ความคิดเห็นที่ 1 ที่จริงการเปรียบเทียบต้องระบุรุ่นต่อรุ่นไม่ใช่เอายี่ห้อชนยี่ห้อ จากคุณ : leetaesok เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 16:43:47

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าตัดทุกอย่างออกไป  รวมทั้งกำหนดให้จำนวนพิกเซล/ตาราง mm ของเซนเซอร์เท่ากัน  ผมว่าเซนเซอร์ใหญ่มีแนวโน้มให้คุณภาพไฟล์ดีกว่าเซนเซอร์เล็กครับ  และถ้าเซนเซอร์ทั้ง 2 ขนาดอยุ่บนพื้นฐานเทคโนโลยี เดียวกัน ช่วงเวลาเดียวกันอาจจะตัดคำว่ามีแนวโน้มออกไปได้ครับ แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 53 16:53:54 จากคุณ : ฟรีค่าแรงตลอด5หมื่นโล เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 16:52:07

ความคิดเห็นที่ 3 ปัจจัยที่มีผลในแง่ของเซ็นเซอร์ ไม่ใช่ดูที่ขนาดเซ็นเซอร์ หรือขนาดชิปโดยรวมครับ ส่วนที่มีผลคือขนาดโฟโต้ไซต์ กับความหนาแน่นของ Photosite ในชิป จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 17:02:17

ความคิดเห็นที่ 4   ถ้าบอกว่าเซ็นเซอร์เล็กคือเซ็นเซอร์ของกล้องคอมแพ็ค แล้วเซ็นเซอร์ใหญ่คือเซ็นเซอร์กล้องDSLR อย่างนี้เซ็นเซอร์ใหญ่มีคุณภาพของภาพดีกว่า100% เพราะเซ็นเซอร์คอมแพ็คเล็กกว่าของDSLR 3-4เท่า ความละเอียดของภาพก็น่าจะดีกว่า 3-4เท่าด้วย เพราะภาพจากเลนส์ที่ตกลงไปที่เซนเซอร์ของDSLRก็จะมีขนาดใหญ่กว่าของคอมแพ๊ค3-4เท่า ส่วนเซนเซอร์4/3 ถ้าดูขนาดมันไม่ได้ต่างจากAPS-Cเท่าไหร่ จะมีแต่ทางด้านกว้าที่APS-Cจะยาวกว่าเพราะเป็น3:2 (22.2 x 14.8 mm, 18.00 x 13.50 mm) คุณภาพเลยไม่น่าต่างกัน เพราะไม่ได้ใหญ่เล็กกันจนเห็นชัด จากคุณ : gure เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 17:16:42 A:118.174.57.132 X: TicketID:111025

ความคิดเห็นที่ 5 ต้องย้อนกลับไปดูเรื่องการทำงานของ เซ็นเซอร์ ครับ ความใหญ่ความโต มันไม่ได้บอกว่าจะ คุณภาพดี ขนาดจอ LCD จอใหญ่กว่าใช่ว่าความละเอียดจะสูงกว่าจอขนาดเล็ก.... จากคุณ : E20PBO (E20PBO) เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 17:27:06

ความคิดเห็นที่ 6 แล้วเซนเซอร์ของ 1D(ไม่ใช่ตัวฟูลเฟรม) กับ 5D ละครับ อันไหนจะให้ภาพได้ดีกว่ากัน จากคุณ : Buddykung เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 17:29:34

ความคิดเห็นที่ 7 มันอาจจะพัฒนาเทคโนโลยี เซ็นเซอร์ขนาดเล็กให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นได้ถึงขีดสุด แต่สุดท้ายแล้ว มันก็มีข้อจำกัดที่มันต้องขยายขนาดอยู่ดี เพราะไม่อย่างนั้นก็คงเลิกสนใจ FX ในยุคนี้ได้เลย ต้องรอดู FX ยุคต่อไปแล้วครับ แต่ก็เป็นแค่ทฤษฎีที่พูดกันไปครับ ออกมาเป็นไฟล์ภาพจริง ก็ยังห่างไกล คิดเยอะไปก็เท่านั้นแหละครับ ดูผลงานของมันจริงๆ ดีกว่าครับ จากคุณ : E22QV เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 17:32:47

ความคิดเห็นที่ 8 ตามมารอน้าเหมียว  ... ... จากคุณ : AODAOD29 เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 19:23:41

ความคิดเห็นที่ 9 มันขึ้นอยู่กับว่าเทียบกันในช่วงเทคโนโลยีเดียวกันรึป่าวด้วยมั้งครับ compact ปีนี้เช่น sony TX1 ผมว่าอาจจะให้ภาพที่นอยซ์ ดีกว่า DSLR พวก E1 10D  D100  istD  ที่ออกมาเมื่อครั้งกระโน้นอีกครับ (ยกมาให้เกือบทุกยี่ห้อ จะได้ไม่มีประเด็นส่วนนี้อีก) จากคุณ : Hanataro เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 19:24:48

ความคิดเห็นที่ 10 อยู่ที่เทคโนโลยี จ้า แต่ถ้าเทคโนโลยีเท่าๆกัน ใหญ่น่าจะดีกว่าเล็ก จากคุณ : ect1 เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 19:59:39

ความคิดเห็นที่ 11   น่าจะเป็นที่ความเหมาะสมของขนาด พิกเซล หรือเซลรับภาพที่อัดกันอยู่ในขนาดของเซ็นเซอร์นั้นๆ ในช่วงที่เหมาะสมรึป่าวครับ เช่น ขนาดของตัวคูณ 1.6 แคนนอน ขนาดเดียวแต่มีตั้งแ่ต่ 6 ล้าน ยัน 18 ล้าน น่าจะมีจุดเหมาะสมที่ทำให้คุณภาพมันดีที่สุด เหมาะสมที่สุดในเซ็นเซอร์ขนาดนั้นๆ ขนาด D90 12 ล้าน คุณภาพก็แจ่มนะครับ แต่บางตัว 18 ล้าน 21 ล้าน คุณภาพอาจสู้ 12 ล้านไม่ได้ เช่นกัน ขนาดของ เซ็นเซอร์ 4/3 ก็ได้สุด แค่ 12 ล้าน อยู่ในขณะนี้ ถ้าวัดกันจริงๆ นอกจากจะวัดขนาดของเซ็นเซอร์แล้ว ต้องวัดที่ จำนวน พิกเซลเท่าๆกันด้วยนะครับ ไม่ใช่ เอา 4/3 12 ล้านมาวัดกับ ฟูลเฟลม 21 ล้าน รวมถึงต้องเอาเลนส์เกรดเดียวกันมาวัดอีก ผมมั่วนะ จากคุณ : LiFEillusion เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 20:16:42

ความคิดเห็นที่ 12 คำถามยาว คำตอบยิ่งยาวกว่านะครับ ... และเป็นเทคนิคที่เรียกว่า "แทบกระอักเลือด" ----------------------- ตัวแปรสำคัญสุด ในการตัดสินว่า ข้อมูลภาพที่จะได้มานั้น มีคุณภาพแค่ไหน ไม่ใช่ "ขนาดเซนเซอร์" แต่เป็นขนาดของ "จุดรับภาพ" (photosite) เอาภาพมาให้ดูก่อน มาจากเว็บของ sony .. เป็นโครงสร้างพื้นฐานของ PS ทั้งแบบ front-illuminated (FIS) และ back-illuminated structure (BIS) จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 21:04:21

ความคิดเห็นที่ 13 อุ๊บ .. ลืมภาพ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 21:04:39

ความคิดเห็นที่ 14 ท่าจะยาว ปูเสื่อรอ ก่อนชิงที่ 3 จะเริ่ม จากคุณ : tewin เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 21:15:32

ความคิดเห็นที่ 15 ดุแค่ FIS นะ เพราะเป็นโครงสร้าง sensor ทั่วๆไปที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ ตัวที่รับแสง และแปลงพลังงานแสง เป็นสัญญาณไฟฟ้า ที่แท้จริง คือ photo-diode (PD) ตรงที่ลาเบลไว้ว่า "substrate" ตัว PD อยู่ในผลึกซิลิกอน .. แต่ละตัวถูกแยกจากกัน .. จะเห็นว่า มีโครงสร้างสีทึบๆ แยกแต่ละ PD ออกจากกัน เพื่อไม่ให้สัญญาณกวนกัน ข้างบน PD ต้องมีสายสัญญาณจำนวนมาก เพื่อถ่ายทอดสัญญาณที่เกิดจาก PS ไปยังวงจรแปลงสัญญาณ ภายนอก sensor สายนำสัญญาณพวกนั้น นอกจากจะบังแสงไม่น้อย ยังทำให้ PD แต่ละตัว เหมือน"บ่อน้ำ" ที่มีขอบบ่อหนาๆ และสูงลิ่ว แสงที่จะส่องไปถึงก้นบ่อ (ที่อยู่ของ PD) ได้ จะต้องเป็นแสงที่ส่องมาตรงๆเท่านั้น แสงเฉียงๆ มันกระทบของบ่อซะหมด แต่ทว่า บ่อแต่ละบ่อ .. ก้นบ่อไม่ดี มีน้ำครำซึมขึ้นมาตลอดเวลา .. น้ำครำพวกนี้ .. เราเรียกว่า noise ---------------------------- นึกถึงไร่ขนาด 100x100 เมตร ที่มี"บ่อน้ำ" ที่กว้างบ่อละ 1 x 1 เมตร และลึก 1 เมตรดูนะครับ ... มันมีทั้งหมด 10,000 บ่อใช่ไหมครับ ?? แต่ละบ่อ ควรรับน้ำฝนได้ 1x1x1 หรือ 1 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ฉะนั้น .. ถ้าฝนตกมาเต็มที่ ไร่ 100x100 เมตรนี้ "ควรผลิตน้ำ(ฝน)คุณภาพดีๆ 10,000 ลบ.ม." ในขณะที่อีกไร่หนึ่ง มีขนาดแค่ 50x50 เมตร .. และมีบ่อ 1x1x1 เมตรเช่นกัน จำนวนทั้งหมด 2,500 บ่อ   ถ้าฝนตกมาเต็มที่ สามารถผลิตน้ำ(ฝน)คุณภาพดีๆ "ได้เพียง" 2,500 ลบ.ม. "เท่านั้น" ---------------------------- มาถึงตรงนี้ นึกออกหรือยังว่า ... มันสัมพันธ์กันอย่างไร กับ "ข่าวลือที่มั่ว, ไร้เหตุผล" เรื่องเซนเซอร์ใหญ่ให้ภาพคุณภาพดีกว่าเซนเซอร์เล็ก ที่ตากล้องทั่วๆไป ชอบเอามาท่องเป็นคาถาก่อนนอน แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 53 21:22:43 จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 21:19:36

ความคิดเห็นที่ 16 ไม่ว่าไร่ไหน .. ก็ต้องมีการ"เว้นที่"  เพื่อให้คนเดิน (หรือวางท่อ วางปั้มป์ ฯลฯ) เข้าไปสูบน้ำจากบ่อ ออกมาเทใส่อ่างเก็บน้ำได้ ไร่ที่พื้นดินไม่ดี ดินอ่อนนุ่ม ฯลฯ อาจต้องเว้นที่ว่างให้กว้างหน่อย เพราะต้องใช้เกวียนเข้าขน ในขณะที่ไร่ที่ออกแบบมาดีๆ วางท่อสูบน้ำแทน ก็เว้นที่แคบๆ พอวางท่อสูบน้ำเท่านั้นเป็นพอ ฯลฯ ไร่แรก .. พื้นที่ 10,000 ตร.ม. ดินไม่ดี หรือ ออกแบบมาโบราณมาก แถมบ่อขุดลึกมากก็ไม่ได้ เพราะจะไปโดนตาน้ำโสโครกใต้ดินเข้า อย่างมากก็ได้แค่ 0.5 เมตรเอง แต่ขนาดนั้น น้ำครำใต้ดิน ยังซึมขึ้นมาเร็วมหาศาล แย่ไปกว่านั้น ผนังบ่อก่อสร้างไว้ซะหนา ทำให้บ่อ แม้กว้าง 1x1 เมตร แต่มีที่ให้น้ำฝนลงบ่อแค่ 0.5x0.5 เมตร พื้นที่ 10,000 ตร.ม.  .. จึงสร้างบ่อได้เพียง  5,000 บ่อ แต่ละบ่อ รับน้ำได้แค่ 0.125 ลบ.เมตรเท่านั้น!!! แถมน้ำครำซึมขึ้นมา บ่อละ 0.05 ลบ.เมตรอีกตะหาก .. ฝนตกมาที ได้น้ำดี 625 ลบ.เมตร และน้ำเสีย 0.05 * 5,000 หรือ 250 ลบ.ม. ในขณะที่ไร่ที่สอง เล็กกระจิ๋วหลิว แต่ดินดี ไม่มีตาน้ำโสโครกใต้ดิน จึงขุดบ่อได้ลึก 1 เมตรสบายๆ มีน้ำครำซึมแค่ 0.01 ลบ.ม.เท่านั้น การสร้างบ่อ ใช้เทคโนโลยีอย่างดี มีการกรุก้นบ่อ กันน้ำซึมขึ้น, ผนังบ่อก็บาง .. บ่อ 1x1 เมตร เป็นพื้นที่รับน้ำฝนร่วมๆ 0.8 x 0.8 เมตร จึงมีบ่อได้ถึง 2,000 บ่อ แต่ฝนตกลงมาที ได้น้ำ 0.8 x 0.8 x 1 ลบ.ม./บ่อ * 2,000 หรือ 1,280 ลบ.ม. และมีน้ำเสีย ปนมาเพียง 0.01 * 2,000 หรือ 20 ลบ.ม. มาถึงตรงนี้ .. คำถามคือ น้ำจากไร่ไหน มีปริมาณมากกว่า และ น้ำเสียปนมาน้อยกว่า จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 21:37:32

ความคิดเห็นที่ 17 ขนาดเซนเซอร์ คือ ขนาดของไร่รัีบน้ำฝน ขนาด photosite คือ ขนาดของบ่อ ปัญหาของเทคโนโลยีของทุกวันนี้ คือ อย่างแรก ... ขอบบ่อ และทางเดินข้างบ่อ กินพื้นที่ไปถึง 40% ของพื้นที่ทั้งหมด เซนเซอร์แบบ BIS (หรือ BSI, back side illumination) .. ไม่มีเส้นทางข้างบ่อ! เพราะเอาท่อทางเดินน้ำ ไปไว้ใต้บ่อแทน อย่างที่สอง ... ขอบบ่อสูงมาก ทำให้ฝน(แสง) ที่ตกลงมา จะถึงก้นบ่อได้ ต้องตกลงมาตรงๆเท่านั้น .. พวกที่สาดเฉียงเข้ามา ติดขอบบ่อหมด BSI sensor แก้ปัญหานี้ได้ oly แก้ปัญหานี้ โดยรื้อการสร้างบ่อน้ำ และวิธีรับน้ำฝน แบบเก่าๆทิ้งทั้งหมด แถมไปบังคับฝนที่ตกลงมา ให้ตกลงตรงๆเท่านั้น ห้ามตกเฉียง แล้วทำไม น้ำที่ได้จากไร่เล็กๆของ oly จึงกร่อย oly รั้น .. บอกว่า น้ำธรรมชาติ ที่เดิมประชาชนใช้ดื่มกินกันนั้น ต้องมีรสชาติเหมือนน้ำแร่ (ฟิล์ม) ฉะนั้น ต่อให้ฉันผลิตน้ำสะอาดอย่างน้ำฝนได้ และป้องกันไม่ให้น้ำใต้ดินซึมมาปนน้ำฝนได้ แต่ฉันจะไม่ทำอย่างนั้น น้ำ ที่มาจากไร่ฉัน รสชาติต้องเป็นน้ำรสชาติคล้ายน้ำแร่โบราณๆ ถึงจะมีกลิ่นเหม็นๆปน .. แต่ .. ใครอยากดื่มน้ำแร่สะอาด บริสุทธิ แต่ยังคงรสโบร่ำโบราณ ก็อย่าบ่น! จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 21:51:36

ความคิดเห็นที่ 18 กลับมาที่ sensor เต็มๆ เซนเซอร์ ของ canon แบบ APS-C (ซึ่งมาพร้อมกับคำว่า "crop factor" .. ศัพท์มั่วสุดๆอีกหนึ่งคำ)  มีขนาด "ประมาณ" 22 * 15mm 1mm = 1,000 micron (u) สมมุติ เป็น 550D ... เซนเซอร์ 22.3 * 14.9mm ที่มีจุดรับภาพ (PS) 18 ล้านจุด .. ก็คือมีเซนเซอร์ 5,200 * 3,500 จุด (จริงๆแล้วมากกว่านั้นนิดหน่อย แต่ไว้ว่ากันอีกเรื่อง) เอาตามแนวนอนแล้วกัน เซนเซอร์มีความกว้าง 22,300u, มีจุดเซนเซอร์ 5,200 จุด ฉะนั้น แต่ละจุดจะีมีขนาดใหญ่สุด ได้เพียง  22,300/5,200 หรือ 4.3 micron นี่เป็นกฏของโลก ที่ใครจะปฏิเสธหรือละเมิดมิได้เป็นอันขาด ในขณะที่ 4/3 (และ m4/3) sensor มีขนาด 18 * 13.5mm ถ้าเป็นเซนเซอร์ 12 ล้าน "พิกเซล" ก็คือ 4,000 * 3,000 pixels แต่ละจุด จะมีขนาด 18,000/4,000 หรือ 4.5 micron ในเมื่อหัวใจสำคัญ ที่กำเนิดข้อมูล มีขนาดใกล้เคียงกัน (4.3u vs 4.5u) ถ้าใช้เทคโนโลยีเดียวกัน แล้วบอกว่า เซนเซอร์ที่มีขนาดใหญ่กว่า (ทั้งๆที่มีขนาดจุดรับแสง เล็กกว่า) ให้สัญญาณที่มีคุณภาพดีกว่าเซนเซอร์ที่มีขนาดเล็กกว่า (แต่มีขนาดจุดรับแสงใหญ่กว่า) ผมก็จบด้วยการหัวเราะขำกลิ้งทุกคราไป จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 22:16:40

ความคิดเห็นที่ 19 ผมว่าผมเข้าใจคุณจขกทนะครับ แต่ถ้าผมเป็นคุณจขกท ผมคงไม่ตั้งกระทู้อันนี้ครับ จากคุณ : Tui_PSG เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 22:17:32

ความคิดเห็นที่ 20   คห 18 ครับ quote เซนเซอร์ ของ canon แบบ APS-C (ซึ่งมาพร้อมกับคำว่า "crop factor" .. ศัพท์มั่วสุดๆอีกหนึ่งคำ) unquote รบกวนช่วยขยายความอีกสักนิดเถอะครับ คำว่า "crop factor" ที่ว่ามั่วสุดๆ นะ มั่วตรงไหน อย่างไรครับ จากคุณ : งงงง เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 22:27:22 A:124.122.56.51 X: TicketID:274346

ความคิดเห็นที่ 21 แล้วทำไมกล้องคอมแพ็ค ที่เซนเซอร์เล็กๆ (1/1.8") ภาพที่ได้ถึงคุณภาพแย่นักหนา เพราะเลนส์ครับ .. เพราะเลนส์ ขนาดเซนเซอร์เล็กลง แต่จำนวนจุดรับแสง (photosite) ไม่ได้น้อยตามลงไป .. มันก็แปลได้อย่างเดียว .. ขนาด PS ต้องเล็กลง เมื่อขนาดเล็กลง .. เลนส์ ต้อง มีความสามารถในการแยกแยะความละเอียดมากขึ้น เราต้องมาพูดถึง Nyquist limit กันแล้วครับ จุดจำกัดของ Nyquist บอกว่า .. ถ้าเราจะสุ่มเลือก (sampling) สัญญาณมาส่วนหนึ่ง แล้วสร้างกลับเป็นสัญญาณใหม่ .. ต้องสุ่มมาอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง เอาแค่เซนเซอร์ 3 ล้านนะครับ (ข้อมูลจาก Bob Atkins ทำไว้ดี ขมายมาดื้อๆ) เซนเซอร์ 1/1.8" ขนาด 3MP จะมีความหนาแน่น PS คือ 290 pixels/mm ฉะนั้น เลนส์ ต้อง มีกำลังแยกแยะความละเอียด (resolution) ไม่น้อยกว่า 290/2 หรือ 145 lp/mm การขยายภาพจากเซนเซอร์ 1/1.8" เป็นภาพบนจอเล็กๆ หรือ พิมพ์ 8x10" ที่ไม่่ค่อยละเอียดเท่าไหร่ (ประมาณ 3 lp/mm หรือ 75 dpi) .. ภาพที่จะมีบนเซนเซอร์ ต้องมีความละเอียดประมาณ 115 lp/mm (ตรงนี้สำคัญ โปรดจำ!) ------------------------------------------ นอกเรื่องหน่อย ทราบไหมครับว่า .. เลนส์ L มี resolution เท่าไหร่ 60 lp/mm เท่านั้น (ว่ากันว่า เลนส์ nano ขึ้นถึง 100 lp/mm ) ----------------------------------------- หลายๆคนเคยเห็นกราฟวัด"ความสามารถของเลนส์" MTF graph มาแล้ว ถึงจะเชื่อถือไม่ค่อยได้ แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย MTF มีค่า 0 ถึง 1 1 คือ contrast สูงสุด (เทียบเท่าเลนส์ในอุดมคติ คือ contrast 100%) 0 คือ ไม่มี contrast เลย เจ้าเลนส์ในฝันนั่น .. ถ้าต้องการความละเอียด 115 lp/mm และเปิด f/8 จะมี MTF = 0.3 เท่านั้น หมายความว่า ภาพที่พิมพ์ออกมา .. contrast อย่างดีก็แค่ 30% ของภาพที่ได้จากเลนส์ในฝัน! ถ้าต้องการพิมพ์ละเอียดๆขึ้นมาอีก .. 4 lp/mm หรือ 100 dpi เซนเซอร์ต้องมีความสามารถในการแยกแยะรายละเอียด ไม่น้อยกว่า 4/3 * 115 หรือ 153 lp/mm แต่ อย่างที่บอกแล้วว่า .. เซนเซอร์เรา ทำได้แค่ 145 lp/mm เราต้องการ 153 นี่นา แต่ให้ได้แค่ 145 เท่านั้น ภาพก็เละอะดิ! จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 22:36:57

ความคิดเห็นที่ 22 ขอพอแค่นี้นะครับ .. ผมเริ่มเวียนหัวแล้ว หิวปลาหมึกย่างด้วย เพราะถ้าว่าต่อไป เดี๋ยวยาวไปถึง Airy disk, Rayleigh scattering ฯลฯ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 22:41:00

ความคิดเห็นที่ 23   ต่อกรณีที่ยกตัวอย่างพร้อมอธิบายผมเกี่ยวกับเรื่องตามหัวข้อกระทู้นั้นพอเข้าใจกับความพยายามในการอธิบาย แต่มีข้อสงสัยครับ ทำไมสิ่งที่น้าแมวอธิบายว่ามันคือสิ่งที่ถูกต้องถึงยังไม่ถูกนำไปแก้ไขใน wikipedia ละครับ ช่างภาพทุกคนรวมทั้งผมก็ยังเข้าใจว่าขนาดเซนเซอร์ที่ใหญ่กว่าย่อมจัดการกับ noise และ Dynamic rage ดีกว่าขนาดที่เล็กกว่า Quote Estimating sensor performance All else being equal, larger image sensors capture images with less noise and greater dynamic range than smaller sensors. The desirable properties of signal-to-noise ratio (SNR) and sensor unity gain both scale with the square root of pixel area.[1] Since crop factor is proportional to the square root of sensor area (to within a small aspect ratio-dependent factor), it is useful for estimating image sensor performance. For example, if two different-sized image sensors have the same aspect ratio and a resolution of 10 megapixels, and are made using similar technology, the larger sensor will have better signal-to-noise ratio by a factor equal to the ratio of the two sensors' crop factors. Unquote ที่มา http://en.wikipedia.org/wiki/Crop_factor http://en.wikipedia.org/wiki/Signal-to-noise_ratio เรื่องความขัดแย้งในแนวคิดวิชาการนั้นเป็นเรื่องปกติที่ถกเถียงกันอยู่ในหมู่นักวิชาการอยู่แล้วเป็นธรรมดา ต่อเมื่อมันตกผลึกแล้วจึงถูกนำขึ้นไปไว้ให้อ้างอิง อย่าง wikipedia หรือ enpsychopedia หรือพจนานุกรม ฯลฯ ในเมื่อแนวคิดที่น้าแมวฯนำเสนอ ขัดแข้งกับที่ปรากฏอยู่ในแหล่งอ้างอิงทางวิชาการ อย่างนี้แล้วผมจะเลือกเชื่อใครดีละครับ จากคุณ : งงงง เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 22:47:50 A:124.122.56.51 X: TicketID:274346

ความคิดเห็นที่ 24 เอารูปโครงสร้าง CCD สวยๆมาให้ดู สายนำสัญญาณ และสายวงจรของ CCD น้อยกว่า CMOS เยอะครับ เพราะ CCD มีแค่ photo-diode และ charge transfer gate เท่านั้น แต่ CMOS มี transistor อีกอย่างน้อย 3 ตัว ... หรือมากกว่านั้น จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 22:47:55

ความคิดเห็นที่ 25 ต่อเมื่อมันตกผลึกแล้วจึงถูกนำขึ้นไปไว้ให้อ้างอิง อย่าง wikipedia หรือ enpsychopedia หรือพจนานุกรม ฯลฯ ในเมื่อแนวคิดที่น้าแมวฯนำเสนอ ขัดแข้งกับที่ปรากฏอยู่ในแหล่งอ้างอิงทางวิชาการ wikipedia ไม่เคยเป็นแหล่งอ้างอิงทางวิชาการ ***** ไม่มีใครรองรับความถูกต้องของ wikipedia นะครับ ***** งานวิจัย เพื่อวิทยานิพนธ์ ไม่รับ reference ที่มาจาก wiki ด้วยซ้ำ ขนาดระดับ ป.ตรี  ยังไม่รับเลยครับ .. ไม่ต้องพูดถึงงานวิชาการใดๆ ที่ตีพิมพ์ลงวารสารที่ impact factor สูงๆเลย ถ้าจะคุยกันเรื่อง reliability ของ wiki หรือ data จากเน็ต คงต้องไปคุยกันที่หว้ากอต่อ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 22:53:42

ความคิดเห็นที่ 26 ว่ามาตั้งยาว ยังไม่ได้ตอบคำถาม จขกท. ถ้าคำถามคือ " เซ้นเซอร์ที่ใหญ่ให้คุณภาาพของไฟล์ที่ดีกว่าเซ็นเซอร์ที่มีขนาดเล็กกว่าใช่หรือไม่? " คำตอบ "ที่ใกล้เคียง" คือ 4.ไม่ใช่เกือบทั้งหมด ยกเว้นเมื่อนำบางปัจจัยมาพิจารณาร่วมด้วย คำตอบที่ใกล้กว่านั้น คือ 4.ไม่ใช่เกือบทั้งหมด ยกเว้นเมื่อนำหลายๆ ปัจจัยมาพิจารณาร่วมด้วย (แนะำนำ อ่านเอกสารของ sony ที่เกี่ยวกับ BSI และ เคลย์โม เอ๊ย Exmor technology ดูครับ ... มีข้อมูลเรื่องนี้อยู่มาก) จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 22:57:33

ความคิดเห็นที่ 27   ถ้า wiki pedia ไม่น่าเชื่อถือแล้ว เราจะหาข้อมูลอ้างอิงที่ถูกต้องได้จากไหนบ้างละครับ รบกวนช่วยแนะนำสักนิด ผมจะได้ไปหาอ่านประดับความรู้ไว้บ้าง ขอบคุณล่วงหน้าครับ จากคุณ : งงงง เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 23:00:47 A:124.122.56.51 X: TicketID:274346

ความคิดเห็นที่ 28   ขออภัย อิอิ คลิ๊กห่างกันติ๊ดเดียว ตอบให้แล้วขอบคุณครับ จากคุณ : งงงง เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 23:01:57 A:124.122.56.51 X: TicketID:274346

ความคิดเห็นที่ 29 อ่ะ  ถ้าจะอ้างอิง Wikipedia  เคยอ่าน บทนำ เค้าละยัง http://en.wikipedia.org/wiki/Wikipedia:Introduction สรุปง่ายๆ  Wiki คือ สารานุกรม โดยผู้อ่าน เพื่อผู้อ่าน และแก้ไขตรวจสอบความผิดพลาดโดยผู้อ่าน เพราะงั้น ใครไปเชื่อทั้งหมดโดยไม่ตรวจทานจากแหล่งอื่น ก้อเอวัง ครับ จากคุณ : ARMS STRONG เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 23:11:27

ความคิดเห็นที่ 30 เอ่ออออออ...น้าแมวไม่ผลิตเซนเซอร์ใช้เองเลยอ่ะครับ - -* น้าแกรู้เยอะจริงๆ เชื่อเถอะ น้าสะบายดีไม่ขยันอ่านเท่าแกหรอก เห็นแค่สองสามย่อหน้าแรกก็แทบถอดใจจะอ่านแล้ว เพราะยิ่งอ่านยิ่งงง.. หัวไม่ถึงจริงๆ แต่ใช้เป็นความรู้ประดับสมองได้ดีทีเดียวครับ จากคุณ : สะบายดีบางกอก เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 23:14:23

ความคิดเห็นที่ 31 ห้วย! หนอง คลอง บึง ตอนนี้ ใกล้ตายแล้วครับ เพราะดันไปคุยโวว่าจะพัฒนา DVTS ให้ต่อกับอุปกรณ์พวก PACS และ DiCom ให้ได้ ไม่เคยคิดเลยว่า sensor มันมีความหลากหลายและวุ่นวายได้ขนาดนี้ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 23:19:22

ความคิดเห็นที่ 32 คห.18 เป็นการสรุปความที่ได้จากการเล่นกลกับตัวเลข ..เมพขิงๆ (แต่ผมไม่ได้ชอบกินคุ้กกี้ครับ ..อิอิ) จากคุณ : Piggie MM เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 23:22:02

ความคิดเห็นที่ 33 ผมว่าเราไป ..... หัดถ่ายรูปให้สวยๆ กัน .... จะดีกว่านะครับ ............. จากคุณ : ปรมาจารย์ เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 23:31:25

ความคิดเห็นที่ 34 โอยยย เมื่อไหร่มันจะ 01:30 ว่ะ! ------------------------- "เซ้นเซอร์ที่ใหญ่ให้คุณภาาพของไฟล์ที่ดีกว่าเซ็นเซอร์ที่มีขนาดเล็กกว่า" เหตุที่คำๆนี้ ใช้กันแพร่หลาย ฝังรากลึกจนยากแก้ไข เพราะมันเป็น first impression ครับ ในสมัยเริ่มแรก บุร่ำโบราณ (เอ้อ .. สิบปีนิดๆเอง) เทคโนโลยีกล้องดิจิตอล เพิ่งตั้งไข่ เซนเซอร์มีแต่ CCD ด้วยซ้ำ คุณภาพรูปเนี่ย แทบไม่ต้องพูดถึง นึกถึงกล้อง dSLR-like ขนาด 2 ล้านพิกเซล ซูม 3 เท่า .. มีการโฆษณาว่า "ราคาไม่แพง" .. 32,000 บาท "เท่านั้น" ยุคสมัยที่เครื่อง server ราคาหลายแสน มี RAM 256 MB และ PC ระดับ top มี RAM 16 MB, hard disk 350 MB การผลิต sensor ... ยาก ถึงยากที่สุด ผลิตแล้ว ก็ขายแทบไม่ออก เพราะกล้องแพงดับจิต ตอนนั้น .. ทองราคาบาทละ 7,000 ขอรับ การผลิต sensor ทำแบบตรงไปตรงมา อาศัยเทคโนโลยีที่มีตอนนั้น ผลิตขึ้นมา ให้รับแสงได้ ... เท่านั้นเอง เซนเซอร์ขนาดใหญ่ (APS) ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล มีขีดจำกัด Nyquist อยู่ที่ประมาณ 50 lp/mm เท่านั้นเอง และตัว photosite ก็มีขนาดมหึมา (7.0-7.5 micron .. 50-70 square) .. ทั้งๆที่พื้นที่รับแสงจริง มีแค่ 5 micron (25 square) แถมตื้นเขินอีกตะหาก เลนส์กล้องฟิล์ม มีกำลังแยกแยะความละเอียดภาพที่ประมาณ 30-40 lp/mm จึงสามารรถให้ภาพที่ละเอียด และคอนทราสต์สูงได้ ในขณะที่กล้อง compact .. PS มันแค่ 3-4 micron และมีพื้นที่รับแสงจริง ไม่ถึง 2 micron (4 square) และตื้นยิ่งกว่า แต่ต้องรีดเร้นความสามารถในการบันทึกภาพออกมาทุกอย่าง เหมือนกันที่ push ฟิล์ม ISO 400  ให้รับภาพที่ ISO 1600 ให้ได้ ยังงัยยังงั้น ทำให้ทุกอย่างรวมกันแล้ว มันสร้าง "imprint" ... รอยความรู้สึกฝังจำ ว่า เซนเซอร์ยิ่งขนาดใหญ่ ให้คุณภาพไฟล์ภาพ ดีกว่าเซนเซอร์ขนาดเล็ก Olympus .. OLYMPUS ออกมาตอกย้ำฝาโลงอีก ด้วยการคิดใหม่ ทำใหม่ .. สร้างระบบ 4/3 ขึ้นมา ซึ่งในทางทฤษฎี .. ให้ภาพที่ดีกว่า สีสดใสแน่นกว่า คมชัดกว่า ฯลฯ แต่พอเอาเข้าจริง ... I T 's S U C K เพราะดันออกแบบระบบขยายสัญญาณ (amplifier), ระบบแปลงสัญญาณภาพ (A/D), และระบบจัดการสัญญาณ (DSP) โดยเน้นที่ "ความเหมือนภาพจากฟิล์ม" มากกว่า "ความเป็นภาพจากกล้องดิจิตอล" ผลที่ออกมาคือ ... noise บานเบิก ทั้งๆที่มันเป็น dSLR ทั้งๆที่ระบบ 4/3 ให้ภาพที่คมชัดกว่า สีแน่นกว่า แต่ "เพราะขนาด sensor เล็กกว่า ... noise จึงมากกว่า" ความรู้สึก และความเข้าใจผิดนี้ ผสานกับความจริงในเรื่องของ sensor ในกล้อง compact ผลที่ออกมาก็คือ ... imprint แก้ไขไม่ได้ หรือ ได้ แต่ยากมากๆๆ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 23:46:11

ความคิดเห็นที่ 35   น้า ARMS STRONG คห 29 ครับ การเลือกเชื่อหรือไม่เชื่ออะไรนั้น ผมไม่ใช่สักแต่อ่านโดยไม่คิดนะครับ แหล่งข้อมูลใน internet นั้นมีมากมาย ทั้งที่ถูกต้องและไม่ถูกต้อง การที่ผมเลือกเชื่อข้อมูลใน wikipedia ผมไม่ได้เลือกเชื่อเฉพาะเพียงประเด็นหัวข้อเท่านั้น ผมตามอ่านถึงเแหล่งข้อมูลอ้างอิงประกอบด้วยแล้วจึงให้น้ำหนักกับความน่าเชื่อเถือนั้นๆ ครับ แต่ผมก็ปล่อยสมองผมให้มีพื้นที่ว่างพอที่จะปรับเปลี่ยนหากสิ่งทีรู้มานั้นไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง กรณีนี้ก็เช่นกัน การที่ผมอ้าง wikipedia นั้นก็ตรงกับอีกหลายแหล่งข้อมูลที่ผมได้เคยอ่านมาครับ ในเมื่อน้าแมวฯ นำเสนอแนวคิดที่ค่างออกไปจากที่ผมเคยทราบมา ผมเองก็ไม่ได้ปฏิเสธที่จะรับรู้ แต่ผมก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกเชื่อหรือไม่เชื่อ ในสิ่งที่น้าแมวฯนำเสนอ ถ้าเหตุผลประกอบนั้นมีน้ำหนักน่าเชื่อถือมากกว่า ผมก็พร้อมที่จะปรับเปลี่ยน แต่ถ้าไม่ ผมก็เลือกเชื่อในแหล่งความรู้เดิมมากกว่าครับ กรณีที่น้าแมวฯ ยกมานั้นถือเป็นหนึ่งที่มีความคิดต่าง ผมยินดีเปิดใจรับฟังครับ เพราะการถกหรือการแย้งกันเช่นนี้ทำให้ความรู้ของเราแตกฉานมากขึ้นครับ อย่าไปฝังใจกับเรื่องความน่าเชื่อถือหรือไม่เพียงอย่างเดียว และเช่นกันอย่าเชื่อตามเขาบอกโดยไม่ใช้สมองตรึกตรองไว้ก่อนครับ จากคุณ : งงงง เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 23:46:42 A:124.122.56.51 X: TicketID:274346

ความคิดเห็นที่ 36 ความเข้าใจผิด + จับแพะชนแกะ + ความรู้โบราณ .. มันไม่ได้เป็นเฉพาะวงการถ่ายรูป วงการแพทย์ ยังมีเรื่ืองนี้เลย โลกสมัยนี้ เขารักษาโรคกระเพาะ กันด้วย PPI รักษาไม่เกิน 3 อาทิตย์ก็หายขาด (ถ้าเป็นแบบตรงไปตรงมา ไม่มีโรคแทรก) แต่โฆษณายาลดกรด จำพวกยาน้ำ aluminum hydroxide ก็ยังทำให้คนเชื่อว่า โรคกระเพาะ หายได้ด้วยยาน้ำพวกนี้ 1-2 อึก (หรือ 1-2 ขวด) .. กระเพาะทะลุกันมา ปีละเป็นพันๆคน ก็ไม่ได้ทำให้ความเชื่อผิดๆ เหล่านี้หายไป ความเชื่อผิดๆ ที่ว่า เป็นหวัด ไม่สบาย เจ็บคอ ฯลฯ ไปฉีดยาซักเข็ม จะได้หายไวๆ ตายกันปีละอีกกี่คนก็ไม่รู้ครับ มันเป็นอย่างนี้ เพราะเทพพยากรณ์พอล ทำตัวนิ่งดูดาย จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 23:51:41

ความคิดเห็นที่ 37   ตีหนึ่งครึ่ง คืนนี้ได้รู้กันครับน้าแมวฯ ว่าพรุ่งนี้เราจะได้กินปลาหมึกปิ้ง กันหรือเปล่า จากคุณ : งงงง เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 23:55:50 A:124.122.56.51 X: TicketID:274346

ความคิดเห็นที่ 38 อ่านเจอนานล่ะ น้าเหมียวเคยบอกไว้ เซนเซอรืเล็กน้องน๊อยส์มาง่ายกว่าเซนเซอร์ ใหญ่ เพราะกระบงนการรับภาพจากเซนเซอร์ นอกจากได้ข้อมุลใช้งานแล้วยังมีขยะ และความร้อน เซนเซอร์เล็ก เซลล์รับแสงหนาแน่น แสงที่ตกกระทบไปยังหลุมกระดอนขึ้นมาได้ง่าย และกระเด็นไปหาหลุมอื่นโดยง่าย นั่นคือส่วนหนึ่งของการเกิดน๊อยส์ขึ้น รวมไปถึงความร้อนในการจากตัวเซนเซอร์เอง ทำให้ข้อมูลจากเซลล์รับแสงมีปัญหา สัญญาณรบกวนมากขึ้น  สิ่งที่ตามมาคือน๊อยส์อีกนั่นแล ซึ่งถ้าเทียบขนาดเซนเซอร์ แบบความละเอียดเท่าๆกัน แต่ขนาดเซนเซอร์ไม่เท่ากัน เซนเซอร์ขนาดใหญ่ ย่อม ระบายความร้อนออกจากตัวมันเองได้มากกว่าไม่ใช่หรอคะ (จำน้าเหมียวมานะเนี่ย บลู สรุปมา) ถ้าในกรณีนี้จริง ขนาดเซนเซอร์ต่างกันที่ความละเอียดภาพเท่ากัน เซนเซอร์ใหญ่ย่อม ได้เปรียบในเรื่องน๊อยส์มากกว่าอยุ่ดีไม่ใช่หรอคะ แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 53 00:16:43 จากคุณ : บลูดานูป เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 53 00:15:23

ความคิดเห็นที่ 39 น้าแมว ตามอ่านตั้งนาน ไหง๋มาลงกับหมึกพอลล่ะ อะไรก้อโทษพอล จะกินพอลกันทั้งประเทศ แปลกแต่จริง....... พอลนี่ไปร่วมลงสนามด้วยเหรอ ถึงมีความผิด จากคุณ : E20PBO เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 53 00:30:43

ความคิดเห็นที่ 40 แวะมาอ่าน นี่รอดูบอลกันใช่ใหมครับเนี่ย คุณบลูเชียร์ทีมไรครับ แปลกใจที่นอนดึก จากคุณ : BlueBoat เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 53 00:42:07

ความคิดเห็นที่ 41 อ๋อ...พอเข้าใจแล้ว คือ ดูกันที่ความหนาแน่นใช่ไหมครับ ? เช่น เซนเซอร์เท่ากัน เทคโน ฯ เดียวกัน ตัวนึง 10 ล้านพิกเซล อีกตัว 15 ล้าน ตัว 10ล้านย่อมดีกว่า เพราะมันหนาแน่นน้อยกว่า เหมือนในเวบ dpreview ที่ระบุความหนาแน่นพิกเซลในสเป็กด้วย จากคุณ : jonenike เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 53 01:54:11

ความคิดเห็นที่ 42 ถึง คห.27 .. จะ่อ่านมั้ยครับ ... มันก็มีหนังสือแหล่ะครับ แต่ต้องสั่งมา ไม่ใช่ถูก ๆ หรือไม่ก็เช็คตาม http://www.imaging.org/ist/store/physpub.cfm?pubtypeid=bookscdsdvds แต่ผมไม่อ่านด้วยคนนึงล่ะครับ  พอดีอ่อน physics ยิ่งพวก optics นี่ยอมแพ้เลย แต่ถ้าใครมีหนังสือ Colorimetry (วิธีการวัดแสงสี)แบบดี ๆ ก็เอามา share ผมด้วยเน้อ แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 53 02:26:32 จากคุณ : mixz เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 53 01:54:26

ความคิดเห็นที่ 43 การดูขนาดเซ็นเซอร์ แล้วตัดสินว่าน้อยส์เยอะ หรือน้อย จะว่าไปก็สามารถใช้หลักการนี้ได้นะครับ เพราะที่ผ่านมาตลอดมันเป็นอย่างนั้น คือบริษัทที่มีกล้องทั้งเซ็นเซอร์ใหญ่ และเล็ก ก็ไม่ได้เอาเซ็นเซอร์ตัวท็อปไลน์เทคโนโลยีสูงสุด โฟโต้ไซต์โตๆ ความหนาแน่นน้อยๆ มาลงในกล้องเซ็นเซอร์เล็ก หรือลงก็แบบกั๊กประสิทธิภาพ โดยไม่ได้รีดแรงม้าจากเซ็นเซอร์เต็มที่ เพราะต้องขยักเอาไว้ขายในกล้องโปร Full Frame อย่างเช่น 550D เป็นกล้องมือใหม่ ไม่ได้ต้องการพิกเซลมากมายเท่ากล้องโปรอย่าง 7D ถ้าใช้เซ็นเซอร์ตัวใหม่นี้ ที่ความละเอียดเท่าเดิม ภาพก็จะเนียนกว่า 7D ขึ้นไป อาจจะเหนือกว่า 5D MKII เอาด้วย ถ้าพิจารณาเรื่องขนาด Photosite, Pixel Density และเทคโนโลยีที่ใหม่กว่า แต่แคนอนก็ยังอัดพิกเซลเข้าไปในกล้องเล็กทั้ง 7D, 550D ผลคือจุดขายของ FF เรื่อง Noise Profile ก็ยังคงเป็นความจริงในความรับรู้ของเราต่อไป บริษัทที่ขายแต่กล้องเซ็นเซอร์เล็ก บริษัทหนึ่งก็ไม่เน้นการทำกล้องระดับโปร ที่ภาพเนียนจัดๆ บริษัทหนึ่งก็ไม่สนว่าการสร้างภาพในสไตล์ของตัวเอง จะทำให้ลดน้อยส์ลงได้ไม่เท่ากับภาพสไตล์เดียวกับชาวบ้าน ก็เลยทำให้กล้องเซ็นเซอร์เล็ก ยังคงมีน้อยส์มหาศาลต่อไป เรื่องน้อยส์กับขนาดเซ็นเซอร์เนี่ย ทั้งๆ ที่ทางเทคนิคมันไม่ใช่ แต่ปัจจัยแวดล้อมมันกลบปัจจัยทางเทคนิคไปเสียหมด ความเชื่อเรื่องนี้ ก็คงยังเป็นความจริงต่อไป และก็คงเป็นจริงไปอีกนาน จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 53 04:26:02

ความคิดเห็นที่ 44 น้องบลูจ๋า ผมถึงเลือกข้อ 4 ปัจจัยที่มีผลต่อ noise และ คุณภาพ มีอีกหลายปัจจัยนัก ขนาดของ photosite ไม่ใช่ขนาดของเซนเซอร์ เป็นปัจจัยข้อแรก งาน medical imaging, high quality lab imaging, critial imaging มีไม่น้อยที่ ภาพมีความละเอียดแค่ 0.1-0.3 ล้าน pixel เท่านั้น ขนาดเซนเซอร์ก็ไม่ได้ใหญ่มากมาย .. บางอย่าง ขนาดเซนเซอร์เล็กกว่ากล้อง compact เสียอีก .. แถวๆ 1/5" เท่านั้น แต่ขนาด photosite ใหญ่กว่าที่มีในกล้อง dSLR รุ่นท้อป บางราย ปาเข้าไปถึง 25 * 25 micron! ------------------------------- เมื่อเอาเซนเซอร์ตัวเดียวกัน ไปใส่ body ต่างกัน ผลจากความร้อนในการทำงาน มันส่งผลเห็นชัดๆครับ ดูได้จาก compact vs dSLR-like และที่ชัดเจนมากๆคือ ... ตัวก่อปัญหาเจ้าเก่า .. olympus E-P1 และ E-P2 พอใช้ต่อเนื่องไปนานๆ ในที่อากาศร้อนๆ .. noise มาตรึม (ยังไม่ได้ลอง E-PL) กล้อง compact นอกจากเซนเซอร์เล็ก แล้วยังยัด photosite เข้าไปมาก จนแทบเกินขีดจำกัดทางฟิสิกส์ body ของมัน ไม่มีที่ทางให้ระบายความร้อนอีกตะหาก แถมด้วยเครื่องสร้างความร้อนอย่างดี  ... จอ LCD ที่กินไฟตลอดเวลา ความแย่ + แย่ + แย่ มารวมตัวกัน มันเท่ากับ "ซ้ำเติม" ความเข้าใจผิดเรื่องที่ว่า "sensor ยิ่งเล็ก คุณภาพไฟล์รูปยิ่งแย่" จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 53 07:09:04

ความคิดเห็นที่ 45 ผมเลิกอ้างอิงข้อมูลจาก wiki ไปนานแล้ว เพราะหลายอย่าง "มันมั่ว" ครับ หลายอย่างเห็นด้วยกับน้าแมวนะครับ จากคุณ : Mr.KiNg เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 53 07:11:25

ความคิดเห็นที่ 46 บอกแล้วงัยครับว่า เราไม่ใช่ผู้ผลิต และอาจไม่ใช่เทคนิคเชีรล แต่ที่แน่ๆ เราคือผู้บริโภค การนำเสนอข้อมูลเพื่อการค้า หรือสนับสนุนการขาย ไม่มีค่ายใดเลย ที่ไม่นำเสนอข้อมูลเข้าข้างตัวเอง ผมเองก็ขายสินค้า แต่ก็ไม่ค่อยเห็นฝรั่งที่เป็น consumer ถกข้อมูลในเรื่องเทคนิคสักเท่าไหร่ เพราะมันเป็นเรื่องของ engineer แต่มักจะคุยกันในแง่ผลที่ออกมาสุดท้ายมากกว่า แล้วเอามารีวิวกันไป แต่คนไทยนี่ Drama ทันทีเหมือนกัน แต่ก็ไม่ใช่ข้อเสียครับ ผมเองขายสินค้าด้านอะไหล่ บอกได้เลยว่า สินค้าที่มีเทคนิคขั้นสูงๆ แต่ออกแบบมาไม่ดี จะสู้พวกที่ออกแบบมาดีๆ แต่ใช้เทคนิคธรรมดา ไม่ได้เลยครับ มึนกันไป จากคุณ : E22QV เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 53 10:26:28

ความคิดเห็นที่ 47   ฝากน้าๆ ที่ใจดี กดเก็บเข้าคลังแทนผมด้วยนะครับ . . แก้วใส่น้ำของผมยังว่างอีกเยอะน้าแมวยัดมาอีกได้เลยครับ (ถึงจะงงบ้างก็ตาม) จากคุณ : heat shock เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 53 12:18:12

ความคิดเห็นที่ 48 เก็บเข้าคลังเรียบร้อยครับ จากคุณ : Hanataro เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 53 12:57:05

ความคิดเห็นที่ 49 ข้อมูลใน Wikipedia.org เป็นข้อมูลที่ User เป็นผู้เขียนกันเองครับ ... ซึ่งหากใครมาเห็นว่าตรงไหนไม่ถูกก็แก้ไขได้ ... แล้วก็ยก Reference มาอ้างกันให้ครึกโครมเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ ถ้าำำได้เข้าห้องเฉลิมไทยและจำคดีนาธาน โอมานได้ จะพบว่า มีคนพยายามใส่ข้อมูลใน Wiki ว่าจะมีหนังเรื่อง The Prince of Red Shoes เข้าไปใน Profile หนังที่กำลังผลิตของผู้กำกับที่นาธานกล่าวอ้าง แล้วก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่ง คอยลบรายชื่อหนังปลอมๆนี้ทิ้งออกจาก Wiki ดังนั้นข้อมูลใน Wiki จึงมีทั้งส่วนทีู่ถูกและผิดครับ ^ ^ ... ต่อให้ข้อมูลใน Wiki จากหัวข้อๆหนึ่งถูกต้องและละเอียดมากๆ ก็ไม่สามารถนำมาอ้างอิงได้อย่างน่าเสียดาย เพราะกระบวนการได้มาซึ่งข้อมูลนั้น ไม่น่าเชื่อถือนั่นเองครับ ส่วนตัวถ้าจะนำ Wiki มาใช้ประโยชน์ในการอ้างอิง จะพยายามตามแกะดู reference ของทาง wiki อีกทีน่ะครับ เพราะ reference บางอันที่ wiki นำมานั้นก็พอจะนำมาใช้อ้างอิงได้ ^o^ --------------------------------- จริงๆเรื่องเซนเซอร์นั้น ข้อมูลในเนทจากกูรูที่อื่นๆนั้น เค้าก็รู้กันนะครับ ว่าขนาดไม่เกี่ยว และความเห็นของคุณแมวเหมียวพุงป่องนั้นเป็นที่ทราบกันในสากลในกลุ่มกูรูครับ ไม่ใช่ว่าคุณแมวเหมียวพุงป่องมาแหวกแนวคนเดียวในโลกหรอกนะครับ -*- แต่อธิบายกันได้ลึกซึ้งแบบนี้ ในไทยแลนด์เรา มีน้อยคนมากครับ ซูฮกเลย (อย่างถ้าถามผม ผมก็ตอบว่า "ขนาดเซนเซอร์ไม่เกี่ยวนะ แต่มันไม่เกี่ยวยังไง ไม่รู้เหมือนกัน ไปถามคุณแมวเหมียวพุงป่องห้องกล้องดูละกัน" -*-) แต่ส่วนใหญ่เค้าไม่ค่อยทักท้วงเรื่องนี้กัน เพราะที่วางขายกันอยู่ตอนนี้ในตลาดกล้อง "ขนาดใหญ่กว่า มันก็ดีกว่าขนาดเล็กกว่า" จริงๆ -*- ตามที่คุณ อะธีลาส อธิบายในคห.43 แหละครับ จากคุณ : TalkyWalky เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 53 16:47:36

ความคิดเห็นที่ 50 ขอบคุณน้าเหมียวมากๆๆๆ รวมทั้งท่านอื่นๆที่ให้ความกระจ่างในเรื่องนี้ ขอบคุณมากครับ จากคุณ : พนักงานปิดพัดลมตึก5 เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 53 18:23:00

ความคิดเห็นที่ 51 เรื่องพวกนี้ มีการ discuss กันสนุกสนานมาแล้ว ลองไปอ่าน thread นี้ดูนะครับ สนุกมาก http://forums.dpreview.com/forums/read.asp?forum=1018&message=29415642 และขอสรุป เรื่องทั้งหมดทั้งปวงนี้ ... จบด้วย link นี้ครับ http://www.microscopyu.com/articles/digitalimaging/ccdintro.html เป็นเว็บของ nikon ที่ดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ มีข้อมูลที่ผมว่าๆ มาครบ ... เกินพอด้วยซ้ำ ให้ความรู้ นอกจากเรื่องที่คุณพนักงานฯ ตั้งขอสังเกตุมา ยังให้ความรู้เรื่องอื่นๆ ที่พอจะเอาไปหากินได้อีกหลายปี โปรดกรุณาศึกษาให้เข้าใจชัดเจน สำหรับหนังสือเรื่องนี้ แนะนำ The measurement, instrumentation, and sensors handbook โดย John G. Webster ของ CRC Press/IEEE Press ครับ (แต่อาจจะหนักไปซักหน่อย ไม่จำเป็นก็ไม่ควรซื้ออ่าน) แล้วเราจะได้มาว่ากันในแง่วิชาการ .. ไม่ใช่ข่าวลือ .. ต่อได้ แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 53 19:08:44 แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 53 18:52:29 จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 53 18:48:27

ความคิดเห็นที่ 52 เรียนถามน้าแมวเรื่อง resolution ของ lens นิดนึงครับ อ้างอิงจาก คคห. ที่ 21 สมมติว่าการที่ขนาดเซนเซอร์ไม่มีผลต่อการเกิด noise ถ้าเราเอาเลนส์เทพอย่างพวก Carl Zeiss, Leica หรือ Kinoptik (ไม่รู้ว่าพวกนี้มี resolution กี่ lp/mm เหมือนกัน ถ้าน้าแมวรู้ก็กรุณาวิทยาทานให้ผมหน่อยนะครับ) มาใข้กับกล้อง compact หากเลนส์เหล่านั้นมี resolution ที่ดีพอ ภาพที่ได้ก็จะดีเทียบเท่า (หรือดีกว่า) DSLR ในปัจจุบัน ไม่รู้ผมเข้าใจถูกรึเปล่าครับ หากผมเข้าใจถูก ก็แสดงว่าการใช้เลนส์ที่มี resolution สูงๆ (และแน่นอนราคาแพงๆ) ในกล้องที่มีขนาด sensor เล็กกว่า (อนุมานว่าจำนวน pixel เท่าๆกัน และเรื่อง crop factor กับ DOF ไม่มีผล) ย่อมได้ประโยชน์กว่ากล้อง ที่มี sensor ใหญ่ใช่หรือไม่ครับ รบกวนน้ำแมวช่วยให้ความกระจ่างด้วยครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : ซุ่มอ่านมานานแต่ไม่เคยโพสต์ (Deofol) เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 53 23:59:27

ความคิดเห็นที่ 53 อ่านมาทั้งกระทู้มี #43 + 46 ที่อ่านแล้วเก็ท อันที่เขียวๆ พยายามแปลไทยเป็นไทยก็ยังไม่เข้าใจ สงสัยจะเทพเกินสติปัญญาเรา ไปแระ....ฟิ้ววววว จากคุณ : ล็อกอินไม่ปรากฏสัญชาติ เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 53 11:41:15

ความคิดเห็นที่ 54 ตอบ คห.52 ครับ เรื่องที่ถาม มันพ้นเรื่องของเซนเซอร์ไปแล้ว เป็นเรื่องของเลนส์ ... คุณสมบัติเลนส์ มันไม่ใช่แค่ resolution อย่างเดียว และ resolution ก็ไม่ใช่วัดกันง่ายๆ ที่พอได้ค่าออกมาแล้วเทียบได้ว่า อะไรดีกว่าอะไร เรื่อง resolution ของเลนส์ มีอะไรๆที่หมกเม็ดไว้เต็มไปหมด อย่างเช่น เลนส์ leica หรือ kinoptic ที่ถาม เอามาวัด resolution ที่ 30 lp/mm โดยวิธีทั่วไป อาจได้ contrast เพียง 80% ของเลนส์ในอุดมคติ ในขณะที่เลนส์ nikon/canon อาจได้ 90% แล้วบอกว่า เลนส์ n/c คมกว่า ชัดกว่า มันก็ถูกต้อง เพราะ n/c ให้คอนทราสต์ที่สูงกว่า แต่ถ้าจะบอกว่า "ดีกว่า" นี่ ต้องว่ากันยาว สมัยนึง .. เลนส์นอกค่าย เคยทำ resolution ที่ 30 lp/mm เนี่ย ได้ถึง 90% ไม่ว่าที่ f/stop กว้างๆ หรือ แคบๆ ไม่ว่าจะวัดจากมุมไหน ภาพที่ได้จากเลนส์พวกนี้ คมบาดตาบาดใจ แต่ไม่น่าดูน่ามอง ลูกเล่นเล็กๆของเลนส์พวกนี้คือ ออกแบบ โดยคำนวนค่าต่างๆ ให้ optimize (ทำให้สุดๆ) ที่แสงสีเดียว สีอื่นๆ ชั่งมัน เมื่อนำมาทดสอบ .. แน่หละว่า แสงสีที่ใช้ทดสอบ มันคือแสงสีที่ใช้ในการออกแบบ ค่า resolution และ contrast มันก็สูงลิ่ว แต่ สีอื่นๆหละ? -------------------------- ถ้าเคยเห็นภาพจาก kinoptic จะรู้เลยว่า มันไม่คม แต่สวยกว่า เพราะแสงที่ออกมาจากเลนส์ ... สีทั้งสาม (หรือ เจ็ด?) มันสมดุลย์ เลนส์แยกแยะความละเอียด สีแดง เขียว น้ำเงิน "สมดุลย์" แสงทั้งสามสี ตกลงบนระนาบฟิล์ม พอดีเป๊ะทั้งสามสี ความผิดเพี้ยนต่างๆ และแสงพ้นโฟกัส (bokeh) ก็มีสีที่ "สมดุลย์" มันถึงออกมาน่ามองกว่าภาพที่ชัดเจน คมกริบ แต่แข็งกระด้าง จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 53 06:34:01

ความคิดเห็นที่ 55 นึกถึงดอกไม้ปลาสติก ที่สีสันสดใส ขอบดอกคมกริบ ไม่มีร่องรอยขาดวิ่นแหว่งเว้า vs ดอกไม้ธรรมชาติ ที่สีสันอาจไม่ชัดเจน ขอบดอกหยักๆ อาจมีจุดดำๆปะปน อย่างไหนสวยงามกว่ากัน? จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 53 06:35:29

ความคิดเห็นที่ 56 ขอบคุณน้าแมวมากๆนะครับ สำหรับคำตอบ จากคุณ : Deofol เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 53 16:39:52