ความคิดเห็นที่ 1   ตอบน้าไม่ได้ ขอตามเข้ามามุง แต่ก็มีความสงสัย ว่าวัดยังไง สั่นเท่ากัน คิดว่าต้องเทียบกับ เวลาด้วย จากคุณ : dji_2000 (dji_2000) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 22:41:02

ความคิดเห็นที่ 2 ที่ว่าเบนไป 5 องศา บน 23 มม. กับ 35 มม. นั้น ก็ต่างกันนี่ครับ ทำไมไม่ต่าง ลองสมมุติ ให้เห็นภาพมากขึ้นนะครับ เซ็นเซอร์กล้องยี่ห้อ XXX ออกแบบเซ็นเซอร์เล็กมากมีครอปแฟคเตอร์เป็น คูณ 10 เซ็นเซอร์เล็กนิดเดียว ใช้เลนส์ 50 มม. สปีด 1/100 วางกล้องห่างเท่ากัน เหมือนๆกับที่ จขกท บอก 5 องศาบนเซ็นเซอร์เล็กๆแบบนั้น คงเท่ากับ"กระเพื่อม"ทั้งภาพเลย จริงไม๊ครับ จากคุณ : Ingrid เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 22:59:10

ความคิดเห็นที่ 3 ตาม คห.2 เลยครับ ผมขอมาขยายความให้มันงงมากขึ้น... คือระยะปลายเลนส์ตัวเดียวกัน บน FX กับ DX กระดก 5 องศา มันเท่ากันจริงครับ!! แต่เนื่องจากว่าสัดส่วนของภาพใน DX เล็กกว่า ทำให้สัดส่วนของการเคลื่อนในภาพของ DX มีมากกว่าใน FX ครับ สมมติเป็นตัวเลขก็ได้ ห่าง 3 เมตร ปลายเลนส์กระดกขึ้น 5 องศา ตำแหน่งที่ปลายเลนส์ชี้ไปที่แบบที่ 3 เมตรนั้นมันจะเคลื่อนขึ้นไป 3 ซม. (สมมติตัวเลขนะครับ) แต่เนื่องจาก FX เก็บภาพได้กว้างกว่า สมมติว่าที่ระยะ 3 เมตรนั้น ส่วนสูงของภาพที่ FX เก็บได้คือ 1.5 เมตร สัดส่วนที่เบลอก็คือ 3/150 แต่ถ้าเป็น DX จะเก็บภาพได้สูงแค่ 1 เมตร ในขณะที่การเคลื่อนขึ้นนั้นยังเป็น 3 ซม เท่าเดิม เพราะฉนั้นสัดส่วนการเบลอในภาพของ DX ก็คือ 3/100 ซึ่งมากกว่า FX ครับ งงกว่าเดิมมั้ยครับ 5555 จากคุณ : bankboop เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 00:47:29

ความคิดเห็นที่ 4 ผมว่าถ้า pixel density ของ FX กับ DX มันเท่ากัน มันจะเบลอเท่ากันครับ แต่ถ้าลองสมมุติว่า FX กับ DX มีจำนวนพิกเซลรวมเท่ากัน ในกล้อง DX พิกเซลมันจะไปกระจุกอยู่ใน 23mm แทนที่จะเป็น 35mm ใน FX ก็เลยเห็นเบลอมากกว่า เพราะการขยับในระยะทางเท่ากัน มันตรงกับจำนวนพิกเซลที่มากกว่าใน DX ตามที่คุณ Ingrid บอกครับ จากคุณ : PSP2 SG86 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 00:48:50

ความคิดเห็นที่ 5 ^ ^ ผมเข้าใจว่า จขกท อยากรู้.. คงไม่ได้ซีเรียสอะไรกับมันมากหรอก จริงมั้ยครับ แต่ถ้าใครจริงจังกับกฏนี้มากๆ... ผมอยากจะแนะนำว่า "อย่าคิดมาก" เลยครับ ไอ้หลักการ 1/FL เนี่ย มันเป็นแค่ guideline ที่หยาบมากๆเลยครับ แล้วแต่บุคคลจริงๆ น้าถ่ายบ่อยๆน้าก็จะรู้ได้เองครับว่าเลนส์แต่ละตัวที่น้ามี น้าถือได้นิ่งสุดเท่าไหร่ครับ จากคุณ : bankboop เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 00:52:18

ความคิดเห็นที่ 6   ^ ^ ใช่เลยนะ อย่าไปเครียดอะไรมากกับตัวเลขพวกนี้เลย ทฤษฎี ใช้เป็นแนวทาง ที่น่าจะทำตาม แต่ไม่ใช่ทั้งหมด จากคุณ : DSkong เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 01:08:22

ความคิดเห็นที่ 7 ตามคคห.ต้นๆ เลยครับ นอกจากนั้นที่ทางยาวโฟกัสสูงๆ เช่น 300+มม. หลักนี้ก็ใช้ไม่ได้อีก จากคุณ : Pseudonoise เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 01:35:30

ความคิดเห็นที่ 8 ผมเข้าใจว่าเจ้าของกระทู้ไม่ได้สนใจเรื่องกฎนี้เท่าไหร่ว่าใช้ได้จริงไม่จริงอย่างไร แต่คงสนใจว่าทำไมกฎของกล้องสองฟอร์แมทนี้ถึงไม่เหมือนกันมากกว่า ผมขออธิบายแบบไม่ตรงเป๊ะ แต่พอให้นึกภาพออกแบบนี้ครับ ถ้ากล้องกระดกด้วยองศา และความเร็วเท่ากัน ถึงตำแหน่งของจุดภาพบนเซ็นเซอร์เมื่อเริ่ม และจบการเปิดรับแสงจะเปลี่ยนเท่ากัน (ในสมมุติฐานที่ว่าระยะท้ายเลนส์เท่ากัน ทางยาวโฟกัสเท่ากัน เวลาเปิดรับแสงเท่ากัน ต่างกันเฉพาะขนาดเซ็นเซอร์) แต่จุดภาพ "บนภาพ" จากเซ็นเซอร์เล็ก จะเปลี่ยนตำแหน่งไกลกว่าเซ็นเซอร์ใหญ่ครับ การคิดค่าความเบลอ เราคิดที่ขนาดจุดภาพ - Circle of Confusion จุดภาพบน เซ็นเซอร์เล็กกินพื้นที่บนภาพมากกว่า ทำให้ขนาด CoC มากกว่า หรือเบลอมากกว่านั่นเอง ดังนั้นถ้าเราเปิดรับแสงในเซ็นเซอร์ใหญ่ นาน 1/ทางยาวโฟกัส เราก็ต้องเปิดรับแสงในเซ็นเซอร์เล็กนาน  1/ทางยาวโฟกัสเทียบเท่า เพื่อชดเชยการเปลี่ยนตำแหน่งเชิงมุมให้ลดลง หรือกินพื้นที่บนเซ็นเซอร์น้อยลง เป็นผลทำให้จุดภาพกินพื้นที่บนภาพเท่ากับเซ็นเซอร์ใหญ่ หรือมีความเบลอเท่ากัน อันนี้เป็นเหตุผลเบื้องหลังที่ว่าทำไมกฎนี้ ในเซ็นเซอร์ต่างขนาดกัน จึงได้ค่าความไวชัตเตอร์ไม่เท่ากัน จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 06:12:19

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณทุกท่านครับ ไม่ได้ซีเรียสครับ 1/ทางยาว ไม่ต้องเรียกกฎก็ได้ อยากเรียกไกด์ไลน์มากกว่าเหมือนกัน ถ้าใครนิ่งพอ ก็ไม่ต้องพิจารณาตรงนี้ ผมก็คิดประมาณว่า 5 องศาเทียบที่ 35 กับ 23 มม. มันก็ต่างกัน แต่อยากหาความคิดเห็นอื่นมาสนับสนุน หรือใครขัดแย้ง แบบอธิบายได้ก็รับฟัง แจกกีบรับสิ้นเดือนครับ จากคุณ : AprilSnow เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 06:16:27

ความคิดเห็นที่ 10 เรื่อง 1/f ที่มาเป็น guide line มันมีที่มาที่ไปที่ยาวนานพอสมควร ในยุคสมัยที่ฟิล์มยังยิ่งใหญ่ แอนนี่ก็หัดถ่ายภาพมาเยอะ ไปลงเรียนกับคอร์สที่ออสเตรเลีย ร่วมกับเพื่อนๆอีกหลายสิบคน .. เรียนกะอาจารย์นิค ซึ่งเป็นช่างภาพยิ่งใหญ่สายเฮียฮี้ฮี้ ... ที่ไม่หล่อแล้วยังสุดโหด ด้วยความที่หนูแอนน์เป็นคนช่างสังเกตุ และช่างจด ช่างจำ .. หนูแอนน์จึงพบว่า ภาพที่ถ่ายออกมาแล้วภาพเละเทะ เพราะความเบลอนั้น ไม่เหมือนกัน บางภาพเบลอมาก และบางภาพเบลอน้อย ดูเผินๆเหมือนไม่มีกฏเกณฑ์ แต่เมื่อโดนอาจารย์นิคดุมากๆ ว่า อย่าถ่ายอย่างเดียว ให้ทำ visual log ด้วย เพื่อพัฒนาฝีมือตัวเอง แต่หนูแอนน์ไม่ร้องไห้ เพราะโดนดุ & โดนด่าพร้อมกับเพื่อนๆอีกขโยง จึงทำหน้าระรื่นต่อ ก่อนจดๆๆๆๆๆๆ แล้วเอามาคิด วิเคราะห์ว่าปัญหาความเบลอ เกิดเพราะอะไร????? เพราะฟิล์ม? เพราะน้าฮ้อ? เพราะ ฯลฯ หลังจากเก้าเดือน หนูแอนน์รวบรวมข้อมูลได้มากพอ และพบว่า ... tadaaaaaaaaa ... ความเบลอทั้งมวล ไม่ได้ขึ้นกับฟิล์ม, แสงสว่าง, Reciprocal Sucking Effect(RS effect) หรือ ความโหดร้ายของ อ.นิค แต่ ภาพที่เบลอนิดหน่อย พอดูได้ .. เกิดเมื่อใช้สปีด ที่ใกล้เคียงกับความยาวโฟกัสเลนส์ที่ใช้ !! ถ้าใช้เลนส์ความยาวโฟกัส มากกว่า สปีดที่ใช้  .. ภาพส่วนใหญ่ จะเบลอมาก จนอาจตรวจ DNA ไม่ได้ ถ้าใช้เลนส์ความยาวโฟกัส น้อยกว่า สปีดที่ใช้ .. ภาพก็จะไม่ค่อยเบลอ หนูแอนน์ นำข้อสรุปของตน ไปตรวจทานกับพี่แคทฯ ก็พบว่า เป็นลักษณะเดียวกัน แม้ภาพสมัยที่เอลเวีย และเซร่าถ่าย ตอนเริ่มเรียนใหม่ๆ ก็พบลักษณะเดียวกัน คือ ถ้าใช้เลนส์ ความยาวโฟกัส = f ภาพที่ใช้ speed = f จะมีความเบลอส่วนนึง .. ระดับที่ยอมรับได้ ถ้าใช้ speed > f .. ภาพจะเบลอมากขึ้นๆๆๆๆ ถ้าใช้ speed < f .. จะเบลอน้อยลงๆๆๆๆ จึงตั้งเป็น "กฏมือใหม่" ว่า .. อย่าหลงเชื่อผู้ชาย แม้คนนั้นจะเป็น อ.นิคก็เหอะ .. ใช้ speed ให้มากกว่า f เสมอๆ แล้วจะดีเอง จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 07:00:57

ความคิดเห็นที่ 11 ความชัด เกิดจากแสงที่ควรตกกระทบจุด F .. รับผิดชอบในจุด F ไม่เบี่ยงเบนออกนอกประเด็นกระทู้ ไปหาเรื่องจุด A (ไม่มีผลจาก RS effect อย่างที่บอก) แต่ .. เพราะการสั่น ... อารมณ์ของแสงจุด F จึงเกิดไม่นิ่ง .. สั่นสู้ บางส่วนของ F จึงอาจส่ายไปโดนบางส่วนของ A ได้ ทำให้แสงที่รับผิดชอบจุด A เกิดมัวหมอง เพราะโดนแสงที่ออกทะเลจาก F มาแปดเปื้อน ... เกรดเฉลี่ยจึงไม่ได้ 4.00 เพราะมี F มาปน ทีนี้ ... ถ้า ... 1. เวลาที่เปิดให้แสง F และ A มาถึงสื่อมีน้อย ข้อมูลที่สื่อรับมันเร็ว ก็ไม่สามารถมั่วได้ทัน แสงจาก F ไม่มีเวลาฟาดหัวฟาดหาง ไปถึง A ... ภาพโดยรวมก็จะชัดเจน 2. F และ A อยู่ห่างกัน ถ้าอยู่ห่างกัน ต่อให้แสงที่ควรลงไปที่จุด F อยากส่ายไปหาเรื่องกับจุด A ต่อให้มีเวลามาก .. มันก็ยังมากไม่พอ A ก็จะไม่มีปัญหาจาก F เนื่องจากยุคนี้เป็นยุคดิจิตอล อะไรๆมันรวดเร็ว และกระชับพื้นที่มากขึ้น เซนเซอร์ลดขนาดลง เอาเฉพาะส่วนหวานๆตรงกลางมาเชยชม ก่อให้เกิด crop factor ขึ้น A กับ F จึงใกล้ชิดมากขึ้น (เพราะอยู่ใน  RS effect เื่หมือนกัน) F ส่ายเท่าเดิม เพราะเป็นปู้จ๋าย ฟันใครก็ได้ ตัวเองไม่มีท้อง  ไม่ต้องกังวล A จึงโดนแสงที่มาจาก F ง่ายขึ้น .. มันเก๊าะเบลออะดี๊! จบ สาเหตุความเบลอ แบบเบลอสุดๆๆ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 07:16:54

ความคิดเห็นที่ 12 นั่นล่ะ เค้าตอบไปหมดแล้ว จากคุณ : bomwoq เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 08:12:01

ความคิดเห็นที่ 13 เป็นครั้งแรก ที่ผมอ่านคห.ของน้าแมวแล้ว   ผมงง จากคุณ : greeny pony เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 08:12:14

ความคิดเห็นที่ 14 ผมตอบตามความเข้าใจของผมนะ  ผมว่ากฎนี้ไม่ต่างกันทั้งFXและDX   เพราะจริงๆแล้วระบบDXมันคือ crop factor ไม่ใช้คูณแฟ็คเตอร์ซักหน่อย  มันแค่การตัดส่วนเอาตรงกลางภาพมาใช้เท่านั้นไม่ได้คูณอะไรเลย   แต่ที่เห็นในสเป็คเลนส์เค้าเทียบให้เข้าใจง่ายๆว่าเมื่อเทียบกับเลนส์ฟิล์ม(FX) แล้วมันจะเท่ากับเลนส์อะไรเท่านั้น  สิ่งที่ต่างคือองศาในการรับภาพของระบบDXมันจะแคบลงกว่าระบบFXเท่านั้น พูดง่ายๆเหมือนเราเอาภาพใหญ่ๆมาคร๊อปเอาแต่ตรงกลางภาพนั้นล่ะครับ ไม่ได้ไปขยายอะไรเลย   ดังนั้นกฎ1/ทางยาวโฟกัสใช้ได้กับทั้งFXและDXครับ จากคุณ : ตากล้องหนุ่ม เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 08:25:28

ความคิดเห็นที่ 15 ร่วมงง..ด้วยคน จากคุณ : Salt Cat เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 08:33:27

ความคิดเห็นที่ 16 น้าแมวฯ เขียนมันมาก.... แหม เขียนไปได้ ระวังเฮอะ จะเข้าข่าย ทำให้คนอื่นเขาเสื่อมเสีย น้า ถามหน่อยครับ จากที่น้าเขียนว่า ถ้าใช้ speed > f .. ภาพจะเบลอมากขึ้นๆๆๆๆ  - - - - - > สลับกันหรือเปล่าเนี่ย ถ้าใช้ speed < f .. จะเบลอน้อยลงๆๆๆๆ  - - - - - > สลับกันหรือเปล่าเนี่ย ใช้ speed ให้มากกว่า f เสมอๆ แล้วจะดีเอง จากคุณ : proofman เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 09:28:59

ความคิดเห็นที่ 17 น้าตากล้องหนุ่มเข้าใจถูกแล้วครับ คือ CoC บนเซ็นเซอร์มันเท่ากัน แต่ว่าบนภาพสุดท้ายบนกระดาษ หรือบนจอ เมื่อปรับ Output ให้มีขนาดเท่ากัน CoC ของ APS จะถูกขยายให้ใหญ่กว่า FF เป็นผลให้แม้จะมี CoC บนเซ็นเซอร์เท่ากัน แต่ภาพสุดท้ายจะเบลอไม่เท่ากัน และการตัดสินความเบลอวัดกันที่ขนาด CoC เมื่อเทียบกับขนาดภาพทั้งภาพ ซึ่งเมื่อคำนวนขนาด CoC ย้อนกลับไปหาขนาดเซ็นเซอร์ FF จะมี CoC สูงสุด ที่ยอมรับกันว่าภาพชัดที่ 0.029 มิลลิเมตร บนเซ็นเซอร์ ส่วน APS (ตัวคูณ 1.6) มี CoC Limit อยู่ที่ประมาณ 0.018 มิลลิเมตร และเมื่อคำนวณย้อนกลับไปหาความสัมพันธ์กับความไวชัตเตอร์อีกครั้ง ก็จะได้ว่า หากหาความเร็วเชิงมุม (หรือการสั่น) ที่ทำให้การเปิดรับแสงนาน 1/ทางยาวโฟกัส เกิด CoC ขนาด 0.029 มิลลิเมตรได้ จะพบว่าในความเร็วเชิงมุมเดียวกัน ถ้าจะให้ได้ CoC ขนาด 0.018 มิลลิเมตร ต้องเปิดรับแสงสั้นลง จึงจะทำให้เกิด CoC ขนาด 0.018 มิลลิเมตรได้ (ที่แปลว่าภาพยังชัดอยู่ใน APS) ไม่เช่นนั้นเราก็จะได้ CoC ขนาด 0.029 มิลลิเมตร เหมือน FF ซึ่งพ้น CoC limit ของ APS (ซึ่งแปลว่าภาพเบลอ) หาก 1/ทางยาวโฟกัสทำให้เกิด CoC ขนาด 0.029 mm ก็จะคำนวนได้ว่า 1/(ทางยาวโฟกัส x 1.6) จึงจะทำให้เกิด CoC ขนาด 0.018 mm นี่เป็นที่มาของสูตร 1/ทางยาวโฟกัสเทียบเท่าFF ของกล้องที่ใช้เซ็นเซอร์เล็ก แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 53 10:29:27 แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 53 10:22:12 จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 10:17:59

ความคิดเห็นที่ 18   speed คูณเพิ่ม ยิ่งทำให้โอสสั่นน้อยลงก็ดีแล้วนิ จากคุณ : Ace-pilot เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 10:25:56

ความคิดเห็นที่ 19 ผมว่าไอ้เรื่อง 1/ ทางยาวเนี่ย มันไม่ใช่ทฤษฎีนะครับ มันเป็นแค่หลักคร่าวๆ บางคน ตัวแปรต่างๆเท่ากันหมด ยังรูปชัดเบลอไม่เท่ากันเลย แต่นี่เรากำลังจะเอาแค่ "หลักการคร่าวๆ" มา"วัดอย่างจริงจัง"เลยนะครับ จากคุณ : +One Side Love+ เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 11:05:49

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณน้าอะธีลาส ที่ช่วยเข้ามาเสริมความรู้ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นครับ    จริงๆแล้วก็ไม่มีใครซีเรียตเรื่องนี้กันมากหรอกครับ  มันเป็นแค่คำแนะนำคร่าวๆให้มือใหม่ได้พอทราบเป็นแนวทางเท่านั้นเอง  เหมือนกับที่เราเคยได้ยินรุ่นพี่เค้าเตือนมาว่าระวังนะถ้าถ่ายต่ำกว่าสปีท1/60ระวังภาพจะไหวนั่นล่ะครับ   ที่สำคัญมันอยู่ที่ความนิ่งของมือแต่ละคนไม่เท่ากันครับ  คนที่มือนิ่งๆนี่เค้าสามารถถือถ่ายด้วยมือที่สปีทชัตเตอร์ต่ำกว่าค่า1/ทางยาวโฟกัสได้ถึง3-4สต๊อปก็ยังได้เลยครับ จากคุณ : ตากล้องหนุ่ม เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 12:19:46

ความคิดเห็นที่ 21 โอยยย เวียนหัว จากคุณ : janecalo06 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 12:21:19

ความคิดเห็นที่ 22 ถ้าหากกฎหรือทฤษฎีใดๆ ที่มุ่งสู่ความจริง กฎหรือทฤษฎีนั้น ย่อมจะไม่ตายตัว หากกฎหรือทฤษฎีนั้น ตายตัว .......ก็มิอาจนำพาสู่ความจริงได้ .................อย่าคิดมาก จะดีกว่าครับ................ แว่บบบ..................ไปก่อน...ก่อนที่จะโดนน..................อิอิๆๆ จากคุณ : ผมก็มือใหม่ครับ (อนันตปัญญา) เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 15:29:11

ความคิดเห็นที่ 23 น้า proofman ... สมชื่อน้าจริงๆ!!!! เอาไป 2 เลย จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 18:52:56

ความคิดเห็นที่ 24 - กดชัตเตอร์ -> ดูภาพ -> ไม่พอใจ -> ถ่ายใหม่  เอาง่าย ๆ แบบนี้แหละ จากคุณ : c136 (c136) เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 19:06:18

ความคิดเห็นที่ 25 ฮี่ๆ จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 53 10:34:23