ความคิดเห็นที่ 1 ...ผมซื้อ HDD 250 G ของ Hitati ราคา 1,150 บาท แล้วซื้อ บอร์ดี้ เทอร์มินอล จากร้าน ขายอุปกรณ์ ทั่วไป 250 บาท เอามาใส่ HDD พวงกับ NB ตอนนี้ เก็บข้อมูลไว้อย่างดี ครับ จากคุณ : แสบสันต์ หมายเลข 8 เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:43:23

ความคิดเห็นที่ 2 เรียก External HDD ครับ มีขายแพร่หลายมากตามร้าน IT มี 2 ขนาด คือ ขนาด 3.5" เท่ากับที่ใช้ใน PC กับขนาด 2.5" เท่ากับที่ใช้ใน notebook ขนาด 3.5" ต้องใช้ไฟเลี้ยงต่อจาก adaptor ในขณะที่ 2.5" ไม่ต้องใช้ แถมพกพาสะดวกกว่า ขนาด 3.5" ราคาถูกกว่า 2.5" ครึ่งหนึ่ง ในขนาดความจุเท่ากัน ยี่ห้อที่ควรเลือก ก็ที่มีชื่อในการทำ HDD ใส่ PC และ notebook นั่นแหละครับ ราคาไม่ต่างกันมากแล้ว ถ้า drive D: กับ E: ใกล้เต็ม แล้วต้องการย้ายออกมาที่ External HDD ต้องเก็บอย่างน้อย 2 ชุดนะครับ ถ้าย้ายออกมาลง External HDD แค่ชุดเดียวนี่ ไม่ถือว่าเป็น drive สำรองนะครับ เพราะถ้า External HDD ตัวนั้นมีปัญหา ข้อมูลอาจหายไปหมดพร้อมกับ HDD ได้เลย จากคุณ : paengmun เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:50:04

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้าน้า ไม่เอาไปไหนมาไหน ก็แนะนำแบบ 3.5 นิ้วครับ ถ้าไม่ค่อยมีความมั่นใจในอุปกรณ์พวกนี้ ลองซื้อแบบ Box ที่ยัด HDD มาเรียบร้อยก็ได้ครับ มีหลายยี่ห้อ เช่น Buffalo (อันนี้แพงหน่อย ใช้อยู่ ก็งั้นๆ นะ อิอิ), Toshiba ก็ทำขาย , Acer ก็มี แล้วก็พวกยี่ห้อที่ไม่ค่อยคุ้นชื่อ ก็มี ไปที่ร้าน บอกเค้าว่า อยากได้ External Harddisk สักลูก อยากได้ลูกใหญ่ ลูกเล็ก ก็บอกเค้าไปครับ ความจุ ตอนนี้ 1TB ถ้าลูกใหญ่ เห็นราวๆ สองถึงสามพันมั้ง .... แต่ถ้าราคานี้ เอาลูกเล็ก จะได้ราวๆ 500GB ครับ ถ้าแบบยัดลงกล่องสำเร็จรูปมาเลย เหมือนจะประกัน 3 ปีมั้ง แต่ถ้าซื้อแยกมาประกอบอีกที ตัว HDD จะ 5 ปี ส่วน Box ก็ ปีนึงมั้ง แต่แบบนี้ก็ดีอย่าง ที่เราสามารถเลือก Box เองได้ว่าชอบแบบไหน แต่แนะนำว่า ซื้อดีๆ หน่อยนะครับ อย่าเอาถูกมาก ... เดี๋ยวเสียบไป ติดๆ ดับๆ งานจะเข้าเอา ^_____^ จากคุณ : นายตัวเล็กจัง เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 23:30:15

ความคิดเห็นที่ 4 ก่อนบอลโลกจะเอามาเก็บภาพ โลภมากล่อลูกใหญ่สี่พันกว่าบาทของซัมซุง จากคุณ : เท่ง หงส์แดง เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 00:47:26

ความคิดเห็นที่ 5 External Hardisk ครับ มีแบบบสำเร็จรูป กับแบบซื้อกล่อง และฮาร์ดดิสมาใส่เอาเอง แบบสำเร็จรูปราคาแต่ละยี่ห้อไม่หนีกันมาก ซื้อดี ๆ ครั้งเดียวให้จบไปเลยดีกว่า ถึงจะไม่ไปไหนผมก็อยากให้ใช้ขนาด 2.5 เพราะมันเล็ก เวลาใช้งานจะสะดวกกว่า 3.5 ด้วย ไม่ต้องมาเสียบปลั๊กไฟ แค่เสียบ usb สายเดียวใช้งานได้เลย เก็บง่าย เผื่อต้องพกไปไหนก็ไม่เปลืองเนื้อที่ ผมใช้ักับโน๊ตบุ๊คอยู่ 2 ยี่ห้อ Hitachi 320 GB. กับ WD 500 GB. แนะนำยี่ห้อ WD (Western Digital) ครับ ไม่แนะนำ Hitachi เพราะ Hitachi บางทีหาย ต้องคอยเพิ่มไฟเลี้ยง แต่ WD เสียบสายเดียวนิ่งใช้ได้ตลอด อีกยี่ห้อที่น่าจะไว้ใจได้ก็ Seagate แต่ผมไม่ได้ใช้แบบ external เลยให้ความเห็นไม่ได้ครับ ถ้าร้านไหนเชียร์ IDE อย่าไปซื้อนะครับ แสดงว่าหลอกขายของเก่า ตอนนี้ต้อง S-ATA เท่านั้น จากคุณ : durian to go เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 00:53:37

ความคิดเห็นที่ 6 ....Ext.HDD ของ WD 1 TB. จากคุณ : dih (dih2552) เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 07:15:07

ความคิดเห็นที่ 7 เขาเรียก external hard disk แต่ก่อนจะใช้พวกนี้ ต้องเข้าใจธรรมชาติของ eHDD เสียก่อน อย่างแรกคือ eHDD มันก็คือ รูปแบบหนึ่งของ HDD ฉะนั้น !!!!! มันมีอายุไข !!!! มันไม่ได้อยู่ค้ำฟ้า แต่พังได้ "การพังได้"ของมันมีปัจจัยหลายอย่าง จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 07:52:16

ความคิดเห็นที่ 8 อย่างแรกคือ พังตามธรรมชาติ ปกติธรรมชาติของ HDD คือ ใช้ได้ราวๆ 20-30 ปี แต่ถ้าโดนรถชนเพราะวิ่งฝ่าไฟแดง .. เอ๊ย .. ไฟที่มาเลี้ยงกระตุก ตอนกำลังเริ่มทำงาน พังอย่างนี้ .. เฉียบพลัีนมาก และโอกาสรอดยาก eHDD ตัวเล็กๆบางๆ แบบที่ดึงไฟจากคอมพ์ (ผ่าน USB) มีโอกาสพังอย่างนี้ยากกว่าแบบดึงไฟบ้านตรงๆ (ผ่านอแดปเตอร์) แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 54 21:20:32 จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 07:53:17

ความคิดเห็นที่ 9 อย่างที่สองคือ พังเพราะความสะเพร่าเลินเล่อ ที่พบบ่อยคือ 2.1 ปล่อยให้เครื่องมีไวรัส ... อันนี้ HDD ไม่พังจริงๆ แต่ข้อมูลที่เก็บไว้ มีสิทธิหายหมด โอกาสบ่อยมากๆๆๆๆๆ และกรณีนี้ แบ็คอัพ ช่วยอะไรไม่ได้ 2.2 ใช้ eHDD เพื่องานอื่น นอกเหนือจากการใช้เป็น backup นึกถึงรถเราเองได้ .. รุ่นเดียวกับแท็กซี่นั่นแหละ แท็กซี่วิ่งทุกวัน .. ใช้เดือนเดียว เท่ากับเราใช้มา 5 ปี มันจะไปเหลืออะไร ิ eHDD ของผม .. ไม่เคยเสียแม้แต่ลูกเดียว ลูกแรกอายุ 10 กว่าปีแล้วมั้ง เพราะก่อนจะใช้ ตรวจสอบจนแน่ใจว่า ไม่มีไวรัส และเสียบเข้าคอมพ์ เพื่อการ backup ไฟล์มาเท่านั้น backup เสร็จ ก็ remove hardware ก่อนดึง eHDD ออกไปเก็บไว้ในที่ปลอดภัย สำหรับผม .. ข้อมูลที่ backup มีความสำคัญมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ฉะนั้น ... ความวุ่นวาย และขั้นตอนต่างๆ ที่ต้องทำเป๊ะๆๆๆๆ อย่างละเอียดอ่อน ไม่ใช่เรื่องเกินเลยแต่ประการใด และมันทำแค่อาทิตย์ละหนเท่านั้น .. ไม่ใช่เรื่องลำบากสำหรับผมเลย ส่วนคนที่เห็นว่าข้อมูลก็เป็นแค่ข้อมูล สูญหายไม่เป็นไร .. ขอให้ข้ามตรงนี้ไปได้ 2.3 สาเหตุที่สาม ที่พบบ่อยคือการ ไปเก็บไว้ในที่ปลอดภัย เอ๊ะ? เก็บไว้ในที่ปลอดภัย แล้วทำให้ eHDD พังได้อย่างไร?? คุณแน่ใจนะว่า ที่ปลอดภัย คือ ที่ปลอดภัยจริงๆ ไม่ใช่วางไว้บนโต๊ะ ดึงอะไรออกมาก็พาลดึงเอา eHDD หล่นโครมลงมาด้วย แน่ใจนะว่า การหยิบ eHDD ออกมาจากที่เก็บ, การวาง eHDD เพื่อ backup, การนำ eHDD กลับไปที่เก็บ .. ไม่เปิดโอกาสให้มันตกหล่น แน่ใจนะว่า นอกจากคุณแล้ว ... แฟน, ลูก ฯลฯ ไม่มีทางรื้อ ค้น หยิบจับ ฯลฯ เจ้า eHDD ตัวนี้ .. แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 54 21:21:52 จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 08:04:08

ความคิดเห็นที่ 10 เมื่อเข้าใจเรื่องข้างบน ... เรากลับมาที่การเลือกซื้อ eHDD ได้เลย eHDD มีสามแบบ "ตามลักษณะการใช้งาน" แบบแรกคือ ตัวเล็กๆบางๆ ดึงไฟจาก USB ของ computer มาใช้ทำงาน พวกนี้ จุดเปราะคือ หล่นง่าย ไม่หล่นก็พังเองง่าย เพราะการระบายความร้อนไม่ค่อยดี แต่ถ้าใช้เป็น backup จริงๆ มันไม่ได้ปั่นทั้งวันทั้งคืน .. ก็ตัดปัญหานี้ไปได้เลย จุดจำกัดคือ ความจุ .. มากสุดเท่าที่เห็นตอนนี้คือ 500 GB จุดเด่นคือ หยิบจับง่าย เคลื่อนย้ายสะดวก ใช้งานสะดวก แบบที่สองคือ แบบตั้งโต๊ะ พวกนี้ ความจุสูงถึง 2 TB (2,000GB) ค่อนข้างทนทานกว่าพวกแรก เพราะตัวใหญ่ กล่องใหญ่ มีพัดลมระบายความร้อน จุดจำกัดคือ .. การหยิบจับไม่ค่อยสะดวก การใช้งานยุ่งยากนิดนึง เพราะจะต้องมีไฟจ่ายแยกต่างหาก ถ้าใช้โดยไม่มีเครื่องสำรองไฟ (UPS) ก็ต้องระวังที่ผมเตือนข้างบนให้ดีๆ จุดเด่นคือ ค่อนข้างทนทานต่อการใช้งานนานๆ แต่ถ้าขืนใช้นอกเหนือจากการ backup .. ก็ระวังที่ผมเตือนไว้แล้วกัน อย่างที่สามคือ eHDD แบบ RAID จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 08:11:45

ความคิดเห็นที่ 11 RAID มีหลายแบบ แต่แบบที่ เหมาะสุดการ home use คือ RAID-1 การทำงานของ RAID-1 คือ ใช้ HDD เป็นคู่ เพื่อทำการเก็บข้อมูล จากรูป จะเห็นว่า เวลาเขียนข้อมูล จะมีการเขียนลงไปที่ HDD คู่หนึ่งพร้อมๆกัน ทำให้ถ้าเกิด HDD ลูกหนึ่ง พังเพราะอายุไข หรือ จากปัญหาในการผลิต .. เรายังมีข้อมูลเหลืออยู่ที่ HDD อีกลูกเสมอ สมัยก่อน RAID แพงเอาเรื่อง สมัยนี้ แพงกว่า HDD 2 ลูกอยู่นิดเดียว (20-30%) ผมแนะนำแบบฟันธงว่า .. ซื้อ RAID มาใช้ดีที่สุด เพราะลงทุนตรงนี้ ถูกกว่าซื้อเลนส์ป๋องแป๋งมาถ่ายเล่นซะอีก แต่ขีดจำกัดของ RAID ก็ยังเหมือนเดิม มันทนต่อการหล่นได้ดีกว่า .. เพราะ HDD "คงจะ"ไม่พัง 2 ลูกพร้อมๆกัน มันทนต่อไฟกระชากได้ดีกว่า .. เพราะ HDD "คงจะ"ไม่พัง 2 ลูกพร้อมๆกัน แต่ "ข้อมูล"ในตัวมัน ไม่ทนต่อไวรัส ไม่ทนต่อการใช้งานผิดๆ จบจ้ะ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 08:18:39

ความคิดเห็นที่ 12 ผมซื้อ docking ราคา (1000+/-) แบบเสียบ HDD ได้ 2 ลูก(HDD ลูกใหญ่ 1T-2T ก็มองเห็น ตอนนี้ HDD 2T  ราคา@2900+/- บาท) เอาไว้ทำ back-up มันสามารถ clone ข้อมูลกันได้ หรือไช้โปรแกรม sync ข้อมูล back-up บ่อยๆ ข้อมูลอยู่แน่นอนครับ ปล มี lab กู้ข้อมูล ขึ้นมาเยอะ ราคาสูง แต่ก็ไม่แพงเว่อร์ไป เหมือนเมื่อก่อน ยังไง ป้องกันไว้ก่อนดีกว่าครับ จากคุณ : Niks Newbie เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 11:37:38

ความคิดเห็นที่ 13 อ้อ .. ไม่ แนะนำ RAID 5, RAID 1+0, RAID-10 อะไรเทือกนี้นะครับ ไม่แนะนำอย่างแรง! จุดเปราะของ RAID-5 คือ .. HDD ย่อยทุกลูก ต้อง เหมือนกันเป๊ะๆ ตอนซื้อมาใหม่ๆ ... มันก็ไม่มีปัญหา แต่พอผ่านไปซัก 2-3 ปี .. เกิด HDD ย่อยพังไปซักลูก จะไปหา HDD รุ่นนั้น แบบนั้น มาจากไหน RAID-1 .. มันเป็น real time backup เขียนข้อมูลลงไปโป้งเดียว .. ข้อมูลไป HDD 2 ลูก ไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติม ไม่ต้อง copy, ไม่ต้อง clone, ไม่ต้องตรวจเช็ค สะดวก ง่ายดาย ใช้ง่ายกว่ากล้อง compact อีก และเชื่อถือได้สุดๆไปเลย จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 21:29:21

ความคิดเห็นที่ 14 >>>>> ขอบคุณทุกๆเสียงที่แนะนำมามากๆเลยครับ >>>>> ขอให้ทุกๆท่านมีแต่ความสุข สุขภาพแข็งแรง >>>>> มีความสุขกับการถ่ายภาพนะครับ >>>>> อ้อ ..ขอให้มีเงินทองใช้จ่ายกันตลอดปีเลยครับ จากคุณ : พ่อแตง เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 22:25:24