ความคิดเห็นที่ 1 คุณภาพไม่เท่าครับ..แต่ DOF เท่ากัน จากคุณ : paefah เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 19:25:32

ความคิดเห็นที่ 2 10 ล้านพิกเซลของ V1 ถ้าเป็นขนาด DX ของ D7000 จะเท่ากับเซ็นเซอร์ประมาณ 36 ล้านพิกเซลครับ เพราะฉะนั้น V1 ให้ภาพดีกว่า D7000 ครอป ครับ จากคุณ : ปอน (poron) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 19:50:31

ความคิดเห็นที่ 3 จากผลการทดลองด้วยตัวเอง.. พบว่าคุณภาพต่างกันแบบรู้สึกได้ครับ (ต้องคุ้นเคยกับกล้องด้วยนะ) ผมเคยลองเอาเลนส์ 16-85VR (DX) ใส่ D90 โดยปรับขนาดภาพให้ลดลง เหลือเพียง 6 ล้านพิกเซล จากนั้นก็ลองเอาเลนส์ตัวเดิมไปใส่กับบอดี้ D3 (FX) ซึ่งจะโดน Auto DX Crop ลงมาเหลือ 5 ล้านพิกเซล   ถ้าปรับค่าต่างๆ เหมือนกัน ภาพที่ได้ออกมาจะมีขนาดใกล้เคียงกัน แต่ภาพที่ได้จาก D3 จะดูดีกว่าครับ /ซตพ./ จากคุณ : Piggie MM เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 19:53:12

ความคิดเห็นที่ 4 แก้ไขเพิ่มเติม ประกาศ ................ 1. คห.ตั้งแต่ คห.นี้ลงไป มันค่อนข้างหนักวิชาการ มีประโยชน์ต่อการถ่ายภาพสวยๆ น้อยมาก ไม่จำเป็นต้องอ่าน 2. ข้อสรุปของ คห.ยาวเหยียด คือ CX sensor ของ nikon 1 มันดีพอๆกับ APS sensor ของ dSLR ทั่วไป 3. สงวนลิขสิทธิ ให้เผยแพร่ออกนอกพันทิปได้ ต่อเมื่อได้รับอนุญาตแล้ว การนำไปใช้ทางธุรกิจใดๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตก่อน ดำเนินคดีจนถึงที่สุด ------------------------------------------------------------------- สิ่งที่เซนเซอร์ **พิกเซล** เล็ก ขาดหายไปคือ ความแรงของสัญญาณ สิ่งที่คนทั่วไปเกิน 99.999% ยังเข้าใจผิด คิดกันไปเอง (รวมทั้ง เว็บกล้องดังๆ) คือ .. "pixel ภาพ เกิดจาก pixel เซนเซอร์" เพราะจริงๆแล้ว .. ไม่ใช่ ถ้าใช่ .. เราคงแต่งไฟล์ raw ตรงๆได้ และ save ข้อมูลกลับเข้าไปที่ไฟล์ตรงๆได้ พิกเซลในภาพแต่ละจุด เกิดจากการนำสัญญาณที่เกิดจาพิกเซลเซนเซอร์หลายๆพิกเซล มาคำนวน &สร้างขึ้นใหม่ สิ่งที่ทำให้เข้าใจผิดอย่างมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ นี้ เกิดจากคำว่า "pixel" นั่นแหละ เพราะเราใช้คำนี้ เรียกรวมๆปนๆกัน(เพราะไม่รู้) ไป ทั้ง พิกเซลบนเซนเซอร์ และ พิกเซลบนภาพ เมื่อเรียกของสองอย่าง ที่คล้ายกัน แต่ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน ด้วยชื่อเดียวกัน มันก็ทำให้เข้าใจผิด เหมือนกับ (ขออภัยอย่างสูง) ที่ฝรั่งมอง "กุลสตรีไทย" กับ "หญิงขายบริการ" ว่า เป็นอย่างเดียวกัน แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 55 21:50:43 แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 55 20:23:35 จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 20:15:22

ความคิดเห็นที่ 5 คุณปอนครับ คำนวณยังไงอะครับ ผมว่า 10 ล้านของ V1 คูณ Crop factor 2.7 แล้ว ก็ได้แค่ 27 ล้าน ที่ FF เองครับ ส่วน 16 ล้าน ของ D7000 คูณ 1.5 ได้ 24 ล้านครับ ต่างกันนิดหน่อย ทีนี้ สมมุติว่า กล้องเซ็นเซอร์ใหญ่ มีความหนาแน่นของ CMOS เท่ากับ V1 ล่ะครับ เรื่องของเรื่องคือ เพื่อนจะซื้อ V1 ด้วยเหตุผลที่ว่า มันคูณเยอะดี ใส่กับเลนส์ 70-300 ที่มีใช้อยู่กับ D7000 แล้วมันจะกลายเป็น มหาเทพซูม ผมเลยแย้งว่า มันก็เหมือน Crop ภาพบนเซ็นเซอร์ D7000 แกนั่นแหละว๊า ถ่ายดวงจันทร์ อยากเห็นหลุมชัดๆ ก็ crop เอาสิ แทบไม่แตกต่างหรอก ไปเสียเงินซื้อ V1 ทำไม เขาก็เลยอ้างอิงการทดสอบจากเว็ปนึง ผมเห็นแล้วก็อึ้งนะ คุณภาพภาพจากกล้อง V1 ที่ใช้เลนส์ซูมของกล้อง FX มันดีมากจนผมลังเลว่า การ crop เซ็นเซอร์มันเหมือนกับ ถ่ายภาพด้วยเซ็นเซอร์เล็กจริงเหรอ แก้ไข.... เพิ่มคำว่า V1 ลงไป อ่านเองงงเองเลยผม แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 55 20:30:45 จากคุณ : Ontjung เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 20:24:22

ความคิดเห็นที่ 6 น้าแมวเหมียวฯ ครับ ผมก็เข้าใจผิดเหมือนกัน แหะ แหะ ... ขอบคุณครับ จากคุณ : Ontjung เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 20:28:17

ความคิดเห็นที่ 7 ถ้าเราเรียกแต่ละอย่าง ด้วยชื่อที่แท้จริงของมัน .. ปัญหาเรื่องนี้คงลดลง ชื่อแท้จริงของ pixel บนเซนเซอร์ คือ "photosite" .. จุดรับแสง ไม่ใช่ pixellette .. จุดภาพที่เล็กที่สุด แล้วเกี่ยวอะไรกับกระทู้??? ความจริงอีกข้อหนึ่ง ที่ส่วนใหญ่จะไม่รู้กัน ยกเว้นคนชอบสายเทคนิค คือ .. คุณภาพของไฟล์ภาพ ดีหรือไม่ดี ขึ้นกับขนาดของ photosite ไม่ใช่ ขนาดของเซนเซอร์ photosite ขนาดยิ่งใหญ่ .. คุณภาพ ของภาพ ยิ่งสูง เพราะ photosite ยิ่งขนาดใหญ่ .. ยิ่งให้สัญญาณแรง และ สัญญาณกวน(noise)น้อย (ยังมีปัจจัยอื่นอีกหลายอย่าง .. แต่ขนาดแท้จริงของ photosite เป็นปัจจัยสำคัญลำดับต้นๆ) ----------------------------------------------------- จากที่บอกใน คห.ข้างบน pixel .. เกิดจากการนำสัญญาณดิบ (raw) มา คำนวนสร้าง คุณภาพของ pixel ที่มีสัญญาณดิบคุณภาพต่ำมาก .. จะดีกว่า pixel ที่มาจากสัญญาณดิบคุณภาพสูง  .. มันเป็นเรื่องยาก หรือ เป็นไปไม่ได้ ระดับทหารเวล 10 คิดเทียบกับลาสท์บอสเวล 600 ??? ขนาดนิยายแฟนตาสซี่ เขายังไม่เขียนเลย จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 20:34:44

ความคิดเห็นที่ 8 แล้วทำไม หลายๆเว็บถึงให้ผลการทดสอบภาพจาก v1 ว่า ดีกว่า cropped APS-C "คุณภาพภาพจากกล้อง V1 ที่ใช้เลนส์ซูมของกล้อง FX มันดีมาก" ดูดีๆ  อ่านดีๆ เขาทดสอบภาพจาก v1 ที่ได้จากเลนส์ของกล้อง FX เซนเซอร์ของ v1 .. ไม่ใช่ทหารเวล 10 เหมือนเซนเซอร์คอมแพ็ค ขนาดใหญ่กว่ากัน .. มาก photosite ของ v1 ใหญ่ .. เกือบเท่าเซนเซอร์ APS แล้วได้อาวุธระดับเทพ ของ FX มาอีก การจะสู้กับลาสท์บอสส์ ที่ถูกมัดมือมัดปาก ตัดแขนตัดขา (cropped) มันก็ไม่ใช่เรื่องยาก .. จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 20:39:31

ความคิดเห็นที่ 9 ปัญจัยที่สอง ที่ทำให้ภาพจากเซนเซอร์ APS ที่ pixel น้อย ดีกว่าภาพจาก compact ที่เซนเซอร์มากกว่าเกือบสองเท่า คือ เลนส์ อย่าลืมว่า แสงมันต้องผ่านเลนส์ ก่อนเข้าถึงเซนเซอร์นะครับ กล้อง compact .. ราคารวมเลนส์ ยังถูกกว่าเลนส์กล้อง APS ซะด้วยซ้ำ มันเป็นไปไม่ได้ที่เลนส์กล้อง compact จะดีเท่าเลนส์กล้อง APS ------------ คุณสมบัติอย่างหนึ่ง ของเลนส์กล้องใหญ่ ที่เราพูดถึงกันบ่อยๆ คือ "ความคม" อะไรคือ ความคม .. บางทีเราก็ไม่รู้เหมือนกัน ก็พยายามวัดกันอยู่ และตีค่าออกมาเป็นตัวเลข เพื่อให้เข้าใจกันได้ และเข้าใจตรงกัน ตัวเลขหนึ่ง ซึ่ง"ชี้" ถึง ความคมของเลนส์ คือ กำลังการแยกแยะ (resolution) ที่มีหน่วยเป็น line pair per millimeter (lpmm) line pair คือ แถบดำ - ขาว - ดำ - ขาว ....... 1 line pair ถึง หนึ่งคู่แถบ ดำ-ขาว เลนส์ต้องถ่ายทอดแถบดำออกมาอยู่ส่วนของแถบดำ ไม่ล้ำไปส่วนแถบขาว และไม่ถ่ายทอดแถบขาว ไปอยู่ส่วนแถบดำ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 20:47:14

ความคิดเห็นที่ 10 (ตามมา ใจเย็นๆ ไม่งั้นเมาข่าง) เลนส์กล้องคอมแพ็คระดับท้อป มีกำลังแยกขยายประมาณ 100 lpmm สูงกว่าเลนส์กล้อง dSLR ระดับท้อปเสียอีก อ้าว .. ถ้าอย่างนั้น ภาพจากกล้องคอมแพ็ค ควรจะดีกว่าภาพจากกล้อง dSLR สิ ???? เลนส์เทพๆของ nikon มีกำลังแยกแยะอยู่แถวๆ 60 lpmm เท่านั้นเองครับ น้าแมวสับขาหลอกอีกแล้ว ??? 100 lpmm คือ 50 * 2 .. 50 คู่ขาวดำ ต่อ มิลลิเมตร หรือ แต่ละคู่ มีขนาดความกว้างแถบดำ หรือ แถบขาว =  1/100 มิลลิเมตร .. จำค่า 1/100มม นี้ไว้ ก่อนเราจะไปงงงงงงงง กันต่อ แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 55 21:01:31 จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 20:55:47

ความคิดเห็นที่ 11 กำลังอ่านเพลิน ไม่ปาดนะครับ.... จากคุณ : Ontjung เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 21:03:36

ความคิดเห็นที่ 12 เซนเซอร์กล้อง compact ขนาด 1/2.33" หรือประมาณ 4.6mm  * 3.5mm บรรจุ photosite (PS) ประมาณ 3200 * 2400 ตัว เรียกง่ายๆว่า ถ้าวัดตามแนวยาว 4.6mm .. ใน 1 แถว เราจะมี PS 3,200 ตัว หรือประมาณ700 PS/มม ...... ***1*** จากข้างบน เลนส์ระดับมหาเทพ .. มีกำลังแยกแยะ 1/100มม ...***2*** จาก 1 & 2 เราจะพบว่า 1 คู่แถบขาวดำ ที่กว้าง 1/100 มม จะมี PS 7 ตัว หมายความว่าอะไร หมายความว่า .. แถบดำ (ไม่มีแสง) ซึ่งควรจะคลุม 1 PS .. ดันไปคลุม 7/2 หรือ 3.5 PS และแถบขาว  (มีแสง) ก็เช่นกัน .. แทนที่จะคลุม 1 PS ดันไปคลุม 7/2 .. 3.5 PS แทน จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 21:05:03

ความคิดเห็นที่ 13 ไม่ปาดครับ .. ลองดูภาพนี้ .. แล้วเห็นไหมครับว่า เกิดอะไรขึ้น ส่วนที่ไม่มีแสงตกกระทบ ควรจะเป็น 1 PS เท่านั้น แต่เนื่องจากเซนเซอร์มันอยู่ชิดกันมาก .. ทำให้ PS จำนวนมาก ที่ควรได้รับแสง กลับไม่ได้รับแสง สัญญาณที่ควรมีมากจาก PS เหล่านั้น .. หายไป สัญญาณหายไป .. จะสร้างจุดภาพ (pixel) ขึ้นมาได้อย่างไร? ก็เดาๆเอานั่นแหละครับ ว่า อะไรมันควรหายไป ภาพที่เกิดจากการเดาๆ .. มันจะดีหรือ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 21:17:00

ความคิดเห็นที่ 14 ในอนาคต .. อาจไม่แน่ เทคโนโลยี สามารถสร้างเลนส์ ที่มีกำลังแยกแยะ 700 lpmm เพื่อที่จะให้ PS ของกล้องคอมแพ็ค ที่ควรรับแสง ได้รับแสง เพื่อที่จะให้ PS ของกล้องคอมแพ็ค ที่ไม่ควรรับแสง ไม่ได้รับแสง แต่ตอนนี้ เลนส์ repro .. ที่ใช้ในงาน microlithography มีกำลังแยกแยะระดับ 1,000 lpmm ราคาเป็นล้านๆ บาท และหนักเป็นตัน เอามาติดตั้งบนกล้องคอมแพ็ค คงไม่ไหว จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 21:19:59

ความคิดเห็นที่ 15 แล้วกล้อง - เลนส์ ของ dSLR หละ ???? ไม่ว่า APS หรือ 4/3 มี PS อยู่แถวๆ 5-6 micron ในขณะที่กำลังแยกขยายอยู่ที่ 10 micron (10/1000mm) ต่อ line pair .. ภาพจะออกมาในลักษณะข้างล่าง .. PS ที่ควรได้รับแสง .. ได้รับแสง PS ที่ไม่ควรได้รับแสง .. ไม่ได้รับแสง สัญญาณที่เอามาคำนวน .. 0 คือ 0, 1 คือ 1 ไม่มีมั่ว ไม่มีปน ไม่มีเก๊ ไม่มีเดา คุณภาพภาพ มันถึงดี จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 21:32:20

ความคิดเห็นที่ 16 nikon 1 ใช้ sensor CX ขนาด 13.2mm * 8.8mm และ cx รุ่นแรก .. 10 ล้าน pixel เท่านั้น นั่นคือ ความหนาแน่นของ sensor อยู่แถวๆ 200 PS/mm เท่านั้น sensor APS-H ของ Nikon dSLR 16 ล้าน pixel มีความหนาแน่น 150 PS/mm .. แทบไม่ต่างกันเลย การใช้เลนส์ FX บน CX sensor .. จึงดีพอๆกับการเอาภาพจาก APS sensor ไป crop .. ในทางทฤษฏี จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 21:46:58

ความคิดเห็นที่ 17 ซ้ำครับ.. แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 55 22:02:24 จากคุณ : Ontjung เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 21:59:58

ความคิดเห็นที่ 18 ที่ตั้งกระทู้ถาม ก็อยากได้คำตอบใน  16 แหละครับ (ไม่รู้ว่ามีต่อไหม เพราะทิ้งท้ายว่า "ในทางทฤษฏี") แต่น้าแมวเหมียวฯ อธิบายที่มาที่ไปจนครบ ผมเลยได้ของแถมที่ดีกว่าสิ่งที่ต้องการ ขอบพระคุณมากครับ หวังว่าท่านอื่นๆที่ได้เข้ามาในกระทู้นี้ จะได้ประโยชน์จากคำอธิบายของน้าแมวเหมียวฯเช่นเคยนะครับ ผมว่าหลังจากเอากระทู้นี้ให้เพื่อนอ่าน เพื่อนผมก็คงยกเอาเรื่องน้ำหนักกล้องมาเป็นข้ออ้างซื้อ V1 ...อยู่ดี ทำไงได้ ก็คนมันอยาก ....หุ หุ... จากคุณ : Ontjung เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 22:02:00

ความคิดเห็นที่ 19 ผมเลยแย้งว่า มันก็เหมือน Crop ภาพบนเซ็นเซอร์ D7000 แกนั่นแหละว๊า ถ่ายดวงจันทร์ อยากเห็นหลุมชัดๆ ก็ crop เอาสิ แทบไม่แตกต่างหรอก ไปเสียเงินซื้อ V1 ทำไม ตรงประเด็นเผงเลย!!! 10 ล้านบน v1 .. ให้ภาพที่ไม่ต่างจาก cropped D7000 ขนาด PS มันใกล้เคียงกันมากๆ nikon ถึงเอามาชูธงว่า เป็น"นวัตกรรมแห่งอนาคต" (ในขณะที่ "กูรู้" ที่เคยพูดทุกเน็ตว่า ภาพจาก"เซนเซอร์ใหญ่ ดีกว่าเซนเซอร์เล็ก"ๆๆๆๆๆ ..ปิดปากเงียบ เพราะเจ้าพ่อ nikon ทุบโต๊ะเปรี้ยง บอกว่า เอ็งห้ามพูดอย่างนี้อีกต่อไป ) จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 22:03:00

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณน้าแมวเหมียว สำหรับความรู้ดีๆ ครับ ส่วนเพื่อนน้า Ontjung ไม่ต้องเสียเวลาครับ V1 หรือ D7000 เป็นกล้องดีทั้งคู่ครับ ............................. ให้เพื่อนรีบจัดไป แล้วออกไปถ่ายรูปกันดีกว่าครับ (แต่ถ้าเรามี APS อยู่แล้ว ให้เพื่อนซื้อ V1 ก็ดีครับ อยากได้เทเลขึ้นอีกหน่อยจะได้ยืม 555) จากคุณ : ปอน (poron) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 22:04:12

ความคิดเห็นที่ 21 ผมว่าหลังจากเอากระทู้นี้ให้เพื่อนอ่าน เพื่อนผมก็คงยกเอาเรื่องน้ำหนักกล้องมาเป็นข้ออ้างซื้อ V1 ...อยู่ดี 555555555555555555 ลองให้เพื่อนบวกเลขสิครับ 394 + 150 ได้เท่าไหร่ นั่นหนะ น้ำหนัก v1 + ft1 adapter เพื่อให้ v1 ใช้งาน dx lens ได้ อ้อ .. D7000 น้ำหนัก 690 กรัมครับ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 22:10:50

ความคิดเห็นที่ 22 ก๊าก จริงด้วยครับ บวกน้ำหนัก FT1 อีก .... เอาล่ะสิแก จะอ้างอะไรอีกดี ....เอาเหอะ อยากได้ก็ซื้อเลย เดี๋ยวยืมใช้มั่ง ... จากคุณ : Ontjung เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 22:19:17

ความคิดเห็นที่ 23 วันนี้ไปดู V1 มาคนขายบอกเอาไปทำไมเอาน้อง PEN ดีกว่าเซ็นเซอร์ใหญ่กว่า มีกันสั่นในกล้องด้วย ผมได้แต่ตอบไปว่าผมมีเล็นส์ Nikon อยู่กระบุงนึงมี VR และเป็นเล็นส์ S ด้วยจะหาบอดี้กับอแดปเตอร์มาเล่น น้องเขาบอกอย่าเลยครับ 3/4 ดีกว่าเชื่อผม ผมเลยเดินกลับบ้าน บัตร์ไม่สึกเลยเพียงแค่ร้านเขามีแต่ PEN เจ้า V1 ยังไม่มา ขอบคุณครับน้าแมวที่อธิบายให้คนอย่างผมเข้าใจได้ ผมเรื่องพวกนี้ไม่ค่อยรู้เรื่องจริงๆ จากคุณ : ลุงเปี๊ยก (kajohnwit) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 22:23:22

ความคิดเห็นที่ 24 เข้ามาเก็บความรู้ครับ :) จากคุณ : ToonFx เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 22:26:38

ความคิดเห็นที่ 25 วิชาการมากไป ไม่แพ้คห. 1 ความเห็นผมเหมือนใน คห 4 ครับ ความรู้มากไม่ได้ทำให้ช่วยถ่ายภาพได้ดีขึ้นเลย จากคุณ : Specie เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 22:37:01

ความคิดเห็นที่ 26 ไม่รู้สิ ผมใช้กล้อง FX กับ DX เหมือนกัน เอาความรู้สึกจากสายตาห่วยๆ ของผม มองยังไง มันก็ต่างนะครับ แต่ก็อย่างว่าล่ะ ต้องคุ้นเคยกับกล้องทั้ง 2 ขนาดสักหน่อย บอกจากความรู้สึกที่ไม่เป็นวิชาการ ก็คือ ความหนักแน่น มีเนื้อ มีหนัง มันต่างกันครับ ถ้าใครเล่นเครื่องเสียงด้วย ความรู้สึกนี้ จะเข้าใจดีเลย ระหว่างเครื่องเสียงราคาแสน กับราคาหมื่น ในลำโพงเดียวกัน จากคุณ : E22QV เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 22:38:20

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณน้าแมวครับ จากคุณ : RichThoFeN เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 22:40:22

ความคิดเห็นที่ 28 แวะมาอ่านพอดีเลยได้ความรู้ครับ เชื่อไว้กึ่งหนึ่งก่อน กำเงินไว้ในมือหาความรู้เพิ่มเติม ขอบคุณน้าแมวสละเวลามาเขียนนะครับ จากคุณ : Mo_ka_Jeab เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 23:57:38

ความคิดเห็นที่ 29 บวกคะแนนให้ Nikon 1 อีกจุดนึง เวลาใช้เลนส์ DX, FX มันจะใช้วงแสงกลางเลนส์ที่มีคุณภาพสูงสุด ไม่ได้ใช้ขอบๆ ที่คุณภาพรองลงมา เท่ากับเป็นการครอปขอบภาพที่ไม่ดีทิ้งไป เวลาดูเต็มๆ ภาพแล้วมันจะดูคมขอบจรดขอบ ไม่มีขอบมืดขอบเบลอ จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 00:03:14

ความคิดเห็นที่ 30 โหวตๆๆๆๆๆๆๆ กันเยอะๆ เก็บความรู้เข้าคลังกันด้วยครับ จากคุณ : ไก่แก้ว สาริกา เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 00:06:33

ความคิดเห็นที่ 31 คห. 29 มีกล้องรุ่นไหนที่มีครอปเซ็นเซอร์ไม่รับแสงจากกลางเลนส์เหรอครับ ผมเห็นมันก็รับแต่กลางเลนส์ทุกยี่ห้อ จากคุณ : แมวเหมียวปากมอม เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 10:13:55

ความคิดเห็นที่ 32 ^ น้าแมวเหมียวปากมอม    ตามที่ผมเข้าใจว่า น้าอะธีลาส แกคงหมายความว่าเซนเซอร์เล็กวงภาพมันก็เล็กตามทำให้พื้นที่รับภาพมันอยู่แต่แถวตรงกลางเลนส์และรอบๆเท่านั้น    จึงได้สมบัติทางแสงที่ดีกว่า เซนเซอร์ที่ใหญ่กว่าและมีวงภาพกว้างกว่าจนต้องขยายวงรับภาพไปถึงขอบที่มีสมบัติทางแสงด้อยกว่าครับ   จึงทำให้แบบแรกภาพจึงคมจรดขอบ   ต่างจากแบบที่สองที่บริเวณขอบจะด้อยลงไป แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 55 10:56:40 จากคุณ : ฟรีค่าแรงตลอด5หมื่นโล เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 10:55:20

ความคิดเห็นที่ 33 น้าแมวเหมียวปากมอมครับ ัปัญหามันไม่ได้เกิดจากตรงกลางภาพ แต่เกิดจากตรงริมๆภาพครับ ที่ตรงกลางๆวงภาพ .. แสงตกลงบนเซนเซอร์ตรงๆ ตั้งฉาก ทะลุปากบ่อ PS เข้าไปถึงส่วนก้นบ่อ ซึ่งเป็นส่วนแปลงพลังงานแสง เป็นพลังงานไฟฟ้า แต่ที่ขอบๆวงภาพ .. แสงตกลงบนเซนเซอร์แบบเฉียงๆ เหมือนพายุฝน ที่ลมแรงจัด .. ต่อให้ฝนตกหนัก น้ำฝนก็แทบไม่ลงบ่อ เพราะติดบนขอบบ่อที่สูงขึ้นมา ภาพตรงขอบภาพ ที่เกิดจากเลนส์ทั่วๆไป .. จึงค่อนข้างมีปัญหา canon/nikon บอกว่า .. ภาพส่วนใหญ่ เนื้อหา และความสำคัญ อยู่ที่ใจกลางภาพ จนถึง 2/3 ของภาพ ฉะนั้น ส่วน 1/3 ด้านนอก .. ต่อให้มันไม่ชัด หรือ ผิดเพี้ยน ก็ไม่ใช่ปัญหาสำคัญ และสร้างเลนส์ ที่ขนาดวงภาพ พอดีๆกับขนาดเซนเซอร์ เลนส์ L บางรุ่น .. ภาพที่ตรงขอบ มีความสว่างลดลง (vignette) ร่วมๆ 1.0 - 1.5 stop เชียวครับ เซนเซอร์ CX ที่นำมาใช้กับเลนส์ DX .. มันเก็บภาพแต่เฉพาะส่วนตรงกลาง .. ไม่เก็บข้อมูลตรงริมๆมาด้วย น้าอะธีลาสถึง +1 ให้ เพราะ "เวลาดูเต็มๆ ภาพแล้วมันจะดูคมขอบจรดขอบ ไม่มีขอบมืดขอบเบลอ" จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 15:42:04

ความคิดเห็นที่ 34 มันเป็นปัญหางูกินหางครับ ถ้าต้องการภาพที่คม ขอบจดขอบ ก็ต้องสร้างเลนส์ ที่วงภาพ ใหญ่เกินขนาดเซนเซอร์มากๆ .. เพื่อให้ ขอบเซนเซอร์อยู่ไม่เกิน 2/3 เส้นรัศมี แต่เลนส์ที่วงภาพใหญ่ขนาดนั้น .. ตัวเลนส์มันจะใหญ่มากๆๆๆ บ.กล้อง ทุกบริษัท ทุ่มทุนวิจัย พัฒนา เพื่อแก้ปัญหาเรื่องนี้มาตั้งแต่ 1990 แล้วครับ oly .. บอกว่า มันแก้ไม่ได้! เพราะมันเป็นธรรมชาติของ PS เลยล้มกระดานของเดิม คิดใหม่ ทำใหม่ .. สร้างเลนส์ระบบ telecentric ขึ้นมา เพื่อให้แสงที่อยู่นอก 2/3 ของรัศมีวงภาพ ตกกระทบเซนเซอร์ในแนวตั้งฉาก เมื่อทำเช่นนั้น .. เลนส์ไม่ต้องใหญ่มาก ก็ใช้ได้ canon/nikon/APS เจ้าอื่นๆ บอกว่า ขอบภาพ ไม่สำคัญ เบลอมั่ง มืดมั่งก็ชั่งมัน และผลิตเลนส์ที่ไม่ใหญ่ โดยหาทาง "เนียน" ภาพที่ตรงขอบๆ leica บอกว่า ขอบภาพสำคัญ เบลอไม่ได้ มืดไม่ดี เลย (1)สร้างเซนเซอร์ใหม่ ที่เลนส์รวมแสงหน้า PS ตรงขอบๆเซนเซอร์ วางเฉียง เพื่อหักเหแสงลงให้ตั้งฉากกับ PS และ (2)ทำการวัดคุณสมบัติของเลนส์ทุกตัว เพื่อส่งข้อมูลไปรวมกับข้อมูล sensor ให้แก้ไขได้ตรงประเด็น เลนส์ leica แพงอยู่แล้ว พอกลายมาเป็นเลนส์ ที่มีข้อมูลความเพี้ยนต่างๆ ฝังอยู่ .. เลนส์ 6 บิต .. ราคาเลยยิ่งแพงหนักเข้าไปอีก แต่ผลที่ออกมาคือ กล้องไม่ต้องใหญ่, เลนส์ไม่ต้องใหญ่ ทั้งๆที่เซนเซอร์ใหญ่มาก (คนมีกะตังค์ .. ไม่แคร์ที่จะต้องจ่ายเพิ่มอ่ะ ) จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 15:50:45

ความคิดเห็นที่ 35 ืในการพัฒนาเซนเซอร์ .. มันมีช่องว่างช่องเบ่อเริ่ม เซนเซอร์นับพันๆรุ่น/ยี่ห้อ .. แบ่งได้ 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ medium format, film-135 (full frame), APS กลุ่มนึง .. สำหรับกล้องระดับบน และ sub-inch สำหรับกล้องระดับล่าง, กล้อง compact ระดับบน .. อยู่บนสวรรค์จริงๆ เซนเซอร์เล็กสุดคือ APS-C ขนาด(แนวแทยงมุม) 26mm ขึ้นไป ระดับล่าง .. ก็เล็กน่าเวทนา เซนเซอร์ใหญ่สุด คือ 1/1.6 "  หรือ แค่ 10mm เท่านั้น มี 4/3 ซึ่งมีขนาด 22mm ขวางกลางอยู่เจ้าเดียว จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 15:58:13

ความคิดเห็นที่ 36 ไม่พูดถึง 2/3" (olympus E10 & คณะไดโนเสาร์) และ 1/2" (ฟูจิ EXR) จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 15:59:05

ความคิดเห็นที่ 37 nikon (รวมไปถึง canon ด้วย) เห็นข้อมูลเทคนิคตรงนี้ และเห็นตลาดด้วยว่า .. มันยังมีช่องว่าง ที่สามารถทำกล้องคุณภาพสูง .. เซนเซอร์ใหญ่พอที่จะเอา PS ตัวใหญ่ๆ ใส่ลงไปได้ โดยที่ขนาดเซนเซอร์ เล็กกำลังเหมาะ .. ที่จะเก็บแต่ส่วนตรงกลางของวงภาพ ของเลนส์เดิม ***ซึ่งเป็นส่วนที่คมชัดสุดๆ*** ถ้าพัฒนากล้อง ที่ใช้เซนเซอร์ "ที่ขาดหายไป" นี้ จะได้กล้อง ที่ขนาดเล็กลง (เพราะเซนเซอร์มันเล็ก), ใช้เลนส์เดิมได้ โดยให้ภาพคมกริบ, ใช้เลนส์ใหม่ ที่ขนาดเล็กลง, ให้ภาพที่คุณภาพสูงลิ่ว เกือบเท่ากล้อง APS Nikon คิด .. แล้วจ้ำอ้าวๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ก่อนออก Nikon 1 .. "ที่เป็นนวัตกรรมแห่งอนาคต" ที่ให้ทุกอย่างที่ว่ามา - กล้อง & เลนส์ขนาดเล็ก (สำหรับมือใหม่, คนชอบคอมแพ็ค) - ที่ใช้เลนส์โปร (สำหรับมือโปร, คนที่ลงทุนไปเยอะแล้ว) โดยให้ภาพคมกริบ สีสันเจิดจรัส ส่วน canon ... หมุนซ้ายหมุนขวา แล้วก็หมุน หมุน หมุน .. ไม่เสร็จ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 16:04:35

ความคิดเห็นที่ 38 น้า E22QV ครับ กระทู้นี้ .. มันระหว่าง Nikon 1 vs APS sensor ครับ ไม่ใช่ระหว่าง APS vs 135-film format เพราะถึงแม้จะสืบเชื้อสายเดียวกัน (จากสายพันธ์ฟิล์ม 135) แต่การพัฒนาในสิบปีที่ผ่านมา ทำให้พี่น้องร่วมสายเลือด .. แตกต่างขึ้นเรื่อยๆ เซนเซอร์ FF .. ขนาดพื้นที่มากกว่า APS แค่ 2 เท่านิดๆ แต่ต้นทุนในการผลิต มากกว่ากัน 20 เท่า จะให้คุณภาพที่ออกมา .. ต่างกันนิดเดียว มันไม่ใช่แน่นอน ไว้เปิดประเด็นใหม่อีกที แค่นี้ผมว่า น่าปวดหัวพอแรงแล้ว จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 16:11:30

ความคิดเห็นที่ 39 จากคุณ : แมวเหมียวปากมอม เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 20:46:36

ความคิดเห็นที่ 40 อ่านมันส์มาก ความรู้เน้นๆ เข้าใจมั่ง ไม่เข้าใจมาก ^^ ขอบคุณมากๆ ทั้งผู้ถาม และผู้ตอบครับ จากคุณ : Bank_Photolista เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 55 05:08:03

ความคิดเห็นที่ 41 ตามมาอ่าน ตามมางง แต่ก็นั่งอ่านจนจบ และคงกลับมาอ่านอีกหลายๆ รอบ ขอบคุณน้าแมวเหมียวฯ และน้าๆ ทุกท่านอย่างมาก สำหรับข้อมูลครับ จากคุณ : AtomicZen เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 55 15:33:09

ความคิดเห็นที่ 42 มีหลายคนสงสัยว่า photosite กับ pixel มันต่างกันตรงไหน Photosite .. จุดรับแสง บนเซนเซอร์ มันจะรับแสง .. และบอกว่า สว่างมากน้อยแค่ไหน รับแสงและแปลงเป็นสัญญาณไฟฟ้า โดยไม่สนใจว่า แสงนั้น มีสีอะไร แสงจะเขียว แดง น้ำเงิน ม่วง ฯลฯ มันไม่รู้ และไม่มีทางรู้ .. เพราะ photosite บอดสี จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 55 16:05:09

ความคิดเห็นที่ 43 น้าเหมียวเพี้ยนแล้ว น้าบอกว่า PS บอดสี ..  เห็นแต่ขาวดำ เห็นแต่สว่าง-มืด แต่กล้องผม ถ่ายออกมาเป็นภาพสี ใช่แล้วครับ .. PS ไม่เห็นสี ฉะนั้น ถ้ามีแสงสว่าง ซึ่งมีสีตกลงบน PS มันไม่มีทางรู้ได้เลยว่า แสงนั้น สีอะไร จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 55 16:07:57

ความคิดเห็นที่ 44 ในโลกนี้ มีอัจฉริยะครับ Dr. Bryce E. Bayer แห่ง บ. Eastman Kodak (ที่กำลังจะเจ๊งนั่นแหละ ) .. ค้นพบว่า ถ้าเราวางแผ่นกรองสี ที่เป็นตารางๆ ลงไปหน้า PS .. เพื่อให้แต่ละ PS รับแสงสว่าง + สีกันตัวละสี PS จะก่อเกิดสัญญาณ ที่มีทั้งข้อมูลของแสง และข้อมูลของสีที่ถูกแยกออกมา เราเรียกแผ่นกรองสีนี้ว่า Color Filter Array, CFA บางคนเรียกอย่างให้เกียรติว่า Bayer's Filter และตอนหลังมากร่อนเป็น Bayer Filter เฉยๆ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 55 16:11:50

ความคิดเห็นที่ 45 แสงที่ตกกระทบ PS .. มันไม่ตกกระทบ PS ตัวเดียว แต่ไปโดน PS ข้างๆด้วย Dr.Bayer บอกว่า ถ้าวาง filter ลักษณะอย่างนี้ๆนะ .. แล้วเอาสัญญาณจาก PS ติดกัน 1-2-3-4 มาเข้าสมการแสนปวดหัว ก็จะสร้าง จุดภาพ  ที่มี "สี และ ความสว่าง" ดังเดิมได้ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 55 16:14:38

ความคิดเห็นที่ 46 บอกแล้วว่า PS มันมองไม่เห็นสี ต่อให้เอา CFA มาวางข้างหน้า มันก็ไม่เห็นสี แสงมากระทบ PS .. สิ่งที่เกิดขึ้นคือ มีสัญญาณไฟฟ้า ที่มีความแรง แปรผันตามความเข้มแสง และมันก็ส่งสัญญาณนั้น ไปให้กล้อง เพื่อจัดการต่อไป PS1 ส่งข้อมูลว่า แสงมีความสว่าง x PS2 ส่งข้อมูลว่า แสงมีความสว่าง y PS3 ส่งข้อมูลว่า แสงมีความสว่าง z PS4 ส่งข้อมูลว่า แสงมีความสว่าง k จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 55 16:59:04

ความคิดเห็นที่ 47 กล้อง .. มีข้อมูลฝังอยู่ รู้ว่า แสงจาก PS1 ที่มีความสว่าง x นั้น เกิดจากแสงที่ทะลุผ่านฟิลเตอร์สี เขียว แสงจาก PS2 ที่มีความสว่าง y นั้น เกิดจากแสงที่ทะลุผ่านฟิลเตอร์สี แดง แสงจาก PS3 ที่มีความสว่าง z นั้น เกิดจากแสงที่ทะลุผ่านฟิลเตอร์สี น้ำเงิน แสงจาก PS4 ที่มีความสว่าง k นั้น เกิดจากแสงที่ทะลุผ่านฟิลเตอร์สี เขียว ก็เอามาขยำๆๆๆๆๆ เข้าสมการลูกอ๊อดสี่สิบเอ็ดตัวพันหางกัน ก่อนจะบอกว่า หลังจากการคำนวนแล้ว จริงๆ (จริงหรือเปล่า?) แล้ว .. สิ่งที่เกิดขึ้นกับ PS ทั้งสี่ตัวนั้น เกิดจากแสงสี ประหลาด (คห.43) ซึ่งมีความสว่างเท่านี้ๆ ควรสร้างจุดภาพ ที่มีความสว่างสีแดง = 251, มีความสว่างสีเขียว = 128, มีความสว่างสีน้ำเงิน =32 จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 55 17:05:04

ความคิดเห็นที่ 48 เห็นไหมครับว่า .. จุดภาพ (pixture element, PIXEL) ที่เราเห็นๆ บนจอ, บนกระดาษพิมพ์ 1 จุด มันเกิดจากการคำนวนค่าแสง ที่ตกกระทบ photosite (PS) 4 จุด การคำนวนหา สี และความสว่าง ของ pixel 1 จุดนี้นั้น ไม่ได้เอาค่ามาคำนวน แค่จากค่าความสว่างแสงที่ตกลงบน PS เท่านั้น มันเอาค่า ตำแหน่งสี ของ PS นั้นๆ (ที่ฝังอยู่ในเฟิร์มแวร์ของกล้อง)มาคำนวนด้วย และที่สำคัญ มันเอา โปรไฟล์สี มาร่วมคำนวน สี และความสว่าง ของ pixel 1 จุด เกิดจากข้อมูล 3 อย่าง 1. ข้อมูล ตำแหน่งฟิลเตอร์สี .. มันถูกต้อง 100% (เพราะทำเองกับมือ) 2. ข้อมูล โปรไฟล์สี .. ถูกต้อง 100% (เพราะเป็นข้อมูลบริษัทสร้างเอง และเป็นความลับ) 3. ข้อมูล ความสว่างแสง ที่ตกลงบน PS ... ถูกแค่ไหน ขึ้นกับว่า ขนาด PS มันใหญ่พอไหม, ระหว่างรับแสงเกิดสัญญาณกวนแค่ไหน, แสงที่ตกลงบน PS1 .. เกิดจากแสงที่ตกลงบน PS1 อย่างเดียว หรือ เกิดจากแสงที่ตกลงไปบน PS ข้างๆ ฯลฯ ขนาดของ PS จึงมีผลต่อ "ความสะอาด" ของไฟล์ภาพ ด้วยประการละฉะนี้แล แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 55 20:19:47 จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 55 17:12:52

ความคิดเห็นที่ 49 เรื่องที่ว่ามาตั้งยาวเหยียด มีผลอะไรกับการถ่ายภาพไหม ??? รู้แล้่ว ทำให้ถ่ายภาพได้สวยขึ้นหรือเปล่า ???? ถ้ามีคำถามอย่างนี้เกิดขึ้นในใจ สบายใจได้ครับ เพราะคำตอบคือ : ไม่มีผลใดๆทั้งสิ้น เพราะท่านคือ ตากล้องมือสมัครเล่น ขนาด PS, ขนาดเซนเซอร์, CFA ฯลฯ อะไรๆที่ผมว่าไปทั้งหมด .. ไม่มีผลอะไรเลย รู้ ก็ไม่ได้ทำให้ถ่ายภาพสวยขึ้น ไม่รู้ ก็ไม่ได้ทำให้ถ่ายภาพแย่ลง จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 55 17:15:50

ความคิดเห็นที่ 50 แต่สำหรับ ช่างภาพมืออาชีพ คนที่เงินค่าอาหาร, เงินซื้อกล้อง, เงินซื้อป๋องเขียว ฯลฯ มาจากการขายรูปภาพ .. ขายราคาแพงๆ การรู้เรื่องพวกนี้ ไม่ได้ทำให้ถ่ายรูปได้สวยขึ้น แต่ทำให้ "โอกาส" โดนลูกค้าปฏิเสธผลงาน ไม่ยอมจ่ายเงิน .. ลดลง เพราะความรู้พวกนี้ มันเป็นพื้นฐานของเรื่อง false color, เรื่อง color bleed trough .. เรื่องสารพัดเรื่อง ที่รู้ไว้ .. ได้ประโยชน์ จบดื้อๆแค่นี้พอ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 55 17:18:32

ความคิดเห็นที่ 51 น้าแมวครับ สมการและโปรไฟล์สีที่ว่า มันทฤษฎีเดียวกับ Image Processing หรือเปล่าครับ แน่นอนว่าค่าการคำนวนสีของแต่ละเจ้า และโปรไฟล์สีไม่เหมือนกันอันนี้เข้าใจได้ ขอบคุณน้าแมวมากๆครับ และหลายๆคนที่ช่วยถามและช่วยตอบ ได้ความรู้มากมาย ถึงผมจะไม่รู้ว่ามีประโยชน์อะไรกับผมก็เถอะ แต่มันไม่ได้ทำให้ผมสูญเสียอะไรนี่ จริงไม๊ครับ จากคุณ : แข้งบวม เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 55 17:41:51

ความคิดเห็นที่ 52 สุดยอดครับ น้าแมว +1 จากคุณ : โก้กก้าก เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 55 20:01:27

ความคิดเห็นที่ 53 น้าแข้งบวมครับ .. มันเป็นสับเซ็ตของเรื่อง image processing ครับ เอากันเต็มๆ (ไม่เต็มหรอก) ผมฟังแล้วก็หูอื้่อตาลาย ความรู้พวกนี้ ก็เหมือนความรู้ ป.1 - ม.6 เยอะแยะไปหมด เรียนกันเข้าไปได้ยังไง ตั้งสิบสองปี และ พอเอ็นสะท้าน .. ทิ้งซะกว่า 80% พอจบ ก็ทิ้งซะ 95% เหลือใช้จริง 5% แต่เพราะไม่มีใครรู้ว่า ใคร คนไหน จะใช้ 5% ส่วนไหน, ตอนไหน เราจึงต้องเรียน 100% ... สุวิชชา โน ภวัน โหติ แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 55 20:25:39 จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 55 20:24:28

ความคิดเห็นที่ 54 น้าแมวครับ น้าแมวช่วยอธิบายเพิ่มเติมเรื่อง Dynamic Range ของกล้อง sensor เล็กกับ sensor ใหญ่ล่ะครับ ผมเคยใช้กล้องคอมแพ็คที่ sensor เล็กแล้วเหมือน detail ในช่วงสว่างกับช่วงมืดมันหลุดง่ายกว่ากล้องที่ sensor ใหญ่ มันเกี่ยวกับอะไรกันกับขนาด sensor เปล่าครับ แล้วกล้อง Nikon V1 เขาได้ทำอะไรกับมันเพื่อปรับปรุงหรือเปล่าครับ จากคุณ : _เล็ก เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 10:04:25

ความคิดเห็นที่ 55 โปรไทยยิงเส้นที่ชอบใช้ความเชื่อไปอยู่ไหนครับ จากคุณ : EnerMax เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 15:11:44

ความคิดเห็นที่ 56 อ่านเพลินจริงๆกระทู้นี้ ได้ความรู้เพิ่มขึ้นเยอะ แถมรู้ด้วยว่าทำไมกล้อง "ไล่กา" มันถึงแพง จากคุณ : La Divinite เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 16:35:33

ความคิดเห็นที่ 57 ความรู้เน้นๆ เนื้อๆ รู้ไม่ไม่ได้ทำให้ถ่ายเก่งขึ้นแต่ก็ทำให้เข้าใจกล้องมากขึ้น ขอบคุณมากคร้าบน้าแมว สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ได้สถิตย์กะกล้องนะเอ้อ ^ ^ จากคุณ : Aggrezzor เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 20:44:28

ความคิดเห็นที่ 58 สุดยอดจริงๆครับ ความรู้ทั้งนั้น ไม่ทราบว่านี่เป็นเหตุผลให้ canon ทดลองลดความละเอียดจาก 14 ล้านใน G10 ลงเหลือ 10 ล้าน ใน G11, G12 ใช่ไหมครับ ถ้าใช่ก็แสดงว่า canon คิดและทำก่อน nikon แต่ลองใน time line product ของตัวเองก่อนจะสร้างตัวใหม่ขึ้นมา คือ G1X โธ่เอ๋ย ไอ้เราก็แค่หนูทดลองตัวหนึ่ง อนิจจา.... จากคุณ : Boem เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 55 00:56:54 A:223.207.140.85 X: TicketID:344606

ความคิดเห็นที่ 59 เคยใช้กล้องคอมแพ็คที่ sensor เล็กแล้วเหมือน detail ในช่วงสว่างกับช่วงมืดมันหลุดง่ายกว่ากล้องที่ sensor ใหญ่ มันเกี่ยวกับอะไรกันกับขนาด sensor เปล่า http://www.pantip.com/cafe/camera/topic/O11564171/O11564171.html มันเกี่ยวกับอะไรกันกับขนาด sensor เปล่า http://www.pantip.com/cafe/camera/topic/O11562941/O11562941.html จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 55 19:03:40

ความคิดเห็นที่ 60 เพิ่งมาอ่านครับ  ยังไงขอบคุณน้าแมวครับ รับรองว่า จะอ่านแบบทำความเข้าใจไปด้วย ^^ คงต้องอ่านกันหลายรอบกว่าจะเข้าใจ จากคุณ : starjoke20 เขียนเมื่อ : 23 ม.ค. 55 11:15:06

ความคิดเห็นที่ 61 ขอบคุณครับ ได้ความรู้มากเลย จากคุณ : torsakpet เขียนเมื่อ : 4 ก.พ. 55 16:33:55