ความคิดเห็นที่ 1 คู่ที่ 1 รูปนี้ ใช้โหมดส่องแล้วกด SR Auto จากคุณ : แป้งทอด เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 23:25:20

ความคิดเห็นที่ 2 รูปนี้ ที่เดิม จุดเดิม เวลาเดียวกัน  ใช้โหมด P ปรับ ev +1/3    ISO 3200 ค่ะ จากคุณ : แป้งทอด เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 23:26:46

ความคิดเห็นที่ 3 คู่ที่ 2 รูปนี้ใช้หมวด SR Auto จากคุณ : แป้งทอด เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 23:27:44

ความคิดเห็นที่ 4 รูปนี้ ที่เดิม จุดเดิม แสงเดิม เปลี่ยนใช้โหมด P  EV+1/3   ISO 3200 จากคุณ : แป้งทอด เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 23:28:56

ความคิดเห็นที่ 5 คู่ที่ 3 รูปนี้ใช้โหมด SR Auto  สภาพแสงแบบฟ้าสลัวๆ อมเมฆฝนค่ะ เพราะฝนตกปรอยๆ จากคุณ : แป้งทอด เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 23:30:28

ความคิดเห็นที่ 6 รูปนี้ใช้โหมด P  EV+1/3  ISO 3200 เช่นเดิมค่ะ จากคุณ : แป้งทอด เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 23:31:22

ความคิดเห็นที่ 7 จะเขวี้ยงทิ้งที่ไหนบอกนะครับ ผมจะตามไปเก็บ - -" ถ่ายแดดจ้าซะขนาดนั้น ทำไมใช้ iso ตั้ง 3200 ละครับ ลองอ่านคู่มือนิดนะครับ   กลางวันๆ แดดเปรี้ยงๆ  iso 100 ก็เหลือแหล่ จากคุณ : Rock Cult เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 23:37:25

ความคิดเห็นที่ 8 แต่จริงๆ คุณมาถูกทางอย่างหนึ่ง คือ ถ่ายมุมเดิมด้วยโหมดต่างๆ แล้วเอามาเปรียบเทียบกัน  จะได้รู้ว่าตั้งค่าแบบไหนแล้วจะได้ผลลัพท์ออกมาอย่างไร ถ่ายกลางแดด ลองตั้ง iso แค่ 100 แล้วปรับอย่างอื่นดูนะครับ จะได้เล่นให้สนุกๆ ปกติ iso สูงๆ จะใช้ถ่ายในที่แสงน้อยๆ ครับ เช่นตอนกลางคืน จากคุณ : Rock Cult เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 23:42:47

ความคิดเห็นที่ 9 มีแววเก่งนะครับ ถ่ายแล้วสงสัย + ถ่ายใหม่ + ทดลองทำ แรกๆ ก็แบบนี้ครับ พอเข้าใจระบบ F - focus / S - Speedshutter / ISO ว่า 3 สิ่งนี้มันเกี่ยวข้องกันอย่างไร เพราะการปรับตัวใดตัวนึง มันก็จะส่งผลไปถึงอีก 2 ตัวที่เหลือ และภาพที่ได้ออกมา(ในมุมเดียวกัน) ก็จะต่างกันครับ ^^ สู้ๆ นะครับ แม่สาว ISO3200... จากคุณ : hellboy เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 23:47:29

ความคิดเห็นที่ 10 ต่อไปคงต้องศึกษาเรื่อง iso สักนิดนึงแล้วล่ะครับ จากคุณ : เดอะไรท์ เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 23:56:15

ความคิดเห็นที่ 11 อ่านให้เยอะๆ ครับมาถูกทางแล้ว จากคุณ : ภาพสร้างฝัน เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 00:01:10

ความคิดเห็นที่ 12 ISO นี่ไม่ยาก แสงน้อยดันไปเยอะๆ แสงเยอะดึงลงมาน้อยๆ จากคุณ : Teerarod เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 00:03:24

ความคิดเห็นที่ 13 iso มันคือค่าความไวแสงครับ  ยิ่งเลขมาก ก็ยิ่งไวแสง ตัดเรื่องวุ่นวายๆ งงๆ ออกไป  เอาง่ายๆเลยละกันว่า ถ้าถ่ายตอนกลางวัน  แสงมันมาก มันสว่างอยู่แล้ว  ใช้ iso น้อยๆ  100 - 200 ถ้าขยับเข้ามาอยู่ในร่ม ในห้อง ในบ้าน  แสงมันน้อยกว่าข้างนอกแน่ๆ อาจจะต้องเพิ่ม iso เป็น 800 ส่วน 3200 ที่กล้องให้มา เอาไว้ใช้ถ่ายตอนที่แสงน้อยมากๆ เช่นถ่ายกลางคืน อย่างไรก็ตาม ทุกๆอย่างย่อมมีดีและเสียมาพร้อมกัน ถ้าคุณเร่ง iso ขึ้นไปมากๆ สิ่งที่คุณจะได้ตามมาก็คือ น้อยส์(noise) จุดขาวๆประๆบนภาพที่คุณบอกนั่นแหล่ะครับ  และมันก็จะทำให้ภาพไม่คมชัด อย่างที่คุณว่านั่นแหล่ะ ***เพราะฉะนั้น  การตั้ง iso ควรใช้ให้น้อยที่สุดเท่าที่มันจะพอถ่ายรูปในสภาพแสงนั้นๆได้ สำหรับกล้องคอมแพ็คท์ตั้งที่ 100-200 ไว้ก่อนดีที่สุดครับ  ที่ 400 ก็เริ่มมีน้อยส์มาให้เห็นแล้วหล่ะ ทำไมตั้งเป็น auto แล้วภาพถึงมืด ?? อันดับแรกต้องเข้าใจก่ออนครับว่ากล้องมันมีระบบวัดแสงของมันอยู่  ซึ่งระบบวัดแสงของกล้องก็จะมีวิธีการวัดต่างๆกันไป  เช่น - เฉพาะจุด  >>>   วัดแสงที่จุด พื้นที่เล็กๆกลางภาพ  แล้วนำมาใช้ตั้งค่า - หนักกลาง  >>>  วัดแสงที่พื้นที่กลางภาพ แล้วนำมาเฉลี่ยกับกับพื้นที่ส่วนใหญ่ แต่ให้น้ำหนักตรงกลางมากหน่อย - เฉลี่ย  >>>  แบ่งพื้นที่ในภาพออกเป็นส่วนๆ  วัดแสงแต่ละจุด แล้วนำมาเฉลี่ยกัน ในภาพที่คุณถ่ายมานั้นตั้งให้วัดแสงแบบเฉลี่ย (คิดว่าเป็นค่าที่ตั้งมาแต่แรก) อย่างที่ได้บอกไปว่าการวัดแสงแบบเฉลี่ยนั้น มันแบ่งภาพเป็นส่วนๆ แล้วเฉลี่ยค่าแสงจากแต่ละส่วน แต่ในกรณีที่ภาพมีพื้นที่ที่สภาพแสงต่างกันมาก  เช่น ถ่ายอาคาร ด้านที่เป็นร่มเงา  มีพื้นหลังเป็นท้องฟ้า ตัวอาคารและพื้นหลังมีพื้นที่พอๆกัน ส่วนที่เป็นท้องฟ้ามันสว่างมากๆ  แต่ส่วนของอาคารมันค่อนข้างมืด เมื่อกล้องวัดแสงแล้วนำค่ามาเฉลี่ยกัน   มันจึงเข้าใจว่าภาพที่กำลังจะถ่ายนั้น มีแสงมาก ค่อนข้างสว่าง  มันจึงตั้งค่าให้รับแสงน้อยๆก็พอ  ผลที่ได้คือ  เราจะได้รูปที่ท้องฟ้าสวยพอดี แต่อาคารมืด  อย่างเช่นในรูปแรก แต่ในรูปที่ 2 จะเห็นได้ว่า ถึงถ่ายในโหมด auto ตัวอาคารก็ไม่ได้มืดจะน่าเกลียด  เรียกว่าออกมาสวยพอดีๆเลยก็ได้ เพราะในพื้นที่ในภาพส่วนใหญ่เป็นตัวอาคาร  มีท้องฟ้าอยู่เล็กน้อยเท่านั้น เมื่อกล้องวัดแสง แล้วนำค่าไปเฉลี่ย  จึงได้ค่าแสงที่พอดีกับตัวอาคาร จากคุณ : akeis เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 00:19:56

ความคิดเห็นที่ 14 ค่า EV !!!??? มันคือการชดเชยแสงครับ   คือระบบวัดแสงของกล้องเนี่ย ถึงมันจะเก่งยังไงมันก็ยังโดนหลอกได้อยู่  (ตัวอย่างในภาพที่ 1) จึงต้องมีการชดชเยแสงเพื่อช่วยไม่ให้มันโดนหลอก การชดเชยเป็น + แปลว่าภาพจะสว่างขึ้นกว่าค่าที่กล้องวัดแสงได้ การชดเชยเป็น - แปลว่าภาพจะมืดลงกว่าค่าที่กล้องวัดแสงได้ อย่างในรูปแรก  ถ้าเชื่อตามกล้อง  เราก็จะได้ภาพที่อาคารมืดลงสักหน่อย แต่ถ้าเราชดเชยแสง  เพื่อให้ภาพสว่างขึ้น (ชดเชยเป็น +)  เราก็จะได้ภาพที่ตัวอาคารสว่างขึ้นสักหน่อย  ท้องฟ้าอาจจะขาวไปนิด ไม่เป็นฟ้าเช้มเหมือนในรูปแรก ถ้าถามว่าควรจะชดเชยเท่าไหร่  1/3, 2/3 , หรือ 1 EV คงต้องบอกว่าลองไปถ่ายไปเล่นดูครับ เดี๋ยวก็จะกะๆได้เองแหล่ะครับ ------------------------------------------------------------------------------ ถ้ายังไม่ได้ขว้างกล้องทิ้งไปซะก่อน  อยากให้ลองไปถ่ายอีกซักทีครับ ไปถ่ายกลางแจ้ง  เหมือนกับที่ถ่ายมานี่แหล่ะ ใช้โหมด  P    ใช้ iso - 100 แล้วลองถ่าย  ลองชดเชยแสงดูครับ จากคุณ : akeis เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 00:34:24

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณมากค่ะคุณ akeis  เข้าใจมากขึ้นเยอะเลยค่ะ สรุปว่า ถ้าแสงโดยรวมๆ ของภาพค่อนข้างจ้า มีคอนทราสเยอะ เช่น มีทั้งแสงท้องฟ้ากับตัวอาคาร  ควรปรับ iso น้อยๆ 100-200 ส่วน ev+ ขึ้นไปเล็กน้อย  แต่ถ้าแสงโดยรวมๆ ของภาพค่อนข้างมืดๆ ควรปรับ iso สูงขึ้นไปประมาณ 800 ส่วน ev ลดลงมาหน่อยๆ เช่น -1/3   เข้าใจประมาณนี้ถูกต้องไหมคะ  และถ้าโดยรวมภาพมีแสงโอเค คอนทราสไม่จัด ก็ใช้ SR Auto ส่องแล้วกดไปเลย ใช่ไหมคะ ขอบคุณมากค่ะ ;) จากคุณ : แป้งทอด เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 00:36:00

ความคิดเห็นที่ 16 จะสว่างไปไหนจ๊ะ จากคุณ : doad เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 00:41:51

ความคิดเห็นที่ 17 "ใจเย็นๆ" จากคุณ : F:A:B:R:E เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 00:51:16

ความคิดเห็นที่ 18 สู้ต่อไปเป็นกำลังใจให้เสมอ จุ๊บจุ๊บ จากคุณ : raksapondet เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 00:56:42

ความคิดเห็นที่ 19 ผมว่าภาพในโหมด SR Auto นี่ใช้ได้เลยนะครับ กล้องวัดแสง แล้วเฉลี่ยค่าแสงได้ดีเลยที่เดียว (มีรายละเอียดทั้งในส่วนมืด และส่วนสว่าง) ส่วนการชดเชยแสงนั้น ถ้าส่วนมืด ส่วนสว่างต่างกันมากๆ ก็ถ่ายยากครับ โดยเฉพาะ ภาพที่คุณยกมานี่แหละ ส่วนที่ถาม ข้างบน น่าจะถูกเกือบหมด ยกเว้น ISO จะอะไร ก็เอาน้อยสุดเท่าที่ใช้ได้ ใช้ไม่ได้คืออะไร ก็คือ ถ่ายแล้วชัตเตอร์ต่ำ ภาพเบลอๆ ถ่ายแล้วมืดไป กล้องปรับไม่ไหว ค่อยเพิ่ม ISO ครับ และไม่จำเป็นต้องเพิ่มพรวดจาก 100 ไป 800 เอาแบบพอดีๆ การชดเชยแสง จะบวกเท่าไหร่ จะลบเท่าไหร่ ไม่ตายตัว ถ้ามีเวลา ก็ลองๆ ไปครับ ลองบ่อยๆ สักพักจะจำได้และเข้าใจไปเอง คือไม่จำเป็นว่า ถ้าเจอภาพที่ออกโทนดำๆ ต้องชดเชยแสง -1/3 อาจลบมากกว่านั้น ถ้ามันถ่ายออกมาแล้วออกไปทางโทนสีเทาๆ น่ะนะครับ กดแล้วดู ดูแล้วแก้ไข ก็ได้ครับ จากคุณ : นายตัวเล็กจัง เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 00:57:43

ความคิดเห็นที่ 20 สงสัยเพิ่มนิดนึงค่ะ เรื่องค่า EV - เราจะใช้ค่าลบในภาพแบบไหนคะ คิดว่าส่วนใหญ่เรามีแต่จะต้องการให้แสงในภาพเพิ่มขึ้น (+) มากกว่าหรือเปล่าคะ อย่างรูปที่ยกตัวอย่างมา   ควรปรับ ev ไปทาง + ทุกรูปใ่ช่ไหมคะ (และลด iso ให้ต่ำลงมา) ขอโทษด้วยนะคะที่ถามซอกแซก แต่ว่ายังมีจุดที่ไม่ค่อยเข้าใจจริงๆ ค่ะ ส่วนเรื่องจะบวกหรือลบเท่าไหร่นั้น จุดนี้พอเข้าใจแล้วค่ะว่ากำหนดค่าตายตัวคงไม่ได้ คงต้องลองปรับใช้จริงจนกว่าเราจะชินและรู้ใจกล้องค่ะ จากคุณ : แป้งทอด เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 01:03:35

ความคิดเห็นที่ 21 แต่ถ้าแสงโดยรวมๆ ของภาพค่อนข้างมืดๆ ควรปรับ iso สูงขึ้นไปประมาณ 800 ส่วน ev ลดลงมาหน่อยๆ เช่น -1/3 ชดเชยลบ ภาพยิ่งมืดนะครับ มันขัดกับที่ไปเพิ่ม ISO... ผมอธิบายไม่ถูก+ไม่รู้ งั้น อ่านพื้นฐานอันนี้ละกันครับ http://www.pixpros.net/forums/showthread.php?t=20109 และดูรูปนี้ต่อ จากคุณ : Johnnie Walked เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 01:04:41

ความคิดเห็นที่ 22 อธิบายต่อ (หลังจากอ่านลิงค์ที่ให้ไป) ในเรื่องที่ว่า กล้องมองเห็นทุกสีเป็นสีเทากลางนั้น เช่นถ่ายสีขาว(จริงๆ) มันจะพยายามให้เห็นเป็นสีเทา เราเลยต้องชดเชยแสงไปด้าน + (พูดง่ายๆคือ บวกคือเพิ่มแสง ลบคือลดแสง) เพื่อให้สีที่เราถ่ายเป็นสีขาวจริงๆ ส่วนสีดำก็ตรงกันข้ามครับ คือให้ชดเชยลบ จากคุณ : Johnnie Walked เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 01:11:37

ความคิดเห็นที่ 23 ผมก็ใช้อยู่นะ ดีออก ถ่ายออกมาสวยเกินราคา เนี่ย มอเตอร์โชว์ที่ไบเทคเมื่อตอนต้นปี จากคุณ : dogz9002 เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 02:59:12

ความคิดเห็นที่ 24 ใช้ SR Auto ด้วย เพราะผมถ่ายรูปไม่ค่อยเป็นส่วนใหญ่เลยถ่ายแต่ Mode นี้ จากคุณ : dogz9002 เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 03:00:18

ความคิดเห็นที่ 25 1. ตรวจดูในส่วนระบบวัดแสงของกล้องว่าตั้งอยู่ในแบบไหน ที่เหมาะสำหรับคุณควรเป็นแบบวัดแสงเฉลี่ยทั้งภาพ (multi) ถ้าตั้งอยู่ในแบบอื่นให้เปลี่ยนมาเป็นแบบที่บอก 2. ถ้าตั้งอยู่ในแบบวัดแสงเฉลี่ยทั้งภาพอยู่แล้ว แสดงว่ากล้องนี้ระบบวัดแสงอัตโนมัติทำมาได้ยังไม่ค่อยดี "หรือทำมาดีแล้วแต่ไม่เหมาะกับรูปแบบการถ่ายภาพของคุณ" ก็ให้ชดเชยแสงเพิ่มขึ้น (เรื่องชดเชยแสง หลายๆ ความเห็นได้ตอบอย่างละเอียดแล้ว) และไม่ควรเพิ่มมากไป เพราะสีสันและรายละเอียดในภาพจะหายไปเยอะ แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 53 04:36:25 จากคุณ : The Cosmos เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 03:58:55

ความคิดเห็นที่ 26 ผมว่าถ้าเอาง่าย ๆ คือ ISO ไม่ต้องไปยุ่งครับ ปรับ iso ให้เป็น Auto เอาไว้ ให้กล้องมัน set iso เอง ส่วนตัวเราเปลี่ยนแค่ ค่า EV ครับ ส่วนการเปลี่ยนค่า EV ก็ตามที่เคยอธิบายกันไว้ครับ ถ้า EV = 0 ก็แปลว่าให้ความสว่างของภาพเป็นไปตามกล้องคำนวณเอาไว้ ถ้า EV > 0 ก็แปลว่า ให้ความสว่างของภาพถ่ายสว่างกว่าที่กล้องคำนวณได้ครับ คือถ้าถ่ายรูปโดยใช้ EV = 0 แล้วรูปออกมา มืดกว่าที่เราอยากให้เป็น เราก็บอกกล้องว่า "ขอรูปสว่างกว่านี้ได้ม่ะ" เราก็ set EV ให้มากกว่า 0 ตามนี้ครับ จากคุณ : neo_nik เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 05:11:27

ความคิดเห็นที่ 27 ISO คือ ความไวแสงของกล้อง(โดยรวม) ISO ยิ่งสูง กล้องยิ่งไวแสงขึ้น แสงน้อยๆ ก็ถ่ายได้ภาพ โดยไม่ต้องพึ่งพาแฟลชหรือขาตั้ง แต่ยิ่งสูง จุดสีแปลกปลอม หรือที่เรียกกันว่า น้อยส์ (noise) ก็ยิ่งมาก กล้อง compact นี่ แค่ ISO 400 น้อยส์ก็ยกขบวนกันมาตรึมแล้วครับ คห.ส่วนใหญ่ จึงแนะนำให้ใช้ ISO 100 ถ้าตั้ง auto ไว้ .. กล้องมันจะเปลี่ยน ISO เอง แสงมากๆ มันจะใช้ 100-200, แสงน้อยๆ อาจใช้ 1,600 - 3,200 (ได้ภาพ แต่เละเทะ) ------------------------------------- ISO มันไปมีัผลกระทบต่อ ความเร็วในการเปิดหน้ากล้อง (shutter speed, speed) ISO สูง  กล้องไวแสงมาก ทำให้เปิดหน้ากล้องเร็วๆได้ ISO ต่ำ  กล้องไวแสงน้อย ทำให้ต้องเปิดหน้ากล้องนานๆ speed มันไปมีัผลกระทบต่อ ความเบลอของภาพ เพราะมือคนส่วนใหญ่ จะไม่นิ่ง ตอนที่กล้องเปิดม่าน เพื่อรับแสง มือที่ไม่นิ่ง จะทำให้แสงที่ผ่านเลนส์ ส่ายไปส่ายมา ภาพจึงออกมาเบลอ แต่ถ้าใช้ speed สูง เปิดม่านแป๊บเดียว การส่ายไปมาของแสง มันก็จะไม่มีผล เหมือนเราคว้ามือ ไปหยิบลูกบอลที่กำลังกระเด้ง ถ้ายื่นมือออกไปช้าๆ คว้าช้าๆ .. ไม่มีทางได้บอล แต่ถ้ายื่นออกไปพรึ่บ เร็วพอ ... คว้าได้ทันที! (ยังมีต่อ) แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 53 07:25:53 แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 53 07:25:21 จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 07:24:55

ความคิดเห็นที่ 28 ISO มีผลต่อ speed อย่างไร? กล้องจะวัดแสง ที่ผ่านเลนส์เข้ามา เพื่อดูว่าแสงมีปริมาณความสว่างแค่ไหน แล้วเลือกรูรับแสง กับ speed ให้เหมาะสม เหมาะสมคือ แสงที่ลงบนเซนเซอร์ พอดีๆ ไม่มากเกินที่เซนเซอร์จะรับได้ และไม่น้อยไป จนเซนเซอร์ผลิตภาพไม่ได้ แต่บางฉากที่เราจะถ่าย แสงมันสับขาหลอก อย่างเช่น มีพระอาทิตย์ส่องสว่างอยู่ข้างหลังคน ทำให้เหมือนมีแสงเข้ามาก กล้องก็จะปล่อยแสงเข้าน้อยๆ ทำให้คนหน้าดำปี๋ เพราะแสงที่สะท้อนจากหน้าคนไม่พอ หรือในทางตรงข้าม ถ่ายคอนเสิร์ต ดาราอยู่บนเวที มีไฟส่องสว่าง แต่รอบๆข้างส่วนใหญ่ มืดสนิท เหมือนมีแสงเข้าน้อย กล้องก็จะปล่อยแสงเข้ามากๆ ผลคือ ดาราหน้าขาวว่อก เพราะแสงที่สะท้อนมา มันมากเกิน การปรับ +/- ก็เพื่อแก้ไขเรื่องพวกนี้แหละ แต่กล้องสมัยใหม่ฉลาด (วิศวกรที่ออกแบบ เขาฉลาดและมีความรู้มากกว่าพวกเรา ) การปรับ +/- จึงไม่จำเป็น ยกเว้นสถานการณ์ ที่แสงมันแย่จริงๆ แย่มากๆ จนเราต้องให้ความช่วยเหลือกล้องบ้าง (กล้องที่ฉลาดจริงๆ แทบไม่ต้องการ"ความช่วยเหลือ"พวกนี้ .. แต่ .. ต้นทุนมันสูงเกิ๊น ) แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 53 07:35:20 จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 07:34:46

ความคิดเห็นที่ 29 จากกระทู้ ถามว่า จะปรับอย่างไร? เอาคร่าวๆ ว่า ถ้าแสงมาก จนมองแสงสะท้อนจากสิ่งที่จะถ่ายแล้ว เราต้องหยีตา หรือมั่นใจว่า SPF 1000 ที่โบ๊ะไว้ เอาไม่อยู่ ใช้ ISO 100 --------------- แสงเริ่มน้อยลง แต่ยังมากแบบว่า อ่านหนังสือในแสงนั้นได้สบายๆ ใช้ ISO 200 --------------- ถ้าของที่จะถ่าย ต้องใช้สมาธิเพ่งดูถึงจะเห็น ใช้ ISO 400-800 อย่าลืมนะว่า ใช้ ISO ขนาดนี้ ... น้อยส์จะเริ่มมาเยือน ราวกับสิวบนหน้า (จุดขาวๆ ประๆ ขึ้นเต็มเลย รูปไม่ค่อยชัดด้วยค่ะ .. นั่นแหละ ผลของ ISO สูงๆ) แสงขนาดนี้ อาจต้องใช้แฟลชช่วย แต่แฟลชหัวกล้อง มันส่องสว่างได้อย่างมากก็แค่ 4-5 เมตร เกินนั้น ภาพจะมืด --------------- ถ้าต้องใช้ ISO 1600-3200 ต้องทำใจเลยว่า รูปเละ มากกว่าดี --------------- จบจ้ะ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 07:41:43

ความคิดเห็นที่ 30 เกือบลืม รูปที่โพสท์ๆมา ทำไมถึงเละ??? เพราะ กล้องทุกตัว มีขีดจำกัด ** กล้องจะวัดแสง แล้วปรับ speed เพื่อให้แสงเข้าได้พอดี ** (ผมไม่ได้พูดถึงรูรับแสง เพราะ compact ส่วนใหญ่ปรับไม่ได้) speed ที่ปรับได้ มันจำกัด ถ้าเราตั้ง ISO ไว้สูงลิ่ว กล้องมันจะไวต่อแสงมาก แสงเข้ามากเกินไปหน่อย ก็ล้น (ภาษากล้องเรียกว่า ภาพ overexpose, หรือสั้นๆว่า "ภาพ over") กล้องพยายามจะลดแสงแล้ว โดยใช้ความเร็วสูงๆ แต่ถ้าถึงขีดจำกัด .. แสงมันก็"ท่วม" ขนาดปกติ .. แสงยัง"ท่วม" นี่ไปบังคับ ให้มันปล่อยแสงเข้า มากขึ้นไปอีก มันเลยกลายเป็นภาพที่เห็นใน คห.2, 4, 6 --------------------------------- สิ่งที่เกิดขึ้น ที่ผมว่ามาทั้ง 3 คห.นี้ ไม่ใช้เป็นเฉพาะ AV100 แต่เป็นกับกล้องทุกตัว ทุกยี่ห้อ ทุกรุ่น ไม่ว่าจะเป็นกล้องติดมือถือฟรีๆ หรือ กล้องราคาเรือนล้าน เพียงแต่กล้องแพงๆ หรือ ดีๆ มัน"ทน" ได้มากกว่าหน่อย อย่างเช่น ISO ที่จะทำให้น้อยส์โผล่เหมือนสิวเม็ดแรก .. เริ่มที่ ISO 800 แทนที่จะเป็น ISO 200 เหมือนกล้อง AV100 และ ISO สุดท้าย ที่ทำให้น้อยส์โผล่ชนิดสิวหนุ่ม จะอยู่ที่ ISO 8,000 หรือ แสงที่เข้ามากเกินไป จนทำให้ภาพเละ แบบ คห. 2/4/6 .. แทนที่จะเป็น +1/3 ก็เป็น +1 หรือ +1.5 (อย่างเช่นกล้องใหญ่ dSLR, โหมด raw) ฉะนั้น เปลี่ยนกล้อง ก็ไม่ช่วยอะไร (มากนัก ) จบจริงๆ เพราะเดี๋ยวต้องไปเข้า oriental ที่ s-med spa จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 07:54:06

ความคิดเห็นที่ 31 ยังไงก็ดีขึ้นบ้างแล้วนะคะ ยังรู้จักปรับตั้งค่าให้กับกล้องที่(คิดว่า)ตัวเองฉลาดแล้ว แต่จริง ๆ ไม่ฉลาดน่ะ (คนใช้ฉลาดกว่า ) ค่อย ๆ เรียนรู้ ค่อย ๆ ศึกษาไปค่ะ เอาน้องฟู ตัวนี้เป็นครูเลย เรียนรู้ที่จะใช้กล้องตัวนี้ให้เก่ง ให้คล่อง ถ่ายให้สวยงาม รับรองไปจับกล้องตัวไหน ๆ ก็ถ่ายสวยไปหมดแน่นอนอ่ะ จากคุณ : i'm not superman เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 07:57:47

ความคิดเห็นที่ 32 ผมชอบ  fuji เพราะเท่าที่เคยสัมผัสมาแทบทุกรุ่น ให้สีสันที่สดใส ในกรณีของคุณแป้ง มันคงมีการตั้งค่าอะไรที่ไม่ถูกต้อง เพราะธรรมดากล้องอย่างนี้ส่วนใหญ่ส่องแล้วกดภาพก็ออกมาส่วนใหญ่สีสวยสด สำหรับโหมด SR Auto นี้เป็นโหมดที่กล้องจะทำงานแทนเราทั้งหมด แต่ภาพที่ได้สีจะออกทึม ๆ เทา ๆ ไม่ค่อยสดใสเท่าที่ควร ทีแรกที่ผมเจอก็ตกใจพอสมควร แต่มาดูโหมด Auto เฉย ๆ ที่เป็นรูปกล้องสีแดง ๆ มันจะอยู่ติดกับ โหมด SR Auto นั่นแหละ เพราะฉะนั้นเปลี่ยนเป็นโหมด auto เสียก่อน หลังจากนั้นคุณกดคำว่า manu เพื่อเข้าไปตั้งค่าอื่น ๆ ให้เป็น auto เสียเป็นส่วนใหญ่ ตามนี้นะครับ ดูคู่มือตามไปด้วยก็ได้ กดปุ่ม manu กดปุ่มลูกศรให้ไปทางซ้ายสุด แล้วกดขึ้นด้านบน เพราะเข้าสู่การตั้งค่าการถ่ายภาพ แล้วกดไปทางขวาจะเจอสิ่งที่เราจะต้องตั้งค่าตามนี้ --ความไวแสงให้ตั้ง auto --ขนาดภาพแล้วแต่ที่เราต้องการ แต่ถ้าไม่ได้เอาภาพไปทำอะไรนอกจากดูแล้วอัดเป็นภาพ   ก็ตั้งแค่ S 3:2  ก็พอ ค่าของตัวเลข 3:2 นี้ไม่รู้ว่ามีหรือเปล่านะครับ   ถ้าไม่มีก้ไม่เป็นไร --คุณภาพของภาพ ตั้งไว้ที่ F คือ Fine จะดีกว่า --Finepic เลือกสี ถ้าต้องการสีสดก็ให้ตั้ง สีจัด                ถ้าต้องการสีธรรมดาก็ให้ตั้ง สีธรรมชาติ                ข้อนี้แนะนำให้ตั้งสีจัด ภาพจะออกมาสวยสด --โฟกัสใบหน้า  เปิด --คุณภาพของไฟล์ (อันนี้เป็นเรื่องของการถ่าย vdo ก็ให้ตั้งที่กลาง ๆ ไว้ก่อน               ไม่งั้นจะใช้พื้นที่หน่วนความจำมากเกินไป) --ความเร็ว (เป็นเรื่องของ vdo เหมือนกัน ตั้งค่ากลาง ๆ ไว้) --โหมดมูฟวี ตั้งเป็น ปกติ --ถ่ายความเร็วสูง เปิด ต่อไปมาตั้งค่าต่าง ๆ ของตัวกล้อง โดยจากจุดที่ค้างอยู่สุดท้ายเมื่อกี้นี้ กดไปทางซ้ายจนสุด กดลง เพราะเข้าสู่โหมดการตั้งค่าตัวกล้อง กดไปทางขวาจะเห็นสิ่งที่ต้องปรับตามนี้ --วันที่/เวลา ลองปรับตั้งตามใจคุณ --เวลาต่างประเทศ ลองปรับตั้งตามใจคุณ --ภาษา   ไทย --โหมด silent ปิด (อันนี้จะเปิดใช้เวลาที่อยู่ในที่ซึ่งไม่ควรใช้เสียง) --รีเซ็ต ถ้ากด ตกลง มันก็จะปรับค่าทุกอย่างที่มีใครก็ตามมายุ่งขิง       ให้เป็นค่าที่ตั้งมาจากโรงงาน (ที่จริงถ้าคุณมาที่ตรงนี้ก่อนกดตกลงไป       แล้วกลับไปใช้โหมด auto มันก็จะจบทุกอย่าง ไม่ต้องมามีปัญหามากมาย) --ที่เหลือลองปรับตั้งค่าไป ๆ มา ๆ ดูครับ  แต่มีค่าที่แนะนำให้ใช้ตามนี้ ลองกดลงเรื่อย ๆ ดูนะครับ --ลบตาแดง  เปิด --แสงหา af เปิด ลองตั้งค่าตามนี้ดูนะครับ แล้วเวลาถ่ายก็ตั้งโหมดเป็น auto (ที่เป็นรูปกล้องสีแดง ๆ) น่าจะจบนะครับ ถ้าไม่ได้ยังไงคงต้องเอากล้องไปให้ใครที่ใช้เป็นตั้งค่าดูนะครับ ยังไม่ต้องขว้างทิ้ง ถ้าจะทิ้งหลังไมค์มานะครับ หมายเหตุ ไอ้เจ้าปุ่มเลือกโหมดที่หมุนไปหมุนมาได้นี้ เวลาที่ใช้งานจริง มันอาจจะหมุนไปมาเป็นโหมดอื่น ๆ ได้ จะไปรู้ตัวอีกที่ก็กลับไปบ้านแล้ว ผมจึงขอแนะนำว่า ให้ใช้เทปกาวปิดล๊อคเอาไว้ เพื่อไม่ให้มันเปลี่ยนไปเองเวลาควักเข้าควักออกจากกระเป๋า ขอบคุณที่อ่านครับ แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 53 08:26:19 จากคุณ : venfaa เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 08:21:23

ความคิดเห็นที่ 33 เป็นความรู้ดีๆสำหรับมือใหม่ทั้งนั้น และควรอ่านทบทวนหลายรอบจะเข้าใจยิ่งขึ้นครับ  มีอีกข้อเราควรศึกษากล้องของเราด้วยว่า ควรถ่ายที่ระยะใหนถึงสวยแล้วคมชัด หรือแสงมากขนานใหนถึงถ่ายได้สีสดใส คมชัด มันคงไม่ได้ถ่ายได้ทุกสถาการณ์นะครับ กล้องมันมีข้อจำกัดอยู่ครับ  ไม่งั้นบางคนคงไม่ต้อง ยอมลงทุนซื้อกล้องคอมแพคราคาแพงๆหรอกครับ.. จากคุณ : SORN_B747 (SORN_B747) เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 08:57:12

ความคิดเห็นที่ 34 ตาม คุณ "แมวเหมียวพุงป่อง " ครับ แต่ขอเพิ่มเติมในส่วนของเรื่อง ISO นิดหนึ่ง ในกรณีที่ต้องการความเร็วชัตเตอร์สูงๆด้วย เช่น วัตถุที่จะถ่ายมีการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง เช่น การกระพือปีกของนก หรือที่ผู้ถ่ายมีการเคลื่อนที่ เช่นใช้เลนส์เทเลโฟโต้ ถ่ายวัตถุขณะที่คนถ่ายอยู่ในรถที่วิ่งเร็ว หรือสั่นสะเทือน เป็นต้น และในขณะที่มีแสงพอเพียงในการถ่าย แต่ไม่พอที่จะใช้ความเร็วชัตเตอร์สูงๆในการหยุดการเคลื่อนไหว เราจึงต้องเพิ่ม ISO ช่วย เพราะในบางโอกาส เราไม่อยากพลาด ไม่อยากให้ภาพเบลอ แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 53 11:00:57 จากคุณ : Johnnie Walked เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 10:59:35

ความคิดเห็นที่ 35 ได้ความรู้ไปเต็มๆ ครับ สรุปแล้ว รักกล้องให้มากๆ เข้าใจมันมากๆ หน่อยครับ กล้องทุกตัวให้ภาพที่ดีกับเราได้ครับ ถ้าเราให้เวลากับมัน อย่าทิ้งขว้างมันเลยครับ น่าสงสารออก กล้องตัวน้อยๆๆๆ ^ ^ จากคุณ : ถอยหลังไปข้างหน้า เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 11:00:17

ความคิดเห็นที่ 36 เข้ามาให้กำลังใจค่ะ  ^^ ถ่ายบ่อย ๆ ขยันอ่านอีกนิด  รับรอง จขกท. จะสนุกและมีความสุขกับการถ่ายรูปแน่นอนค่ะ จากคุณ : mom_nongda เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 17:26:11

ความคิดเห็นที่ 37 กล้องไม่ใช่แค่ซื้อมาแล้วกด จากคุณ : AprilSnow เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 53 00:38:02

ความคิดเห็นที่ 38 รุ้สึกคุณแป้งทอดจะมีแฟนclub กระทู้ แล้วนะครับ มา post ทีไร คนตามมาตอบกันเพียบ จากคุณ : neo_nik เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 53 03:05:06

ความคิดเห็นที่ 39 ไม่มีอะไรหรอก กลัวว่าจะขว้างทิ้งไปที่อื่นน่ะครับ แถมนิดนึง ไม่ทราบคุณแป้งใช้คอม notebook หรือไม่ครับ ถ้าใช้ กรุณาตรวจสอบมุมมอง ที่มองหน้าจอด้วย เพราะว่าถ้าเป็นคอม notebook องศาการมองของเราจะมีผลต่อสีของภาพ เพราะจอภาพจะสามารถแสดงผลได้ครบถ้วนในบางมุมเท่านั้น อาจจะดูมืดหรือสว่างไปถ้ามองมุมไม่ถูกต้อง ยังไงอย่าลืมปรับองศาการมองให้ถูกต้องด้วยนะครับ แก้ไขเมื่อ 05 ก.ย. 53 08:11:13 จากคุณ : venfaa เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 53 08:00:18

ความคิดเห็นที่ 40 ผมเกือบจะไม่เคยใช้การเพิ่มลด EV กับกล้องดิจิตอลตอนที่ห้อยคอออกไปถ่ายภายนอกเลยครับ ผมใช้วิธีวัดแสงเพิ่มลดโดยส่ายหน้ากล้องแล้วกดล็อกความสว่างที่ถูกใจแล้วเลื่อนเฟรมจัดคอมโพสแล้วกดชัตเตอร์ กล้องบางตัวผมไม่เคยปรับ +- EV เลยสักครั้งตลอดอายุกล้องก็ยังมี ผมใช้การเพิ่มลด EV ต่อเมื่อ - ผมจัดแสงแล้วชอบเงาพอใจชัดลึก แต่แสงหน้าวัตถุมันไม่ใช่ผมถึงจะใช้การเพิ่มลด EV - ฟิล์มโพลาลอยด์มันหายากกล้องดิจิตอลมันแทนได้ดีกว่า ปรับ EV แล้วก็เอาตัวเลขมาปรับกล้องฟิล์มอีกที - วัดแสงมันไม่ได้อย่างใจ กล้องอยู่บนขาตั้งส่ายช่วยไม่ได้เหมือนถือด้วยมือออกไปถ่ายแบบสนุกๆส่วนตัวก็ต้องปรับ EV แทน ยิงดิจิตอลบวกลบสามรูปแล้วค่อยยิงฟิล์ม -กล้องตัวใหม่ที่ผมใช้แทนอีปู่ตัวเก่ามันถ่ายสามรูปอัตโนมัติในชัตเตอร์เดียว คือ +EV normal - EV  ผมใช้ตอนไม่แน่ใจว่าตาผมเพี้ยนหรือเปล่าก็ให้มันบวกลบให้เลยอีกสองรูปแล้วค่อยมาเลือกทีหลัง จากคุณ : คนธนฯ เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 02:54:43

ความคิดเห็นที่ 41 ไม่แน่ใจว่ามีคนตอบคำถามเรื่องสถานการณ์ที่ใช้ EV- หรือยังนะคะ ขอตอบให้แล้วกัน แต่ถ้ามีคนตอบแล้วก็ขออภัย คือปกติจขกท.จะมีปัญหาว่าฟ้าสว่างแต่ถ่ายออกมาแล้วมืดใช่ไหมคะ นั่นก็คือตอนที่จะต้องใช้ EV + แต่ในทางกลับกัน เวลาที่อยากจะถ่ายรูปตอนโพล้เพล้ รูปกลางคืนที่แสงไฟโรแมนติก หรือในร้านอาหารสลัวๆ กล้องมันก็จะปรับรูปให้สว่างเท่าค่ากลาง จึงทำให้รูปที่ออกมาสว่าง พูดเว่อร์ๆก็คือ ถ่ายโพล้เพล้อาจจะไปดูสว่างคล้ายตอนสี่โมงเย็น ซึ่งบางคนอาจจะแฮปปี้ว่ากล้องเขานั้นดีจัง แสงน้อยๆยังถ่ายได้สว่าง แต่บางคน (เช่นเรา) ก็จะไม่ชอบ เพราะไม่ได้บรรยากาศที่ตั้งใจไว้ ก็ใช้เจ้า EV - เนี่ยแหละค่ะ ปรับให้รูปมันมืดลงให้เท่ากับที่ตาเห็น เราชอบปรับ EV - ในอีกสถานการณ์นึงคือ เมื่ออยู่ที่มืดและกล้องต้องการจะถ่ายให้ได้รูปที่สว่าง หนึ่งในสิ่งที่มันถูกสอนมาให้ทำก็คือการเปิดชัตเตอร์ให้นานขึ้น เพื่อให้แสงเข้าได้มากขึ้น ซึ่งก็จะทำให้รูปมันเบลอ จากการเคลื่อนไหวมือเรา หรือตัวแบบเราเคลื่อนไหว ถ้าเราปรับให้ EV - แปลว่าเราต้องการให้ภาพของเราสว่างน้อยลง กล้องมันก็ปรับให้ความเร็วชัตเตอร์มากขึ้น (แสงเข้าได้น้อยลง) จึงทำให้ภาพที่ออกมา เบลอน้อยกว่าที่ EV 0 จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 23:38:16

ความคิดเห็นที่ 42 เห็นแล้วนึกถึงตอนที่พึ่งใช้กล้องแรกๆ ที่ผมจะตั้ง ISO ให้สูงที่สุด เพราะคิดว่ายิ่ง ISO สูงๆ จะยิ่งให้ภาพที่มีัคุณภาพที่ดี (ก็เห็นกล้องแต่ละตัวชอบอวดว่ามี ISO สูงๆ นิ) ประกอบกับคิดว่า ISO เป็นตัวรับรองคุณภาพ ประมาณว่า ISO 9001 เป็นต้น จากคุณ : CySpk เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 15:05:26