ความคิดเห็นที่ 1 ในเบื้องต้นผมแนะนำว่าให้แยกปุ่มโฟกัสออกจากปุ่มล๊อคค่าแสงก่อน นั่นก็คือ จะวัดแสงก็กดปุ่มนึง จะโฟกัสก็กดอีกปุ่มนึง สำหรับฝั่งนิคอนให้ล๊อคค่าแสงด้วยการกดปุ่ม AE-L แทน ส่วนการโฟกัส ก็โฟกัสด้วยปุ่มโฟกัสเหมือนเดิม ค่ายอื่นๆ ผมไม่ทราบครับ แต่คิดว่าในคู่มือทุกเล่ม บอกวิธีการแยกปุ่มล๊อคค่าแสง เพราะฝั่งนิคอนผมก็อ่านมาจากคู่มือ ถ้าถามว่าทำไมเราต้องแยกปุ่มล๊อคค่าแสงออกจากปุ่มโฟกัส ? เพราะบางครั้ง หรือหลายๆ ครั้ง จุดที่เราวัดแสงมันเป็นคนละจุด กับจุดที่เราต้องการโฟกัสนั่นเอง ทีนี้เราลองมาดูวิธีการของการวัดแสงกัน หลักการก็ง่ายมากครับ เราเล็งจุดโฟกัสไปที่อะไร กล้องมันก็จะวัดแสงตรงนั้น จากรูปตัวอย่าง ผมจะให้แสงพอดีที่ "ฮิปโป ตัวโต๊โต" ก็ทำดังนี้ครับ 1. เอาจุดโฟกัสไปเล็งที่ฮิปโป กดชัตเตอร์ลงครึ่งนึงให้กล้องมันโฟกัส แล้วปล่อยชัตเตอร์ 2. จากนั้นก็ล็อคค่าแสง(กดปุ่ม AE-L, ของฝั่ง Canon รู้สึกจะเป็นปุ๋ม *) 3. โฟกัสอีกที(กดชัตเตอร์ลงครึ่งนึง) 4. จัด Composition ใหม่ตามต้องการ 5. ถ่าย(กดชัตเตอร์จนจม) กรรมวิธีมันก็เท่านี้เองครับ อาจดูเหมือนวุ่นวาย แต่ง่ายมากๆ กระบวนการทั้งหมดนั้น เมื่อทำจนชินก็จะใช้เวลาแค่ 2-3 วินาทีเองครับ Device : Nikon D90 Lens : 18-105mm VR F/3.5-5.6G Focal Length : 90 mm Aperture : F/5.6 Shutter Speed : 1/100s ISO 1250 จากคุณ : auxin เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 11:49:11

ความคิดเห็นที่ 2 มาถึงคำถามสำคัญที่สุดของเรื่องนี้ "ทำไมต้องมีการวัดแสง?" "เพราะกล้องถ่ายรูปไม่สามารถถ่ายทอดรูป ให้เหมือนที่ดวงตามนุษย์เห็นได้ การวัดแสงจึงเป็นการบอกให้กล้องทำงาน ให้ได้ผลลัพธ์ใกล้เคียงกับสิ่งที่มนุษย์เห็นมากที่สุด" แต่ก่อนที่จะไปต่อเรื่องการวัดแสงนั้นก็ต้องเข้าใจ เรื่อง "ระบบวัดแสง" เสียก่อน ใครที่ยังไม่เข้าใจเรื่องระบบวัดแสง ตามไปอ่านเรื่องระบบวัดแสงที่ http://www.pantip.com/cafe/camera/topic/O9918952/O9918952.html แนะนำว่าให้อ่านเรื่อง ระบบวัดแสงก่อน เพราะเนื้อหามันต่อเนื่องกัน จากคุณ : auxin เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 11:51:06

ความคิดเห็นที่ 3 สำหรับเรื่องของการวัดแสงนั้น จะมีแค่ 2 ค่าหลักๆ เท่านั้นที่เข้ามาเกี่ยวข้องคือ ขนาดรูรับแสง(F)  กับ Shutter Speed(S) สำหรับ 2 ค่านี้ ถือเป็นหัวใจของการถ่ายรูปเลยทีเดียว มองข้ามไม่ได้เด็ดขาด การวัดแสงนั้น ก็เพื่อให้ได้รูปที่มี ---> แสงพอดี แสงพอดี ---> คือรูปที่ไม่สว่าง หรือมืดจนเกินไป เมื่อเทียบกับสภาพแวดล้อมจริง หากเขียนสมการ "แสงที่พอดี" คงเขียนได้ประมาณนี้ครับ แสงที่พอดี = S & F (สมมติให้ "&" หมายถึง "สัมพันธ์") แสงที่พอดีนั้น กล้องมันคำนวณให้ครับ ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องรู้ก็ได้ว่า กล้องมันคำนวณยังไง แต่สิ่งที่เราต้องรู้คือ "สถานการณ์แบบไหน ควรเลือกระบบวัดแสงยังไง และวัดแสงตรงไหน จึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด" หากเกิดคำถามว่า : แล้ว White Balance กับ Picture Style หล่ะ ตอบ : White Balance กับ Picture Style เป็นระบบการจัดการเรื่องสีครับ ไม่เกี่ยวแสง ส่วน ISO นั้นเป็นทางเลือกครับ เช่น ในสภาพแสงน้อย Shutter Speed ไม่พอก็เอา ISO เข้ามาช่วย ซึ่งทุกคนคงเข้าใจเรื่อง ISO อยู่แล้ว คงไม่ต้องอธิบายกันมาก จากคุณ : auxin เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 11:51:42

ความคิดเห็นที่ 4 ทีนี้มาดูตัวอย่างกันบ้าง เวลาผมถ่ายรูป ส่วนมากผมมักจะใช้โหมด A คือเลือกขนาดรูรับแสงเอง ส่วน Shutter Speed(S) กล้องมันจะคำนวณให้ว่าต้องใช้ S เท่าไหร่ เช่น ผมตั้ง F ที่ 3.5 แล้วเล็งไปยังจุดที่จะถ่าย กล้องมันจะคำนวณ S ให้ทันที ซึ่งในที่นี้ก็คือ การวัดแสงให้พอดีในขณะนั้นๆ นั่นเอง สมมติว่า แสงที่พอดีในขณะนั้น สามารถระบุค่าได้ และระบุค่าได้เท่ากับ 10 กล้องมันก็สามารถจะคำนวณได้ว่า ในขณะนั้นต้องใช้ S เท่าไหร่ ถ้าตั้งสมการ ให้เห็นภาพคร่าวๆ ก็คงจะตั้งสมการได้ประมาณนี้ครับ 10 = 3.5 & S (มันจะสัมพันธ์ด้วยวิธีไหนก็ช่างมันครับ เอาเป็นว่าเมื่อกล้องมันรู้ค่า F กล้องมันก็จะหาค่า S ได้เสมอ) ในทางกลับกัน ถ้าเราถ่ายรูปด้วยโหมด S ซึ่งในที่นี้ก็คือ เราระบุค่า Shutter Speed เอง กล้องมันก็สามารถคำนวณได้ว่า ต้องใช้ F ที่เท่าไหร่ จึงจะได้ภาพที่ค่าแสงพอดีในขณะนั้นๆ มาดูโหมด M กันอีกที หากใช้โหมดนี้ ก็ต้องเลือกทั้ง F และ S เอง ระบบวัดแสงของกล้องมันก็จะคำนวณให้อีกว่า ค่าแสงที่เกิดจากการตั้ง F และ S ในขณะนั้นๆ "ได้ค่าแสงที่พอดีแล้วหรือยัง" โดยดูที่ Scale วัดแสงว่าอยู่ที่ 0 พอดีหรือปล่าว หากยังไม่พอดี(น้อยหรือมากกว่า 0) เราก็ต้องปรับค่าใดค่าหนึ่ง(F หรือ S) หรือทั้งสองค่า ให้ค่าแสงพอดีก่อน จึงจะได้รูปที่ถูกต้อง ในสภาวะปกตินั้น กล้องจะวัดแสงได้ถูกต้องอยู่แล้ว แต่ก็อาจจะผิดพลาดได้เหมือนกัน ถ้า "สภาพแสงหรือสี" ในขณะนั้นไม่ปกติ เราจึงต้องอาศัยการชดเชยแสงเข้าร่วมด้วย เพื่อให้ได้ค่าแสงที่ถูกต้อง สภาวะไม่ปกติเป็นอย่างไร การชดเชยแสงคืออะไร ทำอย่างไร ใช้เมื่อไหร่ เดี๋ยวผมจะเขียนต่อในบทความต่อไปครับ จากคุณ : auxin เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 11:52:57

ความคิดเห็นที่ 5 ทีนี้มาดูตัวอย่างจากของจริงกันบ้าง ผมเอารูปนี้เป็นตัวอย่าง ถึงรูปจะไม่สวย แต่รูปนี้เป็นตัวอย่างที่ดีครับ เพราะในรูปเดียวมีสภาพแสงถึง 3 แบบ คือ 1. ส่วนที่อยู่ในเงา 2. ส่วนที่โดนแสงบางส่วน(รำไร) 3. ส่วนที่โดนแสงเต็มๆ จากคุณ : auxin เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 11:54:14

ความคิดเห็นที่ 6 ผมแบ่งรูปนี้ออกเป็น 3 Zone คร่าวๆ คือ Zone 1 คือ Zone ที่อยู่ในเงาทั้งหมด เป็นส่วนที่มืดที่สุดในรูปนี้ Zone 2 คือ Zone ที่โดนแดดบางส่วน โดนเงาบางส่วน เป็นส่วนที่เรียกว่าโดนแสงแบบ "รำไรๆ" Zone 3 คือ Zone  ที่โดนแดดมากที่สุด รับแสงไปเต็มๆ ฉะนั้น หากเราลองวัดแสงตามจุดต่างๆ ในรูปนี้ ค่าแสงที่วัดได้ย่อมไม่เท่ากันแน่นอน ผมจะทำการทดสอบด้วยการถ่าย 3 รูป วัดแสงที่ "สัญลักษณ์โฟกัส" 1 จุดต่อ 1 รูป โดย ใช้โหมด A ตั้งรูรับแสงที่ F11 ตั้ง ISO200 วัดแสงแบบ Spot เหมือนกันทั้ง 3 รูป ส่วนค่า Shutter Speed นั้น กล้องเลือกให้ครับ วิธีการถ่ายคือ 1. เล็งจุดโฟกัสไปที่ "สัญลักษณ์โฟกัส ที่ผมทำเครื่องหมายไว้" แล้วล็อคค่าแสง 2. โฟกัสที่แก้ว 3. จัด Composition 4. ถ่าย ถ่ายแบบนี้ทั้ง 3 Zone จากคุณ : auxin เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 11:55:07

ความคิดเห็นที่ 7 Zone 1 วัดแสงที่แก้ว (ตามจุดโฟกัสที่ผมทำเครื่องหมายเอาไว้) กล้องเลือก Shutter Speed ให้ที่ 1/25 Sec ภาพที่ได้คือบริเวณโต๊ะ ที่แก้ววางอยู่ สว่างพอดี หรือ พูดว่า Zone 1 จะได้แสงที่พอดี เพราะเราวัดแสงที่ Zone นี้ แสงใน Zone 2 ที่สภาพแสงมากกว่า Zone 1 อยู่ก่อนแล้วก็จะ Over ไปนิดนึง และใน Zone 3 ที่สภาพแสงมากกว่า Zone 2 ก็ต้อง Over มากเป็นธรรมดา เมื่อเทียบกับ Zone 1 Device : Nikon D90 Lens : 18-105mm VR F/3.5-5.6G Focal Length : 25 mm Aperture : F/11 Shutter Speed : 1/25s ISO 200 จากคุณ : auxin เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 11:56:29

ความคิดเห็นที่ 8 Zone 2 วัดแสงที่บริเวณสนามหญ้า กล้องเลือก Shutter Speed ให้ที่ 1/60 Sec ภาพที่ได้คือบริเวณสนามหญ้า หรือ Zone 2 สว่างพอดี เพราะเราวัดแสงที่ Zone นี้ แสงใน Zone 1 ที่สภาพแสงน้อยกว่า Zone 2 อยู่ก่อนแล้วก็จะ Under ไปนิดนึง และใน Zone 3 ที่สภาพแสงมากกว่า Zone 2 ก็ต้อง Over นิดนึง เมื่อเทียบกับ Zone 2 Device : Nikon D90 Lens : 18-105mm VR F/3.5-5.6G Focal Length : 25 mm Aperture : F/11 Shutter Speed : 1/60s ISO 200 จากคุณ : auxin เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 11:57:11

ความคิดเห็นที่ 9 Zone 3 วัดแสงที่ Background ด้านหลัง ตรงจุดที่ผมทำเครื่องหมายโฟกัสเอาไว้ กล้องเลือก Shutter Speed ให้ที่ 1/100 Sec ภาพที่ได้คือบริเวณ Background ด้านหลังหรือ Zone 3 สว่างพอดี เพราะเราวัดแสงที่ Zone นี้ แสงใน Zone 2 ที่สภาพแสงน้อยกว่า Zone 3 อยู่ก่อนแล้วก็จะ Under ไปนิดนึง และใน Zone 1 ที่สภาพแสงน้อยกว่า Zone 2 ก็ต้อง Under มากเป็นธรรมดา เมื่อเทียบกับ Zone 3 Device : Nikon D90 Lens : 18-105mm VR F/3.5-5.6G Focal Length : 25 mm Aperture : F/11 Shutter Speed : 1/100s ISO 200 จากคุณ : auxin เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 11:58:01

ความคิดเห็นที่ 10 สำหรับสภาพปกติ หรือสภาพแวดล้อมทั่วๆ ไป ถ้าเราอยากให้ส่วนไหนสว่างพอดี ก็วัดแสงที่ตรงนั้นเลย... บริเวณที่เราวัดแสง ก็จะได้แสงที่พอดี ไม่มืดหรือสว่างเกินไป เมื่อเทียบกับของจริง ในทางกลับ เมื่อไหร่เจอสภาพแสงที่ "ยุ่งยาก" วัดแสงแล้ว มันไม่พอดีซักที อาจเกิดจาก สภาพแสงในขณะนั้น มีหลายความเข้มแสงในรูปเดียว เช่น เราถ่ายรูป Portrait แบบย้อนแสง หลายๆ ครั้งคงได้เห็นรูปที่ "ตัวแบบดำปี๋" มองไม่รู้เลยว่าเป็นใคร นั่นเพราะ สภาพแสงที่ต่างกันมากนั้นเอง ระหว่าง "ตัวแบบ" ที่หันหลังให้แสง กับ "Background" ซึ่งในที่นี้ก็คือดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงมาเต็มๆ กรณีแบบนี้มี 3 ทางเลือกในเบื้องต้นคือ 1. ชดเชยแสง 2. เลือกระบบวัดแสงใหม่ เลือกจุดวัดแสงใหม่ 3. หลบมุมนิดหน่อย สำหรับเรื่องสภาพแสงที่ยุ่งยากนั้น พักไว้ก่อน เดี๋ยวผมจะเขียนบทความอีกเรื่องคือ "การชดเชยแสง" ให้อ่านกันอีกที จะบอกทั้งหมดว่า การชดเชยแสงคืออะไร ชดเชยอย่างไร ต้องชดเชยในกรณีไหนบ้าง... การชดเชยแสงส่วนมากเกิดจาก "สภาพแสงที่ยุ่งยาก" นั่นแหละครับ แต่รายละเอียดจะเป็นอย่างไร เดี๋ยวมาว่ากันต่ออีกทีในบทความ "การชดเชยแสง" ครับ จากคุณ : auxin เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 11:59:08

ความคิดเห็นที่ 11 ทีนี้ลองมาดูตัวอย่างจากของจริงเป็น กรณีๆ ไป ปล. รูปที่จะเอามาให้ดูต่อไปนี้ บางรูปอาจมีการชดเชยค่าแสงไปแล้ว เพื่อให้ได้รูปอย่างที่ต้องการ แต่หลักการวัดแสงก็เหมือนกันทุกรูป ในที่นี้จึงอย่าเพิ่งคิดเรื่องการชดเชยค่าแสงน่ะครับ เพราะถึงแม้จะไม่ชดเชยค่าแสง ผลลัพธ์ก็ไม่ได้ต่างกันมาก ซึ่งเดี๋ยวจะบอกอีกทีว่า "การชดเชยแสง" มันเป็นยังไง อย่างรูปนี้ก็นับเป็นรูปนึงที่จัดว่าเป็นรูปที่ "สภาพแสงยุ่งยาก" เพราะมีความต่างของแสงมากในรูปๆ เดียว สำหรับรูปนี้ เรายังไม่พูดถึงเรื่องการชดเชยแสงนะ... แต่เราลองมาวิเคราะห์กันว่า ในเบื้องต้นก่อนวัดแสงนั้น เราจะใช้โหมดวัดแสง ระบบไหนดี ที่ไม่ต้องชดเชยแสงเลยสำหรับรูปนี้ รูปนี้อาจใช้ Spot หรือ Center-Weighted ก็ได้ครับ แต่ไม่ดีแน่ถ้าจะใช้ระบบวัดแสงแบบ Matrix เพราะมันจะเอาค่าแสงที่แรงมากของดวงอาทิตย์ มาคำนวณด้วย... ถ้าใช้ Spot หรือ Center-Weighted เลือกจุดวัดแสงดีๆ อาจไม่ต้องชดเชยแสง ได้รูปอย่างที่เห็นเลย แต่ถ้าใช้  Matrix งานนี้มีชดเชยบวกแน่ๆ ชดเชยมากเสียด้วย หลังจากเลือกระบบวัดแสงแล้ว ก็มาพิจารณาต่อว่าจะวัดแสงตรงไหนดี รูปนี้มีแสงมากจากดวงอาทิตย์ และมีแสงน้อยมากทีดอกชบา เมื่อเทียบกับด้านหลัง เราอยากได้แสงพอดีที่ดอกชบา ก็วัดแสงพอดีที่ดอกชบา แล้วถ่ายเลยครับ ปล. รูปนี้ผมใช้ Center-Weighted วัดแสงที่ดอกชบา Device : Nikon D90 Lens : 18-105mm VR F/3.5-5.6G Focal Length : 42 mm Aperture : F/11 Shutter Speed : 1/160s ISO 200 จากคุณ : auxin เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 12:00:13

ความคิดเห็นที่ 12 ส่วนรูปนี้ ง่ายมากครับ หากมองคร่าวๆ รูปนี้ก็เป็นรูปหนึ่งที่ถ่าย "ย้อนแสง" ถ้าอยู่ในช่วงแดดจ้า อาจต้องเลือกจุดวัดแสงดีๆ หน่อย หรือไม่ก็ต้องช่วยด้วยการชดเชยแสง แต่สภาพแสงในขณะนั้น ดวงอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้าเต็มที สถาพแสงน้อยมาก มองด้วยตาเปล่าก็ไม่แสบตาอะไร ถือว่าเป็นสภาพแสงที่ไม่ยุ่งยากอะไร ใช้ Center-Weighted วัดแสงที่เรือ แล้วถ่ายเลย ไม่ต้องชดเชยแสง Device : Nikon D90 Lens : 18-105mm VR F/3.5-5.6G Focal Length : 52 mm Aperture : F/5 Shutter Speed : 1/2000s ISO 800 จากคุณ : auxin เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 12:01:12

ความคิดเห็นที่ 13 รูปไหนที่มีทั้งสีขาวและสีดำในรูปเดียวกัน ดูง่ายมากครับ ว่าวัดแสงถูกหรือปล่าว เพราะถ้าวัดแสงถูก "ขาวต้องเป็นขาว ดำต้องเป็นดำ" รูปนี้วัดแสงแบบ Spot จิ้มไปตรงขอบเสื้อด้านหน้า ชดเชยบวกนิดเดียว(0.3EV) ในเบื้องต้น ใครที่วัดแสงไม่แม่นก็ไม่เป็นไรครับ เพียงแต่ต้องเข้าใจว่า จะต้องแก้ไขอย่างไร เช่น ถ่ายมาแล้ว Under ก็อาจต้อง เพิ่มขนาดรูรับแสงหรือลด Shutter Speed ให้ต่ำลง ในทางกลับกัน ถ่ายมาแล้ว Over ก็อาจต้อง ลดขนาดรูรับแสงหรือเพิ่ม Shutter Speed ให้สูงขึ้น เป็นต้น ตัวผมเองก็ใช่ว่าจะวัดแสงแม่นไปซะทุกรูป ในบางครั้งถึงกับหลงทิศก็มี แต่ผมรู้ว่าจะแก้ไขอย่างไร แค่นี้ก็สามารถได้งานติดมือกลับบ้านแล้ว ในหลายครั้งผมไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะต้องชดเชยยังไง หรือวัดแสงตรงไหน ถ่ายเลยครับ แล้วดูรูปหลังกล้อง ถ้าไม่พอใจก็ปรับแต่งเอาตรงนั้นแหละ จะเพิ่มจะลด "รูรับแสง" หรือจะเพิ่มจะลด "Shutter Speed" อะไรก็ว่ากันไป เพื่อให้ได้รูปอย่างที่ต้องการ กล้องดิจิตอลสมัยนี้ มันฉลาดครับ โดยรวมถือว่าวัดแสงแม่นมากทีเดียว ให้กล้องมันวัดให้ พอใจ ไม่พอใจอย่างไร ก็ปรับจูนอีกนิดหน่อยก็เอาอยู่ Device : Nikon D90 Lens : 18-105mm VR F/3.5-5.6G Focal Length : 105 mm Aperture : F/5.6 Shutter Speed : 1/400s ISO 200 จากคุณ : auxin เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 12:02:32

ความคิดเห็นที่ 14 รูปนี้ ถ่ายไม่คิดเลยครับ ยกกล้องขึ้นเล็งแล้วยิงเลย เพราะมีเวลานิดเดียว ถ่ายเสร็จรีบดูหลังกล้องว่าเป็นยังไง คิดอยู่ในใจแล้วว่าต้องมีชดเชยบวกแน่นอน แต่ไม่รู้ว่าซักเท่าไหร่ ขณะนั้นผมใช้ระบบวัดแสง Center-Weighted และไม่ได้เปลี่ยนโหมดวัดแสง เลยใช้ Center-Weighted วัดแสงที่รถเลย แต่รถมีความแวววาวสูงมาก คล้ายกับกระจกเงาสะท้อนแสงดีๆ นี่เอง จึงทำให้แสงเข้ากล้องมาก กล้องมันจึงคิดว่ามีแสงเยอะ เลยเลือก Shutter Speed สูงๆ ให้ ทำให้ได้รูป Under มา ดูรูปหลังกล้องเสร็จ รีบชดเชยแสงบวกไปเยอะหน่อย แล้วกดไปอีกที จึงได้รูปนี้มา... หลายๆ ครั้ง ก็ไม่จำเป็นต้องไป "คำนึง คำนวณ" อะไรมากครับ โลกมาถึงยุคนี้แล้ว ถ่ายปุ๊ป เห็นผลลัพธ์ปั๊ป ไม่พอใจก็ถ่ายใหม่ เพียงแต่ในบางครั้ง ถ้าเราคิดและวางแผนซักนิด มันอาจได้ผลลัพธ์ที่เร็วกว่า เท่านั้นเอง Device : Nikon D90 Lens : 55-200mm VR F/4-5.6G Focal Length : 200 mm Aperture : F/6.3 Shutter Speed : 1/500s ISO 200 จากคุณ : auxin เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 12:03:58

ความคิดเห็นที่ 15 หลักการมองเห็นของดวงตามนุษย์ กับของกล้อง มันก็เหมือนกัน คือ ไม่ได้มองเห็นสีของวัตถุโดยตรง แต่มองเห็น "แสง" ที่สะท้อนออกมาจากวัถุดังกล่าว วัตถุมีสีอะไร ก็จะสะท้อนแสงสีนั้นออกมา แต่ข้อจำกัดการมองเห็นของกล้องกับสายตามนุษย์นั้น ยังต่างกันมาก สายตามนุษย์ทำงานได้ดีกว่ามาก เมื่อเทียบกับกล้อง ส่วนมืดส่วนสว่างในการมองไปยังจุดๆ หนึ่ง สายตามนุษย์แยกแยะออกได้ ขอเพียงแค่มีแสงบ้างเท่านั้น แต่กล้องไม่เก่งขนาดนั้น ส่วนมืดส่วนสว่าง กล้องยังสู้สายตามนุษย์ไม่ได้ โดยส่วนมาก ถ้าเราถ่ายรูปที่มีทั้งส่วนมืดและส่วนสว่างในรูปเดียวกัน กล้องมักจะเสียรายละเอียดไปส่วนหนึ่ง เช่น ถ้าเราเลือวัดแสง(แสงพอดี) ที่ส่วนมืด... ส่วนสว่างก็มักจะสว่างไป หรือถ้าเราเลือกวัดแสง(แสงพอดี) ที่ส่วนสว่าง... ส่วนมืดก็มักจะมืดไป หรือที่เรารู้จักในนามของ Dynamic Range นั่นเอง(ใครที่ยังไม่รู้ว่า Dynamic Range คืออะไร ลอง Search ดูเลยครับ มีเยอะแยะ) อย่างรูปนี้ ผมถือว่ามี 2 สภาพแสงในรูปเดียว คือบริเวณที่โดนแดดจัด กับส่วนที่อยู่ในเงา ตอนมองด้วยตาเปล่าในสถานที่จริง ก็สามารถเห็นรายละเอียดในเงาได้ชัดเจนครับ แต่กล้องไม่สามารถทำได้ถึงขนาดนั้น ถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้ ต้องเลือกครับ ว่าจะเอาอะไร ในที่นี้ผมต้องการถ่ายเสือ ก็วัดแสงให้พอดีที่ตัวเสือเลย แน่นอนว่ารายละเอียดในเงามืด เกือบเป็นสีดำเลยทีเดียว แต่ความสว่างที่ตัวเสือนั้นพอดี สำหรับจุดอ่อนของกล้องในข้อนี้ อย่าไปรังเกียจครับ เพราะเราสามารถนำมันมาใช้ประโยชน์ได้เหมือนกัน การทำให้ส่วนมืด มืดกว่าเก่า ก็เป็นการขับให้จุดเด่น เด่นขึ้นได้เช่นกัน ถือว่ามีประโยชน์พอสมควรทีเดียว ถ้าเลือกใช้เป็น Device : Nikon D90 Lens : 18-105mm VR F/3.5-5.6G Focal Length : 105 mm Aperture : F/5.6 Shutter Speed : 1/320s ISO 250 จากคุณ : auxin เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 12:05:56

ความคิดเห็นที่ 16 รูปนี้ก็เข้าข่ายเดียวกับกระทู้บน คือสภาพแสงต่างกันมาก ถ้าเราเลือกวัดแสงที่จุดไหน อีกจุดก็จะเสียรายละเอียดไป รูปนี้ วัดแสงที่กุ้งเผาเลยครับ ชดเชยบวกนิดๆ เพราะอยากได้รายละเอียดในส่วนมืดมาด้วย เดี๋ยวส่วนมืดจะมืดไป อ้อ!! สำหรับเรื่อง ส่วนมืดส่วนสว่างนั้น ผมจะไม่พูดถึง Active D-Lighting หรือ Function อื่นๆ ที่มาช่วยแก้ไขในเรื่องแสงตรงนี้นะครับ เอาเป็นขั้นๆ ไปดีกว่า เพราะเดี๋ยวมือใหม่ทั้งหลายจะสับสน   ในเบื้องต้น เพียงแค่เข้าใจว่า กล้องในปัจจุบัน มันเป็นแบบนั้น บางครั้งต้องยอมเสียรายละเอียดในบางส่วนไป เพื่อรักษารายละเอียดอีกส่วน แต่ในอนาคตอันใกล้นี้ ผมคิดว่าทางผู้ผลิตคงจะพัฒนากล้องให้ดีขึ้น และลดจุดอ่อนตรงนี้ให้น้อยลงได้ เมื่อนั้นการวัดแสงก็จะง่ายขึ้นอีกมากครับ รูปนี้ก็ใช้ Center-Weighted วัดแสงที่กุ้งเผาเลย Device : Nikon D90 Lens : 18-105mm VR F/3.5-5.6G Focal Length : 80 mm Aperture : F/5.3 Shutter Speed : 1/160s ISO 200 จากคุณ : auxin เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 12:07:29

ความคิดเห็นที่ 17 "สี" ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่บอกได้ว่าการวัดแสงนั้นถูกต้องหรือไม่ เช่นเราถ่ายรูปที่มีทั้งสีขาวและสีดำในรูปเดียว แบบนี้เช็คง่ายเลยครับ ถ้าวัดแสงถูก "ขาวต้องเป็นขาว ดำต้องเป็นดำ" จากรูปนี้ ยังเห็นยี่ห้อเป็น "สีขาว" ชัดเจน ส่วนบอดี้ก็เป็นสี "ดำ" ถ้าวัดแสงผิด สมมติว่า Under ไป ยี่ห้อก็จะไม่ขาวมาก จะออกขาวอมเทาๆ นิดนึง หรือ ถ้าวัดแสงผิด Over ไป ตัวบอดี้ก็จะไม่ดำมาก จะออกไปทางเทาดำมากกว่า รูปนี้ สภาพแสงโดยรวมเท่ากัน สีโดยรวมก็ไม่ต่างกันมาก ใช้ Center-Weighted วัดแสงพอดีที่ตัวกล้องเลยครับ ปล. ผมไม่ได้เป็น Presenter ให้ใครทั้งนั้นนะครับ และไม่มีส่วนได้เสียกับใครทั้งสิ้น เดี๋ยวจะโดนหาว่าแอบโฆษณาอีก Device : Nikon D90 Lens : 50mm F1.8D Focal Length : 50 mm Aperture : F/3.5 Shutter Speed : 1/500s ISO 400 จากคุณ : auxin เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 12:08:58

ความคิดเห็นที่ 18 รูปนี้เป็นตัวอย่างของการเลือกจุดวัดแสง กับจุดโฟกัสคนละจุดกัน ผมโฟกัสที่คนด้านหน้า แต่วัดแสงที่ท้องฟ้า ระหว่างไหล่ของคนทั้งสอง สำหรับรูปนี้ ถ้าวัดแสงที่ดวงอาทิตย์ คงได้รูปดำปี๋แล้วก็มีจุดขาวๆ อยู่จุดนึง(คือดวงอาทิตย์นั่นเอง) หรือถ้าวัดแสงพอดีที่ตัวคน ก็คงจะได้ท้องฟ้าขาวสะอาดเลยทีเดียว ไม่มีดวงอาทิตย์กลมๆ ให้เห็น ฉะนั้น เราก็เลือกวัดแสงบริเวณที่ถือว่ากลางๆ ครับ รูปจะได้ไม่ Over หรือ Under มากไป การถ่ายรูปลักษณะนี้ การวัดแสงจะลำบากกว่าปกตินิดหน่อย เพราะต้องอาศัยความชำนาญในการเลือกจุดวัดแสง หรือเลือกจุดที่คิดว่าดีแล้ว ก็อาจต้องชดเชยช่วยอีกนิด เพื่อให้ได้รูปอย่างที่ต้องการ เจอรูปลักษณะนี้ ใจเย็นๆ ครับ เวลามีเหลือเฟือ วัดแสงเนียนๆ เลือกจุดวัดแสงเหมาะๆ ถึงพลาดไปบ้างก็คงไม่มาก ชดเชยทีสองทีก็เอาอยู่ การแยกปุ่มล๊อคค่าแสงออกจากปุ่มโฟกัสจะมีประโยชน์อย่างมาก สำหรับกรณีแบบนี้ เพราะรูปลักษณะนี้ ถ้าเรายังโฟกัสและล๊อคค่าแสงไปในตัว มีชดเชยเกิน 3 Stop แน่นอน เรียกว่าชดเชยกันจนเหนื่อยเลยครับ ทางผู้ผลิตกล้องจึงมี Function เพิ่มขึ้นมาให้ผู้ใช้ ให้สามารถแยกปุ่มล๊อคค่าแสงออกจากปุ่มโฟกัสได้ แต่ละค่ายมีวิธีการแยกปุ่มล๊อคค่าแสงออกจากปุ่มโฟกัสอย่างไร ก็อ่านในคู่มือเลยครับ Device : Nikon D90 Lens : 18-105mm VR F/3.5-5.6G Focal Length : 105 mm Aperture : F/5.6 Shutter Speed : 1/320s ISO 200 จากคุณ : auxin เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 12:09:49

ความคิดเห็นที่ 19 รูปแบบนี้ หมูเลยครับ อยู่ในสภาพแสงเดียวกัน โทนสีโดยรวมไม่หนักไปทั้งมืดหรือสว่าง วัดแสงกลางรูปแล้วถ่ายเลยครับ ไม่ต้องชดเชย กล้องสมัยนี้ มันฉลาดขึ้นเยอะ มันวัดแสงแม่นใช้ได้เลยทีเดียว บางรูปที่คิดว่าวัดแสงแล้วต้องชดเชยแน่นอน ชดเชยมากเสียด้วย แต่กล้องมันคำนวณให้ดีครับ ชดเชยนิดเดียวก็ได้ผลลัพธ์อย่างที่ต้องการเลย บางรูปที่คิดว่า ต้องชดเชยบวกอีกนิด หรือลบอีกหน่อย น่าจะดีกว่า แต่เอาเข้าจริง ไม่ต้องชดเชยเลย เพราะกล้องมันคำนวณแม่นยำมาก เรื่องการวัดแสง เลยดูเหมือนง่ายขึ้นเป็นเงาตามตัว แต่ถึงยังไง เราก็ต้องเข้าใจหลักการมันบ้าง เอาไว้แก้ไขในยามที่กล้องมันแบกรับไม่ไหวแล้วจริงๆ เราก็เข้าไปจัดการต่อ เท่านั้นเอง ไม่มีอะไรมากกว่านั้นครับ Device : Nikon D90 Lens : 50mm F1.8D Focal Length : 50 mm Aperture : F/4 Shutter Speed : 1/50s ISO 400 จากคุณ : auxin เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 12:10:42

ความคิดเห็นที่ 20 รูปนี้ แสงลงกำลังดี เห็นเป็นลำ อยากให้แสงพอดีที่คนแถวๆ ลำแสง ก็วัดแสงตรงนั้นเลยครับ รูปนี้ผมชดเชยบวกไปนิดนึงเพื่อเปิดรายละเอียดของสภาพแวดล้อมโดยรวมด้วย ไม่ให้มืดจนเกินไป ถ้าไม่ชดเชยเลย จะเห็นลำแสงชัดขึ้น แต่ก็แลกมาด้วยสภาพแวดล้อมมืดขึ้นอีกนิด แล้วแต่จริตของคนถ่ายครับ ว่าชอบแบบไหน สำหรับรูปนี้ วัดแสงแล้วถ่ายเลยก็ไม่ผิดครับ ใช้ Center-Weighted วัดแสงที่คนได้เลยครับ Device : Nikon D90 Lens : 18-105mm VR F/3.5-5.6G Focal Length : 35 mm Aperture : F/4.5 Shutter Speed : 1/320s ISO 400 จากคุณ : auxin เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 12:11:41

ความคิดเห็นที่ 21 ในเรื่องการวัดแสงก็มีเท่านี้ครับ แต่ในกระบวนการถ่ายนั้นยังไม่จบครับ ยังต้องรู้เรื่อง "การชดเชยแสง" ด้วย จริงๆ แล้วเรื่องของการวัดแสงกับการชดเชยแสงนั้นจะถือว่าเป็นเรื่องเดียวกันก็ได้ เพราะทั้งสองอย่างนี้ ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ครับ แต่แยกหัวข้อดีกว่า เพราะเดี๋ยวมันจะยาวเกินไป ปล. แล้วจะรีบทำข้อมูลเรื่อง "การชดเชยแสง" ให้ในเร็ววันครับ จากคุณ : auxin เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 12:12:39

ความคิดเห็นที่ 22 สรุป - หัวใจหลักของเรื่องการวัดแสงคือ "การเลือกจุดที่จะเป็นตัวแทนของค่าแสงในรูปนั้นๆ แล้วทำการล็อคค่าแสงไว้" - สาเหตุที่ต้องล็อคค่าแสง เพราะค่าแสงจะไม่เพี้ยนไปจากจุดที่เราต้องการ เวลาเราจัด Composition ใหม่ ** ผมบอกไว้ในข้างต้นแล้วว่า "กล้องดิจิตอลมันวัดแสงตลอดเวลา" เมื่อเราจัด Composition ใหม่(Pan กล้อง) ค่าแสงมันก็เปลี่ยนตลอด ดังนั้นจึงต้องมีการล็อคค่าแสงนั้นไว้ เพื่อไม่ให้ค่าแสงเปลี่ยนขณะที่เราจัด Composition ใหม่ และเพื่อใช้เป็นจุดอ้างอิงในการชดเชยแสงด้วย หากการวัดแสงครั้งแรกยังไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่ต้องการ ส่วนเรื่อง ควรวัดแสงที่ไหนและชดเชยค่าแสงเท่าไหร่นั้น ต้องออกไปฝึกเองครับ เพราะไม่มีใครสามารถบอกเป็นกฎเกณฑ์ที่ตายตัวได้ ถ้าใครไม่เข้าใจตรงไหนและมีคำถามเพิ่มเติมก็โพสต์ไว้ได้เลยครับ จะรีบมาตอบแน่นอน!! จากคุณ : auxin เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 12:13:15

ความคิดเห็นที่ 23 ... ขอบคุณ ครับ น้า เมื่อก่อน ผม งง กับ การวัดแสงมาก ตอนนี้ ไม่มีปัญหามากมายแบบแต่ก่อนเท่าไร เพราะส่วนใหญ่ ปล่อยให้กล้องทำงานของมันก่อน แล้วมาดูที่ความพอใจของผม อีกทีว่า พอดีไหม ไม่พอดีก็ อันเดอร์ โอเวอร์ ไปตามเรื่องตามราว ขอบคุณสำหรับ กระทู้ดี ๆ ครับ ปล. เดี๋ยวนี้ เข้าใจว่า  เราสามารถตั้งระยะเวลาให้ปิดการทำงานในส่วน ของการวัดแสงได้แล้วนะครับ ผมเข้าใจผิดไงหรือปล่าว ไม่แน่ใจ แก้ไขเมื่อ 22 พ.ย. 53 12:23:09 จากคุณ : แสบสันต์ หมายเลข 8 เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 12:22:09

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณครับ จากคุณ : แฉลบยอดหญ้า เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 12:22:23

ความคิดเห็นที่ 25 ตามมาอ่าน + โหวต กระทู้คุณภาพครับ เขียนได้เข้าใจง่ายจริงๆ จากคุณ : หน้าม้ารับจ้าง เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 12:25:40

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ ครับ ปล.ผมคิดน้า auxin  น่าจะเขียนเป็นหนังสือได้แล้วครับ ผมคนหนึ่งละที่จะซื้อไปอ่าน ^^ จากคุณ : kingkiev เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 12:27:59

ความคิดเห็นที่ 27 จากคุณ : ไททับฟ้า เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 12:31:25

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบคุณจ้า... จากคุณ : RedAtHeart เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 12:33:31

ความคิดเห็นที่ 29 เจ๋งเลย ขอบคุณครับ จุ๊บจุ๊บ จากคุณ : raksapondet เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 12:53:02

ความคิดเห็นที่ 30 อธิบายเข้าใจง่ายมากๆเลยครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : Coolpixel เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 13:06:05

ความคิดเห็นที่ 31 กำลังหาข้อมูลพอดีเลย  ขอบคุณนะครับ จากคุณ : เก็ตเล้ง เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 13:13:01

ความคิดเห็นที่ 32 ขอบคุณมากครับ น้า auxin แล้วจะรออ่าน ในบทต่อไปครับ จากคุณ : TigerTee เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 13:20:42

ความคิดเห็นที่ 33 อธิบายเป็นขั้นเป็นตอน ทำให้เข้าใจตามได้ง่ายเลย ขอบคุณมากครับ จะรอติดตามผลงานต่อๆไปนะครับ จากคุณ : RTB เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 13:26:11

ความคิดเห็นที่ 34 การเรียบเรียงความรู้ที่มีอยู่มาเขียนเป็นบทความและยังต้องเขียนในสำนวนที่ทุกๆคนอ่านแล้วเข้าใจกันได้ง่ายๆ....ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะครับ....ผมเชื่อว่าต้องใช้เวลาและพลังงานในการเขียนกระทู้อย่างมาก แถมยังต้องหารูปประกอบพร้อมคำอธิบายมาให้เห็นภาพอีก.... นับถือในน้ำใจของต้อมมากเลยครับ....   ขอบคุณที่สละเวลามาเขียนกระทู้ดีๆให้ความรู้กับเพื่อนสมาชิกห้องกล้องนะครับ....   แก้ไขเมื่อ 22 พ.ย. 53 13:27:57 จากคุณ : LVP@HEART เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 13:26:38

ความคิดเห็นที่ 35 น้าเขียนได้เข้าใจกว่าตำราหลายๆเล่มที่อานมาอีกนะ แนะนำให้มือใหม่เข้าใจได้ง่ายกว่าเยอะเลย จากคุณ : สะบายดีบางกอก เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 13:32:34

ความคิดเห็นที่ 36 ขอบคุณสำหรับข้อมูลความรู้ครับ จากคุณ : FST19 เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 13:33:48

ความคิดเห็นที่ 37 โหวตให้ครับ จากคุณ : แรมจันทร์แรมใจ เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 13:39:32

ความคิดเห็นที่ 38 ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆครับ จากคุณ : JaoMom เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 14:09:13

ความคิดเห็นที่ 39 ขอบคุณสำหรับความรู้ที่ให้นะคะ เข้ามาอ่านทีไรได้อะไรมากมายทุกครั้ง . . . หลายๆ อย่างกระจ่างขึ้นมากทีเดียวค่ะ จากคุณ : libra-cat เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 14:19:23

ความคิดเห็นที่ 40 แซ้งค์ อะล่อท... จากคุณ : หนุ่มตักสิลา เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 14:35:07

ความคิดเห็นที่ 41 ขอบคุณมากครับ ทั้งคำบรรยายและภาพประกอบ  สุดยอด จากคุณ : เกาต์เอง เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 14:42:17

ความคิดเห็นที่ 42 ขอบคุณครับ บุ๊กมาร์คเก็บไว้อ่านทบทวน จากคุณ : ตาแยม เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 14:43:08

ความคิดเห็นที่ 43 ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆ ครับ ผมคงต้องฝึกอีกเยอะเลย จากคุณ : ptt_tong เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 14:53:03

ความคิดเห็นที่ 44 สุโค่ย กระจ่าง ขอบคุณค่ะ จากคุณ : peungnoy เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 15:02:45

ความคิดเห็นที่ 45 มือใหม่เข้ามาเรียนครับ อ่านง่าย เข้าใจง่าย ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆครับ จากคุณ : nucha62 เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 15:09:53

ความคิดเห็นที่ 46 ขอบคุณมากคะ..ได้ความรู้อีกแหละ.. จากคุณ : wifehouse เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 15:23:09

ความคิดเห็นที่ 47 ขอบคุณ ครับ จากคุณ : มอแกน 2010 (kbkk) เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 15:40:28

ความคิดเห็นที่ 48 แจ่ม อีกแล้วครับ จากคุณ : THE CUT เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 15:54:33

ความคิดเห็นที่ 49 ขอบคุณค่ะ จะลองทำตามดูนะคะ วัดแสงไม่เคยเป็นสักครั้งเลยนี่ จากคุณ : หน้าแง๊ว~* เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 16:29:36

ความคิดเห็นที่ 50 ขอบคุณครับ กับความรู้ดีๆ จากคุณ : kriengchai เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 16:35:17

ความคิดเห็นที่ 51 หลายๆ ครั้ง ก็ไม่จำเป็นต้องไป "คำนึง คำนวณ" อะไรมากครับ โลกมาถึงยุคนี้แล้ว ถ่ายปุ๊ป เห็นผลลัพธ์ปั๊ป ไม่พอใจก็ถ่ายใหม่ เพียงแต่ในบางครั้ง ถ้าเราคิดและวางแผนซักนิด มันอาจได้ผลลัพธ์ที่เร็วกว่า เท่านั้นเอง ----------------------------------------------------------------------------- ^ ^ ถูกใจที่ซู๊ด... จากคุณ : DUB-COOK เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 16:39:03

ความคิดเห็นที่ 52 มาหาความรู้ครับ จากคุณ : มังกรเหนือ เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 16:56:00

ความคิดเห็นที่ 53 สร้างสรรค์ กระทู้ดี ๆ อีกแล้ว ขอบคุณครับ จากคุณ : Mr.Papirus เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 17:32:00

ความคิดเห็นที่ 54 ขอบคุณคร้าบบบบบบบบบบบบบบบบ จากคุณ : เสี้ยวจ๊ะ เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 17:35:21

ความคิดเห็นที่ 55 จากคุณ : PiGsPy เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 18:02:45

ความคิดเห็นที่ 56 ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ ผมก็วัดแสงไม่เป็น ประมาณค่าไว้ก่อน ยิงเปรี้ยง ดูรูป เปิด กราฟฮิสโทรแกรมช่วย กราฟอยู่ในช่วงกลางๆ ก็โอเค หรือไม่ก็ ภาพที่ถ่าย มันมืด หรือสว่าง กราฟเทไปถูกฝั่งก็โอเคแล้วผม บางที่คิดเรื่องเทคนิคมากเกินไป ก็อดใช้ความคิดด้านจิตนาการได้ ^ ^ จากคุณ : การเดินทางของภาพถ่าย เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 18:10:52

ความคิดเห็นที่ 57 ขอบคุณมากครับ ผมปรี้นเก็บไว้เลยครับกระทู้ดีๆแบบนี้ จากคุณ : โหน่งมาแว้ว (ลาดหญ้า) เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 19:36:46

ความคิดเห็นที่ 58 สุดยอดมากค่ะ มือใหม่ขอจำไปใช้ ^^ จากคุณ : SomRu+Yee เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 19:42:34

ความคิดเห็นที่ 59 ขอบคุณครับ จากคุณ : Vaichara เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 19:42:48

ความคิดเห็นที่ 60 สุดยอดจริงๆ.. จากคุณ : naryak เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 19:44:26

ความคิดเห็นที่ 61 ขอบคุณ สำหรับความรู้ เพื่อเป็นวิทยาทานแก่คนอื่นๆ ขอให้คุณ auxin  และ ครอบครัวมีความสุขความเจริญ ยิ่งๆขึ้นไปครับ   ขอบคุณอีกครั้ง จากคุณ : tewin เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 20:03:07

ความคิดเห็นที่ 62 โห แต่ละรูปสวยๆทั้งนั้นเลย จากคุณ : iamsamba เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 20:12:33

ความคิดเห็นที่ 63 อยากให้ "กิ๊ฟ" กับหลายคน แต่กิ๊ฟหมดแล้วครับ สงสัยแจกกิ๊ฟในกระทู้ ระบบวัดแสงมากไป งั้นขอขอบคุณแทนแล้วกัน สำหรับทุกความเห็นและกำลังใจที่ให้มาครับ สำหรับเรื่อง "การชดเชยแสง" เกือบเสร็จ 100%แล้วครับ รอ proof รอบที่สอง คาดว่าอาทิตย์หน้าคงได้อ่านกันแน่นอน... จากคุณ : auxin เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 20:22:49

ความคิดเห็นที่ 64 ขอบคุณในน้ำใจและความตั้งใจครับ จากคุณ : tungloveminnie เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 20:26:19

ความคิดเห็นที่ 65 ขอบคุณค่ะ รอติดตามตอนต่อไป ^^ จากคุณ : ฺB (Black Postcard) เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 20:41:06

ความคิดเห็นที่ 66 ขอบคุณมากๆ ค่ะ จากคุณ : nifedipine เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 20:59:30

ความคิดเห็นที่ 67 ถามต่ออีกหน่อยค่ะ จุที่ใช้ล็อคแสง กะจุดที่โฟกัสต้องเป็นจุดเด่วกันช่ายมั้ยค่ะ คือเราต้องมองแล้วว่าจะโฟกัสที่ไหน แล้วเอาจุดนั้นไปล็อคค่าแสง แล้วกลับมาถ่ายที่จุดเดิม ถูกมั้ยค่ะ พอลองถ่ายแล้วงงจังเลย จากคุณ : SomRu+Yee เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 21:09:18

ความคิดเห็นที่ 68 ถามต่ออีกหน่อยค่ะ จุที่ใช้ล็อคแสง กะจุดที่โฟกัสต้องเป็นจุดเด่วกันช่ายมั้ยค่ะ คือเราต้องมองแล้วว่าจะโฟกัสที่ไหน แล้วเอาจุดนั้นไปล็อคค่าแสง แล้วกลับมาถ่ายที่จุดเดิม ถูกมั้ยค่ะ พอลองถ่ายแล้วงงจังเลย แก้ไขเมื่อ 22 พ.ย. 53 21:25:53 จากคุณ : SomRu+Yee เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 21:09:33

ความคิดเห็นที่ 70 ชอบมากๆ ผมนึกย้อนกลับไปตอนเริ่มหัดถ่ายใหม่ๆ ถ้ามีคนหรือค่ายหนังสือหรือสิ่งใดก็ตามแต่มาช่วยสมทบระหว่างที่ผมขวนขวาย คงจะเป็นการเรียนรู้ที่สนุกมากๆเชียว ตอนนั้น ผมอ่านกระทู้พันทิปห้องกล้องทุกครั้งที่มีโอกาส เก็บย้อนหลังไป ค้นเว็บอื่น เสิชกูเกิ้ลไป ค่อนข้างเหนื่อยพอสมควรครับ รอกระทู้การชดเชยแสงอยู่นะครับ ผมไม่รู้ว่าน้าหน้าตาเป็นใคร อย่างไรนะครับ แต่ต้องขอบคุณร่วมกับชาวกล้องและผู้มาหาความรู้อีกหลายๆคนเลยทีเดียว : ) จากคุณ : WiTSi เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 21:10:58

ความคิดเห็นที่ 71 ถามต่ออีกหน่อยค่ะ จุดที่ใช้ล็อคแสง กะ จุดที่โฟกัสต้องเป็นจุดเด่วกันช่ายมั้ยค่ะ คือเราต้องมองแล้วว่าจะโฟกัสที่ไหน แล้วเอาจุดนั้นไปล็อคค่าแสง แล้วกลับมาถ่ายที่จุดเดิม ถูกมั้ยค่ะ พอลองถ่ายแล้วงงจังเลย จากคุณ : SomRu+Yee เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 21:11:20

ความคิดเห็นที่ 72 #67, #68, #71 ถูกต้องครับ กับเสริมอีกนิด จุดที่จะล๊อคค่าแสง อาจเป็นจุดเดียวกับจุดที่เราโฟกัสหรือไม่ก็ได้ และจุดศูนย์กลางของการวัดแสง ก็คือจุดโฟกัสที่เรา Active อยู่ในขณะนั้นครับ จากคุณ : auxin เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 21:30:33

ความคิดเห็นที่ 73 ขอบคุณมากครับ เซฟบุ๊กมารค์ไว้อ่านแล้วครับ ขอบคุณอีกครั้งครับ จากคุณ : Dr.Fish เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 22:32:11

ความคิดเห็นที่ 74 ขอบคุณหลาย มาเรียนด้วยคน จากคุณ : Feline เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 23:02:29

ความคิดเห็นที่ 75 ขอบคุณครับเรื่องการวัดแสงกับการโฟกัส ผมก็สงสัยมานานเหมือนกัน....ต่อไปอยู่ที่ลองปฏิบัติจริงครับ จากคุณ : Elecian007 (Elecian007) เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 23:16:37

ความคิดเห็นที่ 76 เกือบไม่ได้เข้ามาดู เพราะนึกว่าเป็นกระทู้แนะนำอันเดียวกับสัปดาห์ก่อน -*- โชคดีที่เข้ามาดู ^ ^ จากคุณ : TalkyWalky เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 01:01:01

ความคิดเห็นที่ 77 แบบนี้ถ้าเกิดเราเลือกวัดแสงแบบ "เฉลี่ยทั้งภาพ" แล้วเลือกคำนวณจากสายตาระหว่างส่วนมืดกับส่วนสว่างว่าส่วนไหนมากน้อยกว่ากันแล้วเลือกชดเชย +/- เอาตามที่ตาเห็นนี่ก็ได้เหมือนกันใช่มั๊ยครับ จากคุณ : สาย ธารี เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 07:03:24

ความคิดเห็นที่ 78 ขอบคุณมากๆครับ  การเรียบเรียงได้ชัดเจน ละเอียดแบบนี้ ต้องเสียสละมากมายจริงๆ จากคุณ : Son&Ning เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 07:34:25

ความคิดเห็นที่ 79 ขอถามแบบโง่ๆๆ เลยนะครับ คือผมเพิ่งเปลี่ยน  จาก Compact   มาลองเล่น Dslr คือตอนนี้ ซื้อ Oly E410 มือสอง  มาลองเล่นดู... จากที่ผมอ่านมาทั้งหมดผมเข้าใจแบบนี้ ไม่รู้ว่าถูกต้องไหม 1. กด Half Shutter ครั้งแรก  คือเล่งไปที่จุดของแสงที่เราต้องการจะนำมาใช้กับภาพของเราก่อน 2. จากนั้นมาจัดองค์ประกอบของภาพแบบที่เราต้องการ 3. กด Half Shutter ครั้งที่2 เพื่อโฟกัส สิ่งที่เราต้องการถ่ายจริงๆๆ 4. กด Shutter จนมิด เพื่อถ่ายภาพนั้น... 5. จากนั้น ผลของภาพที่ออกมา เรามาดู ถ้ามันถ้ามัน มืดไป หรือสว่างไป เราค่อยมาดูเรื่องจะชดเชย แสง +/- 6. แล้วก็ไปทำตามข้อ1 ใหม่ โดยจะไปกด ชดเชยแสง +/- เอาอีกทีหลังจาก วัดแสงแล้ว จากคุณ : BAMICUP เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 09:05:27

ความคิดเห็นที่ 80 ขอบคุณมากๆเลยค่ะ ^^ จากคุณ : Creatrips เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 09:23:00

ความคิดเห็นที่ 81 ได้ความรู้เยอะเลย ขอบคุณมากนะคะ จากคุณ : ตะโก้สมหวัง เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 09:42:51

ความคิดเห็นที่ 82 คุณแสบสันต์ หมายเลข 8 : เอ้... ปิดได้ด้วยหรือครับ... ยังไม่เคยเห็นมาก่อน... คุณ kingkiev : บอกตรามตรงว่าในชีวิตนี้ ผมก็อยากมีหนังสือเป็นของตัวเองซักเล่ม แต่ความรู้กับประสบการณ์ตอนนี้ ยังมีไม่มากพอ อาจต้องรอไปอีก 2-3 ปีครับ เอิ๊ก... 555 คุณ RTB : ขอบคุณมากครับ คุณ LVP@HEART : อย่างที่พี่ว่าเลยครับ บทความดูเหมือนสั้น แต่กว่าจะได้เป็นบทสรุป เขียนเยอะมาก แล้วมาสรุปอีกทีให้กระชับที่สุด รูปตัวอย่างก็พยายามหาที่มันเข้าใจง่าย รูปจึงไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ ยิ่งบทความ "การชดเชยแสง" นี่เล่นไปเกือบ 10 วันเลยทีเดียว... เขียนบทความชุดนี้จบ รู้เลยครับว่า หนังสือแต่ละเล่มที่ทำออกมา ราคาแสนถูก ถ้าเทียบกับสิ่งที่อยู่เบื้องหลัง... คุณสะบายดีบางกอก : ขอบคุณครับ แต่คงไม่ถึงขนาดนั้นมั้งครับ 555 คุณ DUB-COOK : ขอบคุณมากๆ ครับ คุณ tewin : ขอบคุณมากครับ สำหรับคำอวยพร คุณ WiTSi : ขอขอบคุณเช่นกันครับ ปล.เห็นหน้าผมคงเลิกอ่านบทความกันหมด... 555 คุณ สาย ธารี : ถูกต้องแล้วคร๊าบ...บบบบ ส่วนคนอื่นๆ ที่ไม่ได้เอ่ยชื่อ ก็ขอขอบคุณเช่นกันครับ จากคุณ : auxin เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 09:45:58

ความคิดเห็นที่ 83 ขอบคุณมากเลยค่ะ ให้ความรู้กับมือใหม่อย่างศิได้เยอะเลยจ้า เก็บเข้า bookmark กับ คลังกระทู้เรียบร้อยแล้วจ้า จากคุณ : sinaja เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 09:49:46

ความคิดเห็นที่ 84 ขอบคุณครับ @auxin อธิบายได้ชัดเจนง่ายต่อการเข้าใจและเรียนรู้มาก มือเก่าก็อ่านได้ไม่เบื่อทำให้เสริมความรู้เทคนิคให้แม่นยิ่งขึ้น มือใหม่ก็ไม่ควรพลาดกระทุ้นี้ทำให้เข้าใจระบบของกล้องเบื้องต้น กระทู้ดีมีคุณภาพสมควรแก่การเก็บเข้าคลังไว้ จากคุณ : momay_Qoo เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 10:43:40

ความคิดเห็นที่ 85 จำครับจำ จากคุณ : ratmo_11 เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 11:20:26

ความคิดเห็นที่ 86 ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆ ครับผม จากคุณ : weekab เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 11:42:18

ความคิดเห็นที่ 87 สวดยวดครับ ขอบคุณมาก จากคุณ : หลังอาน เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 12:00:30

ความคิดเห็นที่ 88 จุดที่จะล๊อคค่าแสง อาจเป็นจุดเดียวกับจุดที่เราโฟกัสหรือไม่ก็ได้ และจุดศูนย์กลางของการวัดแสง ก็คือจุดโฟกัสที่เรา Active อยู่ในขณะนั้นครับ มันเป็นอย่างนี้เหรอครับ แล้วเป็นกับทุกระบบวัดแสงหรือเปล่า ผมเข้าใจมาว่าการวัดแสงจะวัดที่จุดกลางกกล้องอย่างเดียวถึงแม้จะตั้งจุดโฟกัสที่อื่น ในระบบจุด บางส่วน  และหนักกลาง หรือแต่ละค่ายไม่เหมือนกัน ผมใช้ canon550d ครับ จากคุณ : เกาต์เอง เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 12:59:09

ความคิดเห็นที่ 89 ขอบคุณครับ จากคุณ : note (amornchat) เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 13:06:22

ความคิดเห็นที่ 90 ผมว่าบทความของน้า อ่านเข้าใจง่ายกว่าหนังสือที่ไปซื้อมาอีก เอิ๊ก ๆ อ่านหนังสือ วิชาการมากเกินไป ยิ่งอ่านยิ่งงง จากคุณ : หนุ่ม (nattawat_th) เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 13:16:41

ความคิดเห็นที่ 91 คุณเกาต์เอง #88 ทดลองดูเองเลยครับ ง่ายมาก ทำดังนี้... เอากล้องตั้งบนขา ใช้โหมด A แล้วลองเลื่อนจุดโฟกัสดูครับ(ไม่ต้องถ่ายนะ) จะเห็นว่า Shutter Speed เปลี่ยนไปเรื่อย แม้เราไม่ได้แพนกล้องเลย แต่เมื่อเราเปลี่ยนจุดโฟกัส ค่าแสงก็เปลี่ยนด้วย นั่นก็แสดงว่า กล้องมันวัดแสงใหม่ โดยเปลี่ยนไปตาม จุดโฟกัส ที่ Active อยู่ในขณะนั้นๆ ปล. ไม่เคยลองฝั่ง Canon แต่เข้าใจว่าระบบการทำงานเหมือนกันครับ จากคุณ : auxin เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 13:29:52

ความคิดเห็นที่ 92 ผมลองแล้วครับ ไม่เปลียน เลยลองไปอ่านคู่มือเป็นดังนี้ครับ แสดงว่าแต่ละค่ายไม่เหมือนกันใช่มั้ยครับ จากคุณ : เกาต์เอง เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 13:49:19

ความคิดเห็นที่ 93 จำได้ว่าของแคนนอนอยู่จุดกลางเสมอครับ ส่วนของนิคเค้าเปลี่ยนตามจุดโฟกัสไปเรื่อย ๆ จากคุณ : iamgap เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 14:48:08

ความคิดเห็นที่ 94 ..Give หมด อดให้ เพราะปลายเดือน..แต่ขอขอบคุณกระทู้ดีๆ แบบนี้เช่นเคยครับน้า auxin... Give หมดซดเบียร์แทนนะครับ จากคุณ : ป๊าตัว art (แม่ยู้-ลูกหมูนะโม) เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 14:59:13

ความคิดเห็นที่ 95 มืิอใหม่เข้ามาอ่านครับ :) เขียนได้เข้าใจค่อนข้างง่ายครับ แม้คนไม่รู้อะไรเลยแบบผมยังพอเข้าใจ ที่เหลือก็แค่ลองเอาไปปฏิบัติจริง จากคุณ : Gaea เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 15:56:10

ความคิดเห็นที่ 96 มารอภาคต่อ..ครับ เข้าใจแล้วยิ่งเข้าใจขึ้น ลองเอารูปเก่าๆมานั่งดู นี่ถ้าเราได้ดูกระทู้นี่ก่อนนะ ภาพคงออกมาสวยกว่านี้เป็นแน่แท้ ที่ผ่านมาก้เข้าใจตามหลักการของ จขกท มาตลอดว่ากล้องมันน่าจะฉลาดบ้างแหละ ราคาหลายตังส์ นั่นแสดงว่าเราก็คิดไม่ผิดและต้องเน้นที่เลือกใช้งานให้ถูกต้อง จากคุณ : maxoutda เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 16:00:34

ความคิดเห็นที่ 97 ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆ แบบนี้ ขอเพิ่มอีกอย่างได้ไหมคะ ถ้าคุณ auxin มีเวลาช่วยอธิบายเรื่องความสัมพันธ์กันระหว่าง ค่า F ค่า S ค่า ISO ด้วยค่ะ มีปัญหากับ 3 ค่านี้ตลอดเลย จากคุณ : countrycook (countrycook) เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 16:23:18

ความคิดเห็นที่ 98 ขอบคุนค่าาา  ได้ความรู้ดีมากๆ เลย ^^ จากคุณ : bluefunkskit เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 17:09:08

ความคิดเห็นที่ 99 ขอบคุณมากครับ รอเรียนรู้การชดเชยแสงอยู่นะครับ จากคุณ : tonti เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 17:14:43

ความคิดเห็นที่ 100 รบกวนสอบถามคุณ auxin หน่อยครับ ผมก็ใช้ D-90 + 18-105 อยากถามว่าปุ่มล๊อคแสงถ้าผมตั้งเป็น hold  แล้วผมก็กดชัตเตอร์ลงครึ่งหนึ่ง ตอนที่กดลงครึ่งหนึ่งมันจะล๊อคค่าแสงให้เปล่าครับ หรือว่ามันจะล๊อคโฟกัสเพียงอย่างเดียวครับ ขอบคุณครับ..... จากคุณ : โหน่งมาแว้ว (ลาดหญ้า) เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 19:07:37

ความคิดเห็นที่ 101 บทความดีดี มีประโยชน์ จากคุณ : DSkong เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 09:03:11

ความคิดเห็นที่ 102 แวะมาอ่าน ขอบคุณครับ ชอบ ๆ จากคุณ : Clark Keng เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 10:22:23

ความคิดเห็นที่ 103 ยอดเยี่ยมครับ  ....  ขอบคุณในการเสียสละเวลาแบ่งปันความรู้มากๆเลยครับ.. ปล   อยากรู้เรื่อง  WB  ครับ  ถ้ามีเทคนิคนำมาแนะนำอีกนะครับ  .... แก้ไขเมื่อ 24 พ.ย. 53 10:41:14 จากคุณ : นิ้วจิ้ม เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 10:37:27

ความคิดเห็นที่ 104 คุณเกาต์เอง #92 เป็นความรู้ใหม่สำหรับผมเช่นกันครับ ผมเล่นฝั่ง Nikon เห็นมันทำได้ ก็นึกว่า Canon ก็ทำได้เช่นกัน ขอบคุณครับ ที่นำข้อมูลดีๆ มาบอกกัน จากคุณ : auxin เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 10:50:54

ความคิดเห็นที่ 105 คุณลาดหญ้า #100 หลังจากแยกปุ่มล๊อคค่าแสงออกจากปุ่มชัตเตอร์แล้ว ปุ่มชัตเตอร์จะ โฟกัสกับถ่ายเท่านั้นครับ ไม่ล๊อคค่าแสงให้... จากคุณ : auxin เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 10:54:20

ความคิดเห็นที่ 106 ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ ได้ดูภาพสวยๆประกอบคำบรรยายด้วย~ จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 12:37:08