ความคิดเห็นที่ 1 ประมาณว่า มีรูป1รูป File Jpeg ปรับ level ปรับเคริฟ ใส่ action(สมมุติว่าcross process) resize unsharp mask ใส่กรอบ ถ้าเราทำกระบวนการนี้ในกับ File Jpeg มัน แตกต่างอย่างไร กับFlie Raw คะ จากคุณ : i Love Rainy Season. เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 55 22:03:38

ความคิดเห็นที่ 2 http://www.pantip.com/cafe/camera/topic/O11583873/O11583873.html ..ลองอ่านดูครับ ส่วนตัวผมก็ไม่รู้หรอกว่ามันต่างกันเยอะมั้ย เพราะไม่ได้ถ่าย raw แต่สำหรับผมคิดว่าแค่เราแต่งภาพ แล้วย่อเหลือแค่ 700-1000px เพื่อลงเว็บ มันไม่ได้เห็นข้อแตกต่างที่ชัดเจนเท่าไหร่ แต่ถ้าจะไปถ่ายงานส่งลูกค้า อันนั้นก็ควรจะถ่าย raw กันเหนียวดีกว่า จากคุณ : AB Rh+ เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 55 22:10:55

ความคิดเห็นที่ 3 จากความรู้อันน้อยนิดของผมเข้าใจว่า raw ไม่ใช่ภาพแต่เป็นชุดของข้อมูล   jpeg เป็นภาพที่ได้จากการประมวลผลข้อมูลแล้ว  การปรับแต่งที่raw จึงยืดหยุ่นได้มากกว่า มากๆ เพราะเป็นการปรับแก้ที่ตัวข้อมูลเลย แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 55 22:16:50 จากคุณ : ความเป็นจริงที่ว่างเปล่า เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 55 22:15:37

ความคิดเห็นที่ 4 jpeg ปรับได้นิดเดียวภาพเละ และบางอย่างทำไม่ได้ raw ปรับได้เยอะกว่ามากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : Rey Elessar เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 55 22:18:38

ความคิดเห็นที่ 5 ประมาณว่า มีรูป1รูป File Jpeg ปรับ level ปรับเคริฟ ใส่ action(สมมุติว่าcross process) resize unsharp mask ใส่กรอบ คิดว่าถ้าน้าทำแค่กระบวนการตามข้างบนนี้ File Jpeg ก็เพียงพอแล้ว ทำแค่นี้กับไฟล์ raw สีน่าจะจืดๆกว่า Jpeg ด้วยซ้ำ ส่วนเรื่อง WB วิธีของ Jpeg ทำยังไงไม่แน่ใจ แต่ปกติที่มั่วทำยัด Filter สีตรงข้ามแต่ละระดับเข้าไป พอช่วยได้ระดับนึง แต่ถ้า Raw เอาหลอดไปจิ้มตรง สีขาวๆหน่อยในรูป WB แก้ได้ทันใด ชอบก็ตรงนี้แหละ ส่วนสีสัน เล่นเป็นสีสันจัดจ้านดี ลด noise ได้พอควรด้วย จากคุณ : N'PaO&N'NoK เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 55 22:27:08

ความคิดเห็นที่ 6 RAW ดึงรายละเอียด ส่วนมืด/สว่าง และความละเอียดของสีได้มากกว่า จากคุณ : padawan เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 55 22:49:04

ความคิดเห็นที่ 7 เดี๋ยวหา Camera Raw กับถ่าย File Raw มาเล่นดูคะ แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 55 22:57:48 จากคุณ : i Love Rainy Season. เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 55 22:57:30

ความคิดเห็นที่ 8 Jpeg ก็คือ การ procees ด้วยกล้อง  ส่วน raw ใช้คอม procees.  ครับ 1. Jpeg ก็ปรับ wb ได้ครับ แต่เพียงอาจจะลำบากกว่าการปรับจาก raw 2.ค่าที่ถูกต้องคืออะไรครับ การถ่ายรูปสำหรับผมมันเป็นศิลปะมากกว่าวิทยาศาสตร์ ดังนั้นไม่มีค่าที่ถูกต้อง มีแต่ว่าถูกใจหรือเปล่าเท่านั้นเอง 3 raw file ใหญ่จริง  แต่ว่าเมื่อแปลงเป็น jpeg แล้วfile จะเล็กกว่าการถ่ายจาก jpeg ตรงๆนะครับ ปล. ผมมั่วนิ่มเอานะ 555   แล้วก็เว้นวรรคอาจจะอ่านยากหน่อย  ใช้มือถือพิมพ์ครับ จากคุณ : Re-Feel เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 01:50:56

ความคิดเห็นที่ 9 RAW > JPG ในการแปลง จะมีข้อมูลที่ "โปรแกรมคิดว่า" ไม่จำเป็นหายไป (เยอะซะด้วย) หายไปเยอะแค่ไหน ? ก็อยู่ที่โปรแกรมคิดว่าไอ้ที่ควรจะเก็บน่ะ จะเก็บแค่ไหนดี (บางโปรแกรมเรากำหนดเองได้) ทีนี้ ถ้าแปลงแล้ว ไปปรับอีก ไอ้ที่ไม่จำเป็นแล้วลบไป บางส่วนอาจจะจำเป็นขึ้นมา แล้วหาที่ไหนไม่ได้ เพราะลบไปแล้ว ผลที่ได้คือ ขาดรายละเอียดในส่วนมืด ส่วนสว่าง และ/หรือ Posterize ในขณะที่ RAW ข้อมูลยังอยู่ครบ จะตัดอะไรจะเก็บอะไรก็มาบอกทีหลังได้ ไม่ใช่ ตัดไปก่อนแล้วถามทีหลังครับ.... จากคุณ : (oidutS skcarT eriT) (Tire Tracks Studio) เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 03:43:42

ความคิดเห็นที่ 10 ขอเพิ่มเติมจากน้า ๆ ข้างบนครับ ถ้าเปรียบ RAW เป็นเนื้อหมูดิบ (ตามชื่อ) ที่เพิ่งไปซื้อมาจากตลาด ... เราสามารถปรุงแต่งรสชาติได้หลากหลายตามใจ แต่ JPEG เป็นเนื้อหมูที่เค้าปรุงรสมาแล้ว ... รสชาติอาจจะเค็มไป หวานไปหน่อย เราไม่ชอบ อยากปรุงใหม่ แก้ไขได้ แต่ก็จะไม่อร่อย เหมือนการที่เราปรุงตั้งแต่ต้นเอง จากคุณ : ผัดไทยกุ้งสด เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 06:32:56

ความคิดเห็นที่ 11 raw ก็คือ ไข่สด หมูสด ข้าวดิบ jpg คือ ข้าวผัดหมูไข่ การจะแปลงข้าวผัดหมูไข่ ให้เป็นโจ๊กหมู ใส่ไข่ มันเป็นเรื่องของไสยศาสตร์มนตร์ดำ .. ทำไม่ได้ ทำได้อย่างมากก็แค่แปลงเป็นข้าวผัดหมูไข่อบสัปปะรดเท่านั้น แต่ raw .. มันขึ้นกับจินตนาการของเราเลยหละว่า อยากให้ออกมาเป็นอะไร .. จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 09:24:55

ความคิดเห็นที่ 12 raw .. ไม่ใช่คำย่อ แต่เป็นคำศัพท์ตรงๆ ที่แปลว่า "ดิบ" file raw ไม่ใช่ไฟล์ภาพ แต่เป็นไฟล์ข้อมูล (data) ที่ใช้สร้างภาพ คำพูดต่างกันเล็กน้อย ถ้าไม่ดูให้ดีๆ ก็จะเข้าใจผิดกันแบบนี้เสมอ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 09:25:14

ความคิดเห็นที่ 13 ภาษาไทยเราที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ได้แยกคำว่า ข้อมูล (data), ข่าวสาร (information) ออกจากกัน แถมยังใช้สลับกัน ทำให้เกิดความสับสนบ่อยๆ ตั้งแต่ระดับตากล้องมือสมัครเล่น จนถึงการบริหารน้ำท่วมห้าหมื่นล้านลูกบาศก์เมตร .. จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 09:25:33

ความคิดเห็นที่ 14 ข้อมูล, datum, คือ ข้อเท็จจริงชิ้นหนึ่ง (a single piece of FACT) โดยตัวมันเอง .. ไม่มีความหมาย (meaningless), ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ (useless) ข่าวสาร (information) คือ ข้อมูลมากกว่าสองข้อมูลขึ้นไป (data = พหูพจน์ของ datum) ที่ถูกรวบรวม และผ่านกระบวนการ (data processing) เพื่อให้มีความหมาย และนำไปใช้ประโยชน์ได้ เห็นที่ผมทำตัวใหญ่ให้กับคำว่า FACT ไหม ผมไม่รู้ว่า ใครเป็นคนแปลคำนี้เป็นภาษาไทย แต่ต้องขอคารวะ FACT คือ ข้อเท็จจริง มีทั้ง ความเท็จ และความจริง จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 09:26:01

ความคิดเห็นที่ 15 กระบวนการจัดการข้อมูล(ให้เป็น)ข่าวสาร data processing  .. จะทำการแยกความเท็จทิ้งออกไป เก็บเอาแต่ความจริง *************** แต่ **************** 1. รู้ได้อย่างไร ว่า ความเท็จ คือ ความเท็จ 2. มั่นใจอย่างไร ว่า ความเท็จ มิใช่ ความจริง 3. มั่นใจอย่างไร ว่า ความจริง มิใช่ ความเท็จ 4. มั่นใจอย่างไร ว่า ทิ้งความเท็จอย่างเดียว มิได้ทิ้งความจริงไปด้วย 5. มั่นใจอย่างไร ว่า เก็บความจริงอย่างเดียว มิได้เก็บความเท็จมาด้วย จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 09:26:31

ความคิดเห็นที่ 16 กระบวนการ jpeg ก็คล้ายๆกับกระบวนการ data processing นี่แหละ ข้อมูลที่เก็บไว้ใน raw .. มันมีข้อมูลที่จำเป็น และ ไม่จำเป็น และมันเป็นข้อมูล (data) .. ที่ไม่มีความหมาย ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ กระบวนการ raw processing จะแยกแยะ และ ทิ้งข้อมูลที่ไม่จำเป็น สร้างเป็น *************** แต่ **************** กระบวนการ raw processing 1. รู้ได้อย่างไร ว่า ข้อมูลที่ทิ้งไป คือ ข้อมูลไม่จำเป็น/ไม่สำคัญ 2. มั่นใจอย่างไร ว่า ข้อมูลที่ทิ้งไป คือ ข้อมูลไม่จำเป็น/ไม่สำคัญ มิใช่ ข้อมูลที่ทิ้งไป คือ ข้อมูลจำเป็น/สำคัญ 3. มั่นใจอย่างไร ว่า ข้อมูลจำเป็น/สำคัญ มิใช่ ข้อมูลไม่จำเป็น/ไม่สำคัญ 4. มั่นใจอย่างไร ว่า ทิ้งข้อมูลไม่จำเป็น/ไม่สำคัญ อย่างเดียว มิได้ทิ้งข้อมูลจำเป็น/สำคัญ ไปด้วย 5. มั่นใจอย่างไร ว่า เก็บข้อมูลจำเป็น/สำคัญอย่างเดียว มิได้เก็บข้อมูลไม่จำเป็น/ไม่สำคัญมาด้วย เพื่อให้ในภาพ jpg มีแต่ข้อมูลที่จำเป็น/สำคัญ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 09:31:33

ความคิดเห็นที่ 17 กระบวนการจัดการ raw ที่คิดค้นโดยวิศวกร และมากับกล้อง .. ตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ว่า คนใช้กล้อง และคนดูภาพ ส่วนใหญ่ (99%) ไม่สนใจความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆ ที่เกิดขึ้น (อาทิ WB เพี้ยน) และ ความผิดพลาดต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างกระบวนการแปลงข้อมูล raw เป็นข่าวสารภาพ jpeg .. ยอมรับได้ ----------------- คือถ้าถ่ายรูปมาเป็น Jpeg มันจะไม่สามารถแก้ WB ได้ตรงเหมือนกับ Flie Raw หรอคะ เพราะว่าอะไรคะ ทั้งหมดที่ว่ามา คือ คำตอบของคำถามนี้ เราเอาไฟล์ jpeg มาแก้ WB แต่ เราเอาไฟล์ raw มาผ่านกระบวนการสร้าง jpeg โดยนำ WB ที่เหมาะสมใส่เข้าไปจัดการ การแก้ไข WB ใน jpeg คือ การแก้ไขปัญหา, ข้อผิดพลาด หลังจากที่งานเสร็จ แต่ raw .. มันคือ กระบวนการปรับแต่ง WB ระหว่างผลิตผลงาน ให้มันถูกต้องตรงตามที่เราต้องการ ต่างกันเยอะไหมหละ? จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 09:39:33

ความคิดเห็นที่ 18 กูรูถ่ายภาพหลายๆคน จึงพยายามผลักดันแนวคิด (concept) เรื่องการ "จบหลังกล้อง" ให้กับมือใหม่ แต่ไม่ได้อธิบายเหตุผลชัดเจน หรือ ครบถ้วน เลยมีกระแสค้าน มากพอสมควร การทำงานให้เสร็จสิ้น ครบถ้วน ไม่ต้องแก้ไข มันดีกว่าการมาแก้ไขงานภายหลังมากมาย แต่ถ้าสถานการณ์บีบบังคับ ให้ไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ มีความจำเป็นต้องแก้ไขงานภายหลัง .. "RAW file" หน่วยกู้ชีพแห่งดิจิทัลอิมเมจไฟล์ .. ตามที่น้าตู้เอกสารว่าไว้ใน http://www.pantip.com/cafe/camera/topic/O11583873/O11583873.html ทุกประการ raw file ทำให้การกู้ชีพ "ง่ายขึ้น" แต่ถ้าไม่กู้เลย .. จบหลังกล้อง .. มันง่ายกว่าหลายพันเท่า จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 09:45:33

ความคิดเห็นที่ 19 ปาด น้าแมวเหมียวนิดนึง.. ทำไมชอบมีคนบอกว่า RAW สีจืด.... เพราะคุณเอา RAW ไปเปิดกับโปรแกรมที่ไม่ใช่โปรแกรมของกล้องยี่ห้อที่คุณใช้ครับ....ปกติแล้ว RAW ของผมแสดงสีเหมือนกับหลังกล้องครับ... ผมไม่รู้มีกี่คนที่ใช้ LR ACDsee Picaza เปิดดูไฟล์ RAW กัน..แต่ขอบอกว่าไปเอา แผ่นที่มันแถมมากับกล้องแล้วใช้โปรแกรมของมันเปิดดูดีกว่าครับ..เพราะการออกแบบลอกาลิทั่มของ chip ประมวลผลกับ ตัวโปรแกรมมันคืออันเดียวกัน นอกนั่น..แค่ "คล้าย" ครับแต่ไม่ใช่...... อีกอย่าง... จขกท. ยังไม่เข้าใจความต่างระหว่าง USM กับ sharpen ครับ... USM คือการเตรียมไฟล์ให้คงความคมชัดไว้ พอดีกับขนาดที่จะแสดง เช่น ขนาด 800*600 มันก็จะทำให้ภาพคงความชัดที่ขนาดนี้เท่านั้น..ดังนั้นถ้าซูมเข้าไปจะเห็นได้ว่ามันไม่ชัด แตก... การทำ USM ที่ละ step 500 เป็นการเกลี่ยขอบและยักที่เกิดจากการทำ USM ในแต่ละครั้ง.. การทำ Shapen คือการเพิ่ม contrast ให้กับภาพบริเวณขอบ เช่น เดิมมันสีเทา 20 มันก็จะกลายเป็น เทา 10 (ลดลง) แต่ถ้าเป็น เทา 80 มันก็จะกลายเป็นเทา 90 (เพิ่มขึ้น) ทำให้ตาเราเห็นว่าภาพมันคมขึ้น แต่ความเนียนของภาพ การไล่ระดับของโทนสี จะลดลง....... จากคุณ : Night Claw เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 09:54:14

ความคิดเห็นที่ 20 ข้อมูลเพียบ ไม่ได้มาตอบ แต่... ขอเข้ามาศึกษาครับ ^_^ จากคุณ : ตู้เอกสาร เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 10:36:59

ความคิดเห็นที่ 21 สมมุติตัวอย่างนะคะ ถ้าเราใช้คำสั่ง Auto Level ปรัับรูป JPEG มันก็ปรับให้อัตโนมัติ แต่มันให้ค่าที่ไม่ถูกต้องหรอคะ ถูก ผิด เอาอะไรมาวัด? ถูกต้อง กับ ถูกใจ มันห่างกันราวๆ เจ็ดสิบห้าปีแสง ถูกใจคนอื่น กับ ถูกใจเรา ยิ่งห่างกันหนักเข้าไปอีก .. เราเสียเงินเป็นหมื่นเป็นแสน ซื้อกล้อง เพื่ออะไร? เราเสียเวลาเป็นชั่วโมงๆ เป็นวันๆ เพื่อไปถ่ายรูป ที่ถูกใจใคร?? เราแต่งรูป ให้ใครดู??? คำถามที่ย้อนกลับนี้ คือ คำตอบของคำถามที่ตั้งไว้ในกระทู้ ... จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 10:58:15

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณครับ ความรู้ทั้งนั้นเลย :) ปล.ผมใช้แต่ Raw เเล้วครับเดี๋ยวนี้ เเต่งเสร็จค่อยทำเป็น Jpec     เข็ดเเล้วกับการเเต่งภาพโดยใช้ Jpec - -'' จากคุณ : ToonFx เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 11:58:11

ความคิดเห็นที่ 23 สำหรับผมแล้ว การออกไปถ่ายภาพเหมือนกับการเข้าป่าไปจับสัตว์มาทำอาหารซักตัวหนึ่ง ข้อมูลที่ได้มาจากเซ็นเซอร์ก็เปรียบเสมือนสัตว์ตัวเป็นๆที่พึ่งจับได้มา .... ถ้าเราถ่ายเป็น Jpeg ก็เปรียบเสมือนเอาสัตว์ที่พึ่งจับได้เชือดคอหอยถอนขนต้มยำทำแกงเป็นอาหารรับประทานกันตรงนั้นเดี๋ยวนั้น ... โอเคบางคนอาจจะชอบอะไรแบบนี้ ก็ลางเนื้อชอบลางยา แต่ถ้าเราถ่ายเป็น RAW แล้วมาโปรเซสทีหลัง ก็เปรียบเสมือนเราแค่ัจับสัตว์นั้นมาไว้เฉยๆ พอเอามาโปรเซสที่คอมพ์ก็เปรียบเสมืิอนเอาสัตว์นั้นส่งเข้าโรงฆ่าสัตว์ที่ถูกสุขอนามัย จากนั้นก็เอาต้มยำทำแกงโดยเชฟฝีมือเยี่ยม ที่มีอุปกรณ์เครื่องครัวชั้นดีครบครัน มีเครื่องปรุงไม่ขาดตกบ่งพร่อง ... โอกาสที่เ่ราจะได้รับทานอาหารจานเด็ดฝีมือเชฟห้าดาว มันก็เกิดขึ้นได้ครับ จากคุณ : sk-sint เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 55 22:17:16

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณทุกคำตอบนะคะ วันนี้เข้าใจ raw และ jpeg ขึ้น อีกเยอะเลย จากคุณ : i Love Rainy Season. เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 55 22:27:22