ความคิดเห็นที่ 1   แฟลช คืออะไร อยากให้ลองจินตนาการว่า แฟลชคือไฟฉายกระบอกใหญ่กระบอกหนึ่ง แต่เราไม่สามารถใช้ไฟฉายกระบอกใหญ่ในการทำงานได้ เพราะกำลังไฟในขนาดที่เราต้องการสำหรับการถ่ายรูปนั้น ต้องสว่างมากพอ เราจะหาแบตเตอรี่ขนาดใหญ่สักเท่าไหร่จึงจะพอใช้งาน การแก้ปัญหาก็คือ ให้แฟลช วาบ แสงสว่างมากๆ แต่ช่วงสั้นๆ (เศษ 1/1000 วินาที) ด้วยวิธีนี้ เราได้อุปกรณ์ส่องแสง กำลังแรง (แรงกว่าแสงสว่างจากหน้ารถ) แต่ใช้พลังงานเพียงถ่าน AA 2-4 ก้อน จากคุณ : Blue Planet Earth เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 10:08:02

ความคิดเห็นที่ 2   ทำไมแฟลชจึงใช้ยาก แฟลชใช้ยาก เพราะเราวัดแสงแฟลชไม่ได้ (ที่จริงมีเครื่องวัดแสงแฟลชนะ) เพราะแฟลชไม่ใช่แสงต่อเนื่อง วาบ เพียง 1/1000 วินาที สั้นมาก เครื่องวัดแสงวัดไม่ทัน แล้วเรากำหนดค่าแสงที่กล้องจะใช้อย่างไร นี่คือที่มาของ Guide Number Guide Number คือค่าที่บอกว่า แฟลชตัวนี้ มีกำลังส่องสว่างเท่าไหร่ โดยมาตรฐาน เรากำหนดที่ ISO100, F1.0 หลายคนอาจแปลกใจ F1.0 มีด้วยหรือ ทุกวันนี้เห็น F2.8 ก็สุดหรูแล้ว สมัยกล้องฟิล์ม เลนส์ติดมากับกล้อง เป็น 50mm F1.4 หรือ 1.2 กันเป็นปกติครับ จากคุณ : Blue Planet Earth เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 10:08:41

ความคิดเห็นที่ 3   กลับเข้ามาเรื่อง GN GN 50 หมายความว่า ถ้าใช้ ISO100 F1.0 (ความเร็วชัตเตอร์ไม่เกี่ยง ขอให้ไม่เกินค่าซิงค์) จะถ่ายวัตถุในระยะ 50 เมตรได้ แสงพอดี(ระยะทางพอให้ถ่ายรูปไกล 50 เมตร) หรือ GN 50 หมายความว่า ถ้าใช้ ISO200 F1.0 จะถ่ายวัตถุในระยะ 100 เมตรได้แสงพอดี หรือ GN 50 หมายความว่า ถ้าใช้ ISO200 F2.0 จะถ่ายถ่ายวัตถุในระยะ 50 เมตรได้ หรือ GN 50 หมายความว่า ถ้าใช้ ISO200 F4.0 จะถ่ายถ่ายวัตถุในระยะ 25 เมตรได้ ลองสังเกตดูนะครับ ตัวเลขเกี่ยวกับเรื่องแสงของกล้อง เป็นตัวแลขที่แปรผันกันแบบเป็นเท่าตัว เช่น หน้ากล้อง F1.0, 2.0, 4.0, 8, 16 (หรือค่าอื่นที่เป็นครึ่งเช่น 2.8, 5.6, 11, 22) ความเร็วชัตเตอร์ 1/15, 1/30, 1/125, 1/250, 1/500 ระยะทาง สำหรับแฟลช หรือไกด์นัมเบอร์ ก็แปรผันเป็นเท่าเหมือนกันครับ เช่น ถ้าเราเปิดหน้ากล้อง F2 แฟลชอยู่ห่าง 12 เมตร แสงพอดี.............1 ถ้าเราขยับหน้ากล้องเป็น F4 ระยะแฟลชก็ต้องขยับเข้ามาเป็น 6 เมตร 2 ถ้าเราเปลี่ยนหน้ากล้องเป็น F8 ระยะแฟลชต้องขยับเข้ามาเป็น 3 เมตร..........3 จะเห็นได้ว่ายะยะระหว่าง 1 กับ 2 ต่างกัน 6 เมตร (12-6) แต่ระยะ 2 กับ 3 ต่างกัน 3 เมตร (6-3) ไม่ต้องงง ครับ เอาเป็นว่า การแปรผันค่าต่างๆเกี่ยวกับแสง เป็นเท่าตัวก็แล้วกัน จากคุณ : Blue Planet Earth เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 10:09:21

ความคิดเห็นที่ 4   ทำไมความเร็วชัตเตอร์ไม่เกี่ยวกับแสงแฟลช เพราะว่า แฟลชมีช่วงเวลาในการ วาบ แสงสั้นๆ บางตัวอาจจะสั้นกว่า 1/1000 วินาที ดังนั้น ถ้าเราอยู่ในที่มืดสนิท ถ่ายรูปคนด้วยด้วยความเร็วชัตเตอร์ 1/125 กับ 1/15 โดยใช้แฟลช ที่หน้ากล้องเดียวกัน รูปที่ออกมาจะเหมือนกัน เพราเปิดหน้ากล้องนานแค่ไหน แต่แฟลชก็ฉายแสงแค่วูบเดียว ถึงจะเปิดชัตเตอร์ 5 นาที แต่ก็มีแสงแค่ 1/1000 วินาที ลองทำการทดลองในห้องที่มืดดูนะครับ แต่ในกรณีที่มีแสงอื่นอยู่ด้วย ความเร็วชัตเตอร์มีผลต่อแสงอื่นนะครับ เช่น สีของท้องฟ้า สีของหลอดไฟ ที่เราเรียกกันว่า แสงบรรยากาศ หรือ Ambient จากคุณ : Blue Planet Earth เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 10:11:41

ความคิดเห็นที่ 5   ถ้าแฟลชฉายแสง แค่ 1/1000 หรือสั้นกว่า ทำไมใช้ความเร็วชัตเตอร์ ได้แค่ค่าซิงค์ละ ก่อนอื่นทำความเข้าใจเบื้องต้นเรื่องค่า Synchronize แฟลชกันก่อนนะครับ เป็นค่าที่บริษัทกำหนดว่า กล้องแต่ละตัวสามารถสัมพันธ์กับแฟลชได้ที่ ความเร็วชัตเตอร์เท่าไหร่ โดยไม่เกิดแถบดำ กล้องแต่ละรุ่นไม่เท่ากันครับ ในยุคโบราณกล้องเป็นชัตเตอร์ผ้า ซิงค์ได้ที่ 1/60 กล้องที่ม่านชัตเตอร์เป็นโลหะ เริ่มซิงค์ได้ที่ 1/125 Nikon FM2 เป็นม่านโลหะไตตาเนี่ยม ซิงค์ได้ที่ 1/250 และมีกล้องรุ่นใหม่ๆที่ซิงค์ได้สูงขึ้นแต่อาจต้องใช้แฟลชเฉพาะ หรือใช้เทคนิค Hi speed sync จากคุณ : Blue Planet Earth เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 10:14:53

ความคิดเห็นที่ 6   เพราะอะไรจึงเกิดแถบดำ เมื่อใช้ความเร็วชัตเตอร์มากกว่าค่าซิงค์ เพราะแฟลชจะเริ่มยิงเมื่อ ม่านชัตเตอร์ชุดแรกเปิดออกสุด (ม่านชัตเตอร์ชุดแรกเปิดสุด > แฟลชยิง > ม่านชุดที่สองปิด) ขั้นตอนที่ 3 แซงขั้นตอนที่ 2 ถ้าความเร็วชัตเตอร์สูงกว่าค่าซิงค์ ม่านชุดที่สองจะปิดเร็วกว่าที่แฟลชเริ่มยิงทำให้เกิดแถบดำ ดังนั้น ถ้าความเร็วชัตเตอร์ยิ่งเร็วกว่า ค่าซิงค์มากๆ แถบดำยิ่งกว้าง ถ้าเร็วกว่าหลายๆสต๊อป ก็หลายเป็นรูปมืดไปเลย ทดลองดูได้ด้วยตนเองครับ แก้ไขเมื่อ 10 มี.ค. 53 10:59:54 แก้ไขเมื่อ 10 มี.ค. 53 10:16:26 จากคุณ : Blue Planet Earth เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 10:15:26

ความคิดเห็นที่ 7   มาปาดเอาความรู้ ขอบคุณที่แบ่งปันครับ จากคุณ : สงวนศรี เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 10:20:40

ความคิดเห็นที่ 8   ถ้าวัดแสงไม่ได้แล้่วใช้แฟลช ใช้ยังไง รูปนี้ เป็นการถ่ายโล่ห์รางวัล วางโล่ห์รางวัลไว้บนโต๊ะทำงาน สีเนื้อไม้ ฉากหลังเป็นห้องทำงาน ดูไม่เรียบร้อย ผมจึงเลือกที่จะใช้แฟลช ตัดฉากหลัง (หลังดำ) โดยการยิงแฟลชเข้าด้านข้าง แสงจากแฟลชทำให้บริเวณโล่ห์รางวัลสว่าง สมมติว่า แสงในห้องปกติ ใช้ค่า F2.8 s1/30 ISO100 พอเราเอาแฟลชจ่อเข้าไป แสงที่โล่ห์รางวัลก็จะได้ประมาณ F11 (ความเร็วชัตเตอร์ไม่เกี่ยง ขอแค่ไม่เกินซิงค์) แต่ถ้าเราอยากให้ฉากหลังดำมากๆจริง ก็ใช้ S1/125 ก็ได้ รูปที่ออกมาก็เป็นอย่างนี้ครับ ส่วนคำถามที่ว่า แล้วรู้ได้ยังไงว่าต้องเปิดหน้ากล้องเท่าไหร่ ถ้าเอาตามทฤษฎีก็คำนวณตาม GN ครับ ว่า ที่ระยะเท่านี้ ต้องใช้หน้ากล้องเท่าไหร่ (ลองคำนวณเล่นๆดูนะครับ GN 50 ถ้าวัตถุอยู่ห่าง 1 เมตร ใช้ F เท่าไหร่) GN 50 F1 คือ 50 เมตร GN50 F2 คือ 25 เมตร GN50 F4 คือ 12 เมตร (ประมาณ เดี๋ยวได้บวกลบทศนิยม ปวดหัว) GN50 F8 คือ 6 เมตร GN50 F16 คือ 3 เมตร GN50 F32 คือ 1.5 เมตร F32 กล้องเราไม่มีนี่หว่า ไม่ต้องกังวลครับ แฟลชในท้องตลาดทั่วไป GN 30 กว่าๆเป็นส่วนใหญ่ครับ ถ้าไม่ได้ ก็เลื่อนแฟลชให้ห่างออกไปสิครับ สมัยก่อนการใช้แฟลช ใช้แบบนี้่จริงๆนะครับ กล้องแมนวลโฟกัส โฟกัสแล้ว ดูระยะทางบนวงแหวน ดูตารางหลังแฟลช เทียบระยะทาง ว่าต้องเปิดหน้ากล้องเท่าไหร่ แต่สมัยนี้เรอะ ง่ายกว่ากันเยอะเลยครับ เปิดหน้ากล้องสัก 8 หรือ 11 ลองถ่ายดู ถ้าจ้่าเกิน ก็ลดหน้ากล้อง ลด ISO ถ้ามืดเดิน ก็เพิ่มหน้ากล้อง หรือ เพิ่ม ISO ในรูปนี้มองดูดีๆนะครับ ยังเห็นฉากหลังรกๆ อยู่รางๆ ถ้าอยากตัดฉากหลังให้มืดกว่านี้ เพิ่มความเร็วชัตเตอร์จนถึงค่าซิงค์ (สูงสุดที่มันทำได้) เลยก็ได้ครับ เป็นการบ้าน ใครช่วยตอบและอธิบายโจทย์ข้อนี้ด้วยครับ แก้ไขเมื่อ 10 มี.ค. 53 10:49:00 แก้ไขเมื่อ 10 มี.ค. 53 10:35:02 แก้ไขเมื่อ 10 มี.ค. 53 10:30:34 จากคุณ : Blue Planet Earth เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 10:22:44

ความคิดเห็นที่ 9   สวัสดีครับ คุณสงวนศรี ................................................................. จะเห็นได้ว่า ตารางคำนวณในชีวิตจริงแทบไม่ได้ใช้ (เพระาถ้าใช้ก็ไม่ทันกิน) และบางสถานการณ์ แฟลชก็ไม่เป็นไปตาม GN เช่น การ Bounce แฟลชเป็นต้น จากคุณ : Blue Planet Earth เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 10:32:54

ความคิดเห็นที่ 10   บางสถานการณ์ แฟลชก็ไม่ใช่แสงหลักของภาพ ดังนั้นก็ไม่เป็นไปตาม GN ครับ ไม่เป็นไปตาม GN แล้วทำไง ก็ดูหลังกล้องแล้วปรับไปยังไงละ ที่เราคุยกันมา ไม่ใช่เพื่อบอกว่า ทำยังไงถึงจะถูกหรือดี แต่เพื่อให้รู้ว่า ถ้าเราพลาด เราปรับยังไงให้เข้าที่เข้าทางได้เร็วที่สุดต่างหากครับ จากคุณ : Blue Planet Earth เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 10:37:48

ความคิดเห็นที่ 11   ถ้าต้องใช้แฟลชกับแสงสิ่งแวดล้อมจะทำยังไง วัดแสงแบบธรรมดาก่อนครับ เช่น ได้ค่าแสง f4 s1/30 iso100 เราก็มาดูว่า แฟลชเรา ที่ F4 ควรอยู่ห่างกี่เมตร (ทฤษฎี) แต่ถ้าแฟลชตั้งห่างไม่ได้ ต้องใช้ F5.6 ละทำไงดีละ ก็ปรับหน้ากล้องไปเป็น 5.6 สิครับ แล้วลดความเร็วชัตเตอร์ลงมา อาจจะเป็น 1/20 (เพราะไม่ถึง 1 สต๊อป) เราก็จะได้แสงที่พอดีทั้งแสงธรรมชาติ และแสงแฟลช แต่ความจริงแล้ว การถ่ายรูปก้ับแสงธรรมชาติ บางครั้งเราจะไม่วัดแสงพอดีเป๊ะๆครับ อาจจะโอเวอร์หรืออันเดอร์หน่อยๆก็ได้ ส่วนเรื่องแฟลช วิธีใช้ก็เหมือนเดิมครับ ลองยิงดู ถ้าจ้า ก็ลดหน้ากล้อง หรือถอยห่้าง หรือ ลดกำลังแฟลช ตรงไปตรงมา คิดเหมือนมีสปอตไลท์ครับ ถ้าแสงจ้าไป ก็ถอยสปอตไลท์ออกมา หรือ ปรับหน้ากล้องให้แคบลง อย่าไปคิดว่ามันเป็นแฟลช แก้ไขเมื่อ 10 มี.ค. 53 11:16:59 จากคุณ : Blue Planet Earth เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 10:55:58

ความคิดเห็นที่ 12   นึกไม่ออกแล้วครับ ว่าจะเขียนอะไรต่อดี ระหว่างนี้อาจเห็นแก้ไขๆๆๆ อยู่เรื่อๆนะครับ เพราะไม่ค่อยพร้อม แต่ถ้ามีข้อสงสัยอะไรถามเพิ่มได้เลยครับ หรือพี่ๆน้องๆเรา มีท่านอื่นอธิบายเสริม ยิ่งดีใหญ่ครับ จากคุณ : Blue Planet Earth เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 11:01:31

ความคิดเห็นที่ 13   กระจ่างขึ้นเยอะเลยครับ เรื่องแฟลชเนี่ย ของแสลงสำหรับผม ซื้อมาก็ซัดโหมด TTL Auto อย่างเดียวเลย  ขอบคุณสาระดีครับ จากคุณ : GEARSOLID เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 11:17:48

ความคิดเห็นที่ 14   แฟลช ดูเหมือนใช้ยาก เพราะทุกคนเรียนรู้การใช้กล้องว่า ต้องวัดแสงก่อนถ่าย พอเจอสถานการณ์ที่ ไม่ต้องวัดแสง แต่ให้ใช้ค่าคงที่ ตามระยะทาง ก็เลยสับสน เทคโนโลยี่ใหม่ๆ จึงช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวได้ เช่น ระบบ แฟลช ออโต้ และ TTL ออโต้ ทำงานอย่างไร แฟลชออโต้จะมีตัวเซ็นเซอร์ที่ตัวแฟลช มีเงื่อนไขว่า เราต้องตั้งหน้ากล้องตามที่กำหนดไว้ เมื่อแฟลชยิงไปแล้ว มันก็จะวัดแสง ถ้าสว่างเกินไปมันจะตัด (แต่ถ้ามืดไป มันก็ไม่ทำอะไรให้นะครับ) TTL ทำงานอย่างไร แฟลช TTL จะทำงานสัมพันธ์กับกล้อง เลือกหน้ากล้องได้อิสระ เมื่อยิงแฟลชออกไป จะมีตัวเซ็นเซอร์วัดแสงที่ฟิล์ม (สมัยนี้ตัว CCD วัดแสงเองเลยมั้ง) ถ้าแสงแรงเกินไป ก็ตัด ถ้าแสงไม่พอ ก็เบ่งแรงยิงแฟลชเพิ่ม จากคุณ : Blue Planet Earth เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 11:31:42

ความคิดเห็นที่ 15   ปรบมือเกรียววววว จากคุณ : kitazawa เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 11:40:54

ความคิดเห็นที่ 16   ขอบคุณครับผม อ่านแล้วหนึ่งรอบ น่าจะต้องมีถึง3รอบเดี๋ยวกลับมาอ่านใหม่ นิดนึงครับ YN 460 II เห็นบางคนบอกบางตัวมีปัญหา ตอนนี้มันแก้ไขหรือยัง ต้องเช็คอะไรเป็นพิเศษมั้ยครับ ครับ ซื้อได้ที่ไหน ดูในเวปร้านกล้องไม่เห็นมี ราคาประมาณเท่าไหร่ ถ้าสั่งจาก EBay ไว้ใจได้มั้ยครับ ขอบคุณครับผม -น่าเก็บเข้าคลังกระทู้นะครับ จากคุณ : ป่ากลางเมือง เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 11:42:02

ความคิดเห็นที่ 17   ****************************************** คห.นี้ ข้อมูลผิดพลาดครับ น้าแมวฯ ช่วยแก้ให้แล้วที่ คห.43-44 ครับ แฟลชไม่ได้วาบสั้นลง แต่วาบนานขึ้น ตั้งแต่ก่อนม่านชัตเตอร์เปิด จนม่านชัตเตอร์สุด ไม่ได้ edit แก้ส่วนที่โพสต์ไว้ก่อน เพื่อให้เห็นการแลกเปลี่ยนความรู้ครับ ************************************************ Hi speed sync  ที่จริงแล้วคือการยิงแฟลช ในเวลาที่สั้นลงไปอีก (สั้นกว่าสั้น) ย้อนความเดิมตอนที่แล้ว เรื่องการซิงค์ก่อนนะ .................................................................. เพราะแฟลชจะเริ่มยิงเมื่อ ม่านชัตเตอร์ชุดแรกเปิดออกสุด (ม่านชัตเตอร์ชุดแรกเปิดสุด > แฟลชยิง > ม่านชุดที่สองปิด) ขั้นตอนที่ 3 แซงขั้นตอนที่ 2 ถ้าความเร็วชัตเตอร์สูงกว่าค่าซิงค์ ม่านชุดที่สองจะปิดเร็วกว่าที่แฟลชเริ่มยิงทำให้เกิดแถบดำ .................................................................................................... การทำไฮสปีดซิงค์ คือการทำให้ล้อหลัง ไม่แซงล้อหน้า (ขั้นตอนที่ 3 ไม่แซงขั้นตอนที่ 2) สมมติ เช่น แฟลช ยิงด้วยค่าแสงคงที่ค่านึง วาบสั้นๆแค่ 1/1000 วินาที ไฮสปีดซิงค์ ก็จะทำให้แฟลช วาบ สั้นลงไปอีก อาจจะเป็น 1/2000 วินาที คิดภาพตามนะครับ แทนค่าสมการ ในขั้นตอนที่ 2 แบบเส้นเวลา 1/1000 วินาทีขีดเส้นได้ยาวกว่า 1/2000 วินาที ถ้าวาบแค่ 1/2000 วินาที ขั้นตอนที่ 3 มันไล่งับไม่ทัน แต่ผลที่ได้ กำลังแฟลชก็ลดลงไงครับ เพราะค่ารวม เป็นค่าแสง รวมกับเวลาที่ฉายแสง ดังนั้น ใช้ Hi speed sync จึงเสียระยะทางครับ แก้ไขเมื่อ 10 มี.ค. 53 18:37:24 แก้ไขเมื่อ 10 มี.ค. 53 18:35:47 จากคุณ : Blue Planet Earth เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 11:48:28

ความคิดเห็นที่ 18   สวัสดีครับ คุณ GEARSOLID. คุณ kitazawa คูณป่ากลางเมือง YN460-MKII  ดีกว่าตัวแรกเยอะครับ ถ้านับว่าเป็นอุปกรณ์จากจีน ถือว่า การประกอบอยู่ในขั้นดีเลยทีเดียว ผมไม่เคยสั่งซื้อทาง E-bay ครับ ไม่รู้ว่าจะแจ๊คพอตเรื่องภาษีหรือเปล่า ผมสั่งซื้อทางเน็ตในเมืองไทยครับ ราคาเคยพูดไว้ในกระทู้ก่อนๆแล้ว (ไม่กล้าพูดบ่อย เดี๋ยวโดนยึดอมยิ้ม) จากคุณ : Blue Planet Earth เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 11:54:03

ความคิดเห็นที่ 19   ผมใช้ FL-50R ถ้าถ่ายอินดอร์ ก็จะ Bounce ที่เพดานแล้วดึงแผ่น Bounce Card ขึ้นเพื่อตบแสงแฟลชส่วนหนึ่งไปที่หน้าของคน แต่พอถ่าย OutDoor นี่ล่ะเครียดเลยครับ ลองสวม Difuser ที่แถมมากับแฟลช แล้วหักแฟลช 90 องศายิงตรงๆ โหมด TTL ก็ยังรู้สึกว่าแสงแข็งๆอยู่ดี พอจะแนะนำวิธีใช้แฟลชสำหรับ OutDoor ได้มั้ยครับ จากคุณ : Teetaro เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 11:55:09

ความคิดเห็นที่ 20   การแก้ปัญหา ไฮสปีดซิงค์แบบบ้านๆ เช่น วัดแสงได้ f4 s1/1000 ในเวลากลางวันแสกๆ ความเร็วชัตเตอร์เกินค่าซิงค์ ถ้าลดความเร็วชัตเตอร์ลงมา 1/500 หน้ากล้อง f8 1/250 หน้ากล้อง f16 (เอ้า ความเร็วชัตเตอร์พอไหว) แต่หน้ากล้อง F16 นี่แฟลชต้องอยู่ใกล้แบบมากๆเลยนะ ก็เลยต้องอาศัยคนถือแฟลชหน้าตาดี เอาแฟลชไปจ่อที่แบบ ห่างสักเมตรนึงมั้ง แล้วเราก็ได้รูปนี้มาไง (ยอมให้หน้ากล้องแคบ เพื่อให้ได้ความเร็วชัตเตอร์ที่ต้องการ แต่ร่นระยะแฟลช) แต่ถ้าเป็นไฮสปีดแฟลช (ไม่รู้ว่ามันรองรับความเร็วได้ 1/1000 หรือเปล่า) มันก็ถ่ายได้เลย (แต่อ่านหลังแฟลชนิดนึง เพราะเท่ากับมันลดกำลังลง แสงแฟลชจะยิงถึงหรือเปล่าก็ต้องดูด้วย) จากคุณ : Blue Planet Earth เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 12:05:35

ความคิดเห็นที่ 21   คุณ Teetaro ลองลดกำลังแฟลชลง หรือจัดให้แสงหลักที่แรงกว่า เป็นแสงไฮไลท์ แล้วแฟลชเราทำหน้าที่เปิดเงาครับ จากคุณ : Blue Planet Earth เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 12:08:28

ความคิดเห็นที่ 22   เยี่ยมเลยครับ ปกติแฟลชผมก็ใช้มันไปตามยถากรรมอย่างเดียว ไม่นึกว่ามันจะมีค่า อะไรมากมายขนาดนี ภาพประกอบก็สวยมากเลยครับ จากคุณ : เอก (เด็กดำเนิน) เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 12:11:31

ความคิดเห็นที่ 23   เซฟเข้าคลังกระทู้แล้วค่ะน้าเหน่ง เดี๋ยวสมองโล่งๆจะมานั่งอ่านแบบละเอียดถี่ยิบ รับรองว่า จะต้องได้อะไรจากวิทยาทานชิ้นนี้ของน้าเหน่งเข้าสมองตัวเองแน่ๆ จากคุณ : Sonia Project เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 12:39:41

ความคิดเห็นที่ 24   ^ ^ คริ คริ นู๋โอ้มีแฟลชเปนของตัวเองแล้วเหรอ 555 ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆ นะครับ กำลังหัดใช้แฟลชอยู่พอดีเลย ขอบคุณครับ จากคุณ : ชัตเตอร์ โอลี่ เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 13:10:20

ความคิดเห็นที่ 25   อิอิ อ่านแล้วแจ่มมากครับ จากคุณ : pomgm2000 เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 13:24:25

ความคิดเห็นที่ 26   มาเช็คชื่อเข้าห้องเรียนครับ จากคุณ : Think Optimistically ! เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 13:25:23

ความคิดเห็นที่ 27   เรื่องแฟลชนี่ ปกติผมมั่วตลอดเลยครับ มาเจอทฤษฎีแล้วตาลาย ตัวหนังสือเต็มไปหมด จากคุณ : the เด็ก เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 13:31:48

ความคิดเห็นที่ 28   เก็บเข้ากล่องดำเถิดดดดด สำหรับผมหลังจากได้แฟลชมาเหมือนเริ่มหัดถ่ายรูปใหม่เลย วันนี้ก็ยังไช้ไม่เป็นซักทีครับ สงสัยนิดครับ เซนเซอร์ที่แฟลชทราบได้อย่างไรว่าแสงพอดีแล้ว (กรณี Auto และ TTL Auto) มันใช้หลักการกับการสะท้อนแสง 18% ใช่มั๊ยครับ ถ้าเป็นอย่างนั้นมันเปรียบเหมือนการวัดแสงของกล้องแบบไหนครับ เฉลี่ย เฉลี่ยหนักกลาง หรือว่าอย่างไรครับผม และอีกคำถามครับ สืบเนื่องจากคำถามข้างบน ว่าแฟลชก็โดนสีเสื้อขาวๆ หรือดวงอาทิตย์แบคกราวน์แบบ หลอกได้เหมือนกันใช่มั๊ยครับ แล้วแก้ยังไง ขอบคุณล่วงหน้ามากๆครับผม เป็นกระทู้ที่ผมรอมานานนนนน จากคุณ : ปะเลอะปะเต๋อ เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 13:35:46

ความคิดเห็นที่ 29   อ่านแล้วพอเข้าใจบ้างครับพี่เหน่ง .. แต่อาศัยลูกมั่วมากกว่า (ดู LCD แล้วปรับเอา) ตอนนี้สนใจ ... อยากลองเล่นเเฟลช 2 ตัวน่ะครับ - แต่ผมถ่ายภาพ Portrait น้อยมาก ไม่รู้จะอยากลองไปทำไม ขอถามเล็กน้อยน่ะครับ (มี 50 R อยู่แล้ว 1 ตัว) - ถ้าสนใจเล่นแฟลช 2 ตัวจริงๆ (หรือมากกว่า) ผมควรหาไอ้ตัวทริกเกอร์มาใช้หรือซื้อ แฟลช โอลี่ ที่มี R เพิ่มอีกตัว - แล้วถ้าใช้ทริกเกอร์ส่งสัญญาณ แฟลชอีกตัวควรเป็นแฟลชอะไร (ยี่ห้อ อะไรดี) - ถ้าตามข้างบน แฟลช 1 ตัว + ทริกเกอร์ ใช้งบเท่าไรครับ ถามเยอะหน่อยน่ะครับ แค่เเฟลชตัวเดียวยังใช้ไม่ได้ดีเลย จากคุณ : ลำพู (lumpoo) เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 13:40:27

ความคิดเห็นที่ 30   ... จากคุณ : แดงจุ้น เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 15:12:33

ความคิดเห็นที่ 31   ตามที่น้า Teetaro ว่า ที่ใช้คือ Omni Bounce หรือเปล่าครับ (ที่เป็นพลาสติกขาวขุ่นครอบหัวแฟลชเลย) ถ้าเป็นตัวนั้น ตามที่ผมอ่านมามันไม่ได้ช่วยทำให้แสงนุ่มครับ แต่ช่วยกระจายแสงเวลาเรา Boucne กับเพดานครับ จากคุณ : Dont Be Serious เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 15:38:05

ความคิดเห็นที่ 32   ขอบคุณทุกท่านที่เยี่ียมชมครับ ผมอยากจะบอกทุกคนว่า คห.27 คุณ theเด็ก และ คห.29 คุณ lumpoo นี่แหละ วิธีการใช้แฟลชที่ถูำก (พูดจริง ไม่ได้ล้อเล่น) เราเคยชินกับการถ่ายรูปแบบรู้เรื่องก่อน คือวัดแสง รู้ค่าที่แน่นอน แล้วถ่าย (ทำจากเหตุไปหาผล) แต่การถ่ายรูปด้วยแฟลช ในยุคดิจิม่อน มันกลับหัวกลับหาง ทำจากผลไปหาเหตุ คือถ่ายให้ผิดหรือเดาไปก่อน แล้วค่อยปรับให้ถูก อย่ากลัวผิด และอย่ากลัวแก้ไม่ทัน พอทำไปเรื่อยๆสักพัก เราจะเรียนรู้และปรับตัวเร็ว ทันแน่นอนครับ และพอมีความเข้าใจพื้นฐาน ประกอบกับแฟลชออโต้ หรือ TTL ทีนี้ยิ่งทำงานได้เร็วขึ้นมาก ลุยครับ ลุย คุณปะเลอะปะเต๋อ เดาว่า มันวัดแสงเฉลี่ยครับ เพราะถ้าฉากหลังดำ หรือเสื้อขาว แฟลชก็โดนหลอกเหมือนกันกับกล้อง การแก้ ใช้การปรับหน้ากล้อง หรือ ISO เอาครับ แต่ถ้าเป็นแฟลชแยก มีการปรับระยะแฟลชเข้ามาอีกหนึ่งตัวแปรครับ ยกตัวอย่างเช่น การถ่ายย้อนแสงอาทิตย์แล้วหน้าดำ แม้ว่าจะฟิลแฟลชแล้ว ลองดูที่กล้องว่า เวลาส่องตรงกับดวงอาทิตย์แล้ว หน้ากล้องมันแคบจนเป็น F16 หรือ 22 หรือเปล่า (แบบนี้แฟลชก็แรงไม่พอ) จากนั้น ก็ค่อยมาปรับค่าที่เหมาะสมให้แฟลชเพียงพออีกครั้งครับ แก้ไขเมื่อ 10 มี.ค. 53 16:12:33 จากคุณ : Blue Planet Earth เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 16:05:26

ความคิดเห็นที่ 33   คุณ lumpoo ถ้าเล่นแฟลชแยก ผมเสนอว่าใช้ทริกเกอร์เล่นแบบแมนนวลดีกว่า เพราะส่วนใหญ่เพื่อนๆที่ใช้แฟลชแยก ใช้ TTL แล้วก็ไม่ค่อยปลื้ัม ไม่ใช่ว่า TTL ไม่เก่งนะ แต่พอแฟลชแยกแล้ว กรอบคิดมันต่างไปจากแฟลชติดหัวกล้อง ยกตัวอย่าง ถ้าแฟลชยิงตรง ถ่ายรูปคนหน้าตรง สมมติว่าแสงทั้งหน้า มีผลรวมเท่ากับ 1 เราแยกแฟลช ยิงเข้าด้านข้า แสงถูกหน้าคนแค่ครึ่งนึง TTL จาก CCD กล้อง อ่านค่าได้แค่ 0.5 (เพราะครึ่งหน้า) มันก็ต้องบู๊ทแสงเพิ่ม ให้ครึ่งหน้านั้นได้แสงเพิ่มเป็นสอง (2x0.5=1) ครึ่งหน้านั้นก็วอกไปตามระเบียบ สู้เก็บตังค์ไว้กินเนื้อย่าง จ้างนางแบบ แล้วดูผลจากหลัง LCD แล้วค่อยๆปรับไปน่าจะสนุกกว่าครับ เพราะเวลาทำงานจริง ใช้แฟลชสตูดิโอ ก็ไม่มี TTL ให้ใช้ครับ ส่วนเรื่องราคา ทริกเกอร์ แบบ 1 ตัวส่ง 2 ตัวรับ อยู่ที่ สองพันนิดๆครับ แฟลชถ้าเป็นแบบแมนนวลล้วนๆ ก็สองพันนิดๆครับ แก้ไขเมื่อ 10 มี.ค. 53 16:15:28 จากคุณ : Blue Planet Earth เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 16:11:36

ความคิดเห็นที่ 34   ^ ขอสงสัยอีกนิดครับพี่เหน่ง ภาพงานแต่ง คห.21 นี่ ถ้าให้เดาจากที่ผมเคยใช้ TTL มันฉลาดมากโดยฟิลเข้าไปที่แบบได้โดยไม่ต้องชดเชยใดๆ ทั้งๆที่สปอตไลท์มันจ้าขนาดนั้นได้ ยังสงสัยครับว่ามันยังวัดความพอดีของแฟลชได้ยังไงครับ จากคุณ : ปะเลอะปะเต๋อ เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 16:15:20

ความคิดเห็นที่ 35   เดาว่า TTL มันฉลาดมากขึ้นครับ ปกติเครื่องวัดแสง มันจะไม่ยอมให้หลุดไฮไลท์ขาว ดังนั้นที่ไหนแสงจ้า มันก็จะให้แสงพอดีที่ตรงนั้น (ส่วนอื่นก็อันเดอร์ไปตามระเบียบ) เท่้าที่เคยฟังเขาว่ามา กล้องยุคใหม่ๆมันฉลาดขึ้น มันช่วยเดา เช่น เราถ่ายรูปด้วยเลนส์มุมกว้าง มีส่วนสว่างอยู่จุดหนึ่งในกล้อง ข้อมูลที่มันรู้จัก มันเดาว่าเป็นดวงอาทิตย์ มันยอมให้ส่วนที่มันคิดว่าเป็นดวงอาิทิตย์จ้า เสียรายละเอียดไป แล้วเก็บรายละเอียดส่วนที่เหลือ (อันนี้ต้องบอกว่า เดานะครับ เพราะผมหาหลักฐานมายืนยันไม่ได้) แต่ความหมายที่จะสื่้อคือ กล้องทุกวันนี้ มัน Fuzzy logic มันเดาแพทเทิร์นการถ่ายภาพคนได้มากขึ้น ดูจากกล้องคอมแพ็คทุกวันนี้่ ถ่ายรูปคนย้อนแสงหน้ายังไม่ดำเลย (มันยอมให้ฉากหลังเว่อร์ไป) ส่วนที่คุณปะเลอะปะเต๋อถามว่า แล้วถ้ามันไม่พอดีปรับแก้ยังไง คงต้องปรับชดเชยแฟลช +- อ่ะครับ แก้ไขเมื่อ 10 มี.ค. 53 16:27:53 จากคุณ : Blue Planet Earth เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 16:26:08

ความคิดเห็นที่ 36   GN ... ยังใช้ได้ สำหรับการ bounce flash  ครับ bounce มี 2 อย่างคือ อย่างแรก ... แสงทั้งหมด ไปกระทบเพดาน แล้วสะท้อนลงมา แบบนี้ แสงส่วนใหญ่ที่ไปยัง subject จะเหมือนแสงจากท้องฟ้า (จริงๆแล้วคือ เพดาน ) อย่างสอง .. มีแผ่นสะท้่อนแสงแผ่นเล็กๆ ขวางทางแสง เพื่อสะท้่อน (และกระจาย) แสงส่วนหนึ่งไปยัง subject เพื่อให้แสงที่ส่อง มาจาก 2 ทิศทาง ---------------------------------------------- ขอกลับมาที่ GN ก่อน GUIDED number .. ตัวเลข"แนะนำ" .. ชื่อก็บอกแล้วว่า "แนะนำ" GN = ระยะทาง * รูรับแสง(f/stop) * sqrt(ISO/100) เป็นค่าที่ "แนะนำ" ว่า แสงจากแฟลชนี้ ควรเปิดรูรับแสงเท่าไหร่ แสงที่สะท้อนมาถึงฟิล์ม(หรือ เซนเซอร์) จะพอดี อย่างเช่น FL-50 มี GN max = 50 เมตร หมายความว่า ที่ ISO 100, ระยะห่าง 1 เมตร, ควรเปิดรูรับแสง f/50 แสงที่ตกลงภาพถึงจะพอดี หรือ เปลี่ยนเป็นระยะห่าง 25 เมตร ก็ควรเปิดรูรับแสง f/2 เป็นต้น แก้ไขเมื่อ 10 มี.ค. 53 17:30:37 แก้ไขเมื่อ 10 มี.ค. 53 17:04:43 จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 17:03:27

ความคิดเห็นที่ 37   แฟลช .. ยกเว้นโบราณหนักจริงๆ หรือ ราคาถูกจริงๆ ... จะแบ่งกำลังไฟ ที่ไปจุดหลอดแฟลชได้ ทำให้ปรับค่า GN ได้ ค่า GN ที่ระบุในเสปก จึงเป็นค่า GN สูงสุด (GN maximum) ที่แฟลชนั้นจะทำได้ -------------------------------- เวลาดูค่า GN max ต้องดูให้ดีๆ เพราะอีกปัจจัย ที่มีผลต่อระยะที่แฟลชส่องสว่างไปถึงคือ มุมกระจายแสง เราต้องการแฟลชที่ไฟแรงๆ (GN max มากๆ) ใช่ไหมครับ แฟลชราคาถูกหลายๆยี่ห้อ จะให้ GN max สูงถึง 40-50 แต่ ทำโดยการใช้กระจกเลนส์นูน เป็นกระจกบังหน้าหลอดแฟลช ทำให้เกิดการรวมแสง แสงจะส่องได้สว่างขึ้น แต่มุมส่องสว่างจะแคบ ... ----------------------------------- แฟลชราคาถูกๆ การแบ่งกำลังไฟแฟลช จะเป็น full manual คือ เราต้องเลือกเอาเอง ว่า จะใช้ GN เท่าไหร่ แล้วมันก็ยิงโครม ตามพลังงานไฟฟ้าที่จ่ายให้ อย่างนั้นหรือเปล่า ไม่ใช่ครับ แฟลชราคาถูกๆพวกนี้ จะยิงแฟลชเต็มสูบ แต่ ยิงไปสว่างได้หน่อยนึง วงจรภายใน จะทำการ bypass กำลังไฟ ไปยังตัวกระจายพลังงานภายในแฟลช .. เพื่อทิ้ง การเลือกใช้ GN ไม่ว่าสูง(เต็มที่) หรือ ต่ำ (เพื่อให้ถ่ายได้ที่ระยะใกล้ๆ) ... กินไฟเท่ากันตลอด แฟลชดีๆ ราคาแพ๊งงงง (FL นั่นแหละ ) การลด GN ลง (เพื่อให้ถ่ายที่ระยะใกล้ๆไำด้) .... วงจรในแฟลช จะตัดไฟที่จ่ายไปยังหลอดแฟลช ทำให้ไฟยังเหลือในตัวเก็บประจุ ... ไฟ ready จึงติดเร็วขึ้น สามารถยิง shot ต่อไปได้เร็วขึ้น แก้ไขเมื่อ 10 มี.ค. 53 17:31:46 จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 17:14:08

ความคิดเห็นที่ 38   กลับมาที่ bounce flash ระยะทางในการ bounce = ระยะจาก flash ไปถึงเพดาน(หรือพื้นผิวสะท้อนแสง) + ระยะทางจากเพดานถึง subject คูณด้วย สอง หรือ สาม ที่คูณด้วย 2 หรือ 3 ... เพราะพื้นผิวสะท้่อนแสง มันดูดซับแสงแฟลช ทำให้ระยะทางเสมือนไกลขึ้น และแสงที่สะท้อน ก็จะกระจายออก เป็นมุมกว้างขึ้น GN max ที่ให้มา สามารถนำมาใช้ "ประเมิน" ได้ว่า แฟลชเราจะใช้ในงานอย่างนี้ได้หรือไม่ อย่างเช่น ระยะจากกล้อง -> เพดาน = 4 เมตร ระยะจากเพดาน -> subject = 4 เมตร ระยะทาง(เสมือน) ก็คือ (4+4) * 2 ... 16 เมตร ถ้าแฟลชมี GN max = 36 และัเราใช้ ISO 100 ก็"ควรใช้" รูรับแสง 36/16 หรือ f/2 ถ้าเปลี่ยน ISO เป็น 200 ก็"ควรใช้ี" รูรับแสง 36/16 * sqrt(200/100) หรือ f/2.8 "ควรใช้รูรับแสงนี้ๆๆๆ" มันแทบเป็นความหมายเดียวกับ "ใช้รูรับแสงได้แคบสุดเท่านี้ๆๆ" เพราะถ้าใช้รูรับแสง แคบกว่านั้น ... แสงเข้าไปถึง sensor ไม่พอ แก้ไขเมื่อ 10 มี.ค. 53 17:32:28 จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 17:21:35

ความคิดเห็นที่ 39   จากตัวอย่างข้างบน จะเห็นว่า ใน bounce flash .. การดูดซับแสงของพื้นผิวสะท้อน มีความสำคัญมากๆๆๆๆ เพดานสีขาว ทาสีใหม่ๆ ค่าดูดซับแสง ประมาณ 2 แต่ถ้าเก่า หรือสีเทา ... ค่าดูดซับจะกลายเป็น 3 - 4 ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น .. ต่อให้แฟลชมี GN max = 50 เมตร (หรือ 50 * 3 ... 150 ฟุต) ก็ยังมีปัญหาได้ (ลองคำนวนดูเล่นๆนะครับ) แผ่น bounce เล็กๆ จึงมีความสำคัญมาก เพราะมันแบ่งแสงส่วนหนึ่ง (ประมาณ 15-20%) ให้สะท้อนไปยัง subject ก่อนเลย แสงที่ bounce จะไม่ใช่แสงหลักอีกต่อไป ในกรณีของ bounce flash การคำนวนว่า ควรเปิดหน้ากล้องเท่าไหร่ แสงจึงจะเข้าพอดี .. เป็นเรื่องโหดร้ายมากๆๆๆ ยังดีที่แฟลช (และกล้อง) สมัยใหม่ ... วัดแสงจาก sensor ตรงๆ .. พัฒนามาจากระบบ TTL - OTF ที่ olympus พัฒนาขึ้นและใช้เป็นเจ้าแรก วัดแสงที่ผ่านเลนส์ (through the lens) และสะท้อนกลับจากฟิล์ม (off the film, OTF) ทำให้ไม่ต้องกังวลว่า แสงจะมากไปหรือน้อยไป แต่ ถ้า bounce เมื่อไหร่ .. ก็ต้องรู้ว่า แสงมันหายไปอื้อซ่านะ ถ้าระยะทาง(เสมือน) * f/stop * sqrt(ISO/100) มากกว่า GN max เมื่อไหร่ ... แสงไม่พอเมื่อนั้น จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 17:29:55

ความคิดเห็นที่ 40   ส่วนเรื่องของ high speed sync flash ... ก็เป็นตามที่คุณ BPE ว่า แต่ การทำงานของ HSF มันมาจากความสามารถของแฟลช ที่ผมพูดไว้ใน คห.37 แฟลชดีๆ การลด GN ลง  .... วงจรในแฟลช จะตัดไฟที่จ่ายไปยังหลอดแฟลช ทำให้ไฟยังเหลือในตัวเก็บประจุ ... ไฟ ready จึงติดเร็วขึ้น สามารถยิง shot ต่อไปได้เร็วขึ้น การทำงานภายในของแฟลช คือ แปลงไฟต่ำ (3-6 volts) จากถ่านไฟฉาย ให้เป็นไฟสูง (300-400 volts) ไฟฟ้าแรงดันสูงนี้ จะถูกเก็บไว้ในตัวเก็บประจุ (capacitor) หลอดไฟแฟลช เป็นหลอดแบบเดียวกับหลอดนีออน หรือ ฟ้าผ่า คือ มีแกสเฉื่อยภายในหลอด และ มีขั้วไฟฟ้าห่างกันระยะทางหนึ่ง แกส มันเป็นฉนวนไฟฟ้า กระแสไฟฟ้า จึงกระโดดผ่านไม่ได้ ถ้าแรงดันไม่มากพอ แต่ถ้าแรงดัน มากกว่าจุดหนึ่ง (ซึ่งเรียกว่า แรงดัน breakthrough) กระแสไฟฟ้าจะกระโดดผ่าน เกิดการอาร์คเป็นแสงสว่างได้ เมื่อเกิดการอาร์ค .. จะเกิดลำอาร์ค ระหว่างขั้วไฟฟ้า ลำอาร์คนี้ จะเป็น ตัวนำไฟฟ้า ทำให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านได้มากขึ้น และสะดวกขึ้น **** ขอคั่นรายการตรงนี้นิดนึง ****** คนที่คิดจะแกะแฟลชออกมาดูเล่น ขอให้พึงสังวรว่า ... ไฟบ้าน แรงดันมันแค่ 220 volts เองนะครับ ไฟที่ใช้จุดหลอดแฟลช มัน 300-400 volts และเก็บสะสมไว้ในตัวเก็บประจุ (capacitor) ตัวเก็บประจุดีๆ ... เก็บพลังงานไว้ได้เป็นวันๆ ถ้าอยากลองรื้อ ก็ขอให้ระวังให้ดีๆ แก้ไขเมื่อ 10 มี.ค. 53 17:41:45 จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 17:41:17

ความคิดเห็นที่ 41   อย่างที่ีบอก กระแสไฟ กระโดดข้ามขั้วที่ห่างกันไม่ได้ (ยกเว้นแรงดัน มากเกินแรงดันพังทลาย) แต่ถ้าเราใส่ขั้วที่สามเข้ัาไปตรงกลาง เมื่อระยะทางระหว่างขั้วใกล้ขึ้น ... แรงดันที่จะทำให้เกิดลำอาร์ค มันก็จะสั้นลง เมื่อเราใส่แรงดันไฟสูงเข้าไปที่ตรงขั้วที่สาม ก็จะเกิดลำอาร์คเล็กๆ ลำอาร์คเล็กๆ .. ถึงจะเล็ก แต่มันเป็นตัวนำ ทำให้ไฟจากขั้วหลักกระโดดถึงกันได้ ไฟที่เก็บไว้ในตัวเก็บประจุ ก็จะถูกระบายผ่านหลอดแฟลชนี้ทั้งหมด (และทำให้เกิดแสงสว่าง) แฟลชราคาถูกมากๆๆๆ จะปล่อยให้ไฟในตัวเก็บประจุ ระบายออกจนหมด GN จึงมีค่าเดียว .. GN max อย่างที่บอก แฟลชที่แพงขึ้นมา "อีกนิด" จะมีวงจรตั้งเวลาภายใน เมื่อเวลาผ่านไปช่วงหนึ่ง มันจะเปิดวงจร ช็อตขั้วหลอดแฟลช ด้วยตัวนำที่ความต้านทานต่ำกว่าลำอาร์ค ทำให้ไฟไม่ไปผ่านลำอาร์ค แต่ระบายลงตัวนำความต้านทานต่ำนั้นแทน ...เสียของโดยใช่เหตุ ... แต่ แฟลชดีๆ จะป้อนกระแสไฟ สลับขั้ว เข้าไปที่ีขั้วที่สาม (ซึ่งทำหน้าที่จุดลำอาร์ค) เมื่อลำอาร์ค โดนกระแสไำฟฟ้าสลับขั้ว มันจะเสื่อมสลาย ทำให้แฟลชดับทันควัน พลังงานไฟฟ้าที่เก็บในตัวเก็บประจุ ก็ยังเหลือ ถ้ามีไฟจ่ายเข้าไปที่ ขั้วที่สาม ใหม่อีกที ก็จะเกิดลำอาร์คใหม่ เป็นอย่างนั้นเรื่อยๆไป จนกว่าไฟในตัวเก็บประจุ จะมีไม่ีพอ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 17:49:38

ความคิดเห็นที่ 42   ขอบคุณน้าเหน่งครับ....     กระทู้นี้ได้ความรู้ดีจัง.....           แต่ว่า....ผมเป็นโรคไม่ถูกกะตัวหนังสือเยอะๆอะครับ...T_T                 ผมขอใช้ FL50 แบบดำน้ำต่อไปอะครับ...              เวลามีคนมาถามผมว่าใช้ FL50 ยังไง....???            ผมก็จะตอบว่า...!!!!                   " ใช้ใจวัดครับ...กะๆเอา...แล้วยิงเลย... -*- " จากคุณ : peaw_gt เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 18:01:31

ความคิดเห็นที่ 43   ตอนที่จ่ายแรงดันไฟสลับขั้วเข้าไปที่ขั้วที่สาม เพื่อดับลำอาร์คนั้น ลำอาร์ค จะไม่ดับทันที *** แต่จะยังคงอยู่ต่ออีกระยะหนึ่ง *** โดยที่ความต้านทานของลำอาร์ค จะค่อยๆสูงขึ้น พร้อมกับความสว่างของลำอาร์ค จะค่อยๆลดลง ในชั่วขณะที่ลำอาร์คยังไม่ดับ ถ้าจ่ายไฟกระตุ้น เข้าไปที่ ขั้วที่สาม ใหม่อีกที ลำอาร์คจะถูกจุดติดใหม่อีกรอบ แต่ ในขณะที่ลำอาร์คกำลังดับ กำลังมืดลง พลังงานไฟฟ้าที่ถูกดึงออกจากตัวเก็บประจุ จะถูกตัดทันที โดยไม่มีดีเลย์ ถ้าออกแบบวงจรดีๆ วงจรดีๆ ที่สามารถแปลงไฟต่ำ (จาก 3-6v นั่น) ให้เป็นไฟแรงดันสูง (300-400v) ได้ทัน และอัดพลังงานทดแทนที่ขาดหายไป ได้ทัน เมื่อมีการจุดลำอาร์คใหม่ ในเสี้่ยววินาทีถัดไป ตังเก็บประจุ ก็จะสามารถปล่อยพลังงานออกไปให้หลอดแฟลช สว่างใหม่ได้อีกรอบ นี่คือ การทำงานของ high-speed-synce flash จุดหลอดแฟลช ถี่ๆๆๆๆๆๆๆ จนทำให้หลอดมันสว่างยาวนานกว่าที่มันสามารถจะทำได้ สภา่วะแสงของหลอดแฟลชใน HSS mode คือ สว่าง-หรี่-สว่าง-หรี่-สว่าง-หรี่-สว่าง-หรี่-สว่าง-หรี่-สว่าง-หรี่-สว่าง-หรี่-สว่าง-หรี่ ความแตกต่างของแสง ระหว่างสว่าง(เพราะได้รับพลังงาน) กับหรี่(เพราะขาดพลังงาน)นั้น .. มีคนวัดแล้ว .. อยู่ที่ 1/10 - 1/6 stop ... น้อยกว่าที่ sensor ทั่วไป จะแยกแยะได้ กลับไปที่ คห.6 และ 17 ที่ีคุณ BPE อธิบายไว้ชัดเจน "ถ้าความเร็วชัตเตอร์สูงกว่าค่าซิงค์ ม่านชุดที่สองจะปิดเร็วกว่าที่แฟลชเริ่มยิงทำให้เกิดแถบดำ" ในกรณีของ HSS flash นี่ ... แสงจะ(เสมือน)สว่างตลอดเวลา ตั้งแต่ม่านชุดหนึ่ง เริ่้มเปิด จนถึงม่านชุดที่สอง ปิดสมบูรณ์ ทำให้เซนเซอร์ ได้รับแสงตลอดเวลา แม้ว่าม่านชุดที่สองจะปิดไล่หลังชุดแรกไปติดๆๆๆๆ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 18:02:10

ความคิดเห็นที่ 44   oly เราเจ๋งม๊ะ ที่คิดค้นระบบนี้ได้ก่อนชาวบ้านเขา แต่ ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ ได้อย่าง ก็ต้องเสียอย่างเสมอ เมื่อจุดหลอดไฟแฟลชสั้นๆ ให้สว่างชั่ววูบ แสงสว่างก็จะไม่มากพอ .. GN ลดลง ------------------------------------------ การจุดหลอดแฟลช .. พลังงานไฟฟ้าแค่ 20% เท่านั้นที่เปลี่ยนรูปไปเป็นแสงสว่าง ที่เหลือ 80% กลายเป็นความร้อน ถ้าจุดหลอดหนเดียว ... แล้วรออีก 2-3 วินาที กว่าจะจุดหลอดได้ใหม่ พลังงานความร้อนที่เกิดขึ้น 1/1,000 วินาที ก็จะมีเวลา 2-3 วินาที ที่จะระบายออกเช่นกัน แต่พอไปจุดหลอดแฟลชถี่ๆๆๆๆๆ ความร้อนที่เกิดขึ้น จะไม่มีเวลาระบายออก ใช้บ่อยๆ อายุหลอดแฟลช และส่วนอื่นๆ จะสั้นลง ฉะนั้น โปรดอ่านคู่มืออย่างละเอียดละออ โดยเฉพาะคำเตือนเรื่องการใช้ HSS flash mode จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 18:07:51

ความคิดเห็นที่ 45   ^ ^ ^ ขอบคุณน้าแมวฯ มากครับ แสดงว่าผมอธิบายเรื่อง Hispeed sync ใน คห.17 ผิดครับ (เดี๋ยวจะกลับไปแก้ไข) ดีจังเลย มีคนมาช่วย จากคุณ : Blue Planet Earth เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 18:33:37

ความคิดเห็นที่ 46   อืม... ต้องอ่านซัก 5 รอบถึงจะเข้าสมอง จากคุณ : อั้งเกย เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 19:25:56

ความคิดเห็นที่ 47   เก็บตังไปซื้อแฟลชต่อ หุๆ ตอนนี้ก็ใช้แฟลชหัวกล้องแบบกะๆ เอาทุกครั้งเลยครับ ส่วนใหญ่จะปรับเอาตามภาพที่ออกมาเลย มืดไปก็ปรับ F น้อยลง ปรับ speed ลงจนกว่าจะพอใจ พักหลังๆ เริ่มกะได้ใน 2 รูปครับ จากคุณ : นมช็อคโกแล็ต เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 20:00:11

ความคิดเห็นที่ 48   ขอบคุณน้าบลูฯ กับน้าแมวเหมียวฯ สำหรับความรู้ดีๆครับ จากคุณ : CurrentlyOly (CurrentlyOly) เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 21:13:07

ความคิดเห็นที่ 49   มึนตึ๊บ  เดี๋ยวมาอ่านใหม่คับ จากคุณ : AODAOD29 เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 21:22:54

ความคิดเห็นที่ 50   ขอบคุณครับ เซฟไว้ก่อน เดี๋ยวค่อยมาไล่ทำความเข้าใจอย่างละเอียดอีกที จากคุณ : navinto เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 22:58:21

ความคิดเห็นที่ 51   อ่าร้านที่พาผมไปกินข้าวเป่าครับพี่บูล อิอิ จากคุณ : สามล้ออ้วน เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 23:08:00

ความคิดเห็นที่ 52   เป็นกระทู้ที่ดีมากครับ ปรบมือเลย จากคุณ : ahced เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 23:48:59

ความคิดเห็นที่ 53   ผมกำลังงเลยถ่ายย้อนแสงแบบใน คคห. 20 คือถ้าใช้ FP Manual ค่า GN สูงสุดที่ใช้ได้จะแปรตามความเร็วชัตเตอร์ใช่ไหมครับ ? คือผมใช้ E-520 กับ FL50R ใช้ Mode FP Manual ผมกด Flash Zoom ไปที่ 42mm. ค่า GN สูงสุดที่ทำได้คือแค่ GN 35 ที่ชัตเตอร์ 1/125 เท่านั้น ลดให้ช้ากว่านี้ก็ได้แค่ 35 ครับ อันนี้ปกติหรือเปล่าครับ นึกว่าจะได้ถึง GN 50 ซะอีก ถ้าอย่างนั้นใช้ Manual ธรรมดา ตั้งที่ GN 50 ชัตเตอร์ 1/180 แล้วปรับ F ให้แสงบรรยากาศได้อย่างที่ต้องการ แล้วควาบคุมระยะของ Flash อย่างนี้ดีกว่าหรือเปล่าครับ ? จากคุณ : Dont Be Serious เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 00:08:13

ความคิดเห็นที่ 54   แวะมาอ่านความรู้ค่า ตาลายเลย...จำๆ จดๆ ไว้เลย...ขอบคุณมากมายเลยค่ะ....ทั้งน้าบลู และน้าแมว...ยังงัยก้อขอฝึกต่อไปค่า แต่พอถึงเวลาถ่ายลืมทฤษฎีหมดทุ๊กที....555+ จากคุณ : ป้าดา (aoomsinc) เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 04:26:54

ความคิดเห็นที่ 55   เยี่ยมครับ ได้ความรู้และกิเลสอยากมีแฟลชนอกสักตัวด้วย มาลองใช้ดูบ้าง จากคุณ : thai-macua เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 07:22:05

ความคิดเห็นที่ 56   เอิ้ก! กลับมาอ่านใหม่ ก็งงจนตาลายเหมือนกัน ขอสรุป 1. GN max = ระยะทางจากแฟลช ถึง subject * f-number * squareroot(ISO / 100) //สูตรอันนี้ ต้องจำ เพราะมันเป็นคุณสมบัติพื้นฐานของแฟลช และเป็นอะไรที่เราต้องรู้ ตอนจะซื้อแฟลช 2. GN max ยิ่งมาก แสงยิ่งส่องไปได้ไกล 3. จะเทียบ GN max ระหว่างแฟลช (ว่าตัวไหน ส่องไปได้ไกลกว่า) ต้องดูองศาการส่องสว่าง (เทียบเท่าเลนส์อะไร) .. ยิ่้งกว้าง ยิ่งแพง เสปก GN ที่วัดโดยใช้องศาเทียบเลนส์ tele (80mm) คือ เสปกเก๊ (แบบเดียวกับ digital zoom นั่นแหละ) 4. bounce flash จะกินแสงมาก ระยะทางจากแฟลช ถึง subject จะกลายเป็น ระยะทางจากแฟลช ถึง เพดาน + ระยะทางจากเพดาน ถึง subject คูณด้วย 2-3 แล้วแต่พื้นผิวเพดาน 5. ถ้าระยะทางของการ bounce ไกลเกิน แสงถึง subject มันจะไม่พอ 6. FP หรือ HSS mode o แสงจะส่องนานขึ้น ทำให้ใช้ความเร็วสูงๆได้ o GN max จะลดลง o อายุหลอดแฟลช และตัวแฟลช จะสั้นลง จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 07:26:21

ความคิดเห็นที่ 57   กระทู้ดี มีประโยชน์ ยังไม่มีเวลาอ่าน แต่ขอเก็บเข้าคลังก่อนละกัน หาอ่านหาศึกษายากมากกับเรื่องแฟรชนี่ ขอบคุณนะครับ กับความรู้ดีๆ จากคุณ : R-cha เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 07:43:40

ความคิดเห็นที่ 58   วิชาการมากมายครับ ต้องเก็บเข้าไปในหัวหมองให้เข้าใจลึกซึ้งถ่องแท้ แล้วลืมมันไปให้หมด อ้าวววว จากคุณ : ปะเลอะปะเต๋อ เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 08:36:43

ความคิดเห็นที่ 59   ความรู้ทั้งนั้น ขอบคุณมากๆครับ จากคุณ : doniiii เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 08:49:23

ความคิดเห็นที่ 60   คห.53 คุณ : Dont Be Serious ......................................................................................... ถ้าอย่างนั้นใช้ Manual ธรรมดา ตั้งที่ GN 50 ชัตเตอร์ 1/180 แล้วปรับ F ให้แสงบรรยากาศได้อย่างที่ต้องการ แล้วควาบคุมระยะของ Flash อย่างนี้ดีกว่าหรือเปล่าครับ ............................................................................................ ในรูปคห.20 ทำอย่างที่ว่านี้เลยครับ จากคุณ : Blue Planet Earth เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 09:58:33

ความคิดเห็นที่ 61   ถ้าต้องการให้แฟลช ของโอลิมปัส ยิงแสงออกมาแบบเป็นจังหวะ (เรียกไม่ถูกว่าอะไร) ได้หรือไม่ คือกดชัตเตอร์ 1 ครั้ง แล้วแฟลช ยิงแสงออกมามากกว่า 1 ครั้ง เหมือนการเปิดชัตเตอร์ B แล้ว ถือแฟลชด้วยมือแล้วยิงเป็นจังหวะๆ ตัวอย่างเช่นถ่ายคนวิ่งกลางคืนยิงแฟลช หลายๆครั้งเพื่อให้บันทึกภาพ ไม่เป็นเส้นน่ะครับ จากคุณ : ถามมั่วไปมั๊ย (lumpoo) เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 12:27:37

ความคิดเห็นที่ 62   ู^ ^ ไม่มั่วครับ แต่คนตอบไม่มีแฟลชโอลี่ 5555 เข้าใจว่านิคอนมีแน่ๆ แต่ค่ายอื่นไม่รู้ และก็จำไม่ได้ว่ามันเรียกว่าอะไรด้วยล่ะ เอิ๊ก จากคุณ : Blue Planet Earth เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 12:48:25

ความคิดเห็นที่ 63   ยังไม่มี เลยไม่มีโอกาสลอง ก็อ่านแล้วยิ่งงงงงงง วันไหนมี จะมาเรียนถามความรู้ใหม่ จากคุณ : สายน้ำแกว่งไกว เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 15:47:41

ความคิดเห็นที่ 64   ถึงจะอ่านไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนัก แต่ก็ขอบอกว่า ...        เจ๋งโคดๆ จากคุณ : PT2007 เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 16:36:42

ความคิดเห็นที่ 65   สโตค .. แฟลช ครับ 5555 จากคุณ : ลำพู (lumpoo) เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 17:51:51

ความคิดเห็นที่ 66   สโตปแฟลช คับ  ไม่ใช่ สโตค    เคยเล่นเมื่อก่อน  สมัยกล้องฟิลม์ค่ายหนอน  เวลาใช้เราจะต้อง set ก่อนว่า จะให้มีกี่จังหวะ  และใช้ความถี่ Hz เท่าไหร่  เพราะสองค่านี้  นำมาคำนวณด้วยกันจะได้ค่า speed ครับ จากคุณ : NAF เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 18:04:38

ความคิดเห็นที่ 67   ^ ^ ^ คห.61 เรียกว่า สโตรบ(Strobe) ครับ เคยเล่นตอนใช้กล้องฟิล์มนิค แฟลช SB-24 เป็นตัวแรกของแฟลชเล็กของนิคที่ Strobe ได้ เลือกได้ด้วยว่าจะให้ Strobe ได้กี่ครั้งใน1ชุด จำได้ว่ามันจะเป็นจำนวณทวีคูณ 2,4,8,16,32 ครั้ง แบบเนี้ยครับ ช่วงนี้เห็นมีขายมือสองกันราคาไม่กี่พันครับ ซื้อมาใส่สเลฟหรือต่อสาย PC Synce (ถ้าใช้ E-1,3,30) เล่นเอาก็ได้นะครับ ปล. แฟลชโอลี่สโตรบไม่ได้ครับ แก้ไขเมื่อ 11 มี.ค. 53 22:47:27 แก้ไขเมื่อ 11 มี.ค. 53 22:32:56 แก้ไขเมื่อ 11 มี.ค. 53 22:15:08 จากคุณ : CocoSang เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 22:11:27

ความคิดเห็นที่ 68   สุดยอดอ่า ขอบคุณมากๆครับ จากคุณ : taandum เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 23:17:30

ความคิดเห็นที่ 69   ผม AUTO TTL โลด................................ ที่เหลือประมาณ + - เอาเอง 55 ใช้Manualไม่เป็น ทรัพย์มันเลยจาง... 55 แก้ไขเมื่อ 11 มี.ค. 53 23:59:27 จากคุณ : (EVIL 4 EVIL) & (LIVE 4 LIVE) เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 23:58:11

ความคิดเห็นที่ 70   อ่านแล้วมึนหัวเลย 5555 ผมใช้แต่ ttl auto โลด แต่ก็ยอมรับว่าเสียดายรู้สึกว่าความสมารถแฟลตมี 100 แ่ต่เราใช้แค่ 20 เอง เปิดครอสสอนกันเลยดีมั้ยครับ อิอิ จากคุณ : นัท (mr_nutty) เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 13:32:36

ความคิดเห็นที่ 71   ..................... แก้ไขเมื่อ 12 มี.ค. 53 13:35:35 จากคุณ : นัท (mr_nutty) เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 13:35:10

ความคิดเห็นที่ 72   " สโตรบ(Strobe) " ขอบคุณครับ ... สงสัยชัตเตอร์ B แล้วกดแฟลชเล่นไปก่อน จากคุณ : lumpoo เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 17:18:13