ความคิดเห็นที่ 1 แต่ก่อนจะไปไกลกว่านี้ ผมขอย้อนกลับมาที่จุดตั้งต้นก่อน จุดตั้งต้นของการหัดถ่ายภาพของพวกเราส่วนมาก ทำไมเราถึงถ่ายภาพ? ถ้าถามนักถ่ายภาพอาจจะหลงลืมกันไปบ้างแล้ว ทางที่ดีคำถามนี้ต้องถามคนที่เพิ่งหัดถ่ายภาพ หรือคนทั่วไปที่ไม่ใช่นักถ่ายภาพจะได้คำตอบที่ดีกว่า คำตอบก็คือ.. เพราะเราอยากบันทึกความทรงจำในช่วงเวลานั้น เพราะเราอยากถ่ายทอดสิ่งสวยงามที่ตาเห็นให้คนอื่นดู หรือเก็บไว้ให้ตัวเราเองดูในอนาคต เพราะเราอยากเก็บความสุข (หรือทุกข์ หรืออื่นๆ) ของตอนนั้นเอาไว้เป็นหลักฐาน เพราะลูกเล็กๆ ที่น่ารักของเราโตขึ้นทุกวัน เราก็อยากให้เขา หรือเราในอนาคตได้เห็น และย้อนกลับไปมีความสุขเหมือนเวลานั้นอีกครั้ง เพราะคนที่เรารู้จักคุ้นเคย วันหนึ่งอาจจะไม่อยู่ให้เราได้พบเห็นอีกแล้ว หรือแม้แต่ตัวเราเองก็ตามที เพราะโลกนี้สวยงาม มหัศจรรย์น่าหลงใหล และน่าแปลกใจ ถ้าไม่บันทึกเอาไว้ก็คงจะน่าเสียดาย สิ่งเหล่านี้ที่ว่ามา ไม่ได้ต้องการความงามทางศิลปะ หรือความถูกต้องทางเทคนิคเป็นปฐม สิ่งที่ต้องการก็คือการ "บันทึก" และการ "สื่อสาร" เป็นความแปลกประหลาดอย่างหนึ่งของวงการถ่ายภาพ คือ.. ในการถ่ายรูปนั้น สิ่งแรกที่เราต้องการการคือ การสื่อสาร แต่สิ่งที่พวกเราทำกันคือ ไปฝึกด้านเทคนิค และศิลปะ น้อยคน ที่จะไปถึงขั้นของการสื่อสาร ถ้าอย่างนั้นทำไมเราไม่เริ่มเรียนกันในขั้นของการสื่อสารก่อนล่ะ แล้วเรื่องเทคนิค และศิลปะค่อยว่ากันทีหลัง จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 15:51:41

ความคิดเห็นที่ 2 เรามีข้ออ้างคลาสสิคอยู่ 2-3 อย่าง 1. ถ้าเราไม่ชำนาญในการควบคุมกล้อง และเทคนิคในการถ่ายภาพ เราจะถ่ายได้อย่างไร 2. ถ้าเราไม่ศึกษาด้านศิลปะการถ่ายภาพ เราจะสื่อสารให้สัมฤทธิ์ผลได้อย่างไร 3. ถ้าถ่ายภาพแล้วไม่สวย จะดีได้อย่างไร ข้ออ้างเหล่านี้เป็นจริง หรือเป็นมายา จริงหรือที่เราไม่เรียนรู้ด้านเทคนิค เกี่ยวกับกล้อง และการเปิดรับแสงอย่างกระจ่างแจ้ง เราจะสื่อสารไม่ได้ จริงหรือที่เราไม่ศึกษาเรื่องศิลปะการถ่ายภาพ แล้วภาพเราจะไม่ได้เรื่อง จริงหรือที่ภาพไม่สวย คือภาพที่ไม่ดี ... ไม่จริงซักกะอย่าง การถ่ายภาพเพื่อการสื่อสารนั้น ไม่จำเป็นต้องควบคุมกล้องได้อย่างสมบูรณ์ ไม่จำเป็นต้องวัดและควบคุมแสงได้อย่างเทพ หรือเป็นยอดศิลปินเพื่อการถ่ายภาพ จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 15:53:56

ความคิดเห็นที่ 3 ในการควบคุมกล้องและการควบคุมการเปิดรับแสงนั้น ในเบื้องต้น กล้องทุกกล้องในปัจจุบันนี้ สามารถควบคุมการเปิดรับแสงได้โดยอัตโนมัติ แทบไม่ต้องการ การควบคุมโดยผู้ใช้เลย และบ่อยไปที่กล้องตัดสินใจได้ดีกว่าผู้ใช้ เบื้องหลังของระบบอัตโนมัตินั้น คือวิศวกรทางออพติค และช่างภาพมืออาชีพ ที่คอยเลือกการเปิดรับแสงในสถานการณ์ต่างๆ ให้ เลือกช่องรับแสง และเวลาเปิดรับแสงที่ให้ภาพที่มีคุณภาพสูงสุดเท่าที่กล้องสามารถจะทำได้ สิ่งที่นักถ่ายภาพที่หลังกล้องทำได้ดีกว่ากล้อง ก็คือเปลี่ยนค่าต่างๆ เพื่อให้ได้ภาพที่ได้ดังใจในการสื่อสาร และปัญหามันเกิดขึ้นตรงนี้ครับ ก็คือในเมื่อเราที่หัดถ่ายรูป ยังไม่มีทักษะทางการสื่อสาร และศิลปะเลย แล้วเราจะเลือกค่า Combination การเปิดรับแสงให้เหมาะสมได้อย่างไร เรายังไม่รู้เลยว่าเราจะบอกเล่าอะไร บันทึกอะไร ยังไม่รู้เลยว่าอย่างไรถึงสวย แค่ไหนถึงงาม ต้องวางโฟกัสที่จุดใด เปิดรับแสงไว หรือนานอย่างไร และให้ชัดลึกแค่ไหน ยังตอบตัวเองไม่ได้ว่าทำไมเราเลือกที่ f/8 แทน f/5.6 หรือ f/11 เพราะมันช่วยให้ภาพสวยขึ้นหรือเปล่า หรือจะทำให้สื่อสารได้สัมฤทธิ์ผลกว่ากันหรือไม่ นอกเหนือไปจากมีคนบอกมาว่าตรงนี้คมที่สุด แต่เราก็ตอบไม่ได้อีกเช่นกัน ว่า คมที่สุด คือดีที่สุด เหมาะสมที่สุดหรือเปล่า ภาพที่ได้ระยะชัดลึกสุดสายตา หรือภาพชัดตื้น ที่ไม่คมเท่า อาจจะสวยกว่า หรือประสบความสำเร็จในการสื่อสารมากกว่าก็ได้ ท้ายสุดก็กลายเป็นว่า เราก็ติดหล่มการ "เล่นกล้อง" ทางเทคนิคไป ไปมุ่งที่สีสัน คอนทราสท์ น้อยส์ รายละเอียด ความคมชัด เป็นเป้าหมาย ลืมจุดมุ่งหมายเบื้องแรกที่ทำให้เรามาถ่ายภาพไปเสียแล้ว จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 15:54:57

ความคิดเห็นที่ 4 ด้านเทคนิคนั้น อาจจะดีถ้าเราเป็นนักเล่น Gadget แต่หากเราเป็นนักถ่ายภาพ สิ่งเหล่านั้นเป็นแค่ส่วนประกอบปลีกย่อยเท่านั้น ส่วนในแง่ของศิลปะก็เช่นเดียวกัน จริงหรือที่เราต้องศึกษาเรื่องจุดตัดเก้าช่อง สัดส่วนทอง เส้นนำสายตา​ ฯลฯ ศิลปะทั้งหลายทั้งมวลนั้น ล้วนแต่ใช้หัวใจเป็นจุดเริ่มต้น การถ่ายภาพนั้นก็เช่นเดียวกัน ต้องเริ่มต้นที่หัวใจก่อน แล้วถึงจะไปสมองเพื่อเพิ่มความสมบูรณ์ในด้านเทคนิค และการฝึกฝนทักษะทางศิลปะ เมื่อไหร่ที่สายตา และหัวใจบอกว่างาม มันก็คืองาม ภาพถ่ายระดับโลก แม้กระทั่งภาพในแนว Fine Art แท้ๆ ก็ไม่ได้เคร่งครัดกับหลักการในตำราเป๊ะๆ เพราะสิ่งที่อยู่ในตำราศิลปะ เป็นการสรุปย่อศิลปะที่อยู่ในหัวใจออกมาอีกทีหนึ่ง เราย่อมไม่สามารถบรรจุหัวใจศิลปะทั้งหมดทั้งมวลไว้ในหนังสือเล่มใดๆ ได้ครบถ้วน ศิลปะนั้นมีเนื้อหามากกว่าในตำรามากมายนัก และสิ่งที่สอนกัน ถ่ายทอดกันในวงการถ่ายภาพ ก็สรุปย่อจากในหนังสือศิลปะมาอีกทอดหนึ่ง เนื้อหายิ่งถูกลดทอนลงไปอีก แต่เราก็ทำเหมือนกับว่าการเรียนรู้เรื่องของเส้นผมหนึ่งเส้น คือการได้รู้เรื่องของร่างกายทั้งร่างแล้ว และแย่ไปกว่านั้น ยังมีนักถ่ายภาพอีกประเภทหนึ่งที่ทำเหมือนกับว่า การไม่เรียนรู้เรื่องของเส้นผมแม้แต่หนึ่งเส้น คือการบรรลุอย่างสมบูรณ์ทางศิลปะ เห็นได้ในศิลปินที่พยายามจะแหกกรอบ โดยไม่รู้ว่ากรอบอยู่ตรงไหนทั้งหลาย พวกนี้พอแหกกรอบไปแล้ว ก็มักจะออกจากกรอบ เข้าไปอยู่ในกะลากันทั้งสิ้น ศิลปะนั้นมีหลักการ และกฎเกณฑ์ แต่ไม่ใช่ทั้งหมดที่อยู่ในตำรา หลักการ และกฎเกณฑ์อีกเยอะ ยังอยู่ในหัวใจ ไม่ใช่ในตำรา การศึกษานั้นไม่จำเป็นต้องเริ่มจากตำราเสมอไป เราสามารถเริ่มจากในหัวใจของเราได้ หาตัว "ศิลปะ" ที่อยู่ในหัวใจของเราให้เจอก่อน แล้วค่อยจับมันมาเทียบกับในตำราทีหลัง ถ้ามันสอดคล้องเข้ากันได้ ก็แสดงว่าเป็นตัวจริง ถ้าหน้าตามันไม่เหมือนในตำรา แสดงว่าผิดตัว ให้หาต่อไป อย่าคิดว่าตำราผิด ตำราแค่ไม่สมบูรณ์เท่านั้น แต่มันถูกตรวจสอบความถูกต้อง จากศิลปินทั่วโลกมานานนับพันๆ ปีแล้ว ถ้าคิดว่าเจ๋งกว่าตำรา ก็แสดงว่าเป็นพวกศิลปินนอกกรอบ ที่อยู่ในกะลา อย่างที่ว่ามา จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 15:55:45

ความคิดเห็นที่ 5 ทำอย่างไรถึงจะหาตัวศิลปะเจอ ศิลปะไม่ได้อยู่ในอินเตอร์เน็ตครับ ไม่ต้องไปมองหา เอ้อ.. อาจจะมีหางๆ โผล่มาบ้าง อยากหาเจอแบบตัวเป็นๆ ต้องทำใจว่างๆ ไปเดินเล่นในสวน ไปเหยียบดิน ดูน้ำ ดูฟ้า ดูพระอาทิตย์ มด แมลง ดูเด็กเล่น ไปกระโดดน้ำคลอง เล่นน้ำทะเล ทำเลอะเทอะ เอนหลังดูเมฆลอยบนฟ้า ไปดมดอกไม้ คุยกับมนุษย์ เล่นกับหมาแมว ไปนั่งเงียบๆ ฟังเสียงนกร้อง นอนดูหญ้างอก ฯลฯ ความงาม และสุนทรีย มันจะเกิดขึ้นในใจเอง แล้วถ้ามันเกิดขึ้นแล้ว เวลาเรามองผ่านวิวไฟน์เดอร์ แล้วองค์ประกอบศิลปะลงตัวเมื่อไหร่ มันจะ "คลิ๊ก" ขึ้นมาในหัวเอง ว่าแบบนี้งาม แบบนี้ไม่งาม เวลามองตาเปล่า ก็จะเห็นว่าตรงนี้สวย มุมนี้ได้เรื่อง มุมนี้ยังใช้ไม่ได้ ตรงนี้น่าถ่ายรูป ฯลฯ จากนั้นค่อยไปดูงานระดับ Master กับในตำรา ก็จะเห็นเองว่า จะสอดคล้องกับสิ่งที่หัวใจเรารับรู้ ไม่ใช่ทำตามตำราอย่างเดียวโดยไม่รู้เหนือรู้ใต้ แล้วก็ไม่ต้องจำ มันจะกลายเป็นธรรมชาติของเราไปเอง สามารถทำได้โดยไม่ต้องคิดว่าใช้หลักการไหน แล้วจากนั้นค่อยไปเพิ่มพูนวิชาให้แก่กล้าขึ้นด้วยตำรา และการศึกษางานศิลปะระดับโลกเอาทีหลัง เห็นมั้ย.. หัดถ่ายรูป ในภาคของศิลปะ ไม่ต้องเริ่มจากเรียนเรื่องจุดตัดเก้าช่อง เส้นนำสายตา ฯลฯ ก็ได้ ที่ต้องใช้ก็แค่หัวใจเท่านั้น จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 15:56:12

ความคิดเห็นที่ 6 เรื่องหัดถ่ายรูปมันควรจะเป็นเรื่องสนุกสิ ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาท่องจำอะไรกันมากมายให้เครียดกันเปล่าๆ นั่นมันเรื่องของคนที่ถ่ายรูปเป็นแล้ว และอยากจะเก่งให้มากขึ้นเค้าทำกัน เราไม่ได้ต้องการเป็นเอตะทัคคะ หรือยอดศิลปินทางการถ่ายรูปเสียหน่อย ที่เราต้องการก็แค่ถ่ายรูปเพื่อบันทึก หรือบอกเล่าเท่านั้นเองไม่ใช่เหรอ? ไม่ต้องกังวลเรื่องหลักการ เทคนิค หรือศิลปะอะไรทั้งนั้น แค่ยกกล้องขึ้นมา ปรับออโต้ แล้วก็ถ่ายด้วยหัวใจ มันก็แค่นั้นเอง เรามาหัดถ่ายรูปให้ไม่เป็นกันเถอะ . จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 15:56:40

ความคิดเห็นที่ 7 ตามอ่านมาโดยตลอดครับ  เห็นด้วยอย่างยิ่งกับบทความนี้ครับ  อย่าไปคำนึงยึดติดกับอะไรมากมาย      ถ่ายด้วยหัวใจ  สื่อสารให้คนดูเข้าใจ จากคุณ : AODAOD29 เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 16:12:19

ความคิดเห็นที่ 8 นั้นคือเหตุผล  ที่คนกลุ่มนึง  ไปเล่นกล้อง Toy  และ Lomo  ฮิฮิ "ไม่ต้องคิด  ถ่ายเลย" จากคุณ : จอมยุทธเจ้าสำราญ เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 16:19:39

ความคิดเห็นที่ 9   กินใจมากเลยน้าอะธีลาส...วันนี้ซึ้งกันหลายกระทู้เลย... จากคุณ : ผมมันคนกรุงเทพฯจริงๆนะ เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 16:28:49

ความคิดเห็นที่ 10 อดีต เวลาถ่ายรูป"คิดมาก" เครียดชิปโหง ปัจจุบัน เวลาถ่ายรูป"ไม่คิด" มีความสุขดีแฮะ ขอบคุณครับน้านิคสำหรับบทความดี ๆ จากคุณ : raksapondet เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 16:38:26

ความคิดเห็นที่ 11 เพราะหัวใจของเราเป็น "นามธรรม" ครับ แต่เราพูดกันด้วย "รูปธรรม" มากกว่าเพราะมันจับต้องได้ แล้วเมื่อ "รูปธรรม" มันมากเข้า "นามธรรม" ก็ถูกลืมไป เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งครับกับน้าอะธีลาส และขอบคุณน้ามากที่ทำให้ได้คิดกลับไปอีกครั้ง ตอนเป็นเด็กวิ่งแก้ผ้ากระโดดน้ำได้โดยไม่อาย เพราะคิดว่า "สนุก" ก็พอ ใจที่มันไม่มีกรอบมันอิสระและสมบูรณ์ในตัวของมันครับผม ^ ^ จากคุณ : LightShooter เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 16:40:06

ความคิดเห็นที่ 12 กลับมาเป็นตัวเราดูบ้างสิครับ จากคุณ : E22QV เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 17:51:49

ความคิดเห็นที่ 13 ^^ จากคุณ : แฉลบยอดหญ้า เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 18:44:39

ความคิดเห็นที่ 14 ชอบครับ จากคุณ : ข้าวเหนียวไก่ทอด เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 18:46:40

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณครับที่เตือนสติ ตอนนี้กำลังอยู่ในวังวนพอดีเลย กำลังสงสัยว่าเราเองก็รู้จักเทคนิคพอสมควร แต่ทำไมถ่ายรูปออกมาไม่มีความรู้สึกดีๆ กะมันเลย ถ่ายแล้วเหนื่อยมาก จนจะท้อแล้วอะ.. ต่อไปนี้จะกลับไปถ่ายแบบไม่คิดมากบ้าง ขอบคุณอีกครั้งครับผม... แก้ไขเมื่อ 07 ก.ค. 53 06:00:47 จากคุณ : golfnuts เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 19:10:16

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณสำหรับบทความที่สะกิดใจนักถ่ายภาพทั้งหลาย..... ผม วก มาถึงเรื่องที่ได้ไปอบรมกับ อาจารย์ วรนันทน์ .... ผมดูภาพที่ได้รับรางวัลระดับโลก ของท่าน ส่วนใหญ่ จะเป็นภาพ ที่เรียบง่าย เป็นธรรมชาติมากที่สุด ถึงแม้ภาพส่วนใหญ่จะจัดฉาก..... ผมเห็นผลงานส่วนใหญ่ องค์ประกอบจุดตัดเก้าช่อง จไม่ค่อยมี ภาพที่ได้รับรางวัลส่วนใหญ่ อยู่ที่การวัดแสงที่แม่นยำ ดูแล้ว ไม่ขัดสายตาครับ จากคุณ : ลิงหน้าหมู เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 19:10:45

ความคิดเห็นที่ 17 ผมไปถ่ายรูปใครได้แต่รอยยิ้ม กลับมานั่งดูรูปก็นั่งอมยิ้ม แค่นี้ก็เหลือเฟือแล้วนิ จะถ่ายให้เก่ง ถ่ายแล้วรวย ถ่ายแล้วดัง ค่อยมานั่งคิดต่อ เอ...ทำไงดีหว่า :) จากคุณ : F:A:B:R:E เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 19:44:14

ความคิดเห็นที่ 18 สูงสุดคืนสู่สามัญ ขอบคุณกับข้อความดีๆ จากคุณ : เนตร (ohhayo) เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 19:44:35

ความคิดเห็นที่ 19   ขอบคุณครับ อ่านแล้วก็ทำให้คิดเลยว่า ตอนแรกเราอยากถ่ายรูปทำไม จากคุณ : ข้างหลังแว่น เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 19:51:27

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณครับ สำหรับบทความดีๆ อ่านแล้วนึกถึงรุ่นน้องที่ เถียงกัน ระหว่าง cannon, nikon เลน L, nano กล้องเทพ สรุปว่าพวกมันซื้อมาถ่ายเพื่อหาความสุข หรือประชันของเทพกันแน่ จากคุณ : Dungeon เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 20:05:02

ความคิดเห็นที่ 21 ... อย่างงี้นี้เอง จากคุณ : LIVE 4 LIVE เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 20:31:22

ความคิดเห็นที่ 22 กำลัง งง ๆ อยู่เหมือนกัน เหมือนคล่ำทางมาไม่ถูก ตาสว่างเลย ขอบคุณครับ จากคุณ : venfaa เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 20:55:58

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณมากมากเลยค่ะสำหรับบทความดีดี ถ่ายตามอำเภอใจ สุขสุดๆ แล้ว จากคุณ : Litt.D. เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 21:14:27

ความคิดเห็นที่ 24 โดนใจผมมากครับ บทความนี้ จากคุณ : ผู้เห็นทุกข์ ([Mr.ทุกขํ]) เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 21:37:05

ความคิดเห็นที่ 25 ถ่ายรูป  ผมว่ามันก้อเหมือนใช้ชีวิตนั่นละ เราก้อแค่มองหา สิ่งที่สวยงาม จากสิ่งที่เราพบเห็น มันต้องมีอยู่แล้วละ มันอยู่ที่เรามองมันจากมุมไหน และเมื่อคุณพบมุมนั้นแล้ว ก้อแค่เก็บมันไว้ให้ได้ ก้อเท่านั้นเอง คุณภาพรูปที่ได้ มันอาจสะท้อนจากคุณภาพกล้อง+คุณภาพเลนส์  แต่มุมมองที่สวยงามมันสะท้อนจากคุณภาพตากล้องเท่านั้น จากคุณ : ARMS STRONG เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 21:38:42

ความคิดเห็นที่ 26 ตอนนี้กำลังร่างหลักสูตร "การถ่ายรูปไม่เป็น" อยู่ครับ เดี๋ยวปลายปีนี้กลับไปเมืองไทยเมื่อไหร่ จะเอาไปถ่ายทอด ว่าทำยังไงถึงจะถ่ายรูปไม่เป็น รู้ป่าว ว่าการถ่ายรูปให้ไม่เป็นนั้น สิ่งสำคัญอันดับแรกที่ต้องสอนคือการ "กอด" จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 21:49:38

ความคิดเห็นที่ 27   ยอดเยี่ยมมากเลยครับ ความสุข เป็นพื้นฐานของความงามและศิลปะ เมื่อมีความสุข....ความงามและศิลปะจะค่อยๆกำเนิดกรอบกติกาขึ้นเองอย่าง ยืดหยุ่นเป็นธรรมชาติ บนพื้นฐานของความสุข ปลายปีผมสมัครล่วงหน้าเลยนะฮะ หลักสูตรการถ่ายรูปให้ไม่เป็นเนี่ย อิ อิ อย่าลืมกลับแจ้งข่าวให้ทราบกันบ้างนะฮะ จากคุณ : ฮัมมิ่งเบิร์ด (กางเขนน้ำ) เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 22:14:03

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบคุณครับ... ( ^ _ ^ ) จากคุณ : ... (เป้ว_จีที) เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 22:20:30

ความคิดเห็นที่ 29 งี้ผมก็"ถ่ายรูปไม่เป็น"พอได้แล้วสิ....ก้อผมกอดภริยาผมทู้กวัน.... จากคุณ : LVP@HEART เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 23:03:25

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณคะ ที่ผ่านมาถ่ายรูปแบบมีความสุขเบลอๆก็สวยได้ แต่พอจริงจังมากขึ้น ก็คิดไอ้นู่นไอ้นี่มากขึ้น เหนื่อย ขอบคุณที่ให้แง่คิดคะ จากคุณ : Princess Moo เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 23:14:39

ความคิดเห็นที่ 31 เล่นกล้องมาจนถึงตอนนี้ยังทำอะไรไม่เป็นเลยค่ะ WB เอย วัดแสงเอย บลาบลาบลา สักแต่ว่าชอบแล้วกด -_- สงสารตัวเองเหมือนกัน จากคุณ : เพนกวินน้อยลอยน้ำ เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 23:28:25

ความคิดเห็นที่ 32 ชอบบทความนี้จังเลยค่ะ จากคุณ : SiErRaPuY เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 23:58:24

ความคิดเห็นที่ 33 ก็เพราะสาระแยะไง ........ อยากมีสาระ เหมือนโปรเขา อยากถ่ายได้เจ๋งเหมือนโปรเขาบ้าง ใจมันเลยวิ่งไปหาเอาแต่ สาระมาใส่หัว โยนทิ้งศิลปะไว้หลังสมองก่อน ... ลืมมมมไปว่า........ ซื้อกล้องมาถ่ายรูปเพราะ ...อยากถ่ายรูปเพื่อความสุข.... คิดไปว่า ..... คนอื่นต้องมีสาระอย่างชั้นสิ ถึงจะ .... (โปรดเติมคำในช่องว่างเอาเอง) บางคนสาระเยอะจนหาญกล้า.....ไปวิจารณ์รูปคนอื่น ว่ารูปถ่ายไม่ดี องค์ประกอบไม่สวย ห่วย แถมบางทีก็เลยเถิดยึดบอร์ดเป็นสรณะแห่งตน...... "ห่วยอย่ามาแปะ" แต่ลืมไปว่า..... คนถ่ายรูปสวย เก่ง ที่ได้ชื่อว่า...โปรตัวจริง....เขาประพฤติตัวตนเยี่ยงไร... ลืมไปว่า..... ศิลปะมันไม่ได้มีข้อกำหนดกฏเกณฑ์ตายตัว ภาพเบลอ ๆ ไม่สวยของคนนึง อาจจะสวยของอีกคนก็ได้ พล่ามจบ วิ่งไปเอาไอ้ป้อนคุง มา "กอด" ดีกว่า อิอิ [^________^] ปล.น้านิค ถ่ายแฟนเอลล่ามาโพสต์เอาใจสาวๆ บ้างจิ หล่อดี อิอิ..... จากคุณ : DeE dEe เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 06:34:31

ความคิดเห็นที่ 34 ถ่ายเพราะอยากจะถ่ายค่ะ ถ่ายเพราะถ่ายแล้วสนุกและมีความสุข แต่ความรู้พื้นฐานบางอย่างมันก็ต้องมีไว้นะ เช่นว่า เราเพ่ิงรู้เม่ือไม่นานมานี้เองว่าถ้าจะถ่ายให้หลังเบลอต้องใช้ f กว้างๆ ถ้าอยากจะถ่ายน้ำตกให้น้ำดูไหล มันก็ต้องเปิด shutter speed กันนานนิดส์นึง สำหรับเราแล้วมันทำให้เราถ่ายภาพได้สนุกมากขึ้นค่ะ ถ่ายได้อย่างท่ีใจเราอยากมากขึ้น แต่เร่ืองทฤษฎีอ่ืนๆ นั้นหรือ... บอกได้คำเดียวว่ากระจายอย่างรุนแรง... จากคุณ : Mirah เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 08:13:31

ความคิดเห็นที่ 35 ถ่ายด้วยความสุขเหมือนกันค่ะ ไม่ค่อยซีเรียสกะทฤษฏีซักเท่าไหร่ แค่เอามาปรับใช้เวลาอยากได้รูปอย่างที่เราต้องการค่ะ บางรูป แค่ขอให้ได้ถ่ายเก็บไว้ ถึงแม้จะไม่สวย จะสว่างเวอร์ หรือมืดไป แต่ได้เห็นความทรงจำที่มันหยุดอยู่ตรงนั้น มันก็ยิ้มได้แล้วล่ะค่ะ จากคุณ : smaws เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 08:52:18

ความคิดเห็นที่ 36 ปล่อยไปตามหัวใจ.... จากคุณ : Mashi_Naz เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 09:00:38

ความคิดเห็นที่ 37 ถูกใจให้ล้านกีบเเลยค่ะ จากคุณ : ทำไมต้องล็อกอิน เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 09:04:36

ความคิดเห็นที่ 38 ตอนแรกอยากเปลี่ยนจาก KITTY เป็น L พออ่านกระทู้นี้เขาใจเลยครับ ว่าแค่ที่มีอยู่ก็มากพอแล้ว ขอบคุณครับ จากคุณ : ต้น (tonti) เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 09:13:00

ความคิดเห็นที่ 39   ขอบคุณมากๆ ครับ จากคุณ : FindSomeOneToLoveMe เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 09:15:56

ความคิดเห็นที่ 40 เป็นข้อเขียนที่ดีนะครับ เพียงแต่มีจุดคลาดเคลื่อนบางแห่งบ้าง เช่น "ถ้าหน้าตามันไม่เหมือนในตำรา แสดงว่าผิดตัว ให้หาต่อไป"  ตรงนี้ถ้าคุณศึกษาศิลปะมาถึงจุดหนึ่ง คุณจะรู้ไ้ด้เองว่าไม่ถูกต้อง  แต่ไม่ถุกต้องอย่างไรนั้นก็คงต้องเรียนรู้ต่อไป จากคุณ : เสือจ้ะ เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 09:23:02

ความคิดเห็นที่ 41 - การถ่ายภาพเป็นศิลปะ... ศิลปะขึ้นกับใจเรา... - raksapondet ครับ ผมมีความเห็นเหมือนคุณไม่เครียดเวลาถ่ายภาพ   - ไม่ยึดทฤษฎีมากนัก (มีบ้างบางครั้ง) ไม่แน่ใจเรื่องวัดแสงก็ถ่าย   คล่อมเสียเลย จากคุณ : c136 (c136) เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 09:23:33

ความคิดเห็นที่ 42 รูปที่สวยที่สุดในสายตาของเรา ไม่จำเป็นต้องสวยที่สุดในสายตาคนอื่น รูปที่มีความหมายที่สุด อาจจะไม่มีความหมายสำหรับคนบางคนเลย รูปที่ไม่สวยเอาซะเลยสำหรับเรา อาจจะเป็นภาพที่สวยและมีความหมายกับคนอีกหลายๆ คน จากคุณ : Thechila เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 10:00:50

ความคิดเห็นที่ 43   ไปขุดกระทู้เก่ามา เพราะอ่านแล้วนึกถึงอดีตกระทู้แนะนำอันนี้ http://topicstock.pantip.com/camera/topicstock/2008/12/O7370176/O7370176.html จากคุณ : ... เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 10:41:26 A:203.131.209.141 X: TicketID:277326

ความคิดเห็นที่ 44 ภาพถ่าย ถ่ายผ่านสายตา ถ่ายทอดออกมาจากหัวใจค่ะ ... เลี่ยนม่ะ อิอิ ภาพไม่ต้อง Perfect เหมือนเปิดหนังสือทฤษฎีถ่ายภาพมากางไว้ตรงหน้า แต่เป็นภาพที่ถ่ายจากอารมณ์ความรู้สึก มีเรื่องราว มีชีวิต เคยได้ยินมั้ยคะ ว่าภาพ "พูด" ได้ :) แก้ไขเมื่อ 06 ก.ค. 53 10:52:40 จากคุณ : dorapanda เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 10:52:26

ความคิดเห็นที่ 45   ผมไม่เห็นด้วยครับ ผมคิดว่าคนเราจะไปได้ดีในศิลปแขนงใด การศึกษาพื้นฐานต้องมาก่อน ฝึกปฏิบัติตามกรอบที่มี จนตกผลึกแล้วค่อยคิดทำอะไรตามใจตนเอง ตอนนั้นหลักการและกฏเกณฑ์มันซึมซาบอยู่ในตัวแล้ว เมื่อคุณประสบความสำเร็จเป็นเจ้าลัทธิ คุณอดไม่ได้หรอกที่จะตั้งกฎเกณฑ์ของตัวเองขึ้นมา คนที่นิยมชมชอบและเห็นว่ามันดีมันใช่จริงก็ทำตาม องค์ประกอบของภาพที่สวยงามมีการศึกษาและบอกต่อมากันอย่างไร ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่ามันไม่ใช่ เพราะมันสวยจริง เราอยากสร้างงานศิลปภาพถ่าย เราต้องรู้วิธีบังคับกล้อง และฝึกปฏิบัติให้เข้าใจ ผ่านพ้นช่วงนี้แล้ว จะมาบอกว่า เรามาถ่ายรูปไม่เป็นกันเถอะ ย่อมได้ภาพที่สวยกว่าคนไม่รู้เรื่องอยู่ดี ตัวอย่างมีเยอะ ซื้อกล้องมา ลุยถ่ายเลย ภาพไม่สวย แต่มีคนชมว่าสวย เลยติดการถ่ายภาพแบบมวยวัดอย่างนั้นไปอีกนาน จากคุณ : - เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 11:57:11 A:61.19.52.106 X: TicketID:273458

ความคิดเห็นที่ 46 พูดถึงเรื่องนี้ ขอเล่าเรื่องตัวเองบ้างครับ ^^ ผมเคยไปเดินงานประมงมาหนนึง จำไม่ได้ละว่านานแค่ไหน น่าจะเกิน 5 ปีมาแล้ว... จุดประสงค์หลักคือจะไปดูเค้าโชว์จระเข้ ไม่ได้ชอบปลา แต่เนื่องจากมีเวลาว่างระหว่างรอก็เลยไปดูเค้าประกวด "ปลาสวยงาม" กัน... (ผมไม่รู้จักกระทั่งพันธุ์ปลา แต่ผมเรียกมันว่าปลาหัวทุย... เพื่อนๆคงนึกออกนะครับ) คือ ตอนที่ไปดู เค้าตัดสินกันไปเรียบร้อยแล้วครับ จัดเอาตัวที่ได้ 1 - 2 - 3 - ชมเชย แยกไว้ส่วนนึง ไอ่ตัวที่เค้าส่งมาประกวดแต่ไม่ได้รางวัลแยกไว้ส่วนนึง... เห็นเด็กๆตื่นตาตื่นใจ คนในงานก็ไปรุมดูเจ้าตัวที่ได้รางวัลทั้งหลาย พร้อมทั้งวิพากย์วิจารณ์กันอย่างสนุกสนาน... แต่สำหรับผม... "หน้าตามันต่างกันตรงไหน (วะ)... หัวก็ทุยๆเหมือนกัน สีก็ออกช้ำๆเป็นจ้ำๆเหมือนกัน..." หลังจากแอบฟังเซียนปลาเค้าพูดกันถึงองค์ประกอบความสวยงานของเจ้าหัวทุยแล้ว ผมเริ่มกลับมาสังเกตุเจ้าตัวได้รางวัลทั้งหลายอีกรอบ... เอ่อ... ตรงเว้ย!!... ตรงกับที่เค้าบอกว่า "สวย" เป๊ะๆเลย... แต่ว่า... แล้วจริงๆมันต่างกันตรงไหน (วะ)... (ความรู้สึกเดิมยังหลอน) ถ้าให้ผมเลือกตัวที่ควรได้รางวัล ผมกลับชอบใจปลาหัวทุยตัวนึง (ที่ไม่ได้รางวัลและไม่ครบองค์ประกอบความ "สวย" เท่าตัวที่ได้รางวัล) มากกว่า... จำได้ว่าชอบเพราะเอานิ้วไปเคาะๆแล้วมันเหมือนจะเล่นด้วย รู้สึกมันไม่เซื่องซึมเหมือนตัวอื่น... "สวย" อาจพอวัดได้ แต่ "ชอบ" วัดกันยังไงหนอ... สุดท้าย สิ่งที่ผมเรียนรู้จากงานประมงครั้งนั้นคือ... เมื่อไรที่คุณเปิดใจรับ "ทฤษฎีความสวยงาม" เข้ามา คุณจะสามารถเข้าใจถึง "ความสวยงามของคนหมู่มาก" ได้... แต่คุณอาจไม่สามารถเข้าถึง "ความสวยงามในแบบของคุณเอง" ได้... ก็เท่านั้นเองครับ และตั้งแต่นั้นมา ผมว่าผมเข้าใจมุมมองด้านศิลปะมากขึ้นนะครับ ใครจะคิดยังไงไม่รู้ แต่ผมก็ยังเลือกที่จะรับรู้ความสวยงามตามแบบของตัวเองและยังคงชอบเจ้าหัวทุยที่ดูร่าเริงที่สุดนั่นอยู่ดี ขอบคุณครับ ^^ จากคุณ : ตัวละห้าสามตัวสิบ เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 12:21:20

ความคิดเห็นที่ 47 จะรอเรียนหลักสูตรใหม่นะคะ จากคุณ : peungnoy เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 12:53:52

ความคิดเห็นที่ 48 Beauty is in the eyes of the beholder ความสวยงามขึ้นอยู่กับผู้มอง ชอบและชื่นชมกระทู้นี้มากค่ะ จากคุณ : Chere เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 14:16:32

ความคิดเห็นที่ 49   แวะมาหาความรู้...ขอบคุณครับ จากคุณ : vingo (Vingo) เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 14:17:24

ความคิดเห็นที่ 50 ผมขอถ่ายรูปเป็นก่อนดีกว่าครับ อย่างน้อยก็ขอมีพื้นฐานที่ดีและแน่นก่อน พอมีพื้นฐานที่ดีแล้ว ถ่ายรูปให้ไม่เป็น ถ่ายยังไงก็สวยครับ จากคุณ : Ap.1657 เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 14:44:43

ความคิดเห็นที่ 51 ผมว่า ถ่ายรูปไม่เป็น นี่มัน ปวดหัวนะครับน้า   ผมก็ชอบเก็บภาพ เวลา ไปท่องเที่ยวสถานที่ต่างๆ ซื้อมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ....ตอนแรกใช้กล้อง like ผมก็ไม่กังวล ครับ   แต่อยากได้ภาพเนียน จึง ซื้อ DSLR แทน กล้อง like ก็ไม่เป็น.. ใช้โหมด P เลย ง่ายๆ ตามคู่มือ คนชัดเลย แต่ เจดีย์, ซากประตูโบสถ์ ,กระเช้าลอยฟ้า, ที่อยู่ด้านหลัง  ดัน เบลอ นี่ซิ อุตส่าห์เก็บตังค์ไปเที่ยวทีนึง ถ่ายรูปมาดูซะหน่อย  เซ็ง เพราะไม่รู้เรื่อง F S ถ้าเป็นคอมแพค ถ่ายเสยคน ชัดยันยอดตึกข้างหลัง วิวชัดยันภูเขา แหล่มไปแล้ว..อิอิ (ปล ในขณะเดียวกัน ที่คนอื่น มีความสุขกับ  หน้าชัด หลังเบลอ) เขาก็ให้ปรับ F.แคบ/กว้าง.. ทีนี้ เดี๋ยวมืดบ้าง เดี๋ยวสปีดต่ำบ้าง ภาพเละ มันไม่ได้ภาพนะครับ บางทีไปดู แหลม มอริสัน โซโล่กีตาร์ จับภาพไม่ได้อีก เป็นวิญญาณเลย ผมก็ยังกังวลกับพื้นฐานตรงนี้ อยู่ดีล่ะครับน้า เพราะมันมีผลต่อภาพ ......นี่ขนาด ผมยังไม่ได้คิดถึงเรื่องจุดตัด อารมณ์ เรื่องราว โทนสี ทิศทางแสง ที่น้าอะธีลาสยกตัวอย่างมาเลยครับ....^.^" จากคุณ : ฟูนัน เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 15:23:36

ความคิดเห็นที่ 52 ถูกทุกข้อครับ   แสดงว่าทุกคนถ่ายรูปสวยได้  เพียงเปลี่ยนมุมมอง เปลี่ยนวิธีคิด คิดให้เป็น  ใช้หัวใจสัมผัสสิ่งที่จะถ่ายทอดออกมา จากคุณ : Porbeckham07 เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 16:05:28

ความคิดเห็นที่ 53 ผมถ่ายให้ชัดตรงที่ผมอยากให้มันชัด แค่นี้ผมพอแล้วครับ.. ถ่ายเอง ดูเอง 555+ ขอบคุณสำหรับบทความครับ อ่านแล้วได้อีกมุม จากคุณ : symax เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 16:15:12

ความคิดเห็นที่ 54 Don't think Just shoot ครับ พวกภาพ LOMO ถึงมีสเน่ห์แบบนี้นี่เอง จากคุณ : shallowsleep เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 18:59:22

ความคิดเห็นที่ 55 โดนใจ... จากคุณ : rraiwa เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 19:46:29

ความคิดเห็นที่ 56 โดยส่วนตัวผมว่าการศึกษาพื้นฐานเป็นเรื่องสำคัญนะครับ ศึกษาให้เข้าใจว่ากรอบมันอยู่ไหนทฤษฎีมันเป็นยังไง แล้วจากนั้นจะออกนอกกรอบค่อยว่ากันไป หลายๆคนพยายามจะออกนอกกรอบแบบที่ไม่รู้ว่าจริงแล้วกรอบมันอยู่ตรงไหน มันทำให้หลงทางวนไปวนมากว่าจะออกจากกรอบได้ใช้เวลานานกว่าคนอื่นเขาเสียอีก ฝึกฝนพื้นฐานให้ชินแล้วจากนั้นหยิบจับอะไรก็จะง่ายไปซะหมด แต่ยังไงก็ตาม ทุกวันนี้ระบบ Automatic หรือ Program นั้นมันฉลาดเอามากๆ แค่ยกขึ้นกดมันก็วัดแสงปรับรูรับแสงปรับความเร็วชัตเตอร์ให้เสร็จภาพที่ออกมาก็ได้ภาพสวยใช้ได้ แต่อย่างหนึ่งที่คนถ่ายภาพยังต้องทำเองคือเรื่องมุมมองกับองค์ประกอบของภาพ ผมว่าฝึกทางด้านนี้น่าจะทำให้ได้รูปที่ดีขึ้นนะครับ ส่วนกล้อง lomo ที่บอกว่า just shoot อะไรประมาณนั้น รูปที่ได้มันไม่ได้ดีไปซะทุกรูปหรอกครับ เจอรูป lomo สั่วๆเข้าไปนี่ก็มองไปออกเหมือนกันว่าความสวยงามมันเป็นยังไง สังเกตุดูนะครับภาพ lomo ที่สวยดูดีมันสามารถเอาทฤษฎีทางศิลปะเข้าไปจับได้เกือบหมดแหละ ส่วนมากเรื่องมุมมองกับองค์ประกอบของภาพมันจะดีมาก่อนเลย จากคุณ : _เล็ก เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 19:53:31

ความคิดเห็นที่ 57 ผมคิดว่า เราจะมีแนวคิด "หัดให้ถ่ายรูปให้ไม่เป็น" ได้ ก็ต่อเมื่อเราเดินทางมากับการถ่ายภาพจนพบข้อสรุปแล้ว... ...เรื่องทักษะพื้นฐาน,การควบคุมกล้องนั้นสำคัญมาก..ถ้าเรารักการถ่ายภาพ..เราจะรักทุกสิ่งที่มาประกอบเป็นภาพ. . . ความงามเบื้องหน้าจะถูกบันทึกและถ่ายทอดอย่างสมค่า..เมื่อทักษะและสุนทรียะเดินทางมาบรรจบกัน.. . . ถ้าทักษะเรายังบอกถึงความงามเบื้องหน้าไม่ได้..เสียงของสุนทรียภาพในหัวใจย่อมไม่ยินยอมและผลักดันเราไป.. ..สู่การพัฒนาทักษะและอุปกรณ์ทั้งมวลเพื่อให้ความงามที่ปรากฎเบื้องหน้าและในหัวใจถูกประกาศออกมาอย่างคู่ควร.. ..เท่าที่ทักษะ,อุปกรณ์,โชควาสนาจะพาไป..ผลอย่างไรไม่นำพา... . . รู้เพียงแต่ว่า...ทุกครั้งที่ถ่ายภาพ..เราได้เป็นส่วนหนึ่งของปรากฎการณ์เบื้องหน้า..และได้ตระหนักถึงคุณค่าของการดำรงอยู่.. . . รู้อีกว่า..มนุษย์ตระหนักถึงคุณค่าของการดำรงอยู่ได้ เนื่องด้วยการได้เป็นพยานต่อความงามและปรากฎการณ์ทั้งปวง . . จากคุณ : ป๊าตัว art (แม่ยู้-ลูกหมูนะโม) เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 20:51:38

ความคิดเห็นที่ 58 อืม ผมว่าก็จริงนะ บางครั้งเราตามหลักการมากไป มันทำให้ขาดสมาธิในการสร้างสรรค์เหมือนกัน สมัยนึงผมที่เริ่มสนใจการถ่ายรูปก็เริ่มต้นด้วย dslr-like ไม่มีพื็้นฐาน แต่ก็รู้สึกสนุกและมีความสุขกับการถ่ายรูปอย่างมาก พอเปลี่ยนมาใฃ้ dslr ทำให้ต้องเริ่มต้นการเรียนรู้และใฃ้งานค่อนข้างมาก  รู้สึกว่าไม่มีความสุขกับการถ่ายรูปเ่ท่าไหร่  แต่ก็ดีที่ผ่านช่วงเวลานั้นมาได้แล้ว อดทนศึกษาตามหลักการสักนิดครับ ช่วงเวลาที่จะต้องหาตัวเองให้เจอว่าชอบการถ่ายรูป หรือแค่สนุกตามกระแส ถ้าผ่านจุดนี้มาได้ คุณจะสนุกกับการถ่ายภาพมากกว่าเดิมเยอะเลยครับ เพราะว่าคุณจะควบคุมกล้องได้ดั่งใจ ไม่ต้องคอยพะวงการใช้งานตามหลักการ ทำให้สร้างสรรค์การถ่ายรูปได้ดีกว่าเดิมครับ ถึงเราจะมาถ่ายรูปให้ไม่เป็น  แต่เชื่อเถอะ ว่าพื้นฐานที่ได้ศึกษา เทคนิคต่างๆ มันซึมซับอยู่ในกระบวนการคิดโดยที่เราไม่รู้ตัว ทำให้ภาพก็ยังออกมาดูดีได้มากกว่าไม่ศึกษาอยู่ดี ขอเป็นกำลังใจให้ผู้ที่เริ่มต้นเรียนรู้การถ่ายรูปทุกคนครับ จากคุณ : findfong เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 22:06:39

ความคิดเห็นที่ 59 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 22:22:34

ความคิดเห็นที่ 60 ที่เขียนเรื่องนี้ ก็ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ก็อยากให้มือใหม่หัดถ่าย เลิกกังวลก่อน ว่าถ้าไม่เริ่มจากเทคนิค ไม่รู้จักช่องรับแสง ความไวชัตเตอร์ ฯลฯ แล้วจะถ่ายรูปไม่ได้ หรือเวลาจัดองค์ประกอบจะต้องจัดลงจุดตัดเก้าช่อง ต้องมีเส้นนำสายตาเท่านั้น ไม่งั้นผิด (อาทิตย์ก่อนมีสองกระทู้) ถ่ายไปเลยครับ ไม่ต้องคิดมาก จนกว่าจะรักมัน และสัมผัสความงาม ความสนุกในการถ่ายรูปได้ ได้ถ่ายทอดความงามให้คนอื่น หรือตัวเราเห็นได้ แล้วจากนั้นค่อยมาเริ่มศึกษาปรับปรุงการถ่ายรูปให้มันดีขึ้น ให้มันเป็นไปตามหลักการ เพราะยังไงการศึกษาพื้นฐานอย่างแตกฉาน ก็เป็นเรื่องสำคัญที่สุด แต่ก่อนที่จะไปถึงขั้นนั้น ต้องสร้าง "ความอยากศึกษา" ให้ได้ก่อน มันจะได้เรียนรู้อย่างสนุกและกระหายใคร่รู้ด้วยตัวเอง ไม่มีอะไรดีไปกว่าทำให้มือใหม่หัดถ่ายหลงรักการถ่ายรูป ทุกวันนี้มือใหม่จะติดอยู่ที่ขั้นการศึกษาเทคนิคพื้นฐาน และเรียนรู้ด้วยความไม่สนุกเลย แต่จำใจต้องเรียน เพราะเขาสอนกันแบบนี้ ก็เรียนรู้กันไปด้วยความเจ็บปวด ไม่ใช่ความอยากรู้ ทำให้คนหัดถ่ายส่วนหนึ่งไม่สามารถไปถึงขั้นสนุกกับการถ่ายรูปได้ อาจจะหลงทาง หรือเลิกร้างห่างลาไปเสียก่อน เมื่อไหร่ที่มือใหม่หัดถ่าย เห็นว่าเป็นเรื่องสนุกสนานน่าสนใจ น่าหลงใหล ตกหลุมรักการถ่ายรูปแล้ว ก็อย่างที่สตีเฟ่น คิงส์ ว่าไว้ว่า "ถ้าเรารักที่จะทำอะไรสักอย่างแล้ว เราจะทำมันอย่างสนุกสนานไปได้ตลอดกาล" แก้ไขเมื่อ 07 ก.ค. 53 02:08:20 จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 02:05:48

ความคิดเห็นที่ 61 ตอนเด็กๆผมดูหนังเรื่อง"กลิ่นสีและกาวแป้ง" ที่มีเรื่องราวของเด็กศิลปากร มีนักเรียนคนหนึ่งตั้งคำถามว่างานศิลปะ ทำไมต้องมีแบบแผน ทำตามกรอบ ครูก็ตอบว่า ก่อนที่คุณจะวิ่งได้ คุณก็ต้องหัดเดินก่อน (มาเรียนให้ทฤษฏีแน่นก่อน) แต่สุดท้าย นักเรียนคนนั้นก็แยกตัวไปทำงานศิลปะตามแบบตัวเอง ฉากสุดท้าย มีนักเรียนอีกคนหนึ่งเรียนดีจนได้ทุนไปเรียนต่อที่เมืองนอก ระหว่างที่เขานั่งเครื่องบินข้ามทะเลไปเมืองนอก และแพนลงไปเห็นเพื่อนคนนั้นกำลังนั่งเรือใบไปอินเดีย! จะบอกว่ามวยวัดอัจฉริยะก็มีเยอะ ร่ำเรียนมาเยอะแต่ผลงานเหมือนเด็กหัดถ่ายก็มีถมไป แต่ด้วย"ความน่าจะเป็น" ถ้าอยากเติบโตในระยะยาว เรียนรู้ทฤษฏีไว้ก็ไม่เสียหาย ถึงวันหน้าไม่ได้ใช้แต่ก็ยังรู้ว่ามันคืออะไร จากคุณ : jaycee เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 10:45:32

ความคิดเห็นที่ 62 จี้ใจมากครับ จากคุณ : Dector เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 10:50:22

ความคิดเห็นที่ 63 ถูกใจครับน้า...อิอิ โปร(มั้ง)บางคน เวลาตอบคำถามที่มือใหม่ถาม ชอบตอบแบบพวกโปรๆเค้าคุยกัน ใช้คำพูดยาวๆให้มันดูเป็นงานเป็นการ เป็นมืออาชีพ ทั้งๆที่จริงตอบสั้นๆได้ใจความก็เข้าใจแล้ว....อย่าลืม มือใหม่นะครับ ไม่ต้องใช้ศัพท์หรือเทคนิคโปรมากๆหรอก ปล. ชอบ คห.6 นะ....ตรงกับผมเลย  ผมถ่ายรูปเพราะความชอบ สนุก ถ่ายไว้ดูเป็นความทรงจำ และก็หาความรู้เรื่องการถ่ายภาพไปเรื่อยทฤษฏีไหนมันยาก จำไม่ได้ก็ข้ามมันไป ไม่ได้คิดว่าจะถ่ายเพื่อให้ตัวเองเก่งขึ้นมาเลย   คห.6 ...เรื่องหัดถ่ายรูปมันควรจะเป็นเรื่องสนุกสิ ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาท่องจำอะไรกันมากมายให้เครียดกันเปล่าๆ นั่นมันเรื่องของคนที่ถ่ายรูปเป็นแล้ว และอยากจะเก่งให้มากขึ้นเค้าทำกัน เราไม่ได้ต้องการเป็นเอตะทัคคะ หรือยอดศิลปินทางการถ่ายรูปเสียหน่อย ที่เราต้องการก็แค่ถ่ายรูปเพื่อบันทึก หรือบอกเล่าเท่านั้นเองไม่ใช่เหรอ? ไม่ต้องกังวลเรื่องหลักการ เทคนิค หรือศิลปะอะไรทั้งนั้น แค่ยกกล้องขึ้นมา ปรับออโต้ แล้วก็ถ่ายด้วยหัวใจ มันก็แค่นั้นเอง จากคุณ : ray daddy เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 10:53:34

ความคิดเห็นที่ 64 เห็นด้วยกับที่บอกว่ามีกล้องแล้วถ่ายไปเถอะ โดยเฉพาะมือใหม่ อย่าเพิ่งมาจมกับเทคนิคเลยครับ ถ้าถ่ายแล้ว รู้สึกว่าสวย หรือมีคุณค่าทางจิตใจ นั่นใช่แล้ว คุณกำลังมีศิลปะเกิดขึ้นในใจ แล้วพอถ่ายมาแล้วเริ่มสงสัยทำไมมืดไป ทำไมไม่ชัด ทำไมชัดเกินไปทั้งภาพ จะได้ค่อยมาศึกษาทฤษฎี ผมโชคดีได้เรียนกับอาจารย์ถ่ายภาพทั้งไทยทั้้งฝรั่ง ยืนยันครับว่า ท่านสอนเรื่องการปรับกล้องไม่ถึง 5% ของที่เรียนและนั่งฟังจากท่านเลย The beauty is in the eye of the beholder. ถ่ายแล้วมองว่าสวย ถ่ายไปเถอะครับ กล้องเป็นแค่เครื่องมือเท่านั้น จากคุณ : Tum@EuroClub เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 11:44:53

ความคิดเห็นที่ 65 ขอบคุณครับได้ข้อคิดเยี่ยมเลยครับ   แก้ไขเมื่อ 07 ก.ค. 53 13:07:07 จากคุณ : ไม้แดง เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 12:59:21

ความคิดเห็นที่ 66   อยากให้กิฟจังเลยอะน้า มันโดนจัยยยย.. จากคุณ : วูล์ฟ (ตากล้อง size "S") เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 15:18:57

ความคิดเห็นที่ 67 ดีใจนะครับที่น้านิคเริ่มเข้าใจแล้ว นี่คือสิ่งที่ผมเคยบอกในห้องโอลิมปัสมานานแล้ว ซึ่งก็มีน้าหลายๆคนพยายามทำตัววิชาการ การถ่ายรูปต้องมีทฤษฏี  Histogram ต้องสวยงามแต่รูปสื่อสารรึเปล่าไม่รู้ ลงรูปมาก็ดูแต่ skintone โดยลืมมองสิ่งที่เป็นแก่นมากกว่ากัน ดีใจครับ จากคุณ : นายผจญภัก เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 18:00:43

ความคิดเห็นที่ 68 ทฤษฎีมันก็คือทฤษฎีครับ ในทางปฏิบัติคุณอาจใช้มันแค่เศษเสี้ยว ถ่ายไปเถอะครับ อยากถ่ายอะใรแบบใหนก็ทำตามใจ งานดีๆไม่ใช่ต้องออกมาจากอุปกรณ์ราคาแพงๆ(ไม่น่าเชื่อว่ามีคนคิดแบบนี้ด้วย) ศิลปะมันไม่มีรูปแบบตายตัวหรอกครับ ไม่ใช่เอะอะจะพอร์ทเทรทก็ต้องใช้เทเลฯเลนส์ทางยาวโฟกัสมากๆเปิดหน้ากล้องได้เยอะๆให้หลังมันวุ้นๆ แล้วก็เปิดแฟลชให้หน้าเคลียร์ๆแบนๆ มาโพรเซสด้วยคอมพ์เกลี่ยผิวให้เนียนเรียบปรับสีผิวให้อมชมพูผ่อง แล้วก็ชื่นชมกันว่าสวยๆๆ ถ่ายกันร้อยคนก็ออกมาแนวนี้กันหมด ไม่ลองคิดต่างทำต่างกันบ้างเหรอ ครับ VAN GOGH ตอนมีชีวิตอยู่ก็ถูกหาว่าบ้านะครับ งานมาได้รับการชื่นชมก็หลังจากเสียชีวิตหลายปี จากคุณ : dayong เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 20:37:46

ความคิดเห็นที่ 69 -ไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับเรื่อง VAN GOGH ครับ เพราะว่าเขา ได้ทำการทดลอง และค้นคว้าศึกษางานด้านเขียนภาพตลอดจนเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากศิลปินผู้รู้มากมาย มาเป็นเวลาหลายสิบปีครับ ไม่ใช่หยิบพู่กันตวัดแล้วอาร์ตเลย ส่วนตัวผม คิดว่าไม่มีศิลปินระดับโลกคนใด โด่งดังได้ด้วยความบังเอิญ แม้จะมีพรสวรรค์ก็ยังต้องได้รับการฝึกฝนครับ -แต่ก็เห็นด้วยที่ว่า บางครั้งก็ถ่ายให้สนุกไปก่อนดีกว่าครับ  จะจริงจังค่อยมาว่ากันอีกที  ไม่ต้องคิดมาก บอกเล่าเรื่องราวให้สมบูรณ์ เก็บความประทับใจให้เต็มพิกัดก็พอ -เมื่อคุณได้ความสนุก ก็อยากศึกษามากขึ้นเองครับ  แล้วจุดที่พอดี มันจะลงตัว จากคุณ : findfong เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 23:33:42

ความคิดเห็นที่ 70 วันนี้ ท่านอาจารย์ อะธีลาส มาแบบแปลก ๆ มากๆ อ่านไปอ่านมาก็ งง  งง ว่าเกิดอะไรขึ้น มาสรุปตรงท้ายสุด ก็ คือเข้าใจท่านอาจารย์แล้วหละครับ เพียงแค่ความเป็นห่วง เป็นใยมือใหม่จะถอดใจเท่านั้น...... อย่าถึงกับเผาตำราทิ้งเลยครับ......ไม่มีอะไรที่ดี โดยได้มาแบบง่ายๆหละครับ หมายความว่า ได้มาง่าย ๆ มักไม่มีคุณต่า ประมาณนั้นครับ เราต้องฝึกและอดทนต่อไปไม่ท้อถอยครับท่านอาจารย์อะธีลาส ท่านอาจารย์อะธีลาสโปรดอย่าทำให้ผมตกใจแบบนี้อีกนะครับ อิอิ จากคุณ : เขายายเที่ยง (BIG LOT) เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 23:49:18

ความคิดเห็นที่ 71 เรื่อง VAN GOGH จริงๆ เค้าวาดภาพเหมือนสวยมากนะครับ และเริ่มแรกเค้าเริ่มจากภาพเหมือนก่อน ก่อนจะได้รับอิทธิพลศิลปะอัฟริกันมากและสร้างสไตล์ตัวเองอย่างที่เราเห็นๆกัน จากคุณ : นายผจญภัก (นายผจญภัก) เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 09:20:58

ความคิดเห็นที่ 72 แวะมาอ่าน เรื่องยาวๆ ครับ จากคุณ : น้าวัชร-จัดให้ เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 09:55:06

ความคิดเห็นที่ 73 ผมพูดถึงประเด็นอารมณ์ติสต์ของ VAN GOGH ทำให้คนมองว่าเข้าบ้าครับ และงานของเขาไม่ได้รับความสนใจในช่วงที่เขามีชีวิตอยู่ ไม่ได้พูดว่าเขาเก่งโดยไม่ได้ฝึกฝนค้นคว้า เขาวาดรูปตลอดเวลาที่มีชีวิตฝึกฝนค้นคว้า หาแนวทางที่ใช่โดยไม่สนใจทำตามรูปแบบที่เป็นที่นิยมในสมัยนั้นครับ จากคุณ : dayong เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 10:06:56

ความคิดเห็นที่ 74 งานศิลปะระดับโลก มักจะไม่สวยในสายตาคนส่วนใหญ่เมื่อตอนสร้างครับ เพราะศิลปินมักจะก้าวหน้ามากกว่าคนเสพงานศิลปะเสมอ มันจะสวยขึ้นเองเมื่อผู้บริโภคมีความรู้ทางศิลปะเพิ่มขึ้น และจะเข้าไปอยู่ในตำรา เป็นพื้นฐานให้ศิลปินยุคต่อไปได้ต่อยอด ซึ่งศิลปินยุคต่อมาก็ต้องผ่านพื้นฐานเหล่านี้ก่อน ถึงจะต่อยอดในสิ่งที่ไม่อยู่ในตำราได้ เป็นแบบนี้เสมอมาทั้งเพลงแจ๊ส ภาพเขียน การออกแบบ งานศิลปะร่วมสมัย ฯลฯ จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 12:42:31

ความคิดเห็นที่ 75 ผมว่าคนเราต้องฝึกพื้นฐานให้มีความสามารถโดยไม่ต้องนึกอะไรมาก และทำให้พื้นฐานกลายเป็นความเคยชิน ที่เหลือให้ใจมันพาไปมันจะปรับแต่งค่าอะไรต่าง ๆ ตามธรรมชาติเองนะ จากคุณ : Buddykung เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 15:20:27

ความคิดเห็นที่ 76 ขอบคุณมากครับน้าอะธีลาส สำหรับผมแล้วเข้ามาหาความรู้แถวนี้บ่อยมากกกกก ที่สุดแล้วก็รู้ตัวว่าแค่บันทึกความทรงจำ ครับ แบบนี้อ่ะ จากคุณ : srich เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 21:08:14

ความคิดเห็นที่ 77 กับแบบนี้ก็พอแล้วครับ จากคุณ : srich เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 21:09:40

ความคิดเห็นที่ 78 จับกล้อง SLR ครั้งแรก ก็เพราะอยากถ่ายภาพที่คมชัด สวยงาม เรียนทฤษฎีคร่าวๆก่อนเลย เพื่อจะไม่ต้องกดส่งเดช ให้เปลืองฟิล์ม มิใช่ว่าถ่ายมาแล้วมืดตื๋อ ภาพเบลอจนดูไม่ออกว่าถ่ายอะไรมา ส่วนตัวแล้ว ในเบื้องต้น ต้องมีทฤษฎีเข้าหัวอยู่บ้าง แล้วค่อยเล็งหามุมมองที่สวยงามด้วยหัวใจ แต่หากใครจะใช้โหมด auto แล้วได้ภาพที่สวยงาม นั่นก็เพราะเขามีมุมมองที่ดี อะไรก็ถูกหมดล่ะค่ะ แล้วแต่ความถนัด ความชอบ และความคาดหวังของเจ้าของกล้องแต่ละตัว การเรียนรู้ทฤษฎีไปเรื่อยๆ อาจไม่ใช่เรื่องเครียดของบางคน แต่เป็นความท้าทายที่แสนหฤหรรษ์ ที่เราได้เรียนรู้และใช้พัฒนาภาพถ่ายของเราไปเรื่อยๆ  >> ด้วยใจที่เป็นสุข แต่บางคนกลับรู้สึกว่ามันเครียดแสนเครียด ทั้งนี้ คือความแตกต่างของมนุษยชาติค่ะ จากคุณ : Sonia Project เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 53 08:18:59

ความคิดเห็นที่ 79 ถูกใจครับ มากครับ และได้สติในทันที เพิ่งซื้อ DSLR มาเมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้วครับ จุดเริ่มต้นมาจากอยากถ่ายรูปให้แฟนตัวเองสวยๆ ตอนแรกใช้ Compact เลยไปลองถามร้านดูว่ามีอุปกรณ์เสริมไหม ถามไปถามมาเลย ก็เอาวะ ซื้อ DSLR ก็ได้ อยากให้แฟนสวย ตอนซื้อก็บอกว่า Lens Kits 1 + Tele 55-250 อีก 1 จะได้ครบช่วง พอซื้อมาได้ 2 วัน เอา Tele ถ่ายแฟนก็ยังไม่ได้ดั่งใจ ไปอ่านกระทู้เขาบอกว่า fix 50mm สวยดี คมกริบ ก็เอาครับ ซื้อเลย ตอนนี้รวมเป็น 3 ตัวละ เสร็จปุ๊บอีก 2 วันก็มาอ่านบอร์ด เห็นวิวสวย ซื้อ Wide 10-22 ซะเลย จากนั้นก็ชวนแฟนไปเที่ยว ตอนไปเที่ยวก็จัดนู่นจัดนี่ กะให้แฟนสวยเต็มที่ แฟนบอกว่าไม่สนุกเลย ไม่ได้ถ่ายด้วยกัน ผมก็ไม่เข้าใจอีก ผมก็เอาเลยครับ กลับมา ซื้อขาตั้งกล้องดีๆ ซื้อ Grip ให้จับถนัดมือขึ้น ณ วันหนึ่งตอนที่เราไปเที่ยวกัน แฟนหยิบ Compact ตัวเก่าขึ้นมาถ่ายมั่วๆเล่นๆ แล้วก็นอนถ่ายภาพ "เท้าของเราทั้ง 2 คน เห็นเป็น 4 เท้าเรียงกัน ลอยบนฟ้า" แล้วก็ขำใหญ่ บอกว่า รูปตลกดี แล้วเราก็ถ่ายเล่นกันอยู่แบบนั้น ปล่อย DSLR ตัวใหม่ อุปกรณ์ครบ ทิ้งไว้ในรถ จากวันนั้นผมจึงระลึกได้ว่า ผมซื้อกล้องมาทำไม ผมซื้อมาเพราะอยากเห็นรอยยิ้มของแฟนผม อยากเห็นภาพในกล้อง ที่เราขำ ที่เราวิ่งเล่น ความทรงจำดีๆเหล่านั้น วันนี้อ่านบทความเสร็จ ผมกลับไปเปิดรูปเก่าๆที่ผมถ่ายด้วย Compact มันมีความสุขครับ เห็นด้วยที่เราควรเรียนรู้เทคนิค เพื่อให้ภาพออกมาสวย แต่ก็ต้อง Balance กันให้ดี ระหว่างสมอง กับใจครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : Abacadabra เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 53 14:57:10

ความคิดเห็นที่ 80 ดีเลยครับ ... เห็นด้วยย ต้องถ่ายให้สนุกครับ ผมก็ถ่ายแบบ งู ๆ ปลา ๆ ใครจะว่าอะไรผม ผมก็ไม่สนเช่นกัน คิคิ จากคุณ : มองโลกกว้างผ่านเลนส์ตัวน้อย เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 53 15:58:11

ความคิดเห็นที่ 81 เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ บางท่านอยากซื้อกล้อง DSLR มาใช้ มาศึกษาจริงๆ แต่ก็ไม่กล้า เพราะอ่านมามาก เห็นมามาก ดูขั้นเทพโพสท์กันมามาก ก็เลยคิดว่า ถ้าซื้อมาแล้ว ไม่เทพอย่างที่เห็นก็จะกลายเป็น ชนชั้นล่างไปเลยในวงการ ทำให้มองข้ามไปเลยไม่ซื้อ ไม่ใช้ แล้ว ตากล้องคนนึงก็ไม่เกิด จากคุณ : tune up (tune up) เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 53 16:23:16

ความคิดเห็นที่ 82 บอกตรงๆนะ ถ้าภาพไหนมันสวยในสายตาเราก็จะบอกว่ามันมีคุณค่า แต่ถ้าเรามองว่ามันไม่สวยเสียอย่าง ต่อให้ตากล้องระดับโลกถ่ายมา เราก็ไม่เห้นว่ามันจะมีคุณค่าอะไร เราคิดว่าการถ่ายภาพก็เหมือนการวาดรูป การหามุมมองมันก็ไม่ต่างอะไรกับการวาดรูปนั่นแหล่ะ เราชอบการถ่ายภาพมาก แต่ไม่มีทฤษฎีอะไรทั้งนั้น ที่เรียนๆมาก็ทิ้งลงถังหมดแล้ว จากคุณ : เสียงจากบ้านนา เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 53 17:13:10

ความคิดเห็นที่ 83 ^o^ ชอบครับ โดนใจมากมาย อ่านบทความของน้านิค แล้วก็ย้อนมาดูตัวเอง 5 5 5+ จากคุณ : อัศวินดาวอังคาร เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 53 17:42:28

ความคิดเห็นที่ 84 ทำเอาผมต้องหยุดคิดเลยครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : ฝน8แดด4 เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 00:51:53

ความคิดเห็นที่ 85 ผมคนนึงล่ะ ที่ไม่เคยเรียนถ่ายรูป ไม่เคยเรียนเกี่ยวกับด้านถ่ายภาพ นิเทศ ศิลปะ ฯลฯ ที่เกี่ยวข้อง แต่คนรอบๆตัวผม เพื่อน แฟน พ่อ แม่ หลานๆ ชอบรูปที่ผมถ่ายครับ จากคุณ : โออ๊ะปะ เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 08:29:11

ความคิดเห็นที่ 86 ฉะนั้น อย่าไปแคร์สื่อครับ จากคุณ : โออ๊ะปะ เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 08:35:41

ความคิดเห็นที่ 87 ขอบคุณมากนะครับ  ผมก็เพิ่งได้ใช้ DSLR ด้วยความบังเอิญ แฟนซื้อมาแล้วไม่อยากใช้ ก็เลยต้องใช้ต่อ แต่ถ่ายด้วยความชอบอยากเก็บความทรงจำ เก็บภาพประทับถึงมันจะเบลอจะไม่ชัด โดนแฟนบ่นแล้วบ่นอีก แต่ถ่ายแล้วสนุก จากนั้น ก็เริ่มเข้ามาหาความรู้พื้นฐานเพิ่มเติมจากเดิม มันก็ทำให้เราเข้าใจง่ายขึ้น สนุกไปกับมัน ถึงจะไม่เข้าใจทั้งหมด แต่ก็สนุกกับการถ่ายภาพเหมือนเดิม จากคุณ : บินต่ำ เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 16:10:16

ความคิดเห็นที่ 88 เกือบหลงทางซะแล้ว ขอบคุณที่ช่วยดึงกลับมา จากคุณ : Master_Indy เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 53 11:19:03

ความคิดเห็นที่ 89 ทุกความเห็นมีสาระค่ะ จากคุณ : CHISUKA เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 53 20:27:10

ความคิดเห็นที่ 90 มุมมอง+วิธีคิด+บางครั้งกรอบก็มีใว้แหกนะ จากคุณ : dennis_s64 เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 53 22:47:48