ความคิดเห็นที่ 1 ไม่เหมือนกันครับ Raw เก็บว่าเซ็นเซอร์นั้นๆ มีสัญญาณไฟฟ้าอยู่แค่ไหน (จริงๆ ไม่ใช่ แต่ประมาณนี้่เพื่อให้นึกออก) ส่วนประมวลผลจะเอาข้อมูลนั้นมาตีความเป็นค่าทางภาพเช่น RGB ถ้าส่วนประมวลผลเอามาตีความเป็นภาพได้ว่า 240:240:240 ส่วนนี้ก็จะขาวเกือบหมดรายละเอียด เราจะภาพเอามาดึงรายละเอียดส่วนมืดขึ้นได้น้อยเพราะขอบเขตจากจุดนี้จะยืดไปได้ไม่มากในภาพ แต่เราสามารถเอา RAW มาตีความใหม่ให้เป็น 220:220:220 แม้จากภาพจะดึงส่วนมืดได้เท่าเดิม แต่จุดเริ่มต้นต่างกันทำให้สามารถลงไปขุดรายละเอียดส่วนมืดได้ลึกกว่าเดิม ประมาณนั้น ส่วนขอบเขตในการตีความจะยืดออกไปได้แค่ไหนก็แล้วแต่ไฟล์ต้นฉบับ กับประสิทธิภาพของ RAW converter จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 09:12:20

ความคิดเห็นที่ 2 มึน ทั้งคำถามและคำตอบครับ.... จากคุณ : ลิงหน้าหมู เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 10:04:10

ความคิดเห็นที่ 3 เข้ามาเป็นเพื่อน  ครับ ช่วยกันมึน จากคุณ : spoungpan (มหากาพย์ซุนวู) เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 10:19:31

ความคิดเห็นที่ 4 รอน้าแมวเลยครับ แล้วจะมึนกันกว่าเดิม รอมึนด้วยคน จากคุณ : BlueBoat เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 10:40:40

ความคิดเห็นที่ 5 มึน งง ถ่ายเจเปคต่อไปดีกว่าเรา.. จากคุณ : AB Rh+ เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 11:03:37

ความคิดเห็นที่ 6   ถามเพิ่มอีกคนว่าทำไมต้องใช้ไฟล์ Tiff ครับ เห็นใช้กันหลายคน แต่ไม่ทราบเหตุผลครับ จากคุณ : Stamp@CM เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 11:06:20

ความคิดเห็นที่ 7 Raw มันไม่ใช่ภาพครับมันเป็นข้อมูลดิบจาก sensor (0,1 อะไรประมาณนี้) เพราะฉะนั้นมันสมารถปรับเปลี่ยนได้ใน limit ของมัน แต่ภาพที่อกกมาแล้วไม่ว่าจะเป็น Jpeg หรือ Tiff นั้นถูกแปลผลออกมาแล้ว เพราะฉะนั้นจะปรับเปลี่ยนได้ในระดับที่ต่ำกว่า จากคุณ : _เล็ก เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 11:09:45

ความคิดเห็นที่ 8 raw มันก็เหมือน กองใบเสร็จที่บริษัทคุณเก็บมาทั้งปี jpg คือใบสรุปงบดุลประจำปี ที่พิมพ์ออกมาใช้งาน tiff ก็อาจจะเป็นไฟล์ excel ของสรุปงบดุลประจำปี จากคุณ : SRJ เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 11:36:54

ความคิดเห็นที่ 9 file ส่วน bitmap ที่เก็บใน raw มันเก็บข้อมูลแตนๆเลยครับ  แต่ส่วนของ jpg นั้น ถูกเอามายำตีไข่ใส่ข่าวให้เป็นรูปแล้ว ดังนั้นต่อให้ jpg ไม่มีการบีบอัดข้อมูลเลย มันก้อไม่สามารถไปขุดอะไรได้มากมายแล้ว ลองมองง่ายๆคือ ในการสร้าง jpg ออกมานั้น โปรแกรมในกล้องมองข้อมูลเป็นภาพแล้ว และใฃ้กระบวนการในการคิดว่า จะทำยังไงให้ภาพออกมาดีที่สุด (เหมือนเราคิดใน PS นั่นละ) แล้วก้อทำออกมา จบเลย แต่ raw นี่ไม่ทำอะไรเลย ข้อมูลล้วนๆ จะออกมาอีท่าไหน ก้อแล้วแต่ โปรแกรมจัดการภาพจะปู้ยี่ปู้ยำภายหลัง ลองเอา raw ไปเปิดใน Picasa ดูครับ จะเห็นว่า การสร้างภาพ มันแล้วแต่โปรแกรมเลย จากคุณ : ARMS STRONG เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 11:38:40

ความคิดเห็นที่ 10 บล็อกนี้เค้าดีนะขอบอก http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=roenthai&month=08-2008&date=20&group=14&gblog=21 จากคุณ : raksapondet เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 12:52:40

ความคิดเห็นที่ 11 เท่าที่เคยอ่านจาก เวปฝรั่งแคมบริดจ์อะไรนั่น บวกกับความรู้ทางคอมที่พอมีอยู่บ้าง ตอบคำถาม ส่วนที่ว่า ทำไม บิตแมป ที่เป็น tiff หรือ  jpeg ถึงไม่ดีเท่า  Raw. ตอบแบบโต้งๆ ง่ายๆ คือ ผมเข้าใจว่า อย่างน้อย ข้อมูลสี สามสี คือ เขียว แดง น้ำเงิน ก็น่าจะอยู่ในสภาพที่เยอะกว่า และยังไม่ได้ถูกผสม กระบวนการผสม ด้วย cpu ของกล้อง ผสมได้ไม่ดีเท่า  cpu ในคอมแน่นอน ซึ่งการผสม ก็ประกอบด้วยวิธีการต่างๆ ถ้าดีละเอียด cpu กล้องทำงานไม่ไหว ก็กลายเป็นช้าไป  เลยต้องใช้ วิธีผสมหรือสร้างภาพแบบที่เบาๆ ลงมา  และนั่นทำให้คุณภาพภาพที่ได้ น้อยกว่า จากการผสมในคอม และอย่างที่บอก ภาพที่ได้ภายหลังนอกจาก สีจะหายไป ยังมีการบีบอัดเข้ามาอีกหนึ่งขั้นตอน ข้อมูลก็ยิ่งหายไปกันใหญ่อีก และถ้าว่ากันโดยเฉพาะเรื่อง การปรับแสงและสี  ทำไม ใช้  RAW แล้วดีนักหนา ก็เพราะตอนที่เป็น RAW ถ้าสีติดฟ้ามากไป ก็ปรับที่ข้อมูล RAW ของสีฟ้า (ก่อนผสม) ได้โดยตรง  แล้วค่อยจัดการให้ได้ผลลัพธ์ มันจะดีกว่า รูปที่ผสมไปแล้ว แล้วค่อยไปเอาเม็ดสีนั้นมาประมวลใหม่ เปรียบไปเหมือน อาหารปรุงเสร็จแล้ว จะยกเข้าครัวปรุงแก้รสชาติหน้าตา เห็นจะยาก  แต่ถ้าแก้ตั้งแต่ต้นก่อนจะรวมลงไป ก็ง่ายกว่าเยอะ และถูกต้องด้วย ประมาณนี้ครับ สรุปในแนวของผม RAW เหมือนวัตถุดิบอาหารเครื่องรุงที่ยังไม่ได้ทำ เพิ่มลดได้ง่าย ส่วนรูปที่เสร็จแล้วก็เหมือน อาหารที่ทำเสร็จแล้วครับ  โดยปกติ อาหาร 1 จาน ใช้เครื่องปรุงวัตถุดิบมากกว่า 3 จานแน่นอนครับ ( RAW จึงใหญ่กว่า รูปที่ผสมเสร็จเสมอ) จากคุณ : HANDYHUNG เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 13:47:02

ความคิดเห็นที่ 12 ไม่รู้ช่วยได้รึเปล่า ยังไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน RAW 12-14 bit , TIFF 16 bit น่าจะได้ Dynamic Range ดีพอๆกัน "If you want to access all 12 bits of the original RAW file, you can convert to a 16-bit TIFF file. Why not a 12-bit TIFF file? Because there's no such thing! Actually what you do is put the 12 bit data in a 16 bit container. It's a bit like putting a quart of liquid in a gallon jug, you get to keep all the liquid but you have some free space. Putting the 12 bit data in a 8 bit file is like pouring that quart of liquid into a pint container. It won't all fit so you have to throw some away." http://photo.net/learn/raw/ ลองดูฝรั่งคุยกัน -*- http://photo.net/digital-darkroom-forum/00W2fc ผมเข้าใจว่า RAW file คือการเก็บข้อมูลดิบ กับข้อมูลแต่งรูป ไว้แยกกัน แต่ที่ไม่เข้าใจคือ RAW มีความลึกสีที่ 12-14 บิต TIFF เก็บได้ที่ 16 บิต ถ้าเราเอา RAW แบบไม่แต่งเติมเลย ไม่ใส่ไวท์บาลานซ์ ไม่ใส่พิคเจอร์สไต์ ไม่ใส่ชาร์ป ไม่ใส่อะไรเลย มาแปลงเป็น TIFF Dynamic Range ที่ได้น่าจะไม่ต่างกัน รายละเอียดข้อมูลต่างๆ ควรจะอยู่ครบ เมื่อนำมาโปรเซส น่าจะขุดรายละเอียดขึ้นมาได้พอๆกันรึเปล่าครับ ถ้าไม่ ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ใครก็ได้อธิบายที อิอิ เสียแรงที่ตอนอยู่มหาลัยอุตส่าลงเรียนวิชา Digital Image Processing มา ฮ่าๆ จากคุณ : Teerarod เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 14:06:11

ความคิดเห็นที่ 13 อะจ๊ากกกกกกกกกกกกกกก ..... คำถามมหาโหดหิน!!! มันต้องลงไปถึงระดับ photosite (PS) เจียวหนา ------------------------------------------------------- ข้อมูลเทคนิคล้วนๆ อ่านยาก เข้าใจยาก และมัน"แืทบ"เกินขีดความสามารถของผม ที่จะเขียนออกมาให้เป็น ความเห็นสั้นๆ เข้าใจง่ายๆ เขียนเสร็จ .. ผมก็ว่า มันไม่ง่ายที่จะเข้าใจ ฉะนั้น ถ้าใครคิดจะอ่าน .. ต้อง ค่อยๆอ่าน ค่อยๆขบทีละประโยค .. ไม่งั้น .. มึนตึ้บ!!! ------------------------------------------------------- photosite คือ เซลล์รับแสง แต่ละเซลล์ ไม่ใช่ pixel ... ส่วนเล็กๆของภาพ (picture + คำสนธิ -lette ที่แปลว่าเล็กๆ) photosite ไม่ว่าสีใดๆ ก็ให้ข้อมูลออกมาเหมือนกัน คือ มันได้รับ ปริมาณแสงที่มีความสว่าง จำนวนหนึ่ง   ข้อมูลแสงสว่างนี้ ถูกแปลงเป็นข้อมูล digital 12 (หรือ 14 bit) ไม่ว่า PS นั้น จะอยู่ใต้ mask สีแดง หรือ เขียว หรือ น้ำเงิน .. มันก็ให้ข้อมูลดิบๆ ออกมาแค่นั้น ไม่มีข้อมูลนอกเหนือจากนั้น ข้อมูลนี้ จะถูกส่งผ่านวงจรจิปาถะที่จำเป็น เช่น ลดน้อยส์ (dark current noise) เป็นต้น ก่อนออกมาเป็นข้อมูล digital raw ตรงนี้แหละคือ จุดที่ต่างระหว่าง raw กับ tiff ถ้าเป็น raw .. ข้อมูลที่ออกมา ก็คือ ข้อมูลปริมาณแสงสว่าง แต่ tiff .. จะเอาข้อมูลปริมาณแสงสว่าง จาก raw มาแยกแยะ และผสม เพื่อให้เกิดข้อมูลสี และความสว่างของสีนั้นๆ ข้่อมูลใน raw ... โดยเฉพาะข้อมูลที่มาจาก PS ใต้ฟิลเตอร์สีเขียว มันมีข้อมูลอยู่สองอย่าง คือ ข้อมูลความสว่าง (luminance, Lg) ของภาพ ณ บริเวณ เซลล์รับภาพนั้นๆ และข้อมูลสีเขียว (G) แท้ๆ ณ จุด PS นั้น (ตรงนี้ ต้องไปหาอ่านเหตุผล จากเรื่อง Bayer's Filter) การ"แยก" ข้อมูลความสว่าง,L,  ตรงนี้ เป็นจุดวัดฝีมือของวิศวกรแต่ละค่ายเช่นกัน ว่า แยกออกมาได้ยังไง เพราะมันปนเป็นเนื้อเดียวกันกับ G จากนั้นก็แยก Lb และ Lr  ออกมา เพื่อสร้่างข้อมูลความสว่างของภาพ ณ บริเวณ เมื่อผ่านกระบวนการที่ว่ามาเสร็จ ก็จะได้ภาพที่มีจุดภาพ R,G,B และความสว่าง L กระบวนการพวกนี้ .. มันไม่มีทาง 100% perfect .. เพราะมันเป็นธรรมชาติของการ"สังเคราะห์ข้อมูล" .. สีเขียว, แดง, น้ำเงิน ที่ได้ ไม่ใช่ข้อมูล R, G, B ที่แท้จริง ฉะนั้น .. ต่อให้ TIFF มีขีดความสามารถแค่ไหน มันก็เป็นแค่"ภาชนะ" เก็บข้อมูล"ภาพ" ที่ผ่านกระบวนการสังเคราะห์จากข้อมูลดิบ ... ซึ่งแน่นอนว่า ย่อมมีข้อมูลหายไปในระหว่างการสังเคราะห์ แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 53 17:14:28 แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 53 17:14:06 จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 17:13:12

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณน้าแมวฯ เริ่มเก็ตแล้วครับ อิอิ จากคุณ : Teerarod เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 17:49:09

ความคิดเห็นที่ 15 ผมชอบคำว่า "ขุด" จังเลยครับ ผมว่าถ้าถ่ายมาดีก็ขุดง่าย ถ้าถ่ายมามืดตือขุดยังไงก็ไม่ขึ้น และถ้าถ่ายมาเบลอไม่ต้องขุดกันเลย อ่านข้อมูลที่น้าๆ แนะนำแล้วผมขอเป็น user ต่อไปดีกว่า หรือเรียกได้ว่าเป็น ผู้ขุด digger จากคุณ : mama_shinbi เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 18:08:04

ความคิดเห็นที่ 16 อ่านบทนำของน้าอะธีลาส ต่อด้วยบทตามของน้าเหมียวเลยเริ่มกระจ่างแล้วค่ะ สรุปคือข้อมูลรูปภาพในraw มันไม่ได้เก็บแบบบิทแมป แต่เก็บในรูปของสัญญาณไฟฟ้าที่ค่าความแรงต่างๆกันจากตัวเซนเซอรืกล้อง จากนั้นจะเข้าสุ่ขบวนการแปลงสัญญาณเหล่านั้นไปเป้นข้อมูล RGB+ค่าความมืดมือสว่าง ของภาพในแต่ละพิกเซล โดยขบวนการแปลงนี้ทำโดยกล้อง (ถ่ายแบบ jpg) หรือโดยคอมก็ได้ คราวนี้คำถามเล็กๆอีกนิดค่ะ น้าเหมียวบอกว่า ภาพนั้นเกิดจากการเอาข้อมูลมาสังเคราะห์ ซึ่งไม่สมบูรณ์ 100% แสดงว่า ต่อไปในอนาคต หากซอพแวร์แปลง raw ถูกพัฒนาให้มีความสามารถมากขึ้น ก็เท่ากับว่า เราสามารถสังเคราะห์ไฟล์ raw ที่มีอยู่เดิมให้มีคุณภาพดีขึ้นด้วยใช่ไหมคะ จากคุณ : บลูดานูป เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 18:11:37

ความคิดเห็นที่ 17 ^ ถถถถถถถถถ ถูก ครับ จากคุณ : raksapondet เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 18:53:15

ความคิดเห็นที่ 18 ฮือๆๆๆๆ เห็น คำถามน้องบลู ใน คห.16 แล้วชื่นใจจริงๆ เพราะมันแสดงว่า อ่านจริงๆ จังๆ และใคร่ครวญต่อยอด! สำหรับคำถาม คือ ถูกต้องแล้วครับ ไม่ต้องอนาคตหรอก สมัียนี้ ก็มีคนรีดศักยภาพของ raw ออกมาจนหยดสุดท้ายจริงๆ .. พวกนัีกดาราศาสตร์ครับ ฟังพวกนี้เขาคุยกันแล้วมึนตึ้บ เพราะเขาไม่ได้พูดว่า วัดแสงที่เท่าไหร่ มืดหรือสว่างกี่ stop แต่เขาพูดเรื่อง photon efficiency, จำนวนอีเล็คตรอนที่่ได้มาจาก photosite, dark current  ฯลฯ  ที่ติดมากับ raw data อ่อก! ----------------- ส่วนเรื่องที่ว่า "ต่อไปในอนาคต หากซอพแวร์แปลง raw ถูกพัฒนาให้มีความสามารถมากขึ้น ก็เท่ากับว่า เราสามารถสังเคราะห์ไฟล์ raw (น่าจะเป็นไฟล์ภาพ พวก tiff หรือ hd) ที่มีอยู่เดิมให้มีคุณภาพดีขึ้นด้วยใช่ไหมคะ" คำตอบสำหรับคนถ่ายรูปทั่วๆไป คือ ใช่ เรื่องนี้ ผมพูดมาตั้งแต่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว .. และมีคนค้านพอสมควร ตอนนี้ เริ่มค้านน้อยลง .. ตั้งแต่น้าอะธีลาสเอารูป jpg ที่ได้จากกล้อง เอามาเทียบกับรูป jpg ที่ได้จาก raw processor สมัยต่างๆ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 19:48:30

ความคิดเห็นที่ 19 งั้นถ้าเราถ่ายภาพด้วย raw ไว้วันนี้ อีกสิบปีมีโปรแกรมเทพที่ใช้ convert ภาพที่ได้ก็จะมีคุณภาพดีขึ้นใช่ไหมครับ? งั้นเราควรมาถ่าย raw เก็บไว้กันดีกว่า  hard disk ราคาถูก จากคุณ : kanoomtan เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 19:58:46

ความคิดเห็นที่ 20 ได้เวลาสะสม harddisk แล้วครับพี่น้อง เพื่อรอโปรแกรมเทพประทาน จะได้คุณภาพจาก raw ได้เต็มที่ แต่ จอภาพกระจอกๆ ของผมมันเห็นแสงสีได้ไม่ครบ ตาผมบอดสีแดงนิดหน่อย เครื่องพิมพ์ก็ไม่รองรับคุณภาพสีขนาดนั้น ก็ได้แต่หวังว่า การพัฒนาส่วนของอุปกรณ์แสดงผลจะตามทันและรองรับคุณภาพที่เกิดขึ้นได้ จากคุณ : ตาบอดสี เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 53 08:42:40

ความคิดเห็นที่ 21 โอ้ว... ได้ความรู้เพิ่มขึ้น แสดงว่าที่ผ่านมาผมก็คิดถูกแล้วที่ ถ่าย RAW เก็บไว้ เพราะคิดว่าอนาคตน่าจะมี software ที่ process ภาพได้ดีขึ้น แต่ไม่มีข้อมูลสนับสนุนเท่านั้นเอง จากคุณ : Hihit เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 53 17:46:40

ความคิดเห็นที่ 22 ถ้ากล้องดีๆ ถ่าย raw หรือ jpeg ดูเผินๆ อาจจะคล้ายๆ กันแต่ว่าถ้าลองปรับดู จะเห็นความแตกต่างมาก ประโยชน์ของ raw จะเห็นได้ชัดก็ตอนทำ hdri นี่แหละ เห็นชัดเจน จากคุณ : F:A:B:R:E เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 53 21:18:36

ความคิดเห็นที่ 23 ชอบ RAW คะ..ช้าหน่อย...แต่ชัวร์...กันเหนียว กันพลาด ตั้งแต่เล่นกล้องมา..ไม่เคยมีครั้งไหนที่ถ่ายไม่ใช้ RAW กลายเป็นคนรัก..Raw ไปซะแล้วเจ้าคะ จากคุณ : Chiang_Mai_in_Love เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 53 22:03:12

ความคิดเห็นที่ 24 ผมเข้าใจว่า ไฟล์ Raw คือเฟอร์นิเจอร์แยกส่วน ที่สามารถปรับแต่งได้ ส่วน jpg เป็นเฟอร์นิเจอร์สำเร็จรูป จะถอดล้อเปลี่ยนไปใช้อีกอันก็ไม่ได้ฮ่ะ จากคุณ : ไอติม (ssstep3) เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 21:05:17