ความคิดเห็นที่ 1 ..คนจัดประกวดสบายเลยแบบนี้ ได้รูปสวยๆไว้ใช้งานเพียบ เอาเปรียบกันชัดๆ จากคุณ : AB Rh+ เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 17:49:06

ความคิดเห็นที่ 2 การตลาดล้วนๆ ไม่อยากลงทุนเอง เจียดเงินนิดหน่อย หมื่นนึง ที่หนึ่ง 5000 ที่สอง 3000 ที่สาม 2000 เงินที่เสียไป เอาไปเป็นต้นทุนเพื่อหักภาษี แทบไม่เสียเงินเลยสักนิด  ประโยชน์ที่ได้ ไม่ต้องจ้างช่างกล้องเรื่องมาก แถมได้ภาพเป็นร้อยๆเอาไปใช้ได้หลายโอกาส หลายปี และตลอดไป    ไม่คิดมากก็ส่งไป แต่ถ้าคิดมากก็ไม่ต้องส่ง  จะได้สบายใจ จากคุณ : เจ้าชายรองเท้าแตะ 655 เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 17:58:21

ความคิดเห็นที่ 3 ผมมองว่าเป็นการจัดสรรงบประมาณโฆษณามาจัดการประกวดเพื่อนำภาพไปใช้มากกว่าครับ แทนที่จะไปซื้อภาพจากช่างภาพมืออาชีพ หรือจ้างช่างภาพมืออาชีพเพื่อมาถ่ายภาพให้ เปลี่ยนมาเป็นจัดการประกวดดีกว่า ให้ช่างภาพทั้งมืออาชีพ ทั้งมือสมัครเล่นได้มีโอกาสพอๆ กัน มีให้เลือกมากมายในงบที่ควบคุมได้ (ตามรางวัลนั่นเอง) ผมมองว่าไม่เห็นเอาเปรียบแต่อย่างใด ถ้าคิดว่าเค้าเอาเปรียบก็เพียงไม่ต้องประกวดเท่านั้นเองครับ เค้าไม่ได้บังคับเราไปประกวดเนอะ ถ้าผมเป็นคนจัดประกวด แล้วจะเอาภาพไปใช้ ยังต้องมาขออนุญาตหรือมีค่าใช้จ่ายในการใช้ภาพนั้นอีก ผมก็คงไม่อยากจัดประกวด เพราะจ้างช่างภาพแล้วซื้อลิขสิทธิ์ขาดน่าจะควบคุมงบประมาณได้มากกว่า ใจเขาใจเราหน่ะครับ หวังว่าเจ้าของกระทู้จะเข้าใจประเด็นที่ผมพูดถึงครับ :) จากคุณ : ChocoNat เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 17:59:18 A:172.16.34.85 X:172.16.34.85, 202.149.101.68 TicketID:320427

ความคิดเห็นที่ 4 เอาเปรียบแน่นอนครับ อยากได้ภาพเค้า ก็จ่ายเงินให้เค้า จบ จากคุณ : ฮูยัน เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 18:03:00

ความคิดเห็นที่ 5 ไม่อยากให้ภาพเค้าก็ไม่ต้องประกวด จบ จากคุณ : ChocoNat เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 18:06:31 A:202.149.101.68 X: TicketID:320427

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าผมเป็นคนจัดประกวดน๊ะครับ ภาพในไม่ได้รางวัล จะคืนไฟล์ตามกำหนดเวลา ถ้าไม่เอาคืนก็จะทำลายทิ้ง ส่วนภาพที่ได้รางวัล จะเอาไปทำอะไรก็ว่ากัน ตานี้ถ้าอยากใช้ภาพเยอะ ๆ แบบว่าใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดไป ....ก็จัดรางวัลให้ทุกรางวัล ที่คิดว่าจะเอาไปใช้  ก็ให้เป็นรางวัลชมเชยกันไป จะเป็น 1000 - 3000 บาท ก็แล้วแต่งบประมาณ ถ้าทำอย่างนี้แล้ว  ทางผู้จัดก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าอยากได้ภาพไปใช้กี่ภาพ  ก็จัดรางวัลให้พอเหมาะกับ การที่ทางผู้จัดต้องการภาพ ผมว่าอย่างนี้แฟร์ดี  ทั้งผู้จัด และผู้ส่งประกวด เอาภาพใครเค้าไปใช้  ก็หมายความว่าเค้าได้รางวัลอะไรซักอย่าง ภาพไหนที่ไม่ได้รางวัล  อย่าเอาของเค้าไปใช้เลยครับ ความเห็นส่วนตัวของผมคนเดียวเท่านั้น จากคุณ : Supermop เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 18:12:18

ความคิดเห็นที่ 7 เขาก็บอกไปแล้วนิครับว่า เขาจะใช้รูปทั้งหมด ถ้าไม่ได้บอกแล้วเอาไปใช้อย่างนั้นน่าจะเป็นปัญหามากกว่า ถ้าเราไม่ยอมรับข้อตกลงก็ไม่ต้องส่งรูปก้ได้นิครับ ผมว่าอยู่ที่ความพึงพอใจทั้ง 2 ฝ่ายมากกว่า จากคุณ : c4dart (c4dart) เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 18:16:33

ความคิดเห็นที่ 8 อ่อ เข้าใจประเด็นเจ้าของกระทู้แล้วครับ :) แต่เืพื่อความไม่ยุ่งยาก และไม่ต้องติดตามหาเจ้าของภาพที่เค้าเกิดอยากใช้ขึ้นมา เค้าเลยสร้างกติกามาคลุมๆ แบบนี้ไว้่ก่อนมั้งครับ ก็ถือเป็นกติกานึงไป ส่วนตัวเห็นว่าแฟร์มั้ย อาจจะดูไม่ค่อยแฟร์ แต่ช่วยให้สะดวกและไม่เสียเวลาบริษัทละมั้งครับ จากคุณ : ChocoNat เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 18:20:38 A:172.16.34.85 X:172.16.34.85, 202.149.101.68 TicketID:320427

ความคิดเห็นที่ 9 เราเลือกได้ว่าจะยอมรับกติกาในการประกวดหรือไม่ถ้าไม่ยอมก็ไม่ต้องส่ง จากคุณ : Night Claw เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 18:26:00

ความคิดเห็นที่ 10 ผมว่านะครับภาพที่ไม่ได้รับรางวัลก็ไม่สมควรที่จะนำไปเป็นสิทธิ์ของตัวเองที่จะนำไปเอาไปทำอะไรก็ได้อ่ะ น่าจะนำแค่ภาพที่ทางผู้จัดไปใช้ประโยชน์อย่างเดียวอ่ะ อย่างงี้ทางผู้จัดก็สบายทุ่มเงินสักหน่อยสัก 30,000 ก็ได้ภาพสวยๆเป็นพันๆภาพที่นำไปใช้ต่อทำอะไรก็ได้ มันไม่แฟร์สำหรับช่างภาพที่เขาถ่ายรูปมาแล้วไม่ได้รับรางวัลอ่ะ จากคุณ : Acrossphoto เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 18:31:28

ความคิดเห็นที่ 11 เห็นใจคนรักการถ่ายภาพนะคะ เจอแบบนี้ บ.คิดมาได้ไง ^^ จากคุณ : อ่วมอรทัย เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 18:36:38

ความคิดเห็นที่ 12 เซ็งเป็ด ไมไม่ไปถ่ายเองฟะ จากคุณ : jubjeang2 เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 18:38:26

ความคิดเห็นที่ 13 "บริษัทฯ สามารถนำภาพทุกภาพไปแสดงในที่ต่างๆ และพิมพ์เผยแพร่ หรือแม้แต่ในสินค้า และบรรจุภัณฑ์ได้อย่างถูกต้อง โดยไม่ต้องขออนุญาต" ผมเลือกที่จะไม่ยอมรับ และไม่ส่งประกวดครับ ที่มาโพสท์ถามนี่แค่อยากจะมาฟังความเห็นของเพื่อนสมาชิกแต่ละท่านน่ะครับ ที่ทีเด็ดกว่านั้นคือ บอกว่าชิงรางวัลมูลค่ากว่าแสนบาท แต่ไม่ลงรายละเอียดว่า  มีกี่รางวัล อะไรบ้าง และแต่ละรางวัลจะได้เท่าไหร่ ปล่อยให้คนถ่ายภาพไปจินตนาการกันเอาเอง 5555...งามใส้แท้ ๆ จากคุณ : Supermop เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 18:59:19

ความคิดเห็นที่ 14 แต่ก่อนเวลาผมอ่านเงื่อนไขการประกวด ก็จะเขียนในลักษณะป้องกันความวุ่นวายที่จะเกิดกับตัวเองไว้ เขียนอะไรที่มันครอบจักรวาลเอาไว้   ผมก็คิดนะว่าไม่แฟร์  ประกอบกับไปถามพี่ๆที่เขาเป็นช่างภาพอาชีพ เขาก็ส่ายหัวแล้วก็พูดในลักษณะว่า ไม่มีความเชื่อถือกับการประกวดภาพ อย่าไปเสีบเวลากับการประกวดเลย แต่ปัจจุบันคิดไปคิดมา ผมว่าเฉพาะที่น้า SuperMop ยกมานะ ผมว่าแฟร์แล้ว ถามว่าแฟร์ตรงไหน เอารูปที่ไม่ได้รางวัลไปใช้ประโยชน์ >>> ความแฟร์มันอยู่ตรงนี้ครับ  ตรงเงื่อนไขที่เขาบอกเราไว้ก่อนแล้ว  >> เขาเป็นคนวางกฎและเป็นคนคุมกฎ จะว่าเขาไม่แฟร์ซะทีเดียวก็ไม่แฟร์สำหรับเขาเหมือนกัน ป.ล. อีกความเห็นนึงนะจ๊ะ  วันสุขแล้วอย่าซีเรียส จากคุณ : เจ้าชายรองเท้าแตะ 655 เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 19:01:59

ความคิดเห็นที่ 15 ...ก่อนส่งภาพประกวด ก็ต้องศึกษารายละเอียดให้ดีก่อน ข้อไหน รับได้ ก็ส่งเข้าประกวด รับไม่ได้ก็ไม่ส่งเข้าประกวด ความจริงเรื่องแบบนี้ เปลี่ยนแปลงยากครับ เพราะ เขานึกถึงแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง อีกอย่าง บ้านเราไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เท่าไรซะด้วย คิดแค่ตรูได้ประโยชน์พอ จากคุณ : แสบสันต์ หมายเลข 8 เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 19:02:44

ความคิดเห็นที่ 16 ก็ทั่นกรรมการในสมาคมตัดสินประกวดภาพถ่ายแห่งประเทศไทย เค้าเห็นว่าแบบนี้เป็นการส่งเสริมวงการถ่ายภาพกระมังครับ เพราะเห็นส่งคนไปเป็นกรรมการตัดสินให้อยู่เรื่อยๆ จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 19:05:45

ความคิดเห็นที่ 17 ลองค้นกระทู้เก่าๆ ดูได้ครับ กระทู้ไหน ที่มีกติกาการประกวดแบบนี้และเอามาโพสท์ที่ในพันทิป ผมฟาดกระจุยกระจายแบบไม่เกรงใจสุดๆ เพราะการประกวดแบบนี้ เป็นการทำลายความเจริญเติบโตของวงการถ่ายภาพอย่างรุนแรงที่สุด ผู้จัดการประกวด ไม่ได้เสียอะไรเลย มีแต่ได้ ได้ ได้ และ ได้ ได้ภาพที่จะเอาไปทำโฆษณา ได้ลดภาษีที่จะต้องเสีย ได้ลดค่าสำรวจการตลาด ได้โฆษณาบริษัทว่ามีจิตใจเพื่อสังคม ทั้งที่ทำตัวเป็นหมาป่าอารีต่อลูกแกะ ได้ลูกค้า ที่ --ขออภัย-- โง่อิ๊บอ๋าย ไม่รู้เท่าทันเล่ห์กระเท่ของบริษัท ได้ลูกค้า ที่โดนมัดติด มี brand loyalty เพิ่มขึ้นจำนวนมาก ค่าจ้างช่างภาพมืออาชีพ ถ่ายทำโฆษณา .. ครั้งหนึ่งๆ มันมากกว่าค่ารางวัล "ประกวดถ่ายภาพ" + ค่าตอบแทนคณะกรรมการ มากมายหลายเท่า แค่โยน"เศษเงิน"เล็กๆน้อยๆ ออกไปสู่สังคมคนถ่ายภาพมือสมัครเล่น แล้่วก้อรอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จำนวนมหาศาล ... ... บนซากศพของช่างภาพมืออาชีพ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 19:18:28

ความคิดเห็นที่ 18 "เอารูปที่ไม่ได้รางวัลไปใช้ประโยชน์" >>>นี่แหละคือความไม่ยุติธรรม ไม่ใช่ว่ามันยุติธรรม ที่เขาบอกเอาไว้ก่อน ที่เขาบอกไว้ก่อนเพราะ ถ้าโดนฟ้อง จะเสียเปรียบ รูปที่ไม่ได้รับรางวัลอะไร ก็ควรตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของที่ถ่ายภาพไป ไม่ควรเป็นกรรมสิทธิ์ของบ.ที่จัดประกวด จากคุณ : araregodji เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 19:27:59

ความคิดเห็นที่ 19 เค้าไม่ได้บังคับท่านส่งประกวด แต่ท่านไปบังคับเค้าเปลี่ยนกฏเพื่อจะส่งประกวด ตกลงใครไม่ยุติธรรม  กันแน่ จากคุณ : virust เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 19:43:36

ความคิดเห็นที่ 20 วันนี้เห็นด้วยกับน้าแมว สุดๆ จากคุณ : ผมเป็นภูมิคุ้มกันอาหมวยบกพร่อง เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 19:51:40

ความคิดเห็นที่ 21 บริษัทไม่ส่งแผ่น CD/DVD-ROM คืน ยังพอรับได้.. แต่การที่จะเอาไฟล์ภาพทุกภาพที่ส่งเข้าประกวด ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทฯ และบริษัทฯ สามารถนำภาพทุกภาพไปแสดงในที่ต่างๆ และพิมพ์เผยแพร่ หรือแม้แต่ในสินค้า และบรรจุภัณฑ์ได้อย่างถูกต้อง โดยไม่ต้องขออนุญาต และไม่ต้องจ่ายค่าตอบแทนแก่เจ้าของภาพ ... ตรงนี้...ผมรับไม่ได้ครับ.... อ้าว !! อย่างนี้เท่ากับว่า.. ส่งรูปไปประกวด ก็ต้องโอนกรรมสิทธิ์การครอบครองไปให้พร้อมด้วยเลยหรือครับ.. บริษัทจะเอาไปปู้ยี่ปู้ยำ ขืนใจทำอะไรก็ได้...เราเป็นเจ้าของรูปแท้ๆ เป็นผู้ผลิตผลงานขึ้นมา แต่กลับไม่มีสิทธิ์ที่จะไปทักท้วง ทำอะไรได้เลย... .. ทำนาบนหลังคน... ชัดๆ ประเด็นต่อมาก็คิอ เมื่อกรรมสิทธิ์ถูกโอนให้บริษัทไปแล้ว..บริษัทฯ นำภาพไปแสดงในที่ต่างๆ และพิมพ์เผยแพร่ หรือแม้แต่ในสินค้า และบรรจุภัณฑ์ การที่เราเป็นเจ้าของรูปจะเอารูปชุดนี้ไปจำหน่ายหรือเอาไปใช้ต่อ จะโดนบริษัทฟ้องร้องกลับไหม.. ???? ....ได้มาม่า เรื่องยาวเลยครับ...!! จากคุณ : ลุงนกใจดี เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 19:58:51

ความคิดเห็นที่ 22 ถ้าชนะสักครั้งนะ คุยได้เป็นปี เหอะๆ จากคุณ : มอญไม่กินกุ้ง เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 19:59:38

ความคิดเห็นที่ 23 ยุติธรรมที่สุดคือ ไม่สามารถนำรูปภาพของผู้ที่ไม่ได้รับรางวัล ไปใช้ต่อไม่ว่าจะกรณีใดๆทั้งสิ้น อย่างนี้ผมว่าแฟร์ดีครับ แต่ขืนยังใช้กติกาแบบนี้ก็ไม่ต้องลงประกวดไปเลยจะดีกว่าครับ หรือถ้าจะนำภาพไปใช้ ก็ให้เครดิตร   ถือเป็นการให้เกียรติ เจ้าของภาพแค่นี้ผมว่าคนถ่ายหรือเจ้าของภาพจะมีความรู้สึกดีกว่าครับ ผมว่าดีกว่าเอาของเขามาเฉยๆ อันนี้ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ จากคุณ : tvd2005 เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 20:04:06

ความคิดเห็นที่ 24 ถ้าเจอกฏแบบนี้เราก็ไม่ส่งประกวดอ่ะ จากคุณ : kaku เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 20:06:11

ความคิดเห็นที่ 25 คงเป็นเรื่องตลกดีนะ .. ถ้ารูปเราไม่ชนะการประกวด ..เราเอารูปไปจำหน่ายหรือใช้ต่อ บริษัทที่เราส่งรูปเข้าประกวด กลับมาฟ้องร้องดำเนินคดีกับเรา .. หากโดนเข้ากับตัวเอง....คงขำไม่ออกแน่ๆ.. จากคุณ : ลุงนกใจดี เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 20:14:16

ความคิดเห็นที่ 26 โหวตให้แล้วน่ะครับ จากคุณ : กำนันเชียร เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 21:01:56

ความคิดเห็นที่ 27 ผมไม่ค่อยส่ง ก็เพราะกติกาแบบนี้นี่หละครับ ภาพทุกภาพที่ส่งเ้ข้าประกวด ตกเป็นของกองประกวดอ่ะ จากคุณ : tamrong เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 21:30:48

ความคิดเห็นที่ 28 เห็นด้วยกับน้าครับว่ากฎนี้ไม่แฟร์แน่นอน   เค้าควรจะเอาภาพที่ได้รับรางวัลเท่านั้นไปใช้หาประโยขน์ได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าตอบแทนแบบนี้พอรับได้ครับ   และกรรมสิทธิ์หรือลิขสิทธิ์ใดๆน่าจะยังคงเป็นของเจ้าของภาพอยู่ไม่ใช่ของบริษ้ทที่จัดประกวด  พูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือเค้ามีสิทธินำภาพไปใช้โดยไม่ต้องเสียค่าตอบแทนแต่ไม่ใช่เจ้าของภาพครับ   ถ้าว่ากันตามกฎหมายผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าไอ้กฎเฮงซวยที่ว่านี่มันจะขัดกับประมวลกฎหมายแพ่งและพานิชย์ซึ่งเป็นกม.หลักหรือไม่  ถ้าขัดกับกม.หลักก็อาจจะทำให้สัญญาที่ว่าไม่สามารถบังคับใช้ได้ตามกม.ก้ได้ครับ   แล้วยิ่งภาพที่ไม่ได้รับราววัลใดๆยังจะมาเอาของเค้าเป็นกรรมสิทธิ์อีกอันนี้ยิ่งรับไม่ได้เข้าไปใหญ่ไม่ว่าจะมองในแง่มุมไหนก็ตาม ....................ผมเองก็อยากจะเห็นความเปลี่ยนแปลงอันนี้อยู่เหมือนกันไม่รู้ว่ากองประกวดไปลอกกฎเฮงซวยอันนี้มาจากไหนเหมือนกันเป๊ะๆเลยทุกที่  ตอนนี้ที่พวกเราที่ไม่เห็นด้วยจะทำได้คือช่วยกันแอนตี้โดยการไม่ส่งภาพเข้าประกวด และแสดงความเห็นคัดค้านภฎเหล่านี้ในทุกๆที่ในทุกๆทางที่เราสามารถจะทำได้ให้มากที่สุด หรือไม่อีกทางนึงก็ก้มหน้าก้มตายอมรับกฎอันไม่เป็นธรรมแบบนี้ต่อไปโดยดุษฎีก็แล้วกัน แก้ไขเมื่อ 10 มิ.ย. 54 21:33:22 จากคุณ : ตากล้องหนุ่ม เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 21:31:35

ความคิดเห็นที่ 29 ผมไม่เคยคิดจะส่งภาพประกวดเลย อาจเพราะฝีมือห่วย ๆของผม ภาพถ่ายที่ได้ก็กาก ๆ ถ่ายเพราะชอบ เพื่อเก็บความประทับใจ เป็นงานอดิเรก ถ่ายแล้วเก็บไว้ดู เอามาโพสให้ชมกันขำ ๆ หรืออัดแจกญาติพี่น้องเพื่อนฝูง สบายใจดี แต่ผมไม่ได้แอนตี้การประกวดนะครับ การประกวดก็เป็นการพัฒนาฝีมือ สร้างชื่อเสียง และต่อยอดการทำอาชีพด้านการถ่ายภาพได้ เพียงแต่มันไม่ใช่จริตผม ก็เท่านั้น จากคุณ : raksapondet เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 21:43:32

ความคิดเห็นที่ 30 สมมุติว่าเปลี่ยนเป็นจัดประกวดแต่งเพลง แล้วใช้กติกาแบบเดียวกันนี้ ค่ายเพลงได้เพลงฟรีไปใช้หลายอัลบั้มเลย จากคุณ : Parinya_bank เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 22:14:57

ความคิดเห็นที่ 31 งั้นถ้าผมส่งประกวด...ได้รางวัล...แล้วเอารูปมาโพสในเวป...จะโดนฟ้องหรือป่าว จากคุณ : BOHEMIAN เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 22:27:46

ความคิดเห็นที่ 32 ขอเพิ่มอีกหนึ่งเสียง..ที่รู้สึกว่ากติกานี้ไม่แฟร์.. จากคุณ : ป๊าตัว art (แม่ยู้-ลูกหมูนะโม) เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 22:29:51

ความคิดเห็นที่ 33 มีในเกือบทุกวงการที่มีการจัดประกวดได้ครับ ดีที่สุดคือ อ่านกติกาเรื่องลิขสิทธิ์ให้ดี  ถ้าเอาเปรียบก็อย่าส่งเข้าประกวด นายทุนจัดกิจกรรมเอาเปรียบบ่อยๆ สุดท้ายคนที่ทำงานในสายวิชาชีพนั้นๆนั่นแหล่ะครับ ที่จะตาย ปล. เคยส่งประกวดอยู่ทีนึง ตักสินแล้ว ผมไม่ได้รางวัลอะไร  แต่จะผู้จัดติดต่อมาขอไฟล์ภาพ  สั่งให้ไรท์ไปส่งที่บริษัทที่จัดประกวดอีกต่างหาก เหอะ....  อะไรจะขนาดนั้น... จากคุณ : akeis เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 22:31:45

ความคิดเห็นที่ 34 เค้าออกกฏมาชัดเจนดีครับ ใครไม่พอใจ ก็ไม่ต้องส่งประกวด ก็ถูกต้องครับ แล้วถามว่าบริษัทที่ออกกฏนี้มา หัวหมอไหม? ตั้งรางวัลนิดเดียว เพื่อโกยภาพจำนวนมากมาใช้ ยังไม่ใช้ก็สต็อคไว้ ถ้าคนถ่ายเอาไปใช้ โดนฟ้องอีกต่างหาก เมื่อตั้งประกวดถ่ายภาพ สมมุติมี 5 รางวัล ก็เลือกจากตรงนั้นไปใช้สิครับ เป็นภาพที่คุณคัดมาว่าสุดยอดแล้ว คนได้รางวัลก็ยอมให้เอาไปใช้อยู่แล้ว ภาพไม่ได้รางวัลจะเอาไปทำอะไร ถ้าจะใช้ก็บอกคนถ่ายสิครับ รูปนึงกี่ตังค์กัน บอกตรงๆเผลอๆเค้ายอมให้เอาไปใช้ฟรีๆด้วย ตราบใดที่ยังมีกฏหัวหมอ โกยประโยชน์เข้าตัวเองแบบนี้ ผมจะแอนตี้ ไม่ยอมส่งเข้าประกวด จากคุณ : เขียนบน iPhone (ภูเขา ทะเล และฉัน) เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 22:34:10

ความคิดเห็นที่ 35 ขอแอบมองในมุมคนถ่ายภาพนิดนึงนะครับ (ตัดเรื่องกฎออกไป)  ที่จริงทุกการประกวดมันมีหัวข้อ นั้นก็คือมี "โจทย์" เกิดขึ้นก่อน >> เมื่อมีโจทย์เกิดขึ้นแล้ว ผู้ร่วมประกวดจึงไปถ่ายตามโจทย์ >> แล้วส่งมาประกวด    ดังนั้นถ้ามองในแง่ของการพัฒนา ผมว่ามันตรงประเด็นเลย เวลาเราจะประกวดใหม่เราก็ต้องถ่ายใหม่ << นี่ล่ะจะทำให้เราพัฒนา  ไม่ใช่เอารูปเก่ามาส่งซ้ำงานใหม่(จริงๆกติกาไม่ให้ส่งรูปที่เคยส่งแล้วก็มีเยอะ แต่ที่เคยหลุดเป็นกระทู้ดังก็มีมาแล้วเพราะคนส่งหัวหมอว่าคนละช็อต) แต่ถ้าเป็นว่า รูปที่ส่งไปฉันไม่ได้เอาไปส่งประกวด แต่ฉันเอาไปใช้งานอย่างอื่น ก็ว่ากันไปนะครับ คนละประเด็นกันเด้อพี่น้อง ป.ล. ข้าพเจ้ามิได้กวนนะจ๊ะ เพียงแต่เสนอความเห็นหลายๆมุม จากคุณ : เจ้าชายรองเท้าแตะ 655 เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 23:15:50

ความคิดเห็นที่ 36 พวกที่ชอบโวยวาย ^ ^ ^ ^ ใครบังคับให้คุณไปประกวดละครับ !!!!!!!!!!!!!!!! ไม่พอใจไม่ต้องส่งไป ก็เท่านั้น คิดอะไรที่มันไม่เอาแต่ได้มั่ง จัดประกวด ประชาสัมพันธ์ มันก็ต้องลงทุนเหมือนกัน ไหนจะจ้างกรรมการมาตัดสิน ทุกกระบวนการมันคือ Cost ทั้งนั้น ความคุ้ม ผลประโยชน์ ธุรกิจ หลายๆคนก็น่าจะรู้ แล้วจะไปด่าเค้าหาสวรรค์วิมานอะไรครับ ???? ถ้าเค้ามาบังคับให้ไปส่ง ก็ว่าไปอย่าง คุณชนะ แล้วยิ่งชนะบ่อยๆ สิ่งเหล่านี้มันก็เป็น reference คุณได้ คุณเอาไปหาประโยชน์ต่อได้อีก ถึงวันนั้น ขอถามหน่อย คุณจะมาสำเหนียกบุญคุณกองจัดการประกวดในอดีตไหมครับ !!?? ตลกสิ้นดี ถ้ามั่นใจในฝีมือตัวเอง คิดว่างานตัวเองต้องได้อะไรมาบ้าง แต่กลัวแพ้ ก็ไม่ต้องส่ง มั่นใจในฝีมือ อยากสร้างโอกาสให้กับตัวเอง ก็ส่ง ! มันก็เท่านั้น ที่เมืองนอก หลายๆที่จะส่งงานต้องเสียค่า Entry Fee ด้วยซ้ำ ไม่ใช่อยากส่งก็ส่ง กติกาเค้าก็ระบุมาแล้ว ใช่ว่ามาตุกติกภายหลัง จะมาบ่นหากระบวยอะไรกัน การประกวด พวกที่เป็นมือประกวดจริงๆ มันไม่มานั่งบ้าบออะไรกะเรื่องพวกนี้ สิ่งที่ได้มากกว่าตัวเงินมันคือการได้ร่วมสนุก ร่วมคิดตามโจทย์ ได้อะไรอีกเยอะ ถ้าจะมาง๊องแง๊งกะไอ้เรื่องแค่นี้ นอนอยู่บ้าน ไม่ก็ ถ่ายแล้วเอามาให้ที่นี่อวยกัน มันก็เท่านั้น จากคุณ : ... เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 00:10:10 A:58.8.6.24 X: TicketID:311826

ความคิดเห็นที่ 37 แถมอีก หลายคนก็รู้อยู่แล้วว่าเค้าอยากได้ภาพไปใช้ แถมยังอยากจะให้มาบอกอีก แต่ไม่ใช่เค้าบอกไปแล้วเหรอ ว่าภาพทุกภาพเค้ามีสิทธิ์จะเอาไปใช้? ทีนี้อยากจะหัวเราะดังๆ กะความคิดแมว ไม่ได้อคติอะไรนะ แค่เห็นที่พูดมาก็สังเวชแล้ว ประโยคที่พูดมาว่า "เพราะการประกวดแบบนี้ เป็นการทำลายความเจริญเติบโตของวงการถ่ายภาพอย่างรุนแรงที่สุด" คุณรู้จักวงการประกวดภาพดีแค่ไหน หรือรู้แต่แบบประกวดแบบกะโหลกกะลา? เคยส่งหรือเปล่า? หรือเอาดีแต่ด่าว่าชาวบ้านแบบความคิดแมวๆ คิดเองเออเอง? แล้วยกตัวอย่างไปเทียบกับรายได้ช่างภาพมืออาชีพ ถ่ายทำโฆษณา ??? คุณจะเอาให้มันได้ rate ขนาดนั้นเหรอ ? ถ้าผมเป็นผู้จัด ผมก็ไปจ้างมืออาชีพสิ จะมาเฟ้นหาเพชร (หรือเปล่าก็ไม่รู้) ในตมทำไม รู้ก็รู้ว่าเค้าอยากจะประหยัดงบ เก็บเกี่ยวผลประโยชน์มหาศาลจากช่างภาพมืออาชีพ 55555 ถ้ามั่นใจว่ามืออาชีพจริงก็ส่งให้ชนะสิ สมมุติได้ที่หนึ่ง รับเงินแสนนึง สองแสน สามแสน ขอถามหน่อย ปกติมีปัญญาขายภาพตัวเองได้เงินเท่านั้นหรือเปล่า??? คนที่ได้ก็ได้ผลประโยชน์มหาศาลเหมือนกัน ส่วนคนที่ไม่ได้ มันก็เป็นฐานให้เค้าใช้ ถ้าเป็นในทางธุรกิจ มันก็ยิ่งต้องยอมรับ แล้วที่สำคัญ " ไม่มีใครมาบังคับให้คุณส่ง " จากคุณ : ... เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 00:27:27 A:58.8.6.24 X: TicketID:311826

ความคิดเห็นที่ 38 อยากส่ง อยากได้รางวัล อยากได้เงิน อยากนู่นอยากนี่ พอไม่ได้ คนอื่นก็จงอย่าได้ องค์กรที่จัดการกุศลประเภทที่ว่าอยากให้ช่างภาพมีเงิน มีบันใด ไต่เต้า คงต้องไปหาตามโรงเรียน ไม่ก็ชมรมถ่ายภาพมหาลัยจัดประกวดแล้วหล่ะครับ มันไม่มีธุรกิจไหนจะมาทำอะไรให้คุณโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน สิ่งที่ด่า สิ่งที่ไปว่าเ้ค้าน่ะ แปลว่าคุณอยากจะเอาอย่างเดียว แต่ไม่รู้จักให้ ขอแนะนำครับ ถ้าคิดได้แค่นี้ คุณไม่ต้องส่งหรอกครับ คนอื่นเค้าพร้อมจะส่งเยอะแยะ มั่นใจในฝีมือตัวเอง อยากได้เงินเยอะก็ผันตัวไปเป็นช่างภาพโฆษณามืออาชีพอย่างที่แมวฯมันบอก เป็นได้ง่ายๆ แล้วมาบอกพวกเราด้วยนะครับ จากคุณ : ... เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 00:37:05 A:58.8.6.24 X: TicketID:311826

ความคิดเห็นที่ 39 สงสัยจะยาว แฮะ จากคุณ : long call เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 00:44:24

ความคิดเห็นที่ 40 ิอย่าส่งประกวดดีที่สุด ดัดหลังพวกไม่ลงทุนซะบ้าง ไปซื้อเอาตาม Shutter stock, istock อะไรพวกนั้น สบายใจกว่านะคุณ จัดงานให้เค้าด่า เดี๋ยวนี้เค้ารู้ทันพวกนี้หมดแล้ว จากคุณ : หัวใจในลังกระดาษ เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 00:47:24

ความคิดเห็นที่ 41 มีบ้างคนเข้าใจผิดนะ ภาพที่ส่งประกวดเค้าสามารถนำไปใช้ได้ ก็เหมือนกับได้ไฟล์ที่ทำซ้ำจากเราไป ส่วนเราเองก็ยังจะมีสิทธิ์ใช้รูปนั้นได้เช่นกันในฐานะผู้ถ่าย เราไม่ได้เซ็นสัญญามอบสิทธิ์ภาพนั้นๆไป จากคุณ : นััันท์์์ (นิธิศนันท์) เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 00:47:42

ความคิดเห็นที่ 42 หึหึ อยากจะโพสอะไร ก็ log in มาโพสให้มันแมนๆหน่อย คนที่มาเถียง เค้าก็ log in มาแสดงตัว กล้ายอมรับที่จะแตกต่าง แต่ถ้าคุณจะบอกว่าคุณไม่มี log in เอาเป็นว่าผมจะเชื่อคุณก็ได้ แต่อะไรเป็นอะไร คุณรู้อยู่แก่ใจดี คุณมาเดือดร้อนอะไรครับ เป็นบริษัทเหรอ จะบอกว่าจัดประกวดมันมีต้นทุนใช่ไหม ถามจริงๆเหอะ คุณจัดประกวดมาเพื่อพัฒนาวงการถ่ายภาพจริงเหรอ หรือว่าจัดเพื่อจุดประสงค์อื่น ผมรู้นะครับว่าการที่บริษัทจะทำอะไรซักอย่าง เค้าคำนวนมาหมดแล้วว่าประโยชน์ที่ได้มากกว่าต้นทุนที่เสีย ถ้าจะบริจาค ทำห้องสมุด จัดกิจกรรมการกุศล มันคือการทำเพื่อ PR บริษัทของคุณเอง โฆษณาบริษัทของคุณ ไอ้ที่บอกว่าเพื่อพัฒนาสังคม พัฒนาวงการถ่ายรูปอะ มันก็คือการบอกกลายๆว่าบริษัทคุณดีอย่างงั้น หวังดีต่อสังคมอย่างงี้ ถ้าไม่หวังอย่างอื่นจริง จัดเงียบๆมาบอกในเวปกล้องพอ ไม่ต้องเรียกสื่อ หนังสือพิมพ์มาทำข่าว ไม่ต้องบอกว่าบริษัทชื่อ...เป็นผู้สนับสนุน ไม่ต้องแอบโฆษณา โอเคมะ "รู้ก็รู้ว่าเค้าอยากจะประหยัดงบ เก็บเกี่ยวผลประโยชน์มหาศาลจากช่างภาพมืออาชีพ 55555 ถ้ามั่นใจว่ามืออาชีพจริงก็ส่งให้ชนะสิ" เมื่อรู้ว่าเค้าเอาเปรียบ จะส่งไปให้เข้าทางเขาทำไม? โง่หรือเปล่า? ผมว่ามันติงต๊องที่เรารู้ว่าไม่มีประโยชน์ แต่มีคนมายั่วยุเรา แล้วเราต้องไปเต้น ไปบ้าจี้พยายามเอาชนะมัน แล้วถามว่าการประกวดครั้งนึง ถ้ามีโปรส่งให้คุณมากกว่า 500 ภาพ ทุกภาพสวยระดับที่จะชนะได้ แต่รางวัลคุณมีแค่ 10 รางวัล คุณจะเพิ่มรางวัลปลอบใจให้ภาพเหล่านี้ไหม? คำตอบคือ "ไม่" ใช่ไหม แล้วคุณยังจะเอาภาพระดับโปร 500 ภาพนี้ไปใช้ไหม? หึหึ บ่นมาซะเยอะ ผมรู้ครับว่าบริษัทพวกคุณออกกฏมาป้องกันตัวเองไว้ดี ฝ่ายกฏหมายคุณรู้ดีกว่าชาวบ้านตาดำๆอย่างผม ไม่ต้องห่วง อย่างที่บอก ผมไม่ร่วมงานประกวดที่มีกฏหัวหมออยู่แล้ว ถ้าวันนึงผมถ่ายได้ระดับโปร มั่นใจว่ามีฝีมือพอที่จะได้รางวัล ผมก็ไม่ส่งอยู่ดี โอเคนะครับ จากคุณ : ภูเขา ทะเล และฉัน เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 00:53:20

ความคิดเห็นที่ 43 คห. 36-38 อาจจะดูแรง แต่ผมเห็นด้วยแฮะ จากคุณ : c4dart (c4dart) เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 00:54:41

ความคิดเห็นที่ 44 เนาะ ไอ้ตัวที่ถอดล๊อกอินมาตอบอ่ะ กัวอะไรหว่า หรือกลัวว่าจะปลอมตัวมาเป็นหลาย ๆ คนตอบกระทู้ไมได้ ??? จากคุณ : ชื่ออะไร เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 00:59:34

ความคิดเห็นที่ 45 ไม่ได้บอกว่า "เมื่อลงทุนแล้ว จะมีผลประโยชน์บ้างไม่ได้เหรอ" ขอตอบว่ามีได้ครับ แต่อย่าให้มันมากจนเรียกว่า "เอารัดเอาเปรียบ" กัน มันไม่ใช่คนๆเดียวที่รู้สึกว่าเอาเปรียบกันมากเกินไป แต่หลายคนที่มีความเห็นตรงกัน จากคุณ : ภูเขา ทะเล และฉัน เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 01:01:22

ความคิดเห็นที่ 46 ขอแสดงความเห็นเป็นเรื่องๆนะครับ เรื่องกติกา ผมว่าแฟร์นะ เพราะเค้าก็บอกกติกาก่อนแล้ว ถ้าบอกว่าจะขออนุญาตก่อนนำไปใช้ แล้วไม่ทำ อันนี้ถึงจะไม่แฟร์ เรากำลังจะส่งภาพเพื่อประกวดเอาเงินรางวัลของเค้านะครัับ ก็ต้องยอมรับกติกาเค้าได้ เรื่องกติกาเอาเปรียบ อันนี้เห็นด้วยครับ ก็เลือกไม่ส่งภาพกับการประกวดทีีกติกาไม่เข้าท่า บ่อยๆเข้า พวกนี้เห็นว่าไม่ได้ภาพอย่างที่ต้องการ ก็คงเลิกไปเอง แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 54 01:38:43 จากคุณ : PaeZ เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 01:19:54

ความคิดเห็นที่ 47 อยากได้รูปเค้าไปใช้ ให้เงินรางวัลมันก็โอเค อันนี้เงินก็ไม่ให้ ยังดันทุรังอยากเอาไปใช้ซะนี่ มันก็ถูกครับ ที่บอกว่าไม่ได้ถูกบังคับให้ประกวด แค่อยากจะบอกว่า จะทำอะไรหัดทำให้มันแฟร์ ๆ หน่อย อยากได้รูปเป็นร้อยเป็นพันไปใช้ ดันควักตังค์แค่ห้าพัน หมื่นเดียว จากคุณ : Yube เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 01:32:52

ความคิดเห็นที่ 48 ขอเสริม... เรื่องกติกาแบบนี้ผิด/ไม่ผิดหรือไม่ ผมไม่ทราบ  อาจจะต้องให้ผู้เชี่ยวชาญด้านลิขสิทธิ์ มาดูอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ผมว่าถ้าไม่อยากให้เจอกติกาแบบนี้อืก  ทุก ๆ ก็ต้องช่วยกันงดส่งงานเข้าประกวด ร่วมกันรณรงค์อย่างจริง ๆ จัง ๆ ถ้าทำได้ เดี๋ยวเค้าก็แก้กติกาเอง (แต่ดู ๆ แล้ว ก็คงยาก) จากคุณ : Yube เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 01:43:18

ความคิดเห็นที่ 49 36-37-38 ป๊อดมาก ความเห็นอคติสุดๆ อยากด่าเเมวก็บอก ปล.เห็นด้วยกับน้าแมวสุดๆ อ่านกติกาแล้วไม่เคยคิดจะส่งเลย สบายใจ ~ จากคุณ : priwhan เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 02:00:16

ความคิดเห็นที่ 50 จิงๆๆ แต่ละฝ่ายก้มีเหตุผลกันทั้งนั้น ครับ  ^^  เข้ามารับฟังไว้เป้นขอมูลครับ จากคุณ : tsugunaga เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 02:54:53

ความคิดเห็นที่ 51 กฎหมายลิขสิทธิ์ยังอ่อนด้อย กติกาอย่างนี้มันไม่แฟร์เห็นๆ  หากินเอาเปรียบบนความฝันของคนอื่น มันก็แน่ล่ะครับ "ก็อ่านกติกาเขาแล้วนี่ ไม่อยากให้เขาใช้รูปก็อย่าส่ง"  มันก็จริงครับ แต่มือสมัครเล่นหลายๆคน เขาก็มีความฝัน และไม่คิดอะไรตรงนี้ แต่คุณลองมองด้วยใจที่เป็นธรรม สมควรแล้วหรือที่จะให้เขากวาดทุกภาพเป็นลิขสิทธิ์ของเขา  คล้ายๆวงการเพลงค่ายเทปสมัยก่อน สุดท้ายเขาก็ต่อสู้ให้ได้มาซึ่งลิขสิทธิ์ของผู้แต่งเพลง คล้ายๆกันครับ คนที่เจริญแล้วเขาต้องคิดได้ ผลประโยชน์มันแบ่งสรรได้ครับ เล็กๆน้อยๆ พอเป็นน้ำใจก็ไม่น่าเกลียด  ไม่ใช่นั่งอมยิ้มตีขิม นี่มันกฎของกรู จากคุณ : ต้านชิง เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 02:56:02

ความคิดเห็นที่ 52 โห...ได้อ่าน - ฟังแนวความคิดของทุก ๆ ท่านแล้วรู้สึกว่า หลากหลายดีครับ...เสียดายเดือนนี้กีฟหมด ไปซะตั้งแต่ยังไม่ต้นเดือนเลยให้ใครไม่ได้ อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ผมคิดว่าประมาณนี้น๊ะครับ กติกา เค้าตั้งมาชัดเจนแล้ว ก็ถือว่าแฟร์ดี ใครอยากส่งก็ส่ง ใครไม่ชอบก็ไม่ต้องส่ง.......นี่ผมก็เห็นด้วยครับ แต่เรื่องภาพที่ไม่ได้รางวัล แล้วเอาภาพเค้าไปใช้นี่ซิครับ  "บริษัทฯ สามารถนำภาพทุกภาพไปแสดงในที่ต่างๆ และพิมพ์เผยแพร่ หรือแม้แต่ในสินค้า และบรรจุภัณฑ์ได้อย่างถูกต้อง โดยไม่ต้องขออนุญาต และไม่ต้องจ่ายค่าตอบแทนแก่เจ้าของภาพ"............อย่างนี้ส่วนตัวผม รับไม่ได้ครับ ก็เลยไม่เคยส่งประกวดภาพ ที่ออกกฏแบบนี้เลย มีกองประกวดของเครือบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย นี่สุดยอดเลยครับ ภาพที่ได้รางวัลทุกรางวัล ทางบริษัทฯ สามารถใช้ได้ ...ส่วนภาพที่ไม่ได้รางวัล บริษัทจะคืนภาพให้ตามกำหนดเวลา  ถ้าไม่เอามาจะทำลายทิ้ง......นี่ยกตัวอย่างให้ฟังเฉย ๆ มิได้เอาไปเปรียบเทียบกับกองประกวดแบบอื่น.......ให้เห็นว่า  บริษัทที่คิดแบบนี้ก็มีครับ จากคุณ : Supermop เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 05:09:38

ความคิดเห็นที่ 53 34..42..ของน้าภูเขา ทะเล และฉัน  +  ลุงนกใจดี...นี่จี๊ดโดนใจมากครับ 33...เจอแบบน้าakeis นี่เซ็งโคตร ไม่ได้รางวัล ไม่ว่า แม่นสั่งให้ไรท์ภาพส่งให้มันอีก 28 ตากล้องหนุ่ม ...เห็นด้วยกับน้าหนุ่มฯ  ส่วนตัวผมเรียกกฏแบบนี้ว่า กติอัปยศ ครับ 555 19...ของน้าvirust  พูดมาก็ถูกครับ ....แต่ที่ผมมาถามเพื่อนสมาชิกนี่ก็อย่างที่บอกแหล่ะครับว่า "เมื่อไหร่เรื่องแบบนี้จะหมดไปจากวงการถ่ายภาพซะที ?"   .......ส่วนกองประกวดมหาเฮีย ที่เค้าตั้งกฏแบบนี้ก็เรื่องของเค้า มิได้จะไปบังคับเปลี่ยนกฏเค้าหร๊อก 14...เจ้าชายรองเท้าแตะ 655 ...ผมเห็นด้วยครับ ว่าแฟร์ตรงที่เค้าแจ้งรายละเอียดให้กับผู้ที่ส่งเข้าประกวดแล้วเหมือนกันครับ น้าแมวฯ นี่แจ๋วจริง ๆ มีแฟนคลับ + แฟนพันธ์แท้ ด้วยอ่ะ 5555 ค่อย ๆ คุยกันด้วยเหตุและผลครับ  ระวังเลือดลมพลุ่งพล่าน ลมปราณแตกกระเจิง  คิดว่าคุยกันเพื่อการต่อยอดทางแนวคิดละกันครับ จากคุณ : Supermop เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 05:39:57

ความคิดเห็นที่ 54 บริษัทเอาไปใช้เฉพาะรูปที่ได้รางวัลก็พอครับ..... ถ้าทุกรูปเนี่ยเอาเปรียบ จากคุณ : obewen เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 06:26:38

ความคิดเห็นที่ 55 ถ้างั้นเราจะมีกฏหมายลิขสิทธิ์ไว้เพื่ออะไรครับ ถ้าเราส่งรูปเข้าประกวดแล้วแสดงว่าเราจะต้องสูญเสียความเป็นเจ้าของโดยชอบธรรม จากคุณ : แมวเหมียวปากมอม เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 06:53:25

ความคิดเห็นที่ 56 คุณ ... น่ะ คุกรุ่นมาแต่ไกลเลยนะคะ  มาถึงขึ้น "มัน" กันเลย แต่แมนๆหน่อยสิคะ หรือล็อกอินของคุณคือ ... จริงๆ ส่วนเรื่องกติกาการประกวด เราเห็นว่าเป็นกติกาที่เอาเปรียบ เอาแต่ได้อย่างน่าเกลียด   และเราก็ว่าถ้ากติกาเป็นอย่างนี้ โดยส่วนตัวเราไม่ส่งประกวดดีกว่า หรือถ้าส่ง ... ก็ต้องยอมรับกติกาของผู้จัด จากคุณ : Rao-eng เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 07:09:32

ความคิดเห็นที่ 57 ถ้าเขาแจ้งเงื่อนใขให้เราเห็นอย่างชัดเจนก่อน ผมไม่ซีเรียสนะ เพราะมันอยู่ที่เรา ที่จะอยากส่งภาพหรือไม่ แต่ถ้ามาเจอเงื่อนใขนี้ทีหลัง อันนี้ มีปัญหาครับ จากคุณ : E22QV เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 08:32:45

ความคิดเห็นที่ 58 ทำไมไม่ใส่ log in ?????? จากคุณ : colorful & blue sky เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 08:33:59

ความคิดเห็นที่ 59 หลายท่านบอกว่าถ้าไม่อยากให้รูปเป็นของเขา ก็อย่าส่งวเข้าประกวดซิ ใช่ ค่ะ แต่ว่านี่เป้นการดีต่อวงการถ่ายภาพโดยรวมแน่หรอ ถ้าคุณบอกว่าผมเป็ นแค่มือสมัครเล่นไม่ได้จะเป้นมืออาชีพผมไม่กระทบอยุ่แล้ว ใช่แล่วค่ะ มัน ไม่กระทบคุณ แต่กระทบคนอื่นที่คิอดจะก้าวผ่านจากมือสมัครเล่นไปมือ อาชีพ เพราะการเลือกที่จะอ้างว่ามันไม่ใช่เรื่องของเรา ไม่ชอบก็เฉยๆ คนอื่นช่าง มัน เพราะความคิดแบบนี้ไม่ใช่หรอคะ ที่ทำให้สังคมมันเป้นอยู่ตอนนี้ เพราะ เราเลือกที่จะเงียบกับสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควร การที่บอกว่าแฟร์เพราะเขาเขียนบอก ไว้แล้ว มันไม่ได้ทำให้สิ่งที่แย่เป็นสิ่งที่ดีได้ คำว่าแฟร์ กับคำว่าไม่ถูกต้องบางครั้งมันต้องแยกประเด็นกันนะคะ บริษัทบอก แต่ถามว่าสิ่งที่บริษัททำมันถูกต้องไหม สมควรไหม แบบนี้ดีต่อ สังคมการถ่ายภาพโดยรวมไหม หลายคนบอกผมรักการถ่ายภาพครับ ผม ชอบถ่ายภาพครับ แล้วคุรไม่รักเพื่อนที่อยู่สังคมเดียวกับคุรหรอคะ เพื่อนใน สังคมถ่ายภาพเดียวกับคุณบางคน รักการถ่ายภาพเหมือนคุณ อาจจะเดือด ร้อนกับกติกาแบบนี้ แต่คุณเลือกที่จะไม่สนใจ แต่คุณรักการถ่ายภาพ แบบนี้ ต้องพ่วงคำว่าและผมรักแต่ตัวเองลงไปด้วยอีกประโยคค่ะ กติกาแบบนี้ไม่ได้ทำให้ช่างภาพมืออาชีพลำบากเท่านั้นหรอกค่ะ แต่กลุ่มที่ลำบาก มากที่สุดคือกลุ่มช่างภาพมือสมัครเล่นยที่อยากจะก้าวไปสู่มืออาชีพ เพราะช่วง ว่างระหว่างมืออาชีพ กับมือสมัครเล่นจะกว้างขึ้น มันจะไม่มีช่วงกลางๆ ให้มือ สมัครเล่นก้าวขึ้นไปยืนได้ เพราะบริษัทที่ต้องวการช่างภาพระดับนั้น เขามีภาพใน ต๊อคไว้มากมาย ที่มาจากการประกวดนั่นแล้วล่ะค่ะ ขอย้่ำอีกครั้งว่า แฟรืเพราะบอก ไม่ได้หมายความว่า มันจะกลายเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ไปได้ และการนิ่งนอนใจเพราะถือว่าไม่เกี่ยวกับเรา ยิ่งเป้นความน่าละอายของการ ได้ชื่อว่าสังคมเดียวกัน อ้อเราเป้นคนที่มีรายได้เสริมมาจากการถ่ายภาพเช่นกันค่ะ แต่อยู่ในอีกกลุ่มที่ไม่ ได้มีผลกระทบอะไรเลยกับกติกาแบบนี้ของบริษัท แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 54 08:43:42 จากคุณ : บลูดานูป เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 08:43:19

ความคิดเห็นที่ 60 ผมไม่เคยบอก .. ตอนน้องๆมาสัมภาษณ์ ก็ไม่เคยถาม ก็ขอยืมกระทู้นี้บอกไว้ว่า ในสองปีนี้ เคยส่งเข้าประกวด 4 หน ได้รางวัล 2 หน ไม่ได้รางวัล 2 หน .. หนนึง คณะกรรมการฯ เขาบอก(พร้อมเหตุผล)ว่า ขอเป็น exception นะครับ เป็นกรรมการตัดสินภาพ 2 หน รางวัลการประกวดในแต่ละเหตุการณ์ รวมๆแล้ว .. หลายแสน เงื่อนไขหนึ่ง ในการยอมรับเป็นกรรมการของผม คือ ต้องไม่มีกติกา ที่มีลักษณะเป็นการ "ปล้น" อย่างถูกกฏหมาย การประกวดที่ผมว่ามา .. ไม่มีการเปิดเผยสู่สาธารณะ ไม่มีข้ออ้างว่า เพื่อพัฒนาวงการถ่ายภาพ ไม่มีข้อแก้ตัวน้ำขุ่นๆว่า เพื่อส่งเสริม ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี สังคม บลาๆๆๆ ฯลฯ ไม่มีกติกาที่น้า supermop เอามาตั้งเป็นกระทู้ และเสียงส่วนใหญ่เห็นด้วยว่า เป็นการเอารัดเอาเปรียบช่างภาพอย่างรุนแรง -------------------------------- นอกจากเรื่องส่วนตัวของผมในแง่การประกวดภาพถ่ายแล้ว น้องสาวผม เปิดบริษัทรับทำโฆษณา มี "ช่างภาพ" ในสังกัดหลายคน ... ส่วนใหญ่เป็น freelance ตอนนี้ ปิดบริษัทไปแล้ว .. ทั้งที่เปิดมาสิบกว่าปี มีลูกค้ามากมาย รายใหญ่อย่างแบ้งก์ หรือ บริษัทรถยนต์ ยังมี ฝีมือช่างภาพเหล่านั้น ไม่กระจอกงอกง่อยหรอก ณ บัดนาวช่างภาพเหล่านั้น .. ไม่รู้เหมือนกันว่า ไปรับงานไหนบ้าง แต่ค่อนข้างแน่ใจว่า เกินกว่าครึ่ง ตกงาน และต้องเปลี่ยนงาน แน่หละ .. คนที่ปรับตัวไม่ทน ก็ต้องรับสภาพพวกนี้ไป --------------------------------- คนบางคน เห็นแก่ตัวจัด (และขี้ขลาดจัด .. ฝ่อ, กลัวกระทั่งหน้าตัวเองในกระจก .. absolute troll) ไม่เคยสนใจ ไม่ใส่ใจหรอกว่า คนอื่นๆ เขาจะเดือดร้อน ขอเพียงกุมข้าวกินอิ่ม มีกล้องราคาแสนให้เล่น มีเน็ตให้แอบเนียนโผล่จากชายกระโปรง female troll มาด่าคนอื่นได้ก่อนมุดกลับได้ .. กุก็กล้าทุกอย่าง พวก absolute troll เนี่ย ทีวีก็ออกข่าว เน็ตก็ออกเตือน ว่าอย่าไปป้อนอาหารมัน (don't feed the troll) อาหารของพวก troll คือ ดราม่า ยิ่งตีแรงๆ พวกนี้ยิ่งชอบ ผมรู้ แต่ก็อดไม่ได้อยู่ดี เพราะ troll บางตัว มันขี้ขลาดเกินเหตุ ไม่เหมือน troll ส่วนใหญ่ ที่กล้าๆ ออกมาดราม่าตรงๆ .. อดไม่ได้ เลยต้อง feed such under-peticote troll ไปบ้าง จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 09:36:43

ความคิดเห็นที่ 61 ความจริงมันมีประเด็นทางกฏหมายลิขสิทธิ์อยู่นะ ผมไม่พูดประเด็นอื่นๆ เอาเรื่องเดียวเรื่องลิขสิทธิ์ภาพ ....ไฟล์ภาพทุกภาพที่ส่งเข้าประกวด ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทฯ และบริษัทฯ สามารถนำภาพทุกภาพไปแสดงในที่ต่างๆ และพิมพ์เผยแพร่ หรือแม้แต่ในสินค้า และบรรจุภัณฑ์ได้อย่างถูกต้อง โดยไม่ต้องขออนุญาต และไม่ต้องจ่ายค่าตอบแทนแก่เจ้าของภาพ ..... แม้ผู้จัดไม่ได้พูดตรงๆ ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าลิขสิทธิ์ถือว่าเป็นของบริษัท ใช้คำว่า กรรมสิทธิ์ ผมว่ามันอาจจะอนุมานได้ว่า ได้ยกลิขสิทธิ์ให้กับบริษัทไปแล้ว ดังนั้น ผู้ถ่ายจะเอาภาพนั้นไปใช้ต่อก็ไม่ได้แล้วนะ นี่ตีความแบบชาวบ้านธรรมดาสามัญ ไม่ใช่นักกฏหมาย หรือจะเป็นนักกฎหมายก็อาจตีความแบบนี้ก็ได้ หรือตีความอีกแบบก็ได้เหมือนกันว่า ลิขสิทธิ์ยังเป็นของผู้ถ่าย ซึ่งผู้จัดได้ไปเฉพาะกรรมสิทธิ์ของไฟล์ภาพชุดที่ส่งเข้าประกวดเท่านั้น ซึ่งเป็นคนละชุดกับที่ส่งเข้าประกวด แม้เป็นภาพเดียวกัน แต่เป็นคนละชุดกัน เพราะขนาดอาจไม่เท่ากัน ปรับแต่งต่างกันเล็กน้อย เป็นต้น เรื่องแบบนี้ ข้อยุติที่เป็นข้อยุติก็ต้องอยู่ที่คดีที่เคยขึ้นศาลหล่ะครับ ถ้ายังไม่เคยมีคดีขึ้นศาลมาก่อน มันก็ย่อมเถียงกันได้ตลอดว่าลิขสิทธิ์จะเป็นของใครละ จากคุณ : ATP52 เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 09:49:03

ความคิดเห็นที่ 62 ขอยืมคำของน้อง blue มาดัดแปลง การที่ผมด่า หรือบอกว่า คนบางคน ... อาทิ ... เป็น เดียรัจฉาน หรือ under-peticote troll "ไม่ได้หมายความว่า มันจะกลายเป็นสิ่งที่ถูกต้องไปได้" สิ่งที่ผมบอก สิ่งที่ผมตั้งกฏเกณฑ์กติกาขึ้นมาว่า คนบางคน อาทิ ... มีสถานะแค่ under-peticote troll .. มันไม่เป็นจริง ไม่ถูกต้อง (เอ่อ .. หรือว่ามันเป็นจริง, ถูกต้องได้หว่า??? ไม่แน่ใจ) ฉันใดก็ฉันนั้น (นี่ก็ใกล้ฉันเพลแล้ว) สิ่งที่บริษัทโกงสังคมเหล่านั้น บอกว่า นี่เป็นเรื่องของ บ., บ.ตั้งกฏเกณฑ์แล้ว กฏเกณฑ์ดีแล้ว สังคมควรยอมรับ บลาๆๆๆ "ไม่ได้หมายความว่า มันจะกลายเป็นสิ่งที่ถูกต้องไปได้" ------------------------------- ตอนผมอยู่ห้องรัชดา ผมไม่ยอมรับกฏเกณฑ์ที่ บริษัท PTT (ผ่านกรมธุรกิจพลังงาน และกระทรวงฯ) ตั้งขึ้นมาว่า 1. LPG ราคาตลาดโลกสูง (ซึ่งเป็นจริง) ฉะนั้น ควรขาย LPG ที่เราผลิตเอง ในราคาตลาดโลก 2. มีการเอาเงินจากกองทุนราคาน้ำมัน มาชดเชยราคา LPG เพื่อให้ราคา LPG ไม่แพงจนประชาชนเดือดร้อน ทั้งที่จริงๆแล้ว .. มันสวนทางกัน เงินจากการขาย LPG ต่างหาก ที่เอาไปชดเชยกองทุนราคาน้ำมัน .. ทำให้น้ำมันไม่แพงจนประชาชนเดือดร้อน 3. การที่รถยนต์ นำ LPG มาใช้ ทำให้ประเทศชาติประหยัดเงินค่านำเข้าพลังงานได้ ไม่น้อยกว่า ปีละหมื่นล้านบาท การจำกัดรถยนต์ ไม่ให้ใช้ LPG จะทำให้ประเทศชาติต้องสูญเสียเงินตรา เพื่อนำเข้าพลังงานเพิ่มขึ้น ปีละนับหมื่นๆล้านบาท ผม และบรรดาเหล่าสมาชิกที่เห็นด้วย พากันรวบรวมข้อมูล หลักฐาน ข้อเท็จจริง ฯลฯ ทำการต่อสู้เรื่องนี้ตามลำดับ สี่หรือห้าปีผ่านมาแล้ว .. ผมไม่รู้ จำไม่ได้ และขี้เกียจจำ จากบัดนั้น จนบัดนาว .. ราคา LPG เพิ่มจากตอนนั้นไม่ถึง 10% เป็นราคาต้นทุนที่ผลิตได้ + กำไรที่ควรจะเป็น ราคา CNG/NGV คงเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง ------------------------------- troll หลายๆตัว ไม่รับรู้เรื่องนี้หรอก และถึงรู้ ก็ไม่สนใจ .. เพราะมันเป็นธรรมชาติของ troll ที่ต้องการดราม่า เพื่อให้สามารถมีโอกาสคลานออกจากใต้ petitcote ได้ .. เท่านั้นเอง troll มันขี้ขลาดโดยธรรมชาติ ฉนั้น จะให้มันกล้าทำเรื่องที่มีคุณค่าต่อสังคม .. มันทำไม่ได้ ทำได้อย่างมาก ก็แอบแว่บๆ โผล่หัวออกจากใต้ petitcote เพื่อกัดคนอื่นคำสองคำ ก่อนรีบมุดหัวกลับไปซ่อนอย่างเดิม .. วันนี้ว่างจัด ไม่รู้จะทำอะไร เลยต้องหาอะไรมาป้อน troll ... ขอให้ท่านที่มิใช่ troll แต่ชอบเสพย์ดราม่า จงมีความสุข จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 09:50:46

ความคิดเห็นที่ 63 ขอมองต่างมุม หวังว่าคงไม่ตั้งข้อรังเกียจกันนะครับ การประกวดภาพถ่าย จริง ๆ แล้วเขาคงไม่ได้เจาะจงต้องการให้คนระดับโปรส่งรูปไปประกวดอยู่แล้ว เพราะระดับโปร มีชื่อเสียง คงสามารถขายรูปถ่ายของตัวเองเป็นอาชีพ ทำมาหากินกับฝีมือตัวเองได้อยู่แล้วล่ะครับ การจัดประกวดภาพถ่าย จึงเป็นแนวทางหนึ่งที่ส่งเสริมให้ บรรดามือใหม่ที่ยังไม่มีชื่อเสียงถ่ายรูปเขาประกวด ด้วยเงินรางวัลก็ดี เกียรติยศชื่อเสียงก็ดี เพื่อเป็นบันไดขึ้นไปสู่ การเป็นมืออาชีพได้ การประกวดภาพถ่ายในแต่ละครั้ง งบประมาณในการจัด ทั้งรางวัล ค่าจัดการโปรโมท ในส่วนต่าง ๆ ก็ไม่ใช่น้อย ระดับหลายแสนบาทในแต่ละครั้ง และ การประกวดแต่ละครั้ง ก็ไม่คิดเงินค่าเข้าประกวด เพียงแต่ผุ้ต้องการเสนอตัวเข้าแข่งขัน ส่งรูปไปให้พิจารณาเท่านั้นก้ใช้ได้ เพราะฉะนั้นคงไม่มีองค์กรใด จัดงานแบบนี้ขึ้นมา เพื่อขาดทุนเป็นหลักแสน แลกกับภาพถ่าย เพียง 3-10 รูป หรอกครับ อีกอย่างรูปที่เข้าประกวดก็มากหลาย เขาก็คงต้องเขียนกติกาเพื่อให้เกิดความคล่องตัว ไม่ผูกมัดกับตัวเอง ใว้ก่อนเป็นธรรมดา ถ้าเป็นผมต้องการภาพถ่ายสวย ๆ เพื่อมาพิมพ์ลงใน ผลิตภัณฑ์เพียงแค่ไม่กี่รูป ผมก็คงจ้างช่างภาพมืออาชีพ ไม่ต้องลงทุนมาจัดงานประกวดโฆษณา งบบานปลายเช่นนี้ แต่ก็เข้าใจนะครับว่างานแบบนี้ถือเป็นการโปรโมท บริษัท ไปในตัว ซื่งเรื่องนี้ก็ควรจะยกประโยชน์ให้กับบริษัทไป เพราะเขาลงแรง ลงทุนกันจัดงานกัน ของแบบนี้ต้องมอง 2 มุมครับ แต่ละมุมก็มีเหตุผลของตัวเอง มุมของคนถ่าย ก็เข้าใจได้ มุมของผู้จัด เขาก็มีเหตุผลของเขา เอาเป็นว่า ถ้ารับไม่ได้กับกติกาของเขาก็ไม่ต้องส่ง เรื่องมันก็จบล่ะครับ แต่สำหรับคนที่เป็นมือใหม่จริง ๆ ถ่ายเพราะใจรักอยากเก็บรูปสวย ๆ อยากแบ่งปันคนอื่นดู ไม่ได้คิดไรมาก ชื่อเสียง เงินทองเป็นผลพลอยได้ เผื่อฟลุ๊ก เอาขำขำ ก็ส่งไปเถอะครับ รูปที่คิดว่าตัวเองถ่ายแล้วสวย ถ่ายเก็บใว้ดูคนเดียว มันก็ใร้ค่านะ ผมคนนึงล่ะครับ ถ้ามีโอกาสส่งก็ส่ง ๆ ไป เผื่อฟลุ๊ก ได้ลงหนังสือ ก็ปลื้มใจเพราะยังไงไม่ได้ถ่ายรูปเป็นอาชีพอยู่แล้ว ถ่ายเอาสนุก คนได้ดูรูปที่เราถ่ายก็ปลื้มใจ เงินทอง ชื่อเสียงเป็นผลพลอยได้ครับ จากคุณ : rockaun เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 10:21:46

ความคิดเห็นที่ 64 มาตอนตลาดวาย จริงๆ เห็นด้วยกับ คห. 36 คือถ้าเราไม่ยอมรับกติกา ที่เขากำหนดมา เราก็ไม่ส่ง ทุกวันนี้การประกวด เพื่อวัตถุประสงค์ สงเสริมศิลปด้วยความบริสุทธิ์ใจ มันมีน้อย ขนาดค่ายกล้อง แท้ๆ รายการประกวดภาพถ่าย ยังไม่ค่อยมี ทุกวันนี้ การประกวดถ่ายภาพ เป็นแค่ฉากบังหน้า แต่ลึกๆ บริษัท ต้องการภาพไว้ใช้ยาวๆ แลกกับเงินรางวัลนิดหน่อย แต่ประหยัดเงิน งบประมาณบริษัท ได้มากมาย... ช่างภาพเลือกได้นี่ครับ ว่า จะส่งประกวดหรือไม่ จริงอยู่อย่างน้าแมวเล่ามา ช่างภาพอาชีพฝีมือดีๆ ค่อยๆ ทยอยล้มตาย ไม่ใช่เฉพาะวงกาภาพถ่ายครับ ในโลกความจริง โลกการค้าเสรี ทุกวงการธุรกิจ โดนหมด แม้กระทั่งชาวนาก็ไม่พ้น เราต้องอยู่บนโลกความจริง ต้องรู้จักปรับตัว พัฒนาตัวเอง ทุกวันเทคโนโลยี่ พัฒนา ต่อ วินาที ... ซอฟต์แวร์ในการตกแต่งแต่งภาพง่ายขึ้น ... และต่อไปจะง่ายมากกว่าเดิม ต่อไปโยนกล้อง ให้ใครถ่าย... ไม่ต้องคิดมาก เล็งให้ตรงแล้วกด ยัดใส่คอม เขย่าๆ ออกมาเป็นภาพอย่างกะโปร สรุปแล้วผมไม่แอนตี้... แต่ก็ไม่เห็นด้วยทั้งหมด กติกาที่ตั้งขึ้น มันก็ สัญญาบังคับ กลายๆ.. ปล. แค่ ความเห็นส่วนตัวครับ จากคุณ : น้าลีโอ เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 10:23:49

ความคิดเห็นที่ 65 เอาเป็นว่า ถ้ารับไม่ได้กับกติกาของเขาก็ไม่ต้องส่ง เรื่องมันก็จบล่ะครับ ที่บลุค้านที่สุดก็ตรงนี้ล่ะค่ะ บลูเข้าใจว่าบริษัทย่อมแสวงหากำไร แต่เราต้อง มองดว้ยว่า สิ่งที่บริษัททำแบบนี้มันถูกต้องไหม ถ้าเห็นความไม่ถูกต้อ เราแค่ เพิกเฉยๆ ก็เท่ากับเรามองข้ามผลกระทบโดยรวมเสียแล้ว บลุว่าการเพิกเฉย หรือไม่ยอมรับถึงผลกระทบโดยรวม ก็ไม่ต่างจากการสนับสนุนให้มีการ กระทำผิดผิดๆ หรือการกระทำที่เอาเปรียบเกิดขึ้นมาหรอกค่ะ ทุกอย่างมีผลประโยชมาเกี่ยวก็จริง แต่ความถูกต้องก็มีส่วนสำคัญไม่ใช่หรอ คะ มันไม่ใช่เรื่องที่ตองใช้จริยธรรมสุงส่งอะไรมากมาย เพียงแค่ความถูกต้อง ขั้นพื้นฐานเท่านั้นเอง จากคุณ : บลูดานูป เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 10:32:39

ความคิดเห็นที่ 66 เข้ามาอ่าน... จากคุณ : LIVE 4 LIVE เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 10:35:00

ความคิดเห็นที่ 67 @ คห 17 ของน้าแมว ผมเห็นด้วยกับ คห.น้าแมว ทุกประการครับ... ผมไม่ได้โต้แย้งน้าแมว แต่ ถ้าเรามองอีกด้าน ล่ะ สมัยก่อนใครห้อยกล้อง  SLR คือมืออาชีพ คือ โปรเป็นส่วนใหญ่ คนที่เล่นกล้องสมัยก่อน ต้องมีความรู้เรื่องการถ่ายภาพจริงๆ เพราะไม่มี ซอฟต์แวร์มาช่วยเหมือนปัจจุบัน... คนเล่นกล้องสมัยก่อน ต้องมีเงินและใจรักจริงๆ ทุกวันนี้ กล้องกลายเป็นสินค้า คอนซูมเมอร์ไปแล้ว ใครๆก็มีกล้องได้... ไม่ใช่เฉพาะการประกวดภาพถ่ายของพวกมือสมัครเล่นเท่านั้น ที่ทำลาย วงการถ่ายภาพมืออาชีพ แต่ศักยภาพของกล้องถ่ายภาพ ที่ใช้งานได้ง่ายขึ้น ซอฟต์แวร์ที่ใช้แต่งภาพ ใช้งานได้ง่ายขึ้น ก็เป็นปัจจัยส่วนหนึ่งเช่นกัน.... ดังนั้น ช่างภาพอาชีพ ต้องพัฒนาตาม วิวัฒนาการของเทคโนโลยี่ ปรับตัวอยู่เสมอๆ... เทคโนโลยี่ที่ก้าวหน้าขึ้น ... เราได้รับความสะดวกสะบาย... แต่มันก็ทำลายบางอย่างลงไป อยู่ที่เรายอมรับความจริง และปรับตัวอยู่กับมันได้หรือไม่ ปล. ไม่ได้มาเถียงนะครับ แค่แสดงความคิดเห็นอีกมุมมอง ด้วยความเคารพครับ จากคุณ : น้าลีโอ เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 10:49:31

ความคิดเห็นที่ 68 เห็นด้วยกับป้าบลูฯ อย่างแร๊งงงงง เลยล่ะครับ...ชัดเจนตรงประเด็น ไม่ต้องแปล เข้ามาฮากับน้าแมวฯ..."ฉันใดก็ฉันนั้น (นี่ก็ใกล้ฉันเพลแล้ว)"....555...ฮาจิรง ๆ เข้ามาปรบมือให้น้าแมวฯ เรื่อง... สิ่งที่บริษัทโกงสังคมเหล่านั้น บอกว่า นี่เป็นเรื่องของ บ., บ.ตั้งกฏเกณฑ์แล้ว กฏเกณฑ์ดีแล้ว สังคมควรยอมรับ บลาๆๆๆ "ไม่ได้หมายความว่า มันจะกลายเป็นสิ่งที่ถูกต้องไปได้" เข้ามมปรบมืออีกครั้งให้น้าแมวฯ เรื่อง...ผมไม่ยอมรับกฏเกณฑ์ที่ บริษัท PTT ........ผมก็ gasthai.com รุ่นแรก แต่ไม่ค่อยได้ติดตามเรื่องพวกนี้ครับ ขอชื่นชมน้าแมวฯ + เพื่อนสมาชิก ที่ช่วยผลักดันเรื่องนี้จนเป็นผลสำเร็จ ขอปวดหัวกับน้าแมวฯ เรื่องศัพท์แสงที่วิวิสมาหรา (ที่ถูกเขียนไงบอกด้วยครับ) ...อ่านไม่ค่อยเข้าใจ  รู้หรือเดาได้แต่ว่า ใต้ petitcote  นีต้องแปลว่า ใต้กระโปรงผู้หญิงชัด ๆ 55555 จากคุณ : Supermop เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 10:58:08

ความคิดเห็นที่ 69 โปรดฟังอีกครั้งน๊ะครับ ผู้มีวิจารณญาณทุกท่าน ผมตั้งกระทู้ถามว่า "เมื่อไหร่เรื่องแบบนี้จะหมดไปจากวงการถ่ายภาพซะที ?" มิได้ถามว่า "กติการแบบนี้ใครจะส่งภาพประกวดรึเปล่า ?" ค่อย ๆ คุยกันด้วยเหตุและผล  สบาย ๆ ครับ ผมขอมองต่างมุมกับน้า rockaun หน่อยครับ ถ้าส่วนตัวผมจะเอาภาพเค้าที่ส่งมาไปใช้ฟรี ๆ  ผมทำไม่ได้ครับ เพราะว่า "ผมจะอายขายขี้หน้า" ประชาชีเค้ามาก ๆ เลยครับ....ส่วนเรื่องส่งไปเผื่อฟลุ๊ก ได้ลงหนังสือ  นี่ส่วนตัวผมไม่เคยคิดจริง ๆ ที่จะให้ภาพพวกนี้ กับบริษัทที่ออกกฏแบบนี้ไปทำมาหารับประทาน ........ไม่ได้ว่าจะคุยน๊ะครับ ภาพผม เพื่อนฝูงขอเอาทั้งภาพแถมต้องเขียนเรื่องให้อีกต่างหาก นี่ฟรี ๆ ผมก็ยอมครับ  คนเรา "ใจ" มันต้องมาก่อนครับ....ถ้าคิดแบบน้านี่ไม่ได้"ใจ" ผมหรอกครับ ดีครับน้า rockaun คุยกันแบบแมน ๆ แบบนี้ผมชอบครับ...ไม่เคยคิดว่าจะตั้งข้อรังเกียจกันหรอกครับ.....แค่ได้อ่านความคิดของแต่ละท่านนี้ก็คุ้มค่ามากแล้วครับ จากคุณ : Supermop เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 11:16:00

ความคิดเห็นที่ 70 เข้ามาอีกครั้งเพื่อแสดงความชื่นชมต่อจุดยืนของน้าบลูฯค่ะ เราเองเป็นคนรอมชอม ยอมได้ก็ยอมกันไป ไม่ชอบใจกติกาก็ไม่ส่งภาพเข้าประกวด จบ คิดว่าจบ... โดยที่ไม่ได้คิดให้กว้างอย่างน้าบลูฯ จุดยืนที่เราเองชื่นชมคือ เป็นความจริงที่ว่าหากไม่คัดค้านก็คือเห็นด้วย คนที่ไม่เห็นด้วยกับกติกาแบบนี้แต่ไม่คัดค้าน ไม่แสดงออก ลงท้ายก็มีค่าเท่ากับเห็นด้วยและยอมรับนั่นเอง  แต่น้าบลูฯไม่อยู่ในพวกนี้ ...ขอชื่นชมค่ะ จากคุณ : Rao-eng เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 11:54:19

ความคิดเห็นที่ 71 เห็นด้วยกับที่หลายคนว่า"ถ้ารับกติกาไม่ได้ก็ไม่ต้องส่ง" แต่ก็ยังคิดว่าถ้ามีการประกวดที่มีกติกาแฟร์ๆ มันก็เป็นช่องทางนึงที่ทำให้วงการถ่ายภาพจะโตขึ้นเรื่อยๆ แค่แสดงความคิดเฉยๆ นะคะ อย่าว่ากัน ^^ ส่วนตัวเองถ่ายรูปชัดก็พอใจแล้วไม่ต้องถึงกับประกวดหรอก :) จากคุณ : sodawithpie เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 12:27:54

ความคิดเห็นที่ 72 ที่ตั้งกระทู้ถามว่า "เมื่อไหร่เรื่องแบบนี้จะหมดไปจากวงการถ่ายภาพซะที ?" ถ้าให้ตอบสั้น ๆ ก็คงจะบอกว่า... "คงเป็นไปได้ยากมาก หรือเป็นไปไม่ได้เลย" มันก็คงจะจบ.....ง่ายแต่ไม่ได้ใจความหรือ เหตุผล ประกอบเพื่อความเข้าใจนะครับ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมพยายามอธิบายนั้นมันก็คือ ความคิดเห็นเพิ่มเติมเพื่อทำให้สามารถขยายความถึงเหตุผลที่ ทำไมผมถึงแสดงความเห็นเช่นนั้น ความจริงผมก็เข้าใจความรู้สึกนะครับ สำหรับคนที่ถ่ายภาพส่งเข้าประกวด แล้วไม่ได้รับรางวัลอะไร กลับถูกนำรูปที่ประกวดนั้น นำมาใช้ทางธุรกิจ ผมเข้าใจว่า การจัดประกวดแต่ละครั้ง มีภาพถ่ายที่ถูกส่งเข้าประกวด แต่ไม่ได้รับการเสนอรางวัลต่าง ๆ มีจำนวนมากมาย และหลากหลายมากครับ บางภาพก็สวยมากระดับเกรด A+ ไปจนถึงระดับ F แต่นั้นยังไม่สำคัญเท่า ทางผู้จัดงาน เขาก็มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ อีกอย่างการประกวดภาพถ่าย ทางผู้จัดเขาไม่ได้คิดค่า เข้าประกวด เขาก็คงต้องตัดค่าใช้จ่าย ที่จะต้องไล่คืนภาพถ่าย ให้กับผู้ที่ไม่ได้รับรางวัล อีกอย่าง จริงอยู่ที่ภาพถ่ายบางภาพทางผู้จัดเขาอาจจะนำมาใช้ภายหลัง แต่ ผมเชื่อว่า ภาพจำนวนมากขนาดนั้น ซึ่งผู้จัดงาน เขาก็ยังไม่รู้จะเอาไปใช้ เมื่อไหร่ อย่างไร อาจเป็น 1 ปี 5 ปี หรือ 10 ปี เพราะฉะนั้น จึงเป็นเหตุให้เขาเขียนกติกาใว้รวม ๆ  เพื่อป้องกันปัญหาลิขสิทธิในภายหลัง . . . . สรุปว่าผมเข้าใจความรู้สึกของคุณนะครับ และผมก็คิดว่าคุณก็เข้าใจดี ว่าสำหรับการตัดสินใจส่งรูปเข้าประกวดนั้น มันเป็นวิจารณญาณส่วนบุคคลจริง ๆ  ที่จะตัดสินใจส่งรูปของตัวเองเข้าประกวดหรือไม่ สำหรับผม เป็นมือใหม่มากกับการถ่ายรูปจริง ๆ ครับ เวลาไปเที่ยวไหนก็ถ่ายเก็บใว้ดู หรือเอามาโพสในเว็บ แบ่งปันกันดู นี่แหละ ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มีใครดู ( ในมุมมองของเทคนิคการถ่ายภาพ ) แฟนผมดู ก็บอกสวยดี ไม่สวยเพราะเขาดูอ้วน ไม่เพียว อะไรประมาณนี้ก็จบ อิอิ ตอนนี้... ถ้าเขามีประกวดก็สนใจนะ ( เพียงแต่ตอนนี้พิจาณาตัวเองว่าคงตกรอบแหงม ๆ ) แต่ถ้าถ่ายสวยกว่านะก็จะลองส่งดูครับ เพราะฟรี และเผื่อฟลุ๊กได้ลงหนังสืออะไรบ้าง เอาเป็นว่าความเห็นนี้เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในหมู่มิตร ห้องกล้องนะครับ มิได้เจตนา จะทำให้เกิด มาม่า เพราะผมก็ได้ความรู้ต่าง ๆ มาจากเพื่อ ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ห้องนี้เยอะเลย จากคุณ : rockaun เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 12:28:39

ความคิดเห็นที่ 73 อยากจะบอกว่า ค่าใช้จ่ายในการจัดประกวดรวมทั้งค่ารใช่จ่ายเรื่องของรางวัล ยังใช้งบน้อยกว่าการโฆษณาออกสื่อเยอะค่ะ แถมบางทีมีสื่อมาทำข่าวให้ฟรีๆ ด้วยซ้ำ ติดในแง่ค่าใช้จ่ายมีแน่นอน แต่ความคุ้มเมื่อเทียบกับการจ่ายเงินออกสื่อ โฆษณา คุ้มมากก ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายด้านส่งภาพคืน ไม่น่าเกลียดค่ะกับการสวงนสิทธิ์ไม่ส่งคืนภาพ ให้ผู้เข้าประกวด ตรงนี้ยอมรับได้ค่ะ แต่น่ารังเกียจกับการมีสิทธิ์เอาภาพของผู้ ส่งเข้าประกวดที่ไม่ได้รางวัลเอาไปใช้ได้ในทุกกรณี แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 54 12:37:29 จากคุณ : บลูดานูป เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 12:34:19

ความคิดเห็นที่ 74 ในทางธุรกิจ มันไม่มีคำว่า พี่ น้อง มันมีการมองผลประโยชน์ และ เอารัด เอาเปรียบกันตลอดเวลา เพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์สูงสุดอยู่แล้วล่ะครับ สิ่งที่จะทำได้ ก็คือไม่ร่วมมือครับ ถ้าคนส่งภาพเข้าประกวดน้อย ไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมาย ทางผู้จัด ก็คงต้องกลับไปดูสาเหตุ หรือ ไปพิจารณา กติกาใหม่เองละครับ เราคงได้แต่วิเคราะห์ แต่เรื่องกรรมสิทธิ์หลังการประกวด ยังงัย ก็ต้องตีความให้ชัดครับ ถ้าตัดกรรมสิทธิ์เจ้าของภาพเลย ผมก็ยังว่ามันเกินไป ถ้าจะซื้อ จะขาย หรือจะได้ฟรี ก็ควรมีการเจรจากับทางเจ้าภาพ โดยเฉพาะภาพที่ไม่ได้รางวัล เจ้าของภาพ ก็ไม่ควรจะเสียอะไรไปปล่าวๆ ครับ จากคุณ : E22QV เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 12:51:59

ความคิดเห็นที่ 75 เห็นด้วยกับคุณ E22QV นะครับ สิ่งที่จะแก้ใข ปัญหาของเรื่องนี้ได้ก็ คือ ก็ต้องช่วยกันไม่ส่งภาพประกวด ถ้ามีคนส่งประกวดน้อยมาก ทางผู้จัดเขาก็จะต้องกลับไปพิจาณา เงื่อนใข กันใหม่ เงื่อนใขที่ตึงอยู่ก็หย่อนลงได้ อย่างแน่นอน เพิ่มเติมว่า.... แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า ปัจจุบัน คนที่ถ่ายภาพมีหลากหลาย มือใหม่ มือเก่า บางคนก็ไม่ได้แคร์ หรือเห็นค่าภาพที่ตัวเองถ่ายมากนัก เพราะไม่ได้มั่นใจฝีมือตัวเองเท่าไหร่ พูดง่าย ๆ ว่าไม่ได้หวงรูปที่ตัวเองถ่ายมากนัก อีกประการคือ อุปการณ์การถ่ายภาพราคาถูกลง แพร่หลาย และ software ต่าง ๆ ล้ำสมัยขึ้น ความซับซ้อนลดลงไปมาก ทำให้ช่างภาพมือใหม่ สมัครเล่น เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมากมาย สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้มีส่วน อย่างมาก ที่ทำให้จำนวนมือใหม่ที่ส่งภาพเข้าประกวดมีจำนวนมาก ทางผู้จัดประกวดถ่ายภาพเลย ไม่ค่อยจะง้อ ว่าจะมีคนส่งภาพประกวดน้อยลง  เงื่อนไขด้านลิขสิทธ์  มันก็เลยถูกละเลย เป็นแบบทุกวันนี้ บางคนคิดไปว่า ส่งภาพประกวด ก็ไม่ได้เสียอะไร มันก็เหมือนการ ส่งซองมาม่าชิงรางวัล หรือไม่ก็เหมือนกับส่งไปรษณีย์บัตร ทายผลบอลโลก นั่นแหละได้รางวัลก็ดีไป ไม่ได้รางวัลก็ถ่ายใหม่ ถ่ายไปเรื่อย ๆ พัฒนาฝีมือไปเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้นมันอยู่ที่สังคมของคนถ่ายภาพเองแล้วว่าจะทำอย่างไรถึงจะผลักดันให้เกิดกระแสการกดดัน ฝ่ายผู้จัดการประกวดได้ มากพอที่จะทำให้เขาหันมาดูในเรื่องนี้ จากคุณ : rockaun เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 13:29:16

ความคิดเห็นที่ 76 เข้ามาถามครับ ระหว่าง จัดประกวดถ่ายภาพ โดยมีเงื่อนไขข้างต้น กับ ไม่จัดประกวดเลย อย่างไหนทำลายวงการถ่ายภาพมากกว่ากันครับ อันนี้สงสัยจริง ๆ นะครับ จากคุณ : ชีวิตเดียว ใช้ให้คุ้ม เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 14:36:09

ความคิดเห็นที่ 77 "หากเราเจริญด้วยสติ เราก็จะเจริญด้วยปัญญา" ต้องขอขอบคุณ คุณร๊อคอ้วน ที่เข้าใจความรู้สึกของผม...แต่..ผมอยากให้เข้าใจความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ในบอร์ดนี้ด้วยก็จะดีมากเลยครับ ทางผู้จัดงาน เขาก็มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการอยู่แล้วตั้งแต่เค้าคิดจะจัดการประกวดภาพครับ เรื่องการไล่คืนภาพถ่าย ให้กับผู้ที่ไม่ได้รับรางวัล ถ้าคิดว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่รับไม่ได้ก็ไม่ต้องคืนเค้าก็ได้ครับ....ให้มารับไฟล์งานคืน  ไม่มารับทางบริษัทฯ จะทำลายทิ้ง แค่นี้เองครับง่าย ๆ ...ถ้าบริษัทคิดว่าการทำลายมีค่าใช้จ่ายอีก ก็แจ้งผมมาเลยครับ เดี๋ยวผมรับไปจัดการให้ฟรี ๆ จะได้ไม่ต้องมาคิดว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่ควรเสีย การส่งซองมาม่าชิงรางวัล หรือไม่ก็เหมือนกับส่งไปรษณีย์บัตร ทายผลบอลโลก....นี่มันไม่เหมือนเคสนี้น๊ะครับ กับการเอาภาพที่ไม่ได้รางวัลไปใช้ในเชิงธุรกิจ.....ย้ำน่ะครับว่า "เอาภาพไปใช้ในเชิงธุรกิจ หรือพาณิชย์" คัดลอกมาให้อ่านอีกทีจะได้ไม่ต้องย้อนขึ้นไปหาข้อมูล "บริษัทฯ สามารถนำภาพทุกภาพไปแสดงในที่ต่างๆ และพิมพ์เผยแพร่ หรือแม้แต่ในสินค้า และบรรจุภัณฑ์ได้อย่างถูกต้อง โดยไม่ต้องขออนุญาต และไม่ต้องจ่ายค่าตอบแทนแก่เจ้าของภาพ" ภาพที่ได้รางวัลจะเอาไปใช้ ก็ว่ากันไปครับ ภาพที่ไม่ได้รางวัลก็อย่าเอาของเค้าไปใช้เล้ยย.....แค่นั้นเองครับ ก็ได้แต่ "หวังว่า"  จะมีการจัดประกวด ที่เหมือนตามตัวอย่างการประกวดของ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย น่ะครับ ยินดีที่ได้รับฟังความคิดเห็นจากคุณ ร๊อคอ้วน มากครับ จากคุณ : Supermop เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 14:40:48

ความคิดเห็นที่ 78 นักถ่ายภาพทำอะไรไม่ได้หรอกครับ คนที่ทำได้คือกรรมการตัดสินภาพ จากสมาคมกรรมการตัดสินถ่ายภาพแห่งประเทศไทย (ที่จริงสมาคมไม่ได้ชื่อนี้หรอก ชื่ออะไรก็ไม่รู้ แต่เห็นมีภารกิจโดดเด่นอย่างเดียวคือการตัดสินภาพถ่าย) ถ้ากรรมการจากสมาคมไม่ไปเป็นกรรมการตัดสินการประกวดภาพถ่ายที่กติกาไม่ถูกต้องแบบนี้ ผู้จัดเค้าก็ไม่กล้าจัดหรอกครับ หรือไม่ก็จัดกันเงียบๆ งุบงิบทำกัน ไม่กล้าออกข่าวใหญ่ เพราะไม่มีเครดิต แต่ก็เห็นทั่นกรรมการทั้งหลายก็รู้เห็นเป็นใจ ไปเป็นกรรมการตัดสินภาพให้กับบริษัทพวกนี้ อย่างที่ผมเคยบอกมาตลอดว่า ภารกิจการพัฒนาวงการถ่ายภาพไทย ไม่ใช่ภารกิจของสมาคมนี้ เค้ามีภารกิจหลักคือตัดสินภาพถ่าย ภารกิจรองคืออบรมถ่ายภาพปีละไม่กี่ครั้ง (สู้น้าเอกยังไม่ได้เลย) ภารกิจพัฒนาวงการถ่ายภาพไทย ไม่เคยเป็น ยังไม่เป็น และก็คาดว่าจะไม่เป็นไปภารกิจของสมาคมนี้ไปตลอดกาล จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 14:42:22

ความคิดเห็นที่ 79 "ผมตั้งกระทู้ถามว่า "เมื่อไหร่เรื่องแบบนี้จะหมดไปจากวงการถ่ายภาพซะที ?"" เราว่ามันคงไม่หมดง่ายๆอะ ทำได้ดีที่สุดก็ตามที่น้า rockaun บอก ว่า "ก็ต้องช่วยกันไม่ส่งภาพประกวด" สำหรับผู้จัดที่เราไม่เห็นด้วยกับกติกาของเขา แต่เรางงนิดนึง (จริงๆคือสงสัยมาตั้งนานแล้ว) ที่จขกทบอกว่า "ภาพทุกภาพที่ส่งเข้าประกวดถือเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทฯ" อย่างนี้แล้ว ตัวคนถ่ายภาพยังถือเป็นเจ้าของภาพอยู่หรือเปล่า ? (เมื่อส่งภาพไปประกวด) คือเป็นเจ้าของภาพร่วมกับผู้จัดการประกวด? หรือว่าเสียสิทธิ์ให้ผู้จัดการประกวดไปเลย? (คือไม่ได้เป็นเจ้าของภาพ มีสิทธิ์ในภาพอีก) ถ้าเสียสิทธิ์ไปเลย เป็นเราเราคงไม่ส่งภาพอะ ถ้าเป็นภาพที่เรารักมากๆหรือสวยมากๆ แต่ถ้าไม่ใช่ภาพที่เรารักมาก เราคงคิดว่าคล้ายๆล๊อตเตอรี่/ล๊อตโต้อะ เสี่ยงดวงดู แต่ว่าถ้ายังมีสิทธิ์ร่วมกับผู้จัดหรือมากกว่าผู้จัด เช่น ผู้จัดห้ามเอาลิขสิทธิ์ไปขายต่อ คือผู้จัดใช้ได้อย่างเดียวแต่เอาไปให้คนอื่นใช้ไม่ได้ แต่เจ้าของภาพดั้งเดิมมีสิทธิ์มากกว่า คือเอาไปให้คนอื่นใช้ได้อีก เราอาจจะกล้าส่งภาพที่เรารักมากก็ได้  (มันพอเป็นไปได้ไหม คือเราไม่รู้กฎหมายเรื่องพวกนี้เลย) ที่ถามเพราะไม่รู้นะ เพราะยังไม่เคยส่งภาพเข้าประกวด แบบว่าฝีมือไม่ถึงขั้น (ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เป็นมุมมองจากมือสมัครเล่นที่ไม่ได้ถ่ายภาพมากมายนัก ถ้าวันนึงฝีมือเราเป็นอีกแบบ เราอาจจคิดต่างออกไป) ยังไงก็ใจเย็นกันแล้วกันๆ คุยด้วยเหตผลดีกว่า เหมือนที่จขกทบอก เราไม่รู้ว่าคนอื่นคิดยังไงอะ แต่เวลาเราเห็นคนพูดจาแรงๆกัน เราอ่านแล้วไม่สบายใจเลยอะ จะว่ากระแดะก็แล้วแต่คนคิดแล้วกัน (ก็เข้าใจนะ ว่าเรายอมรับความเสี่ยงเอง เวลาคลิคกระทู้ต่างๆ ว่าอาจจะมีอะไรแรงๆ) อย่างเมื่อก่อนห้อง mbk แรงมากๆ (เดี๋ยวนี้ไม่รู้เป็นอย่างไร) เราก็เข้าไปอ่านไปตอบ ตอนหลังตัดความเครียด อิอิ ด้วยการไม่เข้าไปอ่านเลย นอกเรื่อง: เราเองบางทีก็เห็นไม่ตรงกับน้าแมวนะ หวังว่าคงไม่ใช่คนที่น้าแมวด่า เพราะเราใช้กล้องไม่ถึงแสน อิอิ คือตอนนั้นเราติดใจเรื่อง superzoom จริงๆ และบางทีเราก็ว่าน้าแมวแรงเกินไป แต่บางทีก็เห็นด้วย หวังว่าน้าแมวคงไม่เหมาความเห็นของคนที่เห็นไม่ตรงกับน้าแมว ว่าเป็น trolls ไปหมดนะ ไม่อย่างนั้นแล้ว เวลาเราเห็นอะไรไม่ตรงกับน้าแมว เราคงไม่กล้าโพสแย้งแล้วหล่ะ จากคุณ : ZT1260 เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 15:24:59

ความคิดเห็นที่ 80 ช่วงนี้ทำไมรู้สึกว่า............................. บัตรผ่านกากๆ ทำกระทู้ดีๆ กลายเป็นกระทู้เกาเหลา ม่าม่า มาหลายกระทู้แล้ว จากคุณ : heat shock เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 15:35:37

ความคิดเห็นที่ 81 เรื่องลิขสิทธิ์นี่ มีหลายอย่างครับ ไม่เหมือนกัน บางการประกวด แค่ส่งภาพเข้าประกวด ก็ถือว่ามอบลิขสิทธิ์ให้ผู้จัดประกวดทันที กฎแบบนี้ผมเห็นมาแล้วกับตา อย่าคิดว่าไม่มี ตามกฎหมายแล้ว เจ้าของภาพไม่มีสิทธิ์ที่จะใช้ประโยชน์อื่นใดในภาพนั้นได้ ยกเว้นตามที่กฎหมายลิขสิทธิ์ให้ไว้ เช่นเก็บไว้ดูเป็นการส่วนตัวในครอบครัว คิดง่ายๆ คือ เหมือนกับว่าเป็นภาพของคนอื่น ผู้จัดประกวดสามารถเอาภาพไปขายได้ อีกแบบนึง คือให้สิทธิ์ขาดในการใช้งาน ภาพยังเป็นลิขสิทธิ์ของเราอยู่ เราเอาไปหาประโยชน์ได้ และผู้จัดประกวด ก็เอาไปหาประโยชน์ได้เช่นเดียวกันกับเรา เหมือนเป็นเจ้าของภาพอีกคนหนึ่ง เช่นเอาไปให้คนอื่นเช่าสักปี เพื่อใช้ภาพนั้นพิมพ์โฆษณาได้ โดยไม่ต้องสนใจเราเลย สองแบบข้างบนนี่แหละ ที่เราไม่เห็นด้วย ถ้าจัดประกวดปีละไม่กี่ครั้ง ก็เปิดบริษัทขายภาพถ่ายได้สบายๆ ไม่ต้องแบ่งกำไรให้เจ้าของภาพตัวจริงด้วย หรือถ้าเกิดมีบริษัทหัวใส ไปขอซื้อสิทธิ์ภาพถ่าย จากบริษัทที่จัดประกวดภาพ มาสต็อกไว้ ก็เท่ากับมีคลังภาพไว้ขายเลย เพราะบริษัทที่จัดประกวด พอผ่านไปสักปีนึง ก็ไม่ได้ใช้ภาพนั้นแล้ว ภาพก็ไปกองอยู่ไหนก็ไม่รู้ เออ.. น่าทำเว้ย แค่ซื้อสิทธิ์ภาพถ่ายถูกๆ จากบริษัทที่เคยจัดประกวดภาพก็มีภาพในสต็อกเป็นหมื่นภาพแล้ว จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 17:48:00

ความคิดเห็นที่ 82 ขอบคุณน้าอะธีลาส  มาก ๆ ครับ สำหรับข้อมูล อ่านเสร็จแล้วทำให้ได้คิดหลายอย่างเลยครับ "ถ้าจัดประกวดปีละไม่กี่ครั้ง ก็เปิดบริษัทขายภาพถ่ายได้สบายๆ ไม่ต้องแบ่งกำไรให้เจ้าของภาพตัวจริงด้วย หรือถ้าเกิดมีบริษัทหัวใส ไปขอซื้อสิทธิ์ภาพถ่าย จากบริษัทที่จัดประกวดภาพ มาสต็อกไว้ ก็เท่ากับมีคลังภาพไว้ขายเลย"..........Good Idea มาก ๆ เลยครับน้าอะธีลาส เดี๋ยวจัดประกวดมั่งดีกว่า...อิอิอิ...ว่าแต่ว่าจะมีใครส่งภาพมาประกวดกับผมมั๊ยเนี่ย 555 จากคุณ : Supermop เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 17:58:55

ความคิดเห็นที่ 83 ว่ากันไป ไม่มีปัญหาเรื่องนี้ เพราะไม่มีปัญญาส่งประกวด 555 จากคุณ : ไม่ผ่านการตรวจสอบ เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 19:29:24

ความคิดเห็นที่ 84 แมวว่าคนอื่น troll ก็ว่าไป เหตผลหามาแย้งไม่ได้ก็เท่านั้น ที่ผมกล้าเปิดฉากชนเพราะเป็นความคิดหนึ่งที่ผมสามารถสื่อได้ แรงแบบนี้มันก็ไม่ต่างอะไรกับตัวเอง ก็ลองเอากระจกมาส่องตัวเองละกัน คนด่าผมกาก ทั้งที่ที่ผมพูดมันคือความจริง ที่เกิดขึ้น การพัฒนาวงการถ่ายภาพมันไม่ได้แปลว่าต้องมาจากการประกวดอย่างเดียว การสร้างสรรค์งานใหม่ๆ กับ สิ่งจูงใจ มันเป้นของคู่กัน หัวใจของการตัดสินภาพถ่ายคืออะไร ที่ไม่ใช่งานกะโหลกกะลา ... ความชอบส่วนบุคคลเหรอ? ถ้าไม่ใช่ภาพเเนว pictorial เเล้ว กี่ครั้งที่ผู้จัดเอางานที่ได้ ที่หนึ่งหรือสองไปใช้งานจริงๆจังๆ ทำไมเขาเอาพวกที่ส่งร่วมเข้ามาที่ได้ชมเชยหรืออาจจะไม่ได้อะไรเลยไปใช้ เป็นเหตผลที่คนที่อยู่วงการประกวด ส่งจริงๆจังๆ จะเข้าใจ ส่วนการเลือกที่จะไม่ส่งหรือเลือกที่จะไม่สนับสนุนองค์กรใดๆที่จะออกมาจัดการประกวด คุณเลือกได้ครับ แต่ถ้าเอาใจเขามาใส่ใจเราแล้วจะเข้าใจ เข้าใจว่าเก่งครับแมว ได้รางวัลสองงาน ฟาดไปหลายแสน อืม ... คุณคือใครผมไม่ทราบ แต่ไม่คุ้น แต่ที่แน่ๆ ผมว่าคุณธาตุไฟแตก เริ่มพูดจาไม่รู้เรื่อง ด่าสะเปะสะปะตามสไตล์แมว ภาษาแมว ถ้าคิดว่าคนอื่น troll นะครับ ... ลองดูหมาตัวหนึ่งที่โดนตั้งกระทู้ด่าลามไปนู่นกว่าหลายร้อย comment ... ไม่ต้องบอกว่าใคร ไปคิดเอาเอง ผมว่าไอ้นี่แหละโคตรแห่ง troll ตัวจริงครับ ผมยิ่งอ่านที่พิมพ์มา ยิ่งขำกะคนที่ไม่รู้ตัวเอง ก่อนจะแนะนำให้คนอื่นดูกระจก อย่าลืมบอกตัวเองด้วยครับ จากคุณ : ... เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 23:48:07 A:58.11.86.150 X: TicketID:311826

ความคิดเห็นที่ 85 น้อง ZT1260 ครับ .. "คน" ที่เถียง, ขัดแย้ง, วิวาทะ ฯลฯ กับผม มีจำนวนไม่ถ้วน แต่คน ก็คือคน กล้ายืนหยัด เงยหน้าสู้ฟ้า สบตาอีกคน ซัดกันตรงๆ ไม่ใช่ลูกหมา เอ๊ย troll ที่เวลาจะคลานออกมากัดคน ต้องเอาหนังหมามาคลุมตัวก่อน เพื่อให้ดูเหมือนว่า ข้าก็แน่ กรูไม่กลัวเมิง แล้วก็วิ่งเข้ากัดขาด้านหลังก่อนวิ่งหนีจู๊ดไปซ่อนใต้ชายกระโปรง ไม่กล้าให้ใครพบใครเห็น เกือบเหมือนพวก  troll ทั่วๆไปที่กลัวแสงอาทิตย์นั่นแหละครับ แต่เผอิญ troll แถวนี้ ... เป็นเผ่าพันธ์ troll ชั้นต่ำ ... พันธ์ under-petitecoat troll ก็เท่านั้นเอง อย่างน้องเอง ไม่ชอบใจใน คห.ผม น้องก็ว่าผมตรงๆ ไม่เห้นจำเป็นต้องถอดล็อกอินเหมือนพวก ... underwear-on-head troll เลย อย่างนี้ เขาเรียกว่า "มนุษย์"ผู้ชายแท้ๆครับ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 54 00:03:18

ความคิดเห็นที่ 86 บ๊ะ เข้ามาเจอดราม่ากลางดึก เผ่นดีกว่า .. ยายลาย จากคุณ : chawakit เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 54 00:12:39

ความคิดเห็นที่ 87 ช่วยตอบ #76 ให้ "ระหว่าง จัดประกวดถ่ายภาพ โดยมีเงื่อนไขข้างต้น กับ ไม่จัดประกวดเลย อย่างไหนทำลายวงการถ่ายภาพมากกว่ากันครับ" จัดประกวดโดยมีเงื่อนไขข้างต้น ทำให้บริษัทต่างๆได้ภาพเป็นกอบเป็นกำจากนักถ่ายมือสมัครเล่น บางทีก็พอใช้ได้ เลยไม่ต้องไปว่าจ้างช่างภาพมืออาชีพ ทำให้ปริมาณงานของช่างภาพมืออาชีพลดลง ไม่สามารถยึดเป็นอาชีพได้ สุดท้ายก็ต้องเปลี่ยนไปทำอาชีพอื่นแทน ส่วนมือใหม่ที่สนใจอยากจะพัฒนาตนเป็นช่างภาพมืออาชีพ ก็เปลี่ยนใจไปทางอื่น เพราะทางนี้ไม่สามารถทำเป็นอาชีพหาเลี้ยงตัวเองได้ อย่างงี้คือการทำลายวงการถ่ายภาพไหมครับ ถ้าไม่จัดประกวดเลย วงการช่างภาพก็ยังอยู่ได้ครับ มือสมัครเล่นก็ถ่ายก๊อกๆแก๊กๆไป รับงานราคาถูกบ้างไปตามเรื่อง ส่วนช่างภาพมืออาชีพก็รับงานระดับคุณภาพ คิดราคาแพงหน่อย เพียงแต่ไม่มีเกมให้แข่งขัน ขาดสีสันไปบ้าง อาจจะทำให้การเล่นกล้องไม่ถูกโปรโมทอย่างกว้างขวาง เลยไม่ได้เล่นกันอย่างแพร่หลายก็เท่านั้น แต่ก็ยังพัฒนากันต่อไป อาจจะเฉพาะกลุ่มหน่อยก็เท่านั้นเอง จากคุณ : ภูเขา ทะเล และฉัน เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 54 00:58:49

ความคิดเห็นที่ 88 ชอบกระทู้แอคชั่นครับ.... รอชมฉากไคลแมกซ์ จากคุณ : Abolys เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 54 07:32:39

ความคิดเห็นที่ 89 เขาเรียกว่าแทคติกครับ อิอิ จากคุณ : บางเบิดทะลุ เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 54 08:26:33

ความคิดเห็นที่ 90 มันก็อยู่ที่เรา  เค้าก็บอกแหละ ถ้ายอมรับไม่ได้ ก็อย่าส่งแต่แรก...จะได้ไม่ต้องคิดมาก จากคุณ : เจ้าหนูจอมมึน เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 54 10:57:03

ความคิดเห็นที่ 91 ขอบคุณน้าแมวมากที่มาตอบ ได้ยินน้าแมวมาตอบแบบนี้ก็สบายใจขึ้นเยอะ :) (พอดีเมื่อวานพึ่งเจออุบัติเหตด้วย ก็เลยจิตตกอย่างแรง) ลอกการบ้านน้าSupermop "ขอบคุณน้าอะธีลาส  มาก ๆ ครับ สำหรับข้อมูล" จากคุณ : ZT1260 เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 54 11:19:51

ความคิดเห็นที่ 92 หากเป็นการจัดประกวดด้วยเจตนาเลวๆ เอารัดเอาเปรียบสังคม มันจะจบแค่ "รับกติกาไม่ได้ก็ไม่ต้องส่งประกวด" ไม่ได้ครับ เพราะต้องถามว่า เจตนาคืออะไร เจตนาการจัดประกวดถ่ายภาพคืออะไร ตกลงคุณจัดประกวดถ่ายภาพเพื่อทำธุรกิจ เพื่อทำกำไร หวังจะหารูปมาใช้งานเยอะๆ ลงทุนน้อยๆ หรือคุณจัดประกวดภาพถ่ายเพื่อสนับสนุนศิลปการถ่ายภาพ ถ้าคุณจัดประกวดภาพถ่ายเพื่อสนับสนุนการถ่ายภาพ ก็เอากติกาที่ "ภาพทุกภาพแม้ไม่ได้รางวัลคุณก็เอาไปใช้ได้" จงเอากติกาข้อนี้ออกไปเสีย เพราะกติกาข้อนี้นั้น มันไม่เกี่ยวกับการสนับสนุนศิลปการถ่ายภาพเลย กติกาข้อนี้นั้น มันเพื่อความเห็นแก่ได้ของกองจัดการประกวด ถ้ากองจัดประกวดไม่เห็นแก่ได้ แต่จัดประกวดเพื่อเห็นแก่วงการถ่ายภาพ ก็เอากติกาข้อนี้ออกไปเสีย เพราะกติกาข้อนี้ มันไม่ใช่เพื่อคนประกวด แต่ถ้าคุณจัดประกวดถ่ายภาพเพื่อทำธุรกิจ โอเคทำได้ แต่การทำธุรกิจที่เป็นธรรมคือ Win-Win Win ตรงที่คุณได้รูปไปใช้งานตามควรแก่สภาพ Win ตรงที่คนส่งรูปประกวด "เฉพาะที่ได้รางวัล" จึงถูกนำรูปไปใช้ ก็สมควรแล้ว ถูกต้องแล้ว แต่ถ้าอ้างว่าการจัดประกวดมีต้นทุน จึงอยากจะฮุบซะทุกรูป ถ้าไม่ได้ฮุบทุกรูป คิดว่าการจัดประกวดจะขาดทุน ถ้าคิดว่ากิจกรรมนี้เป็นแบบธุรกิจ มีกำไรขาดทุนเช่นนี้ "ก็อย่าทำซิครับ ใครใช้ให้ทำ ไม่มีใครบังคับเช่นกันครับ" แต่เมื่อเห็นว่าทำกิจกรรมอย่างนี้ กำไรที่ได้ คือการได้โฆษณาประชาสัมพันธ์องค์กร (แถมได้รูปไปใช้งาน) ก็จงตระหนักว่าต้นทุนเป็นหมื่นเป็นแสนในการจัดประกวดนั้น "มันโครตถูกอยู่แล้วถ้าเทียบกับไปซื้อสื่อเพื่อโฆษณา" ดังนั้นก็จงทำให้การจัดประกวดนั้น จัดแล้วอยู่ได้ด้วยต้นทุนนั้น นั่นก็คือเอาประโยชน์กลับคืนไป "เฉพาะรูปที่ได้จ่ายรางวัลไป" ย้ำ.. ถ้าคิดว่า "ไม่มีใครบังคับให้ส่งรูปเข้าประกวด" ก็จงระลึกด้วยว่า "ก็ไม่มีใครบังคับให้คุณจัดประกวดเช่นกัน" อย่าจัดประกวด ถ้าคิดว่าไม่คุ้ม ถ้าจัด ก็ต้องจัดให้มันแฟร์ๆกับทุกคน เฉกเช่นการทำธุรกิจ ที่ต้องแฟร์ต่อสังคม ถ้าคิดจัดประกวดแบบดันทุรัง รู้อยู่ว่าไม่คุ้ม พอจะเอาให้คุ้ม ก็คิดไปเอาประโยชน์จากรูปภาพที่ไม่ได้ให้รางวัลเขา อย่างนี้มันเป็นการทำธุรกิจที่แย่ครับ (ไม่อยากใช้คำว่า เลว) แย่เหมือนตั้งราคาอาหารไว้ให้ดูว่าราคาถูกๆ ว่าจานละสิบห้าบาท แต่พอเสริฟแล้วมีแต่ข้าวจีบมือนึงกับเศษหมูสองสามชิ้น จะอ้างว่าราคาก็บอกแล้วว่าสิบห้าบาท แล้วก็ไม่บังคับซื้อ มันไม่ใช่ ถึงราคาข้าวจานนั้นแค่สิบห้าบาท ถึงไม่บังคับซื้อ แต่ซื้อแล้วเจอข้าวจีบมือนึงกับเศษหมูสองสามชิ้น มันก็เป็นการค้าขายที่แย่ครับ ค้าขายอย่างนี้ อย่าค้าดีกว่า ดังนั้น ถ้าคิดจะทำสิ่งที่ไม่เป็นธรรมให้กับผู้ส่งรูปเข้าประกวดที่ไม่ได้รางวัล ก็อยากจะบอกว่า "ไม่มีใครบังคับให้คุณจัดประกวดเช่นกัน" ถ้าจัด จัดให้เป็นธรรมครับ "ไม่มีปัญญาจัดให้เป็นธรรม ไม่ต้องจัด" การที่จัดประกวดแล้วคิดจะ "ฮุบ" รูปที่ "ไม่ได้รับรางวัล" การที่ตั้งกติกาไว้เพื่อหวัง "ฮุบ" รูปทุกรูป ผมว่า นั่นก็เป็นธุรกิจที่ไม่เป็นธรรมแล้วครับ ก็คุณไม่ได้จ่ายเงินจ่ายรางวัลให้เขา แต่ดันจะเอารูปเขาไปใช้ เอ้า.. แล้วรูปที่ได้รางวัลที่ 1-3 รวมรางวัลชมเชย ไม่พอใช้งานหรือไง ไม่ได้จ่ายเงินจ่ายรางวัลอะไรให้เขา แต่คิดตั้งกติกาเข้าข้างตัวเอง แค่เขาส่งรูปเข้าประกวด ก็จะยืดรูปเป็นกรรมสิทธิ์เลยหรือ ค้ากำไรเกินควรมั๊ง.. มันไม่ Win-Win กับคนที่ไม่ได้รับรางวัลแล้วครับ เมื่อการจัดประกวดคือธุรกิจ (ซึ่งบอกแล้วว่าทำได้ ไม่ผิด) แต่เมื่อการจัดประกวดเป็นธุรกิจ ที่ไม่เป็นธรรม นั่นคือความไม่ดีแล้วครับ ความไม่ดีก็คือ "ความเลว" นั่นแหละ เมื่อเห็นการทำธุรกิจที่ไม่เป็นธรรม เห็นการทำธุรกิจที่ไม่ดี คนที่รู้ คนที่เห็น ไม่เพียงแต่ไม่เข้าร่วม "สังฆกรรม" ด้วย แต่สมควรที่คนในสังคมที่รู้ที่เห็น ควรช่วยกันบอกต่อ บอยคอต และประนามครับ ไม่ใช่ให้ผมอยู่เฉยๆแล้วบอกว่า "รับกติกาไม่ได้ก็ไม่ต้องส่งประกวด" เฉกเช่น เห็นคนขายของต่ำกว่าคุณภาพมากๆ ไม่เพียงแต่ไม่ซื้อ แต่สามารถเตือนคนอื่นๆ และประนามธุรกิจที่เอารัดเอาเปรียบเห็นแก่ได้ เฉกเช่น เข้าไปหลังร้านอาหาร แล้วเห็นล้างผักข้างโถส้วม ไม่เพียงแต่เดินออกจากร้าน ไม่กิน แต่สะกิดเตือนคนอื่น และแสดงความไม่พอใจกับร้านอาหารที่มักง่าย เฉกเช่น เห็นพ่อค้าขายขนมใส่สีสารพิษล่อเด็ก ไม่เพียงแต่ไม่ซื้อให้ลูกหลานของตน แต่บอกคนอื่นๆให้ระวัง และด่าประนามพ่อค้าที่ขายของผิดอนามัยให้เด็กด้วย สิ่งเหล่านี้ไม่จบแค่ "ไม่พอใจก็อย่ามาซื้อของต่ำคุณภาพ" สิ่งเหล่านี้ไม่จบแค่ "ไม่พอใจก็อย่ามากินอาหารร้านนี้" สิ่งเหล่านี้ไม่จบแค่ "ไม่พอใจก็อย่ามาซื้อขนมใส่สีที่เป็นสารมีพิษ" ใครที่บอกว่า "จบ" จบเฉพาะตัวเรา แล้วจะปล่อยให้พ่อค้าหากินเยี่ยงนี้ต่อไป ใช่ไหม? ดังนั้น หากเจตนาเบื้องหลังการจัดประกวดภาพถ่ายคือ "ความไม่ดี" ค้ากำไรเกินควร ตั้งกติกาเอาเปรียบ อาศัยช่องโหว่ของกฏหมาย มันจึงไม่จบแค่ไม่ส่งรูปครับ แต่คนพบเห็นที่รับรู้ สามารถแสดงความไม่พอใจ เพื่อมิให้มีการทำธุรกิจแบบไม่เป็นธรรมในวงการประกวดถ่ายภาพต่อไป ครั้งหนึ่งที่การสูบบุหรี่ในที่ชุมชน ยังไม่ผิดกฏหมาย คุณจะสูบก็สูบไป อาจเป็นสิทธิของคุณ ณ เวลานั้น ไม่ผิดกฏหมาย แต่ผิดกฏสังคมครับ สมัยนั้น ถ้าคุณสูบในที่ชุมชน ในที่ที่มีคนไม่ชอบควันอย่างผม และอาจมีเด็ก ผู้หญิง คนแก่ คนท้องอยู่ใกล้ คุณจะมาพ่นควันบุหรี่ปุ๋ยๆ โดยอ้างว่าไม่ผิดกฏหมาย ก็ทำไป สิทธิของคุณ แต่สิทธิของผม ของเด็ก ผู้หญิง คนแก่ คนท้อง ที่ไม่ชอบควันบุหรี่ ก็คือขอร้องให้คุณหยุดสูบเสีย เพราะมันเห็นแก่ตัว มันไม่ดีกับคนอื่น แล้วถ้ายังไม่เชื่อ จะสูบพ่นควันปุ๋ยต่อ อ้างว่าไม่ผิดกฏหมาย การไม่ผิดกฏหมาย ไม่ได้หมายความว่า "ไม่ผิดในความเป็นคน" ถ้าผิดในความเป็นคนแล้วไม่คิดจะรับรู้ ก็อาจต้องลอง "ด่า" ดูบ้าง เผื่อจะหน้าบางพอที่จะหยุดพฤติกรรมสูบบุหรี่ในที่ชุมชนลงได้ ดังนั้น เมื่อเป็นสิทธิของกองจัดประกวดภาพถ่าย เมื่อยังไม่มีกฏหมายห้าม คิดจะจัดกติกาฮุบรูป แบบเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ก็ทำไป แต่สิทธิของผมคือร่วมด้วยช่วยคุณแมว "ประนาม" ครับ เพราะการไม่ผิดกฏหมาย ไม่ได้หมายความว่า ไม่ผิดในในการเป็นองค์กรธุรกิจที่เห็นแก่ได้ในสังคม กล่าวคือหากเป็นธุรกิจที่หากินอยู่ในสังคม แล้วคุณจะไม่แคร์สังคมที่ก่นด่าประนาม ก็ให้รู้กันครับว่าธุรกิจไหนจะไม่แคร์ จะทำเยี่ยงนี้ อนึ่ง ลองดูตัวอย่างต่อไปนี้ ผมขอจัดประกวดภาพถ่าย "กระบือในลานหญ้า" เงินรางวัลชนะเลิศ ห้าหมื่นบาท และรางวัลชมเชย 3 รางวัล รางวัลละพันบาท ภาพที่ส่งเข้าประกวด ให้ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของผม การตัดสินของ "กรรมการ" ถือเป็นเด็ดขาด แต่เบื้องหลังการประกวดนี้คือ 1. ผมเองเป็นกรรมการเอง (ไม่ได้บอกนี่จะเชิญใครมาตัดสิน) 2. ผมจะตัดสินว่า ไม่มีภาพควรแก่การชนะเลิศ แต่จะตัดสินให้รางวัลชมเชยไป 3 รางวัล เป็นเงินสามพัน 3. ภาพทุกภาพที่เข้าประกวด เป็นของผม ด้วยเงินสามพัน คุ้มจริงๆ 4. หากมีข้อครหา ก็จะบอกว่า "รับกติกาไม่ได้ ส่งประกวดทำไม การตัดสินของกรรมการ ถือเป็นเด็ดขาด" ก็ลองพิจารณาดูครับว่า ถ้าผมทำอย่างนี้อาจไม่ผิดกฏหมาย แต่เจตนามันเลวไหมละครับท่าน ถ้าเลวแล้ว ก็ปล่อยให้ผมทำไปได้ใช่ไหมครับ ใครรู้ใครรับกติกาไม่ได้ก็อย่าประกวดกับผม จบ ใช่ไหมครับ ส่วนใครไม่รู้ ก็ปล่อยเป็นหมูเข้าเล้าที่ผมวางดักไว้ได้ ใช่ไหมครับ. ปล.ขออภัยครับ หากข้อความของผมจะยาว แต่ทุกความเห็นก่อนหน้าผมกว่า 80 ความเห็น ก็ยาว และผมก็ใช้เวลาอ่าน ผ่านตาเกือบทุกความเห็นเช่นกันครับ จากคุณ : ผีกรุแตก เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 54 12:31:39

ความคิดเห็นที่ 93 โห....น้าผีฯ...เหมือนฉากแอคชั่น ตอนจบเลยครับ   ชัดเจน แรงตรงประเด็น เข้าใจง่ายมาก.......นับถือ ๆ อยากให้กระทู้นี้คงอยู่อย่างนี้ครับ  เห็นการจัดประกวดภาพที่ไหน ที่กติกาเป็นแบบนี้  ก็ฝากเอาลิงค์ไปแปะให้คณะจัดการได้อ่านความรู้สึกของคนถ่ายภาพกลุ่มเล็ก ๆ ที่เค้ามีต่อการจัดประกวดบ้าง จากคุณ : Supermop เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 54 13:31:45

ความคิดเห็นที่ 94 ไม่รู้นะ เมื่อผมแสดงความเห็นในกระทู้นี้ผมอาจโดนยำเละด้วยข้อหา อวยพ่อค้าหน้าเลือด, ไร้จิตอาสา, เห็นแก่ตัว, ฯลฯ แต่ผมอยากพัฒนาสังคม อยากแบ่งปันประสบการณ์(อันน้อยนิด) ให้เพื่อนๆในนี้ ได้เอาไปเรียนรู้กัน จะต่อว่าต่อขานยังไงก็เชิญครับ แต่ในฐานะคนห้องกล้องด้วยกันของให้เพลาๆมือหน่อย ก็แล้วกัน อ่านๆดูแล้วผมรู้สึกซ๊อคกับตรรกของบางท่าน รู้สึกงงกับประสบการณ์ในอาชีพช่างภาพ และสุดท้ายแล้ว ผมไม่แน่ใจว่าเมืองไทยมีช่างภาพอาชีพหรือไม่ ถ้ามีทำไมมืออาชีพทั้งหลายถึงต้องเดือดร้อนกับ กติกาเหล่านี้ด้วยก็ไม่รู้  รู้สึกว่า "เฮ้ย พวกเอ็งลืมอะไรกันไปหรือเปล่า คิดถึงแต่เงินจนลืมอะไรไปหรือเปล่า" คุณเจ้าของกระทู้ตั้งคำถามมาว่าเมื่อไหร่กติกาประเภทริบสิทธิ์ในการใช้งานภาพถ่ายที่ส่งเข้าประกวดจะหมดไป ผมตอบตรงนี้เลยครับว่า "ฝันไปเถอะครับ" คงมีแต่การประกวดภาพในพันทิปนี่ล่ะครับที่มีกติกาเป็นอย่างนั้น ถ้าข้างนออกโน่นเค้าเคยทำกันมาอย่างนี้เค้าก็จะทำไปเรื่อยๆ ตราบใดที่ยังสามารถเรียกคนเข้าประกวดได้ ตราบใดที่ยังสามารถหากำไรจากการประกวดภาพได้ กติกามันก็ยังคงเป็นเช่นนั้น ขอให้คุณเจ้าของกระทู้ และเพื่อนๆทุกท่านในที่นี้จดเอาไว้ก่อนได้เลยครับว่า "บริษัทใดๆก่อตั้งขึ้นก็เพื่อวัตถุประสงค์เดียวเท่านั้นคือ การแสวงหาประโยชน์สูงสุดให้กับบริษัทตัวเอง" แค่นั้นครับไม่มากไม่น้อยไปกว่านี้ จริง-ไม่จริงอย่างไรไปลอง ตั้งบริษัทดูแล้วก็จะเข้าใจ แต่คำว่ากำไรสูงสุดของแต่ละคนไม่เท่ากัน บางคนมองระยะสั้น กอบโกยๆๆๆ แล้วก็หนี บางคนมองระยะยาว สร้างความมั่นคง วางรากฐานให้คนรุ่นต่อๆไปมาสืบทอด บางคนมองถึงคุณธรรมไม่ยอมแม้กระทั้งขาย สินค้าเอากำไร(คุณธรรมสูงสุดคือผลประโยชน์สูงสุด) จนตัวเองเจ๊งก็มีให้เห็นกันอยู่เสมอๆ บางที่ก็ผสมผสาน ดีบ้าง-เลวบ้าง กำไรบ้าง-ขาดทุนบ้าง ก็ว่ากันไป ผมในฐานะคนเล่นกล้อง ความฝันสูงสุดของผมมีแค่การได้ภาพสวยๆสะกดสายตาผู้ชมสักภาพ ให้ภาพนั้นอยู่ใน ความทรงจำของผู้ชมไปจนวาระสุดท้ายของเค้า เท่านั้นผมก็ยินดีเป็นที่สุดแล้ว ไม่ได้มีความคิดที่จะไปรับงาน ถ่ายรูปนอกสถานที่, รับปริญญา, ฯลฯ ดังนั้นเรียกผมมือสมัครเล่นได้เลย ยอมรับตรงนี้เลยว่า "มือสมัครเล่น" แต่ในชีวิตปกติทุกๆวันผมเป็น "มืออาชีพ" ในงานของผม ดังนั้นผมเข้าใจดีครับว่ามืออาชีพต้องทำอย่างไร อะไรเป็นหัวใจของมืออาชีพ การก้าวขึ้นสู่ความเป็นมืออาชีพต้องทำอะไร และต้องเสียอะไรไปบ้าง คำว่ามืออาชีพนั้น หมายความว่าคุณจะต้อง "ขายผลงาน" ให้กับคนที่พอใจในผลงานของคุณ เมื่อใดก็ตามที่คุณ ต้องขาย มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมีการติดต่อ กับ "พ่อค้า" ซึ่งมันอาจหมายถึงตัวคุณเองหรือพ่อค้าคนกลางก็ตามแต่ อย่างที่บอกไปในย่อหน้าแรกๆ ว่าบริษัท หรือพ่อค้านั้น มีหน้าที่เดียวคือหาประโยชน์สูงสุดให้กับตัวเอง ดังนั้นเมื่อทำการค้ากันย่อมต้องตั้งเงื่อนไขที่จะให้ตัวเองได้ประโยชน์สูงสุด เช่นเดียวกันในฐานะมืออาชีพ ย่อมต้องพิจารณาถึงเงื่อนไขเหล่านั้นว่ารับได้หรือไม่ ก่อนที่จะทำการค้ากัน เมื่อตกลงค้าขายกันแล้ว มืออาชีพย่อมต้องรักษาสัญญาที่ได้ยอบรับไปแล้วนั้นอย่างดีที่สุด ไม่ว่าจะพอใจหรือไม่สัญญาย่อมมีความสำคัญ เหนือสิ่งอื่นใด การไม่รักษาสัญญาถือว่าเป็นการ "โกง" ซึ่งเป็นสิ่งที่มืออาชีพจะต้องไม่ทำเป็นอันขาด ผมมองว่าการที่ผู้จัดการประกวด ได้แสดงรายชื่อกรรมการ และเงื่อนไขต่างๆให้ทราบแล้วนั้นเป็นการบอกเงื่อนไข ในการค้าให้คุณทราบแล้ว หน้าที่ของมืออาชีพ หรือผู้ที่ต้องการจะเป็นมืออาชีพคือ พิจารณาเงื่อไขเหล่านั้น ให้ถ่องแท้เฉกเช่นเดียวกับสัญญาจ้างงานอื่นๆพึงมี รับได้-รับไม่ได้พิจารณากันก่อนที่จะตัดสินใจ การที่เค้าแจงเงื่อนไขเหล่านี้ให้ทราบเท่ากับผู้จัดประกวดได้ทำหน้าที่ในฐานะมืออาชีพแล้ว แล้วช่างภาพล่ะ ได้ทำหน้าที่ในอาชีพของตนแล้วหรือยัง? บางท่านก็บอกว่าฉันแค่อยากจะกรุยทางสู่มืออาชีพนี่นา ยังไม่ได้เป็นมืออาชีพสักหน่อยไม่เห็นต้องเอาเปรียบ กันเลย ผมก็ถามต่อว่า แล้วอยากเป็นมืออาชีพมั๊ยล่ะ ถ้าอยากก็ต้องยอมจ่ายเพื่อโอกาส เพื่อประสบการณ์ หรือถ้าคิดว่าสามารถเป็นมืออาชีพด้วยเงื่อนไขอื่นๆได้ ก็ทำไปสิครับใครเค้าจะไปห้าม บ้างก็บอกว่า ทำอย่างนี้ทำให้มืออาชีพจริงๆหากินลำบาก อย่างงี้ผมว่ามันออกจะตลกน่ะครับ คุณเป็นมืออาชีพ แต่กลับไม่สามรถสร้างผลงานที่มีคุณค่าได้มากพอที่จะนำไปขาย แต่ปล่อยให้มือสมัครเล่นขายของตัดราคา ได้ แล้วมาโวยวายว่าไม่ยุติธรรม ลองดูมุมกลับว่ามันยุติธรรมกับลูกค้าหรือไม่ที่เค้าซื้อผลงานของคุณไป ในคุณภาพมือสมัครเล่น แต่คุณเก็บเงินในราคามืออาชีพ? ในฐานะมืออาชีพคนหนึ่ง ผมกล้าบอกเลยว่า ถ้าสินค้าของคุณดี เป็นที่ต้องการของตลาด คุณจะขายสินค้า ของคุณในราคาเท่าใดก็ได้ ไม่ต้องกลัวใครมาบีบราคา ไม่ต้องกลัวใครมาตัดราคา แต่ถ้าสินค้าของคุณห่วย ต่อให้คุณสักกลางหน้าผากว่ามืออาชีพ มันก็ไม่ได้ช่วยอะไร ผมมองว่า ผลประโยชน์ที่ช่างภาพสมัครเล่นจะได้ในการส่งภาพเข้าประกวดคือการได้สัมผัสกับพ่อค้า ได้รู้จักกับผู้คน ได้สร้างชื่อให้คนอื่นๆได้เห็น ถามว่าถ้าทำเองคุณต้องใช้ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่? ถ้าทำผ่านการ ประกวดล่ะ คุณเสียสิทธิ์ในภาพของคุณไม่กี่ภาพแลกกับการที่คุณเป็นที่รู้จัก อย่างนั้นมันคุ้มค่าหรือไม่ ถ้าคุณพิจารณาแล้วว่า งานของคุณมีคุณค่ามากกว่านั้น ก็ไม่จำเป็นต้องรับเงื่อนไขการประกวด สู้เอาไปขาย ใน I-Stock ไม่ดีกว่าหรือ จะไปขายของคุณภาพสูงในราคาต่ำทำไม หรือจริงๆแล้วก็ส่งๆมันไปอย่างนั้น เผื่อฟลุ๊ค  ถ้าประกวดไม่ผ่านค่อยเอาไปขายทอดตลาด คิดอย่างนี้กันใช่หรือไม่? อย่างนี้เองผมจึงมีความสงสัยว่า วงการภาพถ่ายของเรามีมืออาชีพจริงๆหรือ หรือมืออาชีพจริงๆ เค้าไม่ได้เดือดร้อนจนเข้ามาโวยวายในนี้ ในอาชีพของผมเค้าไม่ทำกันอย่างนี้หรอกนะครับจะบอกให้ แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 54 14:24:39 จากคุณ : Beastie_Thai เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 54 14:22:45

ความคิดเห็นที่ 95 การประกวดถ่ายภาพ ไม่ใช่การซื้อ-ขายภาพครับ ไปหยิบโบรชัวร์การประกวดมาดูซิครับ วัตถุประสงค์ของการจัดประกวดถ่ายภาพคืออะไร ? เห็นอ้างกันทั้งนั้น - เพื่อส่งเสริมศิลปการถ่ายภาพ - เพื่ออนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม - เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว - ฯลฯ ล้วนอ้างว่าเพื่อสังคมทั้งนั้น มิใช่หรือ มีวัตถุประสงค์การประกวดที่ไหนไหม ที่บอกว่า ที่บริษัทมาจัดประกวดเพราะอยากได้รูปมากๆเอาไปใช้งาน แต่ไม่อยากจ่ายเงินแพงๆ เพื่อซื้อภาพหรือจ้างช่างภาพโดยเฉพาะ แต่อยากจ่ายน้อยๆ ได้รูปเยอะๆ เลยมาจัดประกวดเพื่อฮุบภาพ ? อีกประการหนึ่งอย่าลืมเสียซิ พึงทราบด้วยว่า การที่คุณจัดกิจกรรม ออกจดหมายเชิญชวนสื่อมาช่วยตีข่าว คุณอ้างว่านี่ "เป็นกิจกรรมเพื่อสังคม" ถ้าเป็นกิจกรรมเพื่อหากำไรของคุณเอง สื่อที่ไหนเขาจะมาทำข่าวลงข่าวให้ฟรีๆครับ ดังนั้นเมื่อเป็นกิจกรรมเพื่อสังคม สมควรไหมจะค้ากำไรเกินควร ด้วยการฮุบทุกรูปที่ส่งประกวด ? จากคุณ : ผีกรุแตก เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 54 14:33:02

ความคิดเห็นที่ 96 แมน ๆ ดีครับน้าBeastie_Thai ......ก็ต่างมุมคิดกันดีกครับ จากคุณ : Supermop เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 54 14:38:23

ความคิดเห็นที่ 97 ถ้าไม่ใช่การค้าขาย เอาเงินรางวัลทำไมครับ ถ้าไม่ใช่การค้าขาย กังวลทำไมครับถ้าเค้าจะเอาภาพของคุณไปใช้ ถ้าเพื่อสังคม คุณสนทำไมครับเงินรางวัล ถ้าเพื่อสังคม คุณสนด้วยเหรอครับว่าใครจะได้กำไร ถ้าคุณสนว่าใครจะกำไร-ขาดทุน นั่นมันไม่ใช่เพื่อสังคมแล้วครับ มันคืออาชีพ อันที่จริงแล้ว ถ้าอ้างคำว่าเพื่อสังคม แล้วมาพูดเรื่องเงิน ช่างภาพก็ไม่ได้ต่าง อะไรกับพ่อค้าหน้าเลือดหรอกครับ จากคุณ : Beastie_Thai เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 54 14:42:12

ความคิดเห็นที่ 98 เงินรางวัล.. " ไ ม่ ใ ช่ เ งิ น ค่ า ซื้ อ สิ น ค้ า ค รั บ " หรือใช่ ? ถ้าคิดจะซื้อ-ขาย ทำไมไม่ตั้งโต๊ะเจรจาซื้อขายครับ ตั้งโต๊ะซื้อขายไปซิครับ อย่าอ้างว่ามาจัด " ป ร ะ ก ว ด ภ า พ " ทำไมไม่ตั้งโต๊ะซื้อขายภาพครับ ง่ายและตรงไปตรงมากว่าเยอะ กลับไป " อ่ า น " วัตถุประสงค์ ของการจัดประกวดภาพครับ ว่านั่น คือการจัด " ป ร ะ ก ว ด ถ่ า ย ภ า พ " หรือว่าเป็น... " ป ร ะ ก ว ด ร า ค า ซื้ อ ข า ย " จากคุณ : ผีกรุแตก เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 54 15:10:57

ความคิดเห็นที่ 99 เงินรางวัล จากการประกวดและการแข่งขัน คือเงินจากการขายสินค้าครับ ย้ำตัวโตๆ เลยนะครับ "ว่าใช่" ถ้าใครไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้ ตอนกรมมสรรภากรมาเรียกเก็บภาษีรบกวนยืนยันกันตามนี้ด้วยนะครับ ไม่ว่าเราจะเรียกมันว่า "กิจกรรมเพื่อสังคม" "กิจกรรมพัฒนาวงการถ่ายภาพ" "การประกวดภาพถ่าย" หรือ "การประกวดราคาภาพถ่าย" ก็เถอะ ถ้ามีเงินเข้ามาเกี่ยวข้องมันก็คือ ธุรกิจ มันก็คือการขาย อย่างนี้สิครับถึงเรียกว่ากิจกรรมเพื่อสังคม http://www.pantip.com/cafe/camera/topic/O10660184/O10660184.html ถามใจตัวเองสิครับ แมนๆกันไปเลย ว่าที่ส่งๆประกวดกันเนี่ยไม่ได้หวังเงินกัน ไม่ได้หวังสร้าง ชื่อเสียงเพื่อประโยชน์ส่วนตัว แมนๆกันเลยว่าถ้าไม่มีรางวัลฉันก็จะส่งประกวด เพราะฉันต้องการ พัฒนาวงการฯโดยไม่หวังอะไรตอบแทน ถ้าเมื่อใดก็ตามคุณอยากได้เงิน มันก็กลายเป็นการค้าแล้วครับ เมื่อเป็นการค้ามันก็ต้องเป็นไป อย่างที่ผมกล่าวไว้ในความเห็นที่ 94 นั่นล่ะครับ ไม่ว่าเงินนั้นมันจะมาการชนะการประกวด หรือ เป็นเงินที่ได้จากการสร้างชื่อเสียงในกาประกวด หรือจากการนำเอาภาพตกรอบไปขายต่อการค้ามันก็คือการค้า จะมายกคำพูดสละสลวยแค่ไหน มันก็เป็นเช่นนั้น อย่ายกมาอ้างกันเลยครับ มันไม่งาม จากคุณ : Beastie_Thai เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 54 16:29:13

ความคิดเห็นที่ 100 ผมไม่ได้อ่านข้างบนทุกข้อนะครับ ยาวเกินจริงๆ นักเรียนถ่ายภาพที่อเมริกานี่จะถูกบอกให้พยายามส่งรูปประกวดอยู่เป็นประจำ เพราะมันจะกระตุ้นให้ตั้งใจทำงานมากขึ้น และถ้ามีรางวัลขึ้นมา ได้ตีพิมพ์ ก็จะมีชื่อเสียงและเข้าหาลูกค้า high end ได้สะดวก กลับมาที่งานประกวด ทุกๆที่เก็บเงินค่าส่งรูปนะครับ ราคานักเรียนอาจจะถูกกว่ามือสมัครเล่นหรือมืออาชีพ แต่ว่าไม่มีฟรีครับ ในกติกา เค้าบอกว่า ทางบริษัท (Epson, Canon, PDN, และอีกสารพัด) นำรูปไปใช้เพื่อการค้าของบริษัทได้ ทั้งลงเว็บ ตีพิมพ์ หรือทำอะไรก็ได้ โดยการบอกว่าเค้า have the right to use the images. right to use ไม่ใช่การโอนลิขสิทธิ์นะครับ แต่หมายถึงว่าเราให้สิทธิ์เค้าไปใช้ ซึ่งคนที่นี่ยอมรับ และเข้าใจ เพราะการประกวดภาพมันมีขึ้นเพื่อความสนุกสนาน และได้เห็นภาพของตัวเอง published ลงที่ต่างๆ ผมเข้าใจว่าการประกวดที่ไทยมีปัญหาเยอะ ส่วนนึงก็เพราะการแปลและตีความกติกาจากฝรั่งได้เพี้ยน และอีกส่วนที่ช่างภาพยอมไม่ได้คือการเอาเปรียบของบริษัท ถ้าอ่านกติกาแล้วไม่ชอบ ผมก็ไม่ส่งครับ การได้รางวัลจากการประกวดเล็กๆ ไม่คุ้มกับการต้องเหนื่อยจัด format ภาพให้ตรงตามกติกา และค่าสมัคร แต่ถ้าตัดสินใจส่งแล้ว ต้องลุ้นเพื่อความสนุกเท่านั้นนะครับ จากคุณ : Tum@EuroClub เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 54 16:58:41

ความคิดเห็นที่ 101 ฝรั่งก็แบบนึง วัตถุประสงค์นึง ของไทยก็อีกแบบนึงกระมังครับ เมื่อเป็นแบบไทยๆ ก็อยากบอกว่า กิจกรรมอะไรก็ตาม ที่มีเงินเข้ามาเกี่ยว ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องซื้อ-ขาย กำไร-ขาดทุน เสมอไป ยกตัวอย่าง.. บริษัทขายน้ำมันได้เงินจากการขายน้ำมัน กองเงินที่ได้มาจากการขายน้ำมัน ก็จะเอาไปเก็บ เอาไปใช้ในหลายอย่าง อย่างหนึ่งนั้นคือแบ่งจัดสรรเงินมาเพื่อการ โฆษณา-ประชาสัมพันธ์ โฆษณาคือบอกกล่าวให้สินค้าขายได้ ประมาณนั้น ไม่ฟรี ต้องเสียเงินซื้อสื่อ เป็นแสนเป็นล้าน ส่วนประชาสัมพันธ์ก็คือให้สินค้าเป็นที่รู้จัก ให้องค์กรเป็นที่ยอมรับ ยอมรับว่าบริษัทนี้ดีนะ ไม่ได้คิดแต่จะค้าขายน้ำมันเอากำไรถ่ายเดียว แต่เมื่อมีกำไร บริษัทก็รู้จักแบ่งกลับคืนสู่สังคม ในรูปแบบการทำกิจกรรมต่างๆด้วย ดังนั้น กิจกรรมอะไรก็ตามด้านการประชาสัมพันธ์ แม้มีเงินเข้ามาเกี่ยว " จึงไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องซื้อ-ขาย กำไร-ขาดทุน เสมอไป " สมมติเมื่อบริษัทน้ำมัน จัดประกวดถ่ายภาพการท่องเที่ยว ส่งเสริมการท่องเที่ยว ผมพลอยได้เมื่อมีการท่องเที่ยว คือมีการใช้น้ำมันเพื่อเดินทาง ผลพลอยได้เมื่อมีการจัดประกวด คือได้โฆษณา-ประชาสัมพันธ์ ผลพลอยได้คือชื่อและสินค้าของบริษัทได้ออกข่าว ได้อยู่ในสายตาของสังคม ผลพลอยได้คือบริษัท มีภาพพจน์ที่ดีออกสู่สังคม นั่นคือผลพลอยได้ครับ ไม่ใช่ " ผ ล เ อ า แ ต่ ไ ด้ " ดังนั้นเมื่อบริษัทน้ำมัน จัดประกวดถ่ายภาพชิงเงินหมื่นเงินแสน คุณเชิญผู้สื่อข่าวมาทำข่าว อ้างว่าเป็นกิจกรรมเพื่อสังคม อ้างว่าสนับสนุนการถ่ายภาพ อ้างว่าสนับสนุนการท่องเที่ยว นักข่าวก็มาทำข่าว ช่วยกระจายเรื่องให้ ฟรี.. การจัดประกวดก็จึงควรมีกติกาที่เป็นไปเพื่อสังคม การจัดประกวดจึงไม่ใช่เพื่อซื้อขายภาพ การจัดประกวดจึงไม่ควรเอารูปที่ไม่ได้จ่ายรางวัลให้ ไปใช้งาน ประกวดเสร็จ ภาพรางวัลที่ 1-3 บวกรางวัลชมเชย เพียงพอแล้วครับ ที่จะเอาไปโฆษณาประชาสัมพันธ์ ว่าบริษัทได้จัดกิจกรรมเพื่อสังคมไปแล้ว โดยมีรูปได้รางวัลต่างๆตามนี้ แล้วคุณจะมีกติกาเอาภาพอื่นๆที่ไม่ได้รางวัล คุณจะเอาไปใช้.. ไปใช้เพื่ออะไรครับ ? ถ้าบริษัทน้ำมัน อยากได้รูปสวยๆมาทำปฏิทินขายตามปั๊ม หรือแจกลูกค้าเติมน้ำมัน " ซื้อครับ ตั้งโต๊ะซื้อ " ใครใคร่เสนอขาย ก็มาขาย ส่วนบริษัทน้ำมัน อยากซื้อรูปภาพสวยงามอะไรแบบไหน ก็ซื้อไปครับ รูปละห้าหมื่น 12 รูปก็หกแสน ก็ซื้อไปครับ ซื้อขายตรงไปตรงมา แบบแมนๆไงครับ แต่ถ้าคุณเอากิจกรรมประกวดถ่ายภาพบังหน้า " แต่เจตนาจะฮุบภาพไปใช้สารพัด " ถามใจตัวเองเช่นกันครับ "แมนไหม" แล้วตกลงเจตนาการจัดประกวดถ่ายภาพของคุณคืออะไร ? มีโบรชัวร์ประกวดถ่ายภาพของไทยอยู่ในมือบ้างไหมครับ อ่านครับ ตรงหัวข้อ "วัตถุประสงค์" . จากคุณ : ผีกรุแตก เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 54 17:27:27

ความคิดเห็นที่ 102 นั่นไงในที่สุดก็มีคนยอมรับแล้วว่าเข้าใจว่าการที่มีการจัดประกวดภาพถ่ายก็เพื่อเหตุผลทางการค้า ส่วนในเรื่องของรายรับมันเป็นเรื่องของรายรับโดยอ้อม ไม่ใช่รายรับโดยตรงนั่นก็แสดงว่าเข้าใจ กันแต่แรกแล้วว่าเพื่อการค้า แต่ว่าทำเป็นหลับตากันข้างหนึ่ง แล้วมาอ้างให้ไปดูวัตถประสงค์การประกวดเมื่อไม่พอใจในกติกา ก็มาอ้างว่า ทำอย่างงี้สังคมจะไม่เจริญนะ ถ้ามองในมุมมองของผม ผมมองว่าผู้จัด "แมน" สุดๆเลยครับ ที่บอกคุณๆ เอาไว้ก่อนเลยว่า กรูจะ "ฮุบ" ภาพทั้งหมดของคุณนะจะบอกให้ (ณ ตอนนี้ผมยังไม่รู้เลยว่าใครจัดประกวด) หน้าที่ของมืออาชีพ หรือว่าที่มืออาชีพ คือ "ศึกษา" ว่ารายละเอียดมันเป็นอย่างไรชั้นมีสิทธิ์ ในภาพที่ส่งประกวดแค่ไหน ยอมรับได้หรือไม่ ได้คุ้มเสียหรือเปล่า จะร่วมประกวดหรือไม่ ที่ผมอยากสื่อให้ทราบไม่ใช่ต้องการจะบอกว่าการประกวดมันแฟร์ แต่ต้องการจะบอกว่ามืออาชีพ ในสาขาอื่นๆ เค้าเลือกกันได้ว่าจะทำธุรกรรมกับหน่วยงานไหนอย่างไร มันจิตสำนึกร่วมของคน ร่วมอาชีพ ถ้าจิตสำนึกร่วมมันดี กติกาพวกนี้มันก็จะปรับปรุงไปตามกลไกการตลาดไปเอง ไม่ว่าเค้าจะอ้างว่าอย่างไร ในฐานนะมืออาชีพมีหน้าที่ต้งพิจารณาความถูกต้องเหมาะสมและ ส่งเสริมในทางที่ควร ไม่ใช่แกล้งทำเป็นแอ๊บใสซื่อว่า "ก็เธอว์บอกว่ามันเพื่อสังคมมิใช่เหรอ" มายึดภาพของชั้นได้อย่างไร แล้วมาต่อว่านอกรอบเพื่อให้เค้าแก้กติกา เพื่อให้ตัวเราได้ประโยชน์ สูงสุดจากการประกวด ถ้าวืดก็จะได้เอาภาพไปแห่ต่อ ถามจริงๆเถอะครับ อย่างนี้เพื่อสังคมเหรอ ครับ มันอารมณ์ประมาณว่า เธอได้ชั้นก็ต้องได้ด้วยมากกว่า อย่างนี้ไม่ว่าจะมองมุมไหนมันก็"โกหก" กันทั้งหมดนั่นล่ะครับ ไม่ว่าจะเป็นผู้จัดประกวด หรือผู้ที่จะส่งเข้าประกวด แล้วอย่างนี้จะให้ไป อ่านกระดาษแผ่นเดียวทำไม ในเมื่อใจมีเจตนาในผลประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่ายแต่แรกแล้ว จะ อ่านอะไรอย่างไรก็ตีความเข้าข้างตัวเองตลอดล่ะครับ แนะนำว่าถ้ารับไม่ได้กับกติกาให้ไปช่วยเหลือสังคมด้วยวิธีการอื่นๆ ดีกว่าครับโวยวายไปไม่เกิดประโยชน์อะไร เพราะว่าต่อให้เจ้าของงานแก้ไขกติกา มันก็วุ่นวายอยู่ดี เพราะคนส่งเข้าประกวดนั้น หวังเงินรางวัล และผลประโยชน์มากกว่า การพัฒนาวงการการถ่ายภาพ แต่ถ้ายอมรับกันแมนๆ ทั้ง 2 ฝ่ายได้เมื่อไหร่ว่านี่คือการค้านี่คือธุรกิจ ก้อไปพิจารณากันเอาเองครับ ว่าจะยอมรับกติกากันมั๊ย จะแก้ไปเป็นอย่างไร อย่างนี้ถึงจะไปกันได้ ถึงจะ Win-Win อย่างที่อ้างๆ กันมา วงการนี้ถึงจะพัฒนาได้อย่างแท้จริง แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 54 18:32:13 แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 54 18:28:29 จากคุณ : Beastie_Thai เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 54 18:04:11

ความคิดเห็นที่ 103 บางท่านพยายามบอก....ดูคล้ายๆทำนองว่า ก้มหน้าก้มตาถ่ายรูปต่อไปเถอะ ไป Anti การประกวดก็เท่ากับทุบหม้อข้าวตัวเอง.. และตอกย้ำว่า..."ฝันไปเถอะครับ" ที่กติกาประเภทริบสิทธิ์ในการใช้งานภาพถ่ายที่ส่งเข้าประกวดจะหมดไป คงมีแต่การประกวดภาพในพันทิปนี่ล่ะครับที่มีกติกาเป็นอย่างนั้น ในส่วนตัว..ผมอยากจะฝันอย่างนั้นต่อไปและจะสู้ต่อไปโดยหวังว่าสักวัน.. กติกาประเภทริบสิทธิ์ในการใช้งานภาพถ่ายที่ส่งเข้าประกวดจะหมดไป ให้ช่างภาพได้รับความเป็นธรรมจากการประกวด ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากกองประกวด.. และโดยส่วนตัวผมก็ยังภูมิใจในพันทิพในกิ๊ฟที่สมาชิกถูกใจให้มา ถึงแม้จะไม่มีมูลค่าเป็นตัวเงิน แต่มันมีคุณค่าทางจิตใจ .. ในการแสดงคห.ของสมาชิกและจำนวนกิ๊ฟที่ได้มานั้น ช่วยบ่งบอกถึงฝีมือคุณ ผลงานคุณอยู่ในระดับไหน ?? ..สิ่งนี้ล่ะที่เป็นตัวช่วยกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาการถ่ายภาพของคุณให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ ..อย่างน้อยเป็นตัวกรุยทางคุณให้ขึ้นสู่มืออาชีพได้..เช่นกัน ดีกว่าไปเข้าร่วมประกวดที่เอารัดเอาเปรียบผู้ส่งเข้าประกวด ถูกริบสิทธิ์ตั้งแต่ยังไม่ได้ประกาศผลประกวดเลยครับ สุดท้ายแล้ว...ผู้ชนะก็มีแค่ชื่อเสียง...ส่วนทรัพย์..ตราบใดที่ภาพคุณทางบริษัทเขายังพอรับราคาได้เขาก็ยินดีคุยกับคุณ... แต่ถ้าเมื่อไรที่บริษัทเริ่มคิดจะไม่สู้ราคา..คุณก็หมดความหมายทันที.. บริษัทก็จะเริ่มจัดประกวดใหม่ ยืนบนหลักที่ว่า.....ตราบใดที่ยังสามารถเรียกคนเข้าประกวดได้ตราบใดที่ยังสามารถหากำไรจากการประกวดภาพได้... ภายใต้ ตรรกะ ที่ว่า "บริษัทใดๆก่อตั้งขึ้นก็เพื่อวัตถุประสงค์เดียวเท่านั้นคือการแสวงหาประโยชน์สูงสุดให้กับบริษัทตัวเอง" โดยมีเงื่อนไขว่า..."ไฟล์ภาพทุกภาพที่ส่งเข้าประกวด ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทฯ และบริษัทฯ สามารถนำภาพทุกภาพไปแสดงในที่ต่างๆ และพิมพ์เผยแพร่ หรือแม้แต่ในสินค้า และบรรจุภัณฑ์ได้อย่างถูกต้อง โดยไม่ต้องขออนุญาต และไม่ต้องจ่ายค่าตอบแทนแก่เจ้าของภาพ" มันก็จะวนเวียนอยู่อย่างนี้.. ถือเป็นการพัฒนาวงการถ่ายรูปไหมล่ะ ..???? แล้วคุณจะให้มันคงอยู่อย่างนี้ตลอดไปโดยไม่มีการโต้แย้งคัดค้านเปลี่ยนแปลงให้สังคมมันดีขึ้นบ้างเลยหรือครับ.. แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 54 18:43:30 จากคุณ : ลุงนกใจดี เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 54 18:33:17

ความคิดเห็นที่ 104 เห็นด้วยกับน้าBeastie_Thai  ครับว่า.....ผู้จัด "แมน" สุดๆเลยครับ ที่บอกคุณๆ เอาไว้ก่อนเลยว่ากรูจะ "ฮุบ" ภาพทั้งหมดของคุณนะจะบอกให้......อันนี้ในกติกาเค้าบอกชัดเจนอยู่แล้ว เห็นด้วยกับน้าBeastie_Thai  ครับว่า......."เพราะคนส่งเข้าประกวดนั้นหวังเงินรางวัล และผลประโยชน์มากกว่า".... แต่.......... ผมไม่เห็นด้วยอยู่ดี ที่....เอาภาพที่ไม่ได้รับรางวัล ไปใช้ในธุรกิจของบริษัทฯ ที่จัดประกวดถ่ายภาพ สมมุติว่า บริษัทฯ อยากจะได้ภาพเอาไว้ทำสต๊อคใช้งานซัก 50 รูป ก็จัดรางวัลไปเลย  ว่ามีทั้งหมด รางวัลที่ 1-10 นอกเหนือจากนี้ รางวัลที่ 11-50 เป็นรางวัลชมเชยทั้งหมด................ผมว่าถ้าแบบนี้ จะเอาภาพที่ได้รางวัลไปทำอะไรผมก็เห็นด้วยครับ ประเด็นก็ คือว่า  ภาพที่ส่งประกวดแล้วไม่ได้รับรางวัล อย่าเอาไปใช้เลยครับ ถ้าอยากได้รูปไปใช้มากกว่านี้  ก็จัดรางวัลชมเชยให้มาก ๆ ตามที่ใจต้องผู้จัดต้องการไปเลยครับ ส่วนรางวัลชมเชย จะมีจะให้เป็นเงินสด หรือรางวัลมีมูลค่า 1000 - 3000 บาท ก็แล้วแต่จะกำหนดครับ อย่างนี้ส่วนตัวผมว่า win - win ดี....บริษัทได้ภาพที่ต้องการไปใช้  ช่างภาพก็ได้สินน้ำใจ ไปบ้าง ....เค้าจะเอาภาพไปใช้อะไรก็โอเค แค่นี้เองครับ จากคุณ : Supermop เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 54 18:35:24

ความคิดเห็นที่ 105 ในความเห็นที่ 94 ผมบอกไปว่า ในฐานะมืออาชีพคนหนึ่ง ผมทราบดี ว่าการจะเป็นมืออาชีพได้นั้น มันจะต้องทำอย่างไร มันต้องเสียอะไร แล้วเราจะได้อะไร ทราบหรือไม่กว่าจะเป็นมืออาชีพ เราต้องฝึกหนักกันขนาดไหน กว่าจะเป็นมืออาชีพเราต้องอดทน ต่อสู้อย่างไรบ้าง แรกๆผมก็คิดว่ามันไม่ยุติธรรมเลยที่ใช้งานเราหนักๆ แต่ตอบแทนเราน้อยๆ แต่ในวันนี้เมือ่ผมรู้ตัวว่าเราเป็นมืออาชีพแล้ว หาเลี้ยงชีพด้วยอาชีพที่รัก มองย้อนกลับไปวันที่ กำลังไต่เต้าจากศูนย์มาจนเรียกตัวเองได้ว่ามืออาชีพ ไม่เคยนึกโกรธเคืองผู้ที่เคยเอาเปรียบ เราแม้แต่น้อย กลับมองพวกเขาว่าเป็นครูด้วยซ้ำ ถ้าไม่มีการกดดันในวันนั้น ผมคงไม่มีทางมา อ้างกับคุณๆในนี้ได้หรอกครับ ว่าวันนี้ผมเป็นมืออาชีพแล้ว ส่วนตัวแล้วถ้าคิดสะระตะ มูลค่าภาพที่มีในการส่งเข้าประกวดแล้วตกรอบ เทียบกับประสบการณ์ ที่ได้รับจากการประกวดแล้วล่ะก็ ผมว่ามันก็สมน้ำสมเนื้อนะ เป็นอะไรที่ Win-Win แล้ว ถ้าใครคิดว่าภาพชั้นออกจะสวยมีมูลค่ามากกว่าประสบการณ์ที่จะได้รับแล้วละก็ เอาไปขายน่าจะ เหมาะสมกว่านะครับ เพราะนั่นเท่ากับว่าคุณเป็นมืออาชีพแล้ว คุณต้องดิ้นรนต่อสู้เพื่ออาชีพของคุณ เพื่อสิทธิ์ที่จะเรียก ตัวเองว่ามืออาชีพ หลายท่านอาจจะไม่เข้าใจในเวลานี้ผมก็เข้าใจ แต่อยากให้ลองหาชีวประวัติ ของมืออาชีพหลายๆท่านหลายๆวงการมาอ่านดูครับ แล้วจะทราบความเป็นไปของโลก ไม่จม อยู่ในโลกแห่งอุดมคติอีกต่อไป ผมอยากแชร์ให้ทราบว่า เมื่อครั้งผมยังเป็นหนุ่มน้อยฝันหาโลกอุดมคติ พยามยามประกอบอาชีพ ด้วยความคิดว่าโลกนี้สวยงาม และพ่อค้าคือผู้ร้ายทำลายสังคม คือผู้เอาเปรียบไม่เคยที่จะ ให้สิ่งใดต่อสังคม เป็นผู้ที่จ้องแต่จะหาประโยชน์ไม่จบสิ้น ผมคอยคิดที่จะต่อต้านพ่อค้าโดย ลืมคิดไปว่า เหตุใดเค้าถึงทำเช่นนั้น ไม่เคยนึกด้วยซ้ำว่าสักวันถ้าไม่มีนักธุรกิจเราอาจจะเดือดร้อน เมื่อเติบโต ผมพบโลกอีกด้านหนึ่ง มันเป็นด้านสว่างของผู้ร้ายที่ชื่อว่านักธุรกิจ ผมพบว่าจริงๆ แล้วมันมีสมดุลและการคานอำนาจอยู่แล้ว มาเป็นพันๆปี พ่อค้าจำเป็นที่จะต้องหากำไรสูงสุด เพราะว่ามันจำเป็น มืออาชีพมีหน้าทีทำให้พ่อค้าได้กำไรสูงสุด อันนั้นเป็นกติกาพื้นฐาน ซึ่งแน่ นอนครับพ่อค้าในที่นี้อาจหมายถึงตัวเราเองด้วย การคานอำนวจที่ว่าคือหลักการ Demand-Supply ไงครับ คำว่ากำไรสูงสุดมันหมายถึงกำไรโดยรวม ไม่ใช่แค่งานๆหนึ่ง หรือแค่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น แต่มันหมายถึงตลอดช่วงเวลาที่เขาหรือเธอเหล่านั้นประกอบธุรกิจ การมีกำไรสูงสุดหมายถึง การต้องมีคุณธรรมและธรรมาภิบาลด้วยเพราะการที่นักธุรกิจเอาเปรียบสังคมมันจะส่งผลให้ประสบ ความลำบากในการค้าขาย ซึ่งก็อาจทำให้มิได้รับกำไรสูงสุดได้ หากขาดหลักการทำกำไรสูงสุดแล้วนั้น มิอาจทำให้พัฒนาสิ่งใดได้ตามเป้าหมายเลยอย่างแน่ นอน(ยกตัวอย่างก็ราชการไทยนี่ไงครับ) ผู้คนจะขาดความกระตือรือร้นในการพัฒนาตนเอง สุดท้ายแล้วก็จะขาดการพัฒนาจนตายไปในที่สุด ถามว่าการที่เราขายผลงานให้พ่อค้ามันพัฒนาวงารถ่ายภาพตรงไหน ก็ลองถามตัวเองดูสิครับว่า ถ้าไม่มีการขายสินค้า จะมีการจ้างช่างภาพมืออาชีพไปทำไม นิตยสารดังๆอย่าง National Geographics จะเอารายได้จากไหนมาจ่ายให้ช่างภาพ เราจะมีภาพสวยๆในหนัง Hollywood ดูกันมั๊ยครับ เพื่อนๆคิดว่าช่างภาพเหล่านั้นเป็นผลการพัฒนาโดยการสร้างกติกาที่เข้มงวดและไม่ยุติธรรมหรือ ไม่ เพื่อนๆทราบหรือไม่ว่าช่างภาพมืออาชีพชื่อดังทั้งหลายมีกี่คนที่ไม่เคยเป็นเด็กเดินฟิล์มมาก่อน คิดว่ามันแฟร์หรือไม่ครับ ที่เป็นอย่างนั้น ส่วนตัวแล้วผมจะภูมิใจมากๆ เมื่อผมพัฒนาจนเป็นมืออาชีพ แล้วเดินผ่านผลงานตัวเองที่เคยทำ สมัยเป็นมือสมัครเล่น แล้วได้บอกให้คนอื่นๆได้รู้ว่า นี่ล่ะฉันเป็นคนทำเอง และไม่ไเคยรู้สึกว่า โดนเอาเปรียบเลยแม้แต่น้อย เพราะผมได้รับประโยชน์เพิ่มจากวันนั้นหลายสิบเท่า ซึ่งมันก็คือ กำไรที่ได้จากประสบการณ์ที่เราสั่งสมมา พูดง่ายๆ ถ้าเราไม่ยอมให้พ่อค้าเราเปรียบในวันนี้เราจะมีประสบการณ์มากพอที่จะเป็นมืออาชีพได้ อย่างไร ถ้าไม่มีมืออาชีพ วงการนั้นๆจะพัฒนาได้อย่างไร ฝากไว้ให้คิดครับ ว่านอกจากจะให้รัฐบาลเข้ามาแทรกแซงราคาแล้ว มีวิธีการอะไรอีกบ้างที่จะทำให้ ราคาน้ำมันปาล์มไม่แพงดังแต่ก่อน (ใบ้ให้ก็ได้ครับว่า "ความคลั่งทิวลิปครับ")ลองไปศึกษากันดูครับ แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 54 19:58:44 แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 54 19:49:10 จากคุณ : Beastie_Thai เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 54 19:46:33