ความคิดเห็นที่ 1 "วิสัยทัศน์ของพวกท่าน อนาคตของเรา" สโลแกนของโอลิมปัส แฝงคำขอบคุณไว้เหมือน ศิลปินที่ไม่ขายวิญญาณให้ใคร โอลิมปัสรักพวกเรามากกว่ายี่ห้ออื่น ในแบบ งานศิลปะ ตรงที่ ยี่ห้ออื่นทำให้พวกเราพอใจ แต่ เราชอบในตัวโอลิมปัส เหมือนกับที่ผมชอบลงท้ายใต้กระทู้แสดงภาพของผม ว่า "ผมรักท่านผู้ชมของผม เพราะว่า ผู้ชมเป็นผู้เลือกผม ไม่ใช่ ผมเลือกผู้ชม" ก็เลยเป็นศิลปินไส้แห้ง... แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 53 23:44:42 แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 53 23:32:25 จากคุณ : LIVE 4 LIVE เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 23:24:14

ความคิดเห็นที่ 2 เป็นเพราะแก็สโซฮอลครับ แป่ววววววว อ่ะ ล้อเล่นครับ ที่คิดว่าเป็นข้อด้อยของกล้อง DSLR Olympus ก็น่าจะเป็นที่ 1. คุณภาพภาพ เนื่องด้วยเซ็นเซอร์เล็กกว่า เลยทำให้ด้อยกว่าชาวบ้านในเรื่อง Noise reduction, Dynamic Range แต่ของแบบนี้น่าจะแก้ไขโดยเร่งพัฒนาเซ็นเซอร์ให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น หรือพัฒนาซอร์ฟแวร์จัดการภาพได้นะ 2. จอ LCD ไม่ค่อยละเอียด และไม่ค่อยสว่าง อันนี้อวดน้องนางแบบไม่ค่อยได้ ทำใจครับ -_- แต่ก็เป็นข้อดีอย่างหนึ่ง ทำให้เราไม่เป็นคนอวดฝีมือ 555 จากคุณ : Teetaro เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 23:33:29

ความคิดเห็นที่ 3 - การตลาด... อย่างที่น้าอธีลาสว่า - product ที่เป็นเอกเทศมากเกินไป ใช้คำถูกป่ะหว่า ขยายให้ว่า การวาง line ผลิตผมมองว่า เลอะเทอะเกินไป ลูกค้าชอบโห.. บอดี้ลำเลิศเฟ้ย ไม่เหมือนชาวบ้าน สุดท้ายหมดไปกับการออกแบบ body ใหม่ๆตลอด แบบไม่น่าจะเป็น ลองดูสิแต่ละรุ่นของ Oly หน้าตาไม่เหมือนกันสักตัว พึ่งมา E3 กับ E5 น่าจะวางแผนสอง line ก้อพอ EXXX กับ EX พอแล้ว ตอนแรก E1 แล้วมา E300 >> E500 จนเกิดเป็น line Ex >> E3XX >>>E5xx จนบานปลายเป็น E4xx และ E6xx หรือไม่รู้แบบนี้เป็นสาเหตุได้หรือไม่ที่ทำให้ Olympus จมทุนน่าดูเสียเวลาเรื่องการออกแบบบอดี้ซะมาก น่าจะให้ Desing เดิมๆที่ดีอยู่บ้างใช้ในการพัฒนาเพราะตลาดเราเล็กเช่น E1 น่าจะพัฒนาต่อได้และดีด้วย เมื่อพัฒนาหลากหลายแล้วยังไม่พออุปกรณ์ต่อพ่วงที่แสนสับสน เช่น กริป มั่วซั่วไปหมด และมีใช้บ้างไม่มีบ้าง สายลั่นแทนที่จะทำให้มันเป็น Standard ก้อไม่ รุ่นนี้ใช้ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง มันจะกั๊กไปถึงไหน ถ้าใส่มาให้เต็มๆเล็กๆน้อยๆไม่ต้องกั๊ก กล้องตลาดรองคนก้อสนใจเล่นเพราะอุปกรณ์เสริมมันหาง่าย เลนส์ ..... ผมว่าเลนส์เกรดราคาล่างๆ เป็นอะไรที่น่าทำมากๆ เพื่อดึงดูดมือใหม่ๆเข้ามาได้ง่าย เลนส์ fix ราคาถูกที่ว่านั่นล่ะสำคัญสุด สุดท้ายศูนย์บริการที่น่าเศร้าของเรา.........ลูกค้า กู๊ดบาย.....ซ่อม 10 ประทับใจครึ่ง บ่นอีกครึ่ง เอวัง !! จากคุณ : E20PBO เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 23:37:34

ความคิดเห็นที่ 4 น้า LIVE 4 LIVE  ยืมคำมาใช้หน่อยนะครับ "วิสัยทัศน์ของพวกท่าน อนาคตของเรา" การกระทำของ Olympus คือตรงกันข้ามหมดครับ ขอยืนยัน บริษัทเค้ารู้อยู่แล้วลูกค้าต้องการอะไร ฟังก์ชั่น อะไร คุณภาพแบบไหน แต่ข้าจะทำแบบนี้ เอ็งไม่ซื้อก้อเรื่องของเอ็งล่ะ โอลิมปัสรักพวกเรามากกว่ายี่ห้ออื่น ในแบบ งานศิลปะ ตรงที่ ยี่ห้ออื่นทำให้พวกเราพอใจ แต่ เราชอบในตัวโอลิมปัส เป็นกล้องที่ติดมือ ใครที่ชอบก้อชอบกันจริงๆ เวลาขายก้อขายแบบเหมือนตัวเองคิดผิดอะไรหรือเปล่า แต่ก้อนั่นล่ะกระแสเทคโนโลยี มันต้องเดินหน้าถ้าช้าคุณก้อโดนรั้งท้าย จนวันหนึ่งคุณก้อโดนลืมไป ขนาด Pana มาทีหลังยังแซงหน้าซะ 2 ก้าวได้แล้ว สังคมเทคโนโลยีวัดกันที่ Desing คือบอดี้เป็นศิลปะ แต่กับคุณภาพถ้าด้อยกว่าตอนคนควักกระเป๋าเค้าก้อคิดหนัก ถ้า Olympus จะกลับมายืนจุดนี้ใหม่ได้ต้องพิสูจน์ได้ว่ามาโค่นบัลลังค์ Pana ให้ได้แล้วสเปคต้องทำให้ตลาดฮือฮาแบบว่าเห็นรูปแล้วเหมือน E-P1 ที่ออกมาเปิดตัว จากคุณ : E20PBO เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 23:46:03

ความคิดเห็นที่ 5 เป็นเพราะเทคโนโลยี ของเจ้าของตลาด (canon nikon) ไปเร็วเกินไป จนเกินห้ามใจ หรือเพราะโอลิมปัส พัฒนากล้องช้าเกินไป จุดเด่นเรื่องขนาดภาพ 4/3 ก็ใช้ไม่ได้แล้ว จอคอมก็เปลี่ยนไป พอมาขายกล้องเน้นความคลาสสิคอย่าง ep1 กลับขายดี ความรู้น้อยครับ มือใหม่โอลิมปัสอีกตะหาก คิดได้แค่นี้ล่ะ แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 53 23:58:09 จากคุณ : ทาม ทาม เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 23:56:11

ความคิดเห็นที่ 6 จุดเด่นของโอลิมปัสที่ชูมาตลอดคือระบบ 4/3 แต่มันเหมือนเชือดรัดคอตัวเอง มาตายด้วยขนาดเซนเซอร์ 4/3 ซึ่งโอลิมปัสก็น่าจะรู้ดีถึงปัญหาในการถ่ายในที่แสงน้อย ขณะที่เจ้าอื่น เขยิบหนีไปเป็นแบบ เซนเซอร์ฟูลเฟรม ผมไม่รู้ว่า ขนาดเซนเซอร์ 4/3 ปัจจุบัน นั้นสามารถปรับเพิ่มได้หรือเปล่า ดูเหมือนว่ามันมีปัญหาในตัวมันเอง กับเลนส์ที่ออกแบบมาเพื่อระบบ 4/3 (เป็นคำถามที่อยู่ในใจ) ทำให้มันไปไกลกว่านี้ไม่ได้ ยังแอบฝันว่า โอลิมปัสกำลังทำอะไรที่ดีกว่านั้น อาจจะคล้ายๆ pentax ที่ทำกล้องมีเเดียมฟอร์แมทออกมา  (อันนี้ฝันเยอะ) จากข่าวลือ ที่โอลิมปัสทำโมดูลกล้องแยกเป็นส่วนๆก่อนหน้านั้น การทำตลาดไม่ว่าจะชูจุดเด่นยังไง  ถ้าคุณยังมีจุดด้อยอยู่  แผลมันใหญ่กว่าจุดเด่น และมันลือกันไม่จบ แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 53 00:20:03 จากคุณ : อั้งเสาะ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 00:12:55

ความคิดเห็นที่ 7 คิดแทนคนจะใช้ว่ามันเพียงพอแล้ว ดีแล้ว... แต่ดันลืมคิดไปว่า ในราคาที่เท่าๆกัน ค่ายอื่นเค้าไปไกลกว่าเยอะ (พูดถึงตัวกล้องนะ)... ในบางแง่จะบอกว่าเอาเปรียบผู้บริโภค หรือโขกสับสาวกก็ไม่ผิดนะ ไม่เชื่อดูราคาอีห้าดิ หึหึ... จุดขายว่าเล็ก... แต่เอาเค้าจริง บอดี้โปรก็หนักใช่ย่อย - -" (แพงด้วย คุณภาพเทียบค่ายอื่นกับราคาอีก คนซื้อถ้าไม่ใช่สาวกคงมีคิดหนัก) เรื่องกันน้ำ กันฝนดีจริงไม่้เถียงในบอดี้โปร... แต่จะมีกี่คนที่พร้อมลุยน้ำฝน ฝุ่นเขลอะไปกับกล้องด้วย เรื่องน๊อยซ์กับไฮไอเอสโอ.... ตามค่ายอื่นชัดเจนมานาน แล้วก็เหมือนระยะห่างยิ่งเพิ่มขึ้น (มีใ้ห้เผื่อไว้ใช้ถึงแม้ไม่ได้ใช้ ก็ย่อมดีกว่าอ่ะนะ) บางคนอาจจะบอกว่าของค่ายแคนนอนรายละเอียดหายหมดนะ ก็อาจจะจริง... แต่ถ้าเค้าขายดีกว่า ก็แสดงว่าตลาดแคร์เรื่องนี้มากกว่า  :) แล้วยิ่งมองว่าจะมีกี่คนซูมไปดูรายละเอียดที่หายไปจริงก็คงยิ่งน้อย จริงมั้ย แถมหลังๆค่ายนิก้อนพัฒนาเรื่องนี้ไปแบบก้าวกระโดดมากๆ การพัฒนาของโอลี่เลยเหมือนยิ่งช้าเข้าไปใหญ่... ซวยไป - -" เรื่องเลนส์ เทเล เทียบแล้วเล็กกว่าค่ายอื่นจริงๆ แต่... ไวด์แท้ๆ มันหนักแล้วก็แพงนรกมากๆ - -" ก็มันคูณสองนี่นะ (ไม่รู้เหมือนกันว่าจริงๆ คนชอบถ่ายไวด์มากกว่าเทเลด้วยหรือเปล่า ถ้าใช่แง่นี้อาจมีผลเช่นกัน) ยิ่งเจอพานาเปิดตัวไวด์ micro7-14 มาที่ราคานั้น.. มั่นใจว่ายอดขาย˙zd7-14 ตกฮวบ บอดี้ไมโครบวกเลนส์ยังมีเงินทอนเลย แถมน้ำหนักเบากว่าอีกด้วย - -" (สาเหตุนึงที่หยุดวิจัยเลนส์ไปก่อน ผมมองว่าเรื่องนี้แหละ ถ้าราคามันแพงกว่าตัวไมโครเยอะ คนก็หนีไปใช้ไมโครซะส่วนใหญ่อยู่ดี แบบซื้อบอดี้ตกรุ่นซักตัวบวกเลนส์ มาเป็นตัวสำรองยังจะเบา ยังจะถูกกว่าอีก นอกนั้นใช้สี่สามแบบเก่าไป) เพิ่มเติม - พานาโซนิก พึ่งออกมาบอกในกรณีแง่การตลาดว่า จริงๆพวกเซนเซอร์ปัจจุบันก็เชื่อว่าเพียงพอแล้ว แต่ก็ต้องออกมาตามใจตลาดตัว gh2 เลยออกมาที่ 16MPixel แล้วมาดู e5 รุ่นใหม่ที่อยู่ที่ 12MPixel (เชื่อว่าคงมีคนซื้อ แต่ถ้ามองภาพกว้างๆทั้งตลาดแล้ว คงสู้เจ้าอื่นยาก  :) ) สุดท้ายที่นึกออกตอนเที่ยงคืน ตีหนึ่ง.... ดีไซน์เลนส์ไม่สวยเลย - -" ที่ชอบของระบบสี่สาม มีสองตัวคือ 8mm fisheye , 150/2 นอกนั้นไม่ชอบเลยง่ะ (คือรู้ว่าเลนส์คุณภาพสุดยอด แต่พี่ๆนักออกแบบฮะ ช่วยดีไซน์ให้มันดูมีคลาส ดูมีราคากว่านี้ได้มั้ย - -") ปล. แถม.. ถ้าเลนส์ของไมโครสี่สามของโอิมปัสขายไม่ค่อยออก เดาได้อย่างเดียว ดีไซน์กระบอกเลนส์ได้อุบาดคอดๆ - -" หมายเหตุ - ทุกอย่างเป็นความเห็นส่วนตัวของคนใช้คนนึงที่อยากจะเดาความคิดแทนคนส่วนใหญ่ คงใช้อ้างอิงอะไรไม่ได้  ^^" จากคุณ : yutei เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 00:27:12

ความคิดเห็นที่ 8 ผมสงสัยว่า... ถ้าโอลี่ทำกล้องออกมาในแบบเดียวกัน เดินตามกระแสเดียวกับการตลาดที่สองค่ายใหญ่ขีดเส้นไว้ โอลี่จะประสบความสำเร็จในตลาดกล้องมากกว่าทุกวันนี้ อย่างนั้นหรือครับ หรือจะมีอันต้องสูญพันธุ์ขายกิจการไปอย่างบริษัทกล้องที่เคยมีมาในอดีต ทุกวันนี้ โซหมี ประสบความสำเร็จในการทำกล้อง DSLR FF อย่างนั้นหรือ แป้นแตก เลนส์Opticเยี่ยม ทำกล้อง APS-C ประสบความสำเร็จแซงหน้า 2 ค่ายใหญ่อย่างนั้นหรือ 1ใน2 ค่ายใหญ่DSLR ยังเกือบต้องปิดกิจการเพราะขาดทุนช่วงวิกฤติศรษฐกิจโลก ทั้งๆที่ DSLR ก็ยังขายดีเป็นเทน้ำเทท่า แต่ข้าไม่เน้นกล้องอื่น ต้องปลดพนักงานเอาตัวรอด เลยรอดมาหวุดหวิด ส่วนตัว..ผมคิดว่าโอลี่ไม่คิดว่าจะเป็นอันดับหนึ่งในตลาดกล้อง DSLR แน่ๆ และ ก็ไม่ได้คิดว่า Fourthirds จะสามารถแซงหน้า FF หรือ APS-C ได้ด้วย ที่สร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวก็เพื่อจับที่กลุ่ม niche market ที่ชอบในเอกลักษณ์นั้นๆ ที่ค่ายใหญ่ให้ไม่ได้ หรือ ไม่ได้เน้น ดีกว่าที่จะไปตามทางที่ค่ายใหญ่ขีดเส้นเอาไว้ และ เน้นกล้องที่ง่ายต่อการใช้งานทั่วๆไป และ ใช้ได้ถึงระดับอาชีพได้ระดับหนึ่ง เพราะยังไงโปรกล้องก็วนเวียนกันอยู่แต่ในสองค่ายใหญ่กันเป็นส่วนใหญ่ เพื่อนที่ขายกล้องโอลี่ที่ IT city เล่าให้ผมฟังว่า มีลูกค้ามาหาซื้อกล้อง เขาแนะนำกล้องโอลี่ ลูกค้าบอกไม่รู้จักกล้องยี่ห้อนี้ แต่พอเรียก E-PL1 ว่ากล้อง PEN เขาก็ร้อง อ๋อ ขึ้นมาที่เดียว และ บอกว่าเขาเคยใช้กล้อง PEN อยู่ เป็นกล้องที่ดีมากนะ ไม่เหมือนใครดี แต่มันนานแล้วเลยลืมชื่อโอลี่ไป นี่ยังมีเก็บไว้เลย แต่จำชื่อยี่ห้อไม่ได้แล้วล่ะ แล้วก็ถอย E-PL1 กลับบ้านไปหนึ่งตัว ป.ล. ความเห็นส่วนตัวนะครับ แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 53 01:11:00 จากคุณ : morkao103 เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 00:52:04

ความคิดเห็นที่ 9 หลังจากเคยสัมผัสกับโอลี่อย่างใกล้ชิดทุกตัว เมื่อสองสามปีก่อน เพราะต้องอยู่กับงานขายโอลี่โดยตรง และต้องตอบคำถามลูกค้าเสมอ  ผมว่าถ้าเปรียบโอลี่เป็นวงดนตรีก็คงเป็นแนวอินดี้ที่มัดคิดนอกกรอบเสมอ และมีแนวทางที่ไม่เหมือนชาวบ้าน ไม่ชอบเหมือนใคร ถ้าอยากได้แนวตลาดก็ไปเล่นยี่ห้ออื่นเยอะแยะ ถ่ายง่ายกว่า ไม่ต้องใช้ไอเดียมาก เคยมีคนเคยบอกไว้ว่าถ้าอยากได้ภาพถ่ายดีๆมันไม่ใช่แค่กล้องแต่เป็นมุมมอง และแสง สี เพราะฉนั้นถ้าอยากได้ภาพที่มันซำ้กันก็ไปเล่นยี่ห้อยอดฮิตก็แค่นั้นเอง แต่สำหรับผม ผมคิดว่าการถ่ายภาพจากกล้องที่มันแตกต่างกับคนอื่นๆ มันกลับได้มุมมอง แสง สีที่แตกต่าง คนอื่น มันเป็นอะไรที่ไม่เหมือนใคร มันเปนความภูมิใจในตัวเองที่ชอบความแตกต่าง กระบี่อยู่ที่ใจ จากคุณ : รักโอลี่ (Genotype) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 01:05:49

ความคิดเห็นที่ 10 หึหึ ยังจำได้ดี  ตอนที่ E-3 เปิดตัว  มันตื่นเต้นแค่ไหน  อนาคตมันคงจะอีกยาวนานและไปได้ไกล กล้อง E-3 ก็เป็นอีกรุ่นที่ขายได้ถล่มทลาย  นี่ยังไม่นับ E-510, E-520 ที่เดินกันให้สลอนในงานรับปริญญาเมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมา จะบอกว่ามันขายไม่ได้  ก็คงไม่ใช่  ขายดีกันซะขนาดนั้น  ดูสมาชิกที่เพิ่มมาใน OLMPUS PANTIP ดูก็ได้  ว่าเพียบแค่ไหน แต่ไม่รู้เป็นอะไร  กล้องรุ่นหลังๆ ของโอลิมปัส มักมี defect ติดมาด้วย อันนี้ผมขอติทีมวิจัยและออกแบบอย่างแรง   มันทำให้เกิดปัญหาตามมา  ลองไปถาม JJ ดูก็แล้วกันว่ามันเคลมอะไรกันบ้าง  ผมก็เป็นคนนึงที่มีปัญหากับ E-3 เมื่อกล้องรุ่นที่ผ่านมามีจุดด้อยในเรื่อง defect และด้านการตลาดกับราคา ของ E-620 และ E-30 ทำให้ยอดขายเพิ่มฮวบฮาบ ดิ่งลงๆ เป็นเวลาเดียวกันกับที่มี m4/3 มาให้ได้ยลโฉม  แม่เจ้า!!! E-P1 มันน่าหลงไหลจริงๆ เลย   และตลาดตรงนี้เองที่ทำกำไรในช่วงปีที่ผ่านมาได้มากมาย จน(แกล้ง)ลืมไปว่า ยังมี 4/3 รอคอยการแก้ไข - กล้องรุ่นใหม่ที่ต้องออกมากู้วิกฤต E-3 ตั้งกะต้นปีที่แล้ว (กลายมาเป็น E-5 ในตอนนี้) - การตลาดที่ต้องปรับราคาสู้ของ E-30, E-620 ต้องใส่จุดเด่นที่มีและน่าสนใจ  จุดด้อย noise เยอะแมร่งงงเล็กนิดเดียว  ถ้ารู้จักเน้น + โฆษณาจุดเด่น อย่าง art filter, ปรับจูนจอเอง, ไฟล์ภาพเจ๋งๆที่กลับมา, ไวร์เลสแฟลช ฯลฯ นี่เล่นปล่อย..วันเวลาผ่านไป ผ่านไป  กรูสนุกอยู่กับยอดขาย m4/3 เตือนว่าชะล่าใจไป  แอบมองยอดขาย SONY ในตลาดนี้  มันเพิ่มแบบ เข่ย่งก้าวกระโดดเลยทีเดียวนะ    แว่วๆ ว่าพี่ Nikon ก็กำลังจะมา ตอนนี้ระบบเลนส์ทุกอย่าง โอลิมปัสเตรียมไว้พร้อมกว่าค่ายอื่นๆ  สำหรับ Mirrorless แต่ระวังจะโดนเขาเดินตามทัน  และแซงไป เรามันรถคลาสสิค  ไม่ต้องไปใส่เทอร์โบ  เพิ่มแรงม้าให้มากมาย เอาแค่เครื่องเสียงดีๆ  ช่วงล่างเกาะๆ  มองมุมไหนก็ดูมีเสน่ห์  แต่รู้จักขัดเคลือบสีบ่อยๆ  และป่าวประกาศให้ชาวบ้านเขาได้รู้บ้าง  ว่าข้ามีดีที่ตรงไหน จากคุณ : Khomsiri เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 02:55:30

ความคิดเห็นที่ 11 สมมุติหากตอนแรกโอลิมปัสเดินตามทางค่ายใหญ่ผมก็ไม่คิดว่าจะสูญพันธ์อ่ะครับ เพราะแต่ไหนแต่ไรมาก็ขึ้นชื่อเรื่องเลนส์อยู่แล้วก็ยังมีคนใช้แหละ และด้วยขนาด 4/3 เหมือนที่น้าๆหลายคนว่ามา มันมีปัญหาใหญ่เยอะแยะมากมายก่ายกองเลย เอาง่ายๆเครื่องล้างมันยังไม่ค่อยซัพพอร์ตกันกับขนาดนี้เลย ค่ายอื่นไม่โดนครอปเราโดนครอป เท่านี้มันก็ลำบากพอละ แถมเจอปัญหาน๊อยซ์กระจาย ปัญหานี้มันเป็นของคู่กับโอลิมปัสจริงๆด้วยขนาดเซนเซอร์ที่จำกัด พัฒนายังไงก็ได้แค่ตามหลังชวบ้านเค้า ตรงกันข้ามหากเดินตามทางเส้นทางปกติในเซนเซอร์ขนาด APS-C นี่ผมว่าเรื่อน๊อยซ์เราทำได้ดีกว่าชาวบ้านเยอะ  แกล้งทำออกกล้องรุ่น APS-C พร้อมเลนส์ Kit ออกมาซักรุ่นก็ได้ผมว่าภาพออกมาแจ่มกว่าชาวบ้านค่ายอื่นๆเยอะเลย จริงๆ เพราะขนาดเซนเซอร์เล็กกว่ายังทำได้ใกล้เคียง แต่หากเซนเซอร์ขนาดทัดเทียมกันแล้วผมว่า Olympus ไม่แพ้ใครหรอกครับทำได้ดีกว่าค่ายใหญ่ด้วยซ้ำ จริงๆ !!  ข่าวบอกว่า E-5 ไม่ใช่ DSLR ตัวสุดท้ายแต่ผมบอกว่าตัวสุดท้ายแน่นอนเลย เพราะทันทีที่ออกข่าวเรื่องเลนส์ มาซ้ำอีกครั้งก็เป็นการบอกลาลูกค้าที่เข้ามาหา E-5 โดยเบ็ดเสร็จ ขายได้แต่ลูกค้าเก่าแล้วจะเอากำไรจากไหน แต่ก็ยังใช้ Olympus อ่ะเพราะเวลาใช้ถ่ายรูปแล้วรู้สึกมีความสุข แต่กล้องอื่นใช้ถ่ายแล้วผมรู้สึกผมแค่บันทึกภาพ ฟีลลิ่งยังไม่ใช่ แต่ตอนนี้เริ่มมีรายได้จากกล้องบ้างก็คิดเหมือนกันว่ากล้องตัวถัดไปจะเอายังไงดี อุปสรรคบนเส้นทาง 4/3 มันเยอะเหลือเกินที่ต้องก้าวข้าม -__-" แต่ก็ยังรอดู E-5 ผลทดสอบแบบเต็มๆก่อนว่าไปได้ดีแค่ไหนกัน น้าๆในไทยที่มี E-5 ว่างๆลองทำการ Full Review แบบไม่แคร์สื่อให้ได้ชมหน่อยสิครับ ผมว่ามีหลายคนรอชทเพื่อการตัดสินใจอยู่ อิอิอิ แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 53 07:37:31 แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 53 07:36:48 จากคุณ : tump เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 07:35:14

ความคิดเห็นที่ 12 คงต้องทวนไปที่วลีฮิตที่แฟนๆ ชอบพูดปลอบใจ "กล้อง oly มันเลือกผู้ใช้..." แต่ตอนทำกล้องมันลืมไปว่า... "ผู้ใช้ มันจ่ายตังค์ค่ากล้อง..." :) จากคุณ : Photio เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 07:51:22

ความคิดเห็นที่ 13 ติสต์แตก อินดี้เกินไปครับ ทำอะไร ไม่ค่อยเอาใจตลาด   แต่เน้นคิดค้นสิ่งใหม่ๆ จากคุณ : tamrong เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 08:01:56

ความคิดเห็นที่ 14 สำหรับผม 1. Olympus ทำตลาดแบบ "กลัวขายได้" ไม่ใช่เฉพาะที่ไทย แต่เป็นทั้งโลก ในขณะที่ sony ทำตลาดแบบ "ต้องขายให้ได้" ลองดูที่ในร้านกล้อง, ห้าง, สนามบิน ฯลฯ จะเห็นว่า .. sony "นำเสนอ"ตัวเองหราๆ ยอมจ่ายค่าต๋งแพงๆ เพื่อยื่นแบรนด์ตัวเอง เข้าสู่การรับรู้ของมหาชน canon หละ? ดูเอาเองว่า งานระดับโลก หรือแม้ระดับประเทศ ที่ "ต้อง" มี "มือโปร" ลงไปถ่ายรูปเป็นขโยง งานไหนที่ canon ไม่เป็น sponsor??? ภาพลักษณ์ที่ว่า "มือโปร ต้องใช้ canon เท่านั้น" มันถ่ายทอดผ่านสื่อมวลชน เข้าสู่จิตใจเบื้องลึก (subconcious) ของคนดู ที่กำลังเพ่งสมาธิทุกอย่าง กับงานนั้นๆ มันเข้าได้ลึก และฝังลึกมากด้วย จนเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการซื้อได้สบายๆ nikon ก็ทำในลักษณะแบบเดียวกัน oly ... อยู่ที่ไหนหว่า??????? นั่นคืออย่างแรกที่ผมนึกออก ------------------------------ อย่างที่สองคือ ผู้บริหาร oly ไม่เคยอ่านหนังสือที่ชื่อว่า IN SEARCH FOR STUPIDITY Oly กำลังเดินเหยียบรอย ที่ Steve Jobs "เคย"เดินมาแล้ว เดินทาบรอยกันเป๊ะๆ กับ Mac .. ที่พา Apple Inc รุ่ง และดับ ถ้าตอนนั้น Apple Inc "เชิญออก" Jobs ไม่ทัน มีหวัง .. กลายเป็นตำนานไปจริงๆ ตอนนี้ .. Jobs กลับมาใหม่ หลังจากไปสงบสติอารมณ์อยู่นับสิบปี และเริ่ม "รับฟัง" เสียงจากมหาชนบ้าง Apple เลยโตใหม่อีกรอบ แต่ถ้ายังขืนดำรง concept ว่า iPhone ต้องจับอย่างนี้ๆ ถึงจะโทรได้ มีหวัง ... จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 08:03:55

ความคิดเห็นที่ 15 ผมกำลังคิดว่า เรื่องขนาดเซ็นเซอร์ไม่ใช่เรื่องใหญ่ (มาก) นัก เพราะตามจริงแล้ว cell site density ก็ไม่ได้หนีไปจากกล้องอื่น ทำให้ดีก็ทำได้ จำนวนพิกเซล กับน้อยส์เป็นรอง ในแล็บ แต่ก็ไม่ถึงขนาดเป็นประเด็นหนักหนาในการใช้งานจริง เมื่อจุดด้อยสองอย่างนี้เมื่อถูกขยายให้ใหญ่มากขึ้น โอลิมปัสก็ไม่ได้มีแอ็คชั่นอะไรเลย ทั้งทางเทคนิค และทางการตลาด จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 08:26:57

ความคิดเห็นที่ 16 Philosophy ที่ยึดมั่นว่าระบบ 4/3 ถึงแม้จะเล็กกว่าแต่ก็จะดีกว่า ซึ่งไม่เป็นความจริงในบางเรื่อง เรื่องที่ถูกชูให้เป็นจุดเด่นนั้นเด่นจริงๆ แต่กลับไม่ได้พูดถึงจุดด้อยซึ่งรู้อยู่เต็มหัวอก Canon โจมตีในจุดนี้เต็มๆ เห็นได้จากหน้าแรกของเวบกล้องแคนอน "ยิ่งใหญ่ยิ่งดีกว่า" ไม่รู้เป็นเพราะเอาชนะจุดเด่นของโอลิมปัสไม่ได้หรือเปล่า แต่ใหญ่กว่าก็ย่อมดีกว่าจริงๆ ถ้าเป็น 4/3 ขนาดใหญ่ก็น่าจะยิ่งดี !!! พันธมิตรที่เคลิบเคลิ้มเห็นดีเห็นงามไปด้วยที่ผ่านมา กลับหนีไปทำเซนเซอร์ใหญ่ เพราะรู้ว่าในตลาดต้องการอะไร และแนวโน้มของตลาดไปทางไหน แต่การยึดติด (และไม่ยืดหยุ่น) ทำให้ผู้ที่ปรับตัวไม่ได้ต้องตายไปตามธรรมชาิติ --------------- ถ้าตอนกำเนิด E-1 มีเซนเซอร์ที่ใช้ระบบ 4/3 ในขนาดเ่ท่า APS-C หรือใหญ่กว่า เชื่อว่าป่านนี้กล้องโอลิมปัสจะเป็นดาวเด่นค้างฟ้าเทียบชั้นเซนเซอร์ฟอร์แมท 135 ได้ไม่ยาก จากคุณ : ปะเลอะปะเต๋อ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 08:41:59

ความคิดเห็นที่ 17 ผมว่าเกิดจากไปฟังพาร์ทเนอร์ที่ผลิต ccd (โกดัก) มากไป เปิดลายน์กการผลิดโดยเชื่อมั่นว่า วันนึงccd เล็กๆ จะพัฒนาคุณภาพจนทัดเที่ยมกับ ccd ใหญ่ ไม่คิดว่าคนอื่นเค้าก็ มีความคิและประสบการณ์ไม่ได้ด้อยกว่าตัว การพัฒนาอะไรที่ง่ายกว่าย่อมไปได้รวดเร็วกว่า ทำให้คุณภาพไฟล์(เรื่องน๊อยส์)ตามหลังคนอื่นเค้า 1ก้าวทุกครั้ง คิดแบอนุรักษ์ว่า iso 800 ก็เพียงพอกับการใช้งานแล้ว มันก็จริงถ้าทุกเจ้ามีให้ใช้แค่นั้น แต่เจ้าอื่นๆเค้าว่ากันที่ 6400 กันเป็นแถว มันก็อดที่จะเกิดการเปรียบเทียบกันไม่ได้ ขณะทีบอดี้กันน้ำกันฝุ่น คนที่ไม่ ซาดิสม์ จริงๆไม่มีใครยอมเอากล้องสุดที่รักไปลุยขนาดนั้น แต่ภาพจาก lcd หลังกล้องนี่ถ่ายปุ๊บมันเห็นปับจริงๆ น๊อยส์นี่มันคุยข่มกันไม่จบไม่สิ้น แล้วก็เห็นด้วยว่าเลนส์ที่ไม่ใช่ SHG ขี้เหร่ทุกตัว ยิ่ง 9-18 ขี้เหร่มาก จนต้องตัดใจขาย ทั้งๆที่คุณภาพคับแก้ว นน.เบาหวิว คมขาดบาดใจ ตัวหล่อๆ 50k up แม้แต่ 12-60 50-200 ตอนหดสุดก็หล่อดีอยู่ แต่พอยืดสุดมันก็ฉายแววขี้เหร่ขึ้นมาทันที จากคุณ : แพรมรกต เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 08:59:50

ความคิดเห็นที่ 18 เข้ามาอ่านและเห็นด้วย จริงๆ oly น่าจะนำเสนอจุดเด่นของสินค้าตัวเองให้มากกว่านี้ เช่น ภาพนี้ iso 1600 นะครับอะไรประมาณนี้ จากคุณ : BigWolf เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 09:08:40

ความคิดเห็นที่ 19 เพราะว่าระบบ 4/3  ที่เป็นอาวุธหลักของค่าย ถึงทางตันนั่นแหล่ะครับ มันที่สุดของมันแล้ว   ถ้าจะพัฒนาเพิ่มก็ต้องใช้ ทรัพยากรเยอะมาก  และไม่สามารถการันตี revenue ในอนาคตได้ เนื่องจาก ปัจจัยทางชื่อเสียง และการตลาด มันเลยเกิดภาวะ  "จะรุก ก็ใช่ที่.....จะถอยก็ใช้ที่....." แล้วบังเอิ้น  บังเอิญ......แนวรุกด้านใหม่ที่ลองเปิดสู้ กลับพอไปได้  ดังนั้นเค้าจึงโหมทรัพยากรที่มีอยู่  ไปสนับสนุนแนวรบด้านนั้นก่อน M4/3 มันพัฒนาไปพร้อมๆ กับคู่แข่ง  โอกาสยังเปิดอยู่อีกมาก  เมื่อเทียบกับ 4/3 ที่พัฒนาตามหลังคู่แข่งครับ จากคุณ : kitazawa เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 09:21:41

ความคิดเห็นที่ 20 ผมมองว่าหาก 4/3 ตันแล้ว m4/3 ก็ใกล้จะตันอีกไม่นานแล้วครับ เพราะสิ่งที่พัฒนาต่อยอดมาอีกก็คือแค่เลนส์ HG และ SHG แต่บอดี้จริงๆมันก็ไม่ได้ต่างกับ 4/3 เท่าไร ทำได้แค่พัฒนา Software แต่หากไม่มีการพัฒนาเซนเซอร์ใหม่ๆที่ดีกว่าปัจจุบันได้จริงแบบอย่างมากๆๆ  มันก็ไปไหนไม่ได้ไกล เพราะต้องยอมรับว่าตลาดปัจจุบันเรื่องน๊อยซ์เป็นส่วนในการตัดสินใจจริงๆ ทั้งในและนอกประเทศแหละ และคู่แข่งค่ายใหญ่ๆ ก็เตรียมลงสนามกล้องเล็กเปลี่ยนเลนส์ได้ด้วยแล้ว ยังไง แม้จะนำหน้ามาแต่ก็ถูกแซงจนลืมไปได้อีกเช่นเคย แค่ Sony ออกมาก็ทำเอาส่วนแบ่งหายไปเยอะมากแล้ว หาก Nikon ออกมาอีกส่วนแบ่งก็หายไปอีก ยิ่งแคนนอนเข้ามาอีกคราวนี้จบ แม้จะโปรโมทว่าเลนส์ครบช่วงกว่า แต่ราคาเลนส์ก็ไม่ได้ถูกกว่าเลนส์ 4/3 ซักเท่าไร (ยกเว้น 7-14 เห็นได้ชัดว่าถูกกว่า เห็นๆ) ยิ่งออกเลนส์ HG หรือ SHG ออกมาจะซักกี่คนที่มีเงินซื้อ แล้วจะขายได้ซักกี่ตัวกัน เป็นผมพัฒนา เกรดธรรมดานี่แหละให้มันครอบคลุมทุกช่วงใช้งานจริงๆและมีหลากหลายให้เลือกหน่อยจะขายได้ดีกว่า (ตอนนี้เลนส์ที่มีมันครบใน m4/3 ส่วนใหญ่มันได้มากจาก pana อ่ะ) มุ่งสู่ m4/3 ก็จบ ไป 4/3 ก็จบ ยังไงก็จบ แต่ยังไงก็ยังใช้อยู่จนจบไปกับมันนี่แหละ และผมคิดเหมือนน้า ปะเลอะปะเต๋อ เลยว่า หากทำเซนเซอร์ขนาดเดียวกับชาวบ้านเค้าผมว่า โอลี่ไม่ย่ำอยู่กับที่แบบนี้แน่นอน แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 53 09:56:37 จากคุณ : tump เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 09:53:51

ความคิดเห็นที่ 21 มารอดูคนย้ายค่าย  ... จากคุณ : Spyrogira (แดงจุ้น) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 10:20:21

ความคิดเห็นที่ 22 ผมไม่ค่อยรู้เรื่องวิชาการของ 4/3 มาก ให้ผมเดาว่าถ้า 4/3 ตันที่ CCD จนมองแล้วว่าพัฒนาไม่คุ้ม แล้วเลนส์ของ 4/3 ต้องสามารถพัฒนาไประบบอื่นได้ ถ้าไม่ได้ ต้องยก system หมด ปัญหาที่ตามมาคือ การเรียกความเชื่อมั่นของลูกค้า ลูกค้าจะลงมาเล่นจะเชื่อมั่นได้อย่างไรกับอนาคตใหม่ของ system ใหม่ที่ขาย... จากคุณ : E20PBO เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 11:12:30

ความคิดเห็นที่ 23 ส่วนใหญ่สินค้าขายดีในตลาดมักไม่ใช่สินค้าที่ดีที่สุดหรือดีกว่าคนอื่น... โตโยต้าทำรถยนต์ดีกว่ามาสด้าหรือนิสสันละหรือ (ไม่ต้องพูดถึงรถยุโรป) ถ้าคนชอบรถจริง ๆ จะรู้ว่าไม่ใช่เลย... จะออกตรงกันข้ามด้วยซ้ำไป แต่โตโยต้าครองตลาดรถโดยรวมทั่วโลก ในขณะที่นิสสันและมาสด้าออกแนวคล้ายโอลิมปัส ผมคิดว่าทางทีมบริหารของโอลิมปัสไม่ได้สนใจตลาดทั่วไป แต่เจตนาเล่น niche market มากกว่า ซึ่งเห็นได้จากวิธีคิดและการทำทุกอย่างตั้งแต่เริ่มมาจนถึงปัจจุบัน ถ้าโอลิมปัสคิดจะไปตลาดทั่วไปคงไม่เริ่ม 4/3 มาแต่แรก... เพราะฉะนั้นผมว่าจะไปบอกว่าโอลิมปัสล้มเหลวหรือเปล่าคงบอกยาก เพราะต้องพิจารณาถึงปรัชญาหลักของเขาด้วย ในมุมมองของผม ปรัชญาของโอลิมปัส (Your Vision, Our Future นี่แหละบอกชัด...คือกรูจะสร้างกล้องแบบนี้แหละ...ถ้าเมิงวิสัยทัศน์ถึงกันเยอะ กรูคงรวย แต่ถ้าไม่ กรูก็ซวย)คือขายความเป็นตัวของตัวเอง... คนจะซื้อก็ต้องมีความเป็นตัวของตัวเองสูงจึงจะซื้อกล้องโอลิมปัส หากใครซื้อเพราะคนอื่นแนะนำมักต้องย้ายค่าย (คือไม่เป็นตัวของตัวเองแต่แรกแล้ว) และคนที่มีความเป็นตัวของตัวเองระดับนี้ (มั่นใจตัวเองเป็นตัวของตัวเองแต่ไม่ยึดติดอัตตาหรือเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง)ในโลกใบนี้...ผมว่ามันน้อยยิ่งกว่าน้อยนะ แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 53 11:21:07 จากคุณ : DrGunner เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 11:18:16

ความคิดเห็นที่ 24 ^ ถูกต้องแล้วค้าบ " ตูจะทำกล้องแบบนี้ ใครไม่ซื้อใช้ก้อเรื่องของเอ็ง " อย่างที่บอก ศิลปะมันประเมิณค่าไม่ได้ แต่ตอนนี้ระบบกล้อง มันคือ เทคโนโลยี การก้าวข้างหน้าถือว่าสำคัญ ยกเว้น Olympus จะออกมาบอกลูกค้าว่า พวกยู ไม่ต้องกลัวหรอก ถึงเราจะเลิกพัฒนาแต่เราจะทำกล้อง 4/3 ให้พวกยูใช้ไปอีก 30 ปี โดยเราจะไม่เน้นเทคโนโลยีแต่เราจะเน้นเรื่องดีไซด์บอดี้เป็นหลัก อันนี้น่าสน กว่า.. จากคุณ : E20PBO เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 13:10:19

ความคิดเห็นที่ 25 อ่าน ๆ มา ตกจายยย เฮ้ย นี่มันหน้าตรูนี่หว่า ..... มาเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ ... [><"] กล้องแต่ละยี่ห้อแต่ละตัว มันก็มีลักษณะเฉพาะของตัวมันเอง แต่บางยี่ห้อไปได้ไกลกว่า สายป่านยาวกว่า เพราะการตลาดโฆษณาประชาสัมพันธ์ จะดึงจุดเด่นจุดด้อยมาตีกัน ..... แต่อย่าลืมว่า Market share มันมีอยู่ ความต้องการของลูกค้ามันหลากหลาย ถ้าตอบโจทย์ลูกค้าในตลาดไม่ได้เลยสิก็ว่าไปอย่าง คงจะขายไม่ออกสักตัว แต่นี่ที่มาสุมหัวคุยกันในพันทิปนี่ก็เท่าไหร่แล้ว คนที่ใช้โอลี่ไม่ได้เล่นเวปมากกว่าในพันทิปนี่หลายเ่ท่าตัว สำหรับเมืองไทยโฆษณาประชาสัมพันธ์น้อยไป ....(ไม่อยากบอกว่าทุ่มงบไม่ตรงจุด) E-P1-2 และ E-PL1 เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปเพราะงบโฆษณาทีวีนี่แหละ มีแต่คนเข้ามาถามเรื่องสเปคกล้องว่าเป็นไง โอเคไหม จะซื้อ มันก็เหมือนร้านอาหารฟูจิ เป็นลูกค้าตั้งแต่สมัยยังไม่ดัง พอเริ่มลงโฆษณาในนิตยสาร ก็เริ่มมีความเปลี่ยนแปลง ยิ่งโฆษณาทีวี ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ตอนนี้เป็นไง คนรอคิวแย่งกันกินจะตาย ปล. คิดจะย้ายค่ายแล้วไ่ม่ย้ายเพราะไอ้ระบบกันฝุ่นนี่แหละ แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 53 13:15:53 จากคุณ : DeE dEe เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 13:14:56

ความคิดเห็นที่ 26 ^ หน้าเจ๊เป๊ะเลย ที่สำคัญ เจ๊ไม่สบายป่าว หน้าเหลืองเชียว อิๆ จากคุณ : ปะเลอะปะเต๋อ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 13:21:26

ความคิดเห็นที่ 27   จากมุมมองผมนะ จะสรุปว่า Oly ล้มเหลวก็ไม่เชิงเพราะก่อนน่านี้ (ยุคกล้องฟิล์ม Autofocus) Oly มีส่วนแบ่งอยู่ในอันกับ 4-5 แล้วแต่ปี ยิ่ง SLR Auto focus แล้วด้วย Oly ยิ่งถือว่าตายในตลาด ถึงแม้ว่าจะบอกว่า หยุดพัฒนาจากปัญหาด้านสิทธิบัตร แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ายอดขายของ om77 กับ om707 มันต่ำจนกระทั้ง การซื้อสิทธิบัตรของ Auto focus มาทำกล้องแบบค่ายใหญ่เค้า มันไม่คุ้ม แต่มาตอนนี้ Oly ถือเป็นที่ 3 ของตลาด DSLR แซง Pentax แข่งกับ Sony ในการแย่งที่ 3 ซึ่งตลาดนี้ คนล้มเหลวน่าจะเป็น Minolta ซึ่งต้องขาย DSLR ของตนให้ Sony มากกว่า ทั้งๆที่ตนเองเคยเป็นที่ 1 ในตลาด SLR Autofocus ในระยะแรก ก่อนจะถูก Canon กับ Nikon มาแย่งส่วนแบ่งการตลาดไป แต่ก็ไม่ขาด ยังผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะอยู่ แต่พอมาถึง DSLR กล้องจาก Minolta กลับตาย ต้องขายระบบให้ Sony รับช่วงต่อไป ทั้งที่มีทั้ง Know how แล้วอุปกรณ์อย่างครบถ้วน แถมยังเดินในทางเดียวกับ 2 ค่ายใหญ่ แต่ก็เจ๊ง จากตรงนี้ ส่วน Pentax ก็รับใช้แต่ลูกค้าเก่า ที่ยังศัทธา(และรู้ว่า Pentax มีดี) แต่ก็ไม่ได้เติบโตเท่าไหร่ ซึ่ง Pentax ก็เดินตามทางของ 2 ค่ายใหญ่เหมือนกัน แสดงให้เห็นว่า การที่ Olyไม่เดินตามทางของ 2 ค่ายใหญ่นั้น เป็นแนวทางที่ถูกต้องแล้ว ไม่อย่างนั้น คงตายก่อน Minolta และ Pentax ไปแล้ว เพราะไม่ได้มีทุนเดิมจากระบบเก่าคือ SLR Autofocus เหมือนคนอื่นเค้าเลย ต้องลงทุนพัฒนาใหม่ทั้งหมด แต่ที่ไม่สามารถไปเบียด 2 ค่ายใหญ่เค้าได้ เพราะ 2 ค่ายนั้นเค้าอยู่ระดับนี้กันมาเป็น 30-40 ปีแล้ว เป็นมาก่อนระบบ om จะเกิดขึ้นซะอีก ดังนั้น การที่จะไปล้ม 2 ค่ายใหญ่นั้นคงยาก ที่ Minolta สามารถก้าวมาเป็นที่ 1 ได้ในช่วงสั้นๆของตลาด SLR autofocus เพราะความผิดพลาดทางการคาดเดาอนาคตของ 2 ค่ายใหญ่มากกว่า แต่ไม่นานก็กลับตัวได้ ซึ่งคงไม่มีความผิดพลาดแบบนั้นกันอีกแล้ว Oly คงไม่ได้ส้มหล่นเหมือน Minolta ในตอนนั้นได้แน่นอน แต่จะว่าการตลาด Oly ทำได้สมบูรณ์แบบทั้งหมดก็ไม่ใช่ สิ่งที่ Oly ตีโจทย์ไม่แตก ผมว่าไม่ใช่เรื่อง Product หรือการโฆษณาเท่าไหร่ เพราะก็ทำเหมือนๆกับคนอื่นเค้า ส่วน Product ก็ไม่ได้แย่ขนาดแข่งกับชาวบ้านไม่ได้เลย คือมีทั้งจุดเด่นแล้วจุดด้อยเมื่อเทียบกับค่ายอื่น ซึ่ง Oly ก็แสดงจุดยืนตรงนี้ได้ค่อนข้างดี แต่ปัญหาใหญ่ของ Oly เลยคือระบบ Logistic การผลักดันให้สินค้าของตน ไปโชว์อยู่หน้าร้านเหมือนค่ายอื่นๆ การผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาด จะเห็นว่า สินค้าขาดตลาดอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งตรงนี้เป็นผลให้ผู้ขายไม่ค่อยมีความมั่นใจในการจะแนะนำสินค้าให้ลูกค้าใหม่ ลูกค้าใหม่ก็ไม่แน่ใจที่จะซื้อ หาสินค้าซื้อยาก สรุปก็คือ การตลาดระหว่างตัวแทนจำหน่ายกับร้านค้าขายปลีกเป็นปัญหาใหญ่ของ Oly ครับ วิธีแก้ตรงนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ จะใช้วิธีการให้เปอร์เซ็นกับผู้ขายเพื่อเพิ่มแรงจูงใจในการขาย เดี๋ยวร้านค้าก็จะมาลดราคาหน้าร้านมาแข่งกันอีก แต่ถ้าแก้ไม่ได้ ไม่ใช่แค่ 4/3 หรอกครับ m43 ก็จะไปไม่รอดเหมือนกัน เพราะที่ m43 มันไปได้เพราะตลาดมัน Drive ไม่ใช่การทำตลาดของ Oly ถ้าหมดแรงของตลาด มันก็จะกลับมาเหมือน 4/3 อีกนั่นแหล่ะ อย่างที่ 2 คือความรู้และแรงจูงใจของผู้ขายหน้าร้าน เพราะผู้ขายนี่แหล่ะ มีผลกับการตัดสินใจของลูกค้าค่อนข้างสูง ผู้ขายส่วนใหญ่ ถ้าลูกค้าเดินเข้ามาปรึกษาเรื่องจะซื้อกล้องใหม่ ส่วนใหญ่จะแนะนำเลยว่า ถ้าต้องการอย่างนั้นต้อง Canon ถ้าต้องการอย่างนี้ ต้อง Nikon ไม่มีพูดถึง Oly เลย แถมถ้าถามถึง Oly ก็มักจะอ้ำๆอึ้งๆ ก็บอกว่า ก็ดี แต่ไม่รู้จะบอกยังงัย แสดงว่า การให้ความรู้ในผลิตภัณฑ์และแรงจูงใจในการขายของผู้ขายหน้าร้านยังไม่ดีเลย ตรงนี้ก็เป็นปัญหาใหญ่ครับ อย่างที่ 3 การสำรองอะไหล่สำหรับซ่อมซึ่งก็เหมือนกับเรื่องปริมาณการผลิตสินค้านั่นแหล่ะครับ คือไม่พอใช้ ทำให้การซ่อมต้องรอเป็นเวลานาน (ปัญหา Logistic อีกแล้ว แต่เป็นกับอะไหล่) ผลคือลูกค้ารอซ่อมนาน ถ้าสินค้ามีปัญหาที่พบบ่อย แต่เมื่อเข้ามาที่ศูนย์ ใช้เวลาซ่อมเพียงหลักชั่วโมงหรือไม่เกินวัน ผู้ซื้อก็ไม่ซีเรียสเท่าไหร่ (แต่จะให้ดี ถ้ารู้ว่ามันเป็นข้อบกพร่องจริงๆ ก็เรียกกลับมาเปลี่ยนให้เลยก็จะดีมาก อย่าคิดว่าเป็นการประจารตัวเอง เพราะสุดท้าย ผู้ใช้ที่แท้จริงจะตระหนักถึงความรับผิดชอบของบริษัท) แต่ถ้าต้องรออะไหล่นานๆเป็นอาทิตย์หรือเป็นเดือน อันนี้ก็รับไม่ได้เหมือนกัน ส่วนเรื่องความสามารถของการซ่อม อันนี้ผมไม่ทราบครับ เพราะยังไม่เคยใช้บริการตั้งแต่ Oly ย้ายมาอยู่ jj เลยซักครั้ง แต่ถ้าไม่ดี ก็ต้องทำให้มันดีให้ได้ เพราะส่วนนึงที Canon ครองตลาดตอนนี้ได้ก็เพราะความประทับใจในบริการหลังการขายนี่แหล่ะ ส่วนเรื่องการย้ายโฟกัสจาก 4/3 ไป m43 ก็เป็นเพราะ Oly แก้ปัญหาตรงนี้ไม่ตกด้วยส่วนนึง เพราะมีศักยภาพ Focus สินค้าได้เพียงกลุ่มเดียวเท่านั้น ในขณะที่การเติบโตและการแข่งขันของ m43 มากกว่า 4/3 โอกาสจะเข้าไปแย่งส่วนแบ่งการตลาดตรงส่วนของ m43 มีมากกว่า 4/3 ซึ่งคงจะปรับเปลี่ยนส่วนแบ่งการตลาดตรงนี้ยากแล้ว แต่ยังงัยก็ตาม ถ้า Oly ยังแก้ปัญหานี้ไม่ได้ มันก็จะกลายเป็นผีที่ตามหลอกหลอน Oly ไม่มีวันจบวันสิ้นอย่างแน่นอน เพราะไม่ว่าการตลาดส่วนลูกค้าจะดีขนาดไหน แต่ถ้าการตลาดส่วนผู้ขาย กับส่วนของ Logistic ยังมีปัญหาอยู่อย่างนี้ ยิ่งเพิ่มความต้องการอยากได้สินค้าของลูกค้ามากเท่าไหร่ ก็เท่ากับเป็นการเพิ่มปัญหาส่วนนี้มากขึ้นเท่านั้นนั่นแหล่ะครับ... ข้าม Web มา ไม่ใช่เพราะ ThaiD เข้าไม่ได้นะครับ แต่เห็นว่ากระทู้นี้น่าสนใจดี เลยเข้ามา Post มั่ง จากคุณ : Omer เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 14:17:31 A:161.246.73.252 X:161.246.254.167 TicketID:289028

ความคิดเห็นที่ 28 ดีครับ ที่น้า Omer มาแบ่งปันความคิดเห็น เพราะไทยดีก็เป็นบ้านใหญ่ของชุมชนโอลิมปัสเหมือนกัน ตัวสินค้าเองสามารถสร้างชุมชนผู้ใช้ใหญ่ๆ ได้ 3-4 แห่ง ในประเทศเล็กๆ และใน Dpreview เองก็มีฟอรั่มโอลิมปัสตั้ง 3 กลุ่ม มันก็พิสูจน์ได้ว่าโปรดักท์เอง ไม่ได้ขี้เหร่ อาจจะไม่ตอบสนองตลาดแมส แต่ก็มีแฟนในตลาด Niche ที่คอยหนุนไม่น้อย และพาตัวรอดมาได้ตั้งนาน อยู่ๆ ก็สะดุดขาตัวเองหกล้ม หายไปดื้อๆ ตอนช่วง E-3 ตัวโปรดักท์ยังทำกำไรอยู่นะครับค่อนข้างดีด้วย แต่พอพ้นช่วงนั้นก็เงียบไปเลย จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 14:39:44

ความคิดเห็นที่ 29 เราทุกคนในห้อง.. ก็เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ จากคุณ : กระเพราเป็ด เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 14:39:52

ความคิดเห็นที่ 30   ตามมาฟังครับ ความรู้ยังน้อย จากคุณ : PaSaEL (PaSaEL) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 15:32:03

ความคิดเห็นที่ 31 หค.๒๑ โดนใจจริงๆ จากคุณ : lumpoo เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 15:34:09

ความคิดเห็นที่ 32 แง่มๆๆ ตังค์ไม่พอ ไม่งั้นผมจะรอจับเลนส์มือสองมาต่อกับอีห้านี่แหละ ย้ายค่ายกันอย่างนี้แหละน่าช้อนซื้อดีนัก จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 15:52:35

ความคิดเห็นที่ 33 ผมว่า 4/3 ยังไม่ตายหรอกครับ อาจจะเป็นช่วงที่จะเปลี่ยนจากตักแต้เป็นผีเสื้อก็ได้ จากคุณ : หมูขึ้นเขียง เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 15:56:33

ความคิดเห็นที่ 34 อิอิ อันนี้นอกเรื่อง ขออนุญาต พี่นิค ว่างๆๆอ่านหนังสือเล่มนี้กันดูครับ "Perfect Digital Photography" โดย พี่ Jay Dickman และ พี่ Jay Kinghorn olympus เกือบทั้งเล่ม บรรเจิดเทิดเทิงมากๆ 4/3 และ m4/3 เป็นเรื่องเล็กๆไปเลย ยิ่งเล่มจริง เคยจับอยู่ครั้งนึง รูปสวยมากๆ (แต่ยังไม่ซื้อ) ตอนนี้อ่าน e-book ไปก่อน จากคุณ : pomgm2000 เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 16:16:58

ความคิดเห็นที่ 35 พี่แก 2 คน ฉวีวี่วีมากๆๆ อิอิ จากคุณ : pomgm2000 เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 16:18:30

ความคิดเห็นที่ 36 ดูอุปกรณ์ มีมันทุกค่าย อิอิ พี่แกมี 300 , 90-250, และ 14-35 ด้วย ผมดูภาพ 14-35 ของพี่แก โอ ซอสหยุดมากๆ จากคุณ : pomgm2000 เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 16:20:38

ความคิดเห็นที่ 37 ตัวอย่างบางหน้าในหนังสือ โอ เคยเห็นภาพนี้มานานแล้ว ใช้ olympus ถ่ายหรอนี้ จากคุณ : pomgm2000 เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 16:21:55

ความคิดเห็นที่ 38 สุดท้ายแระครับ ภาพนี้ก็เคยเห็นอยู่ 7-14 นี้เอง เย้แล้วเจอกันครับพี่น้อง ขอโทษภาพใหญ่ด้วยนะ จากคุณ : pomgm2000 เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 16:24:14

ความคิดเห็นที่ 39 ให้กิ๊ฟป่อมรูปไหนดีหว่า ... อิ อิ .. .. ขอบคุณน้าโอมเมอร์ ที่ผ่านมาเสวนากันครับ .. จากคุณ : Spyrogira (แดงจุ้น) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 16:35:58

ความคิดเห็นที่ 40 ..กล้องโอลี่มีบุคลิกเฉพาะตัวมากเกินไป มีจุดเด่นของดีอยู่ในตัว แต่บอกใครไม่เป็น.. ...การสื่อแสดงออกถึงจุดเด่นที่มีไปสู่ตลาดวงกว้างนั้น..ล้มเหลว จนต้องกลายเป็นกล้องแบบเลือกผู้ใช้.. ข้อด้อยเรื่อง noise ย่อมยิ่งถูกซ้ำให้เด่น คู่แข่งโจมตีได้ง่าย.. ..เวลาเพื่อนถามผมว่าโอลิมปัสดียังไง..ผมตอบได้แค่ว่า output มันสวย สีมันดี..ซึ่งเป็นคำตอบที่กว้างมาก (จริงๆ มีข้อดีที่เจ๋งมากคือราคารุ่น Entry กับมือสองมันถูกมาก..) ..ในขณะที่ถ้าใช้ canon ตอบได้อย่างเต็มปากว่า ถ่ายคนออกมาสวย ละลายหลังง่าย.. (เพราะมี 50/1.8 มาล่อตะเข้ ให้ขึ้นไปคว้าเลนส์เกรดโปรในภายหลัง...การตลาดสุดยอดจริงๆ) หรือ Nikon ก็บอกได้ว่า สีเจ็บ contrast สะใจ..ใช้แล้วดูเก๋า เพราะเป็นจิ๊กโก๋เก่าตั้งแต่ยุคฟิล์มครองเมือง.. ...จุดอ่อน Oly ที่สำคัญคือเรื่องปัญหาในที่แสงน้อยนี่แหละครับ..ที่ผมว่าเป็นจุดที่เห็นได้ชัด (หลักฐานก็ชัด) เพราะบางสภาพแสง..มองออกเลยว่าถ้าใช้กล้อง oly ในสภาพการณ์แบบนี้(โดยไม่ใช้แฟลช) นี่ หืดจับแน่นอน.. ... ...และแล้ววินาทีที่ควรจะได้ภาพมันก็ไหลผ่านไป..อุปกรณ์คุณไม่พร้อมสำหรับสภาพแสงแบบนี้..จบข่าว.. ...ถ้าไม่รักกันจริงก็ย้ายค่ายเท่านั้นแหละครับ ถ้ายังเสียดายอยู่ก็เพิ่มค่าย..เป็นคำตอบสุดท้าย.. ...อุปกรณ์เก็บภาพที่ถ่ายได้หลายสถานการณ์มากกว่าย่อมได้เปรียบกว่า.. ... .. . จุดเด่นของ Oly ผมว่าคือ โทนสี, มิติ, Texture ...มันเป็นคำตอบที่ผมต้องหาตั้งนานว่าทำไมถึงยังชอบ Oly และมันเป็นคำที่เป็นนามธรรม...เกินกว่าจะแสดงออกมาได้ง่ายๆ ในการโฆษณา Oly ไม่สามารถสร้างคำที่แสดงความเป็น oly ให้ผู้ใช้กล้องให้ชัดเจนได้ทั้งๆ ที่บุคลิกก็โดดเด่น.. . ..เช่น - กล้อง Entry Body เล็กที่ได้ควบคุมได้ระดับโปร... [....ย้ำไปเลยซี่ว่ามีวัดแสงเฉพาะจุดตั้งแต่รุ่น entry] [....ย้ำไปเลยว่ากล้อง oly เปลี่ยนระบบวัดแสงได้แค่ลัดนิ้วมือ (ex. ตั้ง AEL เป็น spot ได้ทันที) ] [....ย้ำไปเลยว่าปรับ WB แบบ Kelvin....ได้ทุกรุ่น ] [....ย้ำไปเลยว่าปรับชดเชยแสงได้ 5 stop (..ผมอึดอัดกับของ canon เรื่องนี้พอสมควร เพราะมันได้แค่ 2 stop) ] [....นี่ยังไม่นับข้อเด่นสุดๆ เรื่องระบบกำจัดฝุ่น เลยนะเนี่ย -- ย้ำไปซี่ว่าเปลี่ยนเลนส์ได้ทุกที่.. ] - กล้องที่ใช้กับมือหมุนได้ดีที่สุด..( infinity ได้..ไม่ต้องเพิ่มชิ้นเลนส์ที่ adapter) - กล้อง DSLR ที่ได้กำไรระยะ Tele (คูณสอง)   - กล้องที่เก็บมิติ Texture และไล่โทนได้สมจริง ในราคาที่เอื้อมถึง - ค่ายอื่นจ่ายแพงกว่า.. (....อันนี้วัดยากหน่อย แต่ก็มีหลักฐานที่เห็นได้ชัด และได้ยินหลายๆ คนก็ยืนยัน ผมเองก็รู้สึกได้ถึงเรื่องนี้ครับ...) - กล้องที่เลนส์คิตมีคุณภาพ optics ดีที่สุด (...เอาเลนส์คิตเป็นพระเอกไปเลยก็ได้ คุณได้ optics แบบนี้ในราคาเท่านี้..ไม่ต้องวิ่งหาเลนส์ใหม่ให้วุ่นวาย..555) ...เท่าที่ผมนึกเอกลักษณ์ 4/3 ของ Oly คือ -> กล้อง DSLR ราคาพร้อมใช้..ได้คุณภาพระดับโปรแบบสบายกระเป๋า (..มั่นใจเพราะลอง 50D มาระยะหนึ่ง รู้สึกได้เลยว่า ต้องเลนส์ดี..ภาพถึงจะแหล่ม.....) เท่าที่นึกออกก็มีเท่านี้ อย่างที่น้าอะธีลาสว่าแหละ...ว่าการตลาดไม่ค่อยมีมุก..ทั้งๆ ที่ตัว product มุกเยอะ.. ..นี่ยังดีที่ กล้องตระกูล Pen มันโดดเด่นจริงๆ เลยครองตลาดได้บ้าง....แต่ต่อไป..ไม่รู้.. ..ยังไงก็ตาม ส่วนตัวยังรอ E3 หรือ E30 ราคาแบบชิลๆ ที่กระดานมือสองอยู่นะ.... ..อ้อ..เลนส์ 4/3 ทั้งหลายด้วย...เพราะภาพแบบ oly มันติดตาไปแล้วน่ะซี... จากคุณ : ป๊าตัว art (แม่ยู้-ลูกหมูนะโม) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 18:09:49

ความคิดเห็นที่ 41   เหมือนตอนที่โอลิมปัส เลือกทำกล้องDSLR ไปช่วงหนึ่ง ก่อนจะกลับมาเป็น 4/3 สะเทือนวงการรึป่าว นี่ก็ประกาศหยุดพัฒนา 4/3 แต่ ซุ่มไปทำอะไรแน่ๆเลย ต้องมาพร้อมกับระบบใหม่แน่นอน น่าจะเป็น 3CCD ในขนาดCCD ที่ใหญ่กว่าเดิมแน่นอน จากคุณ : LiFEillusion เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 18:11:42

ความคิดเห็นที่ 42 ขอบคุณ น้า Omer เห็นภาพชัดเจนขึ้น จากคุณ : E20PBO เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 18:14:04

ความคิดเห็นที่ 43   ถ้าจะทำตลาด mass ก็ต้องใหุ้ถูกใจคนส่วนใหญ่ อย่างเช่น นิค หนอน เน้นขายมาก กำไรต่อหน่วยอาจจะน้อยหน่อย เน้นโฆษณาไว้ก่อน ้ถ้าจะทำตลาด niche ก็ต้องมีจุดเด่นที่ไม่เหมือนใคร เช่น ริโก้ ไลก้า ไม่เน้นขายมาก กำไรต่อหน่วยก็ต้องเยอะ แต่ก็มีแฟนๆคอยชาบู ประเด็นคือ โอลี่ทำตลาดแบบก้ำๆกึ่งๆ ไม่รู้จะไปแบบไหนดี ออกตัวมาอาจจะค่อนข้าง niche แต่พอทำๆไปขายดีขึ้น ก็อยากจะ mass สุึดท้าย โปรดักต์มันเลยออกมาค่อนข้าง ไร้ทิศทาง สรุปสั้นๆคือ จะไป mass สู้เค้า แล้วสู้ไม่ได้ นั่นแหละ บอดี้อย่าง E-450 E-600 จะคิดทำออกมาทำไมให้เปลืองทรัพยากรก็ไม่รู้ เลนส์นอร์มอลก็ทับช่วงกันตัวแล้วตัวเล่า จริงอยู่ที่พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้ัน แต่มันก็ทำให้ เสียทรัพยากรที่จะไปพัฒนาช่วงเลนส์อื่นๆ ที่ีลูกค้าต้องการ โดยเฉพาะพวกเลนส์ฟิกซ์ทั้งหลาย ที่มันเหมาะกับบอดี้เล็กๆของโอลี่ ในขณะที่ บอดี้แบบ E-1 E-3xx ที่ก็ยังมีลูกค้าเก่าเรียกร้องให้อัพเกรด ก็จับโยนทิ้งไปหมด ลูกค้า niche เหล่านั้นก็เซ็งเป็ดไปตามๆกัน ส่วนตลาดเมืองไทย ที่โอลี่ไม่เกิด ผมมองง่ายๆเลยคือ ไม่มี 50/1.8 แค่นั้นจริงๆ... เมืองไทย ส่วนใหญ่คนซื้อ DSLR มาถ่ายชัดตื้น เพราะกล้องเล็กมันทำไม่ได้ ซื้อ DSLR โอลี่มาแล้วถ่ายชัดตื้นไม่ได้ แล้วจะซื้อทำไม ^^" อันนี้ไม่ได้มาถกกันเรื่องชัดตื้นชัดลึกสำคัญอะไรยังไงนะครับ ว่ากันในแง่ธุรกิจล้วนๆ ความต้องการของตลาด เป็นอย่างนั้นครับ... จากคุณ : eMile เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 18:20:26 A:112.142.224.37 X: TicketID:287407

ความคิดเห็นที่ 44 i think like that จากคุณ : อย่าร้องไห้น้า เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 19:34:52

ความคิดเห็นที่ 45 ขอบคุณน้าOmerครับ จากคุณ : LIVE 4 LIVE เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 19:56:14

ความคิดเห็นที่ 46 คนเรามักจะมองของคนอื่นดีกว่าตัวเองเสมอ ทำไม่เราไม่มามองข้อดีของ Oly ที่โดดเด่นกว่าค่ายอื่นๆ เช่น Noise สวยมากๆ (เมื่อ Process ผ่าน Olympus studio), มีแนวคิดในการพัฒนากล้องแตกต่างจากค่ายอื่นๆ ผมมองว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคนะครับ จะได้มีทางเลือกเยอะขึ้น และจุดที่สำคัญที่สุดเลนส์ที่ประทับตรา Oly ไม่มีเลนส์ต่ำกว่า Standard grade เลยดังนั้นจึงไม่มีข้อแม้ที่จะต้องหนีไปหาเลนส์นอกค่าย จากคุณ : poo_wr เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 21:07:21

ความคิดเห็นที่ 47 มันจะล้มเหลวด้านไหนก็แล้ว แต่ด้านแนวคิดกะเอกลักษณ์มันประสบความสำเร็จที่ใจผมไปแล้วครับ = ='' จากคุณ : Dont Be Serious เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 22:24:40

ความคิดเห็นที่ 48 กลับมาที่ computer อีกที มองย้อนหลังไปซัก 10 ปีที่แล้ว ยุคที่ dSLR เริ่มเกิด ตอนนั้น โลกมี Mac OS และ MicroSoft Windows ถ้าถามว่า อะไรดีกว่า ... นักคอมพิวเตอร์ ทุกคน จะบอกว่า Mac OS เหนือชั้นกว่า Windows ทิ้งห่างชนิดไม่เห็นฝุ่น แต่ ด้วยการตลาด ด้วยความเข้าใจในจิตใจ ลูกค้า ด้วยความรู้ชัดถึงความต้องการของมหาชน vs ด้วยการเอาแต่อารมณ์วิศวกรผู้ออกแบบ ด้วยความไม่สนใจ จิตใจ ลูกค้า ด้วยความไม่ยอมรู้ ถึงความต้องการของมหาชน MacOS .. เดี้ยง จน Apple Inc เกือบล่มจม ในขณะที่คนใช้ windows ใช้ไป บ่นไป ด่าไป (ใครยังจำ Windows ME ได้บ้าง .. ยิ่ง Win 95 ด้วย .. อี๊!!!!!!!!!!!!) และ M$ ก็เจริญเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ และเรื่อยๆ ... Olympus ทำอะไร เดินซ้ำรอย Mac ชัดๆ ในขณะที่ Canon .. ทำแบบเดียวกับ M$ .. เป๊ะ Nik? ... เขามันพวก IBM เก่า Inferior But Marketable จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 22:52:35

ความคิดเห็นที่ 49 เห้นด้วยกับ คห.40 ป๊าตัว art (แม่ยู้-ลูกหมูนะโม) มีดีแต่ไม่รู้จักพูด รูป 12MP ที่ดีที่สุด (วัดด้วยอะไร) แต่ชาวบ้านเวลาเขาพูด เขาพูดสิ่งที่จับต้องได้ เช่น DR เพิ่มขึ้น 2 สต๊อป น๊อยส์น้อยกว่าที่ ISO สูงขึ้น ฯลฯ เห็นด้วยกับน้าแมว ว่ากำลังย่ำรอยแม๊ค จากคุณ : Blue Planet Earth เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 01:00:41

ความคิดเห็นที่ 50 ไม่รู้สึกว่าล้มเหลวนะครับ เพราะมันครองใจคนใช้มากๆเลย พวกข้างบนนี่คงย้ายไปหมดแล้วล่ะถ้าไม่ดีจริงใช่ไหมครับ? ล่าสุดไปถ่ายภาพในโรงงานญี่ปุ่นมา น้องที่พาเดินชมโรงงานเล่นกล้องด้วยทั้งหนอนและนิค ถามเราว่าทำไมพี่ๆหลายคนที่เค้ารู้จักรวมทั้งผมด้วยใช้ Olympus ล่ะ? ผมหันไปยิ้มและตอบกลับไปสั้นๆ...ชอบสีครับ(เป็นสิ่งที่เดียวที่ยึดให้ไม่ไปค่ายอื่นจริงๆครับ) จากคุณ : ahced เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 01:05:47

ความคิดเห็นที่ 51   สำหรับผมนะ คิดแบบคนทั่วไป ลูกแม่ค้าข้าวแกง ไม่มีความรู้เรื่องการตลาด เทคโนโลยีการผลิตกล้อง ใดๆ ผมกลับคิดว่า Oly แยบยลมาก เพราะเวลาไปถามคนใช้โอลี่ว่า ทำไมถึงใช้หรือทำไมไม่ย้ายค่าย คำตอบต้นๆ คงจะเป็นเพราะสีและ lens แล้วถ้าถามว่า ทำไมถึงอยากย้ายค่าย คำตอบต้นๆ ก็ตอบว่า noise ไม่รู้ผลรีวิวจะออกมายังไง แต่เห็นๆ กันอยู่ว่า เราก็ต้องการแค่ noise นี่แหล่ะ อย่างอื่นแค่น้ำจิ้ม และผมเชื่อว่า E-5 จะทำเรื่อง noise ได้ดี(ขึ้น) ซึ่งลูกค้าก็คงพอใจในระดับหนึ่ง สีก็กลับมาแบบ E-1 ส่วน lens ไม่ต้องแตะ เพราะคนพอใจอยู่แล้ว ตอนนี้จึงเป็นเวลาที่จะตักตวงกับ m4/3 ไม่ใช่เพราะมันคืออนาคตของโอลี่ แต่เพราะน้ำมันไม่ได้ขึ้นตลอด นิกส์ก้ว่าไป แต่เมื่อไรที่หนอนมา น้ำก็ลง ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องทิ้ง 4/3 มันไม่ได้แย่ขนาดจะหันหลังให้หรอก สุดท้ายที่เห็นน้าๆ คอมเม้นท์กันก็ยังไม่เห็นใครมั่นใจว่าจะย้ายค่ายแน่นอน นั่นแหล่ะที่สะท้อนว่า E-5 เอาอยู่ :) ขอบคุณครับ จากคุณ : bluePensive เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 02:54:02

ความคิดเห็นที่ 52 สมัยที่ Mac ยังเป็น Mac ลูกค้า Mac ก็บ่นกันกระจาย ส่วนหนึ่ง ที่ทนไม่ไหว ต้องย้ายค่ายมา windows ก็มี เพราะ Mac ไม่มีสิ่งที่ลูกค้าต้องการ อาทิ เกมส์ดีๆ ซื้อคอมพ์ ราคาเป็นแสน แต่เล่นเกมส์ดังๆไม่ได้เหรอ!!! นั่นคือสิ่งที่สาวก Mac ถามถึงบ่อยๆ แถมหาอะไหล่ upgrade ไม่ได้ .. แทบไม่มี hardware house ที่ไหน ผลิตอุปกรณ์ที่เสริมค่าของ Mac เลย ซื้อ  Mac มา มี RAM 256MB ก็คือ มี 256MB จะ up เป็น 512MB เนี่ย แทบเรียกว่า ต้องไปเรียนวิทย์คอมพ์จบ ป.เอกมาซะก่อน แต่ Apple Inc ก็ไม่ใส่ใจ ปล่อยให้ทุกอย่างมันร่วงโรยไปเรื่อยๆ & เรื่อยๆ และให้ win-tel ซึ่งจัดการสีสันไม่ได้เรื่อง ไม่มีความเสถียรของทั้ง OS และ hardware .. ก้าวไปอย่างช้าๆ h/w ที่ซื้อมาไม่ได้เรื่อง ก็ค่อยๆ upgrade ีuser รู้สึกว่า เออ! ตรูก็เก่ง เป็นเจ้า่ของเครื่อง ทำอะไรให้เครื่องมันดีกว่าเดิมได้ ทั้งๆที่ up เสร็จ ก็คือ Mac นั่นแหละ ทั้งๆที่แพงกว่า และจะว่าไป ก็ยังไม่ stable!!! สาวก win-tel ได้แต่ทำไป บ่นไป แต่มันพอใจที่ได้ทำ ในขณะที่สาวก Mac .. ใช้ไป ทำงานไป บ่นไป ไม่พอใจ ที่ทุกอย่างมันทำงานได้ ตอนนั้น ถ้าไม่ได้ Adobe & the gang ช่วยไว้ Mac ตายเรียบร้อยแล้วครับ ตอนนี้ .. สิ่งที่ทำให้ Apple รุ่งเรือง ไม่ใช่ computer แต่เป็นอุปกรณ์ติดตัวขนาดจิ๋วๆ ที่ไม่ได้ทำให้การทำงานดีอะไรขึ้นมา เป็นอุปกรณ์ที่แทบไม่เกี่ยวอะไรกับ computer ด้วยซ้ำ iPod & iPhone ซึ่งไม่ใช่ผลงานของฝ่ายวิจัย & พัฒนาเลยซักนิด แต่มันเป็น Killer App ได้ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 06:56:01

ความคิดเห็นที่ 53 เข้ามาชื่นชมกระทู้นี้ นานๆ จะมีแบบนี้สักทีหนึง จากคุณ : banhong เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 08:01:02

ความคิดเห็นที่ 54 อ่านแล้วมีกำลังใจมากๆ ครับ จากคุณ : ahced เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 09:34:51

ความคิดเห็นที่ 55 เข้ามาอีกที ถึงได้รู้ว่าคุ้ยไปลึกๆ โอลี่ เรามีดีแฝงอยู่เยอะแยะมากมาย ผมหลบไปบ้านเล้ก(m4/3) ไม่ใช่เพราะไม่ชอบ 4/3 แต่เป็นเพราะ ชีวิตนี้ชอบสิ่งเล็กและเบา จากคุณ : แพรมรกต เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 10:20:36

ความคิดเห็นที่ 56 เห็นด้วยกะคุณeMile  คห.43 โอลี่หมือนจะ niche แต่ออกกั๊กๆ ส่วนเลนส์fix สว่างๆถูกๆก็ไม่ทำมาซ่ะงั้น -*- จากคุณ : azoons เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 10:48:34

ความคิดเห็นที่ 57 - ยอดขายในระดับโลก ต่อให้ได้สักที่ 5 ผมว่ามันก็ยังมีกำไรเบิกบานพอควร ด้วยจำนวนแล้ว จึงไม่คิดว่าล้มเหลวนะครับ - แล้วในการพัฒนา ก็คงต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งคาดว่าเอาคนไปทุ่มไปลง m4/3 อยู่ในขณะนี้ ระบบ 4/3 ก็เลยช้าหน่อย ปล. ผมคิดของผมแบบนี้นะ ผิดถูกไม่รู้อะ 55 จากคุณ : คิดง่ายๆแบบด้อยประสบการณ์ (ทะเลลงตับ) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 11:48:09

ความคิดเห็นที่ 58   ่้ผมเห็นด้วยกับ #27 ครับเห็นได้ว่า ตามร้านกล้องใหญ่หรือเครื่องหิ้วมันแทบไม่มี Oly วางเลย และอีกอย่างความต่อเนื่องของสินค้า พอมีรุ่นใหม่ออก รู่นเก่าหาซื้อไม่ได้ รุ่นใหม่ก็ยังแพง ในขณะที่ Can/Nik รุ่นใหม่วางขาย รุณเก่าก็ยังหาซื้อใด้ มีทางเลือกเยอะกว่า เลนส์นส์ก็ออกมานิดเดียว ถูกๆพอใช้งานก็ไม่ทำ ทำแต่ดีีๆแพงๆ ผู้ใชงานส่วนใหญ่อัด รูปแค่ 4x6 SHG ไม่เหมาะกับกลุ่มนี้ คิดออกแค่นี้ครับ จากคุณ : LTS (Littlesize) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 11:49:44

ความคิดเห็นที่ 59 เห็นภาพจาก 7-14 แล้วคิดถึง ถึงตอนนี้ยังไม่มีเลนส์ตัวไหน ค่ายไหน ทำให้ผมประทับใจเท่ากับ E3, 7-14 เลย จากคุณ : Khomsiri เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 13:50:48

ความคิดเห็นที่ 60 เข้ามาอ่านความเห็นของแต่ละท่าน ความคิดเห็นเชิงบริหาร และกลยุทธทั้งนั้นเลยครับ อ่านแล้วได้ความรู้ดี ชอบๆๆ จากคุณ : Teetaro เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 18:51:04

ความคิดเห็นที่ 61 อ่านได้บันเทิงดีครับกระทู้นี้ แลกเปลี่ยนทัศนะกันได้ดีมากๆทุกคนเลย ดูอีกที ตรูให้กี๊ฟไปมีแต่หมอหมดเลย นี่ถ้าคุณหมอเลคซัสแมนมาอีกคน สงสัยได้แจกก๊๊ฟไปอีกแน่ๆ จากคุณ : jynx เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 21:56:38

ความคิดเห็นที่ 62 เห็นหลายๆท่านเข้ามาอ่าน ผมเลย งงๆ ว่า เอ๊ะนี่มันกระทู้คนรัก Olympus หรือ กระทู้ตามหัวข้อ " ทำไม Olympus DSLR ถึงล้มเหลว " ความชอบส่วนบุคคล ไม่เกี่ยวกับเรื่องความสำเร็จ ไม่เกี่ยวกับเรื่องการตลาด หากทำการค้า ไม่สามารถครองใจลูกค้าได้ สักวันมันก้อล้มเหลว ที่บอกว่าแค่แชร์ส่วนตลาด 5% ก้อกำไรมโหราญ แต่ที่เราไม่รู้ต้นทุนความคิดและการผลิตมันเท่าไหร่กันแน่ หรือบริษัทเค้ามีเป้าในการทำกำไร ถ้าไม่ได้ตามนี้เค้าก้อหยุดพัฒนา เพราะเอาทุนและมันสมองไปทำ product อื่นดีกว่า ขนาด IBM ยังทิ้ง PC และ Notebook ให้ Lenovo ไปทำตลาดเองซะเลยทั้งที่ตลาดแบบนี้ขายได้สูงและยิ่งใช้ Brand IBM ก้อสามารถขายได้สุดโต่ง แต่....... ราคามันฟัดกันน่าดู กำไรมันน้อยมาก สู้มารุกกับตลาด Enterprice ไม่ได้ ฟันหัวแบะ.. จากคุณ : E20PBO เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 07:54:10

ความคิดเห็นที่ 63 พอมามองดูสินค้าจุดแดงๆ โอลิมปัสดูเหมือนจะทำสินค้่าตรงกันข้ามกับค่ายนั้นโดยสิ้นเชิง ภายนอกเรียบหรูบางๆแบบเรนจ์ไฟน์เดอร์เล็กๆ แต่ภายในเครื่องยนต์ไม่รู้ว่ากี่แรงม้ากัน เป็นตลาดเฉพาะกลุ่มเหมือนกันแต่คนละสไตล์กันโดยสิ้นเิชิง จากคุณ : ปะเลอะปะเต๋อ เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 08:15:04

ความคิดเห็นที่ 64 ผมว่าอีกไม่นาน ไม่กี่ปีนี้แหละครับ  Olympus จะทิ้งทุกอย่าง เหลือแค่ Compact และ/หรือ m4/3 เท่านั้น แต่ไม่แน่อาจจะทิ้ง ทั้งหมด เพราะตลาดค่อยๆ เล็กลง  เพราะว่านี่ขนาดแค่ SONY ปล่อย NEX มา Market Share ของ Mirrorless ของ m4/3 ลดลงเหลือไม่ถึง 50% ภายในเวลาไม่กี่เดือน  ถ้า Nikon กับ Canon ปล่อยของออกมา  คุณคิดว่า Oly จะเหลือสักเท่าไร ในที่สุดก็คงไม่เกิน 5% เหมือนเดิม ... ไม่คุ้มค่า R&D ดูจากประวัติศาสตร์ของ บ. Oly แล้ว ทิ้งมันหมด ตั้งแต่สมัย SLR มาแล้ว เหลือแต่ Compact 35mm แต่สมัยฟิลม์ มันไม่ต้อง ลงทุน R&D มากมายอะไร แต่สมัย Digital ทำ Compact ก็ยังต้องลงทุน R&D มากมายถึงจะสู้คู่แข่งได้ ไม่งั้นตาย .... อย่าลืม "History repeats itself". อีกเรื่องหนึ่งที่บอกว่า Sensor 4/3  Noise มากกว่า นั้นผมว่าไม่จริง เลยอยู่ที่ความสามารถของ Software มากกว่า ดู E-620 เทียบกับ E-PL1  Sensor ตัวเดียวกันหรือคล้ายกันมาก แต่ Image Processor ห่างชั้นกันมาก E-PL1 สร้างภาพได้ดีกว่ามากๆ โดยเฉพาะเรื่อง Noise นี่ระดับเดียวหรือดีกว่า Pentax K-x (ซึ่งถือว่าดีที่สุดในปี 2009) คนอื่นเขาใส่จอ LCD ที่ีมีความละเอียดสูง มาตั้งแต่ปีก่อน Olympus ยังยืนยันใช้ของเก่าความละเอียดต่ำอยู่อีก จะเห็นได้ว่า Olympus ไม่ได้ทุมเท ที่จะพัฒนาให้เหนือคู่แข่ง เพียงแต่ทำตามเขาให้ทัน (กว่าจะทันก็เป็นปีสองปี) ซึ่งในโลกของ digital มันช้ามาก  ดูการต่อสู้แล้ว เหมือน Oly จะเริ่มยกธงขาว ขณะที่ Pentax สู้ตาย ถอยไม่ได้อีกแล้ว Oly กลับบอก ตรูไปทำอย่างอื่นดีกว่า   สิ่งดีๆ ที่ Olympus ทำมีตั้งหลายอย่างและจะประดับไว้ในประวัติศาสตร์ อาทิ  ระบบกำจัดฝุ่นที่ใช้ได้จริง Liveview และ IBIS เป็นต้น  ในแง่ของ วิศวกรรมและนวตกรรม Olympus ก็เก่งจริงอย่างที่เคยเป็นมาในประวัติ ศาสตร์  ซึ่งว่าไปแล้วก็คล้ายกับ รถยนต์ยี่ห้อ Mazda ที่มีสิ่งดีๆ คิดอะไร เยี่ยมๆ ได้มากมาย เช่นระบบการเลี้ยว 4 ล้อแบบ Passive (ปลาย 1980s- ต้น 2000s)  เครื่องยนต์ Rotary  เครื่องยนต์ Miller  ความทนทาน สมบุกสมบัน (เป็นญี่ปุ่นรายเีดียวที่เคยชนะ เลอ มัง) แต่มาร์เก็ตติ้งไม่เก่ง (เพิ่งเริ่มมาดีขึ้นมากๆ ก็ตอน Mazda 3 นี่แหละครับ)  ดูๆ ไปก็ไม่ต่างกัน เท่าไรนัก ว่าไปแล้ว ก็เป็นเหตุผลที่ผมชอบและใช้ Olympus นะครับ ของดีๆ มักคุยไม่เป็น  (เคยใช้มาสด้า ของเขาเยี่ยมจริงๆ) จากคุณ : SuperY เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 09:30:16

ความคิดเห็นที่ 65 ถ้าเปรียบกับคน... คนบางคนเป็นนักคิด,นักประดิษฐ์ แต่ทำการค้าไม่เป็น ไม่รู้จะทำกำไรจากความคิดตัวเองได้อย่างไร คนพวกนี้มักเป็นอัจฉริยะที่มักไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร แต่สนใจว่าตัวเองอยากทำอะไรมากกว่า  หลายคนตายจากโลกนี้ไปโดยไม่เคยมีใครตระหนักถึงสิ่งที่เขาทำ แต่คนบางคนความรู้เชิงวิชาการไม่มี...ความคิดสร้างสรรค์ไม่บรรเจิด แต่เรื่องหัวการค้าไม่เป็นรองใคร...จับเอาขี้หมามาใส่ขวดก็ขายได้ คนเหล่านี้ไม่เคยสนใจว่าของที่ตัวเองขายเป็นอย่างไร แต่สนใจว่าจะขายมันอย่างไร และสนใจว่าคนซื้อจะคิดอย่างไรกับสินค้าที่ตัวเองขาย... ประเภทว่าความเชื่อคือความจริง หากทำให้ลูกค้า"เชื่อ"ได้ว่าสิ่งตนขายมันดี ...สิ่งนั้นมันก็ดี เปรียบกับบริษัทผู้ผลิตกล้องปัจจุบันนี้...คิดว่าบริษัทไหนยี่ห้อใดเป็นคนประเภทไหนกันบ้างล่ะครับ จากคุณ : DrGunner เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 10:31:49

ความคิดเห็นที่ 66 ยิ่งอ่าน ยิ่งได้มุมมอง หลายความคิดเห็นช่วยขยายในสิ่งที่ผมไม่เคยคิดเลย ขอบคุณมากครับ  อืมมมมต้องคิดให้มากๆหน่อยแล้วเรา จากคุณ : ทะเลลงตับ เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 53 11:14:08

ความคิดเห็นที่ 67 ตัวกล้องและพวกอุปกรณ์ของมันก็เปรียบเหมือนสินค้าที่เป็น ศิลปะอย่างหนึ่ง   ช่วงแรกๆ ยากที่จะทำความเข้าใจได้ลึกซึ้ง   แต่เพราะว่ามีลายเซนต์จากผู้สร้างสรรค์ผลงานกำกับไว้   จึงทำให้พวกเรา ย่อมอยากได้ครอบครองเป็นเจ้าของไว้ก่อน     แต่หลังจากได้ลองใช้งาน ดูสักพักแล้ว  ก็พอจะเข้าใจความหมายของศิลปะชิ้นนี้ได้ จากคุณ : NAF เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 53 20:31:07

ความคิดเห็นที่ 68 ผมใช้ olympus เพราะผมรัก olympus จากคุณ : Pong Cool (deekw) เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 53 20:35:00