ความคิดเห็นที่ 1 ศึกษาระบบและเรียนรู้การถ่ายได้ดีครับ จากคุณ : reni เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 16:06:03

ความคิดเห็นที่ 2 ปรับเอง เราว่า เรียนรู้ได้เร็วดีนะ ลองผิดลองถูก ภาพเบลอมั่ง ขาวมั่ง ดำมั่ง มันส์ดีอ่ะ +เข้าใจกล้องมากขึ้น (แต่เข้าใจในทางที่ถูกมั้ย อีกเรื่อง) จากคุณ : แมวสีขาวขนปุย เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 16:11:57

ความคิดเห็นที่ 3 บางทีคนเรา มันก็อยากได้ภาพ อันเดอร์ โอเวอร์ เบลอๆ นิ  ก็ใช้โหมด m ไป มันไม่ได้อยู่ที่ความเท่ ตูแน่ หรือเก่งอะไรหรอก ที่เห็นคนใช้โหมด m จากคุณ : araregodji เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 16:19:44

ความคิดเห็นที่ 4   สงสัยเหมือนกัน สุดท้ายก็ต้องปรับตามที่วัดแสงได้ ก็ให้กล้องมันปรับให้เลยไม่ง่ายกว่าเหรอ ยิ่งพวกคอมแพคด้วย ปรับยังไงมันก็ยังชัดลึกตลอดภาพ โหมดต่างๆก็มีให้ ปรับตามรูปเลย พวกกล้องใหญ่ใช้โหมด'P' มันก็สามารถปรับ'Ps' จะขยับหน้ากล้องหรือชัตเตอร์ตามเราได้อยู่แล้ว ทำไม่ต้องทำให้ยุ่งยากด้วย จากคุณ : mon เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 16:20:52 A:125.27.227.100 X: TicketID:111025

ความคิดเห็นที่ 5 แรกๆก็ใช้ยากขึ้น ต้องเรียนรู้กับมันมากขึ้น ต้องศึกษาความสัมพันธ์ของปัจจัยต่างๆ Speed Shutter รูรับแสง iso ตลอดไปยัน Dept แต่พอเข้าใจมันมากขึ้นแล้ว ก็สบายขึ้น ได้รูปในแบบที่เราต้องการมากขึ้น แต่ก็ต้องเสียเวลาปรับก่อนยิง มากกว่าใช้ Av หรือ Tv ส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบ โหมด Av เท่าไหร่ เพราะมันต้องกด* เพื่อล๊อคแสง เสียเวลามากมาย จากคุณ : BommasteR เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 16:21:20

ความคิดเห็นที่ 6 โหมด M = more paratice ครับ คือถ้าอยาก จะเข้าใจ หรืออยากจะศึกษา ค่าความสัมพันธ์ ISO, F, Speed shutter โหมด เอ็ม จะทำให้เราเข้าใจความสัมพันธ์ ของค่าพวกนี้ ได้ดี กว่าโหมดอื่นๆ อีกประการหนึ่ง โหมดเอ็ม เราจะเป็นคนกำหนด ค่าต่างๆ เอง ว่าอยากจะให้ แสง - สี ในภาพ ออกมาในแนวไหน โทนไหน จากคุณ : น้าลีโอ เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 16:27:26

ความคิดเห็นที่ 7   โหมดกึ่งอัตโนมัติ เช่น A S P ในบางสถานการณ์และบางครั้ง(หลายครั้งเลยแหละ) ไม่ฉลาดพอที่คำนวณ รูรับแสง หรือ shutter speed แล้วถ่ายภาพออกมาได้เหมือนกับสิ่งที่เราเห็น หรือถ่ายภาพออกมาได้ตามที่เราต้องการครับ เช่นผมเล็งกล้อง ถ่ายไปที่ ไฟดิสโก้ ในห้องมืดๆ โดยใช้โหมด S ต้องการให้ภาพที่ได้ออกมาสว่าง ซึ่งเราจะปรับได้แค่ shutter speed ผมก็เลยปรับ S ไว้ที่ 1/3 (กะว่าให้เปิดชัตเตอร์นานหน่อยๆ แสงจะได้เข้าเยอะๆ ภาพจะได้สว่าง แต่มากกว่านี้ไม่ไหว มือนิ่งไม่พอ เช่น S ที่ 1'' 2'' 3'' เป็นต้น) แต่กล้องคำนวณรูรับแสงไว้ที่ 5.6 ซึ่งเมื่อถ่ายออกมาแล้ว สว่างจ้ามากๆๆเลย มองไม่เห็นรายละเอียด ยังไงกล้องก็คำนวณ F ไว้ที่ 5.6 ตลอด ดังนั้นผมเลยเปลี่ยนไปใช้โหมด M โดยปรับ shutter speed ไว้ที่ 3 และปรับ รูรับแสงไว้ที่ 22 (ภาพจะได้มืด และเก็บรายละเอียดแสงไฟ เป็นแฉกได้ด้วย) ซะเลย ผลที่ได้คือได้ภาพตามที่ผมต้องการครับ นี่คือข้อดีของโหมด M สำหรับผม แก้ไขเมื่อ 11 ก.ย. 53 16:32:34 จากคุณ : CaloriesBOYd เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 16:28:17

ความคิดเห็นที่ 8 บางที่ใช้ Av คุมรูรับแสงแล้ว Speed ที่ถ่ายมา ช้าโคตรร รูปออกมาแล้วเบลอ บางครั้งก็ Fail ซึ่งช็อตนั้น ถ่ายแล้ว กลับไปแก้ไม่ได้อีก โหมด Tv เมื่อคุม Speed ได้แล้ว แต่บางภาพอยากได้ชัดตื้นอะ ขณะที่มีความเคลื่อนไหว โดยไม่ต้องแพนกล้องอะ มันก็ทำไม่ได้ โหมด P สุดๆของความไม่ตรงใจเลยครับ เอาใจของกล้องว่ามันต้องถ่ายแบบนี้ๆ เพื่อให้ได้รูป แต่ไม่สนใจว่ารูปที่ออกมาเป็นยังไง รูปเบลอเพราะสปีดไม่พอ? ไม่ได้ชัดลึกเพราะแสงไม่พอเป็นต้น สุดท้ายแล้ว ปรับเองทั้งหมดซะเลย สบายใจเฉิบ เพราะเรารู้ว่า เราอยากถ่ายที่ Speed เท่าไหร่ F ที่เท่าไหร่เอาชัดตื้นไหม พอปรับตามนี้แล้ว ดูสเกลว่าอันเดอร์หรือเปล่า ถ้ามันมากไปก็ไปดันที่ ISO ซะ  เลยคิดว่ามันน่าจะง่ายดีครับ ได้ศึกษาไปในตัวด้วยเลย แต่ทั้งนี้ ก็แลกกับเวลาที่ต้องศึกษามันหน่อยนะ จากคุณ : BommasteR เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 16:29:17

ความคิดเห็นที่ 9 โหมด M มันดีตรงที่ มันตามใจเรางัยครับ เพราะโหมดออโต้ แบบอื่นๆ มันไม่ได้รู้ใจเราเสียหมดนะครับ มันทำตามใจมัน ที่มันคิดว่าเหมาะ แต่อาจไม่ถูกใจเราก็ได้ เช่นถ้าเราต้องการเงามืด กล้องมันดันบอกว่า มืดไป แสงไม่พอ มันก็ไม่ยอมให้เรากดชัตเตอร์ อย่างนี้ล่ะครับ จากคุณ : E22QV เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 16:39:36

ความคิดเห็นที่ 10 คนหรือกล้องมันฉลาดกว่ากัน บางทีกล้องเจอแสงหลอก ถ่ายย้อนแสงออกมาหน้ามืด โหมดอื่นก็ต้องมาชดเชยแสงอีก ซึ่งโหมด m ไม่ต้องอยากให้ภาพมืดสว่างก็ปรับ speed เอาเลย ไม่ต้องมากด ev แล้วมาเปลี่ยนกลับหรือลืมเปลี่ยนอีก การใช่โหมด m มันเลือกปรับรูรับแสงได้ เราคุมความชัดลึกได้ โหมด a ก็ได้ บางทีแสงมันหลอกอย่างที่บอกข้างต้น จากคุณ : AprilSnow เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 16:47:22

ความคิดเห็นที่ 11 มือใหม่เหมือนกัน แต่ชอบโหมด M สุด ไม่ค่อยได้ใช้โหมดอื่นถ่ายเลยค่ะ ยากแต่ได้ดั่งใจค่ะ แก้ไขเมื่อ 11 ก.ย. 53 16:51:16 จากคุณ : LoveError เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 16:50:27

ความคิดเห็นที่ 12 เสียดายจัง เสียดายตังค์ มันดีทุกโหมดแหละถ้าเข้าใจมัน รู้วิธีใช้มัน กล้องคอมแพคยังมีคนสามารถใช้มันได้ดีเลยเพราะผู้ใช้รู้จักใช้ ผมว่าทู้นี้เดี๋ยวก็ได้กินมาม่ากันอีกซอง.... จากคุณ : ลุงเปี๊ยก (kajohnwit) เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 16:57:05

ความคิดเห็นที่ 13   ไม่รู้อ่ะ แต่ใช้แสง ความสว่างของภาพมันไม่ดิ้นแค่นั้น เวลาที่ถ่ายต่อเนื่อง หรือ ระยะเวลาสั้นๆ ก็ไม่ดิ้น จากคุณ : dji_2000 (dji_2000) เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 17:00:52

ความคิดเห็นที่ 14 ดีตรงค่า Combination มันไม่ดิ้นไปดิ้นมาไงครับ สามารถ Preset ค่าไว้ล่วงหน้าได้ ถ้ารู้สภาพแสง แต่ก็ไม่ได้จำเป็นต้องยึดติดกับ M กล้องมีหลายโหมดก็ใช้ไปตามสถานการณ์ แต่ละโหมดเหมาะกับแต่ละสถานการณ์ต่างกันไป คุณภาพไม่ได้ดีกว่าโหมดอื่นครับ ที่จริงคือตรงกันข้าม การเปิดรับแสงแสงโหมด M จะแบ่งเป็นขั้นละ 1/3 หรือ 1/2 สต็อป ละเอียดสู้โหมดอัตโนมัติที่ไม่แบ่งขั้นไม่ได้ เวลาวัดแสงไม่ต้องเทียบกับ P ครับ ดูสเกลวัดแสงแล้วปรับเลย จะให้พอดี อันเดอร์ โอเวอร์ก็เลือกปรับเอาดูจากสเกลวัดแสง จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 17:02:08

ความคิดเห็นที่ 15   ผมก่อนก็เล่นคอมแพ็คหนุกหนานไปครับ มาถ่ายกับกล้องใหญ่มันก็แปลกๆนะครับ แต่ไม่รู้เหมือนกัน ปรับไปปรับมาไอ้โหมดๆอื่นๆนอกจากโหมด M อ่ะ ยิ่งปรับยิ่งมึนครับ สุดท้าย ผมว่า โหมด M มันตามใจคุณ เหมือนที่คุณอยากให้เป็นอ่ะครับ จากคุณ : BlackTakoo (อยากกลับป่ายาง) เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 17:05:24

ความคิดเห็นที่ 16   ไม่ใช่ครับ โหมดอื่นมันก็ตามใจเช่นกัน เพียงแต่โหมดอื่นวัดความแสงมันเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้ แต่โหมดM ล็อคให้คงที่ โหมด M ล๊อคให้คงที่ ทำให้การถ่ายภาพต่อเนื่อง ได้แสงที่คงที่ ความสว่างภาพคงที่   แก้ไขเมื่อ 11 ก.ย. 53 17:15:11 จากคุณ : dji_2000 (dji_2000) เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 17:13:01

ความคิดเห็นที่ 17 มันยืดหยุ่นกว่าโหมดอื่น ไม่ใช่ว่าโหมดอื่นไม่ดี มันดีหมดแหละครับมันอยู่ที่คนหลังกล้องมากกว่าว่าถนัดโหมดไหน จากคุณ : mao_narak เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 17:33:17

ความคิดเห็นที่ 18 ตอนผมหัดถ่ายภาพใหม่ๆก็ใช้ M ครับ หลังจากนั้น20ปีผ่านไป ใช้Aมาตลอดครับ เวิร์คกว่า "ฟันเฟิร์ม" จากคุณ : 9george (ge-or-ge) เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 17:33:32

ความคิดเห็นที่ 19 ตั้งแต่ซื้อกล้องมา ถ่าย M มากกว่า 95% ครับ ข้อดีของมันคือ ง่าย สุด ๆ ครับ วัดแสงไม่กี่หน อาจจะวัดตอนสว่าง ตอนปรกติ ตอนมืด แล้วจำไว้ ไม่ต้องไปสนใจว่าถ่ายของสีดำ ต้องชดเชยแสงอะไร ถ่ายของสีขาวต้องชดเชยแสงอะไร ถ่ายของแสง เงาเยอะ ๆ ต้องชดเชยอะไร ใช้ค่าที่วัดไว้ก่อนถ่ายยาว ถ่ายเสร็จ เวลามาแก้ความสว่างหรือ WB ใน DPP ใ้ช้ select all แล้วปรับทีเดียว ได้เหมือนกันหมด ทั้งเซ็ต จบ จากคุณ : SRJ เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 17:55:39

ความคิดเห็นที่ 20 อะไรที่ตามใจเรา.. ดีกว่าอะไรที่ขัดใจเรา.. แต่บางครั้ง.. ขัดใจเราบ้างก็ดีครับ.. ^^ จากคุณ : bwong.123 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 17:56:08

ความคิดเห็นที่ 21 โหมด m ไว้เรียนรู้ ....... โหมดอื่น ...... สำหรับคนเก่งๆ แล้วครับ  เวลาใช้โหมดออโต้ สิ่งที่ทำได้คือการชดเชยแสง แต่สิ่งที่ต้องรู้ คือ เราวัดแสงถูกต้องมั๊ย รู้สภาพแสงมากหรือเปล่า และ เรารู้ว่ากล้องเราวัดแสงผิดพลาดแค่ไหน ว่าง่ายๆ โหมดออโต้อื่นๆ จะทำให้ได้ภาพสวยๆ คนใช้ก็ต้องวัดแสงเก่งและรู้จักกล้องดีพอตัวละครับ จากคุณ : reni เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 17:58:48

ความคิดเห็นที่ 22 อะไรที่ได้มายาก ๆ มันมีค่า              จริงไหมล่ะ จากคุณ : เดินไปส่องไป เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 18:12:41

ความคิดเห็นที่ 23 ส่วนใหญ่กล้องมันจะคำนวนค่าต่าง ๆ ให้ภาพออกมาสว่างพอดีอยู่เสมอ ถ้าเราไม่แม่นในการวัดแสงเพื่อให้ได้ภาพที่แสงเป็นไปตามที่เราต้องการ เพราะบางครั้งดูไม่ออกเหมือนกันว่าจะเอาจุดไหนเป็นจุดที่อ้างอิงของแสง ก็เลยไปใช้โหมด  m  เสียเลย ถ่ายไปดูไปปรับไปให้ได้ภาพที่เราต้องการ แต่ถ้าชำนาญมาก ๆ สามารถกำหนดจุดวัดแสงได้แม่นยำ ตั้ง wb  ได้แม่นยำ บวกลบค่าแสงได้แม่นยำ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้โหมด m   ซึ่งมีข้อดีคือว่ากล้องมันจะช่วยคำนวนค่าที่ดีที่สุดให้ด้วย ไม่ต้องมาทดลองเอง หมายเหตุ ต้องมีประสบการณ์มากแม่นยำในค่าต้่าง ๆ มากจริง ๆ เรื่องนี้ฟันเฟิร์ม ตามความเห็นที่ 18 จากคุณ : venfaa เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 18:21:53

ความคิดเห็นที่ 24 เค้าต้องการให้สภาพแสงเท่ากันทุกภาพไงครับ จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 18:26:19

ความคิดเห็นที่ 25 ผมก็ใช้โหมดนี้บ่อยเนื่องด้วย โหมดอื่นมันไม่ค่อยได้ดั่งใจ ถ้าเวลามีน้อย ก็กลับไปใช้กึ่งออโต้ เหมือนเดิม จากคุณ : TriNergy เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 18:44:37

ความคิดเห็นที่ 26 กล้อง SLR สมัยก่อน ระบบวัดแสงส่วนใหญ่มีระบบเดียวคือหนักกลาง ใช้โหมด M ก็วัดแสงง่าย เพราะมีเข็ม , สเกล หรือไฟบอกไว้ (แบบข้างล่าง) เห็นกันชัดเจนในช่องมอง + O - จะให้ Over นิด ก็ให้ + ไว้ จะให้ Under นิด ก็ให้ - ไว้ แสงพอดีก็ให้อยู่ที่  O พอมาเป็น DSLR สัญลักษณ์ต่าง ๆ เต็มไปหมด หาก จขกท. งง กับ M วัดแสงแล้วไม่ถูกใจ แนะนำให้ลองใช้โหมด A ตั้งค่ารูรับแสงตามถนัด วัดแสงและปรับความเร็วชัตเตอร์ แล้วชดเชยแสงเอาตามชอบ แล้วเทียบดูนะครับ ตั้งโหมดไหนถึงเหมาะกับ จขกท. แก้ไขเมื่อ 11 ก.ย. 53 19:20:58 จากคุณ : Heron เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 19:17:40

ความคิดเห็นที่ 27 มันก็ไม่ได้ต่างกับโหมดอื่นนะผมว่า เพียงแต่ว่าเราต้องปรับเองก็เท่านั้น ใช้โหมด อื่นก็ต้องวัดแสงเหมือนกัน แถมบางทีไม่ได้ล็อคแสงไว้ก็ต้องมาวัดใหม่อีกต่างหาก จากคุณ : พ่อหนุ่มบางบอน เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 19:49:45

ความคิดเห็นที่ 28 แรกๆ ก็ถ่ายแต่หมวด M ...  ข้อดีคือทำให้เราต้องเรียนรู้มากขี้นเกี่ยวกับตัวกล้อง เช่น iso,ความเร็วซัตเตอร์,ค่า F  แต่ปัจจุบันใช้หมวด A เป็นส่วนใหญ่... ครับ จากคุณ : jarungkit เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 19:54:18

ความคิดเห็นที่ 29 ยืดหยุ่นกว่าโหมดอื่นนะครับ ให้ได้คิดตลอดเวลา หนุกดี หะหะ จากคุณ : ยุ่งจิง เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 20:13:16

ความคิดเห็นที่ 30   เพราะบางที โหมดออโต้ หรือ กึ่งออโต้ มันไมได้ดั่งใจเหมือนโหมด M ครับ ถ้าสภาพแสงไม่เปลี่ยนแปลงมาก วัดแสงครั้งเดียวกดได้เรื่อยๆ ไม่ต้องไปล๊อกแสงตรงนู่นนี่นั่นครับ แต่ถนัดโหมดไหนก็ใช้เลยคับ สุดท้ายก็ได้ภาพเหมือนกันครับ จากคุณ : สิ่งใดๆในโลก เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 20:13:32

ความคิดเห็นที่ 31 เพราะส่วนใหญ่ผมใช้ shutter B ถ่ายบ่อยๆ เลยต้องใช้ M ครับ โหมดอื่นมันไม่มี shutter b ให้ใช้ จากคุณ : Son&Ning เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 20:22:16

ความคิดเห็นที่ 32 พวกที่บอกว่าต้องใช้ M เท่านั้น  ... นี่มันไม่รู้อะไรเลย พวกที่บอกว่า ใช้ M ทำไม ยากชิบ ... นี่ก็ไม่รู้อะไรเหมือนกัน จากคุณ : DoraeMew เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 20:29:39

ความคิดเห็นที่ 33 ผมไม่ใช้หรอก ยกเว้นสถานการณ์พิเศษ  เช่น  ปรับชดเชยแสงมากๆไม่ได้(กล้องไม่ยอม)  อย่างตอนใช้ฟิลเตอร NIR นอกนั้น A ตลอด จากคุณ : ข้าวเหนียวไก่ทอด เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 20:45:30

ความคิดเห็นที่ 34 ถ่ายภาพต้องแข่งกับเวลา หัดใช้เวลาเซ็ตกล้องให้เร็วที่สุด เลือกโหมดให้ถูก คุมเฉพาะตัวที่สำคัญกับภาพตอนนั้น ได้ภาพเหมือนกันแต่มีเวลา compose มากกว่าได้เปรียบครับ สำหรับผม ใช้ M ตอนใช้Flash เต็มๆครับ จากคุณ : luke_s เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 20:59:56

ความคิดเห็นที่ 35 สําหรับผมก็ใช้บ่อยนะครับ เพราะ ค่าแสงมันถูกตั้งไว้ คงที่อยู่แล้วไม่เปลี่ยน สําหรับงาน ๆ หนึ่งเมื่อเราได้ดูรูปที่แสงโอเคแล้ว ก้อใช้ค่านั้นไป เรื่อย ๆ เลยครับ ผมว่าสะดวกดีครับ Av,Tv จะวัดแสงแล้วต้องล๊อคค่าแสงที่วัดน่ะครับ ไม่งั้นเปลี่ยน ไปตลอด ปล. ผมหัด M ก่อน Av , Tv ครับ สะดวกจริง ๆมันส์มากครับ จากคุณ : panuruj เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 21:22:08

ความคิดเห็นที่ 36 ปรับตามที่ใจเราต้องการให้เป็น (สำหรับผมนะ) จากคุณ : น้ำเชี่ยวตะวัน เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 21:29:18

ความคิดเห็นที่ 37 ใช้หมดทุกโหมดแล้วแต่สถานการณ์ครับ แต่ 90% ที่ได้จากกล้องผมเป็น AV จากนั้นรองมาก็ M ที่จะใช้ M บ่อยก็จะใช้ตอนแยกแฟลชครับ เมื่อได้ความชัดลึกและความสว่างของ แสง Ambient ที่น่าพอใจแล้ว ผมก็ปรับโหมด M ค้างไว้เลยครับ แล้วก็ปรับความแรงแฟลชเอาให้ไปลงที่ Subject แล้วก็กดชัตเตอร์ จากคุณ : ริมธารา เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 21:30:33

ความคิดเห็นที่ 38 สลับกันไป แล้วแต่สถานการณ์ จากคุณ : สะบายดีบางกอก เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 21:44:40

ความคิดเห็นที่ 39 ผมว่าขึ้นอยู่กับสถานการณ์ตอนนั้นๆ ครับ ถ้ามีเวลามากพอ พิถีพิถันหน่อยก็ โหมด M แต่ถ้าเร่งรีบ เดี๋ยวจะถ่ายไม่ทัน ก็ Tv หรือ Av จากคุณ : tewin เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 21:48:04

ความคิดเห็นที่ 40 ขอบคุณน้าๆทุกท่านเลยครับที่ช่วยตอบในกระทู้ เป็นคำตอบหรือความคิดเห็นที่มีประโยชน์มากเลยสำหรับมือใหม่อย่างกระผม ขอบคุณอีกครั้งครับ จากคุณ : คิดตี้ (kisspra) เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 22:23:28

ความคิดเห็นที่ 41 ถ้ารีบๆ ก็ใช้ m = แบบรูดปรื๊ดๆๆๆๆๆ กะแสงเอา ถ้าพิถีพิถันหน่อยก็ a = ล๊อคค่าแสง + ชดเชย แม่นๆ ตูมเดียว ถ้าโหมด auto มันได้ดั่งใจ ก็อยากใช้โหมดนี้อย่างเดียว ขี้เกียจเสียเวลา จากคุณ : bedub เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 22:25:51

ความคิดเห็นที่ 42   rep#32 โดนมากครับ จากคุณ : naung เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 22:55:07 A:180.183.163.197 X: TicketID:159472

ความคิดเห็นที่ 43 ใช้อะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละครับ...... P,Av,TV,M สุดท้ายก็ไม่มีคนสนใจหรอก......รูปสวยรูปดี รูปถูกใจพอหล่ะ.... ทำไมถึงใช้M ผมใช้เวลา ถ่ายที่แสงนิ่งๆ,แสงยากๆ,macro, อยากใช้....ประมาณนี้ 55+ หลักๆก็ Av Tvเวลาต้องการ Stop action ส่วน P คือ set เป็น default...เพื่อฉุกเฉิน จากคุณ : WaZK เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 23:14:36

ความคิดเห็นที่ 44 เพื่อน ๆ ใช้โหมดวัดแสงแบบไหนกันครับ เฉลี่ยทั้งภาพ หนักกลาง หรือว่า spot จากคุณ : venfaa เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 23:29:08

ความคิดเห็นที่ 45 - ตั้งกระทู้ได้ดีมาก ๆ ครับ - หลายท่านตอบได้ถูกต้องแล้วครับ - โหมด M นั้นแค่เราบังคับ ขนาดหน้ากล้องและความเร็วชัตเตอร์ได้เท่านั้นเอง  ไม่รวดเร็วเหมือนโหมดอื่น ๆ - ส่วนที่จะไปบังคับเพื่ออะไรอันนั้นต้องแล้วแต่กรณีไป ต้องไปศึกษาว่าค่า f และความเร็วชัตเตอร์ว่าให้ผลของภาพออกมาเป็นอย่างไร - เช่นพระอาทิตย์เที่ยงวัน ถ่ายออกมาแล้วให้กลางเป็นพระจันทร์เที่ยงคืนได้  โหมด M จะตอบโจทย์นี้ได้ครับ จากคุณ : c136 (c136) เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 53 00:48:11

ความคิดเห็นที่ 46   คือ ตอนที่แกะกล้องออกมาจากกล่อง มันก็ค้างที่โหมด M นี้อยู่แล้ว ก็เลยฝึกใช้ๆ มันให้พังเป็นโหมดๆ T T จากคุณ : FindSomeOneToLoveMe เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 53 02:55:55

ความคิดเห็นที่ 47 ชอบค่ะ มันเลือกปรับได้หลายอย่างมาก (แต่จริง ๆ แล้วใช้โหมดอื่นไม่เป็นนั่นเอง 5555+) T_T จากคุณ : i'm not superman เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 53 08:00:50

ความคิดเห็นที่ 48 สามกีบ จัดไปครัฟ จากคุณ : หน้าแง๊ว~* เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 53 20:38:06

ความคิดเห็นที่ 49 ใช้ M ในกรณีที่ อยากได้ภาพที่มันสวนทางกับความเข้าใจของกล้องครับ จากคุณ : ฟรีค่าแรงตลอด5หมื่นโล เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 10:21:50

ความคิดเห็นที่ 50 ตอนหัดก็ใช้ m ค่ะ พอใช้คล่องแล้วใช้ a แล้วชดเชยแสงเอาเป็นส่วนมากค่ะ และดูสภาพแสงเป็นหลักด้วยค่ะ อ้อ...ถ้าใช้ร่วมกับแฟลชจะใช้ m ค่ะ จากคุณ : sunsmile_a เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 13:12:33

ความคิดเห็นที่ 51 ถ้าเลือกได้อยากจะใช้ระบบที่รวดเร็ว  เพราะได้ค่าแสงมาเหมือนกันตราบใดที่เลือกระบบวัดแสงเหมือนกัน ไม่ได้ตั้งใจอยากใช้  Manaul  แต่ว่า...... จากคุณ : NAF เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 23:22:35

ความคิดเห็นที่ 52   เพราะว่า โหมดอื่นๆ ของกล้อง มันมัก "อวดฉลาด" ในสถาณการณ์ที่มีความซับซ้อน เช่น เวลาคุณถ่ายรูปคนกลางคืน ใช้ขาตั้งกล้องไม่ได้ ใช้โหมด P มันก็บอกว่าแสง น้อยไป ปรับค่าชัตเตอร์มาให้ ตั้ง 5 วิ ถ่ายออกมา สว่างโร่ไปหมด แต่เบลอ แต่เราอยากได้ แค่ตัวแบบสว่างพอดี ด้านหลังมืดหน่อยก็ไม่เป็นไร มันก็จัดให้ เราไม่ได้ ทางเดียวที่ทำได้คือให้โหมด M ปรับความเร็วชัตเตอร์ให้เร็วที่สุดเท่าที่เราจะถือ ถ่ายได้ เปิดรูรับแสงกว้างสุดเพื่อให้ ฉากหลังพอมีแสงรำไร เปิดแฟลชโหมด TTL เพื่อส่องสว่าง ตัวแบบให้ได้แสงพอดี ถ้ายังไม่ลงตัวพอดี ก็ปรับรูรับแสง และความเร็วชัตเตอร์ช่วยอีกเล็กน้อย ถ้าเปิดแฟลชถ่ายในโหมด อื่นๆ ผลที่ได้ก็จะมี 2 แบบ คือ 1. ตัวแบบสว่างพอดี แต่ฉากหลัง มืดสนิท 2. ภาพสว่างทั้งภาพ แต่เบลอเพราะ ความเร็วชัตเตอร์ต่ำ ยกตัวอย่างอย่างนี้คงพอเห็นภาพนะครับ แก้ไขเมื่อ 17 ก.ย. 53 13:20:41 จากคุณ : Beastie_Thai เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 13:11:23