ความคิดเห็นที่ 1 ผมว่าตามคำถามนี้แหละ "คือเก็บภาพถ่ายมาได้แสงตรงกับสภาพเป็นจริงหรือเปล่าครับ" จากคุณ : symax เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 10:07:39

ความคิดเห็นที่ 2 ของผม  คล้ายๆ คห.๑ แต่เป็น "เก็บภาพถ่ายมาได้แสงตรงตามความต้องการหรือเปล่า" จากคุณ : แฉลบยอดหญ้า เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 10:12:11

ความคิดเห็นที่ 3 ^ ^ แล้วเขารู้ได้ยังไงครับ เขาดูจากจุดไหน ต้องเทพมากๆใช่มั้ยครับ เช่นภาพ ที่คนมืดๆกับวิว (เรียกว่าซิลลูเอทใช่มั้ยครับ) แต่ในขณะที่ถ่ายนั้น คนอาจจะไม่มืดจนดำยังเห็นเค้าลางใบหน้า เสื้อผ้าอยู่ แต่ตากล้องที่เขาถ่ายมา เกิดไปทำให้ตัวคนมันมืดเลย ยังงี้ครับ ***ของน้าแฉลบ.. ถ้างั้น คนวิจารณ์ภาพก็ไม่รู้ว่า คนถ่ายอยากได้แบบไหน แต่ก็บอกว่า คนถ่ายวัดแสงแม่น วัดแสงพอดีใช่มั้ยครับ แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 55 10:19:54 แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 55 10:17:13 จากคุณ : ฟูนัน เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 10:16:08

ความคิดเห็นที่ 4 ^ ^ ดูว่าแสงไม่เพี้ยน ไม่โอเวอร์ หรืออันเดอร์..... ต้องฝึกดูภาพบ่อยๆ อย่างนี้ แสงโอเวอร์ ชัวร์ จากคุณ : น้าลีโอ เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 10:19:30

ความคิดเห็นที่ 5 คงหาจุดตายตัวยากครับ   บางครั้งสถานะการณ์ตอนนั้นมันมืดหรือสว่าง ภาพมันก็ต้องเอนเอียงไปทางนั้นด้วย      เพียงแต่หลักของผมเองขอให้ในส่วนที่สนใจหรือเป็นตัวเอกในภาพนั้น ไม่สูญเสียรายละเอียดจากการ Under หรือ Overมากเกินไป ผมว่าก็OK แล้วนะ     อีกอย่าง ก็ตามความต้องการสื่อของเราด้วย  เช่นอยากจะสื่อว่าท้องฟ้ายามเย็น   เราจะถ่ายแสงสว่างจ้า จนท้องฟ้าOver หาย จนไม่มีสีเหลืองทองของฟ้ายามเย็น มันก็คงจะสื่อได้ไม่ตรงนัก   เอาเป็นว่าผมว่ามันต้องดูเรื่องที่เขาต้องการสื่อประกอบไปด้วยครับ  คงคล้ายๆกับศัพท์ภาษาอังกฤษหลายๆคำที่มีหลายความหมาย ต้องดูตามรูปประโยคไปด้วยถึงจะตีความได้ว่าอย่างไรคือสิ่งที่ควรเป็น จากคุณ : ฟรีค่าแรงตลอด5หมื่นโล เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 10:23:40

ความคิดเห็นที่ 6 ของน้าลีโอก็คือว่า เกิดจากการถ่ายภาพ ดูภาพบ่อยๆ ถ้าภาพนั้นสว่าง หรือ มืด จากปกติทั่วๆไป ก็คือไม่แม่น แต่จะไม่เกี่ยวกับที่คนถ่ายเขาจงใจต้องการให้ภาพโอเว่อร์ อันเดอร์ใช่มั้ยครับ จากคุณ : ฟูนัน เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 10:24:15

ความคิดเห็นที่ 7 ^ อย่างตัวอย่างแสง Over ที่น้าลีโอว่ามาก็ชัดเจนดีครับ  แสงมันOverมากจน สีของร่มซีดหาย รายละเอียดของสายร่วม และคนด้านล่าง รวมท้องฟ้าขาววับ หายไปทั้งหมด จากคุณ : ฟรีค่าแรงตลอด5หมื่นโล เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 10:25:33

ความคิดเห็นที่ 8 ^ น้าฟูนัน  ผมเห็นด้วยครับ    บางสไตล์ภาพเขาก็เน้นภาพที่สว่างๆ หรือติดไฮไลท์นิดๆ เช่นพวกไฮคีย์  แบบนั้นก็จงใจให้สว่าง   หรือแนวๆพอเทรทแบบแสงฟุ้งก็มีกติดOverนิดๆด้วย  แต่ถ้ามากขนาดรายละเอียดตรงจุดสนใจหายไปนั่นอาจจะเรียกได้ว่า Overไปเยอะครับ จากคุณ : ฟรีค่าแรงตลอด5หมื่นโล เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 10:27:50

ความคิดเห็นที่ 9 ก็คือสีมันก็จะเพี้ยนไปด้วย ก็คือ ช่างภาพมือใหม่ก็จะอันเดอร์ บ้างโอเว่อร์บ้างแล้วรายละเีอียดก็จะหายไป จากคุณ : ฟูนัน เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 10:32:38

ความคิดเห็นที่ 10 อย่างที่น้าฟรีว่า ถ้างั้น ผู้วิจารณ์ภาพ เขาก็น่าจะดูออก ว่า คนถ่่ายที่ส่งภาพมา เขาตั้งใจให้ภาพนั้นโอเวอร์ หรืออันเดอร์อย่างไรด้วยใช่มั้ยครับ แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 55 10:41:58 จากคุณ : ฟูนัน เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 10:37:15

ความคิดเห็นที่ 11 ถ้าเขาทราบเจตนา และแนวภาพของเราชัดเจน ก็น่าจะพอรู้ครับ    แต่มันก็ไม่มีเส้นตายตัวไงครับ ดังนั้นเป็นไปได้ยากที่คนร้อยคนจะมีจุดที่แสงพอดีตรงกันทั้งหมด    จึงไม่แปลกที่เวลาเอาภาพมาลงในเวปแล้ว คนนึงจะบอกว่าพอดีอีกคนบอกว่ามืด หรือสว่างไป    อีกปัจจัยที่สำคัญก็คือประสิทธิภาพของจอภาพของผู้รับชม  และสภาพปแวดล้อมทางแสงของผู้รับชมต่างกันด้วยครับ ทำให้รับรู้แสงจริงๆของภาพนั้นต่างกันไปด้วย   ถ้าแนวทางภาพชัดเจน  มันก็ค่อนข้างจะบอกได้ยากน้อยลงครับ ว่าจุดพอดีอยุ่ตรงไหน  เช่นแนวซิลลูเอท  ภาพฉากหน้าที่มืดจะต้องมืดสนิท ฉากหลังก็ออกมืดนิดๆ นี่อาจจะเรียกว่าพอดี (มั๊ง)   แต่ถ้าแนวภาพไม่ใช่ซิลลูเอท แต่แสงแบบนี้ คงต้องบอกว่าภาพออกจะ Under ไปนะครับ   ดังนั้นผมว่า ถ้ามันไม่ Under หรือ Over จนเด่นชัดจริงๆ มันบอกได้ยากครับ  เพราะมันอยู่ที่ความต้องการของคนปรุงด้วย แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 55 11:13:39 จากคุณ : ฟรีค่าแรงตลอด5หมื่นโล เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 11:07:38

ความคิดเห็นที่ 12 ผัดไทยร้านนี้เค็มไป... แกงเขียวหวานร้านนี้ออกหวานไปหน่อย... เนื้อย่างเจ้านี่กำลังดี... รู้ได้อย่างไร   ... ประสบการณ์กับความพอใจครับ จากคุณ : theorem เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 11:20:57

ความคิดเห็นที่ 13 ผมว่า อย่าซีเรียสเรื่องนั้นมากไปเลยครับ น้า ถ่ายทอดอารมย์ความต้องการที่ต้องการสื่อในตอนนั้นให้เต็มที่ก็พอ จะมืดจะสว่าง แต่ละโทนมันก็แสดงอารมย์ต่างกันนะ  ภาพนี้ผมก็ไม่รู้มันพอดีหรือไม่ แต่ตอนนั้นอยากได้ประมาณนี้ครับ  ผมว่าผมถ่ายทอดได้ตรงกับสิ่งที่"อยากจดจำ"มากที่สุดในตอนนั้นแล้วละครับ จากคุณ : ฟรีค่าแรงตลอด5หมื่นโล เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 11:21:10

ความคิดเห็นที่ 14 อยากได้ฟุ้งๆ เบรินเอ๊าท์ออกไปเลย ก็จัดไปครับ   เพราะเราถ่ายเพื่อบันทึกความทรงจำ จากคุณ : ฟรีค่าแรงตลอด5หมื่นโล เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 11:22:49

ความคิดเห็นที่ 15 ดูจากจุดสนใจในภาพครับ ถ้าจุดนั้นดูแล้วสว่างเกินควรก็โอเวอร์ หรือมืดเกินก็อันเดอร์ ถ่ายคนย้อนแสง วิวข้างหลังได้แสงพอดีแต่หน้าดำ จะบอกว่าวัดแสงพอดีก็คงไม่ใช่ จากคุณ : โซว เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 11:36:41

ความคิดเห็นที่ 16 การวัดแสงมันมีหลายแบบ วัดเฉพาะจุด,เฉลี่ย, บางส่วน อะไรแบบนั้น การวัดแม่นหรือไม่แม่นมันไม่มีผิดถูกครับ มันอยู่ที่ความชอบส่วนตัว และจินตนาการในการสร้างสรรค์ภาพ บางคนชอบถ่ายภาพแบบแสงแรง บางคนชอบแสงอ่่อน บางคนชอบภาพสีซีด บางคนชอบสีสด มันขึ้นอยู่กับคุณชอบแบบไหนมากกว่า บางภาพถ่ายOverก็สวยกว่าแสงปกติ แต่บางภาพUnderสวยกว่า และแต่คุณครับ ถ่ายให่สนุกดีกว่าไปนั่งแม่นทฤษีครับไม่งั้นคุณจะหมดสนุกกับการถ่ายภาพ จากคุณ : Surf เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 11:48:19 A:110.171.15.180 X: TicketID:148173

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณทุกท่านครับ ผมแค่สงสัยคนที่วิจารณ์ภาพถ่าย ว่าเขารู้ได้อย่างไร ว่าคนถ่ายวัดแสงพอดีไม่พอดี วัดแสงแม่น ทั้งที่ไม่ได้ไปในที่นั้น เวลานั้น แล้วก็ไม่รู้ความต้องของคนถ่ายว่าเขาอยากได้แบบไหน ด้วยครับ จากคุณ : ฟูนัน เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 11:57:37

ความคิดเห็นที่ 18 วัดแสงแม่น  คือ  ควบคุมแสงได้แม่น  ออกมาแล้วสวย ลงตัว ตามจินตนาการ ไม่ได้หมายความแค่ว่า ไม่ over หรือไม่ under ปล.  ภาพ hi-key ไม่ใช่ภาพโอเวอร์  จำไว้ครับ จากคุณ : EITHER เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 12:03:43

ความคิดเห็นที่ 19 ผมชอบวัดแสงแบบคุณ RBJ ครับ จากคุณ : Dayookjia เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 12:14:17

ความคิดเห็นที่ 20 พอดีขอแต่ละคนแตกต่างกันครับ พอดีสุดขั้ว อาจจะต้องเป็นภาพที่ส่วน Hilight ไม่เสียรายละเอียด และในส่วนของโทนมืด จะต้องมีรายละเอียดปรากฎเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่นยกกล้องขึ้นถ่ายเครื่องบินฉากหลังเป็นพระอาทิตย์ จะเอารายละเอียดเครื่องบิน ก็วัดแสงฉากหลังแล้วเอา Sportlight ยิงไปที่เครื่องบินเพื่อเปิดเงาครับ (ลำบากไปมั้ย) จากคุณ : BommasteR เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 12:57:57

ความคิดเห็นที่ 21 "วัดแสงแม่น"  คือ อะไร และอย่างไรถึงมองว่า วัดแสงแม่น ก่อนที่จะพูดคำนั้นคนที่พูดต้องดูแสงเป็นเสียก่อนครับ  แสงในแต่ละช่วงเวลา ให้น้ำหนักแสงที่ไม่เท่ากัน หนักเบา แข็งหรือนุ่ม แปรผันตามองศาของแหล่งกำเนิดแสงและความเข้มของมัน ร่วมถึงส่วนประกอบอื่นๆที่ทั้งอาจดูดซับแสงและสะท้อนแสง  คนที่วัดแสงเป็นวัดแสงแม่น ต่างล้วนต้องคำนึงถึงเรื่องเหล่านี้ครับ  วัดผิดไปนิด น้ำหนักหรือสมดุลของแสงก็จะเสียไป เบื้องหลังของการวัดแสงแม่น ไม่ใช่ว่ายืนตรงไหนแล้วอาศัยเครื่องวัดแสงในกล้องแล้วกดๆๆ มาเท่านั้นก็ถือว่าวัดแสงแม่นแล้ว ที่จริงนั้นไม่ใช่ครับ สิ่งสำคัญคือต้องรู้จักว่ายืนตรงไหน ทิศทางแสงเป็นอย่างไร น้ำหนักแสงตกตรงตามมุมที่ตัวเองเลือกกี่มากน้อย  ต้องเติมแสง หรือ ลดแสง อย่างไรหรือไม่เพื่อให้ได้แสงตามที่ต้องการ ต่างๆ เหล่านี้มันฟ้องเข้ามาในภาพให้เราเห็นเสมอๆ ละครับ   หลายคนที่วัดแสงมาผิด แล้วแก้ขวยด้วยการบอกว่าเจตนาให้ under บ้างหรือ over บ้าง คนที่ดูภาพเป็นเขามองออกบนหลักการง่ายๆ เพียงแค่ดูแสงที่ตกลงบน subject ที่ต้องการนำเสนอในภาพนั้นๆ แสงตรงนี้ต้องพอดี เก็บรายละเอียดมาครบถ้วน ไม่ใช่ตัวแบบที่ถ่ายมานั้น มืด หรือ burn จนรายละเอียดหายไป แล้วมากล่าวอ้างเจตนาให้ over/under เช่นนั้น คงไม่ได้ครับ ผลงานมันฟ้องอยู่ จากคุณ : arnold_A1 เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 12:58:16

ความคิดเห็นที่ 22 จากที่น้าอ๋าว่ามา เป็นอะไรที่ค่อนข้างยากสำหรับผมแน่ๆ "ต้องรู้จักว่ายืนตรงไหน ทิศทางแสงเป็นอย่างไร น้ำหนักแสงตกตรงตามมุมที่ตัวเองเลือกกี่มากน้อย  ต้องเติมแสง หรือ ลดแสง อย่างไรหรือไม่เพื่อให้ได้แสงตามที่ต้องการ" แล้วก็สรุปว่า ผู้วิจารณ์ภาพ หรือคนที่ดูภาพเป็น ก็ไม่จำเป็นต้องไปอยู่ในที่ ในเวลา ที่ตากล้องไปถ่ายภาพมา ก็สามารถรู้ได้ว่าวัดแสงแม่น ไม่แม่น ใช่มั้ยครับ ขอบคุณมากครับ แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 55 13:27:56 จากคุณ : ฟูนัน เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 13:21:34

ความคิดเห็นที่ 23 จับกล้องตั้งบนขาตั้ง ให้กล้องวัดแสง และเลือกความเร็ว/รูรับแสงเอง จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 13:39:07

ความคิดเห็นที่ 24 มันยากแน่นอนครับ เท่าที่อ่านมาได้ความรู้เพิ่มหลายอย่าง ผมสรุปว่าวัดแสงแม่นคือจุดที่ต้องการให้สว่างแค่ไหน ถ่ายออกมาแล้วสว่างเท่านั้นคือการวัดแสงแม่น แต่จะว่าไปแล้วบางครั้งผิดนิดผิดหน่อย เอามาปรับเอาในโปรแกรมก็โอแล้วนะ จากคุณ : venfaa เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 13:41:21

ความคิดเห็นที่ 25 เฮ้ย! ผมต้องการภาพที่แสดงความเป็นไปตอนกลางคืน .. ไม่ใช่ภาพกลางคืน ที่มองอะไรไม่เห็น จึงเลือกใหม่ ปรับโหมดเป็น manual .. วัดแสงจุดที่ผมสนใจ และ ตั้งให้กล้องรับแสง ตามที่ผมต้องการ ไม่ใช่ตามที่ "กล้อง" ต้องการ ผม ต้องการ ภาพยามค่ำคืน อันเงียบ .. เหงา .. ว้าเหว่ .. หดหู่ ในกรุงเทพ  อันเงียบ .. เหงา .. ว้าเหว่ .. หดหู่ .. มีความหวังเลือนรางอยู่ลิบตา ณ สถานที่ ที่ไม่มีน่ามีสิ่งเหล่านี้อยู่เลย (และไม่คิดว่า มันจะมีอย่างนี้อยู่ด้วย ) ภาพที่ผมต้องการ .. เก็บความทรงจำอันขมขื่น ดีเปรสสุดๆ (ในตอนนั้น) ภาพจึงควรออกมา อันเดอร์, low key, low contrast .. ให้ดูเมื่อไหร่ ได้อารมณ์เศร้าหมอง หดหู่ เหลือเชื่อว่ามันเกิดขึ้น .. ของวันนั้น จึงวัดแสงเสร็จ, ดึง ISO ให้ต่ำ, ปรับให้มัน under, ปรับโหมดให้เก็บภาพ low contrast .. แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 55 13:49:24 แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 55 13:44:09 จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 13:42:28

ความคิดเห็นที่ 26 ของน้าแมว มีปริศนาธรรมซ่อนอยู่ ให้ตีความหรือเปล่าครับ จะหมายถึงโหมด P แล้วกดเลยเลย กล้องจัดการให้หมด เลยออกมามืดตึ๊บ ถ้าควบคุมเองขะสว่าง หรือว่า สภาพตอนนั้นแสง ความมืดมันเป็นอย่างนั้น เห็นแค่ไฟไม่กี่จุด ภาพที่เก็บมา ก็ต้องออกมามืดอย่างนั้นครับ ู^ ^ อ๋อครับ เฉลยแล้ว แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 55 13:46:57 จากคุณ : ฟูนัน เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 13:44:27

ความคิดเห็นที่ 27 ที่นี้ขอกลับไปที่ คห16 การวัดแสง และ ความคิดเห็นที่ 19     ที่บอกว่า ผมชอบวัดแสงแบบคุณ RBJ ครับ ผมก็เลยไปเสริช์ชื่อนะครับ กระทู้ที่เขาพูดถึงการวัดแสงแบบต่างๆ ใช่มั้ยครับ http://www.pixpros.net/forums/showthread.php?t=1612 บางภาพวัดแบบนี้ แบบนั้น ถ้างั้น คำว่า"ภาพนี้วัดแสงแม่น ไม่แม่น" ก็จะเกี่ยวกับโหมดวัดแสงที่ตากล้องเขาใช้ด้วยหรือเปล่าครับ เช่นใช้โหมดไม่เหมาะสม กับภาพที่มีจุดมืดไม่กี่จุด แต่จุดสว่างในภาพเยอะกว่า อะไรพวกนี้ แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 55 14:15:41 แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 55 13:57:21 แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 55 13:53:13 จากคุณ : ฟูนัน เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 13:50:59

ความคิดเห็นที่ 28 ภาพที่ถ่ายออกมา มันมีส่วนที่รับแสงอยู่ 3 ส่วน ส่วนที่รับแสงเข้ามาพอดี ส่วนที่รับแสงมากเกิน ส่วนที่รับแสงน้อยเกิน คนทั่วไป และกล้องทั่วไป จะให้ความสำคัญกับส่วนแรก .. ส่วนที่แสงรับเข้ามาพอดี เพราะนั่นคือจุดสนใจ คนที่วัดแสง "แม่น" .. คือ คนที่ให้ความสำคัญกับอีกสองส่วนที่เหลือ การจะบอกว่า วัดแสงจุดที่เราสนใจ ให้มันพอดี ที่เหลือมันก็พอดีเอง .. สำหรับผม มันเป็น "คำแก้ตัว" เพราะถ้าส่วนที่เหลือ ไม่ต้องให้ความสนใจ ไม่ต้องให้ความสำคัญ แล้วจะเก็บส่วนนั้น เข้ามาในรูปทำแป๊ะทำไม คนที่วัดแสงแม่น จะต้องดูว่า แสงที่เข้ามาในจุดที่ไม่สำคัญ ไม่ต้องสนใจนั้น .. มันเป็นอย่างไร จะต้องปรับการรับแสงจุดที่สำคัญของภาพไหม .. เพื่อว่า แสงที่ลงมาจุดที่ไม่สำคัญ เสริม/สนับสนุน จุดสำคัญอย่างไร ตัวอย่างเช่น ปรับแสงที่ "พอดีๆ" ให้เพิ่ม 0.5 หรือ 1 stop เพื่อให้ตรงส่วนที่แสงไม่โดน ได้แสงเพิ่มมากขึ้น จะได้เก็บรายละเอียด แล้วค่อยไปดึงแสงตรงจุดสำคัญ ที่ได้แสงเพิ่ม ให้มันลงมาพอดี .. ในกระบวนการ post process ถ้าไม่แม่นเรื่องวัดแสง ไม่แม่นเรื่องเซนเซอร์ ทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะ "กลัว/ไม่แน่ใจ" ว่า ตรงจุดที่แสงพอดีๆ แล้วไปดึงให้มันรับแสงเพิ่มขึ้นนี่ .. ต่อให้ดึงขึ้นแค่ 0.5 stop ส่วนนั้นจะ over ไปไหม? เห็นไหมครับว่า ต้อง "แม่น" ถึงจะดึงขึ้น (หรือลง) ได้ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 14:04:44

ความคิดเห็นที่ 29 ความคิดเห็นที่ 22     จากที่น้าอ๋าว่ามา เป็นอะไรที่ค่อนข้างยากสำหรับผมแน่ๆ "ต้องรู้จักว่ายืนตรงไหน ทิศทางแสงเป็นอย่างไร น้ำหนักแสงตกตรงตามมุมที่ตัวเองเลือกกี่มากน้อย  ต้องเติมแสง หรือ ลดแสง อย่างไรหรือไม่เพื่อให้ได้แสงตามที่ต้องการ" แล้วก็สรุปว่า ผู้วิจารณ์ภาพ หรือคนที่ดูภาพเป็น ก็ไม่จำเป็นต้องไปอยู่ในที่ ในเวลา ที่ตากล้องไปถ่ายภาพมา ก็สามารถรู้ได้ว่าวัดแสงแม่น ไม่แม่น ใช่มั้ยครับ ขอบคุณมากครับ แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 55 13:27:56 จากคุณ : ฟูนัน   เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 13:21:34   ******************* ถูกต้องครับ คนที่ดูภาพเป็นเขาจะกะเวลาที่บันทึกภาพนั้นจากทิศทางแสงและเงาที่เกิดขึ้นในภาพ (กรณีเป็นแสงธรรมชาติ) ว่าภาพที่ถ่ายนั้นถูกบันทึกในเวลาประมาณเท่าไหร่ ความเปรียบต่างและความเข้มของแสงในแต่ละช่วงเวลาไม่เท่ากัน คนที่วัดแสงแม่น เขาจะรู้ว่าจะปรับสมดุลแสงให้ได้ตามที่ต้องการอย่างไร จะอาศัย reflex ธรรมชาติจากผนัง, พื้น ฯลฯ จากตรงไหน จะเสริมแสงด้วย reflex หรือ flash  เข้าไปตรงไหนภาพถึงจะดูนุ่มนวล หรือแข็งกร้าวตามที่ต้องการ  ต่างๆเหล่านี้ต้องอาศัยการวัดแสงเป็นพื้น เพื่อกำหนดน้ำหนักของแสงในแต่ละจุดให้ได้ตามต้องการ ต่างๆเหล่านี้มันสะท้อนเข้ามาให้เห็นในภาพนั้นๆ ครับ แม่นหรือไม่แม่น มันดูได้จากน้ำหนักแสงในภาพละครับ ตรงไหนขาดตรงไหนเกิน มันจะฟ้องครับ สิ่งที่เห็นได้ง่ายก็คือสีที่เพี้ยนไป ถ้าภาพนั้นติด over สีที่ได้ก็จะซีดไม่สดใส ถ้าภาพนั้นติด under สีที่อยู่ในโทนมืดก็จะเข้มกว่าที่ควร สีที่อยู่ในโทนสว่างก็จะหมองคล้ำ เรื่องนี้หลายท่านในยุคนี้ อาจแย้งว่าก็ถ่ายมาเป็น  Raw file สิ แก้ได้ ผมเองก็ไม่ได้เถียงครับ แต่ถ้าเป็นไปได้ก็ควรให้มันจบตั้งแต่หลังกล้องมาเลย จะดีที่สุดครับ จากคุณ : arnold_A1 เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 14:05:40

ความคิดเห็นที่ 30 เจ้าหนูจำไม...มากกกกกก จขกท.ไปโดนใครเขาวิจารณ์ภาพมาแบบไม่สบอารมณ์ตัวเองมาหรือเปล่าครับ ถ้าไม่ใช่ก็ต้องขอโทษด้วย เพราะผมมีความรู้สึกว่าคุณเอาแต่คำว่า "ภาพนี้วัดแสงแม่น ไม่แม่น" โดยมักจะต่อด้วย "คนวิจารณ์อยู่ในเหตุการณ์"เหรอ"" ถึงมารู้ดีกว่าคนถ่าย จากคุณ : ผีอมยิ้ิ้ิ้ิ้ม (popsado) เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 14:13:18

ความคิดเห็นที่ 31 ขอเข้ามาอ่านด้วยคนครับ  แต่ต้องใช้เวลาพอสมควรเพราะยาวมาก  แต่ตัดส่วนไหนทิ้งไม่ได้เลยเพราะทั้งหมดความรู้ทั้งนั้น จากคุณ : ฟรีค่าแรงตลอด5หมื่นโล เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 14:15:49

ความคิดเห็นที่ 32 เซนเซอร์ชิ้นหนึ่งตั้ง ISO ได้แค่ค่าเดียวทั้งชิ้น จะแยกเป็นแต่ละพื้นที่ไม่ได้ ดังนั้นจึงวัดแสงให้พอดีกับ ISO ได้ไม่เท่ากันทั้งภาพ นอกจากจะถ่ายภาพที่มีคอนทราสน้อย ไม่เกินไดนามิกเรนจ์ของเซนเซอร์ จึงเกิดอันเดอร์และโอเวอร์ได้ในบางจุด วัดแสงแม่นหรือไม่จึงอยู่ที่ตั้งใจวัดตรงไหน จากคุณ : โซว เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 14:19:06

ความคิดเห็นที่ 33 ^ ^ ผีอมยิ้ิ้ิ้ิ้ม (popsado) อิอิ เปล่าครับ คือเปิดหนังสือกล้องที่ขายๆ อ่านนะครับ ที่ผู้อ่านเขาส่งภาพมา แล้วคนวิจารณ์ภาพเขาก็บอกว่า วัดแสงแม่น แล้วก็นึกขึ้นได้ว่า เหมือนอ่านเจอในเวบ เวลาบางท่านเอาภาพมาโพส แล้วจะมีคนบอกว่า วัดแสงแ่ม่นมาก น่ะครับ ก็เลยสงสัยว่ารู้ได้ยังไง ดูยังไงน่ะครับ ทั้งที่ไม่ได้อยู่ตรงนั้น ผมขอยกอย่างเช่นภาพน้าฟรี คห 13 ฟ้าเป็นสีส้ม ตรงเรือก็มืดเห็นแต่ส่วนบนที่เป็นโครง ไม่เห็นตัวหนังสือ หรือลวดลายเรือด้วย อันนี้พอดี หรือไม่พอดีครับ แต่ถ้าเกิดน้าฟรี แกถ่ายให้ตรงเรือสว่างขึ้นจนเห็นลวดลายล่ะ คนดูภาพจะบอกแม่นไม่แม่น พอดีไม่พอดี หรือเปล่า ประมาณนี้น่ะครับ แบบขี้สงสัยน่ะ อิอิ แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 55 14:35:57 แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 55 14:33:03 แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 55 14:21:02 จากคุณ : ฟูนัน เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 14:19:56

ความคิดเห็นที่ 34 ความคิดเห็นที่ 27     ที่นี้ขอกลับไปที่ คห16 การวัดแสง และ ความคิดเห็นที่ 19     ที่บอกว่า ผมชอบวัดแสงแบบคุณ RBJ ครับ ผมก็เลยไปเสริช์ชื่อนะครับ กระทู้ที่เขาพูดถึงการวัดแสงแบบต่างๆ ใช่มั้ยครับ http://www.pixpros.net/forums/showthread.php?t=1612 บางภาพวัดแบบนี้ แบบนั้น ถ้างั้น คำว่า"ภาพนี้วัดแสงแม่น ไม่แม่น" ก็จะเกี่ยวกับโหมดวัดแสงที่ตากล้องเขาใช้ด้วยหรือเปล่าครับ เช่นใช้โหมดไม่เหมาะสม กับภาพที่มีจุดมืดไม่กี่จุด แต่จุดสว่างในภาพเยอะกว่า อะไรพวกนี้ แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 55 14:15:41 แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 55 13:57:21 แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 55 13:53:13 จากคุณ : ฟูนัน   เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 13:50:59     ************* metering pattern แต่ละแบบที่มีมาให้ใช้นั้น ถูกออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับช่างภาพได้เลือกใช้ ตามแต่ละสภาพแสงที่เจอะเจอครับ ไม่ได้หมายความว่าเลือก metering pattern แบบที่เหมาะสมแล้วจะทำให้วัดแสงแม่นขึ้น แต่มันจะช่วยให้วัดแสงได้ง่ายขึ้น เพราะไม่ว่าเราจะเลือกใช้ metering pattern แบบใด มันต้องมีการชดเชยแสงร่วมด้วยทั้งนั้นครับ  สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่า metering pattern แต่ละแบบนั้นทำงานอย่างไร ต้องชดเชยแสงเข้าไปเท่าไหร่ถึงจะได้แสงอย่างที่เราต้องการ นั่นคือต้องอ่านแสงให้เป็นครับ จากคุณ : arnold_A1 เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 14:35:58

ความคิดเห็นที่ 35 ขอบคุณทุกท่านมากครับ เดี๋ยวผมค่อยๆอ่านทำความเข้าใจครับ คงต้องไปอ่านเรื่อง metering pattern ด้วย "ต้องอ่านแสงให้เป็น" อันนี้ยากแน่ๆครับ จากคุณ : ฟูนัน เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 14:56:21

ความคิดเห็นที่ 36 น้า ฟูนัน     ภาพเรือใน คห.บน ผมตั้งใจให้แสงที่ท้องฟ้า กับเงาสะท้อนเป็นแบบนั้นครับ  ตัวเรือเลยต้องมืดลงไปโดยปริยาย  กล่าวคือพระเอกคือท้องฟ้า นางเอกคือน้องน้ำ  ดังนั้นตัวประกอบก็จ๋อยครับ อิอิ ^^ จากคุณ : ฟรีค่าแรงตลอด5หมื่นโล เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 15:25:33

ความคิดเห็นที่ 37 ครับน้าฟรี จากคุณ : ฟูนัน เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 15:33:59

ความคิดเห็นที่ 38 วัดได้ตรงกับเจตนาของผู้ถ่าย คิดแบบนี้ถ่ายได้แบบนี้ สำหรับผมเรียกว่าแม่นแล้ว ถ้าคนอื่นมามองภาพเราแล้วบอกว่าแม่น แสดงว่าแสงในภาพตรงใจของผู้ชมภาพ  ซึ่งในความเป็นจริงของผู้ถ่ายอาจไม่ได้ตรงกับเจตนาก็ได้ สรุป  ...ยังไงดี  เหอะๆ จากคุณ : เจ้าชายรองเท้าแตะ 655 เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 19:16:00

ความคิดเห็นที่ 39 ผมอ่านมาจนถึง คห. สุดท้าย..ทำไมไม่มีคนพูดถึง "ขาวไม่ขาว ดำไม่ดำ" ครับ....ผมว่าน่าจะเป็นสิ่งที่อธิบายให้เข้าใจถึงความหมายของ over - under ได้เป็นอย่างดี ผมว่าการที่รู้ว่าภาพไหน under เกินไปก็คือ สิ่งของที่ควรจะเป็นสีขาว มันจะไม่เป็นสีขาวมันจะออกสีเทาๆ ซึ่งความจริงแล้วตาคนเราน่าจะเห็นเป็นสีขาว แต่กล้องมันเห็นเป็นสีเทา และรู้ไหนที่ Over น่าจะหมายถึงวัตถุที่รู้แน่ๆว่าเป็นสีดำ มันจะไม่เป็นสีดำ มันจะเป็นสีเทาๆไม่ดำสนิทจริงๆ แต่ส่วนภาพที่สิ่งของสีดำแสงดสีดำที่สนิทจริงๆแล้ว ช่างภาพต้องการให้ดำหรือมืดลงไปอีกด้วยจินตนาการและอารมณ์ภาพอันนั้นคือตั้งใจให้ over หรือ under จริงๆ ครับ จากคุณ : Night Claw เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 21:02:41

ความคิดเห็นที่ 40 ความคิดเห็นที่ 35     ขอบคุณทุกท่านมากครับ เดี๋ยวผมค่อยๆอ่านทำความเข้าใจครับ คงต้องไปอ่านเรื่อง metering pattern ด้วย "ต้องอ่านแสงให้เป็น" อันนี้ยากแน่ๆครับ จากคุณ : ฟูนัน   เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 14:56:21   *********************** อ่านแสงให้เป็นนั้นไม่ยากเกินเข้าใจครับ เอาเรื่องแรกก่อน "เวลาที่บันทึกภาพ" รู้จักนาฬิกาแดดกันไหมครับ ถ้าดูกันเป็นการดูเวลาที่ถ่ายภาพ (เฉพาะกลางวันนะ) ก็ใช้หลักการเดียวกันครับ แสงส่องทางด้านซ้าย เงา ทอดไปทางด้านขวา ถ้าทอดยาวมาก แสงค่อนข้างนุ่ม แสดงว่าบันทึกภาพกันในช่วงเช้า  ยิ่งเงาหดสั้นมากขึ้นเท่าไหร่นั้นหมายความว่าเวลาที่บันทึกภาพนั้นใกล้เที่ยงวันมากขึ้นเท่านั้น ในทางกลับกัน ถ้าแสงส่องมาทางด้านขวา เงานั้นทอดสั้น เวลานั้นคล้อยหลังเที่ยงวันไปไม่มาก และยิ่งเงาทอดยาวมาทางด้านซ้ายมากเท่าไหร่นั่นหมายความว่าเวลายิ่งตกบ่ายมากขึ้นเท่านั้นครับ อย่างรูปที่ยกมาประกอบนี้ เดาถูกไหมละครับ ว่าผมถ่ายเวลาไหน จากคุณ : arnold_A1 เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 21:14:49

ความคิดเห็นที่ 41 ขออภัยครับกลับบ้านดึกไปหน่อย ผมไม่ค่อยสังเกตเรื่องแสงเลยครับ ว่าแสงบ่ายกับเช้ามันซ้ายหรือขวามือของเราหรือทางไหน ผมเดาดีกว่า  ว่าเป็น  10 โมงเช้า ก่อนเที่ยงแล้วกันนะครับน้า จากคุณ : ฟูนัน เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 23:45:21

ความคิดเห็นที่ 42 น้า Night Claw เรื่องขาวไม่ขาว ดำไม่ดำ คือเอาไว้สังเกตว่ามัน Under -over ใช่ไหมครับ ทีนี้ถ้าวัตถุสีขาว ไปอยู่ในพิ้นที่ไม่โดนแสง ประมาณมุมมืดของห้อง มันก็ไม่ขาว ถ้าเราไปถ่ายออกมามันขาว มันก็ไม่ตรงใช่มั้ยครับ ผมว่าผมเริ่มมั่วแล้วล่ะ แห่ะๆ จากคุณ : ฟูนัน เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 23:54:20

ความคิดเห็นที่ 43 สนใจบทเรียนที่ต้องฝึกเองไหม?? อาจจะยากไปนิด .. แต่รับรอง จำแม่น หาน้องนางแบบ 2 คน เอาที่ผิวขาวจัดๆคนนึง ผิวเข้มคนนึง ไปถ่ายแบบด้วยกัน .. ถ้าเช้าก้อราวๆสิบโมง บ่ายราวๆ บ่ายสาม ถ่ายกลางแดด, ถ่ายในร่ม แสงเข้าด้านหน้า และถ่ายในร่ม ย้อนแสง ไม่ให้ใช้รีเฟลกซ์ หรือ แฟลช ถ่ายแล้ว ไปโพรเสส ให้ภาพออกมา มีรายละเอียดผิวพรรณอยู่ครบๆ ไม่เอาขาวหน้าเด้งแบบตุ๊กตาเกาหลี .. จะจำแม่นเชียวหละว่า วัดแสงมั่วๆ มันให้ผลต่างจากวัดแสงแม่นๆอย่างไร จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 55 01:32:11

ความคิดเห็นที่ 44 นี่เป็นอีกเรื่องที่คนส่วนใหญ่ "ไม่รู้จริง" และในสมัยนี้ไม่มีใครกล้าสอน เพราะคนที่สอน "ก็ไม่รู้จริงอีกเช่นกัน" ครับ อีกทั้งอะไรสมัยนี้หลังจากได้ กล้องถ่ายรูปกันมาแล้ว ก็มักจะถามหาวิธึใช้โปรแกรมเพื่อ "โปรเซส" รูป กันทั้งนั้นครับ "ก็มันง่ายกว่า" ถูกต้องแล้วครับ "ผมไม่เถึยง" วิธีที่จะดูว่าวัดแสงได้ถูกต้องมั้ย ในกรณีถ่ายรูปตามปกติไม่ได้เน้นโอเวอร์ หรืออันเดอร์ในรูปถ่าย ให้ดูที่สีขาวครับ แม้แต่เลนส์ซูมระดับเทพทุกตัว "โดยส่วนใหญ่จะติดอันเดอร์กันทั้งนั้น" เพียงแต่ว่าเจ้าตัวไม่รู้ นึกว่าค่าแสง ที่ได้มาถูกต้องแล้ว แต่เปล่าเลย "มันติดอันเดอร์ครับ" พอผมกล่าวถึงสีขาว โดยเฉพาะคำว่า "สมดุลย์ของสีขาว" หลายคนก็จะนึก ถึงคำภาษาอังกฤษว่า "White Balance" เปล่าครับ ผมพูดถึงสีขาวที่มันขาว จริงๆ จังๆ เมื่อเราถ่ายรูปในสภาพแสงดี หรือมีแสงมากระทบวัตถุสีขาว "มันต้องเป็นสีขาวครับ" ใช้ค่า White balance Auto นี่แหละครับ แล้วปรับชดเชยแสงที่ตกกระทบ วัตถุ แล้วสะท้อนออกมาเป็นสีขาวครับ กรณีนี้ไม่เกี่ยวกับ Kavin ด้วยนะ เพราะผมใช้แต่ J-press ครับ 5555+~~~~ แต่เมื่อเวลาเปลี่ยนไป สีของแสงแดดออกเหลือมากขึ้น เราต้องชดเชย แสงเพิ่มขึ้น เพื่อให้วัตถุที่แสงกระทบออกมาเป็นสีขาวเหมือนเดิมครับ กรณีนี้ไม่เกี่ยวกับการถ่ายรูปในตอนกลางคืนนะ เพราะส่วนใหญ่ผมจะนอน หลับครับ ก็เลยไม่ได้ทำการทดสอบมา แต่ยังใช้วิธีนี้ได้ ถ้าต้องการถ่าย รูปกิจกรรมในห้อง เพราะผมทดสอบมาแล้วครับ โดยเฉพาะผ้าปูเตียงหรือ ปลอกหมอนสีขาว *ที่ยังไม่ได้ผ่านการใช้งานอันยุ่งเหยิงประจำวันมานะครับ ขอเน้นนะครับว่า วิธีของผมนั้น "ไม่ใช่การปรับค่า White balance แต่อย่าง ใด แต่เป็นการชดเชยแสงล้วนๆ ครับ ที่นี้ก็คงจะมีคนสงสัยอีกว่า "เราจะรู้ได้ไงว่าเป็นสีขาวจริง" วิธีง่ายๆ เลย ก็ให้เราถ่ายรูปเจดีย์ที่เป็นสีขาวสิครับ ถ้ายิ่งบูระทาสีกันใหม่ๆ งานนี้แจ่มครับ ให้เราพยายามถ่ายรูปของเจดีย์ในมุมที่ "มีแสงและเงา" ครับ สีขาวที่อยู่ในเงาก็ต้องมืดกว่าส่วนที่กระทบแสง "ใช่มั้ยครับ" และในส่วนที่กระทบแสงที่มีองศาแตกต่างกัน การสะท้อนของแสงสีขาวนั้น ย่อมแตกต่างกันด้วย "ใช่มั้ยครับ" ดังนั้น "นี่คือกฏของการไล่โทนของสีเดียว" ครับ สี่อื่นนั้นดูยาก สีขาวนี่ดู ได้ง่ายที่สุดแล้วครับ แต่ผมต้องบอกก่อนว่า "มันคนละเรื่องกับค่าเทากลาง" นะ ก็เราถ่ายรูปวัตถุสีขาวนี่ครับ แล้วเราจะเอาเทากลางมาทำไม "ทฤษฎีบ้าๆ บอๆ ของผม" ไม่มีรู้จักค่าเทากลางหรอกครับ สีเทาในโลกนี้มัน มีให้ถ่ายรูปมากนักหรือครับ 5555+~~~~ นี่เป็นแค่ส่วนเล็กๆ ที่ผมนำมาฝากให้คิดกันครับ ใครใคร่อยากจะทดลอง "ไม่ห้ามครับ" ก๊อปได้ - ลอกเลียนแบบได้ ไม่มีลิขสิทธิ์! แถมไม่ต้องอ้าง อิงถึงอีกต่างหากครับ!!! "เพราะผมเป็นสมบัติของส่วนร่ามอยู่แล้วครับ" 5555+~~~~ ชอบจัง! หมายเหตุ ผมไม่ได้อยากเป็น Idol นะครับ ผมก็แค่ประยุกต์ทฤษฎีบ้าๆ บอๆ ของตัวเองขึ้นมา เพื่อความสนุกสนานในการถ่ายรูปเท่านั้นเองครับ ใครเห็นว่ามันมีทางเป็นไปได้ ก็นำไปทดสอบดูกับกล้องของตัวเองครับ ใครคิดว่าไร้สาระก็มองข้ามไปครับ "ชีวิตมันก็ง่ายๆ แค่นี้แหละครับ" ถ้าผมพิมพ์ผิด กรุณาเล่นเกมเติมคำที่ถูก ต้องด้วยนะครับ 5555+~~~~ จากคุณ : MD555MAG เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 55 06:08:21 A:118.172.112.179 X: TicketID:240153

ความคิดเห็นที่ 45 ขอบคุณครับน้าแมว แต่นางแบบอาจจะหายาก ต้องหาวัตถุแทน จากคุณ : ฟูนัน เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 55 08:35:53

ความคิดเห็นที่ 46 ของน้า MD555MAG คือ บ่ายๆแดดเป็นส้มๆ เหลือง น้าก็ใช้ปรับชดเชยแสงเหรอครับ แล้วอย่างนี้ ถ้าในห้องที่หลอดไฟส้ม ก็ปรับชดเชยแสงเอา ใช้AOTO WB ไม่ปรับWhite balance แบบหลอดเหรอครับ ชดเชยแสง มันคือเรื่องของการเพิ่ม-ลด ความสว่าง มากน้อยหรือเปล่าครับ ส่วนพวกความเข้ม พวกสีของแสง ผมก็ไม่รู้เรื่องหลักการ ขอบคุณครับ จากคุณ : ฟูนัน เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 55 08:45:37

ความคิดเห็นที่ 47 คำว่า "วัดแสงแม่น" ถ้าเป็นระดับหนังสือที่ทดสอบกล้อง คำนี้เค้าจะให้กล้องวัดเทียบกับเครื่องวัดแสงมือถือเลยครับ ว่าออกมาตรงกับเครื่องวัดแสงไหม แต่ปรกติคำนี้เพื่อนผมมันชอบพูดเอาหล่ออ่ะครับ "กล้องนี้ดีมากนะวัดแสงแม่นอ่ะ " แต่พอไปถามมัน มันก็บอกว่าไม่รู้หรอกครับว่าแม่นคืออะไร แหะๆ จากคุณ : +One Side Love+ เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 55 10:22:10

ความคิดเห็นที่ 48 จากคำถามของคุณเจ้าของกระทู้ ในความคิดเห็นที่ 46 ผมอยากจะถามคุณเจ้าของกระทู้กลับว่า ปริมาณของแสงตอนบ่ายโมง กับ บ่ายสี่โมงเท่ากันมั้ยครับ สำหรับคำถามเกี่ยวกับหลอดไฟในห้องสีส้ม หลอดไฟแบบไส้กี่วัตต์ล่ะครับ แล้วมีอาการไฟตกด้วยมั้ย คุณเจ้าของกระทู้เคยยืนจ้องหลอดไฟไส้ที่ให้ แสงสว่างเต็มกำลัง ในสภาวะที่ไฟไม่ตกมั้ยครับ ว่าแสงสว่างโดยตรงที่ เปล่งออกมาจากหลอดไฟไส้นั้นสีอะไร จากถามในความคิดเห็นที่ 46 ที่คุณเจ้าของกระทู้บอกว่า "ชดเชยแสง มันคือเรื่องของการเพิ่ม-ลด ความสว่าง มากน้อยหรือเปล่า ครับ" นี่ก็คือคำตอบโดยรวมทั้งหมด จากคำถามของคุณเจ้าของกระทู้เอง นั่น แหละครับ ผมอยากจะบอกว่า เหมือนกับการบวกเลข 1+1 = 2 ใครๆ ก็เห็นด้วยเพราะ นี่คือเรื่องพื้นฐานครับ แต่ถ้ามีใครมาบอกว่า 0.5 บวกกันสี่ครั้ง = 2 หลาย คนเริ่มแปร่งๆ แล้วถ้ามีอีกคนมาบอกว่า ตัวเลข 0.5 แยกเป็นซับ 0.3+0.2 ได้อีก คนก็จะเริ่มมองว่า "คนนี้บ้า" แต่หลายคนไม่เข้าใจว่า มีองค์ประกอบในส่วนย่อยให้คำนึงถึงสำหรับการ ถ่ายรูปอีกมากมายครับ มันขึ้นอยู่กับว่า "ใครสามารถจะลึกซึ้งกับการถ่าย รูปได้มากกว่ากัน" หลายคนเลือกเดินทางง่าย คือ ตามกันไปยังไงล่ะครับ แต่น้อยคนที่จะลึก ลงไปในรายละเอียด ทฤษฎีเกี่ยวกับการถ่ายรูปที่เราพบเห็นได้ตามร้าน หนังสือ คือแนวทางพื้นฐานครับ ในส่วนที่ลึกซื้งลงไปไม่มีใครเขียนครับ เพราะอุปกรณ์ของแต่ละคน ก็คือความเฉพาะของคนๆ นั้นครับ ดังนั้นคำตอบง่ายๆ ก็คือ ตัวเรากล้าที่จะรับแนวคิดพิเรนทร์ แล้วนำไป ทดลองดูมั้ย มันขึ้นอยู่กับตัวเราด้วยว่า "พื้นฐานแน่นหรือยังครับ" และกล้า คิดในมุมกลับแตกต่างจากคนอื่นหรือเปล่าด้วยครับ การพิสูจน์ที่ทำได้ง่ายๆ ก็คือ "การออกไปถ่ายรูปยังไงล่ะครับ" "5555+~~~~" จากคุณ : MD555MAG เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 55 17:22:36 A:118.172.116.98 X: TicketID:240153

ความคิดเห็นที่ 49 ความรู้ทั้งน้น      แต่ เริ่มมึน อุ อุ จากคุณ : รอยรั่วในใจ เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 55 22:08:35

ความคิดเห็นที่ 50 ขออภัยน้า MD555MAG เป็นอย่างสูงครับ ผมนึกว่ากระทู้ตกไม่มีผู้เข้ามาตอบแล้ว แห่ะๆ พอดีเจอกระทู้ท่านนึงลิ้งค์กลับมากระทู้นี้ อ่านของน้า  MD555MAG ทำให้ผมมาคิดถึงที่น้าพูด มันก็จริงนะ ห้องนั้นแสงสีส้ม แต่ แต่ละที่ แต่ละห้องเกิดใช้ แสงสีส้มที่สว่าง ความเข้ม ไม่เท่ากัน ห้องเท่ากัน แต่ ห้องนี้มี 3ดวง ห้องนึงมี 5 ดวง หรือหลอดสว่างไม่เท่ากัน โดยวัตถุเหมือนกัน แล้วผมเลือกไวท์บาล้านซ์ เป็นรูปหลอดไฟทังสเตน เข้าไปถ่าย 2ห้องนั้น กล้องมันจะชดเชยปรับได้ค่าถูกต้องใช่ไหมครับ ภาพก็จะออกมาเหมือนกันหรือเปล่า อันนี้ไม่เคยลองครับ ขอบคุณมากครับ จากคุณ : ฟูนัน เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 11:02:11