ความคิดเห็นที่ 1 คือเลนส์แต่ละตัวจะมีระยะโฟกัสที่ใกล้ที่สุดอยู่ค่านึงน่ะครับ กรณีที่คุณบอกมากว่า 80-200 มันโฟกัสได้ระยะใกล้สุด 1.5 เมตร นั่นก็หมายความว่า มันทำอัตราขยายได้แค่นั้นน่ะครับ ถ้าดอกไม้ใหญ่เท่าหัวคน ก็เต็มจอได้ครับ ถ้าดอกไม้หรือวัตถุที่จะถ่ายมีขนาดเล็กมาก มันก็จะไม่ใหญ่เต็มจอน่ะครับ ถ้าจะทำให้ของเล็กๆ ใหญ่เต็มจอก็ต้องพวกอุปกรณ์ถ่าย close up หรือ macro ทั้งหลายครับ หรือแม้แต่ lens พวก macro เองน่ะครับ ซึ่งอุปกรณ์พวกนี้จะมีหลักการคร่าวๆ คือระยะโฟกัสได้ใกล้ขึ้นครับ ทำให้ของเล็กๆ มีแนวโน้มจะดูใหญ่ขึ้นเต็มจอน่ะครับ จากคุณ : podometry เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 54 15:55:28 A:202.124.74.250 X: TicketID:302161

ความคิดเห็นที่ 2 tele กับ macro ไม่เหมือนกันนะครับ ถ้าจะถ่ายดอกไม้ใหญ่เบ้งมาเต็มจอ ก็ต้อง macro ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็น tele อาจจะ 50mm macro ก็ได้ ขอให้เลนส์นั้นมีอัตราส่วนขยาย 1:1 ก็ใหญ่เบ้งได้ แต่ tele ส่วนใหญ่ อัตราส่วนขยายมัน 1:3 , 1:4 , 1:5 มั่ง ต่อให้ tele แค่ไหน ดอกก็ไม่ใหญ่เท่า macro หรอกครับ จากคุณ : ม่วงโตน เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 54 16:03:23

ความคิดเห็นที่ 3 tele ก็คือ tele macro ก็คือ macro ความยาวโฟกัสเทียบเท่า ก็คือ ความยาวโฟกัสเทียบเท่า มัน 3 เรื่อง ที่เกี่ยวข้องกัน แต่ไม่ใช่เรื่องเดียวกัน จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 54 16:55:45

ความคิดเห็นที่ 4 น้าแมวฯขา หนูกะอยู่แล้วล่ะค่ะว่าความเข้าใจของหนูมันไม่ตรงทาง รบกวนช่วยสั่งสอนด้วยค่ะ มันเกี่ยวกันยังไงคะ คารวะหนึ่งจอกไว้ก่อนเลยค่ะ จากคุณ : เราเอง (Rao-eng) เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 54 17:06:16

ความคิดเห็นที่ 5 ลืมไป ...ขอบคุณทุกคำชี้แนะนะคะ ค่อยๆเติมความรู้ทีละนิด ทีละนิด ลงในช่องกลวงๆในหัวค่ะ ขอบคุณจริงๆ จากคุณ : เราเอง (Rao-eng) เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 54 17:08:18

ความคิดเห็นที่ 6 ค่อยๆอ่านช้าๆ ใจเย็นๆ นะครับ ... ไปทีละบรรทัด อย่าอ่านแบบกระโดดข้าม ไม่งั้นงงตาย ------------------------------------------ ความยาวโฟกัสเลนส์ มีค่าเท่าไหร่ ก็เท่านั้นครับ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เลนส์ที่มีความยาวโฟกัส = 200mm ไม่ว่าจะอยู่บนกล้องคอมแพ็ค หรือ กล้องใหญ่ hasselblad มันก็คือ เลนส์ที่มีความยาวโฟกัส =  200mm ไม่เปลี่ยนไปเป็น 300mm หรือ 500mm แต่ องศาในการรับภาพของเลนส์ มันขึ้นอยู่กับขนาดตัวรับภาพ (sensor) ทำให้คน **รุ่นโบราณ** บางคน เกิดความสับสนว่า 200mm บนกล้อง A กับ 200mm บนกล้อง B ซึ่ง sensor ขนาดต่างกัน จะเปรียบเทียบกันอย่างไร คนยุคโบราณๆ บางคน ก็เลยบอกว่า เอาไปเทียบกับองศารับภาพของเลนส์ตัวนี้ ตอนที่ใช้อยู่กับกล้องฟิล์ม 135 (ฟิล์มม้วนๆนั่นแหละ) เพราะฟิล์ม 135 เป็นขนาดที่คน(ยุคโบราณ)ทั้งโลก รู้จัก เลนส์ 200mm ... ที่ใช้บนกล้อง canon ซึ่งมีเซนเซอร์ "ขนาด APS-C" อันเป็นเซนเซอร์ที่เล็กกว่าฟิล์ม 135 อยู่ 1.5 เท่า จะมีองศารับภาพ ***เสมือน*** เลนส์ 200x1.5 หรือ 300mm ที่ใช้บนกล้องฟิล์ม 135 ------------------------------------------ ถ้าเคยเดินทาง ตปท.บ่อย จะรู้ดีว่า ... การซื้อของ โดยคิดราคาเป็นเงินวอนเกาหลี (KRW),เยนญี่ปุ่น(JPY),หยวนจีน (RMB) ฯลฯ ตามแต่ประเทศที่ไป มันเป็นเรื่องเวียนหัวมากๆ ดินสอเขียนคิ้ว ราคา 12,000 KRW นี่ มันถูก หรือ แพงกว่า ที่ซื้อจากญี่ปุ่นในราคา 1100 JPY และซื้อจากจีนในราคา 52.50 RMB ??? เทียบไม่ได้! ถ้าตัดหน่วยค่าเงินออก แล้วบอกว่า สินค้าราคา 12,000 แพงกว่า ราคา 1100 หรือ มันไม่ใช่ ----- ถ้าเทียบกลับเป็นเงินไทย .. ทุกคนร้องอ๋อ ยกเว้นเวลาคุนกับเพื่อน ที่มาจากเยอรมัน หรือ อาฟริกาใต้ เพราะ เงินไทย ไม่ได้เป็นเงินที่คนทั่วโลกรู้จักมากที่สุด และเข้าใจที่สุดถึงมูลค่าของมัน เงิน USD .. ทั้งๆที่มูลค่าตกต่ำ หรือ ไม่แน่นอน ฯลฯ อะไรก็ตามที มันเป็นเงินสกุลที่ีรู้จักกันทั่วโลก ฉนั้น ถ้าบอกว่า ซื้อดินสอเขียนคิ้ว จากจีนมาในราคา $9.65, จากญี่ปุ่นมาในราคา $9.20 และจากเกาหลีในราคา $11.49 ทุกคนร้องฮ้อ! และเข้าใจทันที จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 54 21:22:11

ความคิดเห็นที่ 7 คิดว่า คงเข้าใจเรื่อง ความยาวโฟกัีสแท้จริงของเลนส์ (physical, real focal length) และ ความยาวโฟกัีสเทียบเท่าเลนส์ที่ใช้บนกล้องฟิล์ม 135 (135-film-equivalent focal length, EFL) แล้วนะครับ ที่ผมเน้นคำว่า "คนรุ่นโบราณ" .. เพราะมันมีแต่คนรุ่นโบราณ ที่เคยใช้ฟิล์มมา .. ที่จะ้ต้องมาคอยปวดหัวกับเรื่อง EFL คนรุ่นใหม่ๆ ไม่ต้องไปใส่ใจเรื่องนี้ ยกเว้น คนที่เล่นกล้อง compact แบบจริงๆจังๆ เพราะขนาด sensor กล้อง compact มันต่างกันมากมาย มีตั้งแต่ 1/6.3, 1/5.0, 1/4.7 ฯลฯ  ให้เวียนหัว บ.เขาเลย "เทียบกลับ" ความยาวโฟกัสไปยังกล้องฟิล์ม 135 อย่างเช่น กล้อง olympus XZ-1 ที่กำลังฮิต มีีความยาวโฟกัสของเลนส์ 6-24mm ผมว่า น้อยคนที่จะจำ หรือ เข้าใจว่า องศารับภาพของเลนส์ตัวนี้ มันเท่าไหร่ มุมกว้าง หรือ มุมแคบ เขาถึงต้องบอกว่า "เทียบกับเลนส์กล้องฟิล์มแล้ว" เลนส์มันมีความยาวโฟกัส 28 (ไวด์)-112mm(เทเล) OK นะครับ มาเวียนหัวเรื่องต่อไปกันดีกว่า จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 54 21:30:04

ความคิดเห็นที่ 8 เรื่องถัดไปคือ คำว่า "tele" tele ก็คือ tele .. เลนส์ที่มีองศารับภาพ แคบกว่า เลนส์ปกติ อ่านแล้วก็ไม่รู้เรื่อง มันต้องนิยามคำว่า "ปกติ" กันก่อน ถ้าไม่รู้ว่า อะไรคือ ปกติ .. จะไปรู้สิ่งที่ "ไม่ปกติ" ได้อย่างไร เลนส์ปกติ คือ เลนส์ที่ให้ ทัศนียภาพ (perspective) ใกล้เคียงกับองศารับภาพของตาปกติ ของคนทั่วๆไป normal lens is a lens that reproduces perspective that generally looks "natural" to a human observer under normal viewing conditions ต้องขอยกคำฝรั่งมาทั้งดุ้น และต้องให้ไปทำความเข้าใจกับคำว่า "perspective" เพิ่มเติมด้วย เพราะไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดได้อย่างไร ----------- และที่น่าแปลกใจคือ นอกจาก normal lens จะให้ perspective ใกล้เคียงกับตาคน ยังพบว่า normal lens จะมีความยาวโฟกัส ใกล้เคียงกับความยาวแนวแทยงมุมของเซนเซอร์ หมายความว่า ถ้าเป็นฟิล์ม 135 ซึ่งมีความยาวแนวแทยงมุมของเซนเซอร์(ฟิล์ม)เท่ากับ 43mm เลนส์ normal คือ เลนส์ความยาวโฟกัส 43mm เช่นกัน แต่ที่เราใช้ 50mm เพราะ ... มันมีเหตุผลมาจากทางจิตวิทยาการมองเห็น อีกร้อยแปด ให้ปวดหัวหนัก --------------- ที่น่าแปลกใจถัดไปคือ ... ภาพที่ได้จาก"เลนส์ปกติ" นี้ ถ้าเอาไปพิมพ์ให้ขนาดใหญ่พอควร .. เราจะต้องมองห่างจากภาพ ที่ระยะทางประมาณความยาวเส้นทะแยงมุมของภาพนั้น ถ้าเอามาวัดองศา .. องศาก็จะใกล้เคียงกัน จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 54 21:42:39

ความคิดเห็นที่ 9 เมื่อเข้าใจคำว่า "ปกติ" .. มันก็ไปคำว่า "ไม่ปกติ" ได้ เลนส์ tele จะมี 1. องศารับภาพที่แคบกว่าเลนส์ปกติ 2. ดึงวัตถุที่อยู่ไกลๆ เข้ามาเสมือนว่าใกล้กว่าปกติ ผลจาก 2 คือ ทำให้เกิดการบีบอัดของทัศนภาพ (perspective compression) อย่างเช่น ถ้าภาพที่มีรถห่างไป 10 เมตร และ ตึกห่างไป 100 เมตร เลนส์ปกติ (และสายตาปกติ) .. ถ่ายภาพออกมา คนปกติดูภาพ จะ"รับรู้"ว่า ในภาพ มีรถห่างไป 10 เมตร และตึกห่างไป 100 เมตร แต่ถ้าใช้เลนส์เทเลถ่ายภาพ คนปกติดูภาพ จะ"รับรู้"ว่า ในภาพ **เสมือน** มีรถห่างไป 10 เมตร และตึกห่างไป 20 เมตร นี่คือ เลนส์เทเล (telephoto lens) .. ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 54 21:47:21

ความคิดเห็นที่ 10 เลนส์เทเล องศารับภาพแคบ, "ดึง"ภาพของสิ่งที่ไกลๆ ให้เหมือนมาอยู่ใกล้ ส่วนว่า จะโฟกัสได้ใกล้สุดแค่ไหน มันขึ้นกับการออกแบบ ไม่ได้เกี่ยวข้องว่า เป็นเลนส์ normal หรือ เลนส์ telephoto ฉะนั้น "เพียงแต่ระยะโฟกัสออกจะไกล คือเมตรครึ่ง" ... มันก็เมตรครึ่ง ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับว่า มันเป็นซูม หรือ เป็นเทเล วิศวกรเขาตัดสินใจว่า ระยะที่จะโฟกัสได้ใกล้สุดคือ 1.5 เมตร เพราะเหตุผล 1,2,3, ... 108 ฯลฯ และก็ออกแบบ/ผลิตออกมาอย่างนั้น บางค่าย อาจตัดสินใจว่า โฟกัสได้ใกล้สุดคือ 0.15 เมตร ก็เป็นได้ บางค่าย อาจตัดสินใจว่า โฟกัสได้ใกล้สุดคือ 15 เมตร ก็เป็นได้! จบเรื่องระยะโฟกัสใกล้สุดนะ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 54 21:52:09

ความคิดเห็นที่ 11 อ่านความเห็นที่ 6 อย่างช้าๆ ตั้งใจ ไม่เว้นแม้แต่บรรทัดหรือคำเดียว เข้าใจ คห 6 แล้วค่ะ ...ศึกษาต่อไป คห. 7 ขอบคุณน้าแมวฯเหลือเกินที่มาถ่ายทอดความรู้ค่ะ จากคุณ : เราเอง (Rao-eng) เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 54 22:00:48

ความคิดเห็นที่ 12 สุดท้าย .. macro ก็คือ macro macro คือ การออกแบบเลนส์ประเภทหนึ่ง ให้มี อัตราส่วนของ ขนาดภาพที่จะเกิดขึ้น vs ขนาดของวัตถุที่จะถ่าย มากกว่า 1:10 อัตราส่วน 1:10 มันเรื่องของขีดจำกัดทางแสง, ของการออกแบบ และทางการค้า ถ้าอัตราส่วนขนาด ภาพ:ของที่จะถ่าย น้อยกว่า 1:10 .. ตอนออกแบบเลนส์ วิศวกรสามารถกำหนดแนวแสงที่จะเข้าเลนส์ว่า เป็นแสงมาจากที่ไกลตา และ แนวแสงเป็นแนวขนาน แต่ถ้าอัตราส่วนนี้ มากกว่า 1:10 เมื่อไหร่ .. ข้อกำหนดนี้ จะใช้ไม่ได้ แสงที่มาจากของที่จะถ่าย จะมาในลักษณะบานออก เข้ากระทบผิวเลนส์ชิ้นหน้าสุด .. องศาแสงที่ตกกระทบผิวเลนส์ ไม่ใช่ 90 องศาอีกต่อไป มันต้องคำนวนกันยิบยับ เพราะองศาแสงตกกระทบ มันเปลี่ยนไปตามความโค้งของผิวเลนส์ชิ้นแรก เมื่อองศาตกกระทบไม่เท่ากับ การหักเหแสงในชิ้นเลนส์ ก็จะไม่เท่ากัน ทำให้ต้องเพิ่มชิ้นแก้วเลนส์เข้าไป เพื่อบังคับให้แสงมันหักเหไปในแนวทางเดียวกัน ยิ่งอัตราส่วน มากขึ้นเท่าไหร่ .. ความวุ่นวายหายนะ ยิ่งมากขึ้นตามลำดับ จนอัตราส่วน ขนาดภาพต่อขนาดวัตถุ ถึงจุด 1:2 .. หายนะที่แท้จริงกำเนิด ถ้าใครยังพอจำฟิสิกส์ ม.ปลายได้ ลองลากเส้นแนวแสง ที่เกิดจากวัตถุเ้ข้าใกล้เลนส์ดูได้ แสงจากวัตถุมันจะตกกระทบเลนส์ ที่องศาแปรเปลี่ยนมหาศาล เลนส์ที่ออกแบบมา เพื่อควบคุมให้แสงเป็นระบบระเบียบ และให้ภาพที่ขนาดโตกว่า 1:2 ของวัตถุ ... เขาเรียกว่า เลนส์มาโคร หายนะที่แท้จริงของการออกแบบ .. มันเริ่มที่ 1:2 ก่อนไปสิ้นสุดที่อัตราส่วน 2:1 เพราะพอเกินจาก 2:1 .. มันเปลี่ยนจากหายนะ เป็นนรกแตก จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 54 22:04:27

ความคิดเห็นที่ 13 ไม่รู้ว่า โชค หรือ วิวัฒนาการ แต่ ในราวๆปี 1990 ... ช่วงที่ฟิล์มกำลังดังสูงสุด เทคโนโลยีเรื่องกล้อง เลนส์ และคอมพิวเตอร์ เริ่มแพร่หลาย กล้องใช้ง่ายขึ้น ราคาถูกลง คนทั้งโลก เริ่มหันมาถ่ายรูปมากขึ้น บรรดา "มือใหม่" ไม่ได้สนใจคุณภาพรูปมากมาย แต่สนใจลูกเล่น และความสะดวกมากกว่า ทำให้เลนซ์ซูม .. เลนส์ที่เปลี่ยนแปลงความยาวโฟกัสได้ เจริญเติบโตหลังจากเกิดมานาน และเกือบง่อยตาย ในกระบวนการพัฒนาเลนส์ซูม .. วิศวกรค้นพบว่า ชิ้นเลนส์ที่ใส่เข้าไป และการขยับชิ้นเลนส์ เพื่อทำให้เลนส์เปลี่ยนองศารับภาพได้ (ซูม) ... สามารถทำให้เลนส์โฟกัสได้ใกล้ขึ้น แม้การทำอย่างนั้น ทำให้คุณภาพภาพที่ได้ มันจะแย่มากก็ตามทีเหอะ แย่ทั้งการเป็นเลนส์ซูมธรรมดา และการเป็นเลนส์มาโคร พวกมือโปรยุคนั้น ไม่มีใครชายหางตามองเลนส์ซูมให้เสื่อมศักดิ์ศรี แต่ คนอีกล้านคน ซึ่งเป็นมือใหม่ ไม่ได้คิดอย่างนั้น จึงเป็นที่มาของเลนส์ซูมเอนกประสงค์ ที่ซูมได้ ถ่ายโคลสอัพได้ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 54 22:13:49

ความคิดเห็นที่ 14 จบแล้วครับ tele ก็คือ tele macro ก็คือ macro ความยาวโฟกัสเทียบเท่า ก็คือ ความยาวโฟกัสเทียบเท่า มัน 3 เรื่อง ที่เกี่ยวข้องกัน แต่ไม่ใช่เรื่องเดียวกัน ------------------------ ยินดี .. ที่มีผู้ตั้งใจ "อ่าน" แม้คนเดียวครับ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 54 22:15:39

ความคิดเห็นที่ 15 คห 7-8-9 โอเคค่ะ มาสะดุดหัวทิ่มหัวตำเอา คห 10 กับ 12 อีกแล้ว รวบรวมสมาธิอ่านไปหลายรอบ มีคำถาม ไม่รู้น้าแมวฯจะมีต่อไหม ถามก่อนเลยละกันนะคะ บางค่าย อาจตัดสินใจว่า โฟกัสได้ใกล้สุดคือ 0.15 เมตร ก็เป็นได้ บางค่าย อาจตัดสินใจว่า โฟกัสได้ใกล้สุดคือ 15 เมตร ก็เป็นได้ ถ้าอย่างนั้นเลนส์ที่ความยาวโฟกัสเท่ากันก็อาจให้ภาพขนาดต่างกันได้ใช่ไหมคะ เพราะเลนส์ที่โฟกัสได้ใกล้สุด 0.15 เมตร (จากตัวอย่างของน้าแมวฯ) ก็จะให้ภาพได้ใหญ่กว่า ...แต่องศาในการรับภาพยังคงเหมือนกัน  ถูกไหมเนี่ย จากคุณ : เราเอง (Rao-eng) เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 54 22:17:18

ความคิดเห็นที่ 16 ถ ถ ถ ถถ  ถ ... ถูกต้องแล้วคร้าบ! เลนส์ tele ที่สามารถถ่ายใกล้ๆ ได้ ระดับ 1:2-1:1 ก็มีขาย แต่ไม่ค่อยมีใครพูดถึง เพราะราคามันโหดร้ายเกินเหตุ แค่ tele อ่อนๆ อย่าง canon 100mm macro ราคาเกือบ 20,000 !! และเมื่อเข้าใจเรื่องนี้ ... ก็อยากให้ศึกษาเรื่องนี้ต่อ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=roenthai&month=06-2008&date=01&group=13&gblog=4 http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=roenthai&month=07-2008&date=03&group=13&gblog=2 จะได้ไม่ถูก บ.กล้องหลอกเอา จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 54 23:35:03

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณน้าแมวฯที่กรุณาสละเวลามาพิมพ์ความรู้ทั้งนั้น ไม่นึกเลยว่าคำถามสั้นๆจะต้องเคลียร์กันยาว  ตามลิ้งค์น้าแมวฯไปแล้วค่ะ...ขอบคุณค่ะ(อีกและ ...ทำไงน้าแมวฯจะรู้ว่าหนูขอบคุณมากม้ากกกกก) อ่านรู้เรื่องและเข้าใจดี มันเหมือนเป็น supplementary sheets ของกระทู้นี้เลย แต่ทะลึ่งไปคลิกบทความอื่นที่น้าแมวฯเขียน ..มาโครคอมแพค  มึนตึ้บเลยค่ะ หุ หุ จากคุณ : เราเอง (Rao-eng) เขียนเมื่อ : 1 มี.ค. 54 21:44:00

ความคิดเห็นที่ 18 วิธีที่จะขอบคุณผม มี 2 แบบ แบบง่าย กับแบบยาก แบบง่าย คือ อ่านให้จบ แล้วเอาส่วนที่เข้าใจ หรือ ถูกใจไปใช้งาน แบบยาก คือ อ่านให้จบ เข้าใจให้หมด แล้วเอาไปสอน หรือบอกกล่าว หรือแนะนำคนอื่นต่อ พูดตรงๆ แค่เห็น คห.ที่ 11 ประโยคแรก ผมขอบอกว่า มันคุ้มค่าแล้วที่จะพิมพ์ยาวๆ พอเห็นท้ายบรรทัด ... ก็บอกตัวเองว่า งวดนี้ เกินคุ้ม ... ตูกำไรแล้ว จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 1 มี.ค. 54 23:59:02