุณไม่กี่สิบคนหรอกครับ" ( ผมต้อง เขียนวงเล็บเยอะมาก เพราะกลัวช่องโหว่ แล้วโดนแขวะ   จริงอยู่ว่า งบประมาณของแต่ละคู่มันไม่เท่ากัน ซองสิบคนก็เงินตั้งเยอะ  อันนี้ ก็แล้วแต่ความสามารถของแต่ละคนครับ ผมเปรียบเทียบให้ฟัง) เอาเป็นว่า ผมขอจบกระทู้นี้แล้วกันครับ  ในฐานะ ช่างภาพ Wedding หากมีใครอยากให้ผมให้คำแนะนำ ผมยินดีจะตอบให้ครับ จากคุณ : GrooveRaiders เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 21:42:25

ความคิดเห็นที่ 35   ลองได้เป็นช่างภาพ  และรับตังค์จากงานถ่ายแล้ว...ฝีมือต้องดีจริงๆ....ถ่ายภาพแล้วต้องดีเสียเป็นส่วนใหญ่....มันไม่ใช่ข้ออ้างครับว่า เพิ่งได้กล้องหรือได้เลนส์มาใหม่...อันนี้ถ้าไม่แน่ใจในตัวเองอย่ารับงาน.........จะดีกว่า จากคุณ : เปี๊ยก เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 21:51:47

ความคิดเห็นที่ 36   กระทู้นี้ก็ได้แต่เห็นใจเจ้าของกระทู้จริงๆครับ  เป็นอุทาธรณ์สอนใจตากล้องเลยกระทู้นี้ว่า อย่าริเอาอุปกรณ์ที่ตัวเองไม่คุ้นเคยมาถ่ายงานเด็ดขาด  ตากล้องคนนี้คิดผิดตั้งแต่ก่อนเริ่มงานแล้วครับ  ต่อให้เป็นกล้องใหม่ชั้นดีหากเราไม่มีความคุ้นเคยโอกาสผิดพลาดมีสูงเลยครับ  เรื่องนี้ขอเตือนเอาไว้เลยว่าอย่าทำ............ จากคุณ : ตากล้องหนุ่ม เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 21:53:25

ความคิดเห็นที่ 37   ขอตอบคุณ GrooveRaiders ค่ะ ... และขอบคุณสำหรับความคิดเห็นมากเลยค่ะ ภาพที่เราได้มา แนวเดียวกับที่เอามาโชว์ทั้งหมดเลยน่ะค่ะ   ส่วนภาพที่เราได้  ถ้าเทียบกับภาพที่เค้าเอามาให้เราดู  ก็ประมาณว่าหน้ามือกับหลังเท้าเลยค่ะ   ถ้าตามประเด็นที่ 2 ..... เราไม่ได้หวังค่ะ ว่าภาพจะออกมาสวยหรู เลิศ   แต่ว่าอย่างน้อย ภาพไม่สั่น ไม่เบลอ และออกมาใกล้เคียงกับพอร์ตที่เค้าเอามาให้เราดู เราก็โอเคแล้วล่ะค่ะ แต่ขอบคุณสำหรับคำแนะนำมากเลยนะคะ ... คุณสามีแอบถามว่า ถ้ามีลูก และลูกโตสัก 1 ขวบ จะจัดงานแต่งซ่อมดีไหม จากคุณ : @ - ENYA - @ เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 21:57:39

ความคิดเห็นที่ 38   อย่างนั้น ถือว่าโชคไม่ดีจริงๆครับ คุณ ENYA ขอให้คิดเสียว่า เก็บความประทับใจนั้นไว้่ในความทรงจำนะครับ   ภาพที่มีอยู่ก็หยิบขึ้นมาดูให้เราหวนนึกถึงวันนั้น และความรัก และลูกน้อยยยยยยยน่ารักที่กำลังโตนะครับ ผมเคยได้ยินเคสนึง ช่างภาพ ทำงานลูกค้าหายไปหมดเลย 7 งานรวด เหลือแต่วิดิโอ ไม่มีภาพนิ่งเลย  อันนั้นน่าเศร้ามาก ต้องเก็บไว้ในความทรงจำตลอดไปจริงๆ ขอบคุณสำหรับ ประสบการณ์ที่จะเป็นอุทธาหรณ์ให้แก่ทุกคนครับ จากคุณ : GrooveRaiders เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 22:06:30

ความคิดเห็นที่ 39   ^ ^ (ความคิดเห็นที่ 37) ดีครับ แก้ไขเมื่อ 02 มี.ค. 53 22:10:11 จากคุณ : pinhead เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 22:09:39

ความคิดเห็นที่ 40   เห็นด้วย ที่จะจัดงานแต่ง ซ่อมอีกรอบ.... แต่ความรุ้สึก คงไม่เหมือนเดิม จากคุณ : ลิงหน้าหมู เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 22:31:42

ความคิดเห็นที่ 41   แต่ผมสงสารตากล้องมืออาชีพจริงๆมากกว่า เพราะทุกวันนี้พวกเขาแทบหางานไม่ค่อยได้   เพราะมีตากล้องไม่ทราบประสบการณ์เสนอราคาที่แสนถูก อย่างในกรณีจขกท. ผมเห็นใจอย่างแรง คุณติดต่อช่างภาพโดยไม่เคยเห็นงานเค้ามาก่อน  ถึงว่าวัดดวง ฝากถึงคนมีกล้องที่ต้องการถอนทุนคืน  อย่ารับงานมั่วซั่ว  เพราะเห็นแก่เงิน แก้ไขเมื่อ 02 มี.ค. 53 22:55:23 จากคุณ : ดำ บางกรวย เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 22:54:54

ความคิดเห็นที่ 42   เห็นมีแต่คนบ่น ผมว่าหาทางแก้ปัญหาให้เป็นธรรมเนียมปฏิบัติและมารยาท ในการรับงาน ของตากล้อง ดีกว่าไหม ผมมีไอเดียว่า เพื่อไม่ให้เกิดกรณีแบบนี้บ่อยๆ น่าจะ 1.ให้ช่างภาพมาถ่าย Pre- ให้ก่อนอย่างน้อยสัก 1 วันไม่ว่าจะงานอะไรก็แล้วแต่ เพื่อดูแนวภาพและเป็นการแสดงความเชื่อมั่นต่อกันและกัน และพูดคุยถึงสไตล์ภาพที่ต้องการ และแนวคิดของงานแต่ละงาน ช่างภาพอย่าอ้างว่าไม่ว่างเลยครับ รับงานรับเงินแล้วจะไม่เทคแคร์ลูกค้า เลยเชียวหรือ 2. ถ้าเป็นไปได้ ควรเขียนรายการ รายละเอียดให้เป็นตัวอักษร หรือหนังสือ ง่ายๆ แล้วลงชื่อร่วมกัน หรือจะถ่ายเป็นคลิปภาพหรือเสียง ก็แล้วแต่ถนัด (เวลาแฉ จะได้โดน จะๆ) 3. กำหนดวันเวลาส่งงานภาพสุก และอย่างน้อย สำเนาภาพดิบ RAW ให้เจ้าของงานในวันเวลารุ่งขึ้นหรือเร็วที่สุด เท่าที่จะสะดวก และกำหนดให้ละเอียดว่าต้องทำอะไรให้บ้าง เช่น อัดให้ด้วย ทำซีดีให้ด้วย หรือจะอะไรก็สุดแท้แล้วแต่ 4. สำหรับค่าจ้าง ก็ตามแต่ตกลง แต่ผมว่าถ้ามืออาชีพจริง จ่ายก่อนแค่สัก 1/3ของงานก็น่าจะเพียงพอ ยกเว้นมีการเดินทางหรือที่พักก็แล้วแต่ว่าคนจ้างจะจ่ายให้ หรือรวมในค่าจ้าง ส่วนคนจ้าง ถ้าจะเบี้ยว ก็คงไม่น่าจะเพราะจ้างมาถ่ายงานตัวเอง อีกอย่างใครเบี้ยว เดี๋ยวนี้มีประจาน กันเห็นๆ แบบแทบแทรกแผ่นดินหนี ........กรรมติดจรวด เดี๋ยวนี้กรรมมาสนองทางอินเตอร์เน็ทได้อีกด้วย ^ ^ 5. หรือใครจะเก่งหน่อย ลองทำ ร่างสัญญามาตรฐาน อย่างง่ายๆ ให้ลูกค้าและตากล้อง โหลดกันไปใช้ จ้างกัน ให้มันเป็น บรรทัดฐาน กันสักหน่อย ก็ดีครับ 6. ใครน้ำเน่าก็ช่วยกันแบน ใครน้ำดีก็ช่วยกันส่งเสริม ผมว่าของแบบนี้ อยู่ที่ คุณธรรม ประจำตัวของแต่ละคนนะครับ.... ถ้าทำงานบนพื้นฐานของการ "ฟันหมู" ผมว่าอย่าเป็นช่างภาพ มืออาชีพเลยครับ... ศิลปมันก็มีเกียรติตรงนี้แหละครับ 7. คิดไม่ออกแล้ว น้าๆมีความคิดดีๆก็ช่วยกัน หน่อยนะครับ "สังคมดีต้องช่วยกันสร้าง" จากคุณ : etsara เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 00:36:53

ความคิดเห็นที่ 43   เห็นใจ จขกท ครับ แล้วก็ขอบคุณมากสำหรับกรณีศึกษา งานแต่ตัวเองคงต้องหาตากล้องสำรองไว้หน่อยแล้ว ขืนไม่ได้รูปแฟนผมฆ่าตายแน่..... จากคุณ : JAJAJAM เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 01:07:11

ความคิดเห็นที่ 44   ผมลืมพูดไป ใบจองคิวถ่ายภาพ เป็นสิ่งที่สำคัญมาก สำหรับการจ้างงานถ่ายภาพ ซึ่งจะทำให้ ลูกค้ามั่นใจได้ว่า จะมาถ่ายภาพให้คุณแน่นอน ปกติผมจะให้ลูกค้าโอนเงินมัดจำ คิวละ ประมาณ 2พัน หรือ 3พัน ถ้าจอง ถ่ายงานเช้าเย็น ก็โอนมัดจำมา 4พัน ทั้งนี้ทั้งนั้น เพื่อให้มั่นใจว่า ลูกค้าต้องการใช้บริการเราแน่นอน แต่เมื่อเค้าโอนมาแล้ว ทำยังไงต่อ ผมจะทำใบจองคิวถ่ายภาพ ว่า  ผม (ช่างภาำพ) ได้รับเงินโอนจาก ลูกค้า เข้ามาในบัญชีเลขที่ xxxxxxxxx ธ.xxx  เพื่อมัดจำการถ่ายภาพ แล้วก็เขียนรายละเอียดชื่อ บ่าวสาว สถานที่ ช่วงเวลาที่ถ่าย  ........... ตรงจุดนี้ ทำให้ การคอนเฟิร์มเ้ป็นไปโดยลายลักษณ์อักษรด้วย ถือว่า เป็นการย้ำอีกที  เพราะตอนคุยโทรศัพท์ อาจจะฟังผิด การพิมพ์ออกมาเป็นแบบฟอร์ม มันชัดเจนกว่า การฟังหลายขุมนัก ุสุดท้ายด้วยการเซ็นชื่อ ของผม ว่ารับทราบ ระยะเวลา วัน สถานที่ เรียบร้อยแล้ว เท่านี้เอง ง่ายมาก ทำให้ มั่นใจกันทั้งสองฝ่าย มันเป็นเรื่องง่ายๆ ที่หลายคนไม่คิดจะทำ ทั้งช่างภาพ และ ลูกค้าที่ไม่ยอมร้องขอ พอเกิดเรื่องขึ้นมาก็มาเสียใจทีหลัง   ที่ผมทำใบจองคิว และให้มัดจำทุกกรณี ไม่มีการจองปากเปล่า ไม่ใช่เห็นแก่เงินเล็กน้อยพวกนี้ แต่พยามทำให้มันเป็นระบบ     เพราะเคยเจอเมื่อก่อน ที่ถ่ายรับปริญญา จองไว้ แล้วอีกสัปดาห์ฺนึงโทรมาบอกว่าแม่หาช่างภาพให้แล้ว  แล้วมันก็อีกสัปดาห์เดียว ใครจะมาจ้างเรา  ผมก็เลยต้องให้โอนเงินมัดจำเพื่อปลอดภัยกับเรา และเขียนใบจองคิวให้ลูกค้า เพื่อความปลอดภัยของเค้า ปล. อ่าน คห. 42 หลายๆ ข้อ น่าสนใจ หลายๆข้อผมว่ายาก ให้ช่างภาพถ่าย pre สัก1 วันก่อนงาน  ผมคนนึงที่คงจะไม่ทำแน่ๆ ยกเว้นมันเป็นงานที่ผมไม่ค่อยได้ถ่าย ไม่ถนัด หรือ เป็นงานที่เป็น job แปลกๆ  ถ้าเป็นงานพิธี คงไม่ไปแน่ๆครับ  ยิ่ง งานรับปริญญา งานแต่งงาน มันเป็นเรื่องการ capture moment ทำยังไงมันก็พิสูจน์ไม่ได้เหมือนงานจริงหรอกครับ ผมถึงบอกไปในคห.บนโน่นว่า  ชื่อเสียงที่สร้างสม และ ความไว้วางใจจากลูกค้า นั่นสำคัญมาก ส่วนการพูดคุยกับลูกค้านี่ เป็นเรื่องที่น่าทำครับ แต่ตั้งแต่ผมถ่ายรูป wedding มาน่าจะเกิน 200 300 หรือมากกว่านั้นไม่ได้นับ  มีแค่ไม่เกิน 6 คู่ ที่นัดผมก่อนเพื่อคุยแบบเจอตัวจริง ซึ่งผมก็ happy ดี ที่ลูกค้ามาพบ เพราะว่า ได้ทำความรู้จักก่อนวันถ่าย สร้างสัมพันธ์ก่อน และดูบุคลิกเค้า ทำให้เราคิดงานของเราได้ แต่.... น้อยมากที่จะมานัดผมไปคุยก่อน เพราะเค้าเห็นสไตล์งานในเว็บไซต์ของผมแล้ว เค้าก็จองเลย พอถามว่าชอบแบบไหน เค้าก็บอกว่า คุณอั๋นจัดการเลยค่ะ ชอบแบบที่เห็นในเวบ แบบคู่นี้ๆๆๆๆ   การให้ไฟล์ RAW งานนึง ถ่ายกัน 40-50 GB  คงจะโหลดลำบาก และผมก็ไม่เคยให้ไฟล์ RAW ลูกค้าเลย เอาจริงๆ เพราะงานมันยังไม่จบ บางทีไฟล์ดิบมันแย่มาก เพราะเราถ่ายเผื่อปรับ อันนี้แล้วแต่สไตล์ งานศิลปะมันมีกระบวนการของมัน   แต่ผมไม่ได้คัดค้านเรื่องนี้   จริงๆ มันจะไม่เกิดปัญหาเลย ถ้าช่างภาพนั้นรอบคอบ มีความรับผิดชอบ ปกติผม backup files งานไว้ สองที่ อย่างต่ำ  และ พยามจะทำให้ได้ 3 ที่ด้วยซ้ำ  ดังนั้นปัญหาไฟล์หายนี่ อาจจะต้องไปไล่ดูว่า มันเกิดจาก ช่างภาพที่ไม่ีรอบคอบหรือไม่ สำหรับค่าจ้าง ช่างภาพหลายคนก็ให้จ่ายหมดตั้งแต่วันงาน  หรือ จ่ายวันส่งงาน อันนี้ผมว่า มันก็แล้วแต่เงื่อนไขของช่างภาพอีกล่ะ ขอให้แจ้งไว้โดยละเอียดก่อนจะดีที่สุด ช่างภาพบางคนส่งงานทาง EMS ก็สะดวกให้จ่ายวันงานเลย เพราะบางครั้ง ส่งงานไป แล้วลูกค้าเบี้่ยวเงินไปเลยก็มี งงเหมือนกัน แต่สำหรับผม ผมว่า วันไหนก็ได้ จ่ายวันรับงานก็แฟร์ดี แต่ผมเจอแต่ลูกค้าน่ารักๆ  ถ่ายเสร็จก็ยื่นซองให้ทันทีซะส่วนใหญ่  บางท่านไม่ได้เตรียมไว้ ผมก็สบายๆ ยังไงก็ได้ตามสะดวก ขอให้จ่ายเสร็จสิ้น ก่อนที่จะรับ DVD กลับบ้านไป เป็นพอครับ จากคุณ : GrooveRaiders เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 02:10:24

ความคิดเห็นที่ 45   ผมถ่ายรุปมาพอสมควร แต่ถ้างานแต่งวันจริง เพื่อนขอให้ถ่ายยังไม่ค่อยอยากรับเลยครับ ความเครียดกะความรับผิดชอบมันหนักมาก ถ้าพวกถ่าย pre-wedding นี่ยังสบายใจหน่อย ไม่ต้องยุ่งกะแขก ถ่ายบ่าวสาวตอนสบายใจๆ เอิ๊ก เรื่องราคาก็อาจจะช่วยกรองฝีมือช่างภาพคุณภาพแย่ไปได้บ้างนะครับ สังเกตุดูว่ามืออาชีพที่ถ่ายสวยๆ จะไม่ค่อยรับงานที่ราคาถูกมากๆ (ช่างภาพถ่ายสวยๆ แต่ราคาไม่แพงก็ยังมีอยู่มาก) ไม่ได้บอกให้จ้างแต่ช่างภาพแพงๆ นะครับ แต่เคยดู DVD โปรถ่าายรุปแต่งงานของฝรั่ง เค้าพูดน่าสนใจว่าประมาณๆ ว่า "ผ่านไป 20 ปี ดอกไม้สวยๆ  เค๊กแพง (ที่อาจจะแพงกว่าค่าถ่ายรุป) ล้วนหายไป หมดแล้ว เผลอๆ ความทรงจำก็ไม่บ่าวสาวชัดเจนแล้ว มีแค่รูปถ่ายงานแต่งงานเท่านั้นที่คงอยู่ ให้ระลึกได้ " จากคุณ : lkunl เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 02:40:10

ความคิดเห็นที่ 46   คุณ Groove ครับ  อยากโดนรุมตึ้บไหมครับ คือ ผมอยากจะบอกว่า วิธีที่คุณใช้นั้น ช่างภาพมืออาชีพทุกคน ควรพิมพ์ออกมา เป็นโปสเตอร์ขนาดเท่าฝาบ้าน แปะไว้ที่ที่ทำงาน เอาเป็นแนวทางปฏิบัติ เพราะมันเป็น บริการขั้นต่ำ ที่ผู้ให้บริการพึงเสนอต่อ ผู้มาซื้อใช้บริการ การใช้เวลา 20-25 วัน ในการส่งมอบงานให้ลูกค้า มันยาวนานไปนิด แต่ ถ้ามีคำอธิบาย, เหตุผล ที่ค่อนข้างชัดเจน บอกให้ลูกค้าทราบล่วงหน้า ไม่มีใครบ่น ว่า หรือ ตำหนิได้เลย ปล.รบกวนคุณ Groove ดูหลังไมค์ด้วยครับ ถ้าเห็นสมควร ก็เอาออกให้ชาวบ้านดู ... รับรอง ไม่จืด เพราะคำอธิบาย หรือ เหตุผล มันบอกลูกค้าว่า ผลงานที่ลูกค้าจะได้ เป็นผลงานที่มีคุณค่ามาก พอที่จะเอามาดูใหม่ได้เรื่อยๆ โชว์ชาวบ้านได้บ่อยๆ แจกจ่ายผู้มาร่วมงานได้ทุกคน คุ้มค่าต่อการรออย่างมาก จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 08:13:55

ความคิดเห็นที่ 47   สำหรับผม งานสำคัญ เรียกเพื่อนๆ มาถ่ายให้ แต่.. เรียกมาถ่ายอย่างน้อย 3 คน 3 กล้องครับ กันพลาด จากคุณ : ชาย เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 08:16:44 A:192.168.4.35 X:58.8.61.138 TicketID:150126

ความคิดเห็นที่ 48   ผมทำงานอยู่ในสายงานที่ต้องใกล้ชิดกับช่างภาพมาก... และหัวหน้า่ช่างภาพในที่ทำงานผมก็สนิทกันแบบพี่น้อง... งานแต่งงานผมเมื่อ 15 ปีที่แล้ว.. เขาขนเครื่องมือทั้งหมดพร้อมลูกน้องมาถ่ายให้โดยไม่คิดเงินเลย ได้ภาพที่สวยแบบมืออาชีพมาชื่นชมอยู่จนปัจจุบัน ช่างภาพท่านนี้รับงานนอกในอัตราวันละหมื่นบาทเศษ... แม้จะแพง...แต่ผลงานของเขาไม่เคยมีใครตำหนิ.. แถมยังมีคิวจองกันจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน... รายได้จากการถ่ายภาพ...มากกว่าเงินเดือนจากสำนักงานหลายเท่า บอกได้เลยว่าเป้นช่างภาพอาชีดพอย่างแท้จริง... ที่เล่ามานี้เพราะเห็นภาพที่คุณเจ้าของกระทู้เอามา Post แล้วได้แต่ถอนใจ และรู้มทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น... บอกได้อย่างมั่นใจว่าคุณเจอช่างภาพปรเะเภทหวังรับเงินโดยไม่มีความรู้เข้าให้แล้ว ช่างภาพพวกหนี้คือใคร? ก็คือพวกที่เฝ้าดูช่างภาพอาชีพทำงาน..รับเงิน...ทำงาน...รับเงิน และเกิดความรู้สึกว่า "ถ้ามีกล้อง...ku ก็ทำได้" คนพวกนี้จะซื้อกล้องราคาสูงและประกาศรับงาน โโยไม่คำนึงว่าตนเองไม่มีความรู้หรือประสบการณ์ใดๆ ในการถ่ายภาพมาก่อน และที่เลวร้ายกว่านั้น พวกนี้จะไปขอยืมสมุดภาพผลงานของช่างภาพอาชีพ มาเสนอต่อลูกค้า...ให้หลงเชื่อว่าเป็นผลงานเขา (ช่างภาพที่ผมเล่าในตอนต้นถูกขอยืมสมุดภาพนี้มาหลายครั้ง แต่เขาไม่เคยยอมให้ และด่ากลับไปทุกครั้ง) ผมเองก็ถูกยืมเหมือนกันบ้าง ทั้งๆ ที่ถ่ายรูปไม่เป็นสัปปะรดนี่แหละ... ช่างภาพพวกนี้จะตัดราคาช่างภาพอาชีพ โชว์เกล้องและเล็นส์ราคาแพง...เพื่อโก่งค่าตัว โชว์สมุดภาพปลอมที่ยืมเขามา เพื่อหลอกลูกค้า... พอลูกค้าหลงเชื่อ...ก็ไปถ่ายด้วยความรู้ที่ไมีมีมากไปกว่าลิงที่กดปุ่มชัตตเอร์กล้องเป็น ปล่อยทุกอย่างให้อัตโนมัติ ไม่รู้จักการจัดแสง การปรับองศาแฟลช  การใช้แฟลชลบเงา... ถ่ายเป็นแต่หน้าตรง ยิ้ม 1-2-3 ได้ภาพจากแฟลชขาวเว่อร์.... ไม่เข้าใจว่าชุดขาวของเจ้าสาวต้องชดเชยแสงอย่างไร... ผู้ที่ถูกหลอกลวงนี้ก็ได้แต่เจ็บช้ำน้ำใจ... แต่ช่างภาพเลวๆ พวกนี้ก็ยังคงหากินตัดราคาช่างภาพอาชีพกันเต็มไปหมด... ได้แต่เห็นใจคุณเจ้าของกระทู้ครับ... จากคุณ : หมู4X เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 08:35:12

ความคิดเห็นที่ 49   ขออีกนิดครับ... เรื่องชื่อช่างภาพ.... บอกตรงๆ ว่าดูจากภาพที่คุณเจ้าของกระทู้เอามาลงนี่ บอกให็รู้ผู้ที่อ้างตนเป็นช่างภาพคนนี้ไม่มีความรู้อะไรเลยในการถ่ายภาพงานพิธี ประกอบภาพให้สมดุลย์ในเฟรมยังไม่เป็นเลย... นี่คือช่างภาพหลอกลวงที่ผมบอกมาอย่างแน่นอน.... ใจจริงอยากรู้ว่าเป็นใคร เพราะเท่าที่ผมจำได้ ชื่อของคุณเจ้าของกระทู้ก็อยู่คู่ pantip มาตั้งแต่ผมเริ่มเล่นอินเทอร์เน็ต...เป้นสมาชิกเก่าแก่คนหนึ่ง คิดว่าคุณเจ้าของกระทู้ก็คงใช้ช่างภาพจากสมาชิก pantip เช่นกัน... และช่างภาพหลอกลวงคนนี้ก็น่าจะเป็นสมาชิกในห้องกล้อง... ถึงคุณเจ้าของกระทู้จะไม่บอกชื่อ แต่ก็คงพอจะบอกได้ว่าข้อสัณนิษฐานของผมถูกต้องหรือไม่...ได้ไหมครับ... จากคุณ : หมู4X เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 08:42:09

ความคิดเห็นที่ 50   อีกหน่อยเตรียมรับกระทู้แบบนี้อีก ได้เลยครับ ตอนนี้ช่างภาพที่รับงานปริมาณ มันเเซงหน้าคุณภาพไปไกลแล้ว อยากจะขอร้องว่า หลายท่านที่รับงาน ควรต้องมั่นใจ กับความนิ่งของฝีมือ และความรับผิดชอบของตัวเอง สมัยนี้อุปกรณ์กล้องราคาไม่สูงเหมือนก่อน ใครก็มีได้ ถ่ายได้ แต่นึกถึงใจคนที่ว่าจ้าง ว่าสิ่งที่เขาต้องการในวันสำคัญคือ ฝีมือที่ดีมาก ถึง ดีที่สุด ไม่ใช่ พวกมาลองของ สำหรับคนที่อยากหาประสบการ์ณ เทอนโปรฯ จะทำงัยดี  ก็ไปติดต่อถ่ายให้เขาฟรีๆ จะดีกว่าครับ ขอเป็นมือสองก็ได้ ต้องลงทุนกันหน่อย ภาพเป็นที่หน้าพอใจเจ้าภาพ ค่อยรับสินน้ำใจ อันนี้เป็นแค่ข้อเสนอแนะนะครับ เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย ไม่ว่ากันครับ จากคุณ : E22QV เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 09:07:07

ความคิดเห็นที่ 51   น่าจะบอกเลยว่าเป็นใคร ครับ เพราะไม่งั้นมันก็หากินกับคนอื่นต่อๆไปอะครับ เหมือนๆ ผู้ร้ายฆ่าคน แต่เราไม่บอกตำรวจอ่ะครับ จากคุณ : Artelrooy เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 09:10:16

ความคิดเห็นที่ 52   เป็นข้อคิดที่พึงระวังจริง ๆ ต่อไปจะหาช่างถ่ายงานแต่ง คงต้องดูผลงานที่ผ่านมาและหรือเคยผ่านงานแต่งที่เราเห็นว่าภาพออกมาโอเคแล้ว ตอนผมแต่งก็ใช้ช่างคนเดียวกับงานแต่งพี่ชายเพราะไว้ใจในฝีมือ ภาพออกมาก็ไม่ผิดหวัง จากคุณ : i-bar เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 09:33:58

ความคิดเห็นที่ 53   ความคิดเห็นที่ 6 เคยมีข่าวที่ประเทศ อังกฤษ ลักษณะเดียวกัน เด๊ะเลยครับ ลูกค้าว่าจ้าง บริษัท สตู มาถ่ายภาพ แต่ได้ช่างภาพมือสมัครเล่น ผลงานออกมา แย่กว่านี้อีก เขาเลย ฟ้องศาล และชนะ ได้ค่า เสียหาย ไปหลายหมื่นปอนด์..... *** ราคาค่าเสียหายได้ยินว่า จัดงานแต่งงานใหม่ได้เลย ไม่ใช่แค่ไม่เอาเงินค่าจ้าง คืนเงินค่าถ่ายรูป แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 53 09:43:36 จากคุณ : LiverLife เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 09:43:03

ความคิดเห็นที่ 54   ไม่ใช่ช่างภาพมืออาชีพนะคะ กล้อง slr ก็ยังไม่มี เพิ่งเริ่มใช้ dslr-like ยังไม่คล่องเลยค่ะ และเพิ่งเข้ามาในห้องกล้องไม่นาน แต่ขออนุญาตพูดนิดนึงนะคะ บางคนที่ซื้อกล้องเทพ เลนส์เทพ และออกไปถ่ายตามสวนรถไฟ ถ่ายพอตเทรท(ไม่รู้พิมพ์ถูกไหม) ได้ภาพมาสวยงาม แต่นั่นเพราะคุณมีเวลาเล็ง คุณเลือกยืนตรงไหนก็ได้ คุณสั่งแบบให้หันมาหาคุณ หรือทำเป็นไม่มองกล้องก็ได้ แต่ในงานพิธีมันไม่ใช่แบบนั้น เราเองเคยให้เพื่อนบางคน เรียนถ่ายรูป ถ่ายสวยค่ะ แต่พอไปอยู่ในงานพิธี หาที่ยืนให้ตัวเองไม่ได้ หรือมุมที่เค้าคิดว่าสวย ก็ไม่สามารถไปยืนตรงนั้นได้ มัวแต่เล็ง ก็พลาดจังหวะสำคัญไป ตั้งแต่นั้นก็เลยมีความคิดส่วนตัวว่า จะไม่เอาเพื่อนที่เพิ่งซื้อกล้อง ถ่ายดอกไม้สวย ถ่ายคนสวย ถ่ายวิวสวย แต่ไม่มีประสบการณ์ถ่ายภาพงานพิธี ไปแนะนำให้ถ่ายงานใครเลย แต่ถ้าเจ้าของงานเค้าติดต่อมันเองก็เรื่องของมันค่ะ เรายังเชื่อใจช่างภาพเก่าๆ ถึงแม้มุมมองอาจจะเชย แต่เค้ารู้จังหวะ เค้าอ่านใจเจ้าของงาน อ่านใจญาติเจ้าของงานได้ ว่าต้องการภาพแบบไหน เจ้าของงานต้องการดูอะไรในงานบ้าง และถ้าเป็นช่างภาพมือใหม่ ที่มีมุมมองน่ารัก เท่ๆ แบบที่เห็นตามเวดดิ้งสตูดิโอ ก็ถึงจะเชื่อมือได้ค่ะ ปล. นี่เป็นความเห็นส่วนตัวนะคะ ไม่ได้ต้องการจะพาดพิงบุคคุลใด จากคุณ : ฤดูฝนกะคนเหงา เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 09:57:38

ความคิดเห็นที่ 55   พักนี้กระทู้แบบนี้ เยอะ แสดงว่าสะท้อน สิ่งที่บุคคลคาดหวังกับคำว่า "ช่างภาพ" ช่างภาพเก่งๆ ผมเห็นน้าๆ ป้าๆ หลายๆ ท่านเพาะบ่มมาจากประสบการณ์ทำงานที่ผ่านมา หวังว่าช่างภาพใหม่ๆ จะเอาไปเป็นแบบมั่งครับ .. ส่วนผมไม่ได้เป็นช่างภาพ กับเค้าหรอกเพราะถ่ายงั้นๆ ขอเรียกว่าเป็น คนที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ ดีกว่า จากคุณ : Gazz เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 10:26:41

ความคิดเห็นที่ 56   อ่านแล้วหนาวเหมือนกันน่ะเนี่ย  งานแต่งผมก็ใช้ช่างภาพคนเดียวเหมือนกัน แต่โชคดีออกมาดี (มากๆ หรือเปล่าผมไม่รู้แต่ผมพอใจมาก) ราคาก็ไม่แพงแบบสุดโต่ง    ส่วนงานรับปริญญาของผม ผมโยนกล้องปัญญาอ่อนประจำบ้านผมให้รุ่นน้องที่สโมสรนิสิตฯ  เดินตามถ่ายทั้งวัน นั้นแหล่ะง่ายดี ซูมไม่ต้องเดินเข้าเดินออกเอา  เงินก็ไม่ให้มัน  แต่เลี้ยงดูปูเสื่อมันตั้งแต่เช้ายันเย็น  เลี้ยงเหล้ามันต่อด้วย 555 มีเรื่องเล่าให้ฟังขำๆ  ตอนแรกพ่อผม เค้าจะให้คนรู้จักมาถ่ายให้ (บอกว่าสบายมาก เป็นคนเล่นกล้อง ถ่ายงานอยู่บ่อยๆ)  แต่แม่ผมติดเบรคดังเอี๊ยดดดดด    บอกผมว่าให้จ้างเค้าเอาดีกว่า  คนที่พ่อแนะนำมาให้ทำงานหลายๆ งาน  ส่วนใหญ่ เหลวทุกที  แล้วก็ยกตัวอย่างงานแต่งงานของพ่อกับแม่ให้ฟัง คืออย่างนี้ครับ  พ่อผมเค้าให้เพื่อนเค้ามาถ่ายรูปงานแต่งให้ (เพื่อนเล่นกล้อง)  แต่สุดท้ายยย............ฟิลม์เสียไม่ได้รูปซักรูป (ไม่ได้ถามรายละเอียดจากพ่อมาก  สงสารพ่อเหมือนกัน หุหุ  แต่เป็นความผิดพลาดจากช่างภาพแน่นอน)    ผมก็ถึงบางอ้อ  ว่าทำไมอยู่มาตั้งแต่เล็กจนโต  ไม่เคยเห็นรูปแต่งงานพ่อกับแม่เหมือนกัน จากคุณ : kitazawa เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 10:51:51

ความคิดเห็นที่ 57   ผมไม่รู้ว่าผมโพสต์ในกระทู้นี้เป็นประโยชน์แก่คนทั่วไปหรือเปล่า แต่สำหรับผม ผมว่า  ข้อมูลของผมน่าจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะ  ที่มาเล่า process การทำงานของตัวเองให้คนอื่นฟัง  เพื่อจะไ้ด้ไม่ก้าวพลาดแบบ จขกท. ทั้งๆที่ผมเป็นช่างภาพตัวเล็กๆ คนนึงในวงการ ที่มีคนเจ๋งๆ เยอะไปหมด แต่ก็คิดว่าเราน่าจะโพสต์อะไรเป็นประโยชน์ให้คนอื่นได้ บอกตามตรงว่า อ่าน คห.46 ของแมวเหมียวพุงป่องแล้ว อ่อนใจ ละเหี่ยใจ กับสำนวนการเขียนจริงๆ ผมไม่รู้จักคุณเลยในชีวิตจริง เห็นคุณผ่านจอคอมอย่างเดียว แต่อยากจะบอกว่า ภาษาที่คุณใช้นั้นมันช่าง ทำให้คนเข้าใจผิดไำด้ง่ายทีเดียว และหลังไมค์ที่คุณโพสต์มานั้น คนที่อ่านหน้าจอเค้าไม่ได้มารู้อะไรด้วย ปล. แค่เรื่องการ process รูป ที่ผมอธิบายยาวเหยียด แต่คุณก็ยังคงมั่นใจในความคิดของ "ตัวเอง" ว่า 20 วันมันมากไปหน่อย ผมว่าไม่ต้องพิมพ์ก็ได้มั้งครับ ใน พันทิป มีช่างภาพที่ผมชอบมากๆ หลายคน ที่ถ่าย wedding นะ ไม่ค่อยเห็นคนไหนส่งงานเร็วกว่าสองอาทิตย์เลย เวลาส่งงาน เค้าไม่ได้ปรับสี ปรับ WB แล้วส่งเลยนะน้า  มันมีมากกว่านั้น ผมว่าน้าก็น่าจะทราบ ถ่ายภาพเนี่ย มันเป็นเรื่องของศิลปะ แต่ละคนมีกระบวนการไม่เหมือนกัน ไม่ตายตัว ช้าเร็วไม่เหมือนกัน ที่สำคัญคือแจ้งลูกค้าก่อน ง่ายๆเท่านั้นเอง   ถ่ายภาพไม่ใช่ซ่อมรถที่ศูนย์โตโยต้า ที่จะประกอบอะไหล่ และซ่อมเสร็จใน 1 ชม. นะครับ ผมเกรงว่า เจตนาของกระทู้นี้จะเปลี่ยนไป  ดังนั้นผมจึงคงไม่โพสต์อะไรต่อ เห็นใจเพื่อนคนอื่นๆ ที่ต้องเข้ามาอ่านครับ อยากให้ทุกคนได้ความรู้   ไม่รู้ว่า "เพื่อนๆคิดเหมือนผมไหมครับ" แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 53 11:04:03 จากคุณ : GrooveRaiders เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 10:53:13

ความคิดเห็นที่ 58   เวลามีคนขอร้องให้ถ่ายรุปงานสำคัญๆ..ให้หน่อย ไม่กล้าแม้จะถ่ายฟรีให้ ต้องขอร้องเค้าว่าเรามือสมัครเล่นจริงๆ.. กรุณาเสียเงินจ้างคนอื่นเถอะ...ไม่มั่นใจฝีมือตัวเอง... จากคุณ : PP-จัง เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 10:56:02

ความคิดเห็นที่ 59   อื้มมม งานสำคัญ ๆ แบบนี้ เสียดายจริง ๆ จากคุณ : ไข่ดาวฝรั่ง เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 11:13:30

ความคิดเห็นที่ 60   ขอบคุณคุณ grooveraiders ที่อุตส่าห์สละเวลาพิมพ์มาเสียยาวเหยียด ถึงวิธีการทำงานของช่างภาพงานแต่งที่หลายๆ คน (หรือน้อยคน) จะได้มีโอกาสรับทราบ ดิฉันถือว่ามีประโยชน์ต่อช่างภาพมือใหม่ๆ มือเล่นๆ อีกหลายคน ดิฉันไม่ได้ถือว่าเป็นการโฆษณา แต่ดิฉันถือว่าเป็นวิทยาทานค่ะ (ขอเถอะ ดิฉันไม่ใช่ม้า กรุณาอย่าคิดไปในทางนั้น) แต่พอได้อ่านความเห็นของคุณแมวเหมียวฯ แล้ว แม้กระทั่งดิฉันเองที่ไม่ได้รู้จักอะไร กับคุณทั้งสองคนเลย คนนอกว่างั้นเถอะ ก็ยังรู้สึกแย่มากกับคำพูดของคุณในหลายประโยค รบกวนทบทวนอีกครั้งก่อนพิมพ์อะไรออกมาเถิดค่ะ ปล. ดิฉันรับถ่ายงานแต่งเหมือนกัน แม้จะรับแค่งานสเกลเล็กๆ แ่ต่ระยะเวลา 1 เดือน สำหรับการทำรูปให้สวยงาม คุ้มราคาที่บ่าวสาวจ่ายมา ยังถือว่าน้อยเกินไปเลย อย่าบอกว่าโปรแกรมโน่น นั่น นี่ ออกมาแล้วช่วยให้การทำงานง่ายขึ้น เพราะ "ความเนี๊ยบ" ของงานของช่างภาพทุกคนมันไม่เหมือนกันหรอกค่ะ ขอฝากไว้ จากคุณ : watzup2484 เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 11:14:22

ความคิดเห็นที่ 61   ปล เข้าใจว่าคุณแมวเหมียวหวังดีนะคะ แต่อาจจะสื่อสารแรงไปค่ะ คนอ่านอาจรู้สึกไม่สบายใจนะ จากคุณ : watzup2484 เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 11:16:22

ความคิดเห็นที่ 62   ตอบ คห.57 คิดเหมือนกับ น้า GrooveRaiders เลยครับ -*- จากคุณ : ashfield เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 11:46:57

ความคิดเห็นที่ 63   คุณ grooveraiders เขียนไว้ดีครับเป็นแนวทางของช่างภาพที่ดี ชัดเจน ซื่อสัตย์ต่อลูกค้า สำหรับบางคนที่รู้อยู่แล้ว ปฎิบัติอยู่แล้วคงถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา ก็ให้มือใหม่ที่คิดจะยึดถือเป็นอาชีพได้รู้ไว้เป็นประโยชน์ครับ จากคุณ : smarty เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 12:09:31

ความคิดเห็นที่ 64   คิดเหมือน GrooveRaiders ครับ แรงดีแต่ผิดที่ผิดทางไปหน่อย การเสนอความคิดเห็นต่อสาธารณะนั้นสมควรอย่างมากที่จะต้องคิดให้ดีก่อนครับบางทีมันอาจจะส่งผลกระทบในแบบที่เราคาดไม่ถึงครับ จากคุณ : dennis_s64 เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 12:23:34

ความคิดเห็นที่ 65   เท่าที่ติดตาม ห้องกล้องมา ระยะหนึ่ง น้าแมวเหมียว ก็ได้ให้ข้อคิด สาระ สม่ำเสมอ ก็ ถือว่าเป็นบุคลากร ที่ได้ให้ประโยชน์ แก่สมาชิก อีกท่านหนึ่ง ในห้อง กล้องนี้ ประโยค "โหมโรง" ในคห. ที่ 46 ของน้าแมว... ผมเข้าใจว่า คงเตือน ถึงท่าน GrooveRaiders ว่าอยากโดนรุมยำมั๊ย รุมยำในที่นี้ คือ การถูกท่านสมาชิกอื่นๆ มาออกความเห็นว่า ทำไมโปรเสด นานเกินไป... หรือ แย้งในเนื้อหาอื่นๆ มองในแง่บวก... ความหมาย คงไม่ใช่การกระทืบกันจริงๆ... แต่การใช้คำพูด ผมว่ามันแรงไปนะ... ไม่เหมาะสม ผู้พูด อาจจะไม่มีเจตนา "ด่า" หรือ "ท้าทาย" ... แต่ก็ไม่จำเป็นต้องให้ผู้อ่าน ต้องแปลความหมาย ถึงแปดตลบ จึงจะเข้าใจ เราได้ ว่ากล่าวตักเตือนผู้ใช้ภาษาไทยที่ผิดๆ ใช้ศัพท์ แซท มาโพสต์กันแล้วนะครับ แต่ผมว่าคำพูดที่ไม่สุภาพ น่าจะแรงกว่า การใช้ภาษาไทยที่ผิดๆ ด้วยซ้ำ พิจารณานิดหนึ่งครับ... ด้วยความเคารพครับ แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 53 12:42:24 แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 53 12:38:30 จากคุณ : ลิงหน้าหมู เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 12:26:05

ความคิดเห็นที่ 66   เข้ามาตอบ ลืงหน้าหมู ครับผม  ว่า คุยกันหลังไมค์กับน้าแมวล่ะครับ  เอาเป็นว่าน้าแมวคงไม่ได้หมายความถึง การ Process ที่นานไป อะไรพรรค์นั้น ประเด็นมันคือ มันมี บุคคลที่ 3 เข้ามาโผล่ในหลังไมค์ที่น้าแมวส่งมาด้วย ซึ่งผมมองแล้ว ไม่เห็นประโยชน์ที่จะดึงคนอื่นเข้ามาเกี่ยวแบบเปิดเผย   (ยิ่งอธิบายยิ่งงง) เอาเป็นว่าน้าแมว หลังไมค์มาขออภัยผมแล้ว ผมถือว่าจบไป และขอให้กระทู้นี้ คุยในเรื่องที่เป็น ความตั้งใจของ จขกท. เดิมดีกว่าครับ น่าจะมีประโยชน์กว่า แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 53 12:34:59 จากคุณ : GrooveRaiders เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 12:32:53

ความคิดเห็นที่ 67   เพื่อนให้ไปช่วยถ่าย เพราะเห็นมีกล้อง แต่ กล้อง LIKE ครับ พึ่งหัดด้วย ไม่รู้ขั้นตอน พิธีการเช้า ของท้องถิ่น บ้านนอก มีพิธีแปลกๆ ไม่รู้ช่วงไหนต้องไปรอ หัวบันได ท้ายบันได บ้านๆเลยทีนี้ เห่ยซิครับ อยากจะบอกว่า งานสำคัญอย่างนี้ควรยอมจ้างช่างมืออาชีพ บางงานเขา มี 2-3 คน เลย ปลอดภัย แต่เปลืองตังค์ ไม่งั้นก็ แก้ตัว แต่งใหม่อีกรอบ หาเจ้าบ่าว เจ้าสาว ที่สวยกว่าเดิม เอิ๊กๆ จากคุณ : ฟูนัน เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 14:01:28

ความคิดเห็นที่ 68   เมื่อสิบกว่าปีก่อน เคยรับถ่ายงานแต่งแถวๆ บ้าน ยุคกล้องฟิล์ม ไม่ต้องทำอะไรเยอะ ส่งแลปอย่างเดียว สบายใจ ยุคนี้  มีใครติดต่อมา ผมโยนให้น้อง ๆ ที่ถ่ายกันประจำ รู้ว่า ฝีมือและอุปกรณ์ ตลอดจนวิธีการจัดการภาพเขาเป็นอย่างไร เวลามีใครมาถามในเวบบอร์ดต่าง ๆ ว่า อุปกรณ์ขนาดนี้ ฝีมือขนาดนี้รับงานได้ไหม ผมถามกลับแค่ว่า   ถ้าเป็นงานของคุณ  จ้างช่างภาพที่มีอุปกรณ์และฝีมืออย่างคุณมาถ่าย คุณจะจ้างไหม เสียใจกับเจ้าของกระทู้ด้วยครับ แต่มันผ่านมานานแล้ว ไว้งานแต่งงานลูก  อย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยแล้วกัน ขอบคุณที่มาแชร์ประสบการณ์ครับ จากคุณ : สุพจน์ เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 14:22:55

ความคิดเห็นที่ 69   สงสารเจ้้าของงานจังครับ.. อุปกรณ์ดี ไม่ใช่จะได้ภาพดีเสมอไป ตราบใดที่ ไม่เข้าใจการถ่ายภาพ จากคุณ : อิเดมิซึ เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 14:56:50

ความคิดเห็นที่ 70   จากคุณ : น้าวัชร-จัดให้ เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 15:59:40

ความคิดเห็นที่ 71   แล้วผมโดนลากเช็คจากการจ้างงานถ่ายภาพนี่เรียกร้องได้บ้างป่าวเนี่ย ไปทีไรก็บอกว่าเจ้านายไม่อยู่ตอนจ้างพูดจาดีมาก โทรถามเช็คออกแล้วนิ ฝากไว้แล้ว ตอนจ่ายลากไปจะสี่เดือนถึงจะได้ เคยโดนแบบนี้บ้างป่าวหละ พักหลังเห็นกระทู้ดาราม่าเพียบเลยเอามาแซวเล่น เอาเป็นว่าขำ ๆ นะ ทำงานกับบริษัท ก็แบบนี้หละ เว้นบางที่ดีจิงก็สด อันนี้ผมชอบมาก  เอามาแชร์ประสบการณ์บ้าง ไม่ใช่ลูกค้าโดนกระทำย้ำยีฝ่ายเดียวทางเราก็เคยโดน ส่วนเรื่องงานผมเคยบอกแล้วว่าดิจิตอลทำให้คนเสียนิสัย ถ่ายเพื่อแก้ตลอด แล้วสุดท้ายก็ทำงานซ้ำซ้อน อย่างสมัยถ่ายฟลิ์ม เล็งให้ดี ให้จบไม่งั้นไปอัดออกมาอายตาย มันทำในps ไม่ได้นะครับ สรุป ทุกฝ่ายก็มีจริยธรรมหน่อยนะครับจะได้ไม่มีปัญหา ผมว่าคนไทยมีปัญหาเรืองการจัดการเวลาจริงหละ เพราะติดนิสัยทำอะไรสบายๆเิกินตัว จากกระูทู้นี้เป็นตัวอย่างอย่างดีว่า น้อง ๆ พี ๆ ทั้งหลาย ครับ ภาพสวยไม่ได้อยู่ที่กล้องแต่อยู่ที่ ฝีมือ แต่ว่าก็สุ้ต่อไปนะน้อง ผมว่าพลาดตรงตกลงด้วยหละ ถ้าจ่ายหมดมันมักจะไม่ได้เรื่องต้องมันจำ เสร็จจบงานจ่ายจะดีกว่านะ แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 53 16:37:44 แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 53 16:27:41 จากคุณ : aloha_123 เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 16:25:35

ความคิดเห็นที่ 72   ผมแนะนำเลยนะครับ สมัยนี้นอกจากหาช่างภาพมืออาชีพไว้อย่างน้อย 1 คนแล้ว ก็ไหว้วานเพื่อนที่มีกล้องดีๆ มาช่วยถ่ายด้วย อย่างน้อยก็ได้แน่ใจว่าถ้าหากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมาของตากล้องอาชีพที่จ้างมา ก็อาจจะสามารถเอาภาพจากเพื่อนที่ถ่ายไว้ได้ครับ หรือถ้าหากว่ามีตังค์เหลือเยอะ จ้างช่างมา 2-3 คนเลยครับ ในงานแต่งพี่สาวผม จ้างช่างมา 2 คน และให้ผมอีก 1 คนคอยถ่ายด้วย โดยช่างคน 1 เค้ายืนถ่ายแขกที่หน้างาน ส่วนช่างอีกคนเข้าไปถ่ายบรรยากาศในงาน ส่วนผมสลับไป-มาระหว่างหน้างานและในงาน งานแต่งงาน ชีวิตนึงมีครั้งเดียวครับ เงิน 2000-3000 บาทที่เสียไป อย่าไปเสียดายมันเลยครับ เพื่อแลกกับความทรงจำที่ประเมินค่ามิได้ ยังไงก็โคตรคุ้ม ตอนงานแต่งเพื่อนผม เพื่อนผมให้ผมไปถ่ายให้เป็นตากล้องหลัก ผมบอกปฏิเสธไป โดยบอกปัดว่า "กรูจะมากินโต๊ะจีน" แล้วผมก็บอกให้เพื่อนไปจ้างตากล้่องอาชีพมาแทน ซึ่งก็ไม่ได้ผิดหวัง ตากล้องคนนั้นสมกับเป็นมืออาชีพจริงๆ แต่งงานวันที่ 27 กุมภานี้ วันที่ 1 มีนาคม เพื่อนก็ได้ภาพมาดูแล้ว แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 53 19:10:29 จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 19:08:11

ความคิดเห็นที่ 73   ที่ดีก็มี ที่แย่ก็เยอะ เห็นใจครับ แต่งใหม่ก็ไม่ได้ซะด้วยสิ ! จากคุณ : นายฉิม เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 19:59:58

ความคิดเห็นที่ 74   #37 ความคิดดีนะครับ น่ารักด้วย จริงๆแล้วแต่งบ ถ่ายออกแนวๆ pre-wedding ก็ได้ แต่มันจะเป็น after-wedding แทน จากคุณ : AprilSnow เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 20:12:53

ความคิดเห็นที่ 75   เราก็เป็นคนนึงที่พกความ "ไม่เป็น" ไปถ่ายงานแต่งมาเหมือนกัน - -" เป็นงานแต่งเพื่อนที่ค่อนข้างสนิท ซึ่งเราก็ออกตัวมาตลอดว่าเราถ่ายรูปยังไม่เก่งนะ เพิ่งหัดถ่ายได้ไม่นาน กล้องก็แค่ Like ไม่ใช่ DSLR จริง ๆ เลนส์ก็เปลี่ยนไม่ได้ แฟลชก็ไม่มี ฝีมือยิ่งแล้วใหญ่ ยังอยู่ในช่วงทดลองถ่ายเพื่อศึกษาด้วยตนเอง เค้าก็บอกว่าไม่เป็นไร เค้าอยากได้ภาพ VDO ด้วย จะเอาเงินที่เดิมตั้งใจจะจ้างช่างภาพไปจ้างถ่าย VDO ดีกว่า เราก็แนะนำว่างานแต่งควรจะมีช่างภาพสัก 2 คนนะ เผื่อของคนนึงไม่สวยหรือไม่ได้ในมุมที่สำคัญ จะได้มีอีกคนสำรองไว้ เค้าก็ย้ำว่าไม่เป็นไร ก่อนวันงานเราก็วิ่งหาแฟลชนอก แบตสำรอง เมมโมรี่การ์ด อะไรที่พอจะมีทุนทรัพย์ตัวเองไปหาซื้อมาได้ เราก็ย้ำเค้าอีกทีว่า เราเพิ่งได้แฟลชมานะ ยังไม่ชินมือ ปรับก็ยังไม่เป็น ควรจะหาช่างมาอีกสักคนนะ เดี๋ยวเราไปช่วยถ่ายได้ แต่ขอเป็นกล้องสำรอง เค้าก็ยังบอกว่า ไม่เป็นไร เอาเท่าที่ได้ก็พอ วันงานเราก็วิ่งทุกอย่าง รับแขกด้วย ถ่ายรูปด้วย พยายามให้ทันทุกพิธีสำคัญ แต่ด้วยความที่ยังไม่ชินกับแฟลช ภาพก็จ้าไปบ้าง มืดไปบ้าง เบลอบ้าง แต่ก็ได้รูปมาในทุกพิธีเราก็ถ่ายพลางเช็ครูปไปพลาง พยายามให้เค้าดูรูปว่าโอเคมั้ย เค้าก็ไม่ดู บอกว่าเอาเหอะ เชื่อมือ เราก็ไม่อยากให้เพื่อนเสียใจ พยายามถ่ายให้เยอะไว้ก่อน ในแต่ละพิธีก็จะถ่าย 20-30 รูป เฉพาะพิธีช่วงเช้าก็เป็นร้อยแล้ว เราก็อุ่นใจนิดนึงว่าในร้อยในพันรูปที่กดชัตเตอร์ไป มันต้องมีสักสิบ ยี่สิบรูปที่ดูดี ก็อยู่ถ่ายให้สองวัน คือ ก่อนวันงานเก็บภาพบรรยากาศการเตรียมงานทั่วไป กับ วันงานที่ถ่ายตั้งแต่ก่อนขันหมากมาจนถึงส่งตัวเข้าหอ แถมซองช่วยงานไปอีกนิดหน่อย วันที่เอารูปให้เพื่อนดู ก็แก้ตัวนำไปก่อนว่ารูปไม่ค่อยสวยเลย แสงจ้าไปหน่อย บางรูปก็มืดไปเลย (แต่จริง ๆ แล้วในตอนที่ถ่ายเราก็เดินบ่นกับเค้าตลอดว่า รูปมันไม่สวย ก็พยายามปลอบใจตัวเองว่ามีกล้อง VDO อีกตัว) พอเค้าเห็นรูป เค้าบอกว่า "รูปไม่สวยเลย .. ทำไมถ่ายใกล้ขนาดนี้ น่าจะถ่ายมุมกว้าง ๆ .. อันนี้ก็แสงจ้าไป มองไม่เห็นรายละเอียดเลย อันนี้มืดไป" . . ใจอยู่ตาตุ่มเลย T__T ไม่ได้โกรธเลยที่เพื่อนพูดแบบนั้น เพราะอยากฝึกให้ผลงานดีก็ต้องมีคนวิจารณ์ให้พัฒนางานใช่มั้ย แต่มันมีสองอารมณ์เกิดขึ้น คือ หนึ่ง เสียใจที่ทำให้งานแต่งของเพื่อนไม่มีรูปสวย ๆ เก็บไว้ดู สอง โทษตัวเองว่าไม่น่ารับงานนี้เลย น่าจะช่วยรับแขกอย่างเดียว เมื่อก่อน เราชอบถ่ายรูปแล้วมีส่วนด้านบนเหลือเยอะมาก จนพี่คนนึงถามว่า "ไม่เข้าใจว่าจะเหลือไว้ทำไม" เราก็หวังอยากให้งานออกมาดี วันหลังหยิบมาดูก็จะได้เห็นหน้าคนในรูปชัด ๆ ว่ามีใครบ้าง เพราะเคยเห็นบางคนถ่ายภาพแบบต้องใช้แว่นขยายดูหน้ากันเลยทีเดียว ก็เลยพยายามถ่ายเต็มขอบภาพไม่ก็เหลือไว้นิดหน่อย กลายเป็นว่ามันดูอึดอัดเกินไป ภาพไม่สวย T___T เราก็ขอโทษเพื่อน ก็แซวเล่นไปว่า ไว้งานหน้าถ้าแต่งอีกที จะแก้ตัวใหม่แล้วกัน - -" แต่ในความเสียใจ ก็ขอบคุณเพื่อนที่ทำให้เรามีประสบการณ์การถ่ายภาพงานแต่งงานแบบพิธีพื้นบ้าน ซึ่งก็คงต้องปรับอีกล้านแปดกว่าฝีมือมันจะดีกว่านี้สักหน่อย อย่าว่าแต่อย่างอื่นเลย ขนาดรูปเรายังถ่ายแค่ 6 MB ซึ่งปกติเราจะเป็นคนถ่ายรูปแล้วเน้นไฟล์ใหญ่ ๆ ไว้ก่อน เพราะชอบเอารูปไปอัดขยาย แต่งานนี้พลาดมากกกกกกกกกกกก T____T อยากแชร์ความรู้สึกและประสบการณ์คนที่ทำให้ภาพงานแต่งงานใครสักคนออกมาไม่ดี บางทีเราก็ไม่มีทางเลือก(ในการปฏิเสธ)และไม่มีโอกาสแก้ตัวเป็นครั้งที่สอง คุณเป็นเจ้าของงานคุณยังเสียดาย เราเองเป็นคนถ่ายแล้วภาพออกมาห่วยขนาดนั้น อย่าว่าแต่เสียดายเลย มันเสียใจ เสียความรู้สึก ทำให้เพื่อนเสียความไว้วางใจ เสียความมั่นใจ และเราไม่อยากให้ใครเห็นรูปชุดนั้นเลย อยากลบทิ้งให้มันหมด ๆ ไป สบายใจ ได้ระบาย >___< จากคุณ : ยืมเพื่อนมาโพสต์ (nuinuijungka) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 21:45:25

ความคิดเห็นที่ 76   งานแต่งงานผมไม่ได้จ้างช่างภาพ แต่มีเพื่อนๆ ในห้องหางฟิล์มมาช่วยกันถ่ายเต็มงาน ทั้งภาพนิ่งทั้งวีดีโอ ภาพสวยสมใจ ^ ^ งานเพื่อนๆ ก็ยกโขยงกันไปถ่ายแบบนี้ทุกงาน มันส์มาก อิอิ แต่ให้รับงานจริงๆ ผมไม่เอาด้วยละคร้าบบบ จากคุณ : Headbanger เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 22:27:18

ความคิดเห็นที่ 77   คิดก่อนพิมพ์หน่อยนะครับน้าแมว เห็นหลายกระทู้แล้ว ที่พิมพ์แรง ๆ รู้ว่าเป็นผู้ใหญ่ห้องนี้ ให้ความรู้เยอะ แต่ไม่รู้เพราะอะไร กดเจอแต่กระทู้ที่ตอบแบบแรง ๆ แบบนี้ตลอดเลย จากคุณ : kookam เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 53 04:31:19

ความคิดเห็นที่ 78   เท่าที่รู้ผู้ใหญ่บางท่านในเวปอายุ20ปลายๆ- 30ต้นๆ ก็ยังมี (เห็นตัวหนังสือก็นึกว่าเป็นผู้อาวุโสผ่านโลกมาเยอะจริง) คนที่เข้ามาใหม่ๆก็ให้ความเคารพยำเกรงใน ล๊อกอิน โพสประจบประแจงกันตามเรื่องตามราว จนทำให้เจ้าตัวรู้สึกมีอาวุโสทางความคิดสุดๆเห็นคนอื่นเป็นเด็กเป็นเล็กไปซะหมด แต่โปรดละรึกไว้เวลาจะโพสอะไร คุณไม่เคยเห็นหน้าเห็นตาผู้อื่น ไม่ทราบปูมหลังความเป็นมา-อายุ-หน้าที่การงานของเขา  วิภาควิจารณ์อะไรก็ให้อยู่ในกรอบของความพอดีซักนิดนะครับ ปล.จริงๆแล้วผมชื่นชมผู้ใหญ่แท้และเทียมทุกท่านนะครับที่พยายามทำให้สังคมนี้น่าอยู่ จากคุณ : Dolphin Rider (Salt Cat) เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 53 09:04:14

ความคิดเห็นที่ 79   เคยเจอเหตุการณ์ทำนองนี้เหมือนกันค่ะ แต่เป็นงานรับปริญญาของเราเอง จ้างเพื่อนของเพื่อนที่เรียนด้านถ่ายภาพโดยตรง เคยรับงานมาบ้าง มาถ่ายให้ แต่รูปออกมาทั้งเบลอ ทั้งเอียง แถมมุมที่ถ่ายก็มือสมัครเล่นมากๆ (ฉันยังถ่ายสวยกว่าเธออีก) รูปออกมาเน่าสนิท  ถึงมันจะคืนเงินให้ แต่มันเทียบไม่ได้เลยกับความรู้สึก เพราะทั้งชีวิตฉันอาจจะได้รับปริญญาแค่ครั้งเดียวก็ได้  อย่างเซ็ง!!! จากคุณ : เด็กหญิงบุญเกิบ เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 53 10:11:20

ความคิดเห็นที่ 80   แค่เรื่องการ process รูป ที่ผมอธิบายยาวเหยียด แต่คุณก็ยังคงมั่นใจในความคิดของ "ตัวเอง" ว่า 20 วันมันมากไปหน่อย ผมว่าไม่ต้องพิมพ์ก็ได้มั้งครับ ใน พันทิป มีช่างภาพที่ผมชอบมากๆ หลายคน ที่ถ่าย wedding นะ ไม่ค่อยเห็นคนไหนส่งงานเร็วกว่าสองอาทิตย์เลย เวลาส่งงาน เค้าไม่ได้ปรับสี ปรับ WB แล้วส่งเลยนะน้า  มันมีมากกว่านั้น ผมว่าน้าก็น่าจะทราบ ถ่ายภาพเนี่ย มันเป็นเรื่องของศิลปะ แต่ละคนมีกระบวนการไม่เหมือนกัน ไม่ตายตัว ช้าเร็วไม่เหมือนกัน ที่สำคัญคือแจ้งลูกค้าก่อน ง่ายๆเท่านั้นเอง   ถ่ายภาพไม่ใช่ซ่อมรถที่ศูนย์โตโยต้า ที่จะประกอบอะไหล่ และซ่อมเสร็จใน 1 ชม. นะครับ ผมเกรงว่า เจตนาของกระทู้นี้จะเปลี่ยนไป  ดังนั้นผมจึงคงไม่โพสต์อะไรต่อ เห็นใจเพื่อนคนอื่นๆ ที่ต้องเข้ามาอ่านครับ อยากให้ทุกคนได้ความรู้   ไม่รู้ว่า "เพื่อนๆคิดเหมือนผมไหมครับ" ......... คิดเหมือนกันครับ อย่างผมช่วงปกติก็จะ 2 อาทิตย์ เดือนที่มีคนแต่งงานเยอะๆก็อาจจะถึงเดือนนึงเลยเหมือนกัน ........ 1.ให้ช่างภาพมาถ่าย Pre- ให้ก่อนอย่างน้อยสัก 1 วันไม่ว่าจะงานอะไรก็แล้วแต่ เพื่อดูแนวภาพและเป็นการแสดงความเชื่อมั่นต่อกันและกัน และพูดคุยถึงสไตล์ภาพที่ต้องการ และแนวคิดของงานแต่ละงาน ช่างภาพอย่าอ้างว่าไม่ว่างเลยครับ รับงานรับเงินแล้วจะไม่เทคแคร์ลูกค้า เลยเชียวหรือ ....แบบนี้ผมก็ไม่ไปครับ  ผมมีผลงานให้ดูมากมายอยู่แล้ว ทำไมต้องไปถ่ายพรีให้ก่อนอีก ถ้าจะให้ไปก็ไปได้ ก็คิดราคาไปตามคิว จากคุณ : Pollutor เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 53 10:19:56

ความคิดเห็นที่ 81   ถูกใจมากเลยน้าเบิร์ด  แต่ว่างๆ เราน่าจะมีกระทู้ที่ช่างภาพโดนลูกค้ารังแกบ้างก็ดีนะครับ เช่นประมาณว่าพิธีเริ่ม 7.30 นัดช่างภาพมา ตี 5 ประมาณนี้ หรือคิวเลิก 4 ทุ่มพี่แกเล่นให้ตามไปส่งตัวหรืออะไร  ผมว่าน่าจะเป้นแนวทางให้แก่ช่างภาพไว้รับมือเมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้ จากคุณ : Fibonaccy เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 53 16:11:10

ความคิดเห็นที่ 82   เล่าให้ฟังเฉยๆ ผมไม่กล้ารับงานถ่ายภาพคนรู้จักก็เพราะกลัวทำงานเขาเสีย มักบอกว่าให้หามืออาชีพมาแต่เดี๋ยวผมเป็นกล้องสำรองให้ดีกว่า และผมมักจะกลายเป็นกล้องหลักเพราะช่างที่จ้างมา กล้อง Digital คอมเพคธรรมดา (นั้นกล้ารับงานด้วยวุ๊ย) งานสำคัญนอกจากจ้างแล้วลองขอคนรู้จักมาช่วยถ่ายก็ดีนะครับเอาไว้เป็นกล้องหลักเอ๋ยสำรอง จากคุณ : ภีมะ.. เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 53 17:01:32

ความคิดเห็นที่ 83   ผมโชคดีแฮะ ได้ช่างที่รู้จักกับแฟน มืออาชีพมาก ขนาดงานหมั้น ยังได้ช่างภาพคอยแนะว่า ให้ทำอะไรก่อน นี่ถ้าไม่ได้ คงหล่กกันเลยวันนั้น ^^ จากคุณ : น้องหยิก เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 53 18:01:55

ความคิดเห็นที่ 84   เสียดายแทน จขกท. มากค่ะ ช่างภาพคนนี้ไม่มีจรรยาบรรณเอาซะเลย ... งานแต่งเรา...ขอช่วยเพื่อนสนิทของเจ้าบ่าว มาถ่ายให้ วันงานช่างภาพมากันเป็นทีม 3 คน (จริงๆ จะมี 4 แต่สุดท้ายคนนึงไม่ว่าง) เก็บภาพกันคนละมุม มาเก็บภาพตั้งแต่เราเริ่มแต่งหน้าตอนเช้าเลยด้วยซ้ำ (ช่างภาพเค้ายินดีมาเองเลยค่ะ เราเองไ่ม่ทันคิดว่า จะต้องถ่ายตั้งแต่แต่งหน้า) งานนี้แฮ้ปปี้มากๆ เพราะเก็บได้ครบ เราได้ภาพหลังจากงานแต่งประมาณ 3 อาทิตย์ ทั้งหมด 1000 กว่ารูป ภาพสวย ถูกใจเรามาก ที่สำคัญ งานนี้เค้าไม่คิดเงินเลยสักบาท (บอกว่า ขอให้มีหอยจ๊อในงานก็พอ อิอิ) อย่างนี้ค่ะ ถึงเรียกว่ามืออาชีพ ...แม้เค้าจะมีน้ำใจมาถ่ายให้เราฟรี แต่ก็ทำเต็มที่ค่ะ จากคุณ : Halimeda Lover เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 53 19:34:45

ความคิดเห็นที่ 85   เป็นกำลังใจให้คุณGrooveRaidersค่ะ เขามาให้ความรู้ เขาพูดจาดี ๆ มีหลักการ และวิธีการทำงานของเขา ยังจะไปว่าเขาแรง ๆ อีก ไม่เข้าใจจิตใจคนเราสมัยนี้จริง ๆ ค่ะ (ทำด้วยอะไรอ่ะ) ปล.อ่านแล้วแอบโกรธค่ะ แร๊งงงงงงงงง จากคุณ : iampatama เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 53 20:33:59

ความคิดเห็นที่ 86   ผมเคยดูรายการ ลิฟวิ่งมันตรา เขาบอกว่าให้จ้างช่างภาพ 5 คน ในงานแต่งงาน คนแรก ถ่ายเจ้าบ่าว โดยเฉพาะ คนที่สอง ถ่ายเจ้าสาว โดยเฉพาะ คนที่สาม ถ่ายพ่อ-แม่เจ้าบ่าว โดยเฉพาะ คนที่สี่ ถ่ายพ่อ-แม่เจ้าสาว โดยเฉพาะ คนที่ห้า ถ่ายแขกที่มาในงาน ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะยังไงยังไม่ได้แต่งงาน 555+ เขาบอกว่า เสร็จงานแล้วก็เอารูปอัพลลง ไฮ5 เฟคบุค แล้วให้เพื่อนๆไปโหลด จากคุณ : ทองเยิ้ม (ทองเยิ้ม) เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 53 20:34:33

ความคิดเห็นที่ 87   เหอ จากคุณ : อย่าร้องไห้น้า เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 53 22:26:58

ความคิดเห็นที่ 88   ยังไม่กล้ารับวันสำคัญพวกรับปริญญารึงานแต่งงานเพราะอย่างนี้แหละค่ะ กลัวจะทำวันสำคัญที่ทั้งชีวิตเค้ามีได้แค่วันเดียวเสียไป เราว่าความทรงจำมันเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ เลยนะคะ จะผ่านไปกี่สิบปีมันก็ยังไม่เก่า จากคุณ : เพนกวินน้อยลอยน้ำ เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 53 22:42:35

ความคิดเห็นที่ 89   อ่านแล้วก็ท้อใจ กลัว ไม่กล้ารับงานเลย กลัวทำได้ไม่ดีพอที่เค้าคาดหวัง จากคุณ : คนหัวฟู เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 03:03:12

ความคิดเห็นที่ 90   แบบนี้ต้องมีช่างสำรองไว้อีกคนแล้ว กันเบี้ยวไม่มา และกันรูปเสีย จากคุณ : ลุงหยก เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 12:25:01

ความคิดเห็นที่ 91   ตอนผมแต่งงานปี 47 ที่ต่างจังหวัด ทางบ้านแฟนได้จ้างช่างภาพจากร้านรับอัดรูปมาคนนึง  ผมก็วางใจว่าคงเลือกมาดีๆ แน่ แต่พอไปวันงานเจอช่างภาพซึ่งเป็นเจ้าของร้านเอง   ก็เข้าไปคุยด้วยรู้แน่ๆ เลยว่าไม่ใช่แล้ว  แล้วพอเห็นกล้องที่พกมา  แปลกใจใหญ่  รับงานตั้งหลายบาททำไมใช้แค่กล้อง DSLR  Like และก็รุ่นเล็กๆ ด้วย  ตอนนั้นกล้อง DSLR Like ราคาก็ 2 หมื่นกว่าๆ ไม่ได้คาดหวังอะไรแล้วกับคนถือกล้องคนนั้น ก็เลยไปเอากล้องฟิล์มท้ายรถกับเลนส์ 28-105 3.5-4.5       และให้น้องไปซื้อฟิล์ม 400 มา 10 ม้วน  และให้น้าชายของแฟน ดูแล้วแกออก อาร์ตๆ   ซึ่งถ่ายรูปเกือบจะไม่เป็นเลย  ได้แค่ยกกล้องมาถ่าย ใส่ฟิล์ม   Set กล้องให้ใช้ Mode P  ตอนนั้นผมเองพอถ่ายรูปเป็นนิดหน่อย  เพราะใช้กล้องเวลาเที่ยว  แนะนำให้น้าแกว่ายังไงๆ   อาศัยว่าเคยสังเกตช่างกล้องงานแต่งคนอื่นบ้าง ผลสุดท้าย  กล้องจากร้านที่จ่ายเงินเกือบหมื่น  กับกล้องฟิล์ม  จากกล้องที่จ้างกับกล้องฟิล์มที่น้าแกถ่ายงานแต่งครั้งแรก  คนละเรื่องกันเลย  ภาพที่จ้างนี่ทิ้งซะเยอะมาก  ส่วนกล้องฟิล์มนี่เสียน้อย  เพียงแต่มุมกล้องมันไม่ได้สวยไปทุกรูป ช่างภาพของเจ้าของกระทู้  จริงๆ หากใช้กล้องไม่เป็น  ถ่ายภาพเป็นทำไมไม่ใช้ Mode p  หรือ Auto หล่ะ   การได้ภาพมันสำคัญกว่านะผมว่า จากคุณ : Control.A เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 14:08:30

ความคิดเห็นที่ 92   อ้าว เศร้าเลยน้องพิม อย่างนี้ภาพสวยๆที่คิดว่ามีครั้งเดียวในชีวิต จะเป็นยังไงเนี่ย ไม่เซ็งตอนนั้น จะไปเซ็งตอนไหน พี่ว่าน้องพิมถ่ายเองสวยกว่านั้นบานเลย แต่มันก็เป็นไปไม่ได้เนอะก็งานตัวเอง จากคุณ : hamich เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 18:20:14

ความคิดเห็นที่ 93   โห คุณพิมก็เคยเจอเหรอคะ ไม่มีอะไร แวะมาทักว่า จขกท ทำอาหารน่าทานมากกกก โปรเรื่องอาหารสุดๆ  ^ ^ จากคุณ : Sonia Project เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 53 06:23:52