ความคิดเห็นที่ 1 2. ทำขาวดำ เรามักจะเห็นคนถ่ายภาพเก่งๆ เค้าทำรูปขาวดำกัน และทางศิลปะทั้งหลาย ภาพขาวดำจะเป็นภาพส่วนใหญ่ในแกลเลอรี่ ดังนั้นเราจึงนิยมถ่ายภาพ หรือทำภาพเอกรงค์ เราจะได้ดูติสต์ๆ มากขึ้นกว่าเดิม แต่การทำภาพขาวดำโดยไม่ถูกวิธี เป็นความผิดพลาดที่เจอได้บ่อยในการโพสรูปเลย เพราะภาพเอกรงค์ทำให้สวยยาก ไม่ใช่ยากธรรมดา แต่ยากมาก ระดับสุดขีด ในห้องกล้องพันทิป ทั้งห้องย่อย ห้องรวม คนที่ทำภาพเอกรงค์ได้โทนสวยจริงๆ ผมเห็นไม่เกิน 5 คน ในขณะที่ภาพสีโทนสวยๆ นี่ผมเห็นหลายสิบคน จะเป็นร้อยเอาด้วย และก็เช่นเดียวกัน แค่เอาสีออกจากภาพ ไม่ได้ทำให้ภาพนั้นกลายเป็นภาพเอกรงค์ที่ดี จริงๆแล้วเป็นการทำให้ภาพนั้นแย่ลงมากๆ ต่างหาก   ภาพจะเสียน้ำหนัก เสียโทน เสียคอนทราสท์ ขาดมิติตื้นลึก รายละเอียด ไม่ว่าความเลวร้ายอันใดที่พึงจะมีได้ ในภาพถ่ายเลวๆ ก็จะพลันบังเกิดขึ้นในภาพนั้นทันที ที่เราถอดเอาสีออกไปจากภาพ ดังนั้นหากจะอวดภาพขาวดำ ให้คิดหลายๆ รอบก่อนโพส ว่าได้ปรับเคิร์ฟ เลเวล แก้โทนภาพส่วนมืด ส่วนสว่างจนออกมาใช้การได้แล้ว ก่อนจะเผยแพร่ ไม่ใช่แค่ลด sat เหลือศูนย์แล้วโพสเลย มันจะได้ภาพตุ่นๆ เทาๆ พิลึกๆ แล้วที่น่าหงุดหงิดกว่าการที่ใครซักคน หรือซักหลายๆ คนโพสรูปขาวดำโทนพิลึกๆ คือ เราก็ดันดูกันไม่ออกเสียด้วย ว่ารูปนี้โทนภาพมันผิด แต่ผมก็เข้าใจ ทั้งคนโพส และคนดูภาพนั่นแหละ เพราะผมก็เป็นมาก่อน เนื่องจากปกติแล้วไม่เคยมีใครเค้าสอนกัน ว่าภาพขาวดำที่ดี โทนภาพมันเป็นอย่างไร นอกจากมันเป็นไม้ตายในการทำมาหากินแล้ว มันยังสอนกันไม่ได้ หรือเกือบไม่ได้ซะด้วย ถ้าไม่พาเข้าห้องมืดไปยืนทำภาพขาวดำจากฟิล์มด้วยกัน หรือไม่เคยไปเจอภาพขาวดำงามๆ บนกระดาษ Fiber based จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 15:03:57

ความคิดเห็นที่ 2 ในเมื่อฝีมือไม่ถึง ดังนั้นเราจึงไม่ควรทำภาพขาวดำ? -ไม่ใช่ครับ กลับกัน ที่จริงเราควรจะทำภาพขาวดำเยอะๆ ต่างหาก ภาพห่วยๆ นี่แหละสอนถ่ายรูปได้เก่งกว่าภาพสวยๆ ภาพเอกรงค์ เป็นเทคนิคในการฝึกการถ่ายภาพที่ดีมาก ไม่ว่าจะมองจากแง่มุมไหน ภาพเอกรงค์จะฝึกเรื่องการวัดแสงได้ดีมาก เพราะภาพที่เราเห็นจะไม่ถูกรบกวนด้วยสี เราจะเห็นเป็นโทนมืด-สว่างของแสง เท่านั้น ทำให้เข้าใจเรื่องการวัดแสงได้ง่าย เวลาสอนการอ่านฮิสโตแกรม ดูภาพที่ไม่มีสีจะเข้าใจฮิสโตแกรมได้เร็วกว่า และเข้าใจง่ายกว่าการดูภาพสี ถ้ากราฟมันไปโด่งทางซ้าย โทนภาพมันจะมืดชัดเจน  ถ้าโด่งทางขวาภาพก็จะซีดๆ เห็นชัดเลย แต่ภาพสีบางทีมันก็ดูยาก ว่าสีนั้นสีนี้มันสว่างหรือมืดแค่ไหนบนฮิสโตแกรม เวลาเราอ่านทิศทางของแสง ภาพที่มีแต่สว่างกับมืด ไม่มีสี จะเห็นผลของแสงได้อย่างชัดเจน ว่าแสงกระทำอะไรกับภาพบ้าง เข้าทางไหน กระทบ สะท้อนอย่างไร ทำให้แสงเงา รูปทรง พื้นผิวเป็นอย่างไร เวลาถ่ายภาพจริงๆ ถ้าเห็นแค่แสง กับเงา ก็จะหาทางจัดองค์ประกอบ ใส่เรื่องราว ได้ โดยไม่ต้องพะวงกับสีสัน บางทีสีสันมันก็จะแย่งความสนใจจากเราไป จนลืมเรื่องอื่น เช่น ฉากหลังรบกวนตัวแบบหรือไม่ ใส่ฉากหน้าดีหรือยัง องค์ประกอบโดยรวมของภาพเป็นอย่างไร อารมณ์ภาพเป็นอย่างไร มีเรื่องราวหรือไม่ การปรับภาพเอกรงค์ให้ออกมาสวย เป็นการทำความเข้าใจกับแสง ความมืดสว่าง พฤติกรรมของพิกเซล เมื่อถูกจัดการด้วยเครื่องมือต่างๆ จะตอบสนองต่างกันไป Monochrome Processing ถือเป็นการทำความเข้าใจหนึ่งในเทคนิค และความรู้สำคัญที่สุด หัวใจของการถ่ายภาพ และ Post Processing ภาพถ่ายเลยทีเดียว คือความรู้เกี่ยวกับ แสง เพราะภาพถ่ายนั้นแท้จริงแล้วไม่มีอะไรเลย นอกจากแสง แสง และแสงเท่านั้น แสงคือหัวใจ คือทุกสิ่งทุกอย่างในภาพถ่าย ดังนั้นนักถ่ายภาพทุกคน สมควรศึกษาการปรับภาพเอกรงค์แบบดิจิตอลให้เข้าใจ เช่นเดียวกับที่นักถ่ายภาพสมัยฟิล์ม ถูกบังคับให้เข้าห้องมืดล้างอัดภาพนั่นแหละ ตอนเรียนผมถูกฝึกให้ปรับจอหลังกล้องเป็นขาวดำ ไฮคอนทราสท์  ในเวลาถ่ายภาพ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเอาใจใส่กับจอมากนัก อย่างที่ผมเคยบอกบ่อยๆ ว่าจอภาพหลังกล้อง ประโยชน์หลักคือ ดูเมนู และอ่านฮิสโตแกรม รองลงมาคือดูแถบ เส้นของแสง ที่สว่าง และเงาส่วนมืดขององค์ประกอบ ในลักษณะของภาพกราฟฟิก ประมาณนี้ครับ จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 15:04:54

ความคิดเห็นที่ 3 สามหัวข้อผ่านไป เพียงอินโทรเท่านั้น ตอนนี้จะเข้าภาคเทคนิคล่ะ ว่าเราจะทำภาพสักภาพหนึ่งของเราให้กลายเป็นภาพเอกรงค์ มีวิธีการอย่างไรบ้าง การทำภาพเอกรงค์มีเทคนิคยอดนิยมหลักๆ อยู่สองสามอย่างที่น่าใช้ แต่เพื่อความเข้าใจพฤติกรรมของพิกเซลให้ดี ควรได้ลองทำภาพเอกรงค์ด้วยเทคนิคอื่นๆ บ้าง ถ้าแบ่งกลุ่มของเทคนิคการทำภาพเอกรงค์ จะมีเทคนิคหลักๆ 3 กลุ่มคือ 1. ใช้วิธีถอดข้อมูลสีออก ได้แก่ Desaturate, Grayscale, Lab color 2. ใช้วิธีการเปลี่ยนความเข้มของสีให้กลายเป็นความมืดสว่าง ได้แก่ Gradient map, Channel Mixer, Black & White Adjustment, Solid color Fill 3. ผสมกันสองวิธี ได้แก่ Calculation, Match Color 4. วิธีลึกลับปริศนาไม่มีใครรู้ ก็พวกโปรแกรม Monotone ในกล้อง กับในโปรแกรมที่แถมมากับกล้อง ว่าแล้วก็มาดูกันเลยแต่ละวิธี เริ่มจากภาพต้นฉบับภาพนี้ จะลองเอามาเป็นภาพตัวอย่างในการปรับดู เพราะดูเป็นภาพมือใหม่ดี ใครๆ ก็ถ่ายกัน นึกภาพตามได้ง่าย มีมืดมีสว่าง มีส่วนที่ clipped ทั้งไฮไลท์ แชโดว์ มีสีผิว มีเสื้อหลายสี มีสีทอง สีขาวให้เห็น คอนทราสสูงกำลังดี แก้โทนภาพไม่ยาก ต้นฉบับจาก Nikon D90, 16-85 mm ที่ 16 mm f/11, 1/500, 200 ISO เวลาเที่ยงแดดเปรี้ยงเลย ตั้ง white balance เป็น direct sunlight จาก View NX2 Export ออกมาเป็น Tiff 16 bits กว้าง 700 Pixels เพื่อเอาไปจัดการต่อในโฟโต้ชอป ภาพนี้ Export จาก View NX2 เป็น jpg โดยตรง จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 15:05:30

ความคิดเห็นที่ 4 1. เทคนิคขั้นอนุบาล ที่ผมชอบใช้มากเป็นอันดับสอง คือใช้โปรแกรมในกล้องแปลง RAW เป็น jpg ขาวดำ  (เนื่องจากผมไม่ถ่าย jpg ) กล้อง DSLR สมัยนี้ทำได้ทุกรุ่น ยกเว้นแคนอนรุ่นยอดนิยมหลายรุ่น …สารภาพ... คือผมเพิ่งรู้จริงๆ ว่าแคนอนหลายรุ่นแปลง RAW ในกล้องไม่ได้ ตอนผมใช้กล้องโอลิมปัสรุ่นถูกสุดมันยังทำได้เลย เปลี่ยนมาใช้นิคอนมันก็ทำได้ เลยไม่คิดว่าแคนอนจะทำไม่ได้ เพิ่งรู้เมื่อปีก่อนเอง (อายมว๊ากกก) ไม่เป็นไร ใช้แคนอนก็อย่าน้อยใจไป เอา RAW มาแปลงในคอมพิวเตอร์ก็ได้เหมือนกัน เป็นเทคนิคอนุบาล ที่ผมชอบเป็นอันดับ 1 ยิ่งกว่าแปลงในกล้องอีก เพราะไฟล์ออกมาดีกว่า และขนาดเล็กกว่าด้วย แต่ยังงงอยู่ที่ View NX2 บนเครื่องผมไม่ยอมแปลงให้แฮะ มันยืนยันจะแปลงด้วย Picture Control ที่กล้องใส่ให้เท่านั้น ไม่ยอมใช้ Picture Control อื่น ผมเลยไม่เคยแปลงด้วย View NX2 ภาพนี้เอา RAW มาทำเป็นขาวดำในกล้อง แล้วย่อซ้ำด้วย Photoshop จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 15:06:59

ความคิดเห็นที่ 5 2. de-saturation เทคนิคระดับประถม นักถ่ายภาพทำกันทุกคน เทคนิคนี้ไม่มีอะไรมาก ทำสวนทางกับการปรับสีให้เข้มขึ้นนั่นเอง เปิด Adjustment Layer สำหรับปรับ Hue/Saturation ขึ้นมา แล้วรูดสไลเดอร์ปรับสีไปทางซ้ายจนสุด  เป็นอันเสร็จ เนื่องจากเป็นหัวข้อแนะนำเทคนิค ไม่ใช่สอนเทคนิค ดังนั้นมันก็จะไม่ละเอียดหรอก มือใหม่ต้องทำใจ   ผมบอกคร่าวๆ ให้ไปสู้ชีวิตกันเอาเอง หาเองว่ามันทำอย่างไร แหม.. เข้า google พิมพ์ไปสองสามคำก็หาได้แล้วครับ ไม่ยากอะไร เฉพาะภาษาไทยก็มีสอนกันเป็นร้อยๆ บทความแล้ว ภาษาอังกฤษอีกเป็นพัน จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 15:10:01

ความคิดเห็นที่ 6 สีสันสดใส ก็จะกลายเป็นเทาตุ่นๆ ยิ่งสีเดิมไม่สดใส คอนทราสต่ำๆ ยิ่งตุ่นมาก มนุษย์เกินครึ่ง จะโพสภาพเลย แต่โปรดอย่าทำแบบนั้น เพราะภาพมันจะหมองๆ เทาๆ  ทึมๆ (นี่เป็นสาเหตุหลักที่ผมเขียนบทความตอนนี้) ภาพนี้ยังดีที่ต้นฉบับคอนทราสจัดอยู่แล้ว เลยออกมาดูได้ ถ้าต้นฉบับ flat กว่านี้มันจะหมองมัวสลัวหม่นน่าหงุดหงิดใจมาก เป็นเทคนิคที่มีข้อมูลดั้งเดิมเหลืออยู่เยอะมาก เหมาะอย่างยิ่งในการรีทัชภาพหนักๆ อาจารย์ผมก็ชอบใช้ เวลาจะต้มยำทำแกงภาพกันเป็นการใหญ่ แต่แย่มาก ถ้าจะเอาไปโพสอวดใครเลย จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 15:10:54

ความคิดเห็นที่ 7 วิธีแก้ภาพหมอง ก็คือปรับคอนทราสมันเพิ่มซะหน่อย เพื่อภาพมันก็จะดูได้ ไปจนถึงขั้นดูดี (อันนี้แล้วแต่ฝีมือใครฝีมือมัน) จากนั้นค่อยเอาไปอวดคนอื่น ถ้าให้ดีกว่านั้น ก็ต้องแยกปรับคอนทราสทีละส่วน ที่ละจุดกันไปเลย โดยใช้ mask ร่วมกับการปรับ Curve (รักจะทำ Post Processing  กันแล้ว ต้องฝึก Mask ให้ได้อย่างคล่องแคล่วนะครับ) เพราะแต่ละจุด แต่ละสี แต่ละส่วนในภาพ ต้องการคอนทราสไม่เท่ากัน ปกติผมจะปรับเป็นสิบชั้น Layer กองสูงเป็นคอนโด กว่าจะดูดีขึ้นมาได้บ้าง อันนี้ปรับแบบคร่าวๆ โดยใช้ Gradient บน Mask  ปรับให้ฉากหน้าคอนทราสท์จัดกว่าด้านหลัง เพื่อสร้างความรู้สึกของระยะใกล้ไกล เพราะผมว่าคอนทราสรวมทั้งภาพมันก็พอดูได้อยู่แล้ว แค่ปรับให้มีมิตินิดส์นึงก็พอ  แต่ถ้าจะให้ดีต้องซ้อนอีกหลายชั้น กว่าจะแจ่ม อันนี้มีเวลาทำภาพสองนาทีเอาแค่นี้พอเนอะ จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 15:11:55

ความคิดเห็นที่ 8 รู้สึกเหมือนจะมืดไปนิดนึง  ทั้งๆ ที่มิดโทนพอดีแล้ว   เป็นเพราะส่วนใกล้ๆ มิดโทนไปจนไฮไลท์ คอนทราสมันต่ำ ไปหน่อย ภาพเลยหมองไม่สดใส ถ้าแก้คอนทราสตรงส่วนมิดโทนถึงไฮไลท์ให้สว่างขึ้นก็จะดีขึ้น จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 15:12:39

ความคิดเห็นที่ 9 3. Black & White Adjustment นี่เป็นเทคนิคที่ใช้ง่าย และได้ผลดีกว่าการลด Saturate ลงดื้อๆ ถ้ามือใหม่ไม่รู้จะใช้วิธีไหนในการทำภาพเอกรงค์ดี ผมแนะนำให้ลองวิธีนี้ก่อนเลยเป็นวิธีแรก ภาพออกมาไม่แบนราบ เป็นสีเทาจืดชืดเหมือน de-sat. ด้วย แค่กด Black & White ทีเดียวก็ได้ภาพเอกรงค์สวยๆ แล้ว และมี Preset สำเร็จรูปให้ลองเล่นอีกเยอะเลย ดูตรงที่เขียนว่า default น่ะ มันเป็นเมนูที่มีการตั้งค่าสำเร็จรูปให้ใช้หลายแบบ ลองกดดู ถ้าอยากจะให้ได้ดั่งใจก็สามารถปรับแชนแนลสีได้ ให้สีนั้นเข้ม สีนี้อ่อนได้   และมันก็ง่ายตรงที่พอปรับแล้วเห็นผลทันที ไม่ต้องเดา อาศัยความรู้เรื่องวงจรสีระดับพื้นฐาน ก็ปรับให้สนุกได้แล้ว จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 15:13:12

ความคิดเห็นที่ 10 ภาพนี้ ไม่ได้ปรับอะไรเพิ่มเติมเลยครับ แค่เลือก Preset ที่เป็น Yellow Filter เท่านั้น ภาพก็ออกมาดูไม่น่าเกลียดน่าชังแล้ว ยิ่งถ้าแม่นเรื่องวงจรสี และเพิ่มเติมการปรับคอนทราสเข้าไปด้วย ก็จะยิ่งดียิ่งขึ้น วิธีนี้ผมแนะนำครับ แนะนำ จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 15:13:37

ความคิดเห็นที่ 11 4. Solid color Fill เป็นเทคนิคระดับกลางที่ผมใช้บ่อยอันดับสองเพราะง่ายดี เทคนิคไม่ได้พิสดารอะไร ก็แค่ซ้อนชั้นของ Solid Color สีดำไปบนภาพดื้อๆ เลย โดยเลือกจาก Adjustment Layer tools --> Solid Color ก็จะขึ้นหน้าจอ Color fill มาให้ เราก็เลือกใช้สีดำปี๋ RGB: 0,0,0 เป็นสีของชั้นนี้ หรือจะซ้อน layer เปล่าไปบนภาพ แล้วเทสีดำสนิทลงไป ก็ได้ผลเหมือนกัน คือได้ภาพดำปี๋แบบเนี้ย เฮ้ย.. ภาพตูหายไปไหน จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 15:14:02

ความคิดเห็นที่ 12 ยังไม่หายครับ มันถูกทับอยู่ใต้ชั้นสีดำ เราก็เปลี่ยน Blending Mode ของชั้นนี้ เป็น Color เท่านั้น ก็จะได้ภาพขาวดำ หลักการคือ สีไหนเข้มมาก ใกล้เคียงกับสีดำ ก็จะกลายเป็นสีเทาเข้ม สีไหนเป็นสีอ่อน ไกลจากสีดำมาก ก็จะยิ่งเป็นสีเทาอ่อนใกล้สีขาวมากขึ้นเท่านั้น คอนทราสท์จะค่อนข้างสูงปานกลาง และปรับอะไรไม่ค่อยได้ จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 15:14:27

ความคิดเห็นที่ 13 พอแปลงเป็นภาพเอกรงค์เสร็จแล้ว ก็เอามาใช้ได้เลย โดยทั่วไปจะได้ภาพในระดับใช้การได้ แม้จะไม่ปรับอะไรเลย แต่ถ้าอยากให้ภาพสวยงามขึ้น คอนทราสดีขึ้น (ที่ของเดิมก็ดีพอใช้อยู่แล้ว) ก็สามารถซ้อน Layer เข้าไปได้ตามใจ แล้วก็ค่อยปรับคอนทราสเอาทีละส่วน ด้วยเทคนิค mask กับ Brush เหมือนเดิม หรือเทคนิคอื่นแล้วแต่ถนัดของท่าน อันนี้ปรับซับซ้อนกว่ารูปก่อนขึ้นมาอีกนิดหน่อย แต่ก็ยังคงอยู่บนพื้นฐานเดิมของการปรับคอนทราสด้วย curve และการ mask จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 15:14:59

ความคิดเห็นที่ 14 ใช้เวลาประมาณ 2 นาที สุดท้ายก็จะได้ภาพออกมาประมาณนี้ จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 15:15:40

ความคิดเห็นที่ 15 5. Channel Mixer Monochrome เป็นเทคนิคที่เป็นที่มาของ Black & White Adjustment ในปัจจุบัน มืออาชีพหลายคนก็ยังใช้เทคนิคนี้อยู่ด้วยความคุ้นเคย อาจารย์สอนรีทัชให้ผมก็ยังชอบใช้ แค่เรียก Channel Mixer Adjustment Layer ขึ้นมา แล้วติ๊กถูกตรง monochrome ก็เป็นอันเรียบร้อยล่ะ สิ่งที่ต้องทำต่อไปก็เหมือนกับ B&W Adjustment คือปรับส่วนผสม ระหว่างแชนแนลสีต่างๆ เพื่อให้ได้น้ำหนัก คอนทราสของภาพที่ต้องการ ใครไม่เคยลอง ก็น่าจะลองดูสักครั้ง แล้วก็ตัดสินใจเลือกเอาว่า ชอบอันไหนมากกว่ากัน จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 15:16:11

ความคิดเห็นที่ 16 และเราก็ทำเหมือนกับภาพขาวดำอื่นๆ  คือ ปรับแต่งคอนทราส น้ำหนักแสงสีเฉพาะจุดอีกสักเล็กน้อย เพื่อให้ได้ดั่งใจ ผมใช้เทคนิคเดิมๆ ครับ คือ Curve กับ Mask และ Brush แถมด้วยดึงคอนทราสท์แชนแนลสีเขียวขึ้นเล็กน้อย จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 15:16:42

ความคิดเห็นที่ 17 แล้วก็ได้ภาพสุดท้ายออกมา อันนี้มีเวลาทำเยอะ ยังไม่ขี้เกียจ แต่งเนียนหน่อย จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 15:17:08

ความคิดเห็นที่ 18 6. Gradient Map เป็นที่ชื่นชอบในช่างภาพสาย Art เพราะให้คอนทราสสูงกว่าวิธีอื่น ส่วนขาวจะสะอาด และส่วนดำจะดำสนิท   (ถ้าภาพนี้มันจะไม่ขาว หรือไม่ดำ ก็เพราะผมทำห่วยเอง) ทำให้ภาพมันจะดูดรามาติก สื่ออารมณ์ได้รุนแรง ชัดเจนดี   แต่จะไปเสียตรงการเก็บดีเทลที่สู้วิธีอื่นไม่ได้ การไล่โทนจะไม่ค่อยนุ่มนวลเท่าไหร่   พิกเซลจะไปกองกันอยู่เยอะบางจุดของฮิสโตแกรมทำให้ภาพตุ่นๆ เช่นสีโทนเขียว จะมีจำนวนพิกเซลในแชนแนลนี้เยอะกว่าสีอื่น เพราะเป็นสีที่เก็บความสว่างของภาพ ทำให้สีอื่นๆ ที่มีแชนแนลสีเขียวปนอยู่เยอะ จะดูเทาๆ เท่ากันไปหมด แต่บางสีที่ไม่ค่อยมีพรรคพวก พอทำเป็นขาวดำแล้ว แทบไม่มีพิกเซลเหลือเลย อย่างเช่นสีแดงม่วง ทำให้ภาพคลีนผิดปกติ วิธีทำเทคนิคนี้ไม่ยากอะไรเปิด adjustment layer ของ Gradient Map ขึ้นมา ก็เป็นอันเสร็จ จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 15:18:15

ความคิดเห็นที่ 19 เสร็จจริงๆ โพสได้ล่ะ เทคนิคนี้เป็นหนึ่งในเทคนิคที่ทำภาพเอกรงค์ได้สวยเวลาอยู่บนกระดาษ สวยมากกว่าสวยบนหน้าจออีกนะ อันนี้ต้นฉบับผมเข้มไปนิด ทำให้ภาพไม่ค่อยคลีน จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 15:19:34

ความคิดเห็นที่ 20 แต่เพื่อให้มันดูดรามาติกขึ้นซักหน่อย เราก็เอาแปรงป้ายสีให้มันเลอะๆ ความจริงผมจะลอง Dodge & Burn บน adjustment layer ในภาพนี้นะ แต่ลืม มือมันไว กด Curve ไปซะก่อน แต่บอกเทคนิคไว้คร่าวๆ คือสร้าง Layer เปล่าขึ้นมา  ในหน้า new layer แล้วเปลี่ยน mode เป็น Overlay ตามด้วยติ๊กตรง fill with overlay-neutral color (50% gray) กด OK จากนั้นก็สามารถใช้แปรงป้ายสีขาว ดำ ลงบน Layer นี้เพื่อ dodge & burn เฉพาะจุดได้แล้ว ถ้าทำผิด ก็แก้ไขง่ายกว่าใช้ Dodge & Burn Tools จัดการบนภาพโดยตรง จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 15:20:00

ความคิดเห็นที่ 21 พอป้ายให้มันเลอะๆ หน่อยจะได้ดูกวนๆ ก็จะได้ออกมาประมาณนี้ โดยพื้นฐานแล้วเทคนิคนี้มีหลักการเหมือนกับ solid color fill ต่างกันที่อันนี้เอา สีขาวดำเป็นพื้นในการสร้างภาพ แล้วใช้ภาพสีมาควบคุมความเข้มของขาวดำแต่ละจุด แต่ Solid Color เอาภาพสีเป็นพื้น แล้วใช้ชั้นสีดำมากำหนดความมืดสว่างของแต่ละสี คอนทราสของ Gradient Map มันเลยสูงกว่า จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 15:20:24

ความคิดเห็นที่ 22 7. Grayscale วิธีนี้เป็นญาติสนิทกับ De-saturation  คือเอาข้อมูลสีออกไปดื้อๆ   แย่กว่าตรงที่ไม่มีทางเรียกกลับคืนมาได้ เวลาปรับคอนทราสท์ เพราะทิ้งข้อมูลสีไปเลย ไม่ใช่แค่ปิดการใช้งานไว้เหมือน desat. เวลามาแก้ไขปรับคอนทราส พิกเซลจะเสียหายกว่ากันเยอะ จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 15:20:50

ความคิดเห็นที่ 23 แต่ว่าภาพที่ได้มันจะเป็นภาพที่ไม่ใช่ jpg เราก็ต้องแปลงข้อมูลให้กลับมาเป็น 3 แชนแนลมาตรฐาน jpg ก่อน จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 15:21:14

ความคิดเห็นที่ 24 เอาเป็นว่าผมไม่แนะนำให้ใช้วิธีนี้ทำภาพเอกรงค์ก็แล้วกัน จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 15:21:40

ความคิดเห็นที่ 25 8. Lab Color อาศัยพื้นฐานของโปรไฟล์สี Lab Color Space ที่เก็บแชนแนลของความสว่างแยกจากสี L - lightness ค่าความสว่าง a - สีแดง ไล่ไปจนเขียว b -  สีเหลือง ไล่ไปถึงน้ำเงิน ดังนั้นถ้าเราแยกเอาเฉพาะแชนแนล L ออกมา เราก็จะได้ภาพขาวดำ ...ชิมิ จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 15:22:07

ความคิดเห็นที่ 26 พอแปลงโหมดสีเป็น Lab เรียบร้อยแล้ว เราก็มาเลือกที่แชนแนล Lightness ให้แสดงผลมาแชนแนลเดียว จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 15:22:37

ความคิดเห็นที่ 27 แล้วก็แปลง L ให้กลายเป็น Grayscale เพื่อทิ้ง a กับ b ไป เสร็จแล้วก็แปลงจาก grayscale ให้กลายเป็น RGB อีกที เหมือนวิธีที่ 6 ดูเหมือนจะง่ายดี แต่ว่า สายตามนุษย์ไม่ได้ตีความภาพขาวดำจากความสว่างของแต่ละสีอย่างเดียว น้ำหนักความเข้มของแต่ละสี ก็จะส่งผลต่อการเห็นว่าสีนั้นมืด หรือสว่างอย่างไรด้วย นอกเหนือไปจากค่าความสว่างที่แท้จริงของแต่ละสี ดังนั้นภาพเอกรงค์ที่ทำด้วยวิธีนี้ จะบางเบา จืดชืด เหมือนน้ำล้างหม้อแกงจืด ไม่ควรเอาไปโพสอวดใคร จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 15:23:01

ความคิดเห็นที่ 28 แต่ภาพเบาๆ แบบนี้ เอาไปใช้เป็นวัตถุดิบในการ Mix & Match เวลาใช้เทคนิคซ้อนภาพขาวดำไปบนภาพสี แทนภาพขาวดำที่ทำด้วยเทคนิคอื่น ได้ดีทีเดียว เพราะมันจะไม่ทำให้ภาพที่เราต้มยำทำแกงอยู่ ทึบหนักเกินไป อย่างเช่นภาพไฮคีย์ ที่ต้องการดรอปสี และคอนทราสท์ลง ด้วยเทคนิคซ้อนภาพขาวดำ ถ้าเอา L ไปใช่นี่เหมาะมาก ลองสมมุติดูว่าถ้าภาพนี้ เป็นภาพไฮคีย์ของสาวๆ แล้วเราซ้อนขาวดำจาก Lab เพื่อดรอปสีและคอนทราสท์ลง จะได้ภาพออกมาดูเบาๆ ใสๆ ดีกว่าการลด saturation และคอนทราสท์ลงดื้อๆ ซะอีก จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 15:31:53

ความคิดเห็นที่ 29 9. Match Color นี่ไม่ใช่เทคนิคการทำภาพขาวดำที่ถูกที่ควร เพราะมันเป็นเอกรงค์ก็จริง แต่มันไม่ขาว-ดำ มันติดสีอยู่หน่อยๆ เครื่องมือ Match Color ดั้งเดิมก็ไม่ได้มีไว้ทำภาพขาวดำ เค้ามีไว้ ทำให้ภาพชุดหลายๆ ภาพ มีสีสัน คอนทราส น้ำหนักที่ใกล้เคียงกัน ก่อนจะเอามาต่อเป็นพาโนราม่า แต่ว่าถ้าเราปรับลด Color Intensity และ Fade มาทางซ้ายจนสุด ภาพมันก็จะกลายเป็นภาพเอกรงค์ได้เหมือนกัน จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 15:33:16

ความคิดเห็นที่ 30 ผมไม่รู้ว่า Adobe ใช้เทคนิคใดในการคำนวณสีสัน คอนทราสท์ แต่มันออกมาดีทีเดียว อยู่กึ่งๆ ระหว่าง desaturate และ black & white adjustment เอาไปปรับแก้คอนทราสเฉพาะส่วนง่ายกว่า b&w adj เพราะภาพยังไม่เละมาก แต่ไม่ต้องปรับกันเสียทุกส่วนเหมือน desat. โดยทั่วไปเอาเป็นว่าผมไม่แนะนำให้ใช้เทคนิคนี้ละกัน มันจะวุ่นวายโดยไม่จำเป็น เก็บไว้ทำพานอราม่าเอกรงค์อย่างเดียวดีกว่า จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 15:33:53

ความคิดเห็นที่ 31 10. Calculations เป็นเทคนิคที่ผมใช้เยอะที่สุด บ่อยที่สุด ช่วงหลังภาพขาวดำของผมใช้เทคนิคนี้เกือบทุกภาพ เพราะทำผลงานออกมาได้ใกล้เคียงกับการปรับคอนทราสทีละจุด ทีละส่วน ได้น้ำหนักภาพงดงาม แต่ทำงานได้โคตรเร็ว เหมาะกับคนขี้เกียจ ใช้เวลาภาพละไม่กี่วินาที (ไหว้ครูก่อน) เทคนิคนี้ลุง Guy Gowan, The Prince of Photoshop มาสอนให้ที่โรงเรียน ภาพนึงจะใช้เวลาผสมสี ไม่ถึงหนึ่งนาที และทำซ้ำได้เหมือนเดิมทุกครั้ง ไม่ต้องกลัวว่าทำแล้วคอนทราส น้ำหนัก โทนภาพจะเปลี่ยน ทำสองทีไม่เหมือนกัน ถ้าเลือกสี และการผสมที่ดี จะได้ผลงานที่พิมพ์บนกระดาษ ใกล้เคียงกับภาพพิมพ์จาก ฟิล์มขาวดำมาก ว่ากันตามจริงแล้ว เทคนิคนี้มีไว้เพื่อสร้าง selection ในการปรับภาพขั้นสูงเสียมากกว่า แต่มันก็สามารถทำภาพเอกรงค์สวยๆ ออกมาได้ง่าย และไวมาก เพียงแต่เราต้องเข้าใจในวงจรสีอย่างดีก่อน หลักการคือการเอาสีแต่ละสี มาผสมกัน ด้วยวิธีต่างๆ กัน ในอัตราส่วนต่างๆ กัน เพื่อสร้างน้ำหนักขาว-ดำ ในภาพสีให้ได้อย่างที่ต้องการ จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 15:35:04

ความคิดเห็นที่ 32 ที่ต้องปรับคือ Layer ว่าจะเอาชั้นไหนของภาพมาผสม นึกอะไรไม่ออก เริ่มจาก Background ไว้ก่อน หรือจะเลือก Merged ก็ไม่เลวนะ Channel อันนี้เรื่องยาก เพราะต้องเข้าใจเรื่องวงจรสี แล้วเลือกว่าในภาพนั้น จะเอาสีไหน R, G, B, Gray   ถ้าไม่รู้อะไรก็ลองมันทุกอันนั่นแหละ ลองหลายครั้งก็ได้ โฟโต้ชอปไม่คิดตังค์ค่าลอง เลือกจาก 2 source แล้วเลือกวิธีการผสมภาพว่าจะ Blending กันด้วยโหมดไหน อันที่ใช้บ่อยสุดคือ Overlay เพื่อบวกสองแชนแนลเข้าด้วยกัน รองลงมาคือ Multiply คือคูณ กับ Screen หรือลบกัน แต่อย่าลืมทดลอง blend ด้วยโหมดอื่นดูด้วย บางโหมดก็เหมาะกับบางแชนแนล บางภาพ ปรับ Opacity เพื่อเลือกความแรงในการผสมแชนแนล ไปลองดู ปกติผมก็ปรับไม่ถึง 100% หรอก จากนั้น ก็เลือกว่าจะให้ Result ไปอยู่ที่ไหน สร้างเอกสารใหม่เป็นขาวดำเลยก็ได้ แต่ที่ผมทำบ่อยคือสร้างเป็น Layer ใหม่ แล้วปรับแต่งซ้ำนิดหน่อยอีกที ก่อนเอา Layer นั้น กลับมา Calculations อีกรอบนึง เพื่อเรียกดีเทลในบางส่วนคืนมา จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 15:35:49

ความคิดเห็นที่ 33 พอได้เอกสารใหม่มาแล้ว มันจะมาเป็นภาพ Grayscale   ก็แปลงให้กลับเป็น RGB ด้วยวิธีเหมือน Grayscale ทั่วไป ภาพนี้จำได้คร่าวๆ ว่าผสม Green กับ Gray แต่จำโหมด กับอัตราส่วนไม่ได้ ทำรอบเดียวเอง แต่ดูแล้วน่าจะทำอีกรอบเพื่อเรียกดีเทลที่ร่มกลับคืนมานะเนี่ย และไม่ได้ปรับแต่งภาพเฉพาะจุด คอนทราส เคิร์ฟ หรืออะไรทั้งนั้น จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 15:37:34

ความคิดเห็นที่ 34 ความสำคัญ และความยากของการทำภาพขาวดำ ไม่ได้อยู่ที่ที่ว่าเราจะเลือกใช้เทคนิคไหน อย่างไร สิ่งที่ยากที่สุดในการทำภาพขาวดำคือ เราจะทำอะไร แค่ไหน เราจะทำภาพขาวดำให้ได้โทนภาพที่ดี และถูกต้องไม่ได้เลย ถ้าเราไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้ว่าโทนภาพขาวดำที่ถูกต้องเป็นอย่างไร สีดำต้องดำแค่ไหน สีขาวแค่ไหน มีสีเทาปริมาณเท่าไหร่ ไล่ระดับสีเทาอย่างไร และเรื่องนี้สอนกันไม่ได้ ขนาดลุง Guy Gowan ยังสอนไม่ได้เลย ต้องได้เห็นภาพขาวดำ ที่ดี ที่ถูกต้อง จากช่างภาพมืออาชีพด้วยตาตัวเองก่อน ไม่งั้นไม่มีวันเข้าใจ และดูจากจอภาพไม่ได้นะครับ ต่อให้เป็นจอเทพสิบบิท ราคาหลายแสน คาลิเบรทเรียบร้อย เอามานั่งดูภาพขาวดำที่ถูกต้องในห้องมืดก็ตาม ทางเดียวที่จะรับรู้ความถูกต้องของโทนภาพขาวดำได้ คือต้องไปเห็นงาน Original Print บนกระดาษ จากช่างภาพมือเยี่ยมๆ ด้วยตาตัวเองเท่านั้น ถึงจะกลับมาทำตามได้ ไม่มีวิธีอื่นครับ ไม่มีจริงๆ หากจะทำภาพขาวดำให้ดี ยังไงก็ต้องหาโอกาสไปดูงานนิทรรศการแสดงภาพของช่างภาพระดับโลก หรือระดับประเทศให้ได้   จะได้รู้ว่าภาพขาวดำ (ภาพสีด้วยแหละ) ที่มีโทนที่ถูกต้อง สวยงาม ในแต่ละสไตล์ มันเป็นอย่างไร ผมได้ดูงาน "A Photographer's Life: 1990-2005" ของ Annie Leibovitz เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา รู้สึกเหมือนถูกป้าแกกระโดดถีบหน้า เพราะเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก ว่าโทนภาพที่ทำออกมาถูกต้อง มันสวย มีมิติตื้นลึก มีเนื้อหนัง มีมวล มีรายละเอียดในแต่ละส่วนดีๆ มันเป็นอย่างไร  (ได้สำนึก ว่าไอ้ที่เราทำมาตลอดมันขยะมาก) ดังนั้นถ้ามีโอกาสไปชมงานแสดงภาพถ่ายดีๆ อย่าได้ละโอกาสครับ ต้องไปดูให้ได้ โดยเฉพาะงานนิทรรศการภาพถ่ายจากบรรดามืออาชีพตัวจริงในวงการ ไม่ว่าไทยหรือเทศก็ตาม   หวังว่าจะได้ประโยชน์เกี่ยวกับภาพเอกรงค์ แล้วเจอกันใหม่ในตอนต่อไปครับ คราวหน้าเป็นภาพสีมั่ง . จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 15:38:50

ความคิดเห็นที่ 35 ..อ่านแล้วได้แต่คิด โอ้โห ชาตินี้คงไม่ต้องทำภาพขาวดำกันแล้ว เพราะผมคงไม่มีวาสนาจะไปดูภาพของช่างภาพระดับโลกซะด้วยสิ คงได้แต่ทำแบบตามมีตามเกิดไป 55+ ..ผมก็ไม่เคยเรียนศิลปะ แต่ผมว่าบางอย่างคุณก็พูดซะหนักเกินไปนะครับ ศิลปะผมว่ามันเป็นรสนิยมของคนมากกว่า แต่ถ้าให้ตามตำราเป๊ะก็คงพูดอะไรไม่ได้ ผมเห็นบางคนภาพเค้าก็สีแปร๋นๆ แต่ก็ขายได้นะ เช่นตาคนนี้ http://www.simonbeedle.com/gallery/ ..ว่าแล้วก็ไปทำขาวดำแบบมั่วๆต่อไปดีกว่า แต่อ่านกระทู้นี้แล้วชักไม่กล้าโพสภาพขาวดำซะแล้ว เหอเหอ ..แก้ไขลิ้งค์ แก้ไขเมื่อ 27 มี.ค. 54 01:20:49 จากคุณ : AB Rh+ เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 16:11:35

ความคิดเห็นที่ 36 เยี่ยมครับน้านิค แต่ผมก็คงมั่วเหมือนน้าอาร์มต่อไป และโพสภาพกาก ๆ ของผมต่อไป 555 แก้ไขเมื่อ 26 มี.ค. 54 16:28:33 จากคุณ : raksapondet เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 16:26:30

ความคิดเห็นที่ 37 ผมเองก็ทำตามมีตามเกิดนี่แหละครับน้าอะธีลาส เพราะเครื่องมือทั้งโฟโต้ช็อปและไลท์รูมผมใช้เป็นอยู่แค่ไม่กี่อย่างเอง แต่เดี๋ยวจะศึกษาเพิ่มเติมจากกระทู้น้านี่แหละ                     ข้องใจนิดนึง...รูปตัวอย่างทำไมไม่เอารูปสาวๆสวยๆ XX นิดๆมาทำตัวอย่าง จะเรียกความสนใจในการเรียนรู้มากขึ้นอีกโขเลย 555+ จากคุณ : สะบายดีบางกอก เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 16:53:04

ความคิดเห็นที่ 38 ผมถ่ายรูปมาสิบปี ผมก็เพิ่งเห็นโทนภาพขาวดำที่สวยๆ จริงๆ ก็ประมาณ สี่ห้าเดือนนี่เองครับ ตอนที่ตระเวณเดินนิทรรศการเป็นจริงเป็นจัง ก่อนนี้ก็มั่วมาตลอดเหมือนกัน อาศัยโทนที่เห็นในเว็บของมือโปรเค้าเป็นหลัก ตอนนี้พอจะจับทางได้ล่ะ ในกรุงเทพฯ มีนิทรรศการภาพถ่ายสวยๆ ฟรีๆ บ่อยกว่าแถวบ้านผมอีก ถ้ามีโอกาสดู อย่าได้พลาดเชียว จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 17:02:26

ความคิดเห็นที่ 39 ไม่ค่อยถนัด แต่โหวตไว้ก่อนครับ....เผื่อจะเป็นประโยชน์กับคนอื่น จากคุณ : Supermop เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 17:04:52

ความคิดเห็นที่ 40 ขอบคุณสำหรับบทความครับ เซียนเค้าบอกไว้ จะถ่ายขาวดำ ต้องมองเห็นภาพนั้นเป็นขาวดำตั้งแต่แรก จากคุณ : DUB-COOK เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 17:25:24

ความคิดเห็นที่ 41 มาพยักหน้าหงึกๆ  พร้อมกับยกมือเห็นด้วย การที่จะทำให้ภาพขาวดำสวยๆ ไม่ใช่การเอาภาพเสียๆมาเอาสีออก แต่จะต้องเลือกแสง  เลือกภาพ และตั้งใจถ่ายจริงๆ เคยอ่านบทความของ อ.ศรศักดิ์ ว่าการถ่ายภาพขาวดำ จะต้องทำให้ตาเรามองไม่เห็นสีตั้งแต่แรก  ให้ตัดสีออก แล้วเหลือไว้แต่แสง เพราะถ้าไม่ทำตาให้เห็นในแบบขาวดำแต่แรก ลองคิดดู ถ่ายภาพดอกไม้สีเหลืองกับพื้นขาว ภาพที่ออกมามันก็จะขาวเหมือนๆกัน แล้วขาวดำมันจะมายังไง ดังนั้น การจะทำภาพเอกรงค์ หรือโมโนโครม จะต้องเข้าใจพื้นฐานของแสง ทิศทางแสง และการหายไปของสี เอกรงค์มันยากตรงที่กำหนดโทนของภาพ ยากมากที่สุด มันจะไม่ใช่แค่ Black & White แต่มันเป็นอะไรที่ผมว่ามันแตกต่างออกมาอีกมาก ผมเองก็ยังหาแนวไม่เจอเหมือนกัน  ได้แต่หัดๆๆๆ แล้วก็หัด คิดว่าซักวันมันน่ะจะดีขึ้นมาบ้าง ทุกวันนี้อาศัยถ่ายภาพ ก็เน้นที่จะทำแต่ขาวดำอย่างเดียว แต่ต้องถ่ายเป็นภาพสีลงไฟล์ RAW ไว้ เพราะถ้าเอาโมโนโครมแต่แรกจะเสียดาย เพราะถ่ายโมโนโครมแล้วจะเอาสีใส่ไม่ได้ แต่ถ่ายสีมา แล้วเอาออกหรือเอาใส่ได้ตลอด ว่าแล้วก็ฝากไว้ซักภาพ จากคุณ : ปืนเถื่อน เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 19:30:59

ความคิดเห็นที่ 42 น้าปืน กล้องผมถ่ายเป็น RAW เซ็ทให้เป็นขาวดำไว้ พอถ่ายออกมาแล้วเอาไปเปิดกับ ไลท์รูม มันกลายเป็นภาพสี แล้วค่อยเซ็ทเป็นขาวดำอีกที แบบนี้จะเสียหายไรมั้ยอ่ะ จากคุณ : สะบายดีบางกอก เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 22:29:28

ความคิดเห็นที่ 43 เปลี่ยนความคิดจาก  มองภาำำำพใหนไม่สวย ทำเป็นขาวดำซะเลย   เป็น  มองให้เป็นขาวดำตั้งแต่ก่อนถ่าย เลยดีกว่า  ขอลองดูซะหน่อย ขอบคุณมากครับ สำหรับบทความ จากคุณ : เดอะไรท์ เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 22:49:39

ความคิดเห็นที่ 44 ความรู้เยอะจุใจจริงๆครับ น้าอะธีลาส ขอบคุณมากครับที่นำมาแบ่งปัน จากคุณ : far away from the north pole เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 23:21:26

ความคิดเห็นที่ 45 สุดๆเลยครับ รีบโหวตอย่างไว  รออ่านกระทู้แบบนี้มานานแล้วครับ เห็นว่าจะเขียนบทความ คุ้มค่าการรอคอยจริงๆ ขอบคุณที่แบ่งปันความรู้ครับ  จากคุณ : อั้งเสาะ เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 54 00:04:52

ความคิดเห็นที่ 46 แม่น้ำร้อยสาย  ล้วนไหลรวมลงมหาสมุทร  :P จากคุณ : อา ตง เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 54 00:25:51

ความคิดเห็นที่ 47 ขอบคุณคับ จากคุณ : burgeons เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 54 01:24:03

ความคิดเห็นที่ 48 จากคุณ : PiGsPy เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 54 01:59:47

ความคิดเห็นที่ 49 ว่าแต่ผมสงสัยอย่างนึงครับ  ผมไม่ค่อยเห็นภาพขาวดำ เล่นชัดตื้นซะเท่าไร  ส่วนใหญ่คือผมจะเห็น คุมรายละเอียดชัดลึกทั้งภาพซะมาก  หรืออาจเป็นเพราะผมไม่เคยเห็นเองก็เป็นได้ครับ ข้อนี้พอมีอะไรเล่าสู่กันฟังบ้างไหมครับ เพราะเห็นว่าได้ไปดูงานตามนิทรรศการ เผื่อจะได้เห็นงานขาวดำรูปแบบอื่นๆบ้าง จากคุณ : อั้งเสาะ เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 54 05:30:12

ความคิดเห็นที่ 50 ว่าแต่ลิงค์ของ คุณ AB Rh+ สวยจริงๆครับ  เข้าไปดูแล้ว งามมากๆ  ขอบคุณสำหรับลิงค์ครับ งานของเค้า ผมว่าสีเข้าสดอิ่มแล้วก้มีความสมูทของน้ำหนักสีนะครับ แต่ที่น้าอะธีลาสว่า คงหมายถึง สีสดที่มันแปร๊ดแปร๋นมาเลย  ขาดความสุนทรีย์ ส่วนเรื่องขาวดำ ชื่ออาจจะมีแค่ขาวดำ  แต่เอาเข้าจริงๆ ภาพขาวดำ ยังมีหลายลักษณะมากๆ  ทั้งแบบไฮ คอนทราส โลว์ คอนทราส อื่นๆ ที่ยากไปกว่านั้นคือ การใช้สายตา กะ น้ำหนัก โทน ขาวดำ ออกมา  ต้องฝึกมากๆ ดูงานมากๆ   แรกๆก็แปลงไฟล์ง่ายๆ ต่อมาก็เริ่มใช้ปลั๊กอิน ต่อมาก้เริ่มซ้อนเลเยอร์เป็น  เริ่มหัดใช้ mask ให้เป็นประโยชน์ ค่อยๆสะสมเทคนิค ประสบการณ์ไปเรื่อยๆ  ถ้ามัวแต่กลัวว่าจะผิดถูก คงไม่ได้ลงมือทำซะที จากคุณ : อั้งเสาะ เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 54 05:42:37

ความคิดเห็นที่ 51 แวะมาหาความรู้ครับ ^ ^ จากคุณ : ข้าวเหนียวไก่ทอด เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 54 07:52:47

ความคิดเห็นที่ 52 ขอบคุณครับ จากคุณ : redmuzer เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 54 09:15:03

ความคิดเห็นที่ 53 เป็นคนที่ชอบภาพ ขาว-ดำ มากๆ ได้ความรู้มากเลยค่ะ . . . ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : libra-cat เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 54 11:12:50

ความคิดเห็นที่ 54 ขอบคุณครับ...ขาวดำ ผมถ่ายไม่สวยอ่ะ เดี่ยวปีนี้จะพยายามลองดูครับ จากคุณ : Salt Cat เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 54 11:48:53

ความคิดเห็นที่ 55 ขอบคุณครับน้า กระทู้ดีมาปลายสัปดาห์อีกแล้ว วันพรุ่งนี้โหวตกันอีกซักรอบนะครับ จากคุณ : La Divinite เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 54 13:27:27

ความคิดเห็นที่ 56 ปกติใช้ desaturate มาโดยตลอด แล้วมาปรับ คอนทราส ลองแบบ channel mixer ดู สงสัยต้องเปลี่ยนละครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : zigma-x เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 54 15:17:28

ความคิดเห็นที่ 58 ขอบคุณครับ จากคุณ : น้าลีโอ เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 54 19:10:32

ความคิดเห็นที่ 59 ได้ความรู้ ขอบคุณครับ จากคุณ : เด็กน้อยด้อยปัญญา เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 54 19:39:04

ความคิดเห็นที่ 60 เก็บเข้าคลังดีก่าา จากคุณ : iamaords (iamaorstm) เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 54 20:07:11

ความคิดเห็นที่ 61 ชอบภาพแนวนี้อยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่รู้ว่าปรับแค่ไหนถึงจะพอดีดูไม่เป็น จากคุณ : redmuzer เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 54 20:24:28

ความคิดเห็นที่ 62 ขอบคุณครับ ออกหนังสือครับ ผมเป็นหนึ่งคนที่ซื้อแบบไม่เสียดายเงินแน่นอนครับ จากคุณ : civic_coupe เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 54 21:14:49

ความคิดเห็นที่ 63 นึกถึงแวนโก๊ะ   สมัยก่อนผู้คนชอบภาพเขียนแบบเรียลลิสติก(ภาพเหมือนจริง)  แวนโก๊ะก็แหกกฎสร้างสรรค์งานออกมาแบบแอ็บสแตร็ค(นามธรรม) ผู้คนในสมัยนั้นก็ไม่ยอมรับ  ศิลปินที่มีชื่อเสียงก็ก่นด่า  รับไม่ได้กับแนวแอ็บสแตร็ค  จนแวนโก๊ะล้มเหลวที่จะสร้างสรรค์ผลงาน ตอนจบ  ก็จบลงด้วยความเศร้า  แวนโก๊ะฆ่าตัวตาย ถ้าศิลปินในสมัยนั้น  เปิดใจกว้าง ยอมรับแนวคิดใหม่ๆ  ไม่ใช่ออกกฎมาบล็อค  ใครไม่ทำตามนี้  ถือว่ารับไม่ได้  ไร้ความคิดเยี่ยงศิลปิน ฯลฯ แวนโก๊ะ ก็คงไม่ต้องฆ่าตัวตาย     สำหรับศิลปินที่แท้จริงแล้ว  ยอมอดตายดีกว่าที่จะทรยศกับ ความรู้สึกของตัวเองครับ เคยมีคนมาถามผมว่า  เค้าจะสร้างสรรค์ผลงานตามแบบ หรือสไตล์ไหนดี   ตอนนี้แนวไหนกำลังฮิต ฯลฯ ผมตอบว่า  จงเป็นตัวของตัวเอง  และถ้าสังคมจะยอมรับ ก็ขอให้ยอมรับในฐานะที่เราคือเรา  ไม่ใช่ตัวแทนของบุคคลอื่น  หรือคนที่ไหลตามกระแส ศิลปะ  คือการสร้างสรรค์  ไม่ใช่การลอกเลียน  การนำเสนอมุมมอง หรือแนวความคิดใหม่  คือหน้าที่ศิลปินจะต้องสร้างสรรค์ขึ้นมา  เพื่อรับใช้สังคม จงมีอีโก้  และควบคุมมัน  อย่าปล่อยให้อีโก้ควบคุมเรา  และปิดหูปิดตาเราจากโลกภายนอก  จงให้โลกเดินตามเรา และเราอย่าเดินตามโลก และผมไม่เคยบอกให้คนละเลยตำรา  แต่บอกว่าหากเรายึดตำรามากเกินไป  คำว่าสร้างสรรค์คงเกิดได้ยากเต็มที ผมไม่ได้แอนตี้องค์ความรู้  แต่จงเรียนรู้  เพราะจำเป็นต้องรู้  ไม่ใช่เรียนรู้เพราะคิดว่ารู้แล้วจะประสบผลสำเร็จ แก้ไขเมื่อ 27 มี.ค. 54 21:31:27 จากคุณ : ปลอมตัวมาหารักแท้ เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 54 21:26:58

ความคิดเห็นที่ 64 ขอบคุณครับน้าอะธีลาส ผมเป็นคนที่ไม่ชอบภาพขาวดำเลย หลายๆภาพที่เคยเห็นความรู้สึกมันบอกว่าสวยแต่ไม่เคยเข้าใจว่าสวยยังไง ตอนนี้ได้รู้แล้วว่าทำไมถึงชอบขาวดำ ก็เพราะเราดูไม่เป็นเลยไม่เข้าถึง ขอบคุณที่ช่วยเปิดโลกครับ ปล.รอเรื่องสีอยู่เคยอ่านแล้วแต่อยากให้คนยังไม่อ่านได้อ่าน จากคุณ : ovanpanda เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 54 23:31:32

ความคิดเห็นที่ 66 มาเก็บความรู้ครับ ขอบคุณน้าอะธีลาสมากๆ ครับ เพิ่งได้รู้ว่าวิธีการปรับขาวดำมันมีเยอะมาก ส่วนตัวผมปกติใช้แค่ Channel Mixer แบบภาพนี้ หรือไม่อย่างเก่งก็โหลดพวก duotone, tritone และ quadtone มามั่วๆ เพิ่มให้ดูสวยไม่ได้มีหลักการอะไรแค่ตามใจตัวเองครับ มีคนเคยบอกกับผมว่าภาพขาว-ดำนี่จะถ่ายให้สวยออกมาดี ว่าไปยากกว่าภาพสีซะอีก ปัญหาของผมหลักๆ เลยคือการเข้าถึงศิลปะแบบขาว-ดำที่แท้จริงมากกว่าน่ะครับ จากคุณ : 3ho8 เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 54 00:59:37

ความคิดเห็นที่ 67 You can take an average picture of an extraordinary things or take an extraordinary picture of an average things. And it’s totally up to you. It’s your choice --Tony Corbell-- ผมว่ามันก็เอามาประยุกต์กับภาพขาวดำได้เหมือนกันนะ เราสามารถทำภาพเอกรงค์ดีๆ จากภาพถ่ายธรรมดาๆ หรือทำภาพถ่ายดีๆ ให้กลายเป็นภาพเอกรงค์ธรรมดา ก็ได้ มีสมาชิกท่านหนึ่งของ etcFOTO.com (ตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็น actuallyart.com นัยว่า จะให้ติสต์แตกกว่าเดิมอีก) เคยเอาภาพดอกไม้ธรรมดาๆ ที่มือใหม่ที่ไหนก็ถ่ายได้ประมาณนี้แหละ มาสาธิตการทำภาพขาวดำให้เพื่อนๆ ดู ทำออกมางามหยดย้อยเลยทีเดียว ตามไปดูงานขาวดำเค้าได้ที่นี่ครับ http://menoevil.deviantart.com จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 54 07:12:53

ความคิดเห็นที่ 68 ขอบคุณครับน้า  พยายามอ่าน สองรอบ บอกตรงๆว่า  มึนตึ๊บ จากคุณ : แถมฟรีน้ำ 1 ขวด เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 54 09:37:46

ความคิดเห็นที่ 69 ^^" Desaturate ทีไร ภาพแบนนนนนแต๊ดแต๋... เล่นเอาไปต่อไม่ถูกทุกที ขอบคุณน้าอะธีลาส ที่รวบรวมเทคนิคมานำเสนอ ช่วยเติมน้ำในแก้วได้เยอะ... จากคุณ : CurrentlyOly เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 54 09:44:19

ความคิดเห็นที่ 70 จากคุณ : มะจิ๋ว เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 54 09:56:32

ความคิดเห็นที่ 71 ขอบคุณมากครับ สำหรับผม ผมว่ามันยากตั้งแต่ตอนถ่ายแล้วอ่ะ ต้องคิดตั้งแต่ตอนถ่ายเลย ถึงจะออกมาสวย T_T จากคุณ : +One Side Love+ เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 54 09:57:34

ความคิดเห็นที่ 72 (^_^) จากคุณ : darkoly เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 54 12:56:14

ความคิดเห็นที่ 73 10 ปีที่แล้วผมโดนตบกบาลเพราะทำขาว-ดำดื้อๆ เนี่ยล่ะ มาอ่านของน้าแล้วเจ็บจี้ดที่หัวอีกทีเลย จากคุณ : pipek (yukraider) เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 54 03:57:11

ความคิดเห็นที่ 74 อีกจุดนึงที่ยากสำหรับมือสมัครเล่นอย่างผมคือจอแต่ละจอสีมันเข้มไม่เท่ากันอ่ะครับ เคยปรับรูปจากจากnotebook เออ ดูในจอสีกำลังดี พอเอาไปเปิดในdesktopถึงกับหน้าหงาย สีออกมาแปร๋นมากๆเพราะจอมันสว่างกว่า ไปปรับoffsetให้คนดูปลายทางไม่ได้ด้วย ^^' เรื่องขาวดำนี่ ตาถั่วแบบผมยังดูไม่ค่อยออก แต่เร่งสีเร่งcontrastซะจนgrainขึ้นมาเป็นจุดๆนี่ไม่ไหวเหมือนกัน แสบตาูู จากคุณ : RobertSpeharsJarni เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 54 22:27:12

ความคิดเห็นที่ 75 ผมชอบขาวดำมาก ๆ ครับ เพราะส่วนตัวเป็นคนตาบอดสี.... จากคุณ : จอจ้อน เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 54 13:05:21

ความคิดเห็นที่ 76 พอมีคำว่าเอกณรงค์ก็เลยเข้าดูสักหน่อย เอกณรงค์อย่าแค่ดูดสีกันน่ะจีะ ไล่โทนให้ดีกันแล้วไปดูที่กระดาษแล้วจะสุขอย่างบอกไม่ถูก แก้ไขเมื่อ 30 มี.ค. 54 13:41:42 จากคุณ : มาม่าอร่อย (มาม่าอร่อย) เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 54 13:41:13

ความคิดเห็นที่ 77 ... แก้ไขเมื่อ 30 มี.ค. 54 19:12:26 จากคุณ : Bubbers เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 54 16:32:10

ความคิดเห็นที่ 78 ขอบคุณท่านอะธีลาสครับ ท่านที่มีความรู้(อาจโปรหรือไม่โปร)นำมาแจมมั่งนะคร้าบบบบบบ จากคุณ : บูณมาก (บูณมาก) เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 54 19:09:59

ความคิดเห็นที่ 79 สาธยายยืดยาวหลักจริงๆมีอยู่แค่ รูปต้องมีขาวสุดดำสุด แค่นั้นล่ะ จากคุณ : Epsilon5th เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 54 21:26:28

ความคิดเห็นที่ 80 และมีเทาด้วยครับ จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 31 มี.ค. 54 07:19:19

ความคิดเห็นที่ 81 ขอบคุณครับ จากคุณ : TigerTee เขียนเมื่อ : 31 มี.ค. 54 13:52:46

ความคิดเห็นที่ 82 "สาธยายยืดยาวหลักจริงๆมีอยู่แค่ รูปต้องมีขาวสุดดำสุด แค่นั้นล่ะ " ต้องมีขาวสุดดำสุด จริงเหรอ?  ผมไม่คิดว่าจำเป็น แก้ไขเมื่อ 31 มี.ค. 54 17:37:06 จากคุณ : ข้าวเหนียวไก่ทอด เขียนเมื่อ : 31 มี.ค. 54 17:21:38

ความคิดเห็นที่ 83 ขอบคุณมากจ้า จากคุณ : เจ้าหนูจอมมึน เขียนเมื่อ : 31 มี.ค. 54 17:46:57

ความคิดเห็นที่ 84 เข้ามาเก็บความรู้ค่ะ ^^ จากคุณ : hisari~ เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 54 22:07:38

ความคิดเห็นที่ 85 ลงชื่อ จากคุณ : แค่มีเธอก็สุขใจ เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 54 11:41:46

ความคิดเห็นที่ 86 ลองโพสมั่ง tri-x 400 24 mm ถ่ายขาวดำมานาน แต่อยากให้ได้ฟีล ต้องแคร์โทน แต่ผมดันไม่ค่อยแคร์เท่าไหร่นี่สิ ปล. แสกนมาอย่างเดียว ยังไม่ปรับ คิดว่าภาพข้างล่างน่าจะสว่างลงหน่อย แต่มองอีกทีก็โอเคดีแล้วเหมือนกัน - - สองจิตสองใจ แก้ไขเมื่อ 03 เม.ย. 54 01:05:47 จากคุณ : ERWA เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 54 00:59:52

ความคิดเห็นที่ 87 ผมรู้สึกว่าเรากำลังสับสนอะไรนิดหน่อยครับ ภาพขาวดำสวยๆที่ขึ้นชื่อระดับโลกทั้งหลาย ผมเชื่ออย่างนะ ศิลปินผู้สร้างผลงานทั้งหลาย เค้ามีสิ่งที่คิดและมุ่งเน้นมากกว่าจะมองว่า ภาพนี้มี "โทนที่ถูกต้องรึยัง"  เช่นการดึงความรู้และพลังจากสิ่งที่จะถ่าย มุมมอง การวาง plot เพื่อให้เกิด impact ของภาพ ซึ่งถ้าภาพนั้นมีแค่โทนที่ถูกต้องแล้ว ผมว่าเราไม่มีทางได้เห็นภาพพวกนั้น ถูกแสดงตามงานใหญ่ๆแน่ครับ  เราต้องตอบตัวเองครับว่าเราจะเป้นอะไร คนถ่ายภาพ หรือ ช่างอัดภาพตามแลปภาพ โดยมากผมจะไม่เอาไม้บรรทัดไปทาบเพื่อตัดสินอะไรต่างๆนานา คนรู้จักผมดีจะดีว่าถ้ามีคนให้เม้นภาพละเอียดแบบยืนคุยกันเลย ผมจะเม้นยังไง ในมุมมองของผมจะมีเรื่อง องค์ประกอบต่างๆในผลงานนั้นสอดคล้องลงตัวกันมั้ย งานที่ดีๆทั้งหลายจะสังเกตุว่าจะยึดในกฏข้อนี้หมด คือไม่ว่าจะใส่อะไรลงไปในภาพหรือทำอะไรลงไปในภาพ ผลลัพท์สุดท้ายมันดูลงตัวไม่รู้สึกขัดตา สร้างความประทับใจและความรู้สึกร่วมให้คนดูภาพได้ครับ ยกตัวอย่างภาพนี้ผมเชื่อเลยว่าโทนไม่ถูกต้องแน่ๆเพราะขาดโทนดำสนิทมีโทนไม่กี่โทนในภาพ แต่คิดว่ายังไงกับมันล่ะครับ http://www.fotoblur.com/images/173208 จากคุณ : d-explorer เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 54 04:04:01