ความคิดเห็นที่ 1 แอนเซล อดัมส์ (1902-1984) ปรมาจารย์นักถ่ายภาพชาวอเมริกัน ผู้แนะนำให้โลกได้รู้จักความงามอันยิ่งใหญ่ของ ธรรมชาติ ผ่านทางภาพทิวทัศน์ขาวดำอันงดงามตระการตา ทั้งยังเป็นผู้คิดค้นทฤษฎี Zone System คัมภีร์ที่นักถ่ายภาพตั้งแต่รุ่นเก๋าจนถึงยุคดิจิตอลต้องศึกษา นอกจากการเป็นศิลปินช่างภาพ อดัมส์ยังขึ้นชื่อว่าเป็นนักอนุรักษ์ธรรมชาติตัวยงที่ใช้ ภาพถ่ายแทนถ้อยคำนับล้านที่บอกเล่าถึงมรดกของโลกที่มนุษย์พึงต้องหวงแหนรักษาไว้ ประจักษ์พยานของสิ่งที่แอนเซล อดัมส์ ทุ่มเทมาทั้งชีวิตคือพื้นที่ธรรมชาติที่ถูกอนุรักษ์ ไว้เป็นอย่างดีจนแทบไม่แปรเปลี่ยนไปจากวันเวลาที่พวกมันถูกบันทึกภาพไว้ เมื่อเกือบศตวรรษที่แล้ว.. หากคุณรู้จักแต่ภาพสวยๆ ของแอนเซล อดัมส์..ต่อจากนี้จะเป็นเรื่องราวอีกมุมที่คุณ อาจไม่รู้ จากประสบการณ์และความทรงจำของ ไมเคิล อดัมส์ ลูกชายของเค้า.. _________________________________________________________________ เรียบเรียงจาก "10 INTERESTING THINGS I LEARNED ABOUT ANSEL ADAMS" โดย Thomas Hawk http://thomashawk.com/2008/05/10-interesting-things-i-learned-about.html _________________________________________________________________ The Tetons and the Snake River, Grand Teton National Park, Wyoming, 1942 แก้ไขเมื่อ 20 ก.พ. 55 10:14:25 จากคุณ : หน้าม้ารับจ้าง เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 01:49:52

ความคิดเห็นที่ 2 1. ถ้าแอนเซล อดัมส์ยังมีชีวิตอยู่..เค้าจะรักการถ่ายดิจิตอล ไมเคิลเล่าว่า พ่อของเค้าคลั่งไคล้เทคโนโลยีใหม่ๆ มาก โดยแอนเซลมักทดลองเลือกใช้ เครื่องไม้เครื่องมืออุปกรณ์รุ่นล่าสุด และบ่อยครั้งที่บริษัทกล้องอย่าง Haselblad และ Polaroid จะนำกล้องต้นแบบมาให้แอนเซลทดสอบ เพื่อพัฒนาก่อนออกสู่ตลาดต่อไป ในความเห็นของไมเคิล..แอนเซล อดัมส์ จะโดดเข้าสู่โลกดิจิตอลก่อนใคร ถ้าเค้ายัง ยังมีชีวิตอยู่.. จากคุณ : หน้าม้ารับจ้าง เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 01:50:23

ความคิดเห็นที่ 3 2. ความภาคภูมิใจสูงสุดในชีวิตการทำงาน หนึ่งในไอดอลด้านการถ่ายภาพของแอนเซลคือ อัลเฟรด สตีกลิทซ์ (Alfred Stieglitz) ศิลปินช่างภาพยุคบุกเบิกผู้ทำให้ภาพถ่ายได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในโลกศิลปะ สำหรับแอนเซล อดัมส์ การได้จัดแสดงภาพในแกลลอรี่ของ อัลเฟรด สตีกลิทซ์ นับเป็น เกียรติและความภาคภูมิใจสูงสุดในชีวิตการทำงานของเค้า และแม้ว่าในเวลาต่อมา อดัมส์จะ ได้เป็นช่างภาพชื่อก้องโลก แต่งานแสดงภาพในยุคต้นๆ ในปี 1936 คือเหตุการณ์ที่เค้าพร่ำ เล่าให้ใครๆฟังได้ไม่เบื่อเสมอ.. ____________________________________________________ อัลเฟรด สตีกลิทซ์ ถ่ายโดย แอนเซล อดัมส์ จากคุณ : หน้าม้ารับจ้าง เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 01:50:49

ความคิดเห็นที่ 4 3. แอนเซล อดัมส์ มักจะกล่าวชมเชยภาพของคนอื่นเสมอ ไม่จำเป็นต้องเป็นงานศิลปะชั้นเลิศ แม้แต่ภาพถ่ายธรรมดาพื้นๆ ของตากล้องมือใหม่ แอนเซลมักจะหาจุดดีมาชมเชยภาพเหล่านั้นได้เสมอ แน่นอน..สำหรับช่างภาพระดับเค้า คำชมน่าจะเป็นกุศโลบายเพื่อให้กำลังใจช่างภาพรุ่นใหม่ๆ ซะมากกว่า _____________________________________________________ "Road, Nevada Desert" 1960 จากคุณ : หน้าม้ารับจ้าง เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 01:51:16

ความคิดเห็นที่ 5 4. สิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาที "Moonrise over Hernandez, New Mexico, 1941" ภาพถ่ายที่แพงที่สุดของ แอนเซล อดัมส์ (Original Print ภาพต้นฉบับที่ล้างอัดโดยอดัมส์ ถูกประมูลไปในราคา $609,600 ในปี 2006) แอนเซลบันทึกภาพนี้ได้โดยบังเอิญ ขณะที่เค้ากำลังขับรถผ่านรัฐนิวเม็กซิโก ไมเคิลลูกชายที่อยู่ ในเหตุการณ์นั้นด้วยเล่าว่า ทันทีที่เห็นภาพตรงหน้า พ่อของเค้ารีบจอดรถแล้วตั้งกล้องถ่ายทันที ตอนนั้นแอนเซลใช้กล้องLarge Format ที่ใช้เพลทกระจกในการบันทึกภาพ ยังไม่ทันที่แอนเซล จะกลับด้านเพลทเพื่อถ่ายภาพที่ 2จังหวะโมเมนต์ของกลุ่มเมฆและดวงจันทร์ก็ได้หายลับไป.. แน่นอน..บ่อยครั้ง จังหวะสำคัญ..มักจะผ่านเข้ามาให้คุณมีโอกาสแค่ "ชอตเดียว"เท่านั้น __________________________________________________ Moonrise over Hernandez, New Mexico, 1941 จากคุณ : หน้าม้ารับจ้าง เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 01:51:49

ความคิดเห็นที่ 6 5. งานชิ้นสุดท้าย..ที่ไม่เคยเสร็จ ช่วง 2-3 ปีสุดท้ายในชีวิต แอนเซลขลุกอยู่แต่ในห้องมืดเพื่ออัดภาพผลงานของเค้า ส่งให้ลูกค้า ถึงแม้เค้าจะหยุดรับออเดอร์สั่งภาพมานานหลายปีแล้ว แต่เค้าต้องใช้เวลา ถึง 2 ปีเต็มในการอัดภาพทั้งหมดให้ครบตามใบสั่ง.. แอนเซล ในวัยกว่า 80 สังขารร่วงโรยตามกาลเวลา และแม้จะมีเสียงทัดทานจาก ครอบครัว แต่เค้ากลับเข้าห้องมืดอีกครั้งเพื่อสะสางงานชิ้นสุดท้าย นั่นคือ "museum series" ภาพชุดมาสเตอร์พีซที่เค้าคัดสรรมาจากตลอดชีวิตการทำงาน อัดขยายอย่างประณีตด้วยฝีมือเค้าเอง เพื่อนำไปจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ น่าเสียดาย..ภาพชุดนี้ไม่เคยทำได้สำเร็จ เพราะแอนเซล อดัมส์ เสียชีวิตไปซะก่อน _____________________________________________________________ * ในข้อนี้ผมขออนุญาตเสริมซักนิดละกัน..เผื่อเด็กรุ่นใหม่จะได้เข้าใจว่าทำไม แอนเซล อดัมส์ ต้องมานั่งล้างอัดรูปเอง นั่นเพราะการล้างอัดภาพในยุคกล้องฟิล์ม เป็นงานที่ต้องใช้ทักษะฝีมือและความชำนาญเป็นอย่างสูง อย่างฟิล์มเนกาตีฟภาพเดียวกัน หากส่งให้ช่างแต่ละคนไปล้างอัดมายังได้ภาพออกมาไม่เหมือนกันเลย ยิ่งระดับแอนเซล อดัมส์ ที่ได้รับการยอมรับให้เป็นยอดฝีมือด้านศาสตร์ในห้องมืด ทักษะการล้างอัดเพื่อให้ได้ภาพ ตามที่เค้าต้องการนั้น จึงยากต่อการลอกเลียนแบบ ภาพพิมพ์ต้นฉบับจากฝีมือของอดัมส์จึงมีมูลค่าสูงลิ่วทั้งทางด้านจิตใจ และในตลาดนักสะสม ซึ่งปัจจุบันซื้อขายกันอย่างต่ำที่ภาพละ $5,000 ______________________________________________________________ Moon and Half Dome, Yosemite National Park, California, 1960 แก้ไขเมื่อ 20 ก.พ. 55 13:30:27 จากคุณ : หน้าม้ารับจ้าง เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 01:52:32

ความคิดเห็นที่ 7 6. แม้แต่ แอนเซล อดัมส์ ยังต้องรับจ็อบ ถึงแม้จะเป็นช่างภาพชื่อก้องอเมริกา แต่แอนเซล อดัมส์ยังต้องรับถ่ายงานนอกบ่อยครั้ง เพื่อหาเลี้ยงครอบครัว ตั้งแต่งานภาพนิ่งโฆษณา ภาพประกอบโบรชัวร์ ถ่ายบิลบอร์ด กระทั่งงานพรีเวดดิ้งและรับปริญญา (2 อันหลังนี่ล้อเล่น..อิอิ) ไมเคิลเล่าว่า บ่อยครั้งที่พ่อของเค้าออกทริปเพื่อไปถ่ายพวกงานคอมเมอร์เชียล (ที่ได้ตังค์) ขณะเดียวกันก็ถ่ายงานอาร์ตส่วนตัวของตัวเองไปด้วย เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย _________________________________________________________________ บิลบอร์ดโฆษณาฟิล์มสี Kodak Color-Rama ขนาด 15x60 ฟุต ที่ติดตั้งในสถานี Grand Central Station นิวยอร์ค แก้ไขเมื่อ 20 ก.พ. 55 02:24:15 จากคุณ : หน้าม้ารับจ้าง เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 01:52:58

ความคิดเห็นที่ 8 ภาพโปรโมทโรงแรม St. Francis' ในซานฟรานซิสโก อีกจ็อบนึงของอดัมส์ จากคุณ : หน้าม้ารับจ้าง เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 01:53:26

ความคิดเห็นที่ 9 7. ทำก็อปปี้ต้นฉบับไว้เสมอ แอนเซล อดัมส์ มักถ่ายย้ำมุมเดิมไว้ทีละหลายชอต ทั้งแบบธรรมดา และแบบ multiple exposures ส่วนหนึ่งเพื่อสำรองต้นฉบับเอาไว้ และเพื่อเลือกภาพที่ดีที่สุด เอามาอัดขยายภายหลัง ___________________________________________ Bridalveil Fall, c. 1927 จากคุณ : หน้าม้ารับจ้าง เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 01:53:53

ความคิดเห็นที่ 10 Bridalveil Fall, c. 1952 จากคุณ : หน้าม้ารับจ้าง เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 01:54:18

ความคิดเห็นที่ 11 8. ล็อบบี้ยิสต์ช่างจ้อ ถ้าดูเฉพาะผลงานของเค้า คุณอาจคิดว่าแอนเซล อดัมส์เป็นคนรักสันโดษ ชอบปลิกวิเวก อยู่ตามป่าเขา แต่ความจริงแล้วแอนเซลเป็นคนอัธยาศัยดี ชอบสังสรรค์ และมักเป็นศูนย์กลาง ความสนใจของคนอื่นๆเสมอ ไมเคิลเล่าว่าทุกๆ ปี พ่อของเค้าต้องเดินทางไปวอชิงตันดีซีเพื่อล็อบบี้เรียกร้องให้รัฐเพิ่มเขตอนุรักษ์ ให้ผืนป่าต่างๆ อดัมส์ไม่เคยเหน็ดเหนื่อยกับการได้พูดคุยกับคนกลุ่มต่างๆ และบ่อยครั้งก็ได้สนทนา กับประธานาธิบดีหลายท่านทั้ง จอห์นสัน, ฟอร์ด และจิมมี่ คาร์เตอร์ ไมเคิลเล่าขำๆว่าตอนที่แอนเซลได้พบกับ ปธน.โรแนล เรแกน เป็นชั่วโมง ทั้งสองต่างจ้อแต่เรื่องของตัวเอง จนแทบไม่มีใครฟังใครเลย ____________________________________________________________ Official Portrait ของอดีตประธานาธิบดี Jimmy Carter และภริยา โดยแอนเซล อดัมส์ จากคุณ : หน้าม้ารับจ้าง เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 01:54:46

ความคิดเห็นที่ 12 9. ห้องมืดใครว่าไม่สำคัญ สิ่งที่ท้าทายที่สุดสำหรับ Ansel Adams archive (ตั้งอยู่ที่ University of Arizonaในเมืองทูซอน) องค์กรที่เก็บรักษาเนกาตีฟต้นฉบับทั้งหมด และมีหน้าที่เผยแพร่งานของแอนเซล อดัมส์นั่นคือ การอัดขยายภาพให้ได้คุณภาพเทียบเท่าภาพพิมพ์ต้นฉบับโดยฝีมืออดัมส์ ซึ่งอย่างที่ได้กล่าวไว้แล้ว นอกจากอดัมส์จะเป็นปรมาจารย์นักถ่ายภาพ เค้ายังสร้างสรรค์ทฤษฎี เทคนิค และวิธีการทำภาพ ในห้องมืดไว้มากมาย การอัดภาพของอดัมส์ จึงต้องใช้ผู้ที่มีทักษะและความเชี่ยวชาญเป็นอย่างสูง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย _______________________________________________ Jeffrey Pine, 1940 จากคุณ : หน้าม้ารับจ้าง เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 01:55:12

ความคิดเห็นที่ 13 10. แอนเซล อดัมส์ ฉบับดิจิตอล ปัจจุบันองค์กร The Center for Creative Photography กำลังนำภาพพิมพ์ ต้นฉบับทั้งหมดของแอนเซล อดัมส์ สแกนเก็บไว้ในห้องสมุดดิจิตอล ซึ่งภาพบางส่วน สามารถเช่าลิขสิทธิ์ใช้ในเชิงพาณิชย์ได้ทางเวป Corbis ซึ่งรายได้ทั้งหมดจะถูกแบ่ง เป็น 3 ส่วน ให้กับ ลูกชาย ลูกสาวของอดัมส์ และหักบางส่วนกลับสู่ The Center for Creative Photography ไมเคิล อดัมส์ ปัจจุบันมีหน้าที่บริหารจัดการ "แอนเซล อดัมส์ แกลลอรี่" ภายในอุทยาน แห่งชาติโยเซมิติ (Yosemite) รัฐแคลิฟอร์เนีย ที่นี่..คุณสามารถชมและเลือกซื้อภาพ ของแอนเซล อดัมส์ และของศิลปินท่านอื่นๆ ได้ครับ ______________________________________________ ไมเคิล ลูกชายของ แอนเซล อดัมส์ จากคุณ : หน้าม้ารับจ้าง เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 01:55:36

ความคิดเห็นที่ 14 Autumn Moon, the High Sierra from Glacier Point, Yosemite National Park, California, 1948 จากคุณ : หน้าม้ารับจ้าง เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 01:56:00

ความคิดเห็นที่ 15 El Capitan Fall จากคุณ : หน้าม้ารับจ้าง เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 01:56:28

ความคิดเห็นที่ 16 Sand Dunes, Sunrise, Death Valley National Park, California, c. 1948 จากคุณ : หน้าม้ารับจ้าง เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 01:56:50

ความคิดเห็นที่ 17 Trees and Snow, 1933 จากคุณ : หน้าม้ารับจ้าง เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 01:57:18

ความคิดเห็นที่ 18 Winter Sunrise, Sierra Nevada from Lone Pine, California, 1944 จากคุณ : หน้าม้ารับจ้าง เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 01:57:39

ความคิดเห็นที่ 19 ใครอยากแจมเรื่องราว หรือภาพถ่ายที่มาจากแรงบันดาลใจของ แอนเซล อดัมส์ เชิญได้เลยครับ..ผมขอจบที่ภาพนี้ละกัน มีความสุขทุกท่านครับ ________________________________________________________ Church, Taos Pueblo", New Mexico, 1942 จากคุณ : หน้าม้ารับจ้าง เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 01:58:25

ความคิดเห็นที่ 20 สวยจริง ๆ ครับ ชอบ ภาพ คห.1 เป็น ภาพ ขาว ดำ ที่ทำให้สัมผัสได้ถึงบรรยากาศของสถานที่นั้น ๆ โดยที่ไม่ต้องมีสีในภาพ จากคุณ : ตัวการทำฟันผุ เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 02:14:03

ความคิดเห็นที่ 21 ด้วยความรัก และเป็น หนึ่งใน ไอดอลของผม แต่ไม่อาจที่จะไม่พูดเรื่องนี้ได้เลยว่า ภาพขาวดำของ เอนเซล อาดัมส์ สุดยอด ไร้เทียมทาน เป็นสุดยอดปรมาจารย์ แต่อีกด้านหนึ่ง เมื่อ เอนเซล อาดัมส์ ถ่ายภาพสี กลับไม่โดดเด่น ผมมีหนังสือรวมผลงานชิ้นเอกด้นภาพสีของ เอนเซล อาดัมส์ เล่มหนึ่ง ซื้อมาจากลอนดอน ซึ่งพยายามดูหลายต่อหลายรอบ เพื่อให้แน่ใจในสิ่งที่ผมคิด แก้ไขเมื่อ 20 ก.พ. 55 02:39:07 จากคุณ : มังกรดำ เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 02:38:32

ความคิดเห็นที่ 22 เพราะ เอนเซลอาดัมส์ เป็นนักเปียนโน จึงคิดเรื่อง สเกล ของ โซนซิสเทมส์ ได้ สเกล ของ โซนซิสเทมส์ ก็ คือ บันไดเสียงของโน้ตดนตรี มิดเดิ้ลโซน ของ โซนซิสเทมส์ ก็คือ โทนิค โน้ตตัวแรก ของคีย์บันไดเสียงที่ออกเสียงว่า โด มิดเดิ้ลโซน = โด . แก้ไขเมื่อ 20 ก.พ. 55 02:43:11 จากคุณ : มังกรดำ เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 02:42:38

ความคิดเห็นที่ 23 การย้าย ตำแหน่ง มิดเดิ้ลโซน ก็ คือ การเปลี่ยน คีย์ ของบันไดเสียงโน้ตดนตรี มิดเดิ้ลโซน เปลี่ยน ตำแหน่งโซนแสงในที่อื่นๆ ก็จะผันแปรเปลี่ยนตามไป โทนิค ของ คีย์บันไดเสียงเพลง เปลี่ยนไป ตัวโน้ต สูงต่ำ ตัวอืานๆ ก็ เปลี่ยนผันแปรตามไปด้วย จากคุณ : มังกรดำ เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 02:45:28

ความคิดเห็นที่ 24 บอกตรงๆ ครับ มองภาพของอดัม ทุกครั้งผมขนลุกทุกครั้ง มันน่าตื่นตาตลอดเวลา เค้าเป็นไอดอลของผมเหมือนกันครับ.... ส่วนเมืองไทย ส่วนตัวผมชื่นชอบ อ.จิต ครับ (เคยมีโอกาสเรียนกับอาจารย์ จิต สมัยเรียนวิชาโฟโต้ที่จุฬาครับ) จากคุณ : koony126 (sinis) เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 03:25:53

ความคิดเห็นที่ 25 อึ้งไปเลย จากคุณ : pungee1 เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 05:57:40

ความคิดเห็นที่ 26 สำหรับภาพขาวดำ บลูยกให้เป้นไอดอลประจำใจเลยค่ะ ส่วนผลงานภาพสีกลับเฉยๆ อาจเป็น นเพราะภาพขาวดำ ไม่มีสีอื่นมาแย่งจุดสนใจในภาพ สิ่งที่เห้นในภาพสำหรับขาวดำ คือสิ่งที่เรียกว่า การสื่ออารม์ล้วนๆก็ได้ และ Ansel Adams ก็ถ่ายทอดมันออกมาได้แบบชนิดไม่อาจถอนสายตาต่อ การเห้นในครั้งแรกได้ จากคุณ : บลูดานูป เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 06:27:39

ความคิดเห็นที่ 27 เพชรอยู่ที่ไหนมันก็ยังเป็นเพชร ไม่ว่าจะสมัยอนาล็อก หรือ ดิจิทัล... แต่กว่าจะกลายมาเป็นเพชรได้ ก็เหนื่อยเลือดตากระเด็นกันมาทั้งนั้น ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ... จากคุณ : theorem เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 06:43:58

ความคิดเห็นที่ 28 My Idol .. นอกจากอดัมส์จะเป็นปรมาจารย์นักถ่ายภาพ เค้ายังสร้างสรรค์ทฤษฎี เทคนิค และวิธีการทำภาพในห้องมืดไว้มากมาย มันแปลว่าไรรู้ไหมครับ ?? มันแปลว่า ท่านปู่ ท่านแต่งภาพซะเด็ดขาดไปเลย! และเทคนิคแต่งภาพของท่าน .. สั้นๆ ง่ายๆ คือ .. ท่าน edit ทุก pixel จึงเป็นที่มาของคำว่า "การอัดภาพของอดัมส์ จึงต้องใช้ผู้ที่มีทักษะและความเชี่ยวชาญเป็นอย่างสูง" และ "ยิ่งระดับแอนเซล อดัมส์ ที่ได้รับการยอมรับให้เป็นยอดฝีมือด้านศาสตร์ในห้องมืด ทักษะการล้างอัดเพื่อให้ได้ภาพตามที่เค้าต้องการนั้น จึงยากต่อการลอกเลียนแบบ" จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 07:36:58

ความคิดเห็นที่ 29 ภาพ moonrise นั้น .. ที่โด่งดังมาก เพราะ final print .. "จัดเต็ม" ทั้ง 10 zones "ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย" เพราะสมัยนั้น มิเตอร์วัดแสงแบบ spot .. ไม่ต้องฝันถึง และต่อให้เป็นสมัยนี้ ที่มิเตอร์วัดแสงดีๆ ใช้งานแสนง่าย สร้างไว้ในกล้อง คนยังถามกันตลอดเวลาว่า .. อยากถ่ายพระจันทร์ให้เห็นเงาหลุมบ่อ ต้องตั้งค่ากล้องอย่างไร ฯลฯ แสงจากที่พระจันทร์ "พอดี" แล้วแสงส่วนอื่นๆหละ ส่วนกางเขนสีขาวซึ่งสะท้อนแสงได้ดี และได้รับแสงพระอาทิตย์เต็มๆ ส่วนของเมฆ, เงามืดของภูเขา ฯลฯ พวกนี้ ต้องจัดการในห้องมืดสถานเดียว เพื่อดึงรายละเอียด ทั้งส่วนมืดและส่วนสว่าง ให้ออกโชว์ตัวเต็มที่ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 07:39:24

ความคิดเห็นที่ 30 สำหรับผมนานๆผมจะดูภาพขาว-ดำได้สวยงาม (ผมอาจจะตาไม่ถึงนะครับ) แต่สำหรับภาพชุดที่นำมาให้ชมข้างบนนี้เป็นภาพที่สวยงามมีพลังในภาพจริงๆครับ ขอบคุณที่น้าหน้าม้ารับจ้างนำมาให้ชมครับ จากคุณ : KY_2003 เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 07:39:41

ความคิดเห็นที่ 31 เป็นภาพขาวดำ ที่สุดยอดมากๆ จากคุณ : เขียนบน Android (EITHER) เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 07:43:45

ความคิดเห็นที่ 32 moonrise มันยิ่งกว่าเหตุบังเอิญ "ธรรมดาๆ" สมัยนั้น กล้องโบราณมาก ฟิล์ม .. ไม่ใช่ฟิล์ม แต่ยังเป็น "เพลตกระจกเคลือบน้ำยา" ไม่มีใครรู้ชัดๆว่า ISO มันเท่าไหร่แน่ เพราะมันทดลองหาไม่ได้ มีแต่ค่าประมาณๆเอาเท่านั้น พูดง่ายๆคือ .. ถ่ายแบบเสี่ยงดวงเอาว่าจะได้ภาพหรือไม่ -------------------------------------------- นอกจากนั้น .. เพลตมันมีขนาดใหญ่มาก ใหญ่กว่า sensor กล้อง hassy ซะอีก ไม่ต้องถามเรื่องหน้าชัดหลังเบลอ เพราะขนาด f/16 ยังแทบไม่มีส่วนชัด ถึงได้มี "ชมรม f/64" กันงัย เพื่อประกาศว่า ตากล้องที่ถ่ายด้วย f/64 มีความสามารถนะเฟ้ย ลองนึกดูแล้วกันว่า ชายหาดแดดเปรี้ยงๆ ใช้ ISO 100, speed 1/125 ยังต้องหรี่รูรับแสงไป f/16 แล้วถ้าใช้เเพลตรับแสง ที่ ISO ประมาณ 10 และเปิดรับแสงที่ f/64 .. ความเร็วชัตเตอร์เท่าไหร่ ท่าน Ansel เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 07:51:33

ความคิดเห็นที่ 33 2. หนึ่งในไอดอลด้านการถ่ายภาพของแอนเซลคือ อัลเฟรด สตีกลิทซ์ (Alfred Stieglitz) ตรงนี้ ต้องมีขยาย ในสมัยที่ป๋าเริ่มรุ่งเรืองในอาชีพถ่ายภาพ วงการถ่ายภาพเพิ่งเกิดใหม่ๆ โกดัก เพิ่งก่อตั้งมาได้ไม่นาน ช่างภาพสมัยนั้น .. ยังใช้แนวความคิดในการถ่ายภาพให้คล้ายภาพวาด "เสมือนจริง" (pictorialism) คือ ถ่ายมาไม่ชัด, แต่งภาพให้หนัก และลงสี ลงสี .. เพื่อให้คล้ายกับภาพวาด ทั้งๆที่แผ่นเพลตรับแสง .. มันเป็นขาวดำ และแต่งภาพให้หนัก .. ชนิดที่ว่า เห็นร่องรอยการแต่งภาพชัดเจน ท่าน Alfred Stieglitz เป็น"ผู้นำ"แห่งการถ่ายภาพแบบ pictorialism ในขณะที่ป๋า Ansel.. และชาว f/64 ประกาศก้องว่า ภาพถ่ายต้องเป็นภาพถ่าย ถ่ายทอดความเป็นจริง ไม่มีการตกแต่งให้เหนือความจริง ภาพต้องชัดเจน คมกริบตั้งแต่หน้าจดหลัง ซ้ายจดขวา ไม่มีหน้าชัดหลังเบลอ หน้าเบลอหลังเบลอ ฯลฯ ช่างภาพของ f/64 .. มีแต่ภาพชัดๆ ------------------------------ Pictorialism เป็นแนวความคิดในการสร้างผลงาน visual art ที่สืบเนื่องมาจากการวาดภาพ หรือ เขียนภาพ เป็นผลงานตกผลึกมานับร้อยๆปี ท่าน Alfred Stieglitz เป็น"ผู้นำ"แห่งการถ่ายภาพแบบ pictorialism เพราะการถ่ายภาพ ในยุคเริ่มแรกสุดๆ เป็นเพียง "การบันทึกเหตุการณ์" ที่ชัดมั่ง ไม่ชัดมั่ง ก็แล้วแต่ดวง แต่ Stieglitz เปลี่ยนแปลงมุมมองของคนยุคนั้น (1900-1930) ให้ยอมรับว่า ภาพถ่ายคืองานศิลปะ และเป็นศิลปะที่ทรงคุณค่า เทียบเคียงกับศิลปะ pictorialism ที่ทั่วโลกยอมรับ ผลจากความพยายามยาวนานนับสิบๆปี ของท่าน ทำให้คนยอมรับ "ศิลปะแห่งการถ่ายภาพ" ทว่า สิ่งที่กลุ่ม f/64 ประกาศ ในแง่มุมของวงการ visual art ทั้งโลก มันคือ ประกาศของเหล่าขบถ ------------------------------ แต่คนก่อตั้ง ชื่นชมปรมาจารย์ Pictorialism อย่างมากๆ และดีใจมากๆ ที่ภาพ anti-pictorialism ได้ขึ้นโชว์ใน musuem ของปรมาจารย์แห่ง pictorial มันถึงกลายเป็น 10 สิ่งที่คุณอาจไม่รู้ แก้ไขเมื่อ 20 ก.พ. 55 08:07:57 แก้ไขเมื่อ 20 ก.พ. 55 08:03:19 จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 08:02:39

ความคิดเห็นที่ 34 หนึ่งในไอดอลของผมตลอดกาล ขอบคุณครับน้าหน้าม้า จากคุณ : raksapondet เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 08:07:45

ความคิดเห็นที่ 35 ถ้ามีคนพูดเรื่องจบหลังกล้องอีก ก็ยกตัวอย่าง Ansel เลย ว่าขนาดปรมาจารย์ยังไม่จบหลังกล้องเลย ที่เขาแต่งต่อ เพราะว่าบางอย่างกล้องมันทำให้ไม่ได้ ต้องมาเสริมภาพต่อให้ได้ตามจินตนาการ อย่างภาพใน คห 29 ที่น้าแมวบอกนั่นไง จากคุณ : [...PhArAtOrN...] เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 08:24:37

ความคิดเห็นที่ 36 เข้ามาเก็บความรู้ครับ ขอบคุณนะครับ จากคุณ : เพียงแค่ดินโคลน เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 09:10:12

ความคิดเห็นที่ 37 มีใครเก็บเข้าคลังหรือยังครับ จากคุณ : ตาบอดสี เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 09:17:24

ความคิดเห็นที่ 38 ขอบคุณครับ จากคุณ : จิ๊กโก๋สะพายกล้อง เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 09:22:07

ความคิดเห็นที่ 39 มาเยี่ยมชมครับ.. จากคุณ : คนบางปะอิน เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 09:26:35

ความคิดเห็นที่ 40 ขอบคุณมากครับน้าหน้าม้ารับจ้าง จากคุณ : เด็กขายพวงมาลัย เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 09:59:51

ความคิดเห็นที่ 41 คู่ควรกับการเป็นตำนานจริงๆ ขอบคุณมากครับ จากคุณ : แฉลบยอดหญ้า เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 10:20:32

ความคิดเห็นที่ 42 ขอบคุณ คุณหน้าม้ารับจ้างสำหรับความรู้ดีๆครับ ขอบคุณทุกๆคนที่ช่วยมาเสริมความรู้ให้ จากคุณ : สะพายกล้อง เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 10:40:27

ความคิดเห็นที่ 43 ผมชอบตรงที่ "ไม่จำเป็นต้องเป็นงานศิลปะชั้นเลิศ แม้แต่ภาพถ่ายธรรมดาพื้นๆ ของตากล้องมือใหม่แอนเซลมักจะหาจุดดีมาชมเชยภาพเหล่านั้นได้เสมอ" เพราะถึงแม้มือใหม่หลายคนอยากให้ติชมตามความจริง แต่ก็อยากได้ยินในส่วนที่ให้กำลังใจ จากคุณ : VaDas เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 11:38:07

ความคิดเห็นที่ 44 ขอบคุณสำหรับข้อมูลดี ๆ ค่ะ จากคุณ : BROWN STITCH เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 12:15:04

ความคิดเห็นที่ 45 ขอบคุณคุณ "หน้าม้ารับจ้าง" มากครับที่เอา "รักแรก" ของการถ่ายภาพ กลับมาให้อ่านอีกครั้ง ส่วนตัว ถ้าไม่ได้เดินไปหยิบ the negative ของ ansel adams จาก เอเชียบุ้คส์ เมื่อ 20 กว่าปีก่อน ผมคงไม่ลำบากลำบนบุกป่า ฝ่าเขาขนาดนี้   จากคุณ : 1fineday เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 12:16:47

ความคิดเห็นที่ 46 ขอบคุณมากครับ เข้ามาเยี่ยมชม จากคุณ : PP_DRMD เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 13:18:36

ความคิดเห็นที่ 47 ขอบคุณมากครับ ความรู้ล้วนๆเลย จากคุณ : ballny เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 13:52:17

ความคิดเห็นที่ 48 สวยงามเกินคำบรรยาย  ได้ความรู้มากๆด้วย ขอบคุณครับ จากคุณ : husmib เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 14:31:25

ความคิดเห็นที่ 49 Sometimes I do get to places just when God's ready to have somebody click the shutter. ~Ansel Adams~ บางครั้งเราไปยังที่ที่พระเจ้าพร้อมที่จะให้ใครสักคนกดชัตเตอร์ แปลถูกหรือเปล่านะ จากคุณ : ปกตั้งหมายเลขเจ็ด เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 15:51:58

ความคิดเห็นที่ 50 อยากจะหาซื้อไอแพด ไปเปิดนั่งอ่านกระทู้นี้ที่ร้านกาแฟ ครบจริงๆ ทั้งการนำเสนอเจ้าของกระทู้ ความคิดเห็นของอาจารย์มังกรดำ และการวิเคราะห์ของน้าแมว จากคุณ : ทาม ทาม เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 18:15:21

ความคิดเห็นที่ 51 เยี่ยม จากคุณ : Pollutor เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 18:31:53

ความคิดเห็นที่ 52 เข้ามาขอบคุณกระทู้ดีๆครับ จากคุณ : อาร์ท รอนแรม เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 19:05:18

ความคิดเห็นที่ 53 โอ้ ถ่ายสวยมาก ๆ ครับ ผลงานยังคงอยู่และจะไม่มีวันตายไปจากโลกนี้ครับ จากคุณ : yyswim เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 19:10:15

ความคิดเห็นที่ 54 ชอบภาพขาวดำเหมือนกัน จากคุณ : @dbo เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 20:08:55

ความคิดเห็นที่ 55 อ่านเพลินจริงๆ ครับ แต่ยังขาดอีกภาพนะน้า Clearing Winter Storm ภาพที่ว่ากันว่าดีเป็นอันดับที่ ๒ ของโลก ผมลืมไปแล้วว่าใครเป็นคนจัดอันดับ แต่เซฟภาพเก็บไว้ จากคุณ : csirre เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 20:25:56

ความคิดเห็นที่ 56 น้าหน้าม้าฯ เขียนบทความดีๆ ต้องมีขยาย ในความเห็นของไมเคิล..แอนเซล อดัมส์ จะโดดเข้าสู่โลกดิจิตอลก่อนใคร ถ้าเค้ายังยังมีชีวิตอยู่.. "For me the future of the image is going to be in electronic form. ...  You will see perfectly beautiful images on an electronic screen. And I'd say that would be very handsome. They would be almost as close as the best reproductions." - Ansel Adams, interview with Paul Hill, 1975. "I eagerly await new concepts and processes. I believe that the electronic image will be the next major advance. Such systems will have their own inherent and inescapable structural characteristics, and the artist and functional practitioner will again strive to comprehend and control them." - Ansel Adams, "The Negative" 1981. จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 20:55:52

ความคิดเห็นที่ 57 ผมจะกลับไปดูรูปสีของอาดัมส์อีกที. ว่าเขาซ่อนอะไรเอาไว้ ทำไมเขาไม่เล่นกับน้ำหนักโทนแสงสี. ดังเช่นที่ทำกับขาวดำ จากคุณ : มังกรดำ เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 22:32:25

ความคิดเห็นที่ 58      ขอบคุณน้ามังกรดำ กับ น้าแมวเหมียวพุงป่อง มากครับ จากคุณ : spajan เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 22:33:32

ความคิดเห็นที่ 59 ตรึงใจ เป็นที่สุด ขอบคุณน้าหน้าม้ารับจ้าง  ขอบคุณทุกความเห็น   ทำให้คนถ่ายภาพรุ่นหลังแบบผม  เปิดโลกทัศน์  เปิดมุมมอง และรับแรงบันดาลใจจากกระทู้แบบนี้ครับ จากคุณ : ไก่แก้ว สาริกา เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 23:07:05

ความคิดเห็นที่ 60 zone system > hdr ในปัจจุบัน จริงหรือไม่ อิอิ !!! จากคุณ : F:A:B:R:E เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 00:53:31

ความคิดเห็นที่ 61 อ่านเรื่องห้องมืด ผมนึกถึงสมัยถือกล้องมินอลต้าไดแน็กซ์ถ่ายงาน เวลาจะล้างฟิล์มผมมีร้านประจำอยู่ปากซอยเมืองเอกทางเข้ามหาวิทยาลัย ทั้งผมและเพื่อนชอบร้านนี้มากๆ มากกว่าร้านดังๆ แถวลาดพร้าวและราชเทวีที่อยู่ปัจจุบันนี้ซะอีก ด้วยเหตุผลเดียวกันคือ "ช่างล้างฟิล์มเหลือได้หนาดีมาก" ซึ่งต่างจากช่างร้านดังๆ ที่ล้างฟิล์มออกมาใส่แจ๋วบางเฉียบ แน่นอนว่าฟิล์มใสๆ แสงที่ส่อง สีที่ได้มามันเคลียร์มากๆ แต่ผมกับเพื่อนกลับชอบภาพที่ยังมีความดำ และมืดของเส้นแสงอยู่ เรื่องแบบนี้บางทีมันรสนิยมของช่างและคนถ่าย ถ้าตรงกัน มันก็นิยมกันอยู่ในใจเสมอ จากคุณ : Ace striker เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 03:40:36

ความคิดเห็นที่ 62 ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ จากคุณ : NENO-C เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 07:53:45

ความคิดเห็นที่ 63 You don't take photographs but you make them !!! - Ansel Adams จากคุณ : BigHarijans เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 07:56:32

ความคิดเห็นที่ 64 ภาพสีเค้าอาจจะมีอะไรซ่อนอยู่ก็เป็นได้ ซึ่งตอนนี้เราอาจจะยังไม่เข้าใจ เมื่อเวลาผ่านไปแล้วเราถึงจะมานึก อ๋อออ แบบนี้นี่เอง เพราะบางทีคนรุ่นหลังก็ถ่ายภาพเผื่ออนาคต (ผมคิดลึกซึ้งไปมั้ย) จากคุณ : Acrossphoto เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 08:57:00

ความคิดเห็นที่ 65 น้าแมวคัด Quotes มาได้ถูกใจจริง "For me the future of the image is going to be in electronic form. ...   You will see perfectly beautiful images on an electronic screen. And I'd say that would be very handsome. They would be almost as close as the best reproductions." Ansel Adams, interview with Paul Hill, 1975. "ภาพถ่ายในโลกอนาคตจะอยู่ในรูปแบบอิเลคโทรนิค คุณจะเห็นภาพที่สมบูรณ์แบบในจอภาพ มันยอดเยี่ยมมาก..เพราะนั่นคืองานรีโปรดักชั่นส์ที่เรียกว่าใกล้เคียงกับต้นฉบับที่สุด.." แอนเซล อดัมส์ ให้สัมภาษณ์พอล ฮิลล์ ปี 1975 ____________________________________________________________________________ "...I believe that the electronic image will be the next major advance. Such systems will have their own inherent and inescapable structural characteristics, and the artist and functional practitioner will again strive to comprehend and control them." Ansel Adams, "The Negative" 1981. "ผมเชื่อว่าสื่ออิเลคโทรนิคส์จะเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ ระบบใหม่จะมีรูปแบบและธรรมชาติของตัวมันเอง ซึ่งศิลปินและผู้สร้างงานต้องเรียนรู้ที่จะใช้และควบคุมมัน.." แอนเซล อดัมส์, หนังสือ "The Negative" ปี 1981. _______________________________________________________________________________ ในความเป็นจริง แอนเซล อดัมส์ เสียชีวิตตั้งแต่ปี 1984 แต่สื่อดิจิตอลมัลติมีเดียส์ เริ่มใช้ในอุตสาหกรรมเอาตอนต้นทศวรรษ 90's และเริ่มมีราคาพอให้ชาวบ้านจับต้องได้ก็ปลายยุค 90's แล้ว.. ดิจิตอล เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับแอนเซล อดัมส์ เพราะงานที่เค้าต้องทำในห้องมืดเป็นวันๆ สามารถทำเสร็จได้ในคอมพิวเตอร์ เพียงไม่กี่นาที ส่วนสิ่งที่เค้าพร่ำสอนฝึกฝนลูกศิษย์อยู่เป็นปีๆ สามารถเรียนรู้ได้ในโฟโต้ชอป เพียงไม่กี่วัน ผมเชื่อว่าถ้าอดัมส์ ยังแข็งแรงและมีอายุยืนกว่านี้ซัก 50 ปี เค้าคงเข้ามาป้วนเปี้ยนในโลกดิจิตอลซัก 10-20 ปี.. ก่อนจะกลับไปค้นห้องเก็บของ แล้วขุดเอากล้องไม้ Large Format เอาเพลทกระจก..แบกมันออกไปถ่ายภาพอีกครั้ง เพราะเสน่ห์ของโลกอนาล็อกคือ "ความไม่สมบูรณ์แบบ" มันไม่สมบูรณ์แบบจนไม่สามารถลอกเลียนหรือทำซ้ำขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ งานทุกชิ้น..มันเลยมีชีวิตในตัวมันเอง แก้ไขเมื่อ 22 ก.พ. 55 10:41:19 แก้ไขเมื่อ 21 ก.พ. 55 10:59:57 แก้ไขเมื่อ 21 ก.พ. 55 10:59:05 แก้ไขเมื่อ 21 ก.พ. 55 10:58:31 จากคุณ : หน้าม้ารับจ้าง เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 10:57:23

ความคิดเห็นที่ 66 ขออัพเดทข้อมูลนิดนึงครับ.. ภาพที่แพงที่สุดของอดัมส์ ไม่ใช่ Moonrise over Hernandez แล้ว แต่เป็นภาพ "Clearing Winter Storm, Yosemite National Park" ใน คคห.55 ครับ ภาพนี้ถูกประมูลไปในราคา $722,500 ในปี 2010 http://today.msnbc.msn.com/id/37847334/ns/today-entertainment/t/ansel-adams-photograph-sets-auction-record/ ขอบคุณน้า csirre ด้วยครับที่นำรูปมาแปะไว้ จากคุณ : หน้าม้ารับจ้าง เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 18:05:04

ความคิดเห็นที่ 67 ไปเจอมาครับเผื่อใครสนใจ บล็อคน่าสนใจดีครับ ภาพสีของอดัมส์ผมเดาเอาว่า  น่าจะเล่นกับการจัดวางองค์ประกอบ  พวกเส้น รูปทรง นะครับ  :) เดาเอานะครับ จากคุณ : ฝ่าสมรภูมิรบ พบสมรภูมิรัก เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 23:45:12

ความคิดเห็นที่ 68 http://maimanohaz.blog.hu/2012/02/20/foto_kalendarium_ansel_adams_1902_1984   ลืมลิ้งครับ ตามนี้ จากคุณ : ฝ่าสมรภูมิรบ พบสมรภูมิรัก เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 23:46:19

ความคิดเห็นที่ 69 สุดยอดเลย ขอบคุณครับ จากคุณ : เนตร (ohhayo) เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 55 06:54:30

ความคิดเห็นที่ 70 ยอดเยี่ยมเลยครับ :D จากคุณ : Jumping Monkeyy เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 55 11:10:53

ความคิดเห็นที่ 71 ขอบคุณมากๆครับ โอย ทำไมพึ่งเข้ามาอ่านเนี่ยะ น่าเขกกระโหลกตัวเอง  บทความเยี่ยม คอมเม้นท์ดีๆ ภาพตื่นตามากๆ เหมือนงานศิลป์ชิ้นเอกก็ไม่ปาน  ขอบคุณอีกครั้งครับ จากคุณ : ต้านชิง เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 55 15:34:28

ความคิดเห็นที่ 72 ขอบคุณมากครับ จากคุณ : น้องหมาตาสีฟ้า เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 55 18:31:28

ความคิดเห็นที่ 73 ขอบคุณครับ จากคุณ : โอครับ (โอครับ) เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 55 18:50:30

ความคิดเห็นที่ 74 ขอบคุณสำหรับกระทู้ค่า ^^ จากคุณ : Clear Ice เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 55 22:30:47

ความคิดเห็นที่ 75 เยี่ยมยอดครับน้า สำหรับผม เรียกได้ว่เป็นแรงบันดาลใจเลย จากคุณ : Mind Eyedea (NopView) เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 55 22:40:13

ความคิดเห็นที่ 76 ตำนานที่ทุกคนต้องผ่านตา ขอบคุณที่เอาสิ่งดีๆมาให้คนรุ่นใหม่ได้ดู จากคุณ : คนธนฯ เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 55 23:53:46

ความคิดเห็นที่ 77 คห. 32 คำถามน้าแมว ขออนุญาตเดาๆคำตอบละกันครับ ISO 100 Speed 1/125 F 16 ISO 10 F64 Speed เท่าไหร่ ISO -3.3 stop F -4 stop Speed ต้อง -7.3 stop เพราะงั้น Speed = 1m 20s ... จะถูกไหมน้อ แก้ไขเมื่อ 23 ก.พ. 55 08:56:40 แก้ไขเมื่อ 23 ก.พ. 55 08:41:12 จากคุณ : myx เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 55 08:37:24

ความคิดเห็นที่ 78 พูดผิด speed +7.3 stop คือ 1m 20s นั่นแหละ จากคุณ : myx เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 55 09:08:29

ความคิดเห็นที่ 79 ผมลองทดได้ 1-2 วิ นะครับ 7-8 สต็อป แล้วแต่ว่าจะใช้ asa 12 หรือ 6 ครับ ไม่รวมชดเชยเรสิโพรฯ ไม่ทราบถูกมั๊ยนะครับ แก้ไขเมื่อ 23 ก.พ. 55 12:44:13 จากคุณ : อา ตง เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 55 12:43:01

ความคิดเห็นที่ 80 ขอบคุณมากครับ จากคุณ : Mc k เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 55 15:35:08

ความคิดเห็นที่ 81 โดนกับความเห็นที่ 65 มากครับ จากคุณ : ARMSGX เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 55 18:57:39

ความคิดเห็นที่ 82 เออใช่ๆ ผมงงกับตัวเลขอ่ะครับ หมายถึง 1.20s อ่ะครับ งงเต็มที่ หน้าแตกเต็มๆ T.T จากคุณ : myx เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 55 21:20:06

ความคิดเห็นที่ 83 ชัดลึก ชัดตื้น ภาพรางวัล ชนะเลิศ ไม่ตรึงตาตรึงใจเหมือนภาพข้างบนเลย สะกดอารมณ์มาก จากคุณ : DekArtKvc เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 55 22:03:46

ความคิดเห็นที่ 84 ขอบคุณค่ะ จากคุณ : A little dark girl เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 55 22:21:49

ความคิดเห็นที่ 85 ตอบน้าแมว คห. 32 ผมคิดได้ที่ S = 1.3 sec ครับ จากคุณ : ปอน (poron) เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 55 22:36:29

ความคิดเห็นที่ 86 ขอบคุณนะครับ จากคุณ : Supermop เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 02:23:46

ความคิดเห็นที่ 87 ผมรักกระทู้นี้ครับ ขอบคุณน้าหน้าม้าฯ และน้า ๆ ผู้ร่วมขยายความ จากคุณ : นักเลงหนัง เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 20:35:46