ความคิดเห็นที่ 1 แล้วแต่ ถนัด ตามสถานการณ์ฺที่กำลังเกิดขึ้น อย่าง A  ถ่ายทั่วๆไป โหมดนี้ก็ใช้งานง่าย ถ้าสภาพแสงไม่ยากจนกล้องวัดไม่ถูก S เอาไว้ถ่ายพวก ความเร็วว่าต้องการแบบไหน เบลอ ชัีด? น้ำตก ส่วน M ก็เวลาที่เราต้องการให้ค่าคงที่จริงๆ อย่างสภาพแสงเดียวกันตลอดงาน หรือแสงยากๆ "2.ถ้าคนถ่ายเก่งเก่งนี่จะสามารถกำหนดค่าต่างๆได้คร่าวคร่าวมั้ย หรือต้องลองดูเหมือนกันว่าต้องใช้เท่าไหร่ " ผมไม่ใช่คนเก่ง แต่อาศัยถ่ายบ่อยๆ ในที่ๆคุ้นเคย หรือสภาพแสงใกล้เคียงกัน มันสามารถดูแล้วแล้วตอบได้คร่าวๆ ต้องตั้งค่าอะไรเท่าไหร่ แต่ก็ต้องดูจากสเกลวัดแสงด้วยถึงจะใกล้เคียงที่สุด จากคุณ : BlackTeaCat เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 53 02:56:15

ความคิดเห็นที่ 2 ตอบแบบกำปั้นทุบดินเลยครับ A ใช้เมื่อเราต้องการค่า aperture ที่เราต้องการ เช่น - ผมจะถ่ายกลุ่มเพื่อนกลางแจ้ง ไอ้พวกนี้มัน ชอบยืนซ้อนกัน ผมก็จะกด F/5.6 ยาว จะชัดคน แรกยันคนสุดท้ายชัวร์.... - ผมใช้แฟลช manual GN 25 คือถ่ายด้วย ISO100 ระยะ 3 เมตร ใช้ f/8 (อันนี้อาจจะ M ได้) - ถ่ายเล่น ๆ ไม่คิดอะไร กด f ลดมา 2 stop จากกว้าง สุด เพื่อดึงจุดคมสุดของเลนส์มาใช้ แบบไม่แคร์อะไร S ใช้เมื่อเราต้องการค่า shutter speed ที่เราต้องการ เช่น - ใช้แฟลชเป็นแสงหลัก ไม่แคร์แสงอื่น ๆ ก็ตบ sync speed ยาวไป - ต้องการ pan หรือ zoom ก็ตั้งค่าที่ถนัดลากยาว M ใช้เมื่อขี้เกียจคอยชดเชยแสง - วัดแสงหน้าพริตตี้จนโอแล้ว ก็ลากยาว ไม่ต้องแคร์ ว่าเสื้อขาว เืสื้อดำ ย้อนแสง หรือย้อนแสงสปอทไลท์ - ใช้แฟลช manual ของไม่เปลี่ยนตำแหน่ง กล้องไม่ เปลี่ยนตำแหน่ง ไฟไม่เปลี่ยนตำแหน่ง.... - สภาพแสดงเดิม ๆ แต่มีการเปลียนฉากหลัง ถ้าสมัยถ่ายฟิล์ม คนที่ถ่ายกันจริงจังส่วนใหญ่ ประมาณ กัน +- ไม่เกิน 2 stop ครับ แต่เอาชัวร์ ก็ไม่พ้นโพลาลอยด์ นำก่อนถ่ายจริง ไม่งั้นก็คร่อมไว้หลาย ๆ ระดับ จากคุณ : SRJ เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 53 03:11:59

ความคิดเห็นที่ 3 ^ ^ ^ แสดงว่าไม่จำเป็นต้องโหมด M เสมอเหรอครับ ทำไมถ่าย A ในที่เดียวกันห่างกันไม่ถึงนาที แต่ทำไม มันปรับ Shutter ให้ต่างกันจังครับ ภาพต่างกันมาก จนบางครั้งต้องใช้ M ตลอดซึ่งถ้าถ่ายสิ่งไม่มีชีวิตก็ไม่เป็นไร รอปรับได้อยู่แต่บางครั้งถ่ายคนก็สงสารแบบเหมือนกันครับ รอนานเกิน แนะนำหน่อยครับ จากคุณ : คนวันจันทร์ เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 53 03:43:07

ความคิดเห็นที่ 4 ทุกโหมด   กล้องมันก็ทำงานเหมือนกันนั่นแหละครับ ถ้าโหมด M ปรับเองหมด  ...... ถ้า A กล้องปรับ ชัตเตอร์ สปีดให้   ซึ่งมันก็คือ ขีดกลางของ Mode M ถ้า S กล้องปรับ รูรับแสงให้ ซึ่งมันก็ตรงกับขีดกลางของโหมด M อีก สำหรับผม ใช้ตามสิ่งแวดล้อมครับ แต่ส่วนมากจะ A จากคุณ : ginosty เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 53 05:14:35

ความคิดเห็นที่ 5 จริงๆคำตอบนี้มีอยู่ในคู่มือกล้องแล้วนะครับ A.........เป็นโหมดที่เราเลือกค่ารูรับแสงเพื่อกำหนดค่าความชัดลึกตามที่เราอยากจะได้  ประเภทชัดลึกชัดตื้นนั่นล่ะ  ส่วนสปีทกล้องมันจะปรับให้เองอัตโนมัติ S.........เป็นโหมดที่เราเลือกค่าสปีทชัตเตอร์เป็นหลักเพื่อความคุมให้ภาพเกิดความหยุดนิ่งหรือเคลื่อนไหวตามที่เราต้องการ  เช่นการถ่ายภาพกีฬาที่เราต้องการจับภาพนักกีฬาให้หยุดนิ่ง หรือเราต้องการถ่ายภาพน้ำตกให้ไหวพริ้วอะไรประมาณนี้  ส่วนรูรับแสงกล้องมันจะปรับให้อัตตโนมัติ M.........ผู้ใช้เลือกเองทั้งสองค่าทั้งสปีทและรูรับแสง โดยมีสเกลวัดแสงเป็นไกด์   โหมดนี้ใช้ได้เช่นเดียวกับสองโหมดแรกหากผู้ใช้มีความเข้าใจในเรื่องสปีทชัตเตอร์และค่ารูรับแสงดีพอ   โหมดนี้อาจจะเอาไว้ใช้ในกรณีที่เราต้องการค่าแสงที่คงที่ตลอดการถ่ายในช่วงระยะเวลาหนึ่ง    เช่นการถ่ายภาพในสตูดิโอที่เราสามารถเซ็ทค่าสปีทและรูรับแสงครั้งเดียวก็ถ่ายภาพได้ตลอดโดยไม่ต้องเปลี่ยนค่าใดๆอีกเลย  หรือกรณีถ่ายภาพงานแต่งงานหรืองานเลี้ยงที่โรงแรมเราก็เซ็ทกล้องได้เลยว่าสปีทใช้ที่1/60และรูรับแสงเซ็ทไว้ที่F5.6 ก็สามารถถ่ายได้ตลอดงานก็ยังได้(ใช้แฟล็ช) .................ต้องบอกว่าไม่มีโหมดไหนเก่งกว่าโหมดไหน ทุกโหมดมาจากหลักการเดียวกันทั้งนั้น  คนเก่งจริงๆควรใช้ให้ได้ทุกโหมดโดยเลือกใช้ตามความเหมาะสมดังข้างต้นที่ว่ามา   อย่าได้ไปหลงเชื่อว่าใช้โหมดMเท่านั้นถึงจะเก่งจริง หรือโปรต้องโหมดMเท่านั้นเลยครับ แก้ไขเมื่อ 17 ต.ค. 53 06:28:37 จากคุณ : ตากล้องหนุ่ม เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 53 06:24:30

ความคิดเห็นที่ 6 A,Av  ควบคุมรู้รับแสงไม่ให้รู้รับแสงดิ้น ต้องการควบคุมชัดลึกชัดตื้น S,Tv  ควบคุมความเร็วชัตเตอร์ไม่ให้ความเร็วชัตเตอร์ดิ้น ความเร็วที่จะจับภาพไม่ให้เบลอ P  คล้ายA  เอารู้รับแสงต่ำสุด M  ไม่ให้รู้รับแสงดิ้น และ ไม่ให้ความเร็วชัตเตอร์ดิ้น จากคุณ : dji_2000 (dji_2000) เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 53 06:59:32

ความคิดเห็นที่ 7 - ส่วนตัวผม... ขึ้นอยู่กับว่าเราจะถ่ายอะไร หรือต้องการอะไร - เดินไกลเริ่มเหนื่อยแล้ว  กลัวภาพสั่นก็ใช้ S ปรับความเร็ว 250  หรืออยากถ่ายรถวิ่งผ่านหน้าฉิว ๆ ก็ S เหมือนเดิม ปรับความเร็ว 30 - 60 แพนกล้องตาม - อยากถ่ายแฟนให้ฉากหลังเบลอ (ตัวแฟนต้องชัดเสมอไม่งั้น...) ก็ใช้ A ปรับ f กว้าง ๆ ไว้ก่อน หรือถ่ายวิว ก็ปรับ f แคบ ๆ - ที่จริงโหมด A หรือ S ใช้ได้เหมือนกันนะ  มีแค่โหมดเดียว A หรือ S อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้นก็ยังได้ (ในโหมด S ถ้าอยากให้หลังเบลอก็ปรับความเร็วสูง ๆ เดี๋ยวค่า f ก็กว้างเองแหละ) - ส่วน M ตามใจปรารถนา  สร้างสรรค์งานได้ตามจินตนาการ พระอาทิตย์เที่ยงวัน ทำให้เป็นพระจันทร์เที่ยงคืนก็ยังได้ จากคุณ : c136 (c136) เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 53 07:04:54

ความคิดเห็นที่ 8 ตอบกันเยอะแล้ว เสริมให้ๆ โหมด M มันจะช่วยได้ดีกว่าในสภาพแสงที่ไม่นิ่ง มีการเคลื่อนไหวของแสงอยู่ในส่วนที่วัดแสง ยิ่งถ้าวัดแสงเฉพาะจุดเนี่ย ถ้าไม่ใช่โหมด M แค่เงาขยับนิดหน่อยก็การตั้งค่าก็เปลี่ยนแล้ว โดยส่วนตัวชอบใช้โหมด M เพราะปรับชดเชยแสงได้ง่ายกว่า (D3000 ถ้าจะชดเชยแสงในโหมด A กับ S ต้องกดปุ่มและหมุนแกน แต่ถ้าใช้โหมด M แค่หมุนแกนก็สามารถชดเชยแสงได้) จากคุณ : CySpk เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 53 07:14:44

ความคิดเห็นที่ 9 ส่วนตัวนะครับ -ถ่ายงานที่ต้องบันทึกเหตุการณ์ แบบเป็นงานเป็นการ ถ้าแสงปกติผมจะตั้งค่าไว้ที่ A -ถ้าแสงน้อย หรือแบบมีการเคลื่อนไหวบ่อย ผมจะตั้งที่ S ปรับสปีดตามที่มือเรานิ่งพอ (ชดเชยแสงไว้ หรือเก็บไว้ไปแต่งในคอมพ์เอา) -แต่ถ้าชิลๆเรื่อย ๆ แล้วแต่เรา เอาภาพสวย ๆ ผมถึงปรับ M ครับ   *** ลป.แต่บางครั้งก็ลน ๆ มั่ว ๆ คิดไม่ทัน ดูหน้าจอเป็นหลักเอา  จากคุณ : d4b เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 53 09:02:45

ความคิดเห็นที่ 10 ทุกความคิดเห็นมีค่าจะขอเก็บไปพัฒนาและปรับปรุงฝีมือครับ เป็นความรู้ และความคิดเห็นที่มีประโยชน์มาก ๆ ครับ จากคุณ : สดใส (qnz) เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 53 16:35:54

ความคิดเห็นที่ 11 ส่วนตัว ปกติจะใช้ Mode A นะคือคุมเรื่อง f-stop ไว้เป็นหลักให้กล้องคิดค่า speed ให้ แต่ถามว่าใช้ตอนไหน 1 Mode M ก็ใช้ตอนที่เราต้องการควบคุมทุกอย่างเอง ทั้ง speed หรือ f-stop รวมถึง ถ้าถ่ายในที่แสงน้อยมากๆ หรือ ต้องการควบคุมจังหวะการลั่นชัตเตอร์และปล่อย ชัตเตอร์เอง ที่ Bulb ยังไงก็ต้องใช้ Mode นี้แน่เพราะ mode อื่นมันสั่งให้ speed นานกว่า 30 วินาทีไม่ได้ 2 Mode  A คือต้องการเน้นการควบคุม f-stop เป็นหลักเพื่อผลการควบคุม การเกิด effect ในภาพเช่นอยากได้ โบเก้ อยากได้ภาพชัดตื้น หรืออยากได้ไฟ แฉก เป็นประกาย ก็เลือก f ที่ต้องการไปเลย 3. Mode S คือเน้นที่การควบคุม speed เป็นหลักเช่นอยากถ่ายแพนกล้อง ใช้ slow sync หรือ คุมความนิ่ม หรืออยากได้ภาพเคลื่อนไหว 4. Mode P ใช้ตอนเร่งด่วนแบบอยากได้ภาพ snap ตอนนั้นๆ ที่ถ้ามัวปรับกล้องจะถ่ายไม่ทัน เช่น even บางอย่าง จังหว่ะภาพข่าว หรือจังหว่ะที่อยากได้ภาพนั้นแบบปัจจุบันทันด่วน จากคุณ : Son&Ning เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 53 19:19:23