ความคิดเห็นที่ 1 อย่านะเฟ้ย ไปไหนไปด้วย จากคุณ : มิทู่ เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 10:31:15

ความคิดเห็นที่ 2 โชคดีที่ใช้film จากคุณ : มิทู่ เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 55 09:05:56

ความคิดเห็นที่ 3 แวะมาชมครับน้า  ห้องนี้เงียบเหงาจริงๆ  แต่ผมชอบชื่อห้อง คลาสสิคดีครับ จากคุณ : อั้งเสาะ เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 01:19:53

ความคิดเห็นที่ 4 แต่ยังไม่เข้าใจ ว่า ห้องหางฟิล์มคลับ  มีความแตกต่างกับห้องกล้องเก่ายังไง    รบกวนสมาชิกเก่าๆในห้องนี้แนะนำด้วยครับ จากคุณ : อั้งเสาะ เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 01:21:03

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณ น้าอั้งเสาะ ที่แวะมาครับ ผมคิดว่า ห้องนี้เงียบเพราะ คิดว่าไม่มีคนสนใจฟิล์ม แต่ผมกลับชอบนะ กระทู้เราไม่ตกอยู่อันดับแรกเสมอๆ (อิอิอิ) ชอบมากกว่าห้องที่คนพลุกพล่าน ชื้อก็น่ารัก ส่วนแตกต่างจากห้องกล้องเก่าอย่างไรนั้น ไม่แน่ใจครับ อาจเป็นเรื่องของตัวกล้องด้วยกระมัง ผมไม่ได้ใช้และไม่มีกล้องเก่าๆ  ที่มีของเก่าก็เป็นกล้องคอมแพคพ๊อยท์แอนด์ชู้ทแบบชาวบ้าน แถมยัง ออโต้โฟกัสเลยขอลงห้องนี้แทน น่าจะไปกับคอนเซ็พชื่อห้องได้เป็นอย่างดี บ้่านสีส้มก็ยังปิดปรับปรุง ก็ขอมาเล่นบ้านสีฟ้ามั่งครับ แก้ไขเมื่อ 04 ก.ค. 55 08:01:41 จากคุณ : มิทู่ เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 08:01:25

ความคิดเห็นที่ 6 สักผลไหมคะ อาหย่อยมากนะคะ จากคุณ : มิทู่ เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 08:21:04

ความคิดเห็นที่ 7 รูปข้างบนนี่ มิติภาพสวยมากครับ   ผมชอบโทนสีแบบนี้ด้วย      ผมชอบไปซื้อหนังสือเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ฉบับเก่าๆ มาดู ยุคที่ยังใช้กล้องฟิล์มอยู่  โอ้โห เค้าถ่ายกันสวยระเบิดระเบ้อ  ยิ่งดูยิ่งชอบรูปจากฟิล์มครับ สมาชิกเก่าๆก็หายกันไปหมด   ยึดห้องซะเลยดีไหมครับน้า อิอิ ตอนแรกก็งงๆ พอไปดูกระทู้น้าต้านชิงด้านล่าง ก็มีคนอธิบายความแตกต่างไว้แล้วครับ ดูแล้วก็อยากออกไปถ่ายฟิล์ม แต่สภาพอากาศไม่เป็นใจ  หน้าหนาวฝนซา  จะออกไปถ่ายให้สมใจเลยครับ จากคุณ : อั้งเสาะ เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 21:36:52

ความคิดเห็นที่ 8 เมื่อครั้งได้จับ DSLR ใหม่ๆ ผมก็เคยคิดว่า คงไม่กลับมาใช้ฟิล์มอีกแล้ว กะว่าบ้ายบายกันไปเลย แต่จนแล้วจนรอด ก็หาจุดที่เราชอบไม่ลงตัว เซนเซอร์ที่น่าจะตอบสนองความชอบได้ คือ FOVEON ของ sigma แต่มันก็ยังไม่มี ฟอร์แมทFFให้ได้ใช้ เท่าที่เสาะแสวงหามา ก็มีเพียง กลับมาใช้ฟิล์ม 135 ครับ มันจึงจะเข้ากับสิ่งที่เราชอบ สิ่งที่เราคุ้นเคย อย่างน้อย DOF มันก็ให้ 3D effect มากกว่าเซนเซอร์ขนาด 24x36 mmที่เท่ากับ ฟิล์ม135 ไม่ว่า DSLR นั้น จะมาจากค่ายไหน เชื่อหรือไม่ว่า ลูกๆผมบอกว่า ไม่ชอบกล้องดิจิตอลเอาเสียเลย แม้จะใช้ 5D2+carl zeiss ก็ตาม เด็กๆบอกว่า มันแค่รูปสวย แน๊ะ....ว่าไปนั้น เด็กๆบอกว่าไม่ได้ฟิลลิ่ง แบบที่เคยได้จากฟิล์มเลย ผมก็เลยได้ที จัดมาเป็นชุดให้ครบครันไปเลย แหม..เตรียมการมาเป็นปีๆแล้ว ได้โอกาสตอนนี้แหละ ของชอบอยู่แล้ว ข้อดีของฟิล์ม135 คือ มันเป็นฟอร์แมท์ใหญ่ แม้ภาพที่มาจากคอมแพค ก็ยังให้ 3D effect ที่สวยงาม ยกเว้นจะไปถ่ายด้วยกล้อง half frame อีกอย่าง ไดนามิคเรนจ์มั้น ถือว่าใกล้เคียงกับที่ ตาเราเห็น แม้จะเป็นสี แต่เอามาทำดำขาว ก็ยังให้ภาพที่ดู น่าดูมากกว่า เอาภาพดิจิตอลมาทำ อย่างที่เคยพูดคุยกันไว้ครับ จากคุณ : มิทู่ เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 55 08:32:00

ความคิดเห็นที่ 9 ผมก็ได้แรงบันดาลใจ มาจากน้ามิทู่ นี่แระครับ  ผมยังไม่ลืม หนังเรื่อง Barry lyndon เลย  ภาพสวยมาก  แต่มันต้องมีองค์ประกอบหลายๆอย่าง ถึงจะได้อารมณ์แบบนั้นออกมา แต่ได้ลองถ่ายฟิล์มแล้ว ทั้ง 135  120  ไม่มีผิดหวังเลยครับ  ยิ่งไปดูน้าๆที่ห้องกล้องเก่าถ่ายฟิล์ม 120  แล้ว โอ้โห    ยิ่งดูยิ่งชอบ ยิ่งอยากแแกไปถ่ายรูปครับ จากคุณ : อั้งเสาะ เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 55 22:13:27

ความคิดเห็นที่ 10 คนเก่าเข้ามาดู ... จากคุณ : STUV เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 55 00:15:40

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาครับ จากคุณ : มิทู่ เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 55 10:25:04

ความคิดเห็นที่ 12 ลืมไปเลยว่าเคยแอบมาโพสท์ไว้ แบบว่้าโลกนี้เป็นของเรา เพราะไม่ค่อยมีใคร อิอิ ภาพสวยมากๆครับ แปลกจริงๆ ดูภาพฟิล์มทำไมมันถึงเข้าถึงอารมณ์ในภาพได้มากกว่าภาพดิจิตอลก็ไม่ทราบครับ ผมมีความรู้สึกว่า   ภาพกำลังคุยกับเราอยู่   เป็นอย่างนั้นจริงๆครับ  ไม่ทราบใช้สแกนเนอร์ตัวไหนครับ  ใจก็อยากได้เหมือนกัน ฟิล์มเก่าๆของพ่อมีอยู่เยอะเลยครับ เผื่อจะมารื้อฟื้นให้ลูกหลานดูครับ  จากคุณ : ต้านชิง เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 03:06:20

ความคิดเห็นที่ 13 ใช่ๆๆ โลกนี้เป็นของเรา ผมชอบเลยนะห้องที่เงียบๆนี่ กระทู้เราอยู่นาน เรียกใครๆมาดูหาได้ง่าย สแกนเนอร์เป็นของนิคอนครับ super coolscan 5000 ED ตัวที่หลายๆคนอยากได้ พี่คนนึงแบ่งให้มาใช้ ไม่รีบคว้าก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว ถึงจะเก่า แต่มันเป็นหนทางสู่ฉิมพลี เขาว่าอย่างนั้นนะ ผมเองผมก็ว่าอย่างนั้นเช่นกัน ตอนนี้เท่าที่เห็นจากเว๊ปต่างประเทศของเหล่าคนทำงาน เขาพักดิจิตอลไว้ก่อน แต่มาใช้ฟิล์ม + สแกนเนอร์ดีๆแทน ผมก็เลยเอามั่ง เท่าที่ได้ใช้มาสักพัก ผมว่า ในระบบ 35 นั้น ฟิล์มเนกาทีฟ135+สแกนเนอร์ดีๆ ยังเหนือกว่า DSLR ทุกตัว ยิ่งถ้าถ่ายสไลด์ด้วยแล้ว ลืม DSLR ไปได้เลย เพียงแต่มันมีค่าใช้จ่าย และขั้นตอนที่มากกว่า อย่างว่าแหละ จะเอาอย่างนี้ก็ต้องยอมจ่ายครับ จากคุณ : มิทู่ เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 09:28:44

ความคิดเห็นที่ 14 scanner เทพมากเจ้าค่ะ แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 55 23:41:58 จากคุณ : ชาช่า เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 55 23:41:42

ความคิดเห็นที่ 15 ลงกระทู้เดิม เดี๋ยวจะหาว่าลืม ถ้าโดนลบค่อยลงกระทู้ใหม่นะจ๊ะ อีตูดหมาอ้วนตั๊บเลย ตอนกำลังตั้งไข่ จากคุณ : มิทู่ เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 55 08:42:08

ความคิดเห็นที่ 16 สีเขียวนี่เกิดจากอะไรหรือครับ รูปข้างบน (ผมเห็นเป้นสีเขียวนะครับ ถ้าเป็นสีอื่น  ต้องขอบอกว่า ผมตาบอดสีโทนแดง-เขียว) จากคุณ : อั้งเสาะ เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 55 08:21:44

ความคิดเห็นที่ 17 ผมเข้าใจว่า negative ที่ develop มานานมากแล้ว เก่าหมดสภาพแล้ว ส่วนใหญ่มักจะมีสีติดมาครับ อย่างเช่น อมม่วง หรือเหลือง หรือเขียว น้ำยาหมดสภาพ ซีด คราวนี้ พอเอามาสแกน แล้วค่อยแก้ white balance ผมจะเอาสีผิวคนเป็นหลัก สีอื่นๆไม่ค่อยใส่ใจ ได้แค่ไหนแค่นั้น ถึงแม้ nikon 5000ED จะให้ RAW file output ออกมาได้ แต่ โปรแกรม capture NX ไม่สามารถ อ่านค่า WB จากเซนเซอร์ของสแกนเนอร์ได้แบบfile ที่มาจากsensorของกล้องดิจิตอล หากจะปรับคัสตอมWB ผมใช้ lightroom หรือแค่ ACR ใน โฟโต้ฉอป ก็พอแก้ได้ในระดับหนึ่งครับ ผมก็ไม่ได้เก็บฟิล์มเก่าดีนัก ทิ้งๆขว้างๆ โดนแสงบ้าง ร้อนๆอับๆบ้าง ไม่เคยได้ใส่ใจ มาถึงวันนี้ พอมีสแกนเนอรืดีๆ จึงได้รู้ค่า แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เราไม่สามารถเรียกอดีตกลับมาแก้ไขได้ เพียงแค่เอามาได้แค่นี้ทั้งครอบครัวก็ดีใจเป้นที่สุดแล้วครับ จากคุณ : มิทู่ เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 55 10:58:29

ความคิดเห็นที่ 18 สแกน ฟิล์มใหญ่ได้ไหมเนี่ย .. มีคนฝากสแกนตั้งนานแล้ว ยังหาที่แสกนไม่ได้เลย  ^_^ จากคุณ : ทุ่มเท เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 55 18:13:46

ความคิดเห็นที่ 19 กระทู้น้า เกือบครบเดือนแล้วหรือครบเนี้ย อยุ่นานดีจริงๆ  แบบนี้เดี๋ยวต้องขอมาโพสบ้างแล้วครับ  รอpantip อัพขนาดไฟล์โหลดได้ก่อนครับ จากคุณ : อั้งเสาะ เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 55 18:40:29

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณครับที่แวะมาทั้งสองท่าน LS5000ED สแกนฟิล์มใหญ่ไม่ได้ครับ หากจะสแกนฟิล์ม 120 สแกนเนอร์ของนิคอนมีรุ่น 9000ED ดีที่สุดแล้ว เท่าที่เห็นมีท่านนึงใช้อยู่ ไม่รู้จะปล่อยออกหรือไม่ ค่อนข้างหายากครับ ผมก็อยากได้เช่นกัน จะได้ไม่ถูกจำกัดถ่ายแต่ 135 ให้ร้านสแกนก็อย่างงั้นๆแหละครับ อยากเล่นฟิล์มและได้อะไรที่มันถูกใจ ก็ต้องสแกนเอง ยิ่งล้างเองได้ยิ่งดี แต่เรื่องล้าง ผมขอผ่าน เพราะ ไม่สะดวกด้วยประการทั้งปวง ยังดีที่ยังมี IQlab ที่ยังพอวางใจได้ ยิ่งขาวดำหากชุดไหนซีเรียส ก็ส่งให้ ฮาร์ฟมูนแลปซะ ได้อะไรๆจากความเป็นศิลปินของ อ.สุรัสกลับมาด้วยอีกตะหาก ผมไม่ค่อยจะว่างเอาเวลาไปทำงานอื่นจะเวิร์คกว่าสำหรับผมนะครับ หากเอาใช้ในระดับดีๆ โดยไม่ต้องเทียบชั้นกับดรัมสแกนเนอร์ ลองด แอ๊ปสันตัวดีๆอย่าง750 เห็นรีวิวสแกนฟิล์มใหญ่ได้ไม่เลวเลยทีเดียวครับ จากคุณ : มิทู่ เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 11:07:28

ความคิดเห็นที่ 21 555 ส่งไอคิว แหงเลย  งั้น จากคุณ : ทุ่มเท เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 17:24:50

ความคิดเห็นที่ 22 halfmoon lab  พึ่งเคยได้ยินชื่อครับ  เลยลองไปเสริซกูเกิล ดูชื่อ อ.สุรัส  เห็นรูปแล้ว เคยผ่านตา ว่า อ.สุรัส (ถ้าใช่คนในรูป ) เสียชีวิตไปแล้ว ใช่ไหมครับ ในกระทู้ว่า ล้างอัดฟิล์มเก่งมากๆ เรื่องล้างสแกน นี่ก็ทำเอาปวดหัวเหมือนกันครับ บางทีถ่ายมาลำบาก ต้องมาฝากความหวังไว้กับร้าน ที่ฝากได้บ้างไม่ได้บ้าง  ลุ้นกันทุกรอบ ที่เอาฟิล์มไปล้าง แต่คงต้องขอเวลาศึกษาอีกเยอะเลยครับ จากคุณ : อั้งเสาะ เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 55 00:28:20

ความคิดเห็นที่ 23 เศร้า เศร้า เศร้าสุดๆครับ ผมเพิ่งทราบวันนี้จากน้าว่าอ.สุรัตไปเสียแล้ว มัวไปหลงไปกับดิจิตอล จนไม่รู้อะไรเลย โทรถามคนรู้จัก โดนเอ็ดกลับมาเลย อ.สุรัตให้อภัยผมด้วยนะ ขออาลัยจากการจากไป ของ อาจารย์สุรัต ไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ น่าเสียดายอย่างสุดซึ้ง ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวอาจารย์ด้วยนะครับ ผมว่าในโลกแห่งการ ดอร์ดแอนเบิร์น มันเป็นศิลปะขั้นสูง ที่เหมือนพรสวรรค์ติดตัวมา ไม่ใช่ว่าใครๆก็จะทำได้ แม้จะเป็นช่างภาพที่ดีแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นช่างอัดภาพที่ดีได้ การวาดแสงบังแสงเปิดปิดแสงลงบนกระดาษที่กำลังถูกฉายสร้างภาพนั้น มันเป็นศิลปะอีกแขนงหนึ่ง ที่กำลังจะหมดไปจากโลก หากไม่มีใครอนุรักษ์ไว้ ที่คนยุคดิจิตอลไม่มีวันได้รู้ได้สำผัสความล้ำลึกนี้เลย อัดแบบธรรมดาใครๆก็ทำได้เรียนรู้ได้ แต่หากจะให้มันสวย คงต้อง ดอร์ดแอนด์เบิร์น ให้เป็นปฐมภูมิ เอ..แล้วตอนนี้ เวลาทำเอ็กซิบิชั่น เขาไปอัดที่ไหนกันครับ หรือว่าอัดกันเอง ใครเอาดีทางด้านนี้ได้ ผมเชื่อว่า จะได้เป็น ศิลปินเอก ในไม่ช้าเลยครับ เพราะ คนในยุคดิจิตอลในกลุ่มที่เข้าใจศิลปะ เริ่มเข้ามาสู่ฟิล์มมากขึ้น รวมถึง คนที่เกิดในยุคฟิล์ม ก็เริมหันมาใช้ฟิล์มมากขึ้น ถ้าผมย้อนอายุได้ ผมจะหัดทำ ขาวดำทำมือ เอง เอาให้สวยเอาให้เก่งแบบ อ.สุรัตไปเลย จากคุณ : มิทู่ เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 55 10:28:55

ความคิดเห็นที่ 24 ขอร่วมอาลัย อ.สุรัต ด้วยครับ เสียดายและเสียใจ ที่ตัวเองเริ่มช้าไป  กว่าจะมาสู่โลกของฟิล์ม  หลายๆท่านก็ จากไปเสียแล้วครับ ดอร์ดเบิร์น ยอมรับว่ายากจริงๆครับ สายตา สมาธิ ประสบการณ์ ต้องสูงมาก  ในดิจิตอล ก็มีดอร์ดเบิร์น เคยลองทำดู ในโฟโต้ชอป ตอนไล่แรกๆก็พอดูได้ แต่พอไล่ไปซักพัก รูปจะเละทุกทีครับ  ก็เลยมาฝึกสายตา ดูโทนในฟิล์มขาวดำให้ได้ก่อนครับ ผมไปดูงานแสดงรูปที่หอศิลปะกรุงเทพ  ส่วนใหญ่ จะมีบอกไว้ว่า ปริ้นดิจิตอลกันซะส่วนมากครับ  แต่ก็ยังมีบ้างที่อัดขาวดำ แต่ผมก็ไม่รู้ที่ไหน  น่าจะอัดกันเองนะครับ ดูที่เวบ BWfoto.net  ส่วนใหญ่ก็จะล้างอัดกันเองครับ ที่รู้จัก ทางเวบ  ก็มี อ.กันต์ ที่ยังเปิดสอน ล้างอัดฟิล์ม ขาวดำขั้นสูง (ว่าจะไปเรียนอยู่ครับ แต่ไปไม่ทันคอร์สแรก  ตอนนี้ อ.กันต์ เปิดคอร์สต่อเนื่อง คอร์สที่2แล้ว คงต้องรออีกที) เคยเห็นโปสเตอร์ที่หอศิลปะกรุงเทพ ก็มีอีกทีนึงที่เปิดสอนเกี่ยวกับ รูปขาวดำ ครับ เผื่อใครแวะเข้ามาดู แล้วไม่รู้จัก อ.สุรัตน์ สุวาณิช    มีคลิปวีดีโอสัมภาษณ์ ค้นเจอในยูทูป มาฝากให้ดูครับ จากคุณ : อั้งเสาะ เขียนเมื่อ : วันเข้าพรรษา 55 05:12:47

ความคิดเห็นที่ 25 อ้าว ทำไมคลิปไม่มา จากคุณ : อั้งเสาะ เขียนเมื่อ : วันเข้าพรรษา 55 05:14:25

ความคิดเห็นที่ 26 จำได้ๆ ชุดนี้จาก history Chanel ใช่ไหม มีของคนสิงคโปร์ด้วยนะครับ นั่นก็เข้าขั้นเลย เรื่องอัดภาพ ถ้าเก่งphotoshop ทำดอร์ดจิงเบอร์นิงเก่งๆ ก็พอถูไถครับ แต่ถ้าเทียบกับ การอัดโดย enlarger แล้ว ความเห็นส่วนตัวผมว่ายังห่างไกลในความรู้สึกที่สัมผัสได้ BWfoto.net ก็เคยเข้าไปอยู่สิงสักหลายครั้ง เพื่อตามหา meopta เก่าๆสักตัว เมื่อหลายปีก่อน แต่ก็ล้มเลิกไป อีกอย่างอุปกรณ์เราไม่ใช่ไลก้า ก็เลยไม่รู้จะคุยอะไรกัน อ.กัน ที่ แม่โจ้ ใช่ไหมครับ แล้วไปเรียนที่ เชียงใหม่เลยหรือ ผมเคยได้ข่าวนะ ไม่ทราบว่าอาจารย์เปิดlab รับล้างฟิล์มอัดภาพด้วยหรือเปล่า แบบส่งไปรษณีย์ก็ได้ แบบที่ IQlab ผมก็ยังไม่เคยไปเลยนะ ส่งทางไปรษณีย์อย่างเดียว หลายๆท่านในบ้านเรา ที่ชอบสัมผัสที่หกหยั่งรากลึก บางคนส่งล้างส่งอัดถึงอเมริกา หรือไม่ก็ญี่ปุ่น โน่นเลยนะ เรื่องที่น้าบอกว่าช้าไป ผมว่า อายุน้าอั๊งเสาะคงยังไม่ย่างสู่วัยเกษียน น่าจะเริ่มต้นได้นะครับ เพราะในโอลิมปิค ลอนดอนปีนี้ น้าจะเห็นกล้องฟิล์ม ทั้ง 35 มม และ มีเดียมฟอร์แมท แซมๆปะปนอยู่กับ Dslr ทั้งหลายร่วม 3-5% ผมยังเห็น large format ตั้งอยู่ 2-3 จุดเลย ทั้งกีฬาในร่ม และกลางแจ้ง ในกระแสคนทำอาชีพช่างภาพนั้น บอกได้เลยว่า ฟิล์มย้อนกลับมาอย่างรุนแรงและมั่นคงมาก จนผมต้องตัดสินใจลงทุนด้านฟิล์มอีกครั้ง และยิ่งกับภาพเอกณรงค์นั้น เป็นที่รู้กันทั่วไปแล้วว่า ฟิล์มขาวดำทำมือเป็นที่สุดของศิลปะ ในแบบที่สัมผัสที่หกจะสื่อสารกันได้โดยไม่ต้องพึ่งพาเสียงหรือคำพุดใดๆเลย อย่างที่ผมบอก ยิ่งดิจิตอลขยายวงกว้างสู่มหาชนเท่าไหร่ ฟิล์มยิ่งกลับมาแรง เพราะคนส่วนหนึ่งจะเริ่มเข้าใจศิลปะได้ สัมผัสเองได้ แค่บางคนก็ยังรับรู้ว่า สวยดีนะ ลูกสาวคนเล็กผม 12 ขวบ ยังชอบดูภาพจากฟิล์มมากกว่าดิจิตอลเลย ผมสนับสนุนนะ เอาเป็นเมเจอร์หลักของชีวิตได้เลย ส่วนผมฉีกแนวมาไกลแล้ว และยังต้องเลี้ยงดูอีก 11 ชีวิต จะเริ่มอะไรแบบตามใจฉันมันไม่ได้แล้วครับ 555 สงสัยเราจะได้ยึด หางฟิล์มคลับเป็นแน่เลย จากคุณ : มิทู่ เขียนเมื่อ : วันเข้าพรรษา 55 10:37:34

ความคิดเห็นที่ 27 ผมได้ดูจากในยูทูปครับ ยังไม่เห็นของคนสิงคโปร์เลยครับ ลองค้นก็ยังหาไม่เจอ ส่วนดอดจ์เบริน นี่แค่ทำใน photoshop ก็ยากมากแล้วครับ สำหรับผม  ยิ่งทำในห้องมืด คงไม่ต้องพูดถึงเลยครับ เพราะถ้าผิดพลาดแล้ว มันไม่มี undo ย้อนกลับ  นอกจากต้องทำใหม่ทั้งหมด  แต่ทำในคอม ก็พอช่วยฝึกสายตาได้ในระดับนึงครับ  แถมไม่สิ้นเปลืองด้วยครับที่สำคัญ อิอิ อ. กันต์ สุสังกรกาญจน์  ผมไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวครับ เลยไม่รู้ว่าเป็นคนเดียวกับที่น้ามิทู่เอ่ยถึงหรือเปล่าครับ   แต่เป็นอาจารย์สอนอยู่ที่ ม.รังสิต  เปิดโรงเรียนสอนที่ย้าน แถวสุขุมวิทครับ   ส่วนคนใช้ไลก้าที่อ่านเจอตามเวบ  เค้าคุยกันเรื่องไลก้าในรูปนะครับ เลยได้แต่อ่านๆเหมือนกันครับ ส่วนเรื่องที่ว่าช้าไป สายไป ผมหมายถึง เสียดายที่เริ่มช้าไปครับ คนเก่งๆในห้องมืด เช่น อ.สุรัตน์ อ.จิตต์ ท่านเสียชีวิตแล้ว  ไม่มีโอกาสได้พบ เหมือนที่น้าบอกไว้ครับ  แค่ได้เจอได้พูดคุย ก็ได้อะไรกลับมาด้วยแล้ว  ทั้งบุคลิก ทั้งวิธีการทำงาน ทั้งแนวคิด  เลยรู้สึกเสียดายครับ ส่วนจะยึดเป็นหลักนี่ ไม่กล้าคิดครับ กลัวจะอดตายซะก่อน  ฮ่าๆ  ทุกวันนี้ก็ดิ้นรนเหนื่อยพอดูครับ ก็ยังเป็นไม้หลักปักขี้เลนอยู่เลยครับ ก็ไม่รู้ว่า กระทู้นี้จะถูกอุ้มหายไปเมื่อไหร่นะครับ  แต่คุยกับน้ามิทู่ ได้รู้อะไรเพิ่มเยอะดีครับ  ผมก็เก็บตกความคิดไปเรื่อยครับ  อย่าพึ่งเบื่อผมก่อนนะครับ 55 แก้ไขเมื่อ 04 ส.ค. 55 05:01:36 จากคุณ : อั้งเสาะ เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 55 04:58:27

ความคิดเห็นที่ 28 ปรัชญาของผม คือ Life is beautiful . สิ่งสวยงามของผม คือ ชีวิต ความรัก ศิลปะ แม้จะไม่มีจะกิน เราก็ยังมองโลกสวยงาม น้าอั้งเสาะ ลองดูพวก Lith print ดูสิครับ ความล้ำลึกแห่งโลกของการถ่ายทอดจากผู้ทำสู่ผู้ดู มันได้มาเพียงครั้งเดียว ไม่มีโอกาสทำซ้ำ ทำได้ก็ไม่เหมือนเสียทีเดียว ไม่มีผิด ไม่มีถูก มันเป็นไปตามธรรมชาติ เท่าที่ผู้ทำจะสร้างมันออกมา อาจจะไม่ใช่ ความสวยงาม หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่เป็นการผสมผสาน ที่ คนดูหลายๆคนบอกว่า ลงตัว และ ได้ฟิลลิ่ง ว่าไปโน่น ผมไม่ใช่มืออาชีพนะ อย่าเข้าใจผิด แค่ชอบแค่นั้น ที่ทำอยู่ก็แค่หล่อเลี้ยงทุกชีวิตให้อยู่รอด มันลำบากทีเดียวเชียว ผมไม่กลัวที่จะทำนะ หากผมไม่มีภาระที่ต้องรับผิดชอบ ศิลปะนั้นมาจากเรา ไม่ใช่จากคนอื่น บางส่วนที่ส่งผ่านกันได้ คือ เทคนิค แต่ศิลปะนั้นมาจากตัวเราอย่างแน่นอน จากคุณ : มิทู่ เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 55 11:11:56

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณครับน้า สำหรับประสบการณ์ที่แบ่งปันให้มาครับ  ผมยังใหม่กับฟิล์ม ห้องมืด เลยรู้สึกสนุกตื่นเต้นที่ได้เข้าไปเจอโลกแปลกๆครับ ถ้าหนุ่มกว่านี้อีกซัก10ปี ผมอาจจะกล้าที่จะเสี่ยง   ตอนนี้ก็เริ่มเข้าวัยกลางคนแล้วครับ มีอะไรหลายอย่างที่ต้องนึกมากกว่าตัวเอง แต่ก็จะขอเอา การถ่ายรูปเป็นสิ่งที่อยู่ด้วยกันไปยาวๆเลยครับ   ตอนแก่ถ้าอยู่ถึง ก็มานั่งเสพความสุขจากรูปที่ถ่ายมาครับ แบ่งประสบการณ์ให้คนใหม่ๆที่พึ่งก้าวเข้ามาในโลกฟิล์มเหมือนผมตอนนี้ จากคุณ : อั้งเสาะ เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 05:32:49

ความคิดเห็นที่ 30 ตอนนี้กำลังขยับขยาย คอมพิวเตอร์อยู่นะครับ ยังไม่เข้าที่เลย ได้เวิร์คสเตชั่น XEON คู่ มาหนึ่งตัว ใส่ ควอโดร 2000 แล้วได้สีสมจริงสมใจอยาก รอแรม 16 กิ๊ก อยู่ครับ เข้าที่เข้าทางเข้าตำแหน่งแล้วจะได้แสกนมาเล่นกันต่อ จากคุณ : มิทู่ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 55 09:16:16

ความคิดเห็นที่ 31 อ่าาาาา   ยาวเลย ดีครับ ได้มาฟังด้วยคน กระตุ้นความอยากถ่ายภาพได้เยอะเลยทีเดียว  จากคุณ : ต้านชิง เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 10:53:59

ความคิดเห็นที่ 32 ขอแอบแวะเข้ามาดูกลุ่มนี้นะครับ  หลังจากไม่ได้มานานมากๆๆๆ  ก่อนอื่นเลย  เท่าที่พอรู้ กลุ่มหางฟิล์มคลับเกิดมาตั้งแต่สมัยที่เพื่อนๆ ยังใช้ฟิล์มกันอยู่ค่อนข้างมาก  ช่วงนั้นดิจิ เริ่มเข้ามามีบทบาทบ้าง น่าจะสมัย nikon ออกรุ่น E950 มั้งคับ ก่อน canon ออก DSLR รุ่นเรียกแขกใน  EOS 300D  และ คำว่า หางฟิล์ม นั้นคือ  ส่วนนอกเหนือจากฟิล์ม  ความหมาย น่าจะตีในเชิงว่า  ไม่ได้คุยกันเรื่องถ่ายรูปเป็นหลัก  แต่คุยแนวจิปาถะ แซวๆ ขำๆ  หรือเป็นกระทู้ไว้ลงรูปแนวเพ้อเจ้อ เล่นๆ   หรือ ไว้สำหรับ เป็นกระทู้นัดเจอ นัดพบ นัดออกทริป   หรือไม่ก้อในสมัยนั้นก็มักจะ คุยกันในโปรแกรม IRC ดัง เช่น PIRCH  ครับ จะมีห้องกล้องในนั้นเลย   แต่ตอนนี้ มีตัวเลือกมากขึ้น  เพื่อนๆ เก่าๆ แก่ๆ คงแยกย้ายกันไปบ้าง จากคุณ : NAF เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 22:46:30