ความคิดเห็นที่ 1 เทคนิคการถ่ายภาพแสงเหนือเกือบเหมือนการถ่ายทางช้างเผือกครับ ต่างกันตรงที่แสงเหนือจะมีความสว่างมากกว่าทางช้างเผือก ค่าความไวแสงจึงอาจใช้ค่าที่ต่ำกว่า...วิธีการเชตค่ากล้องก็มีดังนี้ครับ ...ค่า ISO อยู่ระหว่างราว 1000-3200   ยิ่งแสงเหนือเกิดขึ้นมากก็ยิ่งใช้ค่า ISO ต่ำ บางภาพผมใช้ ISO800 ก็มีครับ แต่ถ้าแสงเหนือเกิดน้อยเบาบางต้องใช้ค่า ISO สูงขึ้นอาจสูงถึง 3200 มีเทคนิคนิดหนึ่งครับว่าถ้าเราถ่ายภาพให้สว่างนิดหน่อยจะทำให้ในภาพไม่มีส่วนมืดสนิท ซึ่งจะดีกว่าครับ เพราะผลที่ออกมาจะทำให้ได้ภาพที่มี noise รบกวนภาพน้อยลงไปด้วยครับ (ภาพนี้ แสงเหนือที่กรีนแลนด์ มีแสงเหนือเกิดสว่างค่อนข้างมากจนสังเกตได้ด้วยตาจึงใช้ ISO800 14mm f2.8  ใช้เวลาถ่ายภาพเพียง 8sec) จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 15:00:23

ความคิดเห็นที่ 2 ...เลือกใช้เลนส์มุมกว้างๆที่สุดเท่าที่มีเลยครับ เพราะแสงเหนือจะเกิดทั่วทั้งท้องฟ้า เลนส์กว้างแค่ไหนบางทีก็ยังเก็บได้ไม่เท่าที่ใจอยากถ่าย ...ถ้าเป็นเลนส์ที่มีรูรับแสงกว้างๆได้จะดีมากครับ อย่างน้อยๆก็ควรจะมีรูรับแสง f2.8-3.5 และถ้าเป็นเลนส์มุมกว้างคุณภาพดีๆ ก็จะดีมากครับ จะช่วยให้เราถ่ายภาพในที่ค่อยข้างมืดแบบนี้ได้ชัดเจนแม้จะเปิดรูรับแสงกว้างสุดก็ตามครับ อย่างที่ผมใช้เป็น Nikon 14-24mm f2.8 นับว่าเป็นตัวเก่งของนิกอนเราเลยครับ (ภาพนี้เปิดรูรับแสงสูงสุด f2.8 ด้วยคุณภาพของ Nikon 14-24mm ถ่ายที่ 14mm ก็ยังให้ภาพที่คมชัดในระดับที่น่าพอใจครับ ISO800  8sec) จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 15:14:26

ความคิดเห็นที่ 3 ....ที่สำคัญอีกอย่างที่จะทำให้ได้ภาพคมชัดหรือไม่ ก็คือการตั้งจุดโฟกัสที่ถูกต้อง  การถ่ายภาพในสภาพแสงน้อยๆแบบนี้เราต้องถ่ายด้วยโหมด M เท่านั้นครับ และต้องหาจุดโฟกัสเพื่อตั้งจุดโฟกัสเป็นอินฟินิตี้ครับ ซึ่งมีเทคนิคดังนี้ครับ...เราจะไม่หมุนโฟกัสที่ตัวเลนส์ไปยังเครื่องหมาย อินฟินิตี้ โดยตรงแบบนั้น เพราะค่าอินฟินิตี้ตรงนั้นเป็นค่าคร่าวๆ แต่การถ่ายภาพด้วยโหมด M และใช้รูรับแสงกว้างสุดแบบนี้ ภาพจะเสียหายได้ง่ายมากหากโฟกัสพลาดไป เราจะต้องหาจุดโฟกัสอินฟินี้จากค่าที่ถูกต้องจริงๆของเลนส์ซึ่งทำได้โดย เปลี่ยนให้เลนส์หาจุดโฟกัสเองอัตโนมัติ (ปรับที่กระบอกเลนส์จาก M เป็น M/A) แล้วลองหาจุดสว่างที่อยู่ไกลๆสุดขอบฟ้าหรือสุดสายตา ให้เลื่อนจุดโฟกัสไปโฟกัสไว้ที่จุดไกลสุดนั้น แล้วจึงปรับค่าที่กระบอกเลนส์จาก M/A มาเป็น M เป็นการล็อคจุดอินฟินิตี้ของเลนส์ไปครับ หรือถ้ามีเวลาเตรียมตัวก่อนนั้นอาจหาจุดโฟกัสที่เป็นอินฟินิตี้ไว้ตั้งแต่ก่อนฟ้าจะมืดเลยก็ดีครับ พอได้จุดที่คิดว่าใช่จุดอินฟินิตี้แล้ว ก็ล็อคค่าที่กระบอกเลนส์ไปที่  M เลยครับ แต่ควรเช็คสักนิดนะครับ ว่าภาพที่ถ่ายจากการล็อคค่าอินฟินิตี้นี้ให้ภาพที่คมชัดน่าพอใจหรือเปล่า โดยการลองถ่ายภาพดูว่าถ้าถ่ายภาพด้วยค่า F กว้างสุด และค่าโฟกัสอินฟินิตี้ที่ล็อคไว้นั้น ได้ภาพที่ชัดเจนน่าพอใจหรือไม่ครับ ดังนั้นถ้าจะให้ดีควรตั้งค่าไว้เหล่านี้ไว้ก่อนมืดจะได้เช็คความเรียบร้อยก่อน เมื่อต้องถ่ายภาพจะได้ไม่เสียเวลาและไม่พลาดครับ (ภาพนี้ ISO800 14mm f2.8 13sec) จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 15:36:54

ความคิดเห็นที่ 4 ....การถ่ายภาพแบบนี้แน่นอนต้องใช้ขาตั้งกล้องครับ เพราะต้องใช้เวลาถ่ายแต่ละภาพราว 10-30 sec ....ควรถ่ายภาพด้วยไฟล์ Raw  หรือ NEF เพราะแสงในช่วงเวลาที่ต่างกันอาจมีเฉดสีที่ต่างกัน รวมทั้งหากมีแสงจากสิ่งแวดล้อมรบกวนมากๆ อาจทำให้ภาพโดยรวมออกมาไม่สวยสมจริงหากเราตั้งค่าไวท์บาลานส์ไม่ถูกต้องครับ แต่ถ้าเราเลือกถ่ายด้วย  NEF file เราสามารถปรับเฉดสีให้ถูกต้องสมจริงในภายหลังได้ครับ (ISO800 14mm f2.8 13sec ภาพนี้ถ่ายไฟล์ NEF ปรับเฉดอุณหภูมิสีเฉพาะจุดบริเวณหิมะและบ้านเรือนครับเพื่อให้แสงสีสมจริง) จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 15:44:59

ความคิดเห็นที่ 5 หลักๆสำหรับการถ่ายภาพแสงเหนือก็มีเท่านี้ครับ ส่วนจะให้ได้ภาพสวยงามแค่ไหนขึ้นกับหลายอย่างครับ เพราะแสงเหนือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นรวดเร็วและเปลี่ยนแปลงรูปร่าง และทิศทางได้ตลอดเวลา บางครั้งเราเลือกฉากหน้าที่ดีได้แล้วแต่ถ้าไม่มีแสงเหนือเกิดขึ้นในมุมที่เหมาะสม ก็อดได้ภาพสวยๆครับ (ภาพนี้ที่ไอซ์แลนด์ สภาพอากาศไม่ดี อากาศแปรปรวนมาก ISO3200 14mm f2.8 10sec ใช้เวลาถ่ายสั้นลง ดัน ISO สูงขึ้น เพื่อจะได้มีเวลา ถ่ายภาพได้หลายภาพมากขึ้นนั้นเองครับ ก่อนที่ฟ้าจะปิดลง) จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 16:04:18

ความคิดเห็นที่ 6 สุดยอดและขอบคุณมากครับ จากคุณ : Nguhn เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 16:06:59

ความคิดเห็นที่ 7 สำหรับการถ่ายภาพทางช้างเผือก Milky Way... ก็มีหลักการทุกอย่างเหมือนการถ่ายแสงเหนือครับ ต่างกันนิดหน่อยตรงเรื่องค่า ISOและเวลาในการถ่าภาพ เนื่องจากเราจะเห็นทางช้างเผือกชัดเจนในคืนที่มืดมิดสนิทจริงๆเท่านั้น ยิ่งมืดมิดยิ่งชัดเจนครับ มลภาวะทางแสง และฝุ่นละออง เมฆหมอกต่างๆ จะบดบังทำให้มองไม่เห็นทางช้างเผือกได้ครับ ดังนั้นการถ่ายภาพทางช้างเผือกจึงต้องดันค่า ISO ให้สูงถึง ISO3200 หรือกว่านั้น (ในอนาคตการพัฒนากล้องดียิ่งขึ้น เราอาจถ่ายภาพแนวนี้ได้โดยใช้ค่า ISO ที่สูงยิ่งขึ้นไปได้อีกครับ) รวมทั้งต้องใช้เวลาถ่ายภาพนานขึ้นโดยปกติจะใช้เวลถ่ายราว 30sec ในกรณีตั้งค่า ISO 3200 ครับ (ภาพนี้เป็นภาพแรกๆที่ผมหัดถ่ายทางช้างเผือก ยังตั้งค่าผิดครับ แต่เทคนิคการดึงแสงในโปรแกรม LR ค่อนข้างใช้งานได้ดึงภาพให้สว่างขึ้นมากครับ ISO2000 ต่ำไป 14mm f2.8 15sec น้อยไปอีกครับ) จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 16:22:02

ความคิดเห็นที่ 8 ผมลืมไปอย่าหนึ่งครับ...คือการถ่ายภาพพวกนี้ทั้งแสงเหนือและทางช้างเผือกต้องใช้การตั้งเวลาถ่ายภาพให้กล้องลั่นชัตเตอร์เอง หรือไม่ก็ต้องใช้สายลั่นชัตเตอร์นะครับ และอีกอย่างก็คือต้องตั้งกล้องเปิด ON Long Exposure Noise Reduction และ High ISO Noise Reduction เพื่อให้ภาพที่ได้มี Noise รบกวนน้อยลงครับ ตัวอย่างต่อมาครับ...ภาพนี้เริ่มเข้าใจหลักการที่ถูกต้องมากขึ้นครับ รู้ว่าควรตั้งค่าอย่างไร แต่เป็นการถ่ายภาพแบบไม่ได้เตรียมตัว ไปเห็นทางช้างเผือกขณะเดินขึ้นเขาที่อินโดนีเซีย เลยลองตั้งค่ากล้องในขณะนั้นเลยและไม่มีขาตั้งกล้อง ต้องวางกล้องไว้กับพื้นถ่ายภาพแบบนั้นเลยครับ (ISO3200 14mm f3.2 <น่าจะเปิด f2.8> 30sec) จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 16:35:50

ความคิดเห็นที่ 9 ตอนหลังเข้าใจมากขึ้นครับ จึงสนุกและอยากถ่ายให้มากขึ้น เมื่อมีโอกาสก็พยายามถ่ายทุกครั้งไปครับ ทำให้การถ่ายทางช้างเผือกง่ายขึ้นมากครับ เพราะผมยึดการตั้งค่ากล้องแบบนี้ทุกครั้งไปแล้วครับ คือ ISO3200 f2.8 30sec 14mm ง่ายขึ้นเยอะเลยครับ พวกเราที่สนใจจำเอาไปใช้ได้เลยครับ แล้วไปทำความเข้าใจการตั้งค่าส่วนอื่นๆ ให้ถูกต้องก็จะถ่ายภาพแนวนี้ได้ง่ายและดีขึ้นเรื่อยๆได้ครับ จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 16:42:31

ความคิดเห็นที่ 10 อีกภาพแล้วกันครับ ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามานะครับ ถ้าพวกเรามีเทคนิคการถ่ายภาพต่างๆ ถ้าเป็นไปได้อยากให้เอาปะสบการณ์มาแชร์กันบ้างนะครับ บอร์ดเราจะได้ไม่เงียบเกินไป แถมผมจะได้มีโอกาสเข้าใจเทคนิคทางลัดในการถ่ายภาพ รวมทั้งเทคนิคต่างๆในการสร้างสรรค์ภาพให้สวยงามด้วยครับ สองภาพหลังทางช้างเผือกจากซีกโลกใต้ ที่ชิลีครับ จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 16:46:40

ความคิดเห็นที่ 11 สวยจังเลยค่ะ  จดๆๆ  เผื่อจะมีโอกาสไปกับเค้าบ้าง   จากคุณ : ตองเจ็ด เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 21:06:07

ความคิดเห็นที่ 12 ต้องใช้ความพยายามมากเลยกว่าจะได้ภาพสวย ๆ แบบนี้ ผมจะทำได้ไหมนี่ จากคุณ : ScoleCM เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 21:53:19

ความคิดเห็นที่ 13 ยังไม่เคยเห็นด้วยตา เลยครับ ขอบคุณที่เก็บภาพมาให้ชม จากคุณ : supachoke เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 22:20:18

ความคิดเห็นที่ 14 เยี่ยมจริง ๆ ครับ ผมยังไม่เคยลองเลย บ้านเราคงถ่ายแบบนี้ไม่ได้แน่นอน จากคุณ : รักษ์ธรรม เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 55 01:06:29

ความคิดเห็นที่ 15 เห็นด้วยตาหรือเปล่าครับ หรือเห็นเฉพาะถ่ายภาพ ทำไมไม่ใช้เอฟสูงๆครับ สวยมาก ไม่เคยได้มีโอกาสถ่ายแบบนี้เลย จากคุณ : ลุงหยก เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 55 07:06:30

ความคิดเห็นที่ 16 สำหรับทางช้างเผือกถ้าเราอยู่ในที่ๆมืดสนิท ท้องฟ้าไร้มลพิษรบกวน เช่นในชนบทไกลๆเมืองมากๆ บนดอยสูงหรือภูเขาสูงๆ เราก็จะมองเห็นดาวเต็มฟ้าและถ้าสังเกตให้ดีๆเราจะเห็นกลุ่มดาวที่หนาแน่นเป็นพิเศษ เรียงตัวเป็นทางยาวๆ นั่นคือทางช้างเผือกครับ แต่ด้วยความสามารถของดวงตามนุษย์มีข้อจำกัดไม่เก่งเท่ากล้องครับ ภาพถ่ายที่เปิดหน้ากล้องนานสักสามสิบวินาที จะเก็บรายละเอียดแสงสีจากดาวบนฟ้าได้อย่างละเอียดทำให้ภาพที่เราถ่ายได้สวยงามยิ่งขึ้นไปอีกครับ เราจะใช้เวลาถ่ายนานกว่าสามสิบวิก็ได้แต่ดาวต่างๆก็จะเริ่มเคลื่อนตัวไป ทำให้ภาพที่ได้เริ่มเป็นเส้นยาวขึ้นตามเวลาที่เปิดหน้ากล้องครับ ด้วยเรามีข้อจำกัดว่าต้องถ่ายให้ได้ในสามสิบวินาที เราจึงต้องใช้ค่ารูรับแสงกว้างสุด และดันค่า ISO ขึ้นสูงๆ เพราะทั้งรูรับแสงและค่าISO เป็นเครื่องมือคู่ประสาน ที่จะช่วยให้เราได้ภาพที่เหมาะสมตามต้องการครับ ส่วนแสงเหนือจะเห็นชัดเจนกว่าทางช้างเผือกครับ ยิ่งถ้ามีระดับการเกิดแสงเหนือที่สูงมากปริมาณแสงที่เปล่งออกมาก็จะชัดเจนมากจนเห็นเป็นแสงสีเขียวอย่างในภาพได้ เพียงแต่ความเข้มที่ตาเรารับรู้จะน้อยกว่าในภาพถ่ายครับ แต่ถ้าระดับการเกิดเบาบาง เราจะมองเห็นแสงเหนือเหมือนเมฆเส้นบางๆที่ถูกแสงเรืองๆจากชุมชนสะท้อนขึ้นไปยังเมฆนั้น แต่จริงๆแล้วเป็นแสงเหนือกำลังอ่่อนซึ่งจะรู้แน่ชัดก็ต้องลองถ่ายภาพดูครับ จึงจะเห็นแสงสีเข้มชัดเจนแตกต่างจากเมฆทั่วไปอย่างสิ้นเชิงครับ จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 55 08:27:03

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆ และภาพสวยๆ ครับ จากคุณ : aoy_natee เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 55 12:41:15

ความคิดเห็นที่ 18 สวยมาครับ อย่างหนึ่งที่ผมสู้ไม่ไหวคือการอดนอน และอากาศที่ค่อนข้างหนาวยะเยือกนี่หล่ะครับ อิๆๆๆ ขอบคุณสำหรับความรู้และภาพสวยๆที่นำมาแบ่งปันครับ จากคุณ : jump_p2006 เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 55 18:42:09

ความคิดเห็นที่ 19 สวยมากๆ ค่ะ จดๆ ไว้ก่อน เมื่อไหร่จะมีโอกาสได้ไปก็ไม่รู้ จากคุณ : luckyfarm6662 เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 55 19:14:37

ความคิดเห็นที่ 20 สวยมากครับแต่คงไม่มีโอกาสอยู่ที่นี่ไม่มีแสงเหนืให้ถ่ายได้แต่ดูของคนอื่น แค่เห็นภาพสวยๆก็มีความสุขแล้วครับขอบคุณมากครับ จากคุณ : ลุงเปี๊ยก (kajohnwit) เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 55 20:14:58

ความคิดเห็นที่ 21 ผมแอบสงสัยนิดนึงว่า ทำมัยถึง focus ที่ Infinity โดยตรง อะคับ บางครั้งต้องการ ฉากหน้า หากเป็น focus ที่ Infinity โดยตรง โดยให้เลนส์ทำหน้าที่ของมัน คือปรับเป็น Auto focus ก่อน แล้วค่อย ปรับเป็น manual แล้วใช้ focus ดังกล่าว ฉากหน้ามัน จะไม่ชัดเท่าไหร่ (โดยเฉพาะที่ f2.8) คือมันไม่ชัดทั้งหมดรูป สามารถใช้ Technic Hyper Focal Distance มาช่วยจะดีเปล่าครับ    หากเลนส์มี scale บนตัวเลนส์ ก็ง่าย แต่หากบางเลนส์ไม่มี Scale ก็ต้องเปิดตารางกัน ว่าที่ f2.8 มันจะชัดคลุม พื้นที่จากไหน ถึงระยะ Infinity แล้วก็ กำหนด Focus ลงไป ลองเอาข้อมูลเลนส์ไปกรอกใน dofmaster.com ระยะ 14mm f2.8 บน Fullframe Sensor (D700) ถ้าสมมุติ Focus ที่ วัตถุห่างจากเรา 3 เมตร จะคุมพื้นที่ ชัด ระยะตั้งแต่ 1.31m ถึง Infinity (ความชัดเป็นเชิงเส้นนะคับ มันจะค่อยๆ ชัด ไม่ใช่ ชัดแจ๋วเป็นต้นไป ที่ระยะ 1.31m เลย) แต่ ถ้า Focus ที่ระยะ 2.32m (ที่ได้จากการคำนวณ Hyper Focal  Distance) ก็จะได้ระยะชัด ขยับเข้าใกล้กินเข้ามาอีกกลายเป็น 1.61m จากเดิม 1.31m . (คือได้ระยะชัดเข้าใกล้เราอีก 30cm) Subject distance  3 m Depth of field  Near limit  1.31 m Far limit  Infinity Total  Infinite   In front of subject  1.7 m Behind subject  Infinite   Hyperfocal distance  2.32 m Circle of confusion  0.03 mm ... เว้นเสียแต่ ถ้าหากแหวนหน้าถ่ายท้องฟ้าเต็มตัว ไม่มีฉากหน้า ก็ Focus ไปที่ระยะ Infinity โดยตรงได้เลย   (ผมว่านะ) ปล. อยากไปถ่ายแสงเหนือจัง...แต่สงสัยคงต้องขายรถ ขายบ้าน ไปแน่    แก้ไขเมื่อ 25 ก.ค. 55 19:09:22 แก้ไขเมื่อ 25 ก.ค. 55 19:07:54 จากคุณ : fork เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 55 19:00:23

ความคิดเห็นที่ 22 สวยงามมากครับ จากคุณ : เวียงเหนือ เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 55 19:45:10

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณมากๆ ครับ จากคุณ : ทักษะ เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 21:29:14