ความคิดเห็นที่ 1 มีปัญหาถกกันมากมาย ทั้งจากแฟน Rokkor-X  และสงสัยว่าทำไมโค้ทของเลนซ์ออกเป็นสีฟ้าๆ ไม่เหลืองๆอย่างทาคูม่า (คงยุคเดียวกัน) ไม่หลากสีสันเหมือน Rokkor-X รุ่นพี่ๆ คำตอบออกมาว่าสูตรเลนซ์ไม่ต่างกัน ที่แปรไปนั้นเนื่องจากต้องลดต้นทุนการผลิต เดิมโครงเปลือกจะหนากว่า ตัวพิมพ์ก็ต้องขุดเนื้อโลหะออกเติมสี  จะให้มันถูกลงก็ลดตรงนี้ลง เปลือกบางลง แทนที่จะขุดร่องก่อนเติมสี (engrave) ก็สกรีนสีเอา ตรงไหนพอเปลี่ยนเป็นพลาสคติคได้ก็ทำ..หลายคนยืนยัน นั่งยัน นอนยันว่าภาพที่ได้ ไม่ได้ด้อยกว่า Rokkor-X แน่นอน.. แก้ไขเมื่อ 19 พ.ย. 53 17:38:39 จากคุณ : ดีจัง เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 53 17:36:37

ความคิดเห็นที่ 2 ว่ากันด้วยความเป็นไปเปลี่ยนแปลงของ Minolta..ยิ่งใหญ่ยืนยงมานาน เริ่มตั่งแต่ คาซูโอะ ทาชิม่า ( kazuo Tashima ) ตั้งบริษัท Nichi-Doku Shashinki Shōten  ( Japanese-German photo company ) ในปี 1928 เดาเอาว่าน่าจะเป็นการร่วมทุน แลกเปลี่ยนเทคฯกันของประเทศคู่สงคราม ก่อนกลายเป็นประเทศผู้แพ้สงครามทั้งคู่ หลังสงครามโลกครั้งที่สอง 1937 เก้าปีหลังจากนั้น กล้องชื่อ Minolta เป็น TLR ก็ออกตลาด นับเป็นการเริ่มต้นที่สวยงามของแบรนด์ MINOLTA บริษัทเยอรมันที่ร่วมเป็นคู่ทวิภาคีทางการค้าคือ Leica จากคุณ : ดีจัง เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 53 17:58:13

ความคิดเห็นที่ 3 พัก กินข้าวก่อนครับ  อยากแจมก็เชิญ..ออกไปข้างนอกด้วยคงหลายชั่วโมง....เฮ้อ  คิดถึงบางคนจังวุ้ย..ใบไม้เหลืองแล้วร่วง หิมะจะตกตามมาหรือเปล่านี่.. จากคุณ : ดีจัง เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 53 18:05:24

ความคิดเห็นที่ 4 ...แง่มๆ..... จากคุณ : เขียวแก่ เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 53 18:12:26

ความคิดเห็นที่ 5 อ๋อ มันเป็นญาติกับไลก้านี่เอง มิน่า คุณภาพพอสูสีกัน ค่ายนี้ผมไม่เคยเล่น ไม่เคยจับ ไม่เคยใช้ ไม่เคยเป็นเจ้าของซักชิ้นเดียว จากคุณ : ha ha yee เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 53 18:32:09

ความคิดเห็นที่ 6 สมาธิแตกซ่านเลยครับ     จากคุณ : prakorbs เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 53 19:21:47

ความคิดเห็นที่ 7 เลนส์กำนันตัวนี้อยู่กรุบ้านไหนน๊า  มีใครจะจ่ายค่าปิดปากไหมเอ่ย           จากคุณ : wat06 (HS6GDE) เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 53 20:15:51

ความคิดเห็นที่ 8 เอ้าๆ   ต่อจั๊กหน่อย มินอลต้าอายุยืนเรื่องราวมากมายก่อนตาย ตามอายุขัย..น้าวัฒน์ ก็บอกแล้วรูปหล่อไม่ประสงค์ออกนาม..กรุเล็กแต่ใจใหญ่ปล่อยๆไปเหอะ... คราวนี้ 10 ปีต่อมามินอลต้าออกกล้อง Rangefinder Minolta 35 ออกมาทำตลาด..แล้วอีกสิบปีต่อมาก็เอา SR-2 กล้อง SLR ตัวแรกออกมาโชว์ในขณะที่ออก SR-1 รุ่นพี่ในปีถัดมา  มันแปลกที่น้องเกิดก่อนพี่นะนี่ ดูเหมือนมินอลต้าจะถือขวบพัฒนา ขวบละ 10 ปีเป็นหลัก เพราะอีก 10 ปีต่อมา John h.Glenn คุณปู่อวกาศ มนุษย์คนแรกที่ควบยานอวกาศ Friendship-7 วนรอบโลกได้สามรอบ ปู่แกถือกล้อง Rangefinder MINOLTA HI MATIC ที่แปะชื่อ Ansco ขึ้นไปถ่ายด้วย..ดีใจใหญ่เลยถือโอกาสเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Minolta Camera co ltd.ตั้งแต่บัดนั้น.. จากคุณ : ดีจัง เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 53 21:19:41

ความคิดเห็นที่ 9 นั่นเป็นเหตุการที่เกิดขึ้นในปี 1962 พออีกสิบปีต่อมา ในปี 1972 มินอลต้าลงชื่อร่วมมือมีสัมพันธ์กับ Leica ในอันที่จะร่วมมือกัน ปั๊ดตะนากล้อง SLR  สี่ปีถัดมา Leica R3 ที่ผลิตโดยมินอลต้าก็ออกวางตลาด  R4 และ R5 ก็ยังผลิตโดยมินอลต้า หลังจากนั้น Leica เยอรมันจึงเอากลับไปทำเอง อีกเกือบสิบปีถัดมา  Minolta X-700 กล้อง SLR มือหมุนก็วางตลาด และด้วยความลงตัวของรูปร่างและการทำงาน X-700 ยืนยงขายได้ต่อมาอีก 20 ปีจนลุ 1999 หยุด เพราะนั่นเป็นยุคเริ่มต้นของ Maxxum-7000 กล้อง Slr autofocus ตัวแรกของโลกกำลังขึ้นเวที.. จากคุณ : ดีจัง เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 53 21:35:36

ความคิดเห็นที่ 10 ด้วยเหตุที่  X-700 ยืนตลาดอยู่นานร่วม 20 ปี ประกอบกับการได้ร่วมมือ ร่วมทำกล้องและเลนซ์ให้ Leica ประสบการณ์ทั้งนั้นจึงเอามาลงที่เลนซ์ Minolta MD ทั้งหลายอย่างลงตัว.. เห็นไหม พูดมาตั้งยาวเพียงเพื่อจะอ้างว่า เลนซ์เขาดี...อิอิ มิน่าเขาถึงว่าผมว่าพูดไม่ค่อยตรงประเด็น เข้าใจยาก  มันก็จริงแหละ.. จากคุณ : ดีจัง เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 53 21:45:30

ความคิดเห็นที่ 11 ต่ออีกหน่อย เอาให้ถึงบทท้ายของ Minolta เลย    Maxxum-7000 เป็นความสำเร็จของกล้อง autofocus กล้องแรกของโลกแต่เป็นความเจ็บปวดแสนสาหัสของมินอลต้าด้วยเหมือนกัน Honeywell แห่งอเมริกาทุนนิยมยักษ์ฟ้องมินอลต้า ว่า AUTOFOCUS จดสิทธิบัตรไว้เรียบร้อย มินอลต้าละเมิด การต่อสู้เป็นไปตามกระบวนการสุดท้าย มินอลต้าต้องยอมจ่ายค่าเสียหายเป็นเงิน 127.6 ล้านดอลล่าร์ให้แก่ Honeywell ผมถึงคิดอะไรใหม่ๆไม่ค่อยได้ไง  กลัวสิทธิบัตรนี่ล่ะ  กฏหมายประหลาดที่จำกัดความคิดมนุษย์แท้ๆ จากคุณ : ดีจัง เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 53 21:58:32

ความคิดเห็นที่ 12 แล้วการและกาลก็ผ่านไป Minolta ก้าวเข้ามาสู่ยุคของ ดิจิตอลอย่างมีความหมาย หลายอย่างเริ่มต้นด้วยแบรนด์นี้ การขยับแก้ภาพไหวที่ยี่ห้ออื่นๆเขาเอาไปใส่ที่เลนซ์ มินอลต้าบอกเมาใส่ที่ CCD เจ๋งกว่า แล้วใครล่ะที่ไม่ทำตาม.. ช่วงปี พ.ศ.2540 เกิดกลียุคทางการเงินของโลก เริ่มที่ประเทศสารขัณท์ เป็นโรคติดต่อที่ทั่วโลก สาเหตุของโรคเกิดจากความอยากร่ำอยากรวย ความไม่รู้จักพอ เชื้อที่ว่าทำให้เกิดโรคต้มยำกุ้ง  สภาวะทางการเงินของมินอลต้าเองก็กระทบอันเป็นผลมาจากกำลังซื้อที่หายไปอย่างมาก ยืนโงนเงนๆก็พลันมีเพื่อนร่วมตลาดกล้องถ่ายภาพด้วยกันชื่อ KONICA เซมากระทบไหล่  ทั้งสองปรับทุกข์ปรึกษากันจนได้ข้อตกลงว่า เราน่าจะยืนอยู่ได้ ถ้าเรารวมเป็นหนึ่งเดียวแล้วลุยตลาดต่อไป  ปี 2003 จึงเกิด KONICA MINOLTA HoLDING INC. ด้วยประการฉะนี้ MINOLTA DiMAGE A1 จึงเป็นกล้องที่มีระบบกันสั่นที่เขย่า CCD เป็นกล้องแรกของโลก และเป็นกล้องสุดท้ายสำหรับตำนาน Minolta camera co ltd. จากคุณ : ดีจัง เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 53 22:17:50

ความคิดเห็นที่ 13 สองเกลอ พัฒนาระบบ ทั้ง CCD และ CMOS เซนเซ่อร์รับภาพอยู่ได้ปีกว่า โดยขอร่วมสมองกับ SONY ไม่รอด ลุ 2006  ทั้งสองก็ประกาศรวมตัวเป็นหนึ่งเดียวกับ SONY Sony  ซึ่งไม่เคยทำ SLR มาก่อน จึงได้เท็คโนโลยี่ทั้งหมดจาก MINOLTA พอแปะชื่อ SONY มาตรฐานดังกล่าวก็เปลี่ยนชื่อเป็น ALFA จบประวัติศาสตร์ 78 ปี ของ Minolta เพียงแค่นี้.. เฮ้อออออออออออ  มีเรื่องเลนซ์อยู่นิดเดียวเน๊าะ.. จากคุณ : ดีจัง เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 53 22:28:11

ความคิดเห็นที่ 14 ยังไงก็แล่วแต...อย่าลืมส่งภาพเข้าประชันนะครับ อย่างที่บอก ภาพ "อะไรก็ได้ " แต่ใส่"ใจ"เข้าไปในภาพก็พอ.. สวัสดีครับ..เหนื่อยน้อยกว่ายาชิก้านิดนึง.. จากคุณ : ดีจัง เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 53 22:36:47

ความคิดเห็นที่ 15 อ่านเพลินดีจังป๋า ไม่มีมินอลต้าซักตัวเลย แต่เห็นภาพแล้วอยากได้ จากคุณ : NuengArts67 เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 53 22:48:47

ความคิดเห็นที่ 16 ผมรักหมีครับ  ขอที่ 72 ได้ป่าว   อิอิ จากคุณ : tamrong เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 53 09:17:00

ความคิดเห็นที่ 17 ลงคะแนนให้หมีด้วยคนครับ จากคุณ : evolutione99 เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 53 11:34:59

ความคิดเห็นที่ 18 ผมอ่านประวัติเพลินเลยครับป๋าดีจัง เลนส์กับกล้องมินอลต้าผมเคยมีใช้อยู่ช่วงนึงเหมือนกัน แต่ตอนนี้ปล่อยไปหมดแล้วเนื่องจากว่าไม่อยากเก็บหลายเมาท์จนเกินไปครับ จากคุณ : ภูน้ำฟ้า เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 53 14:25:15

ความคิดเห็นที่ 19 มาตามชมเลนส์+ภาพ+เรื่องเล่าค่ะ ยังไม่มีภาพส่งเลยยยยยยยยยค่ะ จากคุณ : kannar เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 53 20:25:12

ความคิดเห็นที่ 20 กระทู้..เลนซ์กำนันนี้..ดีจริงมีความรู้ด้วย.. จากคุณ : 3 อย่าง 100 เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 53 21:02:49