ความคิดเห็นที่ 1 Ricoh ปลายปีก่อนริโค่เปิดตัว Module A16 สำหรับ GXR เป็นเลนส์ 24-85 mm (equi.) บนเซ็นเซอร์ APS-C ผมก็ยังคงยืนยันความเห็นเดิมว่าคอนเซ็ปต์โมดูล เลนส์ติดกับเซ็นเซอร์ มันไม่เวิร์ก เพราะเลนส์มันเป็นอมตะ แต่เซ็นเซอร์มันตกรุ่นทุกปี อย่างเช่น ตอนนี้ตลาดไปที่วิดีโอ HD แล้ว แต่โมดูล S10 ถ่ายไม่ได้ อัพเกรดเซ็นเซอร์ไม่ได้ อยากเปลี่ยนเซ็นเซอร์ให้ทันสมัยบนเลนส์เดิมก็ไม่มีทาง จะซื้อโมดูลใหม่เป็น A16 ก็จะไม่ได้ช่วงซูม และช่องรับแสงสว่างๆ เหมือนเดิม ริโค่น่าจะทำแบบโมดูล A12 Mount ออกมาอีกหลายๆ เม้าท์นอกจาก Leica M จะได้หาเลนส์อื่นๆ มาเสียบได้ และเวลาอัพเกรด จะได้อัพเกรดเฉพาะโมดูลเซ็นเซอร์ เก็บเลนส์ไว้ใช้ได้ หรือไม่ก็รับเทิร์นโมดูลเก่า เปลี่ยนเป็นเซ็นเซอร์ใหม่ก็ดีนะ http://www.ricoh.com/r_dc/gxr จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 55 21:05:55

ความคิดเห็นที่ 2 Pentax หลังจากริโค่ซื้อเพ็นแท็กซ์จากโฮย่าไป เพ็นแท็กซ์ก็ยังคงขยันออกกล้องทรงประหลาดๆ ของตัวเองต่อไปไม่หยุด ทั้งคอมแพ็กต์ mirrorless และ DSLR K-01 ยังน่าสงสัยอยู่ว่าผู้ใช้ จะได้ประโยชน์อะไรกับการทำเป็นกล้องไร้กระจกสะท้อน ในเมื่อขนาดเม้าท์ และ ระยะท้ายเลนส์เท่ากับ DSLR เหมือนเดิม ทำให้ขนาดกล้องไม่เล็กลง แต่โฟกัสได้ช้าลง และหากจะใช้เลนส์มือหมุนเม้าท์ K กันแล้ว กล้องไร้กระจกยี่ห้ออื่น ก็ยังน่าสนใจกว่าอยู่ดี ทำให้เหลือจุดขายอย่างเดียวคือดีไซน์สไตล์อาร์ตเดโค ซึ่งแล้วแต่ใครชอบใครไม่ชอบ แต่พอบวกด้วยราคา ผมเชื่อว่าคนชอบ คงน้อยกว่าคนไม่ชอบ http://www.pentax.jp/english/products/k-01/ จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 55 21:06:22

ความคิดเห็นที่ 3 Pentax K-30 เรียกว่าเป็นเวอร์ชั่นวัยรุ่นของ K-5 ก็ได้ มีทุกอย่างที่กล้องในคลาสนี้ควรจะมี กันน้ำ กันฝุ่น สองวงแหวน ปุ่มเยอะๆ ถึงจะเป็นบอดี้ส่วนใหญ่เป็นพลาสติกก็จริง แต่เกาะอยู่บนตัวถังสเตนเลส และวางราคาไว้น่าสนใจมาก ไม่มีข้อน่าตำหนิอะไรเป็นพิเศษ แต่ปัญหาคือพอถูกเอาไปจับเทียบสเป็คกับแคนอน 60D และโซนี่แล้ว K-30 ก็ดูน่าดึงดูดใจน้อยลงไป เพราะจุดแข็งจริงๆ ที่จะเอาไปชนกับยี่ห้ออื่นมันมีแค่ดีไซน์เท่านั้น และก็ไม่ใช่ทุกคนที่ชอบดีไซน์นี้ หลายปีผ่านไปเพ็นแท็กซ์ก็ยังหาที่ยืนในตลาด DSLR ไม่ได้ นอกจากดีไซน์ตัวกล้องได้แปลกดีแล้ว ก็ยังสร้างจุดเด่นอย่างอื่นให้คนหันมาซื้อไม่ได้ ณ วันนี้ผมยังไม่เห็นอนาคตว่าเพ็นแท็กซ์ รวมทั้งริโค่ จะรอดชีวิตจากการแข่งขันในตลาดกล้องเปลี่ยนเลนส์ไปอีท่าไหน http://www.dpreview.com/previews/pentax-k-30/ http://www.pentaximaging.com/dslr/K-30_Black จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 55 21:06:47

ความคิดเห็นที่ 4 สมาคม Four Thirds ปีสองปีที่ผ่านมาสมาคมโฟร์เติร์ดส์ กระหน่ำออกกล้อง micro Four Thirds ปูพรมเรียงรุ่นตั้งแต่ราคาบอดี้โปรโมชั่นไม่กี่พันบาท พร้อมเลนส์ก็หมื่นนิดๆ ไปถึงราคาเซ็ตสี่ห้าหมื่น เทียบกับกล้อง DSLR รุ่นกลางๆ แบบไม่เกรงใจเพื่อนร่วมวงการเลย Panasonic นับย้อนไป มี G5, GF5, GX1, GF3, G3 ยังมีอาวุธหนัก GH3 กล้องโปรไฮเอนด์สุด ของฟอร์แมทนี้ที่จะออกปลายปี http://panasonic.net/avc/lumix/systemcamera/gms/index.html Olympus ต้นปีก่อนออก PEN 2 มา 2 รุ่น กลางปีออก PEN 3 มา  3 รุ่น ปีนี้ออกซีรีส์ OM-D มาแล้วรุ่นนึง ปลายปีมีข่าวลือว่าออก PEN 4 อีก 2 รุ่น นี่ยังมีข่าวลือเลื่อนลอยเรื่องกล้องซีรีส์ใหม่อีกรุ่น กับ OM-D รุ่นโปรอีกรุ่นในปีหน้า ไม่ถึงสองปีกล้องฟอร์แมทนี้ออกมาเป็นโหล เลนส์อีกเป็นเข่ง จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 55 21:07:07

ความคิดเห็นที่ 5 Panasonic แตกไลน์ GF เดิม ออกเป็น GF ที่เจาะตลาดกล้องคอมแพ็กต์ไฮเอ็นด์ กับ GX สำหรับช่างภาพมือสมัครเล่น ที่เคยเป็นตำแหน่งเดิมของ GF1 Panasonic Lumix DMC-GF5 ปรับปรุงขึ้นจาก GF3 แต่ก็ไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้นนัก เป็นการอัพเดทประจำปีเท่านั้น คงไม่ต้องลงรูปก็ได้ นอกจากเลข 5 แล้ว ดูไปก็ไม่เห็นจะมีอะไรเปลี่ยนไปจาก GF3 Panasonic Lumix DMC-GX1 เป็นกล้องทรงแบนสเป็คสูง ที่แฟน GF1 เฝ้ารอ หลังจากผิดหวังกับ GF ที่ถูกตัดฟังก์ชั่นที่จำเป็นออกไป เสียอย่างเดียว ถ้ามาก่อนหน้านี้สัก ครึ่งปี มันจะน่าสนใจ และน่าตื่นเต้นมาก แต่ตอนนี้คือกล้องที่มาในเวลาที่ควรจะมา ในสเป็คที่ควรจะมี ดีอย่างที่ควรจะดี ไม่มีอะไรเหนือความคาดหมาย ถึงยังไงในปีนี้มันก็เป็นกล้องที่คุ้มค่าน่าสนใจอยู่ดี สำหรับแฟนพานาโซนิค หรือแฟน m4/3 จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 55 21:07:45

ความคิดเห็นที่ 6 Panasonic Lumix G5 ถ้าไม่ถูกกลบรัศมีด้วย E-M5 เสียก่อน มันจะเป็นกล้องไมโครโฟร์เติร์ดที่น่าสนใจที่สุดในครึ่งปีแรก สเป็คนี้ราคาบอดี้ประมาณสองหมื่นบาทนิดๆ ถูกกว่าบอดี้ E-M5 เป็นหมื่นอยู่นะ ปรับปรุงรูปร่างภายนอกจาก G3 จนน่าใช้ขึ้นมาก สเป็ค และฟังก์ชั่นต่างๆ ก็ออกมาดีน่าใช้ ถ้าคิดว่าราคา E-M5 มันโหดไป หรือยังเป็นแฟนพานาฯ อยู่ ผมว่า G5 น่าสนใจกว่า GX1 เยอะเลย แต่ถ้าอดใจไหว อีกไม่กี่อาทิตย์ GH3 จะออกแล้ว ที่ผ่านมาซีรีส์ GH คือกล้องที่สเป็คสูงสุด จัดได้ว่าเป็นกล้องโปรเพียงรุ่นเดียว ของฟอร์แมท m4/3 ถ้ารอไหว และเงินถึง ควรรอดูก่อน รับประกันว่าทั้งสเป็คและราคากล้องซีรีส์นี้ไม่เบาแน่นอน จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 55 21:08:09

ความคิดเห็นที่ 7 Olympus PEN Generation 3 ทั้ง E-P3, E-PL3, E-PM1 ใช้เซ็นเซอร์ซอมบี้ ที่ควรจะตายไป 3-4 รอบแล้ว แต่หมอผีค่ายนี้เค้าไม่ยอมให้ตาย โอลิมปัสใช้เซ็นเซอร์นี้มาตั้งแต่ E-330 เมื่อ ต้นปี 2006 และใช้ในกล้องเปลี่ยนเลนส์ทุกรุ่น ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา แฟนๆ เชื่อกันว่า โอลิมปัสคงติดสัญญาอะไรบางอย่างกับพานาโซนิคผู้ผลิตเซ็นเซอร์นี้อยู่แน่ๆ เลยไม่เปลี่ยนซะที เพื่อให้นึกออกว่าเซ็นเซอร์มันโบราณขนาดไหน กล้องรุ่นอื่นที่อยู่ร่วมยุคกับ E-330 คือ Pentax K100D, Canon EOS 30D, Sony A100 DSLR รุ่นแรกของโซนี่, Nikon D200 โอลิมปัสแก้ปัญหาคุณภาพไฟล์ ครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งจากซอฟท์แวร์ประมวลผลภาพ และจากการโมดิฟายฮาร์ดแวร์ เพื่อรีดประสิทธิภาพที่มีออกมาให้หมด โดยไม่เปลี่ยนเซ็นเซอร์ ในครั้งนี้ถึงกับถอดเอาฟิลเตอร์ AA ออกจากหน้าเซ็นเซอร์ เพื่อให้ได้ความคมชัด และรายละเอียดสูงสุดเท่าที่เป็นไปได้ จากเซ็นเซอร์โบราณ ถอดฟิลเตอร์ AA ก่อน Nikon D800E ซะด้วยนะนั่น เซ็นเซอร์เก่ายังไม่พอ ฟังก์ชั่นในตัวกล้องก็ยังกั๊กโน่นนิดนี่หน่อยทุกรุ่นเลย สงสัยกลัวขายดีเกินไป เอาเป็นว่า วันนี้ถ้าไม่ได้รีบใช้กล้อง และอยากได้ PEN จริงๆ รอรุ่นหน้าที่ใช้เซ็นเซอร์ใหม่ดีกว่าครับ อีกไม่กี่วันก็เปิดตัวละ จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 55 21:08:31

ความคิดเห็นที่ 8 แก้ไขเมื่อ 06 ก.ย. 55 21:13:15 จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 55 21:12:42

ความคิดเห็นที่ 9 Olympus OM-D E-M5 http://www.olympusamerica.com/cpg_section/product.asp?product=1583 ในสถานการณ์ที่กำลังลำบากและใกล้จะเข้าตาจน โอลิมปัสทุ่มเดิมพันอนาคตของกล้องโอลิมปัสและ micro Four Thirds หมดหน้าตัก ประเคนทุกอย่างที่มีอยู่ในคลังแสง ใส่ลงไปใน E-M5 แบบจัดหนัก จัดเต็ม มีอะไรที่ใส่ได้ ก็ใส่ให้หมด ไม่มียั้ง ไม่มีกั๊ก ที่สำคัญที่สุดเลิกใช้เซ็นเซอร์ซอมบี้ เปลี่ยนเป็นเซ็นเซอร์ลึกลับตัวใหม่ จากผู้ผลิตปริศนาที่ไม่เปิดเผย เรารู้แค่ว่าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ข้อมูลอย่างอื่นเป็นความลับขนาดแฟนพันธุ์แท้โอลิมปัสยังไม่รู้ ที่แน่ๆ มันได้ภาพดี ผิดไปจากกล้องโอลิมปัส 6 ปีที่ผ่านมา ทำซะเซ็นเซอร์ขนาด APS-C หมองเลย แนวทางกล้องยี่ห้ออื่นออกมาโค้งๆ มนๆ แต่ OM-D สวนกระแส ทำตัวเป็นกล้องเหลี่ยมจัด เหลี่ยมไปทั้งตัว บอดี้แกร่ง กันสั่น กันฝุ่น กันน้ำ ระบบเขย่าฝุ่น ใช้ได้จริง เลนส์ดีจริง กล้องก็น่ารัก แต่เนื่องจากผมเป็นแฟนบอยโอลิมปัส ถ้าอธิบายมากๆ จะเข้าข่ายโฆษณาไป สรุปให้สั้นๆ ว่า ถ้าสู้ราคาไหว และมีความต้องการลงตัวกับกล้อง ก็ซื้อเหอะ ของมันดี เว้นอย่างเดียวที่เป็น defect ประจำรุ่นในล็อตแรกๆ คือ กรอบจอด้านล่างตรงตำแหน่งน็อตกลางมันร้าวง่าย เวลาใช้ระวังอย่าไปขย่ม ข่มขืนจอมาก และเวลาซื้อไม่ว่าจะของใหม่ หรือมือสอง เช็คจุดนี้ก่อนเลย เพราะบางกล้องร้าวมาตั้งแต่แกะกล่องเลย จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 55 21:13:01

ความคิดเห็นที่ 10 Sigma SD1 Merrill กล้องเซ็นเซอร์ Foveon X3 ขนาด 46 ล้านพิกเซล เวอร์ชั่นใหม่ ลดราคาจากเกือบสามแสนในรุ่นเดิม เหลือราวๆ หกเจ็ดหมื่น จ่ายน้อยลงสี่ห้าเท่า และยังได้ลายเซ็น Merrill (ที่ทุกคนสงสัยว่าใครวะ?) เพิ่มขึ้นที่ขอบจอด้านล่าง จะเรียกว่าไมเนอร์เชนจ์ ก็ไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยน เรียกว่าคอสเมติกเชนจ์ ก็แค่มีลายเซ็นเพิ่มขึ้น ผมว่ามันก็คือกล้องเดิมที่ขายไม่ออก เลยลดราคา ใส่ลายเซ็นแก้เขิน แล้วเอากลับมาขายใหม่นั่นแหละ อันที่น่าสนใจกว่า ผมว่าเป็น DP1 Merrill 28 mm. f/2.8 (equi.) กับ DP2 Merrill 45 mm. f/2.8 (equi.) เซ็นเซอร์เดียวกันกับ SD1 ในบอดี้กล้องคอมแพ็ค เลนส์ไพรม์คุณภาพสูง แต่ทำงานช้า และกินไฟโหด ถึงขนาดต้องแถมแบตสำรองมาด้วยอีกก้อนนึง ซึ่งที่จริงควรแถมให้สองก้อน จะได้พอถ่ายทั้งวัน และได้ภาพไม่หนีกับ SD1 แค่เปลี่ยนเลนส์ไม่ได้ อยากลองของกับ Foveon X3 ดูก็ได้นะครับ แต่บอกก่อนว่าไฟล์มันสวยจริง แต่เล่นด้วยไม่ง่าย กล้องช้ามาก ช้าสุดๆ ใช้เวลาเคลียร์บัฟเฟอร์ลงการ์ดเป็นนาที และกล้องก็ใช้ยากด้วย ซอฟท์แวร์จัดการ RAW แย่สุดเท่าที่ผมเคยใช้ซอฟท์แวร์จัดการ RAW มา จะใช้ซอฟท์แวร์อื่นก็แปลงไฟล์โฟวียองได้ไม่สมบูรณ์ จึงไม่มีทางเลือกอื่น และไฟล์ที่ได้มายังต้องเอามาจูนสีต่อทีละแชนแนลในโฟโต้ช็อปอีก เพื่อให้ได้ภาพที่ดี ดูอนาคตเซ็นเซอร์ก็ไม่ค่อยแจ่มใส เหมือนว่าซิกม่าจะไม่ค่อยลงทุนเท่าไหร่ ทำเล่นๆ ไปงั้นๆ แต่ถ้าหากสู้กับกล้อง ไฟล์ และซอฟท์แวร์ไหว จะพบว่าภาพจากโฟวียองมันมหัศจรรย์จริงๆ ที่สำคัญกว่ากล้อง คือเว็บ DP กับ SD ทำออกมาสวยงามมาก อย่าพลาดชม http://sigma-sd.com http://sigma-dp.com จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 55 21:13:52

ความคิดเห็นที่ 11 Samsung NX Series - NX1000, NX210, NX20 หากจะซื้อก็เพราะอยากได้ WiFi ในกล้องจริงๆ หรือกล้องทรงสวยถูกใจ (ซึ่งมันก็สวยจริง) หรือได้มาราคาถูกเหมือนได้เปล่า ค่อยน่าซื้อ นอกนั้นอย่าเลย ไม่ใช่ว่ากล้องไม่ดี แต่อย่างหนึ่งเพราะชื่อเสียงศูนย์บริการ ที่สรุปความได้ว่า มีประกัน ก็เหมือนไม่มีประกัน กับอีกอย่างหนึ่งคือคุณภาพ ความน่าเชื่อถือ และความทนทานยังไม่แน่ชัด ชื่อเสียงยังค่อนไปทางไม่ดี สองเรื่องบวกกัน ทำให้นอกจากเสี่ยงเสียอารมณ์กับศูนย์บริการแล้ว ยังเสี่ยงซื้อกล้องมาทิ้งขยะอีกด้วย ถ้ายังเห็นเงินหมื่นมีค่า กำเงินไปซื้อ Sony NEX ผมว่าคุ้มกว่า สบายใจกว่าสิบเท่า มีทุกอย่างที่ NX มี และยังมีอีกหลายอย่างที่ NX ไม่มี จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 55 21:15:04

ความคิดเห็นที่ 12 Fujifilm X-Pro1 แพงไปหน่อย เลนส์น้อยไปนิด ระบบโฟกัสน่ารำคาญ ถ้าใครไม่มีปัญหา 3 ข้อนี้ ซื้อเลยครับ ผมเชียร์ ฟูจิวางกล้องนี้ไว้ระดับไฮเอ็นด์ ทั้งขนาด น้ำหนัก ราคา รูปลักษณ์ และการใช้งาน มองได้ว่าฟูจิมีเป้าหมายที่จะสร้างไลก้าเวอร์ชั่นของตัวเองขึ้นมา ถ้าลองเอามาวางเทียบกับไลก้า M-9 แล้ว จะเห็นเลยว่า นี่มันพี่น้องที่พลัดพรากจากกันตั้งแต่เด็กชัดๆ (ความเห็นส่วนตัว ผมว่าดูดีมีราคากว่าไลก้าอีก ปุ่มแป้นหลังกล้องไลก้ามันพลาสติกกิ๊กก็อกมาก) แต่เรื่องโฟกัส ก็ยังเป็นเรื่องน่ารำคาญคงเส้นคงว่าของกล้องฟูจิ X ทั้งสามรุ่น หลายคนก็ติดเรื่องนี้แหละ ทั้งที่ภาพมันก็ใสคมสวยแจ่มจริงๆ พูดอย่างยุติธรรม โฟกัสมันก็ไม่ได้แย่อะไรมากนะครับ พอกับกล้องคอมแพ็กต์ เพียงแต่กล้องราคานี้ ใครๆ ก็คาดหวังว่ามันควรจะทำได้ดีกว่านี้ หรือจะรอดูเจเนอเรชั่นสองก็ได้นะครับ เผื่อว่าจะแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ http://www.fujifilm.co.th/products/consumer-products/digital_cameras/x/fujifilm_x_pro1 จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 55 21:15:41

ความคิดเห็นที่ 13 Fujifilm X-E1 เพิ่งเปิดตัวสดๆ ร้อนๆ  เป็นกล้องเม้าท์ X กล้องที่สอง ต่อจาก X-Pro1 เป็นเวอร์ชั่นลดรูปของ X-Pro1 เล็กกว่ารุ่นพี่จิ๊ดนึง แต่ขนาดก็ยังใหญ่เบ้อเร่อ ตัดช่องมองภาพออพติกส์ออกไป ใช้ช่องมองภาพเป็น EVF ล้วนๆ อันนี้เซ็ง เพราะช่องมองภาพไฮบริด O/E VF ของฟูจิมันแจ่มแจ๋วเหลือหลาย น่าเสียดาย ในคำแถลงเปิดตัว บอกว่าแก้ไขปัญหาเรื่องโฟกัสแล้ว ด้วยซอฟท์แวร์โฟกัสใหม่ แถมอัพเดทซอฟท์แวร์นี้ให้ X-Pro1 อีกด้วย ส่วนผลการใช้งานจริงเป็นยังไงคงต้องรอทดสอบต่อไป ตอนนี้ผมโน้มเอียงไปทางไม่ศรัทธาคำโฆษณาไว้ก่อน ดูตามสเป็ค คู่แข่งมันคือ NEX-7 และ E-M5 กล้องสวยบาดจิตบาดใจพอๆ กับคู่แข่ง แต่คนละสไตล์ และวางราคาเทียบกันเลยที่หนึ่งพันเหรียญ http://www.fujifilm.com/products/digital_cameras/x/fujifilm_x_e1/ จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 55 21:17:36

ความคิดเห็นที่ 14 วันนี้ โซนี่ มีกล้องสองประเภทคือ Mirrorless กับ SLT ทางเทคนิค มันต่างกันแค่เม้าท์เลนส์ เพราะ SLT ก็ใช้วิธี มองภาพผ่านเซ็นเซอร์เหมือน NEX  นั่นแหละ ส่วนกล้อง DSLR ลืมไปได้เลย โซนี่โยนผ้ายอมแพ้ เลิกผลิตไปแล้ว ถ้าตามข่าว หรืออ่านเว็บบอร์ดเรื่องกล้อง มักจะเห็นว่าอะไรๆ ก็เน็กซ์ เหมือนว่าโซนี่จะมี NEX เป็นโหลๆ แต่ที่จริงโซนี่ มี NEX แค่ 7 รุ่นเท่านั้น และตกรุ่นไปซะ 4 จากเดิม NEX มี 3 กับ 5 ต่อมาปรับปรุงเป็น C3 กับ 5N ปีนี้ปรับอีกรอบเป็น F3 กับ 5R บวกด้วยรุ่นโปร NEX-7 ที่ออกมาปลายปีก่อนเท่านั้น NEX-5R, NEX-F3 เป็นเวอร์ชั่นอัพเดทน่าเบื่อประจำปี ทั้งสองรุ่นเพิ่มโน่นนิดนี่หน่อยตามปกติ และยังคงรักษาขนาดบอดี้เล็กจิ๋ว บางเฉียบจนไม่รู้จะเอาปุ่มไปใส่ไว้ตรงไหน ได้ตลอดมา NEX-5R ภายนอกก็ปรับปรุงทั่วไป น่าใช้มากขึ้น ดูเป็นกล้องมากขึ้น ใส่วงแหวนมาด้วย ภายในฝังเซ็นเซอร์สำหรับหาโฟกัสไว้บนเซ็นเซอร์รับภาพเลย จะได้หาโฟกัสได้เร็วๆ แถม Wi-Fi กับ DNLA ไว้เชื่อมกับทีวีแบบไร้สายมาด้วย ไม่เสียชื่อเจ้าพ่อเทคโนโลยี NEX-7 เป็นรุ่นใหญ่ใส่ไม่ยั้งของโซนี่ ใส่มาทุกอย่าง บอดี้ใหญ่ขึ้น แต่ก็ยังเล็กจนแทบไม่มีที่วางปุ่ม ดีที่โซนี่ก็ยังใจป้ำ หาที่วางวงแหวนปรับค่าได้ตั้งสองวง กับช่องมองภาพอีกช่องนึง นี่ถ้าไม่ติดเรื่องน้ำท่วมของขาดละก็ ขายกันเพลินไปแล้ว บุญมี แต่กรรมท่วม เลยวางตลาดดีเลย์ออกไป ทำให้ตอนขายจริงต้องไปชนกับ E-M5 อาวุธหนักของโอลิมปัส ที่จัดหนักจัดเต็มเหมือนกัน บวกกับของขาดต่อเนื่อง ความนิยมเลยไม่ไปไหน ถ้าเป็นกลางปี ผมจะบอกว่าน่าซื้อ แต่อีกไม่กี่เดือนจะสิ้นปี อาทิตย์หน้า NEX-6 ก็กำลังจะออก น่าจะลองดูก่อนว่าน่าสนใจหรือเปล่า จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 55 21:18:03

ความคิดเห็นที่ 15 Sony Alpha SLT A37/57 สังเกตได้ว่ากล้อง SLT รุ่นเล็กๆ จะเหลี่ยมเยอะๆ พอรุ่นยิ่งสูงเลขเยอะๆ ยิ่งมนๆ กลมๆ หัวแบนๆ และ A37 กับ A57 ก็เป็นกล้องอัพเดทประจำปี ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น ไม่ใช่เฉพาะโซนี่หรอก DSLR ยี่ห้อไหนๆ ตอนนี้ก็เริ่มทรงๆ แล้ว เลยไม่ค่อยมีอะไรหวือหวาให้เห็น มีเหมือนๆ กันไปหมดทุกยี่ห้อ รอดูราคา A99 ที่จะเปิดตัวอาทิตย์หน้านี้ดีกว่า ว่า SLT - FF จะทำราคาสู้ฟูลเฟรมยี่ห้ออื่นได้หรือเปล่า จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 55 21:18:28

ความคิดเห็นที่ 16 Nikon VS Canon มีอัพเดทประจำปีอยู่ 2 รุ่น คือ Nikon 1 J2 ที่เปลี่ยนจอหลัง กับ D3200 ที่เปลี่ยนเซ็นเซอร์ แคนอนมี EOS 650D ที่เพิ่มพลังด้านวิดีโอเพิ่มขึ้น กับบอดี้กล้องมันป้อมๆ น่ารักดี แค่นี้แหละ ปีนี้แคนอน กับนิคอนไปสู้กันทางเซ็นเซอร์ใหญ่มากกว่า กล้องโปรตัวท็อป ชนกันเต็มๆ สองคลาส ใครสนใจมั่งไม่รู้ แต่ผมไม่สนใจ เพราะไม่มีตังค์ซื้อ เท่าที่เห็นภาพรวมคือ รุ่นใหญ่ของนิคอนปีนี้ไม่มีอะไรให้ตื่นเต้น มีอย่างที่ควร ได้อย่างที่อยาก  ดีเท่าที่ต้องการ ถึงไม่ได้ใช้ แต่ยังชอบ D800 ตรงพิกเซลเยอะดี จริงอยู่ว่าไม่ได้พิมพ์ภาพใหญ่ๆ ใช้พิกเซลเยอะๆ แต่กล้องที่พิกเซลเยอะๆ มันจะเก็บ micro detail ได้เยอะ รวม ๆ แล้วช่างภาพบางสายเชื่อว่าจะได้ภาพที่มิติภาพดีขึ้น ผมไม่รู้แฮะ.. ไม่มีกล้องให้ลอง ในกล้องสองรุ่นนี้ ผมตื่นเต้นกับ ปุ่มมีไฟของ D4 มากกว่า ทำไมบริษัทกล้องไม่ทำปุ่มมีไฟแบบนี้กันให้หมดวะ มันยากตรงไหนเนี่ย ปุ่มไฟคาเฟ่แบบนี้ผมชอบมาก เคยเห็นทีนึงในโอลิมปัส E-620 แล้วฟีเจอร์นี้ก็หายเงียบไปเลย ส่วนประเด็นประสิทธิภาพ อันไหนดีกว่าอันไหน รุ่นไหนยี่ห้อไหนเป็นยังไง ผมไม่ค่อยสนเท่าไหร่   กล้องระดับนี้ ทุกฟังก์ชั่นเก่งเกินกว่าผมจะใช้งานมันได้เต็มประสิทธิภาพอยู่แล้ว และปีนี้ผมว่ากล้องนิคอนน่าเบื่อกว่าแคนอนอ้ะ อัพเกรดกล้องพรวดๆ มาสองปี ปีนี้นิ่งเลย แคนอนก็ไม่ได้อินโนเวถีบกว่าสักกี่มากน้อย เซ็นเซอร์ 18 ล้าน กับฟังก์ชั่นน่าสนใจไม่มี นิ่งมาเป็นปี แต่ว่าดีมีกล้องเฉพาะกิจน่าสนใจ  2-3 รุ่น จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 55 21:18:48

ความคิดเห็นที่ 17 Canon VS Nikon แนวทางของกล้องโปร 2 ค่ายนี้เหมือนกันตรงพยายามรวมกล้องโปรตัวท็อปหลายๆ รุ่นเข้าด้วยกันเป็นรุ่นเดียว แต่แยกกล้องระดับกึ่งโปร กับมือสมัครเล่นออกเป็นหลายๆ รุ่น แทน EOS 1D X รวมความเร็วของรุ่น S เข้ามากับพิกเซลเยอะๆ เซ็นเซอร์ใหญ่ๆ รุ่นปกติ เทียบฟีเจอร์กัน กิน D4 อยู่หน่อยๆ D4 ก็เอาเอารุ่นธรรมดา (กับ X) รวมเข้ากับรุ่น S ลูกเล่นต่างๆ ก็ปรับปรุงตามปกติ เป็นไปตามเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นจนรับมือทั้งความเร็ว และคุณภาพได้พร้อมๆ กัน ไม่ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งเหมือนเมื่อก่อน แต่ยังมีเรื่องที่ต้องรอพัฒนา อยู่ตรงที่ปริมาณพิกเซลยังเพิ่มขึ้นได้ไม่สุด ถ้าอยากได้พิกเซลเยอะๆ ก็ยังต้องใช้กล้องรุ่นรองลงมาอยู่ทั้งแคนอน นิคอน ใครอธิบายให้ผมเข้าใจหน่อยได้มั้ย ว่าการที่เอาปุ่มเปิดปิดไปไว้ที่ด้านบนซ้ายของกล้อง หรือด้านล่างขวาของจอ มันมีข้อดียังไง ถึงไม่เอาไปวางไว้ที่มือขวาเอื้อมมาเปิดปิดได้ถนัดเหมือนยี่ห้ออื่นเค้า ถ้าเป็นกล้องเพี้ยนๆ ทำอะไรไม่ค่อยมีเหตุผล อย่างโอลิมปัส จะไม่สงสัยเลย แต่นี่แคนอนนะ แก้ไขเมื่อ 07 ก.ย. 55 11:12:18 จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 55 21:19:09

ความคิดเห็นที่ 18 Canon VS Canon กล้องที่น่าสนใจกว่ากล้องปกติ คือกล้องพิเศษประหลาดๆ ซึ่งแคนอนมีกล้องเฉพาะกิจ 2 รุ่นครับ Canon EOS 60Da ทายาทผู้สืบทอดภารกิจต่อมาจาก Canon EOS 20Da ในฐานะ กล้องเฉพาะกิจสำหรับงานภาพถ่ายทางดาราศาสตร์ อักษร a ที่มาห้อยท้ายอยู่ท้ายชื่อรุ่นก็คือ Astronophotography นี่เอง พื้นฐานของ 60Da ก็มาจาก 60D นี่เอง แต่ถูกดัดแปลง ฟิลเตอร์อินฟราเรดที่หน้าเซ็นเซอร์ เพื่อให้รับแสงอินฟราเรดความยาวคลื่น 656 นานเมตรได้ดีขึ้น คลื่นความถี่นี้จะถูกแผ่ออกมาจากอะตอมของไฮโดรเจน ที่เป็นธาตุหลักของวัตถุต่างๆ ในเนบิวลา จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 55 21:19:38

ความคิดเห็นที่ 19 Canon EOS-1D C เป็นอีกเวอร์ชั่นหนึ่งของ 1Ds ที่ถูกปรับแต่งเพื่อถ่ายภาพยนต์ ได้ที่ความละเอียดระดับ 4K ((4096 x 2160 pixel) ปรับปรุงระบบระบายความร้อนให้รับงานหนักขนาดนี้ได้ เปลี่ยน heat sink ให้ใหญ่ขึ้น เปลี่ยนช่องเสียบสายซิ๊งค์แฟลช เป็นช่องเสียบหูฟัง อัพเกรดชิปประมวลผลนิดหน่อย แล้วก็เอามาขายเป็นรุ่นใหม่ได้ สบายใจ จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 55 21:20:00

ความคิดเห็นที่ 20 Canon EOS M มาช้ากว่าใคร แต่ก็เตรียมตัวมาดีไม่แพ้คู่แข่ง ข้อดีคือเซ็นเซอร์ใหญ่ดีกว่า Nikon 1 ดูจากตัวกล้องแล้ว แคนอนคงหวังยึดใจแฟนๆ ให้ใช้เลนส์เดิมอุปกรณ์เสริมเดิม และมีเป้าหมายตั้งรับปกป้องตลาดเดิมจาก NEX เช่นเดียวกับนิคอน มากกว่ารุกไปเปิดตลาดใหม่ (m4/3 น่าจะไม่อยู่ในสายตา) ไส้ในมันคือ EOS 650D ดูจากข้อมูล จากประวัติแล้ว ผมเชื่อมือแคนอน ว่าอะไรๆ ก็น่าจะก็ดี แต่ดีไซน์นี่แบบ.. เอ้อ ทุ่มเทอีกหน่อยได้มั้ย โอลิมปัสกับฟูจิ ออกแบบกล้องโดยคิดแนวย้อนยุค ใช้ความประทับใจของกล้องฟิล์มเก่าๆ มาใช้ โซนี่ พานา ซัมซุง ใช้จุดแข็งที่เป็นบริษัทอิเลคทรอนิคส์ คิดทางก้าวหน้า สร้างความรู้สึกใหม่ ไม่ใช่แบบเดิมๆ นิคอนก็คิดเรื่องความน่ารักเป็นกันเองสนุกสนาน ส่วนแคนนอน..  สาบานได้มั้ยว่านี่คิดแล้ว? ไม่ได้เอาเปลือก PowerShot ที่มีอยู่แล้วใน pipeline มาเปลี่ยนไส้ ใส่เม้าท์ จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 55 21:20:26

ความคิดเห็นที่ 21 Compact camera ชั่วโมงนี้ ไม่มีอะไรน่าสนใจไปกว่า Sony Cybershot RX100 เซ็นเซอร์ Exmor ขนาด 1 นิ้ว 20.9 ล้านพิกเซล เลนส์คาร์ลไซส์ 28-100 f/1.8-4.9 (จนแล้วจนรอดโซนี่ก็ยังไม่มีเลนส์ดีๆ ในชื่อของตัวเอง) สองวงแหวน กันสั่น จอสามนิ้ว ไมโครโฟนสเตริโอ แบตถ่ายได้ 330 รูป ถ่ายรูปพร้อมกับถ่ายวิดีโอ HD 1080i พร้อมกับถ่ายรูป 17 ล้านพิกเซลได้ แล้วยัดทั้งหมดนี้ลงไปในบอดี้เล็กจิ๋ว สเป็คนี้ทำเอา X10, XZ-1, S100, LX7, Nikon P7100 และ EX-2 ตกกระป๋องทันที ในการใช้งานจริง G1X, P7700 กับ Nikon 1 หรือ PEN3 ก็ยังไม่แน่ว่าจะสู้เจ้าจิ๋วนี่ไหว ถ้าสู้ราคาไหว ลองมองกล้องคอมแพ็กต์วันนี้ จะเห็น RX100 เปล่งประกายเจิดจ้าทีเดียว จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 55 21:21:59

ความคิดเห็นที่ 22 Smart Device Camera ความตื่นเต้นเรื่องกล้อง ในตลาดกล้องดูเนือยๆ แต่กล้องใน Smart device ทั้งหลายคึกคักอย่างยิ่ง อันดับหนึ่ง ยกให้ Nokia 808 PureView สมาร์ทโฟนบวกซูเปอร์คาเมร่า ไฟล์ภาพถ่ายเป็นเลิศ สู้กับกล้องคอมแพ็คราคาหมื่นนึง ทั่วไปได้สูสีเลยทีเดียว แต่ว่าผมไม่อยากได้ซิมเบียนอ้ะ อยากได้กล้องเต็มๆ แบบนี้บนวินโดวส์โฟน 8 http://www.dpreview.com/articles/8083837371/review-nokia-808-pureview จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 55 21:22:31

ความคิดเห็นที่ 23 Nikon Coolpix S800c กล้องถ่ายรูปพลังแอนดรอยด์ เปิดตัวไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อน ที่จริงไม่ใช่กล้องแรกหรอก โพลารอยด์ทำมาแล้วแต่ข่าวเงียบกริบ พอค่ายใหญ่อย่างนิคอนเล่นมั่ง มันก็เลยเพิ่งเป็นข่าว เพิ่งออกข่าวไม่ทันไร ไม่กี่วันโดนซัมซุงปาดหน้าเค้กด้วย Samsung Galaxy Camera เล่นซะข่าวนิคอนหงอยเลย เพราะกล้องกาแล็กซี่ของซัมซุงสเป็คสูงลิบ กินนิคอนทุกลูกเล่น http://www.samsung.com/levant/promotions/galaxycamera จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 55 21:23:15

ความคิดเห็นที่ 24 ไม่ใช่แค่กล้องสมาร์ตดีไวซ์สามรุ่นนี้เท่านั้น ยังมีอีกหลายรุ่น ที่กำลังจะมา ปีหน้า ตลาดกล้องแอนดรอยด์ หรือ smart device อื่นๆ รวมทั้งกล้องไร้กระจก จะดุเดือดคึกคักแน่นอน สนุกว่าตลาดกล้อง DSLR  หรือ คอมแพ็กต์ที่ทรงตัวแล้วเป็นไหนๆ ปิดท้าย.. แถมด้วยกล้องอนาคต http://topicstock.pantip.com/camera/topicstock/2012/06/O12286665/O12286665.html http://topicstock.pantip.com/camera/topicstock/2012/06/O12302152/O12302152.html ปีนี้ยังไม่ถึงเวลาของมัน แต่อีกสัก 5-10 ปี เทคโนโลยีนี้มาแน่ๆ จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 55 21:27:02

ความคิดเห็นที่ 25 สุดยอดเลยครับน้านิค ขยันเรียบเรียงมากกก นับถือ ๆ จากคุณ : Supermop เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 55 21:40:20

ความคิดเห็นที่ 26 จัดหนักจัดเต็ม ปีหน้าสนุกแน่ ๆ  ขอบคุณมากครับ น้านิค จากคุณ : raksapondet เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 55 21:42:20

ความคิดเห็นที่ 27 ขอเฉพาะบางค่ายนะครับ อย่างแรกคือ sony .. อารยธรรมโซ'หนี้ ให้หวิวๆแทนคนใช้  dSLR/dSLT เมื่อสองปีที่แล้ว ผมพูดถึงอารยธรรมนี้ว่า มันจะมีอนาคตหรือ รายได้หลักของ sony ไม่ได้มาจากกล้อง และกล้อง .. มีอะไรมากกว่าเซนเซอร์และแผงวงจร เลนส์ .. คือ หัวใจหลักของอุปกรณ์ถ่ายรูป เลนส์ มันไม่ใช่ปั้มๆๆ มาจากสายการผลิตได้ การผลิตเลนส์ แทบจะเรียกว่า ใส่ทั้งธูป และเวทย์มนต์ ไสยศาสตร์ลงไป ถึงจะได้ชิ้นแก้วออกมา .. และตรงตามที่ต้องการหรือเปล่าก็ไม่รู้ sony จะผลิตเลนส์ โดยเดินตามรอย KMZ ของรัสเซียเหรอ ชิ้นแก้ว ที่ผลิตโดย minolta หมด .. ก็จบสายพานแค่นั้น ----------------- ราคาหุ้นของ sony ลดหายไป 50% .. จากอะไรก็ไม่รู้ แต่รู้อย่างว่า ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมา .. sony ทิ้งธุรกรรมกล้องได้สบายๆ เบต้าแมกซ์ ยังโดนทิ้งมาแล้ว แก้ไขเมื่อ 06 ก.ย. 55 22:07:55 จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 55 22:07:21

ความคิดเห็นที่ 28 RX100 ถึงจะมีดี แต่ใช่ว่าค่ายอื่นจะอยู่เงียบๆ เซนเซอร์ 1" มันใหญ่ แต่เลนส์ .. แสงต้องผ่านเลนส์ก่อนนะครับ   เซนเซอร์ 1" รับแสงผ่านเลนส์ 28-100/1.8-4.9 เจอเซนเซอร์ 1/1.6" multi-aspect ที่รับแสงผ่านเลนส์ 24-90mm f/1.4-2.3 ของ pana LX-7 เข้านี่ พอให้ได้ถอนใจ ขึ้นกับว่า pana จะทำการตลาดแค่ไหน .. จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 55 22:08:24

ความคิดเห็นที่ 29 XZ-1 อาจสู้ไม่ได้ เพราะมันเป็นกล้องที่ใช้เทคโนโลยีสองปีที่แล้ว XZ-2 เงียบฉี่ ไม่มีข่าวคราว แต่ถ้า oly บ้าเลือด วาง E-M5 เป็นหัวหอก สำหรับพวกซีเรียสถ่ายภาพ ใช้ E-PL5 เป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็ว สำหรับคนทั่วไปที่ต้องการคุณภาพและการควบคุม .. ทดแทน E-PL3 ราคาสองหมื่นต้นๆ ($800) ของมัน .. ทำเอาหลายคนใจแกว่งได้แล้วกันน่า ชนทั้ง dSLR รุ่น entry และลามไปถึง EOS-M, G1X ---------------------------------- E-PM1 ยอดขายไม่ดี และไม่มีวี่แววว่าจะทำ E-PM5 ออกมาด้วย ถ้า oly บ้าเลือด เอา 14-42 แปะติดกับกล้องที่เล็กจนไม่รู้จะเล็กไปถึงไหนของ E-PM1 แปะติดถาวร ถอดออกไม่ได้ กล้องก็จะเล็กลงได้อีก เปลี่ยนกลไกการขับเคลื่อนซูม เป็น electronic เหมือน 12-50 เลนส์ก็จะเล็กลงได้อีก และสว่างได้อีก และเปลี่ยนชื่อรุ่น เป็น XZ-5 วางขายในราคาหมื่นปลายๆ ระหว่าง เซนเซอร์ 1" + 28-100mm f/1.8-4.9 ราคาสองหมื่นกว่า vs เซนเซอร์ 4/3 + 28-80mm f/2.8-4.0 ราคาหมื่นปลาย โซหนี้มีหืดจับ! แก้ไขเมื่อ 06 ก.ย. 55 22:10:38 จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 55 22:08:56

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณ จขกท ขยันเรียบเรียง น่าอ่าน ได้ข้อมูลดีๆ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 55 22:09:17

ความคิดเห็นที่ 31 ว้าว บทความเยี่ยมมาก รวบรัดและให้ข้อมูล พื้นฐานได้ดี คนที่ยังไม่ค่อยรู้เรื่องกล้องก็พอเข้าใจขึ้น อยากให้ กิฟ แต่ไม่มี 555 จากคุณ : ให้ไว เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 55 22:17:41 A:171.98.30.130 X: TicketID:302262

ความคิดเห็นที่ 32 เซนเซอร์และวงจร เป็นวิทยาศาสตร์ จริงๆ แต่ เลนส์นี่ เป็นไสยศาสตร์ .. อื่มน่าคิดๆ นะน้าแมว คงเพราะความนูน เว้าด้วยมั้ง (ผมเห็นๆลิ้ง flat lens ของวิจัย มหาวิทยาลัยในอเมริกา จะดีกว่าไหม) หรือเมื่อไหร่จะผลิต ผลึกได้ เท่ากับแก้ว หรือดีกว่า ที่ใช้อยู่ตอนนี้ และคุมคุณภาพ วัสดุหาไม่ยาก และผลิตได้จำนวนมากได้ ถ้าตัวอย่างที่บอกแก้วที่ใช้ตั้งต้นผลิต หมดหาไม่ได้ อีกทำให้เจ้าที่ผลิตเลนส์ดี กลายเป็นของห่วย ทำให้ต้องพึ่งพา วัสดุ ที่มีจำกัดแล้ว คงกลายเป็นข้อจำกัดของกล้องต่อไป จากคุณ : ให้ไว เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 55 22:31:57 A:171.98.30.130 X: TicketID:302262

ความคิดเห็นที่ 33 อ่านกันเพลินทีเดียว สนุกดีมากเลยครับ ยกนิ้วให้ ส่วนตัวผมเอง ลุ้น Plustek ครับ อยากให้ Opticfilm 120 ออกมาดีๆ (เสียวแท้งเป็นบ้าเลย) จากคุณ : csirre เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 55 22:51:54

ความคิดเห็นที่ 34 DP1 Merrill 28 mm. f/2.8  เห็นว่าราคาเปิดตัว 999 เหรียญ  อยากกินลำยอง เอ๊ยลำใย ขึ้นมาทันที จากคุณ : อั้งเสาะ เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 55 22:54:34

ความคิดเห็นที่ 35 น้าอะธีลาส ลืมค่ายไร้ค่าได้ไงครับ เดี๋ยวแฟนๆเค้าน้อยใจน้า M9-M  M10   ส่วนริโก้ มึนตามน้าว่าจริงๆ อยากได้เลนส์GR28 +50มม  แต่โดนบังคับต้องพ่วงเซนเซอร์มาด้วย อึนกันเลยทีเดียว จากคุณ : อั้งเสาะ เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 55 22:59:08

ความคิดเห็นที่ 36 ขอว่าถึง samsung หน่อยว่า ทำไมสินค้าประกันหมดปุ๊บ ของพังปั๊บ ขอเอาที่ไปบรรยายให้ นศ ป.โทบริหารธุรกิจฟัง (ผมงงๆอยู่เหมือนกัน ว่า ผมทำงานอะไรกันแน่) พื้นฐานสุดๆของการพัฒนาแบบก้าวกระโดดของเกาหลีใต้ (SK) คือ ความกลัวที่ฝังอยู่ใน DNA กลัวเกาหลีเหนือ (NK) จับจิตจับใจ เป็นใคร ใครจะไม่กลัว ในเมื่อ NK มีเทพฟ้าประธานมาปกครอง อย่าง(อดีต)ท่านจุติเทพคิม ที่ประกาศลั่นๆโลกว่า จะจับนักบอลล์ที่ดันไม่ชนะเลิศ ทั้งทีมยัดลงเป็นกรรมกรเหมืองถ่านหิน ตอนท่านเทพคิม ยังพิทักษ์ NK อยู่ ท่านบอกคน NK ว่า .. ท่านมีภารกิจศักดิ์สิทธิอย่างหนึ่ง ซึ่งทำไม่เสร็จ จึงไม่สามารถคืนสู่สรวงสวรรค์ได้ ภารกิจปลดปล่อยชาว SK ผู้ทุกข์ระทมขมขื่นอยู่ใต้การกดขี่ข่มเหงทารุณ ของเหล่าปีศาจ USA และพวกพ้อง NK พร้อมจะบุก SK ได้ทุกเมื่อ (แต่ท่านคิม ก็รู้ว่า บุกเมื่อไหร่ .. ทำเนียบท่านโดนบอมบ์ไม่เหลือซากแน่) สมัยสงคราม NK-SK .. ทางทหาร NK บุกเข้าปลดปล่อย"จิตวิญญาณที่ถูกจองจำ" โดยไม่กลัวตาย .. แม้อาวุธไม่มี แต่ก็บุกไปถึงเกาะเชจู ที่อยู่ใต้สุด ห่างจากเส้นขนานสามสิบแปดลงไปแถมข้ามน้ำข้ามทะเล รวมๆ 500 กม ทหาร NK บอกว่า ตายไปในการรบปลดปล่อย .. ได้ขึ้นสวรรค์พร้อมท่านเทพ! SK ตอนนี้ .. เหมือนเศรษฐี ที่มีญาติบ้าเลือด เสียสติ นอนหลับอยู่ห้องข้างๆ ใครจะไม่กลัวมั่ง ลองคุยกับคน SK ได้ครับ ในเรื่อง"ความกลัว" กลัวจนกระทั่งคำพูดติดปากคือ "เร็ว เร็ว เร็ว" ทำทุกอย่าง ให้เสร็จ ให้เร็ว .. ก่อนที่จะตายโดยไม่ทันได้ทำอะไร ฉนั้น SK จึงพัฒนาทุกอย่าง ให้เลอเลิศ และเสพย์สุขกับชีวิตที่ไม่มีวันข้างหน้า อย่างเต็มที่ หนุ่มๆ เกาหลีทุกคน ต้องเป็นทหาร ไม่ใช่เพื่อแค่ปกป้อง SK แต่เพื่อว่า เวลามีสงคราม .. จะได้มีโอกาส "มีชีวิตรอด" ------------------------------------------------ ในกรณีเลวร้ายถึงขีดสุด NK บุกเข้ายึด SK ได้ ถึงคนระดับ upper class จะหนีไปได้ แต่ทรัพย์สมบัติ ข้าวของ องค์ความรู้ ขุมมปัญญา ฯลฯ เอาไปไม่ได้ สิ่งที่ SK ทำไว้ เท่ากับทำให้ NK มันจะต้องไม่เป็นอย่างนั้น ถ้า NK ยึด SK ได้ พวกนั้นจะมีเวลาเสพย์สุข กับสิ่งของต่างๆที่ยึดได้ .. ไม่เกิน 1 ปี หลังจากนั้น ทุกอย่างๆจะพังทลายลงเรียบ NK จะเดินหน้าต่อไปก็ไม่ได้ .. ไม่มีความรู้ ไม่มีปัญญา ถอยหลังจากความสุขที่เสพย์ติด ก็ไม่ได้ .. คนยากจน อดๆหยากๆ มีแค่เพิงปิดหัวกันฝน มีแค่เศษผ้าปิดตัวกันหิมะ ได้เจอะเจอของดีๆ ตึกสวยๆ สิ่งของบำเรอความสุขความสบาย มีหรือจะยอมกลับไปอดๆหยากๆเหมือนเดิม ทหาร NK ที่เข้ายึด SK .. จะไม่มีวันกลับไปอยู่ NK อีก นักบอลทีม NK ก็เป็นตัวอย่างให้เห็นแล้ว สินค้า high tech ของ SK ส่วนใหญ่ จึงถูกพัฒนาให้มีประสิทธิภาพ 150% โดยมีอายุแค่ 1 ปี ไม่ว่า ไมโครเวฟ ตู้เย็น ทีวี รถยนต์ มือถือ ฯลฯ ---------------------------------------- กล้องถ่ายรูป .. เกาหลีพึ่งจะพัฒนา โลกก็เปลี่ยนไป NK ไม่เหมือนเดิม .. หรือเปล่า??? เกาหลีจะพัฒนาสินค้าตน ให้มี robustness เหมือนญี่ปุ่นหรือเปล่า?? ตรงนี้คือ การบ้าน .. ------------- samsung เป็นบริษัทที่ ใหญ่มาก ถ้าจำไม่ผิด ทรัพย์สินร่วมๆ 150,000 ล้าน USD ในขณะที สินค้า imaging .. เป็นแค่ส่วนน้อยของธุรกรรม samsung ยอดขายกล้อง ไม่ถึง 100 ล้านเลยมั้ง ---------------------- แถมท้าย net income ปี 2011 sony -2,960 ล้าน USD canon +3,200 ล้าน USD จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 55 23:46:22

ความคิดเห็นที่ 37 แถมด้วย oly ของป๋ม ตอนมีเรื่องคอรัปชั่นใน บ .. หุ้นปักหัวทิ้งดิ่งเป็นเดือน จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 55 23:54:47

ความคิดเห็นที่ 38 ไลก้า 9 ปีนู้น MP ปีนั้น ส่วน 10 ยังไม่มา แต่ปีนี้มี Leica M-Monochrome Pay more to get less.  อันนี้น้าๆ จาก This week in photography podcast เค้าแซวไว้ ราคาตั้งไว้ที่แปดพันเหรียญ แพงกว่ารุ่นปกติพันนึง สำหรับงานที่ต้องการภาพขาวดำอย่างเดียว หรือภาพที่ความคมชัดสูงสุดเท่าที่เป็นไปได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีสี (มันจะมีกี่งานในโลกเนี่ย ที่ซื้อๆ กันก็ไปถ่ายงานอาร์ตนั่นแหละ) ที่น่าสนใจคือ มันใช้ CCD พื้นฐานเทคโนโลยีเดิมของโกดัก ซึ่งน่าสงสัยว่าไปจ้างใครทำให้ เพราะโกดักเลิกผลิตเซ็นเซอร์ และขายแผนกเซ็นเซอร์ไปตั้งแต่ปี 2007 แล้ว และสมัยนี้หา CCD ยากจะตาย ไม่มีฟิลเตอร์สี ไม่มีฟิลเตอร์ AA 18 ล้านพิกเซล ความไวแสง Native ที่ 320-10,000 ISO (เริ่มสูงไปมั้ย) แถมไลท์รูม กับ Silver Efex Pro 2 มาให้ด้วย ตัวหลังนี่ทำภาพขาวดำได้สวยโปรเลย ไลก้าไม่ใช่เจ้าแรกที่ทำเซ็นเซอร์ขาวดำ PhaseOne ทำ Achromatic+ มาตั้งแต่ปี 2009 แล้ว ตัวธรรมดาก็ราคาแพงหูดับอยู่แล้ว พอทำเป็นขาวดำก็ยิ่งแพงหนักไปอีก Pay more to get less เหมือนกัน เฟสวันก็น่าสน แต่ตอนดูแคตาล็อกผมสนใจกล้อง Cambo WRS ที่ขายคู่กันมากกว่า http://www.achromaticplus.com/Achromatic_Plus/Achromatic+.html แก้ไขเมื่อ 07 ก.ย. 55 00:10:37 แก้ไขเมื่อ 06 ก.ย. 55 23:58:28 จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 55 23:56:18

ความคิดเห็นที่ 39 เคลิ้มเลย ขอบคุณค่ะ จากคุณ : ta/'o-o/' เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 55 01:07:23

ความคิดเห็นที่ 40 การแข่งขันกำลังดุเดือด อีกหน่อยจะกลายเป็น (reviews) Benchmark การทดสอบก็รู้ๆ ว่ามีอะไรบ้าง หากนำแค่รุ่นเดียวมาทดสอบจะดู เปลี่ยวชอบกล เลยต้องดึงรุ่นดัง รุ่นกระแสแรงๆ มาอ้างอิง ^_^ จากคุณ : ให้ไว เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 55 06:25:19 A:171.98.30.130 X: TicketID:302262

ความคิดเห็นที่ 41 ขอบคุณ จขกท ครับ ....... บาง คนเค้าอยากมีส่วนร่วม !!! แต่ผมไม่รู้เรื่อง เหอะๆ จากคุณ : photobyari เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 55 07:54:29

ความคิดเห็นที่ 42 ความรู้ทั้งนั้น ขอบคุณครับ จากคุณ : TOAD FIGHTER เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 55 08:10:38

ความคิดเห็นที่ 43 อ่านเพลินเลย ขอบคุณน้านิกครับ จากคุณ : JaoMom เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 55 08:22:11

ความคิดเห็นที่ 44 อ่านสนุก เป็นการรีวิวภาพรวมของกล้องปีนี้ให้อ่านกันเพลินไปเลย ขอบคุณมากครับ จากคุณ : RTB เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 55 08:22:38

ความคิดเห็นที่ 45 น้า อธีลาส เจ๋งสุด จากคุณ : leetaesok เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 55 08:25:44

ความคิดเห็นที่ 46 ขอบคุณครับ เห็นภาพเลย ^_^ จากคุณ : landon เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 55 08:42:45

ความคิดเห็นที่ 47 ยอดเยี่ยมมากครับ ข้อมูลสมบูรณ์แบบ ดีกว่าการวิเคราะห์ของ Magazine บางเล่ม (แหะ แหะ ... ไม่ค่อยได้ซื้อครับ) กล้องบางตัวไม่เคยเห็น ... ปีนี้ ออกเยอะมาขนาดนี้เชียวหรือ ? โอ้ ... Market share ... โอ้ ... Margin ... โอ้ ... Promotion ... โอ้ ...... และสำหรับเรา ... โอ้ ... จะใช้อันไหนดีหว่า ... จากคุณ : thaveesc8899 เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 55 08:52:28

ความคิดเห็นที่ 48 อ่านเพลินเลยครับน้านิค จากคุณ : 35 Single Period เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 55 09:17:33

ความคิดเห็นที่ 49 เพนเทค ผมมันชนกลุ่มน้อยจริงๆ 555 ถึง k 01 ผมจะหน้าประหลาด ถ่ายเวลากลางคืนโฟกัสไม่แม่น  แต่ผมก็ชอบน่ะครับ จากคุณ : nuttz (sikawats) เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 55 09:56:10

ความคิดเห็นที่ 50 มันส์มากครับ จากคุณ : venfaa เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 55 10:15:57

ความคิดเห็นที่ 51 ขอบคุณมากค่ะ อ่านเพลิน ได้ความรู้อีกด้วยค่ะ จากคุณ : libra-cat เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 55 11:03:54

ความคิดเห็นที่ 52 ขอบคุณครับ จากคุณ : jerry-t เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 55 11:13:44

ความคิดเห็นที่ 53 ขอบคุณ จขกท น้าแมว และทุกๆท่านครับ ได้อ่านอะไรดีๆเยอะทีเดียว จากคุณ : saharatana (saharatana) เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 55 11:18:16

ความคิดเห็นที่ 54 อ่านจบอยากได้มันซะทุกตัวเลยครับ555 จากคุณ : ชายแชมป์ เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 55 11:28:35

ความคิดเห็นที่ 55 ขอบคุณมากครับ จากคุณ : น้องข้าวผัด เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 55 12:24:07

ความคิดเห็นที่ 56 สุดยอดเลยครับ  รับความรู้ไปเต็มๆ เปิดหูเปิดตาไปอีกไกล ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ..... จากคุณ : monster_1009 เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 55 12:32:44

ความคิดเห็นที่ 57 ขอบคุณน้านิค กับกระทู้รีวิวดีๆ ตรงไปตรงมาครับ... OMD ตามข่าวที่เผยออกมาใช้ เซนเซอร์ Sony ครับ ตอนข่าวออกมาแรกๆทำ ให้สาวกบางคนรับไม่ได้เลยทีเดียว... แก้ไขเมื่อ 07 ก.ย. 55 12:37:47 จากคุณ : Muyan เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 55 12:35:03

ความคิดเห็นที่ 58 หนุกหนาน อ่านกันเพลิน ขอบคุณครับผม จากคุณ : DPJ (Rhapsodically) เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 55 13:19:10

ความคิดเห็นที่ 59 #57 ใช่ครับน้า และแฟนโซนี่หลายคนก็รับไมได้ด้วย ที่หลายๆนักรีวิว ให้คะแนน ภาพถ่าย still camera เกินหน้าเกินตา เมื่อเทียบกับกล้อง sony NEX ทุกรุ่น หมายถึงตัวท็อป NEX7 เลยครับ กลายเป็นว่าโซนี่ผลิตให้จนโอลิมปัส เอาเซนเซอร์ไปปรุงแต่งเกินหน้า เกินตานัก ขนาดของโซนี่เอง ใช้ใหญ่กว่า APS-C จะขึ้นชื่อเรื่อง DOF และอัตราส่วน noise ในที่แสงน้อยกลับไม่สามารถใช้เรื่องนี้ข่ม OM-D ได้ เป็นว่าโซนี่ต้องทำการบ้านหนักอีกพอสมควร หลังม่านชัตเตอร์ (หมายถึง เซนเซอร์) ทำได้ดีแล้ว แต่หลังจากเซนเซอร์ ยังปล่อยให้ โอลี่ โชว์อาร์ต รุ่นเดียวเก็บคะแนนไปอื้อเลย คาดว่าโซนี่คงทำอะไรเกี่ยว กับหลังม่านเซนเซอร์อีกแน่ๆครับ(ไม่ขอพูดถึงเลนส์ครับ ใช้ C3 อยู่ด้วย) จากคุณ : ให้ไว เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 55 13:36:30 A:171.98.30.130 X: TicketID:302262

ความคิดเห็นที่ 60 ตามมาให้กิฟ +โหวต ^^ แก้ไขเมื่อ 07 ก.ย. 55 13:47:15 จากคุณ : Bank_Photolista เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 55 13:46:42

ความคิดเห็นที่ 61 อ่า อยากได้ E-7 อ่ะ ไม่อยากทิ้ง 12-60 กับ 50-200 ^^ จากคุณ : Wink77 เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 55 13:53:25

ความคิดเห็นที่ 62 ปุ่มปิดเปิดแบบ 5D3 นี้ดีแล้วครับ นิ้วโป้งผลักคานปิดเปิด อีกนิ้วนึงกดปุ่มถอดเลนส์ ในขณะที่มือขวาหมุนเอาเลนส์ออก คล่องแคล่วดีมาก ถ้าคนถนัดมือซ้ายอาจจะคิดอีกแบบนึง จากคุณ : Crazy Rabbit เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 55 14:17:28

ความคิดเห็นที่ 63 ข้อมูลเด็ด อ่านสนุก ขอบคุณมากๆ ครับ จากคุณ : สมบัติ ผัดน้ำมันหอย เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 55 14:45:22

ความคิดเห็นที่ 64 ผมว่าเนื่องจากความชำนาญในการรีดประสิทธิภาพออกจากเซ็นเซอร์ของโอลิมปัสน่ะครับ เพราะต้องปลุกผีเซ็นเซอร์ซอมบี้มาสู้กับเซ็นเซอร์ใหม่ในปีนั้นๆ ตลอด 5-6 ปีที่ผ่านมา ทำให้ทีมวิศวกรมี Know-How เรื่องนี้เยอะ พอเอาความรู้นี้มาใช้กับเซ็นเซอร์โซนี่ ที่อยู่ในระดับท็อปอยู่แล้ว ทำให้ภาพมันออกมาดีมาก จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 55 15:20:07

ความคิดเห็นที่ 65 Pentax is for "those who know". จากคุณ : เศียรนาคา ... เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 55 17:09:25 A:125.24.44.85 X: TicketID:255126

ความคิดเห็นที่ 66 ต่อไปในอนาคตอุตส่าหกรรมการผลิตเลนส์คงไม่ใช่ไสยศาสตร์แล้วครับ  จากที่ได้คุยกับเพื่อนที่เป็นคนไทยไปเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยที่ญี่ปุ่น  งานวิจัยที่ทำล่าสุดคือการอธิบายหลักการทางฟิสิกข์ในการเจียเลนส์ คือเค้าอธิบายว่าตั้งแต่อดีต การเจียเลนส์เหมือนกับ Black Box คือเราใส่ Input และก็ได้ output แต่ในระหว่างขั้นตอนไม่สามารถอธิบายได้  แต่องค์ความรู้ตอนนี้สามารถอธิบายได้ (เป็นระดับ Nano Tech)   แต่กว่าความรู้จะเอาไปพัฒนาเป็นระดับอุตสาหกรรมได้ก็คงหลายปี โดยคนที่เป็นหัวหน้าของเพื่อนผมอีกที ก็เป็นหนึ่งในทีมพัฒนา F3 ของนิคอน จากคุณ : ริมน้ำคาน เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 55 22:03:03

ความคิดเห็นที่ 67 #66           ขอแจมนิดนึงผมไม่มีความรู้เรื่องกล้องรวมถึงเทคนิคต่างๆ  แต่จะขอพูดเรื่องเลนส์ซักนิด   การที่บอกว่าเลนส์เป็นเรื่องไสยศาสตร์ ผมว่าคนที่คอมเม้นเค้าเล่นมุกเลยๆครับ  เพราะเรื่องเลนส์เป็นวิทยาศาสตร์ 100% เรื่องเลนส์บรรจุในหลักสูตรชั้นมัธยมศึกษาปี่ที่สี่ เทอมแรก ด้วยซ้ำ ใครที่เรียนสายวิทย์ จะต้องเจอในวิชาฟิสิกส์  ม.4                วิทยาศาสตร์สร้างสรรค์เทคโนโลยีใหม่ๆมากมาย  เพราะฉะนั้นการอธิบายเรื่องวิทยาศาสตร์โดยโยงไป เกี่ยวกับไสยศาสตร์ จึงเป็นแค่การเล่นมุกหรือเปรียบเทียบเปรียบเปรยเฉยๆ   ไม่มีใครจะมาเชื่อในจุดนี้หรอกครับ SONY คงไม่มาจุดธูปจุดเทียนปลุกเสกเลนส์หรอกครับ  คนที่คอมเม้นก็น่าจะเล่นมุกเท่านั้นเอง จากคุณ : Gripphen33 เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 10:43:47

ความคิดเห็นที่ 68 #66 วิทยาศาสตร์ครับ เพราะตอนเรียน lab หมุนกล้องเลนส์ ทิ่มแผ่นสไลด์ แตกประจำ โดนด่าบ่อยเรย :( จากคุณ : ให้ไว เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 10:55:44 A:171.99.13.188 X: TicketID:302262

ความคิดเห็นที่ 69 ผมว่าเซนเซอร์ที่อยู่ใน Sony RX100 ไม่ธรรมดาเลยนะครับ ดูผลใน dpreview มันแซง v1 ไปไกลลิบเลย จากคุณ : Mr. Coffee เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 10:57:24

ความคิดเห็นที่ 70 เรายังรู้เรื่องเลนส์ไม่กระจ่างน่ะครับ ยังมีอีกหลายเรื่องที่ความรู้ปัจจุบันยังอธิบายได้ไม่หมด ทำให้เวลาผลิตเลนส์มันไม่ค่อยได้ผลไปตามที่อยากได้ทุกครั้ง โดยเฉพาะเรื่องการหลอมแก้ว ชิ้นเลนส์ที่ได้มันแปรปรวนสุดยอด ปัจจัยรบกวนล้านแปดประการ เลยยังต้องพึ่งดวงอยู่ ว่าที่ทำๆ ไป มันจะให้ผลออกมาอย่างที่ต้องการหรือเปล่า ใครมีเทคนิคที่ทำแล้วสำเร็จก็ปิดบังกันสุดๆ ยิ่งทำให้การศึกษาเป็นไปได้ยาก ความรู้ลึกๆ เป็นความลับสุดยอดของแต่ละบริษัท มือใหม่ในวงการอย่างโซนี่ ต้องพึ่งพาคน เครื่องมือ และเทคนิคของมินอลต้า ตอนนี้ยังดีที่มีชิ้นแก้วมินอลต้าในสต็อกอยู่ ทำให้ยังผลิตเลนส์ดีๆ ได้ ถ้าชิ้นแก้วหมด แล้วต้องทำเองตั้งแต่ต้น กว่าจะได้ know-how มากพอ อาจจะไม่ทันเวลา และโซนี่เป็นบริษัทที่ไม่กลัวเรื่อง cut loss อะไรที่ดูท่าว่าไม่ดี โซนี่จะทิ้งทันที เราก็กลัวกันว่าโซนี่จะทิ้งกล้อง ทิ้งเลนส์เสีย ที่ลุงแมวเหมียวพุงป่องพูดก็คือเรื่องนี้ จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 12:53:35

ความคิดเห็นที่ 71 วิจารณ์ดีไซต์ของ Canon EOS M  ผมถูกใจมาก เห็นครั้งแรก อยากสบถ แบบแอนนา ชวนชื่นเลยทีเดียว จากคุณ : Panda-baker เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 15:59:46

ความคิดเห็นที่ 72 ขอบคุณครับสำหรับความรู้ที่ให้มาทุกท่าน จากคุณ : ItrusYOU เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 17:52:15

ความคิดเห็นที่ 73 ขอบคุณครับน้าอะธีลาสที่อธิบายเพิ่มเติม กระบวนการสร้างเลนส์ เป็นไสยศาสตร์ (ศาสตร์ลึกลับ) ที่ใช้ science "พยากรณ์" ไม่ได้เลยครับ อย่าลืมว่า "วัตถุดิบ" ในการผลิตเลนส์คือ ทราย ทราย คือ silicon dioxide (SiO2) ทำไมเราไม่ใช่้ SiO2 เป็นสารตั้งต้นในการผลิตเลนส์เสียเลยหละ? กลับยังใช้ทรายเหมือนเมื่อ 100 ปีที่แล้ว? เพราะที่ว่า "ทราย คือ silicon dioxide" .. มันไม่ใช่เรื่องจริง สิ่งที่แท้จริงคือ "ส่วนประกอบส่วนใหญ่ของทราย คือ silicon dioxide" ใน "ส่วนน้อย"นั้น ยังมีส่วนประกอบของธาตุอื่นๆ แทบครบตารางธาตุ ทรายแต่ละเม็ด ไม่เหมือนกัน ทรายพันล้านเม็ด อัตราส่วนของส่วนประกอบพันล้านอย่าง ทรายแสนล้านเม็ด อัตราส่วนของส่วนประกอบแสนล้านอย่าง นี่เรายังไม่ได้พูดถึงการเติมส่วนผสม เรื่องการหลอมแก้ว และกวนส่วนผสมให้เข้าที่ เรื่องการปล่อยให้แก้วเย็น ฯลฯ พื้นฐานของไสยศาสตร์เท่านั้นเองครับ ปล. เอารูป pentax Q10 มาฝากน้านิก !!! ลืมไปได้งัย?? http://digicame-info.com/2012/09/q10.html แก้ไขเมื่อ 08 ก.ย. 55 18:54:48 จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 18:53:16

ความคิดเห็นที่ 74 ขอต่ออีกนิด โดยพื้นฐานสุดๆๆ แล้ว .. แก้วเป็น mixture compound แต่ละส่วนย่อยของแก้ว ไม่เหมือนกัน ถ้าเดินไปดูแก้วกระจกหน้าต่างใหญ่ๆ ตามห้าง homepro หรือ index mall จะเห็นเรื่องนี้ชัด มองห่างๆ จะเห็นใส แต่มองใกล้ชิด จะเห็นชัดว่า แต่ละส่วนมันต่างกัน ส่วนเย็นเร็ว กับส่วนเย็นช้า จะมีโครงสร้างแตกต่างกันมาก จนสามารถทำเกิดการหักเหของแสงที่รอยต่อระหว่างสองส่วนนี้ได้ ลองละลายเทียน แล้วปล่อยให้มันเย็น จะเห็นสิ่งที่ผมพูดชัดเจน น้ำตาเทียนที่เย็น จะมีลักษณะ "เป็นชั้นๆ" เลนส์เมื่อ 3-40 ปี ชิ้นแก้วบางชิ้น มีฟองอากาศภายในชิ้นเลนส์ด้วยซ้ำ ฟองอากาศ มันเข้าไปอยู่ในแก้วเหลวที่ร้อนจัดเป็นพันๆองศาได้อย่างไร มันเกิดจาก localized, superheated, liquid ครับ .. ทั้งสองปัญหา .. กว่าจะรู้ กว่าจะแก้ไขได้หมด ก็ต้องใช้เวลาเป็นสิบปี ง่ายๆคือ "แก้วเย็นตัวลงเร็วเกิน" เมื่อรู้ ก็แก้ได้ ถ้ามันง่ายปานนั้นก็ดี การปล่อยให้แก้วค่อยๆเย็นลง เพื่อไม่ให้เกิดชั้น (layering) หรือ ฟองอากาศ ใช้เวลา 2-3 ปี ครับ ลองนึกถึงของเหลวที่ร้อนจัดเป็นพันองศา และค่อยๆเย็นลงวันละ 1-2 องศา จะรู้ว่า .. ไสยศาสตร์มีจริง จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 19:05:34

ความคิดเห็นที่ 75 ^ ^ โอ ฟังแล้วยากเย็นเหลือเกินน้า ไปหานักเคมี โพลิเมอร์ ดูบ้างหน่อย เผื่อจะมีสารตั้งต้น ที่ทำได้เร็ว คุณภาพ การผ่านแสงได้ดีใกล้เคียงบ้าง จากคุณ : ให้ไว เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 22:52:28 A:171.99.13.214 X: TicketID:302262

ความคิดเห็นที่ 76 มาขอบคุณน้าอะธีลาสครับที่มีบทความสนุก ๆ ให้อ่านกัน ได้ความรู้มากมายครับ มาเสริมน้าแมวของผมหน่อยครับเรื่องเลนส์ เพราะผมค่อนข้างคลุกคลีกับเลนส์มาเกือบตลอดเลย กระจกที่ทำหอดูดาว ใช้เวลาหลอมไม่นานครับ แต่รอให้เย็นตัวประมาณ 300-500 วันครับ กว่าจะ set ตัวได้ และการปล่อยให้เย็นไม่ใช่ปล่อยตามมีตามเกิดซะด้วยสิ ต้องอยู่ในห้องควบคุมอุณหภูมิ การผลิตเลนส์ในกล้องถ่ายภาพ จะต้องผลิตทีละชิ้น เลนส์กล้องถ่ายภาพ 1 ตัว ประกอบด้วยเลนส์มากมายเป็นสิบชิ้น ดังนั้นการผลิต เค้าจะต้องทำให้แก้วแต่ละชิ้น ได้ดัชนีหักเหแสงเป๊ะ ๆ เพื่อที่จะได้ขัดชิ้นเลนส์ตามความโค้งของเลนส์แต่ละชิ้นให้พอดีตามที่คำนวณเป๊ะ ๆ จะเกิดอะไรขึ้น หากเลนส์ซักชิ้นหนึ่ง ซึ่งผลิตจากแก้วที่มีค่าดัชนีหักเหแสงค่าหนึ่ง ไม่ได้ spec ซึ่งไม่ได้ผิดพลาดตรงที่ขัดชิ้นเลนส์ แต่พลาดตรงที่หลอมแก้วนี่แหละ การหลอมแก้ว เพื่อทำแก้ว (blank) ขึ้นมาซักแผ่นหนึ่ง มันยากมาก ๆ ที่จะทำให้แก้วทั้งชิ้นมีความเหมือนกันทั้งหมด บางทีมันไม่เหมือนกันซะทีเดียว (homogeneity) เช่นมีดัชนีหักเหแสงต่างกันนิดหนึ่ง มี micro bubble ที่มองด้วยตาไม่เห็น แต่เอามาทดสอบใน lab จะขึ้นเป็นดอก ๆ ให้เห็นเลย แบบนี้ก็ต้อง reject ทั้ง lot เลยครับ โรงงานผลิตชิ้นแก้วระดับอุตสาหกรรม และที่ได้รับการยอมรับ มีไม่กี่ทีในโลก ที่ดัง ๆ เช่น Ohara, Hoya ของญี่ปุ่น  Schott ของเยอรมัน LZOS ของรัสเซีย เป็นต้น พวกนี้ใหญ่ ๆ ทั้งนั้นเลยครับ เพราะการผลิตชิ้นแก้ว มันต้องลงทุนสูงมาก ๆ Canon Optron ก็เป็นอีกที่หนึ่งที่ผลิตชิ้นเลนส์ได้เอง และเก่งซะด้วย นอกจากผลิตใช้เองแล้ว ยังผลิตขายให้กับหลาย ๆ รายในหลาย ๆ อุตสาหกรรมด้วยครับ จากคุณ : POP_na เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 55 02:44:40

ความคิดเห็นที่ 77 มองในสายตาคนนอกวงการกล้องบ้าง  ผมมองว่าโซนี่ไม่ทิ้งกล้องหรอกครับ เขาทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำจาก MRL  ผมมองว่า โซนี่ น่าจะมีข้อตกลงบางประการกับคู่ค้าบางเจ้าของเขาด้วยซ้ำ  ผมกำลังตามดูว่า โซนี่จะ"กล้า"  ผลิต MRL  ในขนาด FF รึเปล่า  คู่ค้ารายใหญ่ของโซนี่ ลองหยั่งเชิงมา ในส่วนของ MRL ขนาดเล็กมารอบนึง ผลปรากฎว่าไม่เวิร์ค...  ...... ผมมองว่า  คู่นี้ ซัวเอี๋ย กันแน่ๆ...  แบ่งๆตลาดกันไป  โซนี่คงเล่นแค่ ตลาด MRL / APS-C  ที่เริ่มเป็นมาตรฐาน(ดูจากแคนนอนก็เริ่มเข้าลุยด้วย)     แต่เราอาจจะได้เห็น  MRL / FF ไปโผล่ที่เจ้าดังๆมากกว่า  ปัญหาเรื่องเลนส์กับโซนี่ ผมดูว่าเรื่องเล็ก  โซนี่ทำ LA-EA2 มาแล้ว  มันยิ่งกว่าเวิร์ค... ติดแค่ข้อตกลงบางประการเท่านั้นถ้าจะเอาจริงๆ    แต่ทั้งหมดนี้ เป็นเรื่องคาดเดาเล่นๆของผม ซึ่งมันเป็นเรื่องของอนาคต ... มันไม่แน่ ซึ่งกว่าจะถึงขั้นนั้นจริงๆ กล้องในมือพวกเราก็คงจะพังกันไปก่อน    * เข้าทำนองตามที่มีคนเคยกล่าวไว้  "ซื้อวันนี้ ก็ได้ใช้เดี๋ยวนี้"   จากคุณ : กาละมังบิน เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 55 10:14:55

ความคิดเห็นที่ 78 ได้ความรู้เพิ่มเติมอีกพะเรอเลยผม ขอบคุณน้าๆ ทุกท่านครับ จากคุณ : e20 เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 55 14:30:30

ความคิดเห็นที่ 79 http://en.wikipedia.org/wiki/Poly(methyl_methacrylate) อ่านๆเล่นก่อนถึงยังไม่ได้มาจริงๆ แต่แอบหวังอนาคต กับการพัฒนา จากคุณ : ให้ไว เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 55 18:02:23 A:171.99.13.244 X: TicketID:302262

ความคิดเห็นที่ 80 ตามไม่ทัน เทคโนโลยี่เลย... ตัวผม จากคุณ : น้าวัชร-จัดให้ เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 55 23:41:58

ความคิดเห็นที่ 81 http://www.youtube.com/watch?v=X7_wL0ZZi6k&feature=player_embedded จากคุณ : ให้ไว เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 55 23:46:59 A:171.99.13.244 X: TicketID:302262

ความคิดเห็นที่ 82 อ่านสนุกเพลิน เกินห้ามใจ และแล้วก็สั่ง เลนส์ cctv ของจีนใน ebay มาใช้เล่นซะตัวดีกว่า เผื่อโชคดีได้ตัวที่เป็นเลนส์เทพประทาน 55555 จากคุณ : nuin4 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 21:14:16