ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าใช้โหมด AV เราเป็นคนเลือก F  กล้องจะเลือกสปีดชัตเตอร์ให้เอง แต่ในกรณีที่ภาพออกมามืดไป เราก็ปรับ EV+ ชดเชย ในทางกลับกัน ถ้าภาพสว่างไป เราก็ปรับ EV- ชดเชยครับ จากคุณ : todtoh เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 54 21:29:41

ความคิดเห็นที่ 2 http://topicstock.pantip.com/camera/topicstock/2010/04/O9125591/O9125591.html ไม่ทราบจะตรงหรือเปล่านะ จากคุณ : pix_maker เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 54 21:49:05

ความคิดเห็นที่ 3 ความสัมพันธ์มันเป็นแบบ 1EV stop นะครับ เช่น โหมดAV F5.6 ตามสภาพแสงกล้องมันสั่ง 1/125 แต่ถ้าคุณสั่งลดแสง -1EV หรือหนึ่งสตอป ที่ F5.6 แบบเดิม คราวนี้กล้องจะลดค่าแสงที่สปีดชัตเตอร์จากเดิม 1/125 เป็น 1/250 คือลดแสงไปหนึ่งเท่าตัวหรือ 1สตอป คราวนี้เวลาชดเชยแสง ก็ต้องคอยดูสปีดชัตเตอร์ที่เปลี่ยนไปด้วยครับ ว่าไม่ต่ำจนเราถือกล้องได้ไม่นิ่ง การเปลี่ยนค่าแสงเป็นสตอปทำที่จุดไดจุดหนึ่งเท่านั้นครับ เลือกเอาว่าจะปรับที่ ISO สปีดชัตเตอร์ หรือ ค่าFรูรับแสงหรือAperture โดยค่าการปรับที่ 1Stop EV (Exposure Value) จะเป็นแสงต่างกันหนึ่งเท่าตัวครับ ISO 100 200 400 800 1600 3200 6400 12800 ค่าจะเป็นเท่าตัวเสมอ Shutter  1/1 1/2 1/4 1/8 1/15 1/30 1/60 1/125 1/250 1/500 ส่วนค่าเอฟที่ 1 สตอปจะต่างไปครับ เป็นค่าอัตราส่วนกระบอกเลนส์ ที่ผู้ผลิตเขาตกลงทดลองวัดกันมาแล้วครับ เป็น F1.7 F2.8 F4 F5.6 F8 F11 F16 F22 F32 F64 เป็นค่าแสตนดาร์ดครับ อันนี้ไม่ใช่เลื่อนหนึ่งคลิกเช่น 5.6 หมุนคลิกเป็น 6.3 อันนี้ไม่ใช่นะครับ อันนั้นแค่ 0.3EV เท่านั้นครับ ค่าแสตนดาร์ดหนึ่งสตอปเป็นตามที่บอกข้างต้นนั่นครับ จากคุณ : หมาส้มสมหวัง เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 54 21:49:45

ความคิดเห็นที่ 4 บอกก่อนว่าผมเพิ่งหัดถ่ายรูปมาได้ 1 เดือนครับ แต่อยากมาแชร์แนวคิดของผมเกี่ยวกับรูรับแสงและชัตเตอร์นะครับ ก่อนอื่นก็คือว่า ทั้งรูรับแสงและชัตเตอร์เอาไว้ใช้สำหรับควบคุมปริมาณแสงที่เข้ามาในกล้องนะครับ อย่างไรก้ตาม เมื่อเราปรับค่าของ รูรับแสง กับ ชัตเตอร์ เอฟเฟคที่ออกมามันต่างกัน หากต้องการควบคุม DOF ให้ปรับที่ F (คือใช้โหมด A,Av) หากต้องการควบคุมการเคลื่อนไหวของภาพให้ปรับที่ Shutter (คือใช้โหมด S,Tv) ตรงนี้คือความสัมพันธ์ของมันนะครับ! สมมติว่ากำลังจะถ่ายภาพ แต่เราต้องการ DOF น้อยหน่อย ก็ต้องปรับ F ให้น้อยลง 1 ขั้น (แสงจะเข้ามากขึ้นนิดนึง = 0.3 stop) ดังนั้นเราก็ต้องปรับ shutter ให้มากขึ้น 1 ขั้น (แสงจะเข้าน้อยลงนิดนึงในปริมาณเท่ากัน = 0.3 stop) ถ้าเราต้องการให้แสงมันเข้าเท่าเดิมนะครับ เพราะถ้าแสงเข้ามากไปมันอาจจะ over ถ้าแสงเข้าน้อยไปมันอาจจะ under ซึ่งทั้งโหมด A และ S มันจะปรับค่าตรงข้ามให้เรา เพราะว่ามันจะใช้ค่าแสงที่มันวัดแล้วว่าพอดี คือไม่โอเวอร์หรืออันเดอร์(ตามระบบการวัดที่เราตั้งไว้เช่นแบบเฉลี่ย แบบกลาง แบบจุด) โดยใช้มาตรฐานความสว่างของสีเทากลาง 18% ดังนั้นถ้าเราไม่ชอบแสงที่กล้องมันวัดให้เรา เพราะเราคิดว่าที่กล้องมันคิดว่าพอดีแล้ว มันยังโอเวอร์ หรืออันเดอร์ไป หรือบางทีโอเวอร์ อันเดอร์ อาจจะสวยกว่าแสงแบบพอดีก็ได้ เราต้องชดเชยแสง! แต่การชดเชยแสงมันก็มันก็ปรับได้แค่ 2-5 EV (แล้วแต่กล้อง) มันไม่สะใจ!!! หรือว่าต้องมานั่งชดเชยอะไรอีกไร้สาระ!!! เราก็ใช้โหมด M คือไม่ต้องมาวัดให้ชั้น!! ชั้นวัดเอง!!! แก้ไขเมื่อ 02 ก.พ. 54 22:08:16 จากคุณ : F_for_Fantastic เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 54 22:03:03

ความคิดเห็นที่ 5 ที่จริงแล้ว  การควบคุมปริมาณให้ตกลงบนฟิล์ม หรือ sensor มี 3 ตัว ที่สัมพันธ์กันครับ  เรียกว่า เป็น Triangle คือ  ขนาดรูรับแสง , ความเร็วชัตเตอร์ และ ค่าความไวแสง (ISO) รูรับแสงยิ่งใหญ่ (กว้าง)  ปริมาณแสงยิ่งมาก  (เลข F น้อย) ความเร็วชัตเตอร์ ยิ่งเร็ว  ปริมาณแสงยิ่งน้อย ISO ยิ่งมาก   ปริมาณแสงยิ่งมาก ทีนี้อยากให้ แสง เท่าเดิม  โดยที่  ปรับรูรับแสงให้กว้างขึ้น คุณมีทางเลือก 2 ทาง คือ 1. เพิ่มความเร็วชัตเตอร์   2.  ลด ISO ส่วนจำนวนที่ปรับ คือ Stop  ก็ให้เท่ากัน เดี๋ยวกล้องส่วนใหญ่ปรับทีละ 1/3 Stop ส่วนว่าควรปรับอะไร  ก็ต้องไปดูว่า ค่าที่คุณปรับไป  มีผลต่ออะไร จากคุณ : EITHER เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 54 22:18:19

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณน้า EITHER ครับ เพราะผมลืมเรื่อง ISO ไปเลย จากคุณ : F_for_Fantastic เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 54 22:36:40

ความคิดเห็นที่ 7 อ่านแล้วไม่เข้าใจก็เอากล้องมาลองปรับตามดู จากคุณ : Tama2kun เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 54 22:40:17

ความคิดเห็นที่ 8 เอาโดยรวมๆไปก่อน เซนเซอร์ ต้องการแสงปริมาณหนึ่ง ที่จะให้ภาพออกมา แสง "พอดี" แสงมากไป ก็ขาวเกิน แสงน้อยไป ก็มืดเกิน การรับแสง ก็เหมือนเอาถังน้ำไปลอยกลางคลองน้ำสกปรก เพื่อรองรับฝน เซนเซอร์ เสมือน ถังน้ำ มันมีขนาดปากถังขนาดหนึ่ง คลอง คือ ระบบส่งข้อมูลจากเซนเซอร์ ไปบันทึกภาพ น้ำคลอง น้ำสกปรก .. คือสัญญาณกวน .. noise ISO คือ ความลึกของถัง & รูก้นถัง ISO ยิ่งสูง .. ถังยิ่งตื้น & รูก้นถังยิ่งกว้าง ISO ยิ่งสูง .. ถังตื้น .. ใช้เวลารองน้ำแป๊บเดียว ก็รองน้ำได้จนเต็ม ISO ยิ่งสูง .. รูก้นถังยิ่งกว้าง ... วางลงในคลองแป๊บเดียว น้ำคลอง ก็เ้ข้าเต็มถัง ISO ยิ่งต่ำ .. ถังลึก ... ต้องรองน้ำกันนาน กว่าน้ำจะเต็ม ISO ยิ่งต่ำ .. รูยิ่งเล็ก ... วางลงคลองนานๆ น้ำคลองก็เข้าไม่มาก ปากถัง คือ ขนาดรูรับแสง รูรับแสงกว้าง = ปากถังกว้าง ใช้เวลานิดเดียว รองรับน้ำได้เต็ม เห็นภาพพจน์หรือยังว่า ISO & รูรับแสง & speed (เวลาเปิดรับแสง) มันสัมพันธ์กันอย่างไร???? ในเรื่องของกล้อง ... ตัวแปรสามตัวนี้ นอกจากสัมพันธ์กัน แต่ละัตัว ยังมีอัตลักษณ์ของตัวเอง ISO สูง/ต่ำ อย่างที่ว่าไปแล้วข้างบน .. ภาพเขรอะไปด้วย noise/ภาพสดสะอาด รูรับแสงกว้าง นอกจากปล่อยแสงผ่านเข้ามาก ยังทำให้ระยะชัดลึก ตื้นลง .. zone ความชัดมีน้อยลง ความเร็วสูง .. ทำให้ิสิ่งที่เราจะถ่าย & เคลื่อนที่อยู่ เหมือนหยุดนิ่ง ความเร็วต่ำ .. ทำให้สิ่งที่เราจะถ่าย & เคลื่อนที่อยู่ ลากเป็นแถบบนภาพ และถ้ากล้องขยับระหว่างรับแสง ... ก็จะทำให้บันทึกภาพสะเปสะปะ .. ภาพเบลอ ในสถานการณ์หนึ่งๆ ... การเลือก ISO, speed & f/stop มีผลต่อการได้ภาพ/ไม่ได้ภาพ มีผลต่อภาพที่ได้ ... ดูหยุดนิ่ง หรือ ดูเคลื่อนไหว มีผลต่อภาพที่ได้ ... ชัดทั้งภาพ หรือชัดเป็นโซนตื้นๆ ฯลฯ ------------------------- กลับไปอ่านบันทัดแรกใหม่ ให้เข้าใจ เพราะเมื่อลงรายละเอียด ... แต่ละส่วน แต่ละบล็อกของภาพ .. มันมีอัตลักษณ์ของมันเอง และสัมพันธ์กับส่วนอื่น สิ่งที่ว่ามาข้างบน .. มันเป็นจริงได้ อาจจะเฉพาะส่วนเท่านั้น หรือ เป็นจริงทั้งภาพ ถึงต้องให้ "เข้าใจ"เรื่อง การวัดแสง และการชดเชยแสง จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 54 22:45:38

ความคิดเห็นที่ 9 เรื่องความสัมพันธ์ มันเป็นหลักพื้นฐานของการถ่ายภาพอะครับ เรื่องของความเร็วชัตเตอร์ มันไม่ได้มีหน้าที่เปิดให้แสงเข้ามากน้อย ตามที่เราตั่งให้เป็นอัตโนมัติไว้เท่านั้น ความเร็วชัตเตอร์ ยังมีส่วนที่กำหนดลักษณะของภาพได้ด้วย รูรับแสง ก็ทำนองเดียวกัน นอกจากจะเปิดรูให้แสงเข้าแล้ว มันยังจะสร้างภาพ ที่มี่การมีความ ชัดลึก ชัดตื้น ต่างกันด้วยสิครับ ถ้าไม่ศึกษาหลักพื้นฐานนี้ จากคุณ : E22QV เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 54 22:48:17

ความคิดเห็นที่ 10 http://www.google.com/search?ie=tis-620&oe=tis-620&q=%A4%C7%D2%C1%CA%D1%C1%BE%D1%B9%B8%EC%C3%D9%C3%D1%BA%E1%CA%A7&sitesearch=pantip.com%2Fcamera&x=32&y=2 http://www.google.com/search?ie=tis-620&oe=tis-620&q=DOF&sitesearch=pantip.com%2Fcamera&x=34&y=6 จากคุณ : raksapondet เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 54 23:26:42

ความคิดเห็นที่ 11 สรุปเบสิคนะครับ F กว้าง แสงเข้ามาก  ได้ชัดตื้น F แคบ แสงเข้าน้อย  ได้ชัดลึก สปีดชัตเตอร์  นานแสงเข้ามาก  ได้ภาพเคลื่อนไหวที่ลื่นไหล  แต่ภาพจะสั่น สปีดชัตเตอร์ สั้น  แสงเข้าน้อย แต่หยุดการเคลื่อนไหวได้ดี ISO ต่ำ ไวแสงต่ำ แต่น้อยส์น้อย ได้ภาพสวยคม ISO สูง ไวแสงสูง แต่น้อยส์เยอะ เกรนภาพไม่ละเอียด การถ่ายรูปพื้นฐานก็คือการพยายามบาลานซืสามสิ่งนี้  และที่เหลือก็คือมุมมองครับ พื้นฐานฝึกง่ายเข้าใจง่าย  ส่วนมุมมองฝึกกันทั้งชีวิต จากคุณ : todtoh เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 54 00:38:30

ความคิดเห็นที่ 12 พยายามมาทำความเข้าใจด้วยคน เพราะอ่านแล้วอ่านอีก เวลาไปปฏิบัติจริงๆ ทำไมบางภาพยังเบลอ บางภาพunder หรือ over มีเพื่อนคนหนึ่งบอกว่าต้องถ่ายและฝึกบ่อยๆ จะเข้าใจในหลักการเองค่ะ..สงสัยจะจริงนะคะ จากคุณ : KlinG_N เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 54 04:14:55

ความคิดเห็นที่ 13 ถ่ายรูปมาค่อนชีวิตก็ยังต้องเรียนรู้และฝึกต่อเนื่อง ขอก็อปประโยคท้ายๆของน้าแมวฯมาเน้นอีกที ว่า... ....สิ่งที่ว่ามาข้างบน .. มันเป็นจริงได้ อาจจะเฉพาะส่วนเท่านั้น หรือ เป็นจริงทั้งภาพ... จากคุณ : FreeWing เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 54 09:06:22

ความคิดเห็นที่ 14 การปรับบางอย่างมันต้องใช้ เซนส์ด้วยนะ รูปน้ำตก พลุ กีฬา รถ เด็ก  บางทีมันต้องมีการปรับที่ผิด ๆ เอาไว้ด้วย เช่นจะถ่ายกีฬาให้มีมูฟเม้นท์ การเคลื่อนไหว ความเร็ว จะเอา Speed shutter เร็ว ๆ ISO สูง ๆ รูรับแสงกว้าง ๆ  ให้ได้ภาพที่ชัดที่สุด มันก็จะขาด ความรู้สึกของภาพไป.............. อย่างภาพน้ำตก ถ้า Speed Shutter เร็ว ภาพน้ำตก จะไหลออกมาเป็นหยดน้ำเลยครับ ดูแข็ง ๆ แต่ถ้า Speed Shutter หน่วงช้าลง ก็จะได้สายน้ำที่ดูอ่อนไหว ไหล.....ทำนองนี้ครับ แก้ไขเมื่อ 03 ก.พ. 54 14:34:34 จากคุณ : แมลงปอร่อแร่ เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 54 14:32:43