ความคิดเห็นที่ 1 น้องตากล้อง ที่เป็นจุดเด่นของกระทู้นั้น เดือน กค เดือนเดียว มีงานทั้งหมด 14 งาน แต่ละงาน น่าจะถ่ายไม่น้อยกว่า 1,000 รูป ถัวๆไปแล้วกัน ว่า ทั้งหมด 15,000 รูป ตีซะว่า 10% ของจำนวนนี้ ต้องการการโพรเซสเป็นพิเศษหน่อย .. ก็คือ 100 รูป/งาน (น้อยกว่าที่ คห.320 จะทำให้) ก็หมายความว่า ต้องโพรเซสภาพแบบธรรมดาๆประมาณ  12,000 ภาพ และโพรเซสแบบพิเศษ 1,500 ภาพ ภาพธรรมดาๆ สำหรับมืออาชีพที่ใช้คอมพ์เสปกแรงๆ ลื่นไหลไม่กระตุก โปรเซสแบบ batch ผมตีซะว่าใช้เวลา 1 นาที/ภาพ ก็คือ ต้องการเวลา 12,000 นาที หรือ 200 ชั่วโมง ส่วนภาพพิเศษ ถ้าให้เวลาเฉลี่ยภาพละ 8 นาที มันก็อีก 15,00 x 8 หรือ 12,000 นาที หรืออีก 200 ชั่วโมง รวมแล้ว ต้องการเวลา 400 ชม เพื่อโพรเซสภาพ หลังถ่ายเสร็จ ถ้าตากล้องมืออาชีพ ... วันถ่ายรูป ทำต่อได้วันละ 4 ชั่วโมงทุกวัน (ร่างกายแข็งแรง ยังพอไหวๆ คือ สามารถทำต่อหลังจากที่กลางวันไปถ่ายรูปมาแล้ว) สิบห้าวัน ก็ได้เวลามา 15 * 4 หรือ 60 ชม แต่เพราะเวลาที่ต้องการคือ 400 ชม เราต้องหาเวลาว่าง เพื่อโพรเซสรูปอีก 400-60 หรือ 340 ชั่วโมง เอามาจากไหน ตากล้องมืออาชีพ .. ความรับผิดชอบสูงส่ง วันว่างจากถ่ายรูป **ไม่ไปเที่ยวไหน** ทำงานได้ 16 ชม รวด!! ไม่ลุกไปกินข้าว เข้าห้องน้ำ ฯลฯ ไม่ดูหนัง ไม่ดูทีวี ไม่พักผ่อน ยี่สิบสองวัน ก็ได้เวลา 22 * 16 = 350 ชม. โอเค งานเสร็จ วันถ่ายรูป + โพรเซสภาพ 15 วัน วันโพรเซสภาพอย่างเดียว 22 วัน รวมแล้ว 15 + 22 ... 37 วัน หมายความว่า เร็วสุด เท่าที่จะเร็วได้ .. รับผิดชอบงานเต็มที่ รูปที่ถ่ายวันที่ 1 กค ..  รับรูป กลางเดือนสิงหาคม แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 55 23:51:42 จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 23:38:04

ความคิดเห็นที่ 2 ตากล้องฝีมือดี ถ่ายรูปสวย โปรเซสภาพสวย เดือนหนึ่งๆ งานเลยเข้า 15 งาน ได้ค่าแรงเฉลี่ยงานละ 5,000 บาท .. 75,000/เดือน เป็นอาชีพที่ดี งานอิสระ กำหนดเวลาทำงานเองได้ รายได้งามโดยสรรพากรยุ่งเกี่ยวไม่ได้ สร้างความสุข(?) ให้กับผู้อื่น แต่ ดูจากตัวเลข (อาจจะผิด โปรดชี้) .. เราจะเห็นว่า งานที่ทำ ต้องทำวันละ 16 ชั่วโมง .. 37 วัน/เดือน มันเป็นไปไม่ได้แน่ๆ แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 55 23:52:07 จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 23:45:31

ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อมันเป็นไปไม่ได้ เพราะคนเราต้องพักผ่อน ต้องกินข้าว ต้องเข้าห้องน้ำ ต้องคลายเครียดกันบ้าง เกิดอะไรขึ้น ก็เกิดสิ่งที่เกิดในกระทู้ต้นเรื่อง .. ดินพอกหางหมู, รับผิดชอบไม่ได้ ตัวเลขที่คำนวนหยาบๆนี้ มันฟ้องว่า ถ้าใครคิดจะเป็น (ว่าที่)ตากล้องอิสระมืออาชีพ แล้วคิดแต่ว่า รายได้ดี เงินไหลมาเทมา ฯลฯ ระวังว่า มันจะมาพร้อมกับการแจ้งความ คดีฟ้องร้อง จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 23:55:46

ความคิดเห็นที่ 4 และสำหรับคนที่กำลังหาตากล้องมาถ่ายงานสำคัญของตน นอกจากดูภาพที่ตากล้องเอามาให้ดู กับคำสัญญิงสัญญา ทั้งหลายแล้ว ตรวจดู ปริมาณงาน ของ(ว่าที่)ตากล้องของท่านให้ดีๆ ตรวจดูทีมงาน ให้ดีๆ ว่า ตากล้องของท่าน นอกจากมีกล้องถ่ายรูป, กล้องสำรอง, อุปกรณ์ดีๆ ยังมีผู้ช่วยจัดแสงไฟ จัดฉาก ฯลฯ หรือไม่ มีผู้ช่วย ที่เก่ง photoshop ซึ่งจะคอยแต่งภาพหลังจากตากล้องได้ภาพไปแล้วหรือไม่ และที่สำคัญ มีลูกค้ามาใช้บริการเยอะหรือไม่ การมีลูกค้ามาใช้บริการเยอะ มันมีทั้งด้านสว่าง และด้านมืด ด้านสว่างคือ ตากล้องฝีมือดี ถ่ายภาพออกมาสวย ฯลฯ แต่ ด้านมืดคือ ถ้าตากล้องมีคนเดียว ฉายเดี่ยว คนเดียวทำมันทุกงาน มันเป็นเรื่องยากมาก ที่ตากล้อง จะสามารถรักษาเวลา & คำมั่นสัญญากับคุณได้ การเลือกตากล้อง สำหรับงานที่เกิดขึ้นครั้งเดียวในชีวิต ไม่ใช่แค่ดูโพรไฟล์ภาพถ่าย ดูมันให้ครบๆครับ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 00:01:04

ความคิดเห็นที่ 5 การหาข้อมูลตากล้อง, ตรวจสอบอุปกรณ์ที่มี, ตรวจสอบลูกค้า, คำนวนตัวเลขต่างๆ มันเป็นเรื่องยุ่ง ยาก ปวดหัว แต่ ถ้าไม่ทำ มันจะเป็นเรื่องปวดใจ ยาวนานเป็นปีๆ ถึงฤดูถ่ายภาพรับปริญญา (และต่อด้วยเทศกาลแต่งงาน) ขอให้โชคดีในการเลือกตากล้องทุกๆคน จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 00:05:24

ความคิดเห็นที่ 6 น่าคิดนะครับ น้าแมว ปกติผมไม่เคยคิดอะ เพราะปี ๆ หนึ่ง มีงานถ่ายแบบ จริง ๆ จัง ๆ ไม่เกิน 5 งาน เกิดอนาคต ฝีมือฟลุต ดีขึ้นมา จะรับได้เดือนละกี่งานนะ ปกติ ทำงาน ประจำ ก็วันละ 8 ชั่วโมง 5 วัน ว่างแค่ 2 วันหยุด ออกไปถ่านรูป 1 วัน ผมทำรูปได้เร็วทึ่สุดไม่เกินวันละ 300 รูป ถ้าถ่าย 1000 รูปต่อวัน ก็ ต้องประมาณ 1 เดือนพอดีกับ 1 งาน     น่าคิดครับว่า เรา ลิมิต ได้ที่เดืนอละกี่งาน จากคุณ : hookman13 เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 00:24:26

ความคิดเห็นที่ 7 ผมคิดว่า ก็ยังมีคนไม่ทำอยู่ดี ไม่ใช้เพราะไม่อยากทำ แต่เพราะ ไม่เข้าใจมากกว่า มันเป็นเงื่อนไขที่ คนที่เกี่ยวข้องกับกล้องและเึคยผ่านงานนั้น ถึงจะจินตนาการออกว่า  ช่างกล้อง เดี่ยวๆ กับ ช่างกล้องที่มีทีมงาน มันต่างกันแค่ไหน ดังนั้นสิ่งที่ ผู้ให้บริการทั่วไปต้องการทราบจริงๆ ผมเชื่อว่า เค้าต้องการรู้ว่า  ช่างกล้องโดยทั่วไป ควรจะใช้เวลาในการตกแต่งภาพนานเท่าใด (แม้เราจะรู้อยู่แล้วว่า มันอาจจะมีเงื่อนไขในความยากง่ายในการแต่งภาพนั้นๆ มาประกอบ) อาจจะลองตั้งเป็นกระทู้โหวตว่า  100 ภาพ ที่ตกแต่งแบบพิเศษ (คือมากกว่าแปลงไฟล์ และ ปรับ ความสว่าง หรือ คอนทราส )  น้าๆ ที่รับงาน ใช้เวลาแต่งกันกี่ชั่วโมง สำหรับรูปรับปริญญา  โดยไม่สนปัจจัยอื่น เช่นแนวของรูป ถ้ามีค่าเฉลี่ยแบบนี้แล้ว คิดว่าผู้ที่จะใช้บริการช่างกล้องโดยทั่วไปที่ไม่มีความรู้ด้านนนี้มากนัก ก็พอจะนึกออกว่า ช่างกล้องที่ทำงานคนเดียว หรือ ช่างกล้องมีทีมงานช่วย มันจะเร็วช้า ต่างกันแค่ไหน  เพราะมีค่ากลาง ให้อ้างอิง มาตรฐานแล้ว อันนี้ผมก็อาจจะเ้ข้าใจผิดถูกอย่างไร น้าแมวก็วิจารณ์ด้วยครับ ---------------------------------------------------- จากคุณ : Panda-baker เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 00:38:05

ความคิดเห็นที่ 8 น่าสนใจครับน่าแมว จากตัวเลขข้างต้นน่่จะสนับสนุนความคิดที่ว่า ช่างภาพมืออาชีพควรมีการทำงานเป็นทีม ว่าแล้วก็ ใครต้องการมือโพสโปรเซสเข้าทีมบ้างครับ. ฮรี่ๆ จากคุณ : b_@ll เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 00:40:16

ความคิดเห็นที่ 9 แล้วถ้างานของนายในกระทู้ต้นเรื่องมันโม้เอาหล่ะครับ ? ผมแค่คิดเล่น ๆ นะ ๕๕๕๕ จากคุณ : เมจิโตะ เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 00:42:05

ความคิดเห็นที่ 10 เดือนนึง รับ สิบกว่างาน ถ้าตามตัวเลข ข้างบน .. เดือนถัดไป ต้อง ลด หรือ งดรับงาน .... เพราะไม่งั้น ไม่มีทางทำได้หรอกครับ ยกเว้นว่า สามารถตวัดเมาส์เบาๆ สบัดนิ้วเล็กๆ แล้วก็ได้ภาพ สวยๆ แบบในโปรไฟล์  แบบว่าโหลดภาพเข้าโปรแกรม แล้ว จบเลย อันนั้นก็อีกเรื่องครับ (ระหว่างโหลด ก็ไปกินข้าว อาบน้ำ ทำธุระไป) ..... แต่ใครมันจะเทพขนาดนั้น ถ้าผมต้องรับงาน 15 งาน ในเดือนนั้น ก็ต้องงดรับงาน ไป เดือน หรือ กว่านั้นเลยก็ได้ เพราะ งานแรก ของ 15 งาน มันต้องส่ง ภายในเดือนครึ่ง เดอืนถัดมา ต้องเริ่มทำภาพของ งานแรก พองานเริ่มเบาลง ก็ค่อยรับงานต่อ ..... ชีวิต คนทำงาน มันก็ต้องมีบ้างล่ะครับ ว่างไม่ว่าง อยากรับงาน ไม่อยากรับงาน .... ร้านลาบเป็ดแถวบ้าน ยังขายเดือนเว้นเดือนเลย (อร่อย ขายดี แต่ ตามอารมณ์ คนทำ อยากเปิดก็เปิด ^___^) ถ้าถ่ายภาพ รับงานมาเป็นปี แล้วยังประมาณตัวเองไม่ได้ มันก็น่าคิดครับ จากคุณ : นายตัวเล็กจัง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 00:56:06

ความคิดเห็นที่ 11 ตอนนี้ช่างภาพรับปริญญาแพงสุดวันละกี่พันครับ จากคุณ : ชบาตาบอด เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 02:04:32

ความคิดเห็นที่ 12 น่าคิดค่ะน้าแมว..ขนาดถ่ายเล่นๆนั่งทำเล่นๆเป็นงานอดิเรกยังใช้เวลาจนรองผบ.เคือง แล้วยิ่งรับงานเค้ามาความรับผิด(ชอบ)ตรงนี้เต็มๆเลย ขืนบริหารเวลาไม่ได้ รับแต่"ผิด"อย่างเดียว เพราะ"ชอบ"ไม่เหลือให้รับแล่ะ อิอิ จากคุณ : desert_iris เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 02:56:27

ความคิดเห็นที่ 13 เป็นคำแนะนำที่ดีมากครับน้าแมวฯ เก็บเอาไว้เตือนสติก่อนตัดสินใจจ้าง จะได้ไม่ต้องมาปวดหัวทีหลัง แต่ผมเดาว่าส่วนใหญ่ โดยเฉพาะสำหรับงาน "รับปริญญา" มันจะลงเอยอย่างงี้อ่ะครับ 1. "รู้"... ว่าโอกาสที่จะได้รูปช้ามีมากกว่า 90% 2. "เห็น" รูปสวยๆ นางแบบนายแบบหน้าเนียนๆ มุมมอง+โปรเซสเทพๆ จาก โพรไฟล์ของตากล้อง 3. "ตัดสินใจ"... ส่งรูปช้า... แต่ตรูสวย/หล่อ... อืมๆๆๆๆ... ... ราคาก็พอรับได้ แถมยังเหลือโอกาสอีกตั้งสิบเปอร์เซ็นต์... เอาวะ !!! . . เข้าทำนองว่า ... รู้เค้าหลอก แต่เต็มใจ... ให้หลอก ครับ...     . . มันก็เหมือนกับตัวอย่างง่ายๆ ในรูปข้างล่างที่ผมเคยยกมาอ้างอยู่บ่อยๆ ... "รู้" ว่าช่อง A กะ B มันเป็นสีเดียวกัน ... "เห็น" ว่ามันเป็นคนละสี ... แล้วจะ "เชื่อ" แบบไหน? ... ในรูปนี้ อาจจะทำการพิสูจน์ เพื่อตัดสินใจได้ไม่ยาก ... แต่กรณีของตากล้อง... มันซับซ้อนกว่าเป็นร้อยเท่า แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 55 03:10:22 จากคุณ : theorem เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 03:04:01

ความคิดเห็นที่ 14 จริงๆ เรื่องแบบนี้ไม่แปลกหรอกครับ เป็นกันได้กับทุกคนน่ะแหละ... เพียงแต่จะหาข้ออ้างมา "แถ" ได้น่าฟังแค่ไหน และส่วนใหญ่จะ "ไม่รู้ตัว"... มันเป็นผลจาก "Halo Effect" ครับ เป็นอิทธิพลจากสิ่งสวยๆ งามๆ ที่เราเห็น มาส่งผลกระทบต่อต่อม "วิเคราะห์" ทำให้ทัศนคติของเรา "เบี่ยงเบน" ไป first impression ก็เป็นผลอย่างหนึ่งจาก halo effect นี่แหละครับ รู้ว่า "แย่" ก็หาข้ออ้างมาปลอบใจ รู้ว่า "ไม่ไหว" แต่ก็บอกตัวเองว่า "เอาอยู่" ประเมินผลผิดไป ก็เพราะเห็นว่ามัน "สวย" และ "ถูกใจ" สรุปว่า... กว่าจะรู้ตัว ก็สาย เสียแล้ว... อิอิอิ และก็ต้องฝากไว้ถึงตากล้อง ว่าจะมี ความรับผิดชอบ มีจริยธรรมในการทำงาน มากน้อยเพียงใด ที่จะไม่ให้ความหวัง ลมๆ แล้งๆ กับผู้จ้าง นั่นเองครับ แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 55 03:15:33 จากคุณ : theorem เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 03:05:03

ความคิดเห็นที่ 15 ช่างภาพมืออาชีพที่ผมรู้จัก รับงานมาก ๆ ต่อเดือน เค้าจ้างมือโพรเซส ครับ .....ฉะนั้นปัญหาส่งงานล่าช้าจะไม่เกิด รับงานเยอะ ทำเองก็ตายดิครับ จากคุณ : Supermop เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 05:46:18

ความคิดเห็นที่ 16 น้า 'mop ครับ จะเห็นว่า เวลามีดราม่าตากล้อง-ผู้ว่าจ้าง เกิดขึ้นทีไร จะมีจุดหนึ่งที่เหมือนกันคือ .. ตากล้องบอกว่า "ยังไม่มีเวลาโพรเซสภาพให้ผู้ว่าจ้าง" "ไม่มีเวลาทำให้" ..  แปลว่า งานทั้งหมด ทำเองคนเดียว ไม่มีคนช่วย ถ้าหาคนมาช่วย อย่างตัวเลขที่สมมุติไว้ข้างบน รายได้ต่องาน เฉลี่ย 5,000/งาน (ต่อวัน) หรือ เดือนละ 75,000  (ขอเว่อร์ก่อน) ถ้าจ้างคนมาโพรเซสภาพให้ จะจ้างในราคาเท่าไหร่ครับ คนทั่วไปมักไม่ค่อยรู้ว่า ค่าตัวมือโพรเซสมันโหดร้ายดีแค่ไหน และต่อให้เป็น freelance .. ราคาถูกลงมา พวกนี้ ก็มีงานประจำทำ รับจ็อบนอกมา ก็ทำในเวลาว่าง .. ตอนกลางคืน ปัญหางูกินหาง -------------------- ที่ผมให้เวลา 1 นาทีต่อรูปนี่ จะเห็นว่า ใช้ 1 x 12,000 เอาดื้อๆ มันแปลว่า 1. ทำต่อเนื่อง ไม่มีการลุกไปไหน 2. เวลานี้ รวมมาจากเวลาที่คอมพ์ใช้โหลดรูป, ตากล้องมองภาพ & ตัดสินใจว่าจะแต่งภาพ "ง่ายๆ" อย่างไร -> สั่งให้คอมพ์จัดการตามนั้น, หรือ ตัดสินใจ แยกภาพออกมาทิ้ง (เสี่ยงต่อการโดนลูกค้าด่า), หรือ ตัดสินใจ แยกภาพออกมาโพรเซสพิเศษ (100-200 ภาพที่ว่า) ผมไม่เคยรับงาน (แต่น้องสาวเป็น agency) จึงไม่รู้ว่า งานแต่ง,งานรับปริญญา ฯลฯ มันสามารถสร้าง batch profile เพื่อให้คอมพ์จัดการรูปนับพันรูปได้หรือไม่ ถ้าทำได้ .. งาน 90% นั่นก็เร็วหละครับ แต่ไม่ว่าเร็วแค่ไหน ตากล้อง ก็ต้องดูภาพทุกภาพอยู่ดี เพื่อแยก "ภาพพิเศษ"ออกมา ขั้นตอนนี้ ไม่มีทางเร่งให้เร็วไปได้ --------------- เท่าที่ดูคร่าวๆ ตากล้องที่เป็นข่าว .. เดือน มิ.ย. มีงานประมาณ 10-11 งานครับ รวม 2 เดือนประมาณ 25 งาน ผมยังคิดไม่ออกเลยว่า ใครจะอดทนพอที่จะโพรเซสภาพ "ง่ายๆ" 23,000 รูป + โพรเซสเต็มที่ 2,500 รูป ต่อเนื่องยาวนาน เป็นเดือนๆไหว แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 55 15:39:27 จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 06:54:56

ความคิดเห็นที่ 17 อืม .... ขออนุญาตให้ความเห็นนะครับน้าแมว   ถ้าตากล้องรับงาน เดือนละ 15 วัน บัณฑิตอาจจะไม่ต้องรอนานอย่างที่น้าแมวคำนวนไว้ก้อได้อ่ะครับ ถ้าถ่ายภาพงานละ 1000 ภาพ เวลาในการ ทำ batch process ภาพละ 1 นาที --> 1000 นาที หรือ ประมาณ 14 ชั่วโมง สามารถดำเนินการได้ในคืนเดียว ในช่วงเวลาที่ตากล้อง กลับถึงที่พัก จนถึง เวลาที่นอนพักผ่อน แต่ คงต้องใช้ comp 2 ชุด และไม่ต้องมานั่งเลือกภาพด้วย ทำ batch ไปทั้งหมดก่อนเลย การคัดภาพ+ การ Process อย่างพิเศษ จำนวน 100 ภาพ x 8 นาที --> 800 นาที  หรือ ประมาณ 13 ชั่วโมง อันนี้ อาจจะเหนื่อยหน่อย แต่สามารถดำเนินการได้ในวันที่ไม่ได้ออกไปถ่ายภาพ (รับงาน 15 วัน จะมีวันว่าง 15 วัน -- > วันถ่ายภาพ 1 วัน จับคู่กับวัน Process 1 วัน)  มีเวลานอน + พักผ่อน 11 ชั่วโมง เร่งงาน Process 13 ชั่วโมง น่าจะพอไปได้ ถ้าเทียบกับ คนที่ต้องเดินทางไปทำงานที่ office ที่ต้องเสียเวลาในการเดินทางด้วย สมมติฐานนี้ ตากล้องต้องมีความรับผิดชอบ และ วินัย อย่างสูง ต้องอดทนในช่วงที่งานชุก แล้วค่อยไปพักผ่อน เฮฮา ในช่วงที่งานไม่ค่อยจะมีมากนัก  แต่ บัณฑิต จะได้รับภาพในเวลาที่นวดเร็วมาก เพราะ ภาพจากงานแรก อาจจะเสร็จในเวลา 2-3 วัน ตามจังหวะที่ตากล้องมีวันว่าง นอกจากนี้  ถ้าสามารถเก็บภาพมาได้ดี การ process ในภายหลัง อาจจะไม่ต้องใช้เวลามากนัก  (สิ่งที่ใช้เวลามาก ผมคิดว่า น่าจะเป็นการคัดเลือกภาพ มั๊ง)   สรุปก้อคือ  ถ้ามีการจัดการเรื่องเวลาที่ดี มีการทำงานคู่ขนานกัน (Batch Processing ตอนที่นอนพักผ่อน)  เพิ่มเติม comp อีกสักชุดนึง มีวินัย และ อดทน  25 งาน ใน 2 เดือน   น่าจะพอเป็นไปได้มั๊งครับ  IMHO ปล.  ผมไม่ได้เป็นช่างภาพอาชีพ ก้อเลยไม่รู้ว่าจริงๆ แล้ว เค๊าต้อง process กันมากมายแค่ไหน ... ผมเคยไปถ่ายภาพรับปริญญาให้น้องๆ ที่เคยมาเป็นแบบให้ ไม่กี่ครั้ง ก้อแค่ ทำการปรับ Level + crop ภาพเพื่อความเหมาะสมเท่านั้นอ่ะครับ แหะ แหะ ลป. แต่ถ้าการ process แบบ batch ต้องมาคัดเลือกว่า ภาพไหนจะ process ด้วยวิธีอะไร อาจจะใช้เวลามากขึ้น หรือ อาจจะต้องใช้ comp เพิ่มขึ้น เช่น แยกเป็น 3 batch ก้อ comp 3 ตัว ซึ่ง comp เดี๋ยวนี้ ก้อราคาพอจะจัดหาเพิ่มเติมได้ แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 55 09:11:21 จากคุณ : MUCAS - แรด (Hidden Rhino) เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 09:05:47

ความคิดเห็นที่ 18 เป็นข้อมูลที่น่าสนใจครับ น้าแมว ผมเองไม่ได้รับงานจริงจังแบบนี้ ... มีแต่ช่วยถ่า่ยให้เพื่อนๆเท่านั้น (เพราะฝีมือไม่เข้าขั้นด้วยแหละครับ) แต่เพื่อนสนิทผมรับงานถ่ายรูปเป็นอาชีพหลักครับ ซึ่งเดือนๆนึงงานก็เยอะเหมือนกัน ผมก็เลยแอบถามเขาว่า รับงานตลอดทั้งเดือนแบบนี้ มีเวลาทำรูปให้ลูกค้าทันเหรอ เพราะเพื่อนผมถ่ายเอง process เอง ด้วยเหตุผลที่ว่า หลายๆรูปที่เขาถ่าย เขาจะมีไอเดียอยู่แล้วว่า จะเอาไป process แบบไหนต่อ ... ซึ่งถ้าให้คนอื่นไป process ก็อาจจะไม่ได้อารมณ์ตามที่เขาตั้งใจไว้แต่แรก เพื่อนผมตอบง่ายๆแต่ได้ใจมาก "ลูกค้าเขาไม่สนหรอก ว่าเรามีงานเยอะแค่ไหน ... มันสำคัญที่ว่าเรารับงานเขามาแล้ว เราต้องประเมินตัวเองว่าสามารถส่งงานให้เขาได้เมื่อไร ไม่ใช่สักแต่ว่ารับๆมา เพื่อเอาเงิน ... ถ้ารับมาแล้วคิดว่าทำให้เขาไม่ทันตามที่เขาต้องการแน่ๆ ก็ปฏิเสธไปดีกว่า ดีกว่าเสียชื่อ เพราะวงการนี้มันแคบ ถ้าเสียไปงานนึง มันจะยาว" สรุปแล้วผมว่าปัญหาแบบนี้จะไม่เกิด... ถ้าผู้รับงานมีความรับผิดชอบและรู้จักประมาณตัวเองครับ จากคุณ : Stifler ขาโจ๋ เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 09:12:07

ความคิดเห็นที่ 19 ตัวเลขน่าสนใจดีครับน้าแมว จากคุณ : ผัดไทยกุ้งสด เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 10:16:12

ความคิดเห็นที่ 20 ภาพ 1000 ภาพบลูใช้เวลา 3-4 วันทำการค่ะ ก็พร้อมส่งคุณแฟน ไม่ได้รับงานก็ เหมือนรีบเพราะหลังถ่ายเสร็จ คุณเธอจะกำหนดเวลาให้ไม่เกิน 3 วันภาพต้อง จบ 1 วันแรกของบลูจะหมดไปกับการคัดรูปที่ใช้ได้กับใช้ไม่ได้ค่ะ รวมถึงการแก้ใข เล็กๆน้อยๆเปลี่ยนพิคเจอร์สไตล์ แก้เอียง แก้ความเพี้ยนสี จากนั้นสั่งแปลง raw เป็น tiff ทิ้งไว้แล้วไปทำอย่างอื่นกับคุณแฟน จบ 1 วัน ^_^ ชั่วโมงทำ งาน 5-6 ชั่วโมง วันที่สองเอารุปที่คัดจากวันแรกแล้วแปลงไฟล์แล้วเข้าสู่ขบวนการปรับผิว อันนี้ ใช้ batch ได้ค่ะ เพราะบลูใช้ปลั๊กอิน+แอคชั่นสคริปของพอตเทรตเจอร์ โดยให้ ทำแบบเป้นเลเยอร์มาส เพราะบลูต้องกลับมาแก้ทีละภาพ อยู่ดีไม่ให้มันพลาสติ คเกินไป แต่ก็ช่วยลดขั้นตอนตรงนี้ไปได้มาก งานนี้ใช้เวลาอีก 1 วันค่ะ ชั่วโมง ทำงาน 10-12 ชั่วโมงค่ะ ในขั้นตอนนี้จะรวมไปถึงการแก้สี ตกแต่งบางภาพให้ พร้อมคุณแฟนดูได้เลยค่ะ   ในขั้นตอนนี้จะมีภาพให้คุณแฟนดูละประมาณ 20-50 รูปสำหรับภาพที่แต่งสีและโพรเซสแบบมากกว่าภาพปรกติ ส่วนภาพ อีกราวๆ 80% จะจบที่ขั้นตอนรีทัชหน้าเล็กๆน้อยๆ ที่หลงเลหือจากการ batch โพรเซส วันที่ 3 จะเริ่มการแต่งพิเศษค่ะ ซึ่งจะไม่แนอนเลยว่าจะได้เท่าไรห่ แต่ภาพที่ เหลือมาขึ้นนี้นี้จะไม่เกิน 10% ของภาพทั้งหมดค่ะ ภาพนึงใช้เวลานานในขั้น ตอนการคิดว่าจะแต่งออกมาแบบไหน จะไวตอนเริ่มโพรเซสเรพาะมีภาพสุด ท้ายในหัวแล้ว การทำภาพเร็วช้า ขั้นตอนการโพสเซสงานตัวเองบลุว่าสำคัญนะ พอๆกับฝีมือ การถ่ายเลย งานบลูทำส่วนใช้อาศัยปลั๊กอินต่างๆช่วยค่ะ (เสียเงินซื้อแล้วต้อง ใช้ให้คุ้ม) อย่างน้อยเราต้องรู้ขั้นตอนว่าจากโปรแกรมไหนไปไหน ตัดโปรแกรม ไหนออกไปจากขั้นตอนโพรเซสได้บ้างเพื่อความเร็ว อีกอย่างต่อให้ถ่ายมาพันภาพ แต่มันไม่ทุกภาพหรอกค่ะที่ต้องปรับแต่ง ปรับแก้ แบบละเอียด โดยปกติสำหรับบลูเอง 80% จบที่โฟโต้ชอปแค่ในเรื่องของการรี ทัชผิวนิดหน่อยแค่นั้นเอง จากคุณ : บลูดานูป เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 11:11:50

ความคิดเห็นที่ 21 ตรวจดู ปริมาณงาน ของ(ว่าที่)ตากล้องของท่านให้ดีๆ ตรวจดูทีมงาน ให้ดีๆ ว่า ตากล้องของท่าน นอกจากมีกล้องถ่ายรูป, กล้องสำรอง, อุปกรณ์ดีๆ ยังมีผู้ช่วยจัดแสงไฟ จัดฉาก ฯลฯ หรือไม่ มีผู้ช่วย ที่เก่ง photoshop ซึ่งจะคอยแต่งภาพหลังจากตากล้องได้ภาพไปแล้วหรือไม่ และที่สำคัญ มีลูกค้ามาใช้บริการเยอะหรือไม่ ^ ^ ^ มันตรวจสอบยาก ถามไปบางทีก็ได้คำตอบไม่ค่อยตรง ถ้าเค้าอยากรับงานก็คง บอกว่า"ว่างอยู่" และเท่าที่เคยรู้จัก คนที่รายได้แน่นขนาดนั้น ผมเคยเห็นเค้าทำกัน 2 คนขึ้นไป ( คนถืออุปกรณ์ + ตากล้อง  ) และเคยถามจากเพื่อนที่ทำ Studio เค้ามีJobพวกเพื่อนๆในกลุ่มที่ถ่ายรูปส่งงานนอกมาให้ทำกันเยอะเลย เป็นการกระจายรายได้ เรื่องแบบนี้เค้าก็ไม่บอกลูกค้าหรอก ว่าให้ใครกี่คนทำ เพราะ ไม่จำเป็น แค่บอกว่าทีทีมงานก็จบ บางคนก็ไปนั่งทำที่ห้องเค้าเลย จ่ายกันเป็น Lot ผมว่าไม่ต้องไปห่วงหรอกฮะ ว่าเค้าทำกันยังไง ต่อภาพกี่นาที รกสมองปล่าวๆ สำคัญตรงที่รับปากเรื่องเวลาไว้ทำได้แค่ไหน ภาพออกมายังไงดีกว่า ส่วนใหญ่ที่จะโดนก็คือ ไปหาเองไม่เคยผ่านการแนะนำมาจากคนที่เคยใช้งานมาแล้ว จากคุณ : Muyan เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 13:20:45

ความคิดเห็นที่ 22 อันนี้แชร์กัน ออกตัวก่อนผมก็ยังใหม่กับวงการถ่ายรูปแบบ commercial ส่วนตัวยังไม่เคยส่งงานเรทนะ ช้าอย่างมาก 2-3 วัน เนื่องจากความล่าช้าเเรื่องการขนส่งเช่นติดวันหยุดยาว ปกติ เมื่อถ่ายรูปเสร็จ ในวันนั้นไม่ว่าจะเหนื่อยแสนเหนื่อยขนาดไหนก็จะทำรูปแล้วแท็กให้ลูกค้าภายในวันนั้น 3-6 รูปขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย ส่วนคัดรูปผมจะคัดช่วงพักเบรกอะครับ ทยอยลบรูปที่เสียทิ้งไป พอกลับบ้านก็จะไม่มีรูปเสียละ ที่เหลือ ก็ ปรับแต่งตามที่ตกลง ปกติผมจะทำอยู่ประมาณ 30-50 รูป ก็จะทำหลังเลิกงานประจำ ประมาณ 4-5 วันก็จะจบ ส่วนรูป JPEG อื่นๆ ผมเน้นที่หลังกล้อง รูปสว่นใหญ่ที่ผ่านการคัดมาแล้วจะใช้ได้ 70-80% ซึ่งก็จะเหลือ อีก 20-30% ซึ่งตรงนี้อยู่ที่ว่าจะแก้หรือลบทิ้ง ส่วนมากผมจะเลือกลบ ยิ่งที่เป็นรูปที่ซ้ำ หรือแคนดิดที่ซ้ำหรือคล้ายกัน จะลบทิ้งเลย ส่วนรูปที่ต้องแก้จากผ่านขั้นตอนนี้จะเหลือประมาณ 5-10% ซึ่ง ถ้างานที่ถ่ายอย่างรับปริญญา จะประมาณ 250-300 รูปต่อวัน(ซึ่งกดจริงอาจจะ 600++แต่ถ้าซ้ำกันมากจะลบทิ้งไป)5-10% ก็ประมาณ 15-30รูป ซึ่ง แก้ไปอย่างช้าๆ+ขี้เกียจ ก็ประมาณ 1-2 วันก็จบ สุดท้ายก็ทำปก ซึ่งปกติปกผมจะใช้กระดาษอัดรูป ซึ่งขั้นตอนนี้จะใช้เวลา 1-3วัน สรุปเวลาทำงานหลังถ่ายงานก็ประมาณ 6-10 วัน ของก็จะพร้อมส่ง(นัดไว้ 14วัน) พอส่งงานถ้าส่งไปรษณีย์ก็จะ SMS code ไปให้ลูกค้าด้วย(อย่างน้อยเค้าก็จะอุ่นใจว่าของพร้อมส่งแล้ว) ส่วนตัวของผมเอง รับถ่ายงาน แค่เสาร์ อาทิตย์ หรือวันธรรมดานานๆที โดยปกติผมจะรับแค่อาทิตย์ละไม่เกิน 1-2 งาน(ยกเว้นงานที่ความยากต่ำ ใช้เวลาน้อย) และถ้างานมันดูอัดแน่นมากเกินก็จะปฏิเสธงานทิ้งเลย(ในช่วงก่อนที่จะฟอร์มทีม) เพราะงานที่แน่น จะทำให้เราทำงานไม่ทันและคุณภาพงานจะลดลงเยอะ เสียชื่อหมด   ปล.อุปกรณ์เทพ โพรไฟล์งานดี(เพราะหลายอย่างมันก็make กันขึ้นมาได้) ก็ใช่ว่าจะได้รูปตามกำหนด หรือได้รูปสวยตามในพอร์ทนะครับ การเลือกช่างภาพก็เหมือนซื้อ ล๊อตตารี่อะครับ โชคดีก็โดนแจ๊กพ๊อต ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ตากล้องไม่ว่ามือเก่ามือใหม่ ก็มีทั้งดีและไม่ดีปนกันไป ถ้ามองแต่มือเก๋า อุปกรณ์เทพๆโปรไฟลืงานล้นมือ ตากล้องรุ่นใหม่ๆก็จะไม่ได้เกิดกันนะครับ ช่วยๆกันผลักดันให้วงการนี้ไปข้างหน้าดีกว่า ที่จะไปกดหัวคนที่มาใหม่ๆอะครับ เคยเจอนะครับ ตากล้องรับปริญญา รับงานวันละ 1500 อุปกรณ์มีแค่ 17-50f2.8 กับ 50-250 บนบอดี๊ 500D เห็นงานแล้วอยากจะบอกน้องเค้าว่า พี่ว่ารับงาน วันละ 3000 ยังมีคนจ้างเลยด้วยซ้ำ แต่น้องคนนั้นบอกว่ารับแพงก็ไม่มีคนจ้าง แค่ที่ทุกวันนี้ยังไม่ค่อยมีคนจ้างเลย เพราะอุปกรณ์สู้เค้าไม่ได้ ลูกค้าโทรมาถามใช้กล้องไร บอก 500D วางสายเลยประมาณนี้ แถมยังเจอดิสเครคิตแบบเหมาเข่งจากสังคมอีก รับงานถูก แล้วภาพสวยก็บอกว่าขโมยงานคนอื่นมาประมาณนี้ สรุปทุกวันนี้น้องคนนี้เลิกรับงาน นอกจากคนรู็จักไหว้วานให้ไปถ่าย น่าเสียดายฝีมืออะครับ = =" ช่วยกันสร้างสังคมให้น่าอยู่ดีกว่า มีคนใหม่ๆเข้ามาเยอะๆ วงการก็จะมีกาารแข่งขัน คุณภาพงานก็จะพัฒนาขึ้น^___^ ปล1.ดูมาหลายกระทู้นะครับ กระทู้แนวนี้มักจะมีช่วงรับปริญญา ทำไมจะโวยไม่โวยตั้งแต่ ผ่านไป 2-3 เดือน มาโวยตอนช่วงจะรับปริญญา ตากล้องใหม่ๆ โดนหางเลขกันเป็นแถบๆ แค่ทุกวันนี้โดนตัดราคาจากกลุ่มมือใหม่มีกล้องDSLR(ถ่ายรูปให้ชัดยังทำไม่ได้เลย แต่พอร์ทงงานอย่างเทพ) ก็แย่จนไม่รู้จะแย่อย่างไง มาเจอ ดิสเครดิตกันแบบนี้อีก(กับตัวเองก็เจอมาแล้ว ลูกค้าโทรมาแคนเซิล เพราะว่าไม่เชื่อมือ ไม่แน่ใจว่างานที่เราโชว์ในพอร์ทเราถ่ายเอง บอกว่าจะให้ตากล้องเก่งๆถ่ายให้ สรุปว่าเราไม่เก่งเองต้องทำใจ) T^T แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 55 14:07:57 แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 55 14:04:28 แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 55 13:50:27 แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 55 13:48:32 แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 55 13:46:35 จากคุณ : WeLikePhoto เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 13:46:01

ความคิดเห็นที่ 23 มันก็ต้องเลือกที่รับงานให้เหมาะสมกับความสามารถของตัวเองสิ ไม่ใช่รับก็กระหน่ำรับมันอย่างเดียว เดือนล่ะ 15 งาน หุหุ แค่คิดเมมก็เต็มแล้วเนี่ยะ จากคุณ : lokoong เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 15:07:38

ความคิดเห็นที่ 24 น้าแรดครับ "สรุปก้อคือ  ถ้ามีการจัดการเรื่องเวลาที่ดี มีการทำงานคู่ขนานกัน (Batch Processing ตอนที่นอนพักผ่อน)  เพิ่มเติม comp อีกสักชุดนึง มีวินัย และ อดทน  25 งาน ใน 2 เดือน   น่าจะพอเป็นไปได้มั๊งครับ" เห็นด้วย 100% เลยครับ มีระเบียบ มีวินัย มีความอดทน รู้จักรับผิดชอบ งานเสร็จแน่นอน แต่ สองเดือน นะครับ สองเดือน!!! ผมว่า ในอดีตผมอึดเรื่องงาน แต่ถ้าเจอแบบนี้ สองเดือนรวด เพื่อเงิน 150,000 นี่ อาจต้องโบกมือลา ------------- หนูบลูจ๋า : ประสบการณ์ตรงของบลู ชี้ให้เห็นว่า 1,000 รูป ใช้เวลา 3-4 วัน 15,000 รูป .. มัน 2 เดือนอัพ ตากล้องมือใหม่ที่รับงาน เคยคำนึงถึงเรื่องพวกนี้มั่งหรือเปล่าหว่า อ้อ "จากนั้นสั่งแปลง raw เป็น tiff ทิ้งไว้แล้วไปทำอย่างอื่นกับคุณแฟน" ฟังแล้วมันจั๊กกะเดียวหัวจาย ------------------- น้า Muyan ครับ ที่คำนวนเล่นๆ เพื่อให้ - ตากล้องสำรวจตัวเองว่า "การรับงานเยอะๆ นั้น เงินที่ได้หนะ คุ้มกับเวลาที่เสีย และชื่อเสียงที่ "ง" หายไหม" ตัวเองไม่พร้อม อุปกรณ์ไม่พร้อม ทีมไม่มี วินัยตนเองบกพร่อง .. รับงานไป ได้ลุ้นหวยออก ชื่อเสียง สร้างยาก วูบเดียว หายหมด - บัณฑิต และ ผู้ว่าจ้าง ได้มีหนทางสำรวจ ตรวจสอบ ฯลฯ เพิ่มขึ้นอีกจากแค่ "บอกต่อๆกันมา" จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 16:05:20

ความคิดเห็นที่ 25 แหมน้่าเหมียวทำอย่างอื่นกับคุรแฟนก้อทำกับข้าวเกดินเล่าน กวาดบ้านถูบ้านซิค้า แต่ 3-4 วันเนี่ย สำหรับมือใหม่อย่างบลุนะ บลุว่ามือเก๋าๆที่มีแผนโพรเซสรู้ หรือคิด ก่อนถ่ายแล้วว่าช๊อตนี้จะโพรเซสไงน่าจะไวกว่าบลูอีกมากค่ะ จากคุณ : บลูดานูป เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 16:52:51

ความคิดเห็นที่ 26 ขอแชร์ข้อมูลนะครับ สำหรับงานรับปริญญา ค่าเฉลี่ยของผมจะอยู่ที่ 400 กว่าภาพต่อวัน ขนาดถ่ายไม่อั้น ไม่กั๊กนะครับ รวมแคนดิทแทบจะทุกอิริยาบท เหตุผลคือ ความแข็งแรงของบัณฑิตส่วนใหญ่รับได้ประมาณนี้ บัณฑิตที่อึดสุดที่ผมเคยเจอ ถ่ายที่จุฬา วันถ่ายภาพหมู่ ไม่ต้องเข้าหอประชุม เพื่อนเยอะ ญาติเยอะ ก็ได้ประมาณ 800 กว่ารูป ยิ่งต้นปีนี้ค่าเฉลี่ยจำนวนภาพต่อวันลดลงไปอีก ผมไม่รู้ว่าเกี่ยวกับภาวะโลกร้อนหรือเปล่า แต่บัณฑิตหมดสภาพเร็วมาก บางงานถ่ายแค่ 300 รูป แต่ส่วนตัวผม 300 รูป ก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร ถ้าเทียบกับกล้องฟิล์ม ก็ใช้ฟิล์มเกือบ 10 ม้วนนะครับ ฉะนั้นตัวเลขที่เอามาคำนวณก็จะลดลงได้อีก จากคุณ : too-CH เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 17:16:04

ความคิดเห็นที่ 27 ผมก็คิดว่าทำอย่างอื่นกับแฟนนี่ มันจั๊กกะจึ๋ยเหมือนกันครับ....อิอิอิ.... จากคุณ : proofman เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 17:21:35

ความคิดเห็นที่ 28 ถ้าเป็นตามที่คำนวณทุกอย่างมันก็ทำไม่ทันหรอกครับ  แต่ในความเป็นจริงช่างภาพที่มีงานเยอะเดือนละมากกว่า 10 งานเค้าไม่ทำงานคนเดี่ยวหรอก และใช่ว่าถ่ายมาทั้งหมด 1000รูปจะต้องแต่งทั้ง 1000 รูปเสมอ ใครเป็นช่างภาพจะรู้จุดนี้ดี ว่าจบในกล้องก็มี ในความเป็นจริงไม่มีอะไรคำนวณได้แน่นอน ผมเป้นช่างภาพคนนึ่งที่ทำงานเป็นทีมในงานใหญ่ๆ เราแบ่งหน้าที่กันทำ ทำให้ทุกคนมีหน้าที่ของตัวเอง งานก็รับได้เยอะขึ้น + คุณภาพก็ไม่ตกเพราะเราช่วยกันทำ จากคุณ : ouvuophoto (ouvuo-aloha) เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 19:16:17

ความคิดเห็นที่ 29 มาช่วยตอบราคา เรทงานรับปริณญาครับ สูงสุดที่ผมเห็น คือวันละ6500 ครับไม่ใช่งานผมนะ งานเค้าเยอะด้วยมหาลัยหลักๆจองเต็มเป็นเดือนก่อนถึงวันจริง ไม่ใช่ราคาที่อยากจะตั้งก็ตั้งเองไม่มีคนจ้าง  ส่วนถูกสุดที่เห็นวันละ 500 ก็มี >< ส่วนงานผมกลางๆรับอยู่ที่ 4500-5500 ต่อวัน จากคุณ : ouvuo-aloha เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 19:24:49

ความคิดเห็นที่ 30 อาจจะต้องคิดก่อนถ่ายมาก ๆ หน่อย เคยช่วยเขาถ่าย 2 ครั้ง วันละประมาณ 300 ภาพเอง ส่วนใหญ่เป็นภาพบัณฑิตกันเพื่อน ๆ ที่มาแสดงความยินดี ซึ่งไม่ต้องทำอะไรเลย ขอแค่ชัดก็พอ ที่เหลือถ่ายนอกรอบซึ่งอันนี้แล้วแต่ช่างภาพจะไอเดียบรรเจิดขนาดไหน จำนวนภาพมันก็จะมากตามไปด้วย น่าจะคล้ายกันพรีเวดดิ้งนะ งานโพรเสสก็จะมากตามไปด้วย จากคุณ : venfaa เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 21:32:46

ความคิดเห็นที่ 31 ผมก็คิดเล่นๆ ว่าอยากให้คุณแมวเหมียว มารับงานแบบเค้าดูบ้าง  ^^ จากคุณ : theepphoto เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 01:09:42

ความคิดเห็นที่ 32 ขอแสดงความเห็นในแง่ของคนรับงานบ้างครับ...  ผมเองก็รับงานอยู่บ้าง แต่ไม่ได้เป็นอาชีพหลัก ส่วนใหญ่จะรับพวกงานแต่งซะมากกว่าเพราะไม่ชอบหอบอุปกรณ์ตากแดดเบียดกับคนเยอะๆ แล้วหาฉากหลังสวยๆในงานรับปริญญา เนื่องจากผมป็นคนขี้ลำคาญ  กรณีงานแต่ง ผมจะถ่ายมางานละประมาณ 1,000 รูป - 2,000 รูป ขึ้นอยู่กับว่าควบกี่บอดี้ แต่โดยมากจะเฉลี่ยที่ 1,300 รูปต่องาน เนื่องจากกำลังปรับนิสัยจากการใช้ฟิล์มอยู่..  เวลาการทำงานแต่ละงาน คือ - pre-production เตรียมของ เตรียมสมอง คิดว่าจะเอายังไง 2-4 ชั่วโมง - shooting 4 ชั่วโมง - post production แบ่งเป็น  * คัดรูปที่ถ่าย 3 ชั่วโมง  * ปรับสีรอบแรก 2 นาที/รูป ถ้ามีรูปใช้ได้อยู่ 700 รูป(สมมุติว่ากากมากๆ) = 1,400 นาทีรวมแล้ว เกือบๆ 24 ชั่วโมง  * ปรับสีละเอียด เลือกรูปไฮไลท์ 120 รูป ใช้เวลา 10 นาทีต่อรูป = 1200 นาที = รวมๆแล้วอีก 22 ชั่วโมง  * รูปละเอียดสูงสุด 15 รูป ใช้เวลาอีก รูปละ 15 นาที = 225 นาที หรือ 4 ชั่วโมง  * ทำปก และ ลง DVD 3 ชั่วโมง รวม post production ที่ 56 ชั่วโมง หรือ ถ้าทำงานวันละ 8 ชั่วโมง จะเป็นเวลา 7 วัน รวมทั้งหมด คือการทำงาน 64 ชั่วโมง ต่อ 1 งาน... ดังนั้นผมจึงเลือกที่จะไม่รับงานเป็นหลัก เพราะมันเสียเวลาการทำงานประจำของผมมาก.....แต่ก็มีรับบ้างเดือนละไม่เกิน 10 งาน ผมตั้งโปรแกรมตัวเองไว้ว่า ถ้ารับเยอะกว่านี้ไม่มีเวลาทำไฟล์แน่ๆ. ส่วนช่างภาพเทพๆเขาอาจจะมองไม่เหมือนผมก็ได้ จากคุณ : Mr.KiNg เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 05:47:47

ความคิดเห็นที่ 33 งานช่างภาพงานพิธีสมัยก่อน จะมีแลบสีช่วยทำรูปให้ แต่สมัยนี้ ถ้าไม่มีทีมงานมาช่วยโพรเซสภาพ ก็ต้องเหนื่อย รับงานได้น้อยลงแน่ๆ ทั้งนี้ทั้งนั้น ของแบบนี้ ความรับผิดชอบส่วนตัวล้วนๆครับ จากคุณ : นายอ้น เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 09:58:44

ความคิดเห็นที่ 34 อืมม์ ถ้าผมรับงาน .. อยากฟังความเห็นว่า มันจะทำให้อะไรเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นได้บ้างครับ?? ถ้ามันทำให้ช่างภาพที่โหมรับงาน เพิ่มความรับผิดชอบขึ้น บริหารเวลาเป็น รักษาคำพูดทุกครั้ง .. ไม่ก่อปัญหาใดๆให้ผู้ว่าจ้าง แจ้งมาได้เลยครับ ผมยินดีไปรับงาน ตามที่เสนอแนะมา หรือแค่จะมาบอกว่า ผมไม่เคยรับงาน เลยไม่รู้ ไม่เข้าใจว่า ตากล้องหนะ ทำงานลำบากมากมาย อุปสรรคล้นฟ้า ฯลฯ ทำให้**ต้อง**เบี้ยวงาน ทิ้งงาน ส่งงานไม่ตรงเวลา ซึ่งเมื่อเกิดเรื่องอย่างนั้น**อีก** ผมจะได้เข้าใจเรื่องพวกนี้ และหันไปด่าลูกค้า ผู้ว่าจ้าง ที่มีปัญหา,เอาเรื่องตากล้องไม่รับผิดชอบงาน มาประจานในเน็ต ???? การรับงาน จะทำให้ผมเข้าใจอะไรๆ และสนับสนุนตากล้องที่ทิ้งงาน เบี้ยวงาน ไม่เอาแต่ด่าๆๆๆ ??? อืมม์ ถ้าผมรับงาน .. อยากฟังความเห็นว่า มันจะทำให้อะไรเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นได้บ้างครับ?? ถ้ามันทำให้ช่างภาพที่โหมรับงาน เพิ่มความรับผิดชอบขึ้น บริหารเวลาเป็น รักษาคำพูดทุกครั้ง .. ไม่ก่อปัญหาใดๆให้ผู้ว่าจ้าง จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 13:48:33

ความคิดเห็นที่ 36 ผมก็แค่คิดเล่นๆ  ไม่คิดว่าจะทำให้คุณแมวเหมียวซีเรียสได้ขนาดนี้  555+ ลป.ขำๆนะครับ   ผมเองก็มือสมัครเล่น  ติดตามทฤษดีตัวอักษรของน้าแมวตลอดอะครับ  แบบว่า  ชอบเป้นการส่วนตัว  ^^ จากคุณ : theepphoto เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 16:18:32

ความคิดเห็นที่ 37 ถ้าเป็นผมนะ เดือนละ 75,000 บาท จ้างฟรีแลน Process เดือนละ 25,000 บาท แล้วค่อยมาตรวจอีกครั้ง เหลือตังเข้ากระเป๋า 50,000 บาท เงินเดือนนี้ระดับผจก.บริษัทบางที่ได้เลย ถ้าต้องแลกเวลาพักผ่อน และโดนลูกค้าด่า สู้เจียดเงินส่วนหนึ่งไปดีกว้่า จากคุณ : สิงห์โตหัวฟู เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 09:55:19

ความคิดเห็นที่ 38 เป็นแง่มุมที่น่าคิดมากครับ ของมหาวิทยาลัยผมถ่ายรูปให้นศหลายร้อยคน แถมต้องแปลงเสื้อของทุกคนเป็นเสื้อนศ ถามเขา เขาบอกว่าช่วยกันทำหลายคน ทำกันทั้งคืน งานแบบนี้ ถ้าไม่มีการจัดการคนที่ดีผมว่าจบเห่แน่ครับ มองในมุมของตากล้องธรรมดาที่ไม่ได้รับงานก็...จบหลังกล้องดีที่สุด! จากคุณ : รถโดยสารประจำทาง (supatra.p) เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 12:49:30

ความคิดเห็นที่ 39 ไม่เคยรับงานครับเพราะไม่มีฝีมือในการถ่ายภาพไม่มีความรู้เรื่องการแต่งภาพ ถ่ายภาพแบบสนุกๆก็เท่านั้น แต่คิดว่าจากปัญหาที่ที่เกิดคิดว่าคนรับงานไม่รู้จักประมาณตนเองว่ามีขีดความสามารถแค่ไหน หรืออาจจะมีความเป็นมืออาชีพ อีกอย่างเพื่อป้องกันปัญหาเหล่านี้ควรมีสัญญาว่าจ้างที่ชัดเจนมีระยะเวลาในการส่งมอบงานที่แน่นอน เพราะดูแล้วสว่นมากมักจะตกลงด้วยปากเปล่า เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเกิดเบี้ยวขึ้นมา หรือเกิดขาดความรับผิดชอบส่งงานช้าเกินไปก็จะส่งผลทำให้ช่างภาพที่ดีๆพลอยมัวหม่องไปด้วย จากคุณ : praipee (praipee) เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 55 00:15:57

ความคิดเห็นที่ 40 ปัญหานี้จะหมดไปครับ ถ้า พวกเรามีค่าตัวที่เป็น มาตรฐาน งานละ 8000- 15000 รับงานต่อเดือน 6- 8 งาน ส่งงานทันแน่นอนครับ ฝีมือท่านที่เป็น ประเด็น ก้อ ไม่ได้ ขี้เหร่ เพียงแต่ พวกเราถ่ายกันทุกวันนี้ ต้องรับ จำนวน มากขึ้น เพราะ ตัดราคากันเองใช่หรือ ไม่ จากคุณ : shinrutto เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 55 00:42:39

ความคิดเห็นที่ 41 ขอนอกประเด็นนะคะ..  ทีแรกว่าจะโพสกระทู้นู้น แต่คิดว่าปล่อยกรณีนั้นเป็นปัญหาส่วนตัวไปเลยดีกว่า ตรงนี้มามองภาพรวม เผื่อช่วย 'อุด' ปัญหาที่จะทำให้วงการนี้เสื่อมเสีย ไม่เข้าใจว่าเดี๋ยวนี้เค้ารับงาน/จ่ายเงินกันยังไง ถ้าเป็นเมื่อก่อนที่เคยรับ ..ครึ่งนึงวันถ่าย ..ส่วนที่เหลือ งานไป เงินถึงมา (ไม่มีจอง เพราะไม่ได้คิวทองขนาดนั้น ถ้าลูกค้าเปลี่ยนใจก็นอนอยู่บ้าน :P) ไม่มีหรอกจะรับเงินลูกค้ามาครบหมด ก่อนส่งงาน ...กรณีลูกค้าจะเบี้ยวไม่ยอมเอางานไปนี่น่าจะมีน้อยมากๆๆๆๆๆ นะ   หรือถ้าคิดว่าจะมีปัญหายังไง ก็แบ่งเป็น 3-4 งวดก็ได้ งานอย่างอื่น มูลค่างานสูงกว่านี้ตั้งเยอะ  ต้องลงทุนไปก่อนด้วย ยังไม่มีจ่าย 100% ก่อนงานเสร็จ ตรวจรับเรียบร้อยเลย   --- อยากได้เงินเร็วก็ต้องทำงานเร็วๆ ง่ายจะตาย (._. แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 55 13:31:32 จากคุณ : จิตรางคทา เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 13:30:10

ความคิดเห็นที่ 42 ต้องรู้ตัวเองครับ สำคัญสุด ๆ จากคุณ : jackymino (JackyminoR) เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 55 10:32:40

ความคิดเห็นที่ 47 ในฐานะฟรีแลนซ์ (แต่ไม่เกี่ยวกับด้านถ่ายภาพ) ขอให้ความเห็นนะคะ การเป็นฟรีแลนซ์นี่เราได้เปรียบเรื่องความอิสระ แต่อิสรภาพมาพร้อมกับความรับผิดชอบค่ะ เพราะเราต้องเป็นผู้บริหารเวลาของเราเองทั้งหมด เรื่องมีงานมาก งานเต็มมือ อาจทำไม่ทัน อันนี้เราจะบอกกับผู้จ้างก่อนจะตกลงรับงานค่ะ และเราต้องประเมินขีดความสามารถหรือความอึดของตัวเอง ว่าจะโหมงาน/เร่งงานได้เร็วแค่ไหน เราจะถามลูกค้าก่อน เช่น งานนี้คุณจะเอาด่วนแค่ไหน? ถ้าด่วนแบบสัปดาห์เดียว ฉันทำทัน แต่ถ้าจะเอาใน 3 วัน ฉันทำไม่ได้ เพราะตอนนี้ติดงานอื่นอยู่ ต้องส่งมะรืน อะไรก็ว่าไป ถ้าลูกค้ารอได้เขาก็จะรอ แล้วเราก็ต้องทำส่งให้ตรงกำหนด แต่ถ้าลูกค้ารีบจริง ๆ เราก็ต้องแนะนำให้เขาไปจ้างคนอื่นแทน ถ้าช่วงไหนงานเยอะ ยุ่งมาก หรือมีโปรเจคใหญ่ที่ต้องเอาใจใส่มาก ๆ เราก็จำต้องไม่รับงานอื่นที่มีแนวโน้มว่าเราจะทำไม่ทันตามกำหนด และการเป็นฟรีแลนซ์นี่ ชื่อเสียงสำคัญมาก ถ้าเราเบี้ยวหรือทำงานลูกค้าเสียหาย ล่าช้าบ่อย ๆ ลูกค้าเก่าก็จะไม่มาจ้างเราอีก และเค้าก็จะไม่แนะนำเพื่อน ๆ ให้มาจ้างเรา แต่ในทางกลับกันถ้าเราทำงานดี มีความรับผิดชอบ ส่งงานตรงเวลา ลูกค้าคนเดิมก็จะกลับมาจ้างอีก แถมแนะนำคนอื่นมาใช้บริการเราด้วย แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 55 17:20:59 จากคุณ : Moonlight & Valentino เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 55 17:20:13