งานวันพ่อที่สวนสาธารณะข้างท่าเตียน มีตากล้องมากมายไปร่วมงานกล้องใหญ่กล้องเล็กมีหมด ส่วนมากไม่ติดขาตั้งมาหรืออาจจะติดมาแต่ไม่ได้เอาออกมาใช้
แต่ที่พบเห็นคือเจอมาครับ 3 คนอยู่หน้าสุดติดรั้วริมแม่น้ำเลย ตั้งขาตั้งสูงประมาณ 1 เมตร 50 เซนติเมตร 2 อัน พร้อมใช้งาน
แรกๆไม่มีอะไรครับ เฉยๆเพราะยังไม่ใช่เวลาแสดง คนยังไม่เยอะเท่าไหร่ด้วย แต่เมื่อเวลาใกล้ค่ำเรื่อยๆ คนเริ่มมาเยอะ มารอชมขบวนเรือกัน ซึ่งด้านหลังๆต้องนั่งลงกับพื้น แต่ทว่า 3 ท่านนั้นยังเหมือนไม่รู้ตัวว่าเขาทำอะไรอยู่
จนใกล้เวลาแสดงขบวนเรือ 3 ท่านนั้นยืนขึ้นไม่นั่งลงขณะที่คนอื่นๆหลังเขานั่งอยู่กับพื้นแน่นอนว่าโดนบังเต็มๆ
และจากนั้นก็มีคนอีกประมาณ 4-5 คน แบกขาตั้งมาตั้งกันตามที่ว่าด้านหน้าๆเหมือนว่าข้างหลังๆเขาไม่มีคนมารอดูเลย เหมือนว่าไม่มีคนนั่งอยู่ที่พื้นเลย
แน่นอนครับ ด้วยความที่สุดทน หากไม่บอกกล่าวกันคนอื่นๆก็คงไม่ได้ดูเรือ ดูตูดคนแทน ผมตะโกนบอกไปเลย
"ข้างหน้าอะครับ ช่วยนั่งลงด้วยครับ เกรงใจคนข้างหลังบ้าง"
ชุดแรกนั่งครับ แต่ 3 คนที่เล่าไว้ มี 2 คนไม่นั่ง เลยจัดการระบุตำแหน่งไปว่า
"ข้างหน้าสุดที่ยืนอะครับ นั่งลงด้วยครับ เกรงใจคนอื่นบ้าง"
1 ในนั้นหันมามองหน้าผมแล้วก็นั่งลงไป...
ตรงนี้ถ้าสังคมเห็นว่าที่เขาๆทำนั้นถูกแล้ว สังคมคงมาด่าผมเองแหละว่าผมผิดที่ตะโกนออกไป ไปยุ่งกับเขาทำไม แต่สังคมมองไปที่คนเหล่านั้น มันก็ชัดเจนแล้วว่าสังคมรู้สึกยังไงกับคนที่ไม่เกรงใจคนอื่นๆ
เราๆทุกคนคงเคยเจอนะครับ ว่าเราไปที่ที่งานเยอะๆคนเยอะๆแล้ว เราเล็งกล้องอยู่ แล้วเจอคนมาเที่ยว ไม่มีกล้อง ไม่มีอะไร แค่มาเที่ยว แล้วเขาหยุดเดินไม่ตัดหน้ากล้องเรา เขาหยุดแล้วรอให้เราถ่ายเสร็จแล้วถึงเดินต่อ เคยเจอกันใช่ไหมครับ นั่นแสดงว่าเขาเกรงใจเราอยู่เช่นกันครับ สิ่งที่เราตอบแทนกันได้คือ คำขอบคุณพร้อมรอยยิ้มให้พวกเขาเหล่านั้นไป และในมุมกลับกันก็ย่อมมีการบังกันเกิดขึ้น การบอกกล่าวกันก่อนถือเป็นเรื่องที่ควรทำเช่นกัน
สุดท้ายว่ามันไม่จำเป็นหรอกครับที่จะมารอว่าใครจะเกรงใจใครดี เพราะมันไม่สำคัญเท่าเราเกรงใจคนอื่นๆไว้ก่อนหละครับ...