ความคิดเห็นที่ 1 .. เริ่มต้นที่สถานที่ ซึ่งเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ประจำจังหวัดปัตตานี นั่นคือ “มัสยิดกลาง” สถานที่สำคัญแห่งหนึ่งที่ผู้มาเยือนเมืองปัตตานีต้องแวะชม คือ “มัสยิดกลาง จังหวัดปัตตานี” หรือที่ชาวบ้านเรียกกันสั้นๆว่า “มัสยิดกลาง” สถานที่ประกอบศาสนกิจของพี่น้องชาวมุสลิมแห่งนี้ นับเป็นมัสยิดอีกแห่งที่มีความสวยงามติดอันดับต้นๆของประเทศไทย ศาสนสถานประจำเมือง ริเริ่มที่จะก่อสร้างขึ้นในรัฐบาลยุค 2497 จากนั้นได้ใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างราว 9 ปี จนกระทั่งวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2506 พี่น้องมุสลิมปัตตานี ก็มีมัสยิดซึ่งศูนย์รวมในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาอันสวยงามไม่แพ้ที่ใด . ความงดงามของสถาปัตยกรรมของมัสยิดกลาง ไม่ได้สงวนไว้เพียงแค่พี่น้องชาวมุสลิมเท่านั้น แต่เปิดโอกาสให้คนทุกเชื้อชาติ ทุกศาสนา แวะเข้ามาเยี่ยมชมได้ (เพียงแต่ในทุกวันศุกร์ อาจจะไม่สะดวกนัก เพราะจะมีพิธีละหมาดใหญ่ประจำสัปดาห์) .. จากคุณ : POGGHI เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 13:05:42

ความคิดเห็นที่ 2 .. มองโดยผิวเผิน รูปทรงสถาปัตยกรรมที่ดูยิ่งใหญ่อลังการ อาจไม่ใช่สิ่งปลูกสร้างที่คุ้นตาชาวไทยนัก จนอาจนึกว่า ไปถ่ายมาจากประเทศอื่น แต่ตัวอักษรภาษาไทย คำว่า “มัสยิดกลาง จังหวัดปัตตานี” และธงชาติไทยผืนใหญ่ด้านบน คงช่วยย้ำต่อผู้มาเยือนแล้วว่า สถานที่ซึ่งมีสถาปัตยกรรมอันงดงามเบื้องหน้านี้ ตั้งอยู่ที่ประเทศใด .. จากคุณ : POGGHI เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 13:06:43

ความคิดเห็นที่ 3 .. อำเภอเมืองปัตตานีนั้น มีแม่น้ำไหลผ่านกลาง ซึ่งก็คือ แม่น้ำปัตตานี แม่น้ำที่มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาสันกาลาคีรี ไหลผ่านลงสู่จังหวัดยะลา มาถึงใจกลางเมืองปัตตานี ซึ่งเป็นสุดสายปลายน้ำก่อนออกไปสู่อ่าวไทย ... จึงเปรียบเป็นเส้นเลือดใหญ่หล่อเลี้ยงชีวิตของพี่น้องจังหวัดชายแดนใต้ ทั้งภาคเกษตรกรรม และการประมง .. จากคุณ : POGGHI เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 13:09:46

ความคิดเห็นที่ 4 .. บนผืนน้ำที่เงียบสงบ มีความเคลื่อนไหวเป็นระยะๆ นานๆครั้งก็จะมีเรือหางยางรับจ้างล่องผ่านไปมา บางครั้งก็เป็นเรือขนาดเล็กของชาวบ้าน และหากเป็นช่วงใกล้เทศกาลแข่งเรือยาวประเพณี เราก็จะได้เห็นบรรดาเหล่าฝีพายลงสนามฝึกซ้อม .. จากคุณ : POGGHI เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 13:10:25

ความคิดเห็นที่ 5 .. สถานที่อีกแห่ง ซึ่งเปรียบเป็นสัญลักษณ์ประจำจังหวัดปัตตานี  คือ “ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว” ใครที่รู้จักปัตตานีผ่านเพียงแค่ข่าวสถานการณ์ความรุนแรงจากสื่อหลัก อาจนึกไปว่า จังหวัดชายแดนใต้แห่งนี้ เป็นวัฒนธรรมเชิงเดี่ยว หรือเป็นจังหวัดที่มีแต่คนนับถือศาสนาอิสลาม ... แต่ในความเป็นจริง ปัตตานีเป็นเมืองที่มีการผสมผสานวัฒนธรรมเห็นได้เด่นชัด ทั้งวัดวาอาราม และชุมชนชาวคริสต์ . รวมถึง “ศาลเจ้าเล่งจูเกียง” หรือ “ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว” ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญอีกแห่ง ที่บ่งบอกความหลากหลายทางวัฒนธรรมของเมืองปัตตานี .. จากคุณ : POGGHI เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 13:14:12

ความคิดเห็นที่ 6 .. ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ตั้งอยู่ย่านเก่าแก่ กลางเมืองปัตตานี ซึ่งบางคนอาจเข้าใจผิดว่า เป็นสถานที่เดียวกันกับ ‘สุสานเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว’ บริเวณมัสยิดกรือเซะ ที่เคยเกิดเหตุการณ์รุนแรงเมื่อหลายปีก่อน สำหรับศาลเจ้าเก่าแก่กลางเมือง เป็นดั่งศูนย์รวมแห่งความเชื่อ ความศักดิ์สิทธิ์ของชาวไทยเชื้อสายจีน ตลอดจนประเทศเพื่อนบ้าน แม้ทุกวันนี้จะเงียบเหงาไปบ้างตามสภาพเศรษฐกิจ และผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบ แต่ความศรัทธาก็ไม่เคยจางหาย .. จากคุณ : POGGHI เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 13:15:01

ความคิดเห็นที่ 7 .. สถานที่อีกแห่งในจังหวัดปัตตานี ซึ่งแม้ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวหลัก แต่ก็น่าลองแวะเวียนเข้าไปชม คือ “มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี” หรือ “ม.อ.ปัตตานี” สำหรับ ม.อ.ปัตตานี นับเป็นจุดเริ่มต้นของมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ในภาคใต้ แต่ด้วยสภาพภูมิศาสตร์ที่มีพื้นที่ติดกับทะเล (ไม่เหมาะเครื่องไม้เครื่องมือด้านวิศวกรรมในขณะนั้น) รวมทั้งสภาพเศรษฐกิจ และการเติบโตของเมือง ทำให้มหาวิทยาลัยต้องย้ายศูนย์กลางการบริหาร และคณะสำคัญๆไปอยู่ที่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา . . ปัจจุบัน ม.อ.ปัตตานี เปิดสอนทั้งหมด 6 คณะ กับอีก 1 วิทยาลัย และยังมีโครงการจัดตั้งคณะใหม่ๆเพิ่มขึ้นในอนาคต .. จากคุณ : POGGHI เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 13:17:14

ความคิดเห็นที่ 8 .. ไกลจาก ม.อ.ปัตตานี ไปเพียงไม่กี่กิโลเมตร มีถนนสายรองมุ่งตรงสู่หมู่บ้านที่มีชื่อว่า “รูสะมิแล” หมู่บ้านชายทะเล ที่หลบซ่อนจากความเจริญของตัวเมืองปัตตานี ชาวบ้านรูสะมิแล ส่วนใหญ่มีวิถีชีวิตเรียบง่าย ประกอบอาชีพประมงพื้นบ้าน และเกษตรกรรม . . ในช่วงเวลาบ่ายแก่ๆ  มีเพียงเรือประมงขนาดเล็กที่แน่นิ่งอยู่ริมฝั่งซึ่งกลายเป็นทะเลโคลนไปแล้ว ... คงจะต้องรอให้ถึงเวลาน้ำขึ้น วิถีชีวิตของชาวประมงจึงจะเริ่มต้นอีกครั้ง .. จากคุณ : POGGHI เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 13:21:25

ความคิดเห็นที่ 9 มานั่งแถวหน้าครับคิดถึง“ม.อ.ปัตตานี”รูสะมิแลในอดีตที่เคยมีความหลังที่นั่น จากคุณ : ลุงเปี๊ยก (kajohnwit) เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 13:22:16

ความคิดเห็นที่ 10 .. ท่ามกลางความอบอ้าว มีความเคลื่อนไหวบางอย่างอยู่ในทะเลโคลน สิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆหน้าตาน่ารักน่าชังอย่าง “ปลาตีน” กำลังเกลือกกลิ้งไปมาอยู่บนพื้นผิวโคลนอุ่นๆ ปลาชนิดนี้มีครีบอกที่ทรงพลัง สามารถใช้ดันตัวเองให้พุ่งกระโจนไปข้างหน้า รวมทั้งยังใช้ปีนต้นไม้ ซึ่งครีบอกสารพัดประโยชน์ที่ทำหน้าที่คล้ายเท้านี่เอง จึงเป็นที่มาของชื่อน่ารักๆอย่าง ปลาตีน .. จากคุณ : POGGHI เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 13:22:28

ความคิดเห็นที่ 11 .. ความเงียบสงบริมฝั่ง  ถูกทำลายลงด้วยเสียงหัวเราะของเด็กสองคน เด็กชายมุสลิมลูกหลานชาวประมงสองคนเพิ่งเลิกเรียน และกำลังสนุกอยู่กับการปล่อยว่าวขึ้นไปบนฟ้า เด็กๆไม่ได้เล่นว่าวอย่างที่เราเห็นกันตามท้องสนามหลวง แต่เป็นการปล่อยว่าวให้พุ่งสูงเฉยๆ เพราะด้วยลมที่พัดแรงมาก ฉุดว่าวให้พุ่งทะยานขึ้นไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะดิ่งลงมาปักบนพื้นอย่างแรงจนน่าหวาดเสียว (กลัวว่ามันจะปักลงบนหัวใครคนใดคนหนึ่ง ... ไม่เด็กสองคนนั้น ก็หัวผมนี่แหละ - -") .. จากคุณ : POGGHI เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 13:24:13

ความคิดเห็นที่ 12 .. หมู่บ้านรูสะมิแล ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดปัตตานี ... มีเพียงบ้านเรือนโทรมๆ เรือหาปลาเก่าๆจอดริมฝั่ง กับวิถีชีวิตห่างไกลความเจริญ แต่ผมก็มองเห็นความสวยงามของหมู่บ้านชาวประมงแห่งนี้ ผืนดินแห้ง แตกระแหง เพราะอากาศร้อนจัดหลังจากน้ำลง ทอดยาวกว้างไกลไปสุดลูกหูลูกตาโดยมีผืนฟ้าครามเข้มโอบล้อม ไกลออกไปสุดเส้นขอบฟ้า คือ อ่าวไทย ... ทะเลซึ่งคอยหล่อเลี้ยงชีวิต นี่แหละ “บ้านของชาวประมง” .. จากคุณ : POGGHI เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 13:25:23

ความคิดเห็นที่ 13 .. เมื่อพูดถึงเรื่องการประมง ฟันเฟืองขนาดใหญ่ที่ขับเคลื่อนให้จังหวัดชายแดนใต้แห่งนี้ยังเดินหน้าต่อไปได้ คือ “อุตสาหกรรมการประมง” โดยข้อมูลบ่งชี้ความสำคัญของอุตสาหกรรมประมงในจังหวัดปัตตานี คือ ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด หรือ GPP ... มีสัดส่วนของการประมงมาเป็นอันดับหนึ่ง .. จากคุณ : POGGHI เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 13:27:21

ความคิดเห็นที่ 14 .. .. ส่วนใหญ่ อุตสาหกรรมการประมงเต็มรูปแบบนั้น มักใช้ลูกเรือเป็นชาวต่างด้าวแทบทั้งหมด โดยเฉพาะแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านสุดที่รัก  อย่างกัมพูชา และพม่า เพราะสู้งานหนัก แถมยังมีค่าจ้างถูกกว่าแรงงานชาวไทย ส่วนคนไทยที่มีส่วนร่วมอยู่บนเรือประมงบ้างนั้น คือ ตำแหน่งใหญ่อย่างไต้ก๋ง หรือคนขับเรือ หากจะมีแรงงานชาวไทยที่เป็นลูกเรือบ้าง ก็คงนับเป็นส่วนน้อยมาก .. จากคุณ : POGGHI เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 13:28:11

ความคิดเห็นที่ 15 .. ผมมีโอกาสได้ขึ้นไปสัมผัสบรรยากาศบนเรือของ “พี่ชา” ไต้ก๋งชาวประจวบคีรีขันธ์ พี่ชา เล่าให้ผมฟังว่า ลูกเรือทั้งหมดของเค้า เป็นแรงงานชาวกัมพูชา ( พี่ชากระซิบบอกว่า แรงงานในเรือประมงจะไม่ผสมกัมพูชา กับ พม่า ไม่งั้นตีกันตาย ) .. จากคุณ : POGGHI เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 13:30:45

ความคิดเห็นที่ 16 .. รอยยิ้มจากค่าจ้างที่ไม่ได้มากมาย แต่ก็คือ ความสุขใจ และความภูมิใจ จากหยาดเหงื่อแรงงานสุจริต .. จากคุณ : POGGHI เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 13:32:10

ความคิดเห็นที่ 17 .. ไกลออกไปจากตัวเมือง ผ่านสายน้ำล่องตรงไปสู่อ่าวไทย หรือขับรถอ้อมถนนเส้นใหญ่ไปอีกฝั่งเมือง ที่นั่น คือ “สะพานปลาปัตตานี” ซึ่งเป็นสถานที่ที่จะได้เห็นบรรยากาศการทำงานเต็มรูปแบบ จากบรรดาชาวเรือที่เพิ่งกลับเข้าฝั่ง . . ในเมืองที่อุตสาหกรรมการประมง คือ รายได้หลักของจังหวัด คงเดาได้ไม่ยากเลยว่า บริเวณท่าเทียบเรือที่นำปลามาขึ้นฝั่งนั้นจะมีความคึกคักมากเพียงใด .. จากคุณ : POGGHI เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 13:33:09

ความคิดเห็นที่ 18 .. เมื่อเรือจอดเทียบท่า ที่นี่ไม่มีเวลาหยุดพัก .. จากคุณ : POGGHI เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 13:33:57

ความคิดเห็นที่ 19 .. หนักเอาเบาสู้ .. จากคุณ : POGGHI เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 13:34:45

ความคิดเห็นที่ 20 .. และยังมีรอยยิ้มจากการทำงาน .. จากคุณ : POGGHI เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 13:35:15

ความคิดเห็นที่ 21 .. เมื่อเรือเทียบท่าได้ไม่นาน การทำงานสำคัญก็เริ่มขึ้น ปลาที่จับได้ จะถูกตักขึ้นมาจากห้องทำความเย็น ก่อนจะนำมาใส่ไว้ในตะกร้า หรือในลังพลาสติก จากนั้นก็ค่อยๆลำเลียงลงไปให้กับคนงานริมฝั่งเพื่อคัดแยกประเภทต่อไป .. จากคุณ : POGGHI เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 13:36:13

ความคิดเห็นที่ 22 .. ปลานับพัน นับหมื่น ค่อยๆทยอยลำเลียงไป .. จากคุณ : POGGHI เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 13:38:36

ความคิดเห็นที่ 23 .. ลังแล้วลังเล่า ไหลไปตามสายพานเหล็ก .. จากคุณ : POGGHI เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 13:41:19

ความคิดเห็นที่ 24 ....โหวตให้ครับ....ดินแดนใต้ที่งดงาม... แก้ไขเมื่อ 03 ส.ค. 53 13:52:51 จากคุณ : เรารักเมืองไทย (3 อย่าง 100) เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 13:45:13

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณภาพและเรื่องราวดีๆ ครับ จากคุณ : AODAOD29 เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 14:00:59

ความคิดเห็นที่ 26 .. ต่อๆ.... เมื่อกี้งานเข้าครับ ฮ่าๆ . . เมื่อปลาจากลังพลาสติก ไหลลงสู่พื้นท่าเรือ ก็จะเป็นหน้าที่ของผู้คัดแยกประเภทปลา  ซึ่งเป็นตำแหน่งงานที่ขยายโอกาสแก่คนท้องถิ่น โดยงานประเภทนี้ไม่จำเป็นต้องใช้แรงงานหนักมากมาย แต่ต้องอาศัยความชำนาญในการคัดแยก . . ผมสังเกตเห็นกลุ่มแรงงานสตรีชาวมุสลิม หยิบปลาขึ้นมาจากลังปุ๊ป ก็จับโยนใส่อีกลัง แบ่งประเภทได้อย่างรวดเร็ว ... ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน(การกิน)ปลา อย่างผม ดูไม่ออกว่า ปลาแต่ละตัวที่จับโยนๆลงไปนั้น มีความแตกต่างกันยังไง - -" .. จากคุณ : POGGHI เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 14:04:15

ความคิดเห็นที่ 27 .. หน้าที่การคัดแยกประเภทปลา ไม่เพียงแต่มีแรงงานเป็นคนในพื้นที่เท่านั้น แต่ยังมีแรงงานต่างด้าวอย่างสาวๆชาวพม่า มาทำหน้าที่นี้อีกด้วย .. จากคุณ : POGGHI เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 14:05:17

ความคิดเห็นที่ 28 .. คนละไม้คนละมือ ด้วยความชำนาญ .. จากคุณ : POGGHI เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 14:08:41

ความคิดเห็นที่ 29 .. ปลามาตรฐานทั่วไป เช่น ปลาทู ปลาโอ หรือปลาขนาดเล็ก จะถูกลำเลียงไปคัดแยกตามปกติ แต่หากเป็นปลาที่มีตัวขนาดใหญ่ (หรือใหญ่มาก) ก็จะถูกคัดออกมาเพื่อชั่งกิโล คิดราคาค่าตัวกันตรงนั้นเลย .. จากคุณ : POGGHI เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 14:09:15

ความคิดเห็นที่ 30 .. ตัวนี้ ถ้ามันถูกส่งไปในเมือง จะมีราคากี่บาทนะ  อยากรู้จัง .. จากคุณ : POGGHI เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 14:10:35

ความคิดเห็นที่ 31 ดูแล้วดูอีกก็ไม่เบื่อ.... ช่วงนี้ไม่มีโปรแกรมไปเที่ยวไหนเหรอครับ.... จากคุณ : ประธานชมรม.... (LVP@HEART) เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 14:11:41

ความคิดเห็นที่ 32 .. ปลาทู ที่เราเห็นๆกันตามตลาด หรือซื้อกินจากร้านข้าวแกง หลายคนอาจคิดว่าตัวก็เล็ก แถมราคาแพงอีกต่างหาก ... แต่สำหรับสะพานปลา ซึ่งเป็นจุดพักแรกเมื่อปลาขึ้นฝั่ง ปลาทูซึ่งมองว่าตัวก็ไม่เล็กเท่าไหร่ กลับถูกแบ่งประเภทออกมาเป็นปลาขนาดเล็กเสียอย่างนั้น อยากรู้จัง ว่าปลาทูตัวใหญ่ๆไปอยู่ไหนกันหมดนะ ไม่เคยได้กินสักที (- - )“ .. จากคุณ : POGGHI เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 14:13:18

ความคิดเห็นที่ 33 .. ปลาอีกชนิดหนึ่งที่มูลค่าลดลงไปในทันทีที่ขึ้นฝั่ง เรียกว่า “ปลาท้องแตก” จริงๆแล้ว ปลาท้องแตก ก็คือ ปลาทั่วไปได้ทุกประเภท แต่ที่มาของชื่อ มาจากการขนส่งที่บางครั้งอาจกระทบกระแทกจนทำให้ปลาบางตัวท้องแตก ไม่สมประกอบ ชิ้นส่วนหลุดขาด หรือมีสภาพไม่สวยสมบูรณ์ ปลาท้องแตกจะถูกแยกไปอีกประเภทหนึ่ง โดยมีราคาลดลงไปจากเดิม และปลาท้องแตกแทบทั้งหมดมักจะถูกนำไปแปรรูป มากกว่าจะไปวางขายเป็นตัวๆเหมือนปลาชนิดอื่น ส่วนเศษซากชิ้นส่วนของปลา ที่เกิดจากความผิดพลาดในการขนส่งนั้น ยังสามารถนำไปใช้ประโยชน์ด้วยการส่งไปโรงงานปลาป่น นำไปเลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ได้ต่อไป .. จากคุณ : POGGHI เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 14:14:25

ความคิดเห็นที่ 34 .. ปลาสดจากทะเล ที่แยกประเภทเรียบร้อยแล้ว ส่วนหนึ่งจะนำมาแช่แข็ง และรีบนำขึ้นรถขนส่งต่อไปยังโรงงานทันที โดยมีโรงงานทั้งในจังหวัดปัตตานี รวมถึงจังหวัดใกล้เคียงมารับซื้อ . สำหรับจังหวัดปัตตานี นับว่าเป็นแหล่งที่ตั้งสำคัญของโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์จากทะเลในระดับประเทศ และไม่เพียงแค่การแปรรูปเพื่อบริโภคภายในเท่านั้น แต่ยังส่งออกไปจำหน่ายประเทศเพื่อนบ้าน สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจต่อปีเป็นจำนวนเงินนับหมื่นล้านบาท โรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปผลิตภัณฑ์แห่งหนึ่ง ซึ่งเชื่อว่าชาวไทยทุกคนคุ้นเคย ... ก็มีสาขาตั้งอยู่ในจังหวัดปัตตานี นั่นคือ ผลิตภัณฑ์ “Three Lady Cooks” (ใช้ชื่อภาษาอังกฤษให้งงกันเล่นๆ   ... ชื่อภาษาไทย ก็คือ “ปลากระป๋องตราสามแม่ครัว” นั่นเองครับ) .. จากคุณ : POGGHI เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 14:15:23

ความคิดเห็นที่ 35 .. นอกจากบรรยากาศการทำงานของลูกเรือชาวประมงแล้ว . ไม่ไกลจากบริเวณที่เรือใหญ่เทียบท่า มีเรือหางยาวรับจ้างขนาดเล็ก จอดรอคอยผู้ใช้บริการ โดยเรือรับจ้างประเภทนี้ จะพาลูกค้าท่องเที่ยว ล่องแม่น้ำปัตตานี ทวนกระแสน้ำเข้าไปในตัวเมือง ก่อนจะกลับมายังจุดเดิม .. จากคุณ : POGGHI เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 14:16:35

ความคิดเห็นที่ 36 .. เบรคอารมณ์ ด้วยสมาชิกกิตมศักดิ์บนเรือลำหนึ่ง นับเป็นลูกเรือวีไอพี เดินไปไหน คนอื่นๆก็ยิ้มให้ .. จากคุณ : POGGHI เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 14:17:51

ความคิดเห็นที่ 37 .. เรือประมงขนาดใหญ่ที่เพิ่งจะเทียบท่าเอาปลาลงฝั่งเมื่อยามบ่าย เพียงระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมงก็เคลื่อนกลับไปสู่ผืนน้ำอีกครั้ง แต่ในแววตา พร้อมสีหน้าเปื้อนยิ้มจากบนเรือคล้ายบ่งบอกว่า พวกเขายังมีความสุขกับการทำงาน . คนบนเรือ กับ คนริมฝั่ง กำลังสื่อสารกันด้วยรอยยิ้ม วิถีชีวิตของชาวสะพานปลายังดำเนินไป ตราบเท่าที่ลมหายใจแห่งความสมดุลของธรรมชาติยังคงอยู่ .. จากคุณ : POGGHI เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 14:19:08

ความคิดเห็นที่ 38 .. จากท่าเรือ ไปชมตลาดกันบ้างนะครับ . . จุดเด่นในเรื่องการรักษาความปลอดภัยของจังหวัดปัตตานี นอกจากกล้องวงจรปิด และทหารที่ต้องประจำการในจุดล่อแหลมแล้ว รถมอเตอร์ไซค์ทุกคันบริเวณตลาดกลางเมือง  ต้องไปจอดริมเกาะกลางถนน แทนการจอดประชิดริมบาทวิถีเช่นเดิม (เพราะเคยมีเหตุคนร้ายใช้เป็นมอเตอร์ไซเคิล บอมม์) ขณะเดียวกันต้องเปิดเบาะเอาไว้เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และง่ายต่อการตรวจสอบ .. จากคุณ : POGGHI เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 14:21:33

ความคิดเห็นที่ 39 .. ตลาดกลางเมืองปัตตานี เรียกว่า "ตลาดโต้รุ่ง" ซึ่งหลายปีก่อน เคยเกิดเหตุระเบิดด้านข้างๆ มีนักศึกษาเสียชีวิต แต่ในคืนที่ผมเดินทางไปตลาดโต้รุ่ง ... หลังจากเหตุการณ์ร้ายผ่านไปหลายปี บรรยากาศของตลาดแห่งนี้ ดูมีสีสัน คึกคัก ไม่เงียบเหงาอย่างที่คิด ร้านก๋วยเตี๋ยวชื่อดังเชื้อสายจีน มีคนยืนออรอคิวกันอย่างเนืองแน่น ร้านอาหารตามสั่งมีลูกค้าเบียดเสียดจนแคบไปถนัดตา ขณะที่ร้านอาหารมุสลิม ก็มีลูกค้าเดินซื้อกันขวักไขว่ . . แม้เหตุการณ์ความรุนแรงในอดีต อาจเป็นบาดแผลในจิตใจของชาวปัตตานี และอาจยังเต็มไปด้วยความวิตกกังวลถึงเหตุร้าย ซึ่งไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นอีกเมื่อใด แต่ทุกชีวิต คล้ายกับต้องปรับสภาพจิตใจให้ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น เพราะการทำมาค้าขายโดยสุจริต คือ วิถีชีวิตของพวกเขาเหล่านี้ ... หากจิตใจยังเข้มแข็ง ร่างกายยังมีเรี่ยวแรง ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป .. จากคุณ : POGGHI เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 14:24:01

ความคิดเห็นที่ 40 .. ตลาดอีกแห่งหนึ่งในตัวเมืองปัตตานี เรียกว่า “ตลาดมะกรูด” ตลาดเล็กๆแห่งนี้ไม่ไกลจากที่ตั้งของหน่วยงานราชการสำคัญ โดยเป็นตลาดสดในเวลากลางวัน ถึงช่วงเย็น เมื่อเรามองแล้ว ตลาดมะกรูด ก็ไม่ได้แตกต่างจากตลาดสดแห่งอื่นในประเทศไทย ที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน ท่ามกลางบรรยากาศของความเป็นแหล่งซื้อขายแลกเปลี่ยน .. จากคุณ : POGGHI เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 14:25:03

ความคิดเห็นที่ 41 .. แต่ในความเหมือน ก็มีความแตกต่าง ด้วยสถานการณ์อันไม่ปกติ ที่เกิดจากคนนอกรีต นอกศาสนา ... ตลาดมะกรูด จึงไม่ต่างจากตลาดโต้รุ่ง ที่ต้องมีเจ้าหน้าที่มาคอยตรวจตราความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน ฝั่งตรงข้ามตลาดมะกรูด มีกองกำลังผสม 3 ฝ่าย ได้แก่ ตำรวจ ทหาร และอาสาสมัครทหารพราน ยืนประจำการอยู่ 3 จุด คอยระแวดระวังภัย และสังเกตความผิดปกติที่อาจจะเกิดขึ้น .. จากคุณ : POGGHI เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 14:26:43

ความคิดเห็นที่ 42 .. เหล่าทหารกล้าที่มายืนประจำการอยู่ ณ จุดนั้น เป็นทหารหนุ่ม 3 นาย เดินทางไกลมาจากจังหวัดอุดรธานี ขณะที่กองกำลังอีก 2 ส่วน เป็นคนในพื้นที่ปัตตานี กองกำลังผสม 3 ฝ่าย ที่แต่ละคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ก็มาร่วมแรงร่วมใจ ร่วมมือกันในการปกป้องความสงบสุขให้กับผืนแผ่นดิน . . ขณะที่เวลาค่อยๆเดินไปเรื่อย และแสงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้าลาหายไปอีกวัน แต่แววตาของความมุ่งมั่นในการทำหน้าที่ของทหารทุกนายยังไม่เปลี่ยนแปลง . . บางส่วนในเนื้อหาของเพลง “ราตรีสวัสดิ์”** โดยศิลปิน ฟักกลิ้ง ฮีโร่ และ ธีร์ ไชยเดช คงไม่ใช่เรื่องแต่งขึ้นมาลอยๆ แต่นั่นเป็นเรื่องจริง .... http://www.youtube.com/watch?v=JFCooDPQZns .. จากคุณ : POGGHI เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 14:28:14

ความคิดเห็นที่ 43 .. โพสต์ผิด + ลืมรูป ครับ - -" แก้ไขเมื่อ 03 ส.ค. 53 14:33:05 จากคุณ : POGGHI เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 14:31:46

ความคิดเห็นที่ 44 .. ในช่วงที่ผมเดินทางไปนั้น เป็นช่วงใกล้งานเทศกาลสมโภชเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวพอดี บริเวณ "วัดนิกรชนาราม” หรือ “วัดหัวตลาด” จึงมีงานออกร้าน มีสวนสนุกแบบงานวัดทั่วไป แต่ก็ไม่ได้แบ่งแยกว่าจะเป็นศาสนาใด ... ทั้งคนพุทธ คนมุสลิม ต่างก็เข้าไปเก็บเกี่ยวความสุขได้ .. จากคุณ : POGGHI เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 14:35:37

ความคิดเห็นที่ 45 .. . สีสันแห่งความสุขกลางลานวัดที่กำลังหมุนวนนั้น จึงกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน  ... ทุกคนต่างได้รับไปร่วมกัน โดยไม่มีเส้นกั้นแบ่งแยกศาสนา .. จากคุณ : POGGHI เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 14:38:14

ความคิดเห็นที่ 46 .. “ชีวิตที่เป็นไป ในเมืองปัตตานี” แม้จังหวัดปัตตานี เป็นหนึ่งในพื้นที่ซึ่งเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบบ่อยครั้ง แต่แก่นแท้ของความเป็นเมืองปัตตานี คือ ความสันติสุขของการอยู่ร่วมกันของคนทุกเชื้อชาติ ทุกศาสนา . . เพียงแต่ด้วยบริบทโครงสร้างของปัญหา มันอาจซับซ้อนเกินกว่าที่จะแก้ไขได้ในระยะเวลาอันสั้น อย่างไรก็ตาม แม้ยังไม่มีคำตอบว่า ปัญหาจะสิ้นสุดลงเมื่อใด ... แต่ชาวเมืองแห่งนี้ก็ยังคงหมุนวงล้อของชีวิตให้เคลื่อนต่อไปบนดินแดนที่พวกเขาเติบโต .. จากคุณ : POGGHI เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 14:43:59

ความคิดเห็นที่ 47 .. ภาพของเมืองปัตตานีวันนี้ อาจกระจัดกระจายไปด้วยเจ้าหน้าที่ทหาร อาวุธยุทโธปกรณ์ หรือด่านตรวจ แต่สำหรับชาวเมือง คงไม่ได้มองว่าเป็นความแปลกแตกต่างอีกแล้ว ตรงกันข้าม บรรดาเจ้าหน้าที่ผู้เสียสละ ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตของผู้คนที่นี่ คงไม่มีเจ้าหน้าที่รายใด อยากทำร้ายพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ เฉกเช่นเดียวกันกับพี่น้องชาวปัตตานีผู้รักสันติ ก็ไม่มีเหตุผลที่จะรังเกียจ หรือไม่ไว้ใจเหล่าทหารผู้เสียสละเหล่านั้น . . ทุกชีวิตที่ก้าวเดิน จึงไม่ต่างกับวัฒนธรรมอันหลากหลาย แต่สุดท้าย ก็สามารถหลอมรวมร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งของเล็กๆที่ชื่อ "ปัตตานี" .. จากคุณ : POGGHI เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 14:47:41

ความคิดเห็นที่ 48 ถ่ายได้งามมากครับ ไลฟ์จริง ๆ ถึงแม้จะไม่มีน้องสาวก็เหอะ โหวตให้เลยครับ จากคุณ : raksapondet เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 15:08:42

ความคิดเห็นที่ 49 เป็นอีกจังหวัดหนึ่งของ ประเทศไทย ที่อยากไปมาก ๆ ค่ะ..ไม่รู้จะมีโอกาสหรือเปล่า..อดสะท้อนใจไม่ได้.. ........ ภาพงาม เรื่องงาม จริง ๆ ค่ะ จากคุณ : i'm not superman เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 15:29:52

ความคิดเห็นที่ 50   ถามคุณป๊อกกี้หน่อยเหอะ ใครเป็นไกด์ให้ เข้าใจชีวิตของปัตตานีจริงๆ เลย จากคุณ : ศิษย์มอ.ตานีเมื่อยี่สิบปีก่อน (บางพูน) เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 15:42:10

ความคิดเห็นที่ 51 คิดถึงปัตตานีจังเลย คิดถึง เก้าสนคอร์ท ด้านหลัง ม. คิดถึง สวนสมเด็จย่า ที่เคยพาแฟนเก่าไปนั่งเล่น และให้อาหารปลาบ่อยๆ คิดถึง ซีเอส ปัตตานี ไปทานพิซ่า ตรงนั้นประจำๆ คิดถึง บิ๊กซี ปัตตานี ที่ไปกิน MK ช่วงวันหยุด คิดถึง ร้านน้ำชา หน้า ม เครื่องดื่ม โอดิบ แล้วก็ กะโป๊ะ ชื่อตลก แต่อร่อยจริงๆ ว่าจะไปเก็บภาพแนว life เพิ่มเติมที่สงขลา ช่วงปลายๆปี สงสัยเห็นภาพนี้แล้ว ผมคงอดใจไม่ไหว ต้องเลยไปปัตตานี แน่ๆเลย ขอบคุณที่นำภาพมาให้ชมครับ จากคุณ : Lastchristmas_โอ๋ เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 15:44:46

ความคิดเห็นที่ 52 ปล : เอาโหวต กับกิ๊บ ไปเล้ยย จากคุณ : Lastchristmas_โอ๋ เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 15:46:31

ความคิดเห็นที่ 53 ชอบครับ เล่าเรื่องได้เยี่ยม ภาพก็สวยงาม ขอบคุณมากๆครับ จากคุณ : Son&Ning เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 16:28:16

ความคิดเห็นที่ 54 ได้บรรยากาศสุดๆไปเลย ชอบมากมาย ^0^ จากคุณ : z o m a z y เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 16:46:08

ความคิดเห็นที่ 55 ชอบมากครับ..มุมภาพสวยๆ+คำบรรยายที่ให้ความรู้ ^^ จากคุณ : TookTong เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 17:35:11

ความคิดเห็นที่ 56 น้าป้อกกี้ สุดอีกแล้วครับท่าน จากคุณ : ผ่านการตรวจสอบ เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 17:44:15

ความคิดเห็นที่ 57 ภาพคุ้นคุ้นครับน้าป๊อก แหม เที่ยวได้ทั่วทุกซอกของประเทศไทยเลยนะนั่น ยังไม่นับ ตปท.นะ (โปรแกรมหน้าไปใหนครับ) จากคุณ : chaoswalker เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 17:44:16

ความคิดเห็นที่ 58 สวยจ้า จากคุณ : คนหัวฟู เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 17:59:14

ความคิดเห็นที่ 59 กระทู้นี้ไม่มีน้องสาวน้าแฮะ สุดยอดเลยครับน้า  สวยงามทั้งภาพ  และเรื่องราว จากคุณ : แฉลบยอดหญ้า เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 18:02:49

ความคิดเห็นที่ 60 ขอบคุณ จขกท. มากๆ ค่ะ  ภาพสวย ไฟล์ใส  ได้อารมณ์และเข้ากับสถานการณ์มากๆ เลย เห็นกระทู้นี้แล้ว  ต้องกลับไปเยี่ยม "ปัตตานี" หน่อยซะแล้ว >_< จากคุณ : InGy เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 18:03:53

ความคิดเห็นที่ 61 เล่าเรื่องได้ดีมาก ขอบคุณมากครับที่พาไปเที่ยวปัตตานี จากคุณ : paengmun เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 18:09:39

ความคิดเห็นที่ 62 เป็นจังหวัดที่อยากไปเที่ยวมาก ขอตามเกาะไปกับภาพก่อนแล้วกันครับ จากคุณ : Mr_Badz เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 18:20:36

ความคิดเห็นที่ 63 ขอบคุณสำหรับภาพ สวย ๆ และเรื่องราว ดีๆ ครับ จากคุณ : ลิงหน้าหมู เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 18:28:06

ความคิดเห็นที่ 64 สุโค่ยครับ เรื่องก็ไม่ธรรมดาแล้ว ภาพยังงามนักแล จากคุณ : NopView เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 18:45:07

ความคิดเห็นที่ 65 จริงๆเคยชมภาพชุดนนี้แล้ว แต่เข้ามาชมซ้ำอีกรอบ ไม่เบื่อเลยครับ จากคุณ : inint&anant เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 19:10:53

ความคิดเห็นที่ 66 ^^ มาดูรอบสองจ้า ภาพสวยจริง ๆ เลย จากคุณ : verdandi เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 20:23:06

ความคิดเห็นที่ 67 สวยงามมากครับ เห็นแล้วคิดถึงสมัยเรียนเลย 555 จากคุณ : โกเมศ (GIFTCGM) เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 21:22:11

ความคิดเห็นที่ 68 สวยงามมากครับ เห็นแล้วคิดถึงสมัยเรียนที่นั้นเลย 555 จากคุณ : โกเมศ (GIFTCGM) เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 21:22:37

ความคิดเห็นที่ 69 สวยงามดึงดูดใจให้ไปเยี่ยมชมจริงๆครับ จากคุณ : หนอนดิน เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 21:47:01

ความคิดเห็นที่ 70   ดูแล้วบรรยากาศไม่น่ากลัวอย่างที่คิด!! จากคุณ : สะบก เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 21:50:47

ความคิดเห็นที่ 71 สวยมากเลยครับ จากคุณ : สาย_3_ลามไปหาด เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 21:59:52

ความคิดเห็นที่ 72 น้องสาวน้า POGGHI หายไป... (แอบเสียดายเล็กน้อยแต่พองาม) แต่ก็ดูดกิ๊ฟไปได้เยอะแยะมากมายเลย  ..  ชอบค่ะ  ชอบคนถ่าย 5555++ ชอบคนถ่ายภาพสวยๆค่ะ จากคุณ : นักชิมน้ำส้มสายชู เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 22:07:14

ความคิดเห็นที่ 73 เดี่ยวผมจะตามไปเที่ยวของจริงเร็วๆนี้ครับ จากคุณ : น้าวัชร-จัดให้ เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 22:55:31

ความคิดเห็นที่ 74 ไม่เคยผิดหวังกับน้า Pogghi เลยครับพาเที่ยวทีไร ได้ทั้งชมภาพสวยๆทั้งอ่านเรื่องราวที่น่าสนใจตลอดเลยครับ จากคุณ : ดีเจแมคเค เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 01:12:03

ความคิดเห็นที่ 75 เขตรั้ว สีบลู.............. จากคุณ : นายตะแง้วศรี เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 01:12:46

ความคิดเห็นที่ 76 ขอบคุณที่เอาภาพสวยมาให้ชม  พร้อมกับเรื่องราวดีๆจ้า แม้ไม่เห็นน้องสาวคนสวยทั้งสอง.. แต่ก็ให้อภัย  อิอิ จากคุณ : SaNs tOi : Le MoNdE s'EcrOulE เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 04:35:28

ความคิดเห็นที่ 77 ภาพใสแจ่มจริงๆครับ จากคุณ : Salt Cat เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 05:58:24

ความคิดเห็นที่ 78 ... ยอดเยี่ยมทั้งเนื้อหาและภาพเช่นเคยครับน้า ... จากคุณ : the Sixth Floor เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 06:48:16

ความคิดเห็นที่ 79 รูปสวยมากเลยครับ ถ่ายทอดแนวไลฟ์ได้ดีจริงๆคับ ชอบๆ จากคุณ : Paksabuy เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 08:41:15

ความคิดเห็นที่ 80 ถ่ายทอดเรื่องราวได้ดีมากเลยครับ ภาพก็สวยมากๆ จากคุณ : 69step เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 09:26:48

ความคิดเห็นที่ 81 ตามมาจากห้องบลูครับ คุณป๊อกกี้ ถ่ายภาพแนวนี้ได้สวยจริงๆ อยากถ่ายได้แบบนี้บ้าง แต่เป็นแนวที่ไม่สามารถพัฒนาได้เลยสำหรับผม จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 11:56:12

ความคิดเห็นที่ 82 ---very nice kub-- I love Thailand จากคุณ : LmLight เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 12:00:19

ความคิดเห็นที่ 83 ชอบด้วยครับ หุหุ จากคุณ : gingging เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 13:25:12

ความคิดเห็นที่ 84 แหล่มครับ จากคุณ : Pollutor เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 14:01:23

ความคิดเห็นที่ 85 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 14:03:27

ความคิดเห็นที่ 86 Thanks God that I was born in the Paradise Land -- Thailand :)) nice pics ; wonderful story :) จากคุณ : KinkyVans เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 14:57:03

ความคิดเห็นที่ 87 เอาเพลงนี้มาฝากครับ สำหรับคน ม.ตานี น่าจะรู้จักกันนะครับ ไม่รุ้ยังมีการพาน้องใหม่ไปเที่ยวเลกันอีกหรือเปล่านะ จากคุณ : สงวนศรี เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 18:10:03

ความคิดเห็นที่ 88 สุดยอดกระทู้.... จากคุณ : kitazawa (kitazawa) เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 19:58:47

ความคิดเห็นที่ 89 น้ารู้ดีมากกว่าผมที่เป็นชาวปัตตานีแท้ๆ ขอบคุณสำหรับความรู้เพิ่มเติมที่มีให้ครับ จากคุณ : Aey07 (ลุงเอ๋) เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 20:54:36

ความคิดเห็นที่ 90 ดูแล้ว..ดูอีก จากคุณ : TheKop78 เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 21:04:32

ความคิดเห็นที่ 91 ชอบมากๆครับ สุดยอดจริงๆเลย จากคุณ : Mr.PIE เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 21:05:51

ความคิดเห็นที่ 92 วันนี้น้า POGGHI มาห้องนี้อีกแล้ว แนว life นี้น้า POGGHI กินขาดจริงๆ จากคุณ : POGGHI Fc (Neodicaprio) เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 21:09:24

ความคิดเห็นที่ 93 ภาพดี ข้อมูลเยี่ยม .. จากคุณ : lumpoo เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 21:17:43

ความคิดเห็นที่ 94 ความจริงเมืองปัตตานียังมีที่เที่ยวอีกเยอะ และเป็นจังหวัดหนึ่งที่น่าอยู่จังหวัดหนึ่งของภาคใต้เป็นเมืองสงบ พี่น้องไทยพุธ ไทยอิสลามรักรักกันดี แต่ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ไม่สงบ ผู้คนก็มาเที่ยวน้อยลง ตรงศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวก่อนเกิดเหตุการณ์ ร้านขายของพื้นเมืองของฝากเยอะเลยครับ แต่พอเกิดเหตุการณ์ก็เหลืออยู่ประมาณสี่ห้าร้านตามที่เห็นแหละครับ ไม่มีคนมาเที่ยวขายของไม่ได้ ขาดทุนก็ต้องเลิกไป ถามผมว่ากลัวไหม ไม่กลัวครับ แต่ก็ไม่กล้าที่จะออกมาเที่ยวเตร่เหมือนแต่ก่อนไปไหนก็ต้องระวังตัว แต่ผมก็ยังหาโอกาสกลับไปอยู่ที่ปัตตานีครับ ตอนนี่แม่กับพี่สาวยังอยู่ที่โน่นเลยครับ ส่วนชาวบ้านก็ยังใช้ชีวิตกันปกติครับ แก้ไขเมื่อ 04 ส.ค. 53 21:21:35 จากคุณ : Aey07 (ลุงเอ๋) เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 21:20:02

ความคิดเห็นที่ 95 โอ๊วบ้านผมเอง   รูป 39 พ่อค้าก๊วยเตี๋ยวคนนี้ขาโหด น้ำร้อนลวกมือก็ไม่สะทกสะท้าน  ลองไปกินดู ได้ก๊วยเตี๋ยวไวมาก อร่อยด้วย จากคุณ : ชายหกน้ำตกเนื้อ เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 22:17:29

ความคิดเห็นที่ 96 กลับบ้านที่นราฯเมื่อไหร่ต้องขับรถไปกินชาชักที่ ซีเอส ตลอด กับโรตีย่าง  อร่อยไม่อยากแบ่งใคร จากคุณ : zaskar27 เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 22:57:44

ความคิดเห็นที่ 97 สุดยอดค่ะน้าป๊อกกี้...ถ่ายแนวไลฟ์ได้เจนจัดมากๆ ชอบๆ ค่ะ   @^_^@ จากคุณ : CX gal เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 53 10:25:28

ความคิดเห็นที่ 98 ชื่นชมกับแนวคิดการนำเสนอเรื่องราวของปัตตานีในมุมมองที่งดงามครับ จากคุณ : mrkiatisak เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 53 12:49:01

ความคิดเห็นที่ 99 แข่ๆบ้านฉ้าน..ก่าก๊ะ จากคุณ : saodaree เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 53 20:53:50

ความคิดเห็นที่ 100 รูปที่ 39 คิดถึงร้านเย็นตาโฟร้านนี้มาก ใครสั่งเย็นตาโฟพิเศษแล้วกินได้สองชามนี่แทบจะคารวะกันเลย จากคุณ : วันดีดีที่ยังไม่ถึง (วันดีดีที่ยังไม่ถึง) เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 53 23:09:44