ความคิดเห็นที่ 1 หาซื้อที่ไหนอ่ะ ไม่ค่อยเห็นตามแผงหนังสือเลย จะลองซื้อมาดูบ้าง จากคุณ : โบส - [ 2 ส.ค. 47 23:51:18 A:61.90.8.156 X: ]

ความคิดเห็นที่ 2 :-) จากคุณ : บางคนที่เอาใจช่วย (lexusman) - [ 2 ส.ค. 47 23:55:42 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ผมชอบมากนะ ที่ลงชวนไปดูงานหนังสืออินดี้เมื่อวานก้กะชวนไปดูร้านเขานี่แหละ เนื้อหา มุมมอง เรื่องต่างประเทศที่เอามาลง คุ้มค่ากว่าหลาย ๆ เล่มที่รู้จัก ๆ กัน จากคุณ : ae-s - [ 3 ส.ค. 47 00:08:15 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เชียร์เต็มที่เลยครับ หนังสือเล่มนี้............ อยากให้อยู่คู่กับสังคมไทยไปนานๆ จากคุณ : เราจะไม่ยอมออมมือให้เด็ดขาด - [ 3 ส.ค. 47 00:13:31 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เห็นร้านหนังสือเอาไปรวมกับพวก หนังสือดารา แฟชั่น แล้วงี้มันจะขายได้เหรอ ผมว่า การนำเสนอแนวของหนังสือ (คือการทำรูปเล่ม) ยังไมสามารถบอกตัวมันเองได้ว่ามันเป็นหนังสือเกี่ยวกับอะไร ตรงนี้แหละทำให้ไม่เป็นจุดสนใจของคนทั่วไปเลยไม่มีใครไคร่หยิบขึ้นมาอ่าน มองแค่ผ่านๆเท่านั้น ผมว่าลองออกแบบปกใหม่ให้สือสารกับคนทั่วไปได้มากขึ้นจะดีกว่า ไม่งั้นมันก็วางติดแผงไปเลย จากคุณ : รูปหล่อ_พ่อคนดี - [ 3 ส.ค. 47 00:14:25 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ส่วนตัวแล้วเคยได้ยินคนพูดถึงหนังสือนี้เยอะพอควรนะครับ แต่คิดว่าคงเป็นเพราะหาซื้อยากเพราะวางแผงผิดที่ หรือผลิตน้อยด้วยหรือเปล่าครับที่ทำให้หนังสือไม่ค่อยออก เพราะผมคนหนึ่งล่ะที่เคยตามล่าหาหนังสือมาอ่าน ส่วนที่คุณโกเมศบอกว่าขาดทุนเพราะขาดสปอนเซอร์นี่ก็อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่มีคำตอบแก้ไขอยู่ในตัวแล้วอีกข้อหนึ่ง ผมก็ไม่อยากเห็นหนังสือดี ๆ ต้องหายไปจากแผง อยากให้ลองแก้ไขปรับเปลี่ยนดูครับไม่ว่าจะเรื่องสายส่ง ราคา ปริมาณการผลิต ร้านหรือแผงวาง การทำประชาสัมพันธ์ ฯลฯ ต่าง ๆ เหล่านี้ แต่ถ้าหากได้แก้ไขมาแล้ว และไม่อาจทำต่อไปได้ ก็บอกได้คำเดียวครับว่า....เสียดาย เพราะทำธุรกิจกับทำเพราะใจรักนั้น แตกต่างกัน จากคุณ : jeedzie - [ 3 ส.ค. 47 00:23:28 A:203.113.32.9 X: ]

ความคิดเห็นที่ 7 เอามาฝากเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้ครับ หนังสือณัฐนลินเปิดอบรมถ่ายภาพ "ระดับสูงและเบื้องต้น" work shop มีให้เลือกหลายครอสครับ 1- non-sliver/alternative process (ขาวดำ)สอนวิธีการฉาบน้ำยากระบวนการเปลี่ยนสีภาพการเลือกชนิดกระดาษ เทคนิคการสร้างสรรค์ภาพเบื้องต้น 2- กล้องรูเข็ม-การสร้างกล้องรูเข็มด้วยตนเองครบกระบวนการ 3-hand colors print sliver print 4-การแต่งภาพบุคคลแบบ digital studio 5-การใช้ไฟในสตูดิโอ- 6-ถ่ายภาพเบื้องต้น-เหมาะสำหรับมือใหม่ 7-พื้นฐานการอัดขยายภาพขาวดำ-เหมาะสำหรับมือใหม่ 8-Nude-พื้นฐานการถ่ายภาพนู้ดแบบติดผนังบ้านได้ สอบถามลายละเอียดเพิ่มเติ่มดูที่หนังสือณัฐนลินเล่ม 10หรือติดต่อคุณ ณัฐนลิน น้อยไม้ 01-935-8756 หรือที่ http://www.natnalin.com จากคุณ : NEKKI - [ 3 ส.ค. 47 01:59:11 ]

ความคิดเห็นที่ 8 อ้าว...เจ้าของมาเองเลยหรือครับ...... ยินดีรู้จักนะครับ...อิอิ... เดี๋ยวเพื่อนๆในพันธ์ทิพย์ เข้าจะเข้าใจผิดว่าผมรับใต้โต๊ะ... หนูเป่านะ..คับ.. แล้วจะเข้าไปดูเวฟไซด์นะครับ.... จากคุณ : go_med - [ 3 ส.ค. 47 02:20:52 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อะ เห็นหัวข้อก็รู้ว่า เป็น NATNALIN ละ อิอิออิ เพิ่งซื้อเล่ม 10 มา ชอบมาก รู้สึกคุ้นเคย อยากรู้จักกับ NATNALIN ทันที พอวันต่อมาก็เห็นว่าไปจัดบูธที่งานหนังสืออินดี้ ยังไปขอฟรีมา 5 เล่มเลย อิอิ เป็นหนังสือที่แปลกมาก ไม่มีโฆษณา พอ วนๆที่บูธจนคนขายจำได้แล้วอะ ไป 2 วันติด ^^" แต่ก็ไม่เจอตัวคุณ NATNALIN ซะที (คงเจอแต่ไม่รุมั้ง อิอิอิ) ไปๆมาๆ ปรากฏว่า เป็นรุ่นพี่ที่มหาลัยซะงั้น - -' แต่ว่า NATNALIN มีเนื้อหาภาษาฝรั่งเศส ??? เยอะจังอะ อ่านมะออก เป็น eng ยังไม่ค่อยจะอยากอ่านเล๊ยยยย จากคุณ : GLASSESGIRL (mangporr) - [ 3 ส.ค. 47 02:36:02 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ยิ่งบ้านผมไม่ต้องพูดถึง ขนาดFocusing ยังต้องฝากเค้าซื้อจากที่อื่นเลยครับ จากคุณ : gavee - [ 3 ส.ค. 47 07:05:53 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เคยเปิดดูที่ร้านเหมือนกัน แต่มัน"ล้ำ"ไปหน่อยอ่ะค่ะ อ่านไม่ค่อยเก๊ท จากคุณ : แนน - [ 3 ส.ค. 47 07:53:08 A:203.113.33.6 X: ]

ความคิดเห็นที่ 12 งานแรงไปน่ะครับ หนังสือไม่เหมาะกับตลาดเมืองไทยครับ จะว่าไปหนังสือเกินมาตรฐานการดูรูปของมือใหม่ ไปหน่อย แต่จะว่าอีกทีมืออาชีพก็ไม่ค่อยได้อะไรมากนักครับ ผมไม่ค่อยชอบนะ ..... คิดว่าเป็นชนกลุ่มน้อย ที่โดดเด่น มีเนื้อหา อารมณ์ศิลปินมันไม่ได้พลุ่งพล่านอยู่รายวัน หรือ รายเดือน ครับ ... ถ้าจะสวยกันเฉพาะกลุ่ม สวยกันสองร้อยหรือพันกว่าคน แล้วพอใจก็น่าจะได้ ผมไม่รู้ว่า คนที่ซื้ออ่าน จะซื้อได้สักกี่ฉบับ หนังสือตอบโจทย์อะไรได้ขนาดไหน หนังสือตอบสนองความสะใจเฉพาะกลุ่ม มั่นใจหรือว่า .... จะเข้าถึงทุกคน ผมขอพูดอะไรตรงๆนะ ที่บ้านมีอยู่ 3-4 เล่ม อ่านครั้งเดียวจบ ......ไม่คิดจะอ่านอีกเลย ไม่รู้สิครับ สารภาพว่าอ่านไม่รู้เรื่อง และไม่พยายามแสแสร้งเข้าถึงด้วย ... ผมนับถือคนทำนะ แต่จะบอกว่าตีมาตรฐานศิลปะในคนไทยผิดไปหน่อย ถ้าจากประเด็นที่ถามว่าจะรอดไหม ไม่รอดครับ .......... หนังสือศิลปะ ........ ยังล้ำไปหน่อยครับ สำหรับบ้านเรา ใครจะว่าผม taste ไม่ถึงก็ได้นะ ผมเป็นพวกนั้นจริงๆ แต่ถ้าในกลุ่มผมมองลงมา ... ผมจะมองว่า taste แบบนี้ แบบหนังสือเล่มนี้ จะขายเล่มละ 200 หรือ 60 บาท คนซื้อก็เท่าเดิม ....... จากคุณ : RBJ (.hit.) - [ 3 ส.ค. 47 08:52:53 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ลองเข้าเว็ปฯ แล้วจะ add to favorites... ไม่สำเร็จ ! ! ! (ctrl + D ก็ไม่ได้ด้วย) จากคุณ : หนูหล่อ - [ 3 ส.ค. 47 08:58:01 ]

ความคิดเห็นที่ 14 อิ อิ อิ ไม่เคยเห็นเลย เห็นมีคนบอกหลายทีแล้วแต่หาซื้อไม่ได้ก็ไม่รู้ทำไงดีเหมือนกัน จากคุณ : ภีมะ.. - [ 3 ส.ค. 47 09:19:57 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ผมว่าถ้าการตลาดไม่ดี หนังสือดียังไงก็จบครับ อีกอย่างไม่เคยอ่าน ไม่ขอวิจารณ์เนื้อหาครับ จากคุณ : เพิ่งเคยได้ยินชื่อ - [ 3 ส.ค. 47 09:45:01 A:203.113.57.72 X: ]

ความคิดเห็นที่ 16 ได้ยินมาบ้างพอสมควร แต่ไม่เห็นตามแผงเลยครับ เรื่องเนื้อหาไม่รู้ครับ ไม่เคยอ่านเลย หาอ่านยากจัง ... เท่ารี้หล่ะครับ ที่รู้ จากคุณ : Bongge - [ 3 ส.ค. 47 10:09:49 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เราทายชื่อหนังสือถูกด้วย ผมซื้อบางเล่มเอง T_T หาซื้ออยากจัง เวลาจะซื้อต้องไปถึงเซนทรัล T_T อยากจะบอกว่าชอบมาก ๆ ปล. เจ้าของหนังสือสวยด้วยล่ะ อิอิ จากคุณ : สะใจโรคจิต - [ 3 ส.ค. 47 11:00:40 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เห็นด้วยกับ RBJ เกือบทั้งหมด ขอบคุณที่ พูดตรงๆ โดยเชื่อว่า คุณ Natnalin ได้อ่านก็จะเกิดประโยชน์ด้วย (ผมส่ง link ให้อ่านด้วยแล้ว) การจะประสบความสำเร็จ ในทางธุรกิจ ก็ต้องมีทั้ง product และการตลาด โอกาสความน่าจะเป็น และอื่นๆ ในแง่ การตลาด พูดกันไปแล้ว ในแง่ product ในความเห็นส่วนตัว อันน้อยนิด เกี่ยวกับงานศิลป์ ที่นำมาแสดง ในหนังสือ ผม ขอยก ตย. ว่า คนเขียนลายมือสวยๆ เทคนิคการเขียนดี ก.ไก่ เขียนด้วย สีอย่างดีละเอียด บนกระดาษที่งามพร้อม ก็เป็นได้แค่ ตัวอักษรหนึ่ง ที่สวย แต่เนื้อหาที่จะเล่าที่จะบอก ถ้าคนอ่านอ่านลายมือที่สวย แต่ไม่ได้ใจความ จะเป็นเช่นไร สื่อในความหมาย ของประโยคที่จะเล่าที่จะบอก เปรียบเหมือนความหมายภาพ ผมซื้อเองอ่านเอง ดูเอง ตั้งแต่เล่มแรก และต่อมาซื้อเป็นบางเล่ม ผมอ่าน สิ่งที่สื่อมาได้แค่ บางอย่างที่ ยังไม่ลึกซึ้งถึงประสบการณ์ชีวิตนัก ( ผมอาจ โง่เองก็ได้ ที่ ไม่อาจสัมผัสอะไรได้) คูณ Natnalin จบมาโดยตรง มีการถ่ายและอัด ภาพออกมาที่สวยมาก ฝีมือเชื่อว่า ไม่เป็นรองใคร แต่ นี่แค่เริ่มต้น ครับ ยังต้องเอา ลายมือที่สวยๆนี้ ไปเรียบเรียง สาระ และแก่นความจริง ความงามแห่งปรัชญา ให้ออกมา ให้ได้ เหมือนคนเขียนลายมือสวยๆ แต่ อ่านไม่รู้เรื่อง ไม่เป็นข้อความ แล้ว จะนำมาขาย พอขายไม่ออก บอก ทำไม คนไม่ซื้อ ลองเทียบกับ กับคนที่ เขียนไม่สวย แต่ เนื้อหาข้อความกินใจ เป็นอมตะ อาจจะขายได้มากกว่า หรือเจ๊งทั้งคู่ ผมก็ไม่ทราบนะครับ ส่วนตัวมองว่า ภาพที่ ออกมา ผมมองว่า ยัง มีความลึก ในเนื้อหางานศิลป์ น้อยเกินไป ยังไม่ถึงระดับ ,แค่แปลก และอัดมาสวย ก็แค่นั้น ในช่วงนี้ แต่เชื่อว่า ไม่นาน สามารถพัฒนา ได้ จนถึง ระดับสุดยอดอย่างไม่ยาก ครับ ขอแค่ ใส่อะไรลงไป ที่กลั่นออกมาจาก ใจที่ตกผลึกแล้ว .. แล้วแต่จะคิด นะครับ ยังมีอีกมา แต่เขียนมากเกินไปแล้ว และคงไม่ได้สาระอะไรนัก ก็ขออภัย ตบท้ายแนะนำสั้นๆ เลิกทำ แล้ว ไปสะสมทุน ให้พอ แล้วค่อย วางแผนการนำเสนอ เมื่อพร้อม ทั้ง ทุน ทีม และเนื้อหา ในระดับสุดยอด ครับ จากคุณ : บางคนที่เอาตัวไม่รอด (lexusman) - [ 3 ส.ค. 47 11:36:04 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ปล. ความเห็นของผม ไม่จำต้องถูกหรือผูกมัดใดๆ และผมเชื่อว่า ไม่มีงานศิลป์ใดแรงไป ศิลป์ ใครๆก็สัมผัสได้ ผมเชื่อเช่นนั้น  ถ้ามันมีอยู่จริง  ถึงระดับจริง แต่ความสำเร็จ นั้น มันอีกเรือ่งหนึ่ง Van Gogh  งานขายแทบไม่ได้เลย ตายอย่างยากจน แต่คน ที่ไม่มีความรู้ทางศิลปะ ก็สัมผัส ความหมายที่แฝงอยู่ได้นะครับ อย่างนี้จะว่าอย่างไร ซึ่งย้อน อ่านแล้ว ก็เกรงเหมือนกันว่า จะแรงไป แต่คิดว่าจริงใจ ที่จะบอก อย่างไรก็ตาม ถ้าจะทำต่อก็ ปรับเปลี่ยนทางการตลาดเพิ่มช่องทางจำหน่าย และ หา หน้าโฆษณากันไป แค่ความเห็นหนึ่ง ที่เอาตัวเอง ยังไม่รอด และ ผ่านความล้มเหลวมาแล้ว แค่ ไม่อยากให้ น้องรุ่นหลังต้องมาล้มเหลวตาม  ครับ .. แก้ไขเมื่อ 03 ส.ค. 47 11:54:20 จากคุณ : บางคนรู้ว่าผมมั่วและอ่อนหัด (lexusman) - [ 3 ส.ค. 47 11:40:18 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ได้อ่านเล่มนึงครับ บังเอิญฟังมาจากในพันทิพนี่แหละ เจอที่แผงพอดีเลยหยิบมาดู.... เนื้อหาก็โอเคครับ แต่หัวหนังสือมันไม่ค่อยสื่อครับ (หมายถึงคำอธิบายต่อจากหัว) จะซื้ออีกไหมถ้าเจอ.... ไม่แน่ครับ แล้วแต่หากอารมณ์ติ๊สส์ๆก็อาจจะซื้อครับ จากคุณ : w@@n - [ 3 ส.ค. 47 12:15:20 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ดูรูปเป็น IDEA สำหรับผม คุ้มครับ จากคุณ : aulait - [ 3 ส.ค. 47 12:34:45 A:202.59.251.216 X: ]

ความคิดเห็นที่ 22 คิดว่าการตลาดไม่ดีเหมือนกันครับ เพราะอะไร เพราะอยากซื้อแต่หาซื้อไมได้ ไม่ทราบจะไปซื้อที่ไหน ตรงนี้น่าจะปรับปรุงนะครับ จากคุณ : วู๊ดส์ - [ 3 ส.ค. 47 12:54:16 A:203.172.58.113 X: ]

ความคิดเห็นที่ 23 ยังไม่เคยเห็นตามแผงซักทีเลยครับ แต่หน้าปกโดนใจครับ........ถ้าเจอคงซื้อเก็บแน่ครับ จากคุณ : เวลาในขวดเหล้า - [ 3 ส.ค. 47 12:58:20 ]

ความคิดเห็นที่ 24 แนวคิดเรื่องหนังสือถ่ายภาพ จากที่เคยสัมภาษณ์ และก็เคยนั่งคุยกัน กับ คนที่ชอบถ่ายภาพหลายๆคน ถ้าพูดถึงเรื่องหนังสือสิ่งที่เรามักจะหยิบยกมาคุยๆกันก็จะมีเรื่อง 1) ถ่ายอย่างไรให้สวยความรู้พื้นฐานของเก่าเดิมๆที่อยากให้เล่าใหม่ 2) การหามุมมองใหม่แปลกๆตา ในที่เก่าๆเดิมๆที่เราคุ้นเคย 3) ช็อทเด็ดคนดัง หรือ มุมมองของมือโปร 4) วิจารณ์กล้อง ว่ามีอะไรใหม่ อันไหนดีกว่ากัน 5) มุมมองใหม่ๆแปลกๆ หรือวิวจากต่างประเทศ แบบว่ารูปสวยๆที่เกินปัญญาจะดิ้นรนไปถ่ายกับเขาได้ 6) เกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆ เพื่อประเทืองปัญญาเกี่ยวกับงานศิลปะภาพถ่าย 7) ตบท้ายด้วย โฆษณานิดหน่อยจะได้รู้ว่าอะไรราคาประมาณไหน เผื่อถูกหวยบนดินจะได้รู้ว่าจะเอาเงินไปเสียให้ร้านไหนดี มันก็เป็นความคิดของคนถ่ายรูปบางกลุ่มบางคนนะครับ จริงเท็จ แค่ไหน ก็ลองวิเคราะห์กันดูนะครับ ส่วนเรื่องเนื้อหาทางวิชาการ สำหรับผมเองขอพูดในฐานะของคนไม่ได้จบทางการถ่ายภาพมานะครับ มีคนเป็นจำนวนมากที่ ถ่ายรูปเพราะว่าสนุก หรือ แค่บันทึกเหตุการประทับใจแค่นั้น การนำเสนอว่า การถ่ายรูปทุกแบบทุกสไตล์ มันไม่ยากอย่างที่คิด ก็จะทำให้คนที่สนใจการถ่ายรูปแค่ผิวเผิน ก็จะยังคงมีทัศนะคติที่ดีต่อการถ่ายรูปในแนวที่ยากขึ้น ผมรู้ดีครับว่าการถ่ายรูปบางครั้งมันก็ยากเอาการเมื่อมีเงื่อนไขหรือโจทย์ที่ซับซ้อน แต่คนส่วนมาก ไม่ได้เป็นตากล้องมืออาชีพ ที่จะจำเป็นต้องซีเรียสกับการพัฒนาฝีมือ การทำหนังสือ หรือสร้างสื่อ ที่ทำให้คนส่วนมากเห็นว่า การถ่ายภาพ ทุกๆแนวเป็นอะไรที่ไม่ยากเกินฝัน เขาเหล่านั้น ก็จะเริ่มหลงเสน่ห์ และ หลงใหลสื่ออันนั้นโดยไม่รู้ตัว เพราะอย่างน้อยในส่วนลึกของหัวใจของเขาเหล่านั้น ก็จะเกิดทัศนะคติที่ดี และก่อให้เกิดความเชื่อที่ว่า ถ้าติดตามสื่อหรือหนังสือนั้นไปเรื่อยๆ ก็จะทำให้ซึมซับ และเกิดการเรียนรู้ ตลอดจนสามารถพัฒนาฝีมือการถ่ายภาพโดยไม่ยากเย็น จากคุณ : go_med - [ 3 ส.ค. 47 13:41:22 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ศิลปิน กับ ธุระกิจ การทำหนังสือ มันก็เป็นศิลปะครับ บางทีมันก็ยากพอๆกับการหาภาพถ่ายสวยๆมาลงอย่างเดียว ผมก็เป็นคนหนึ่งที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการเขียนหนังสือเหมือนกัน มันยากที่จะทำสื่อหนึ่งสื่อใดขึ้นมา เพื่อชักจูงและโน้มน้าวมวลชนให้เห็นตาหรือคิดตามและเข้าใจตาม และในสภาพเศษฐกิจอย่างปัจจุบัน มันมีคู่แข่งเยอะมาก อำนาจการซื้อของคน ก็ไม่แน่นอน เดือนนี้ซื้อได้ แต่เดือนหน้าอาจจะไปอุดหนุน หนังสือเล่มอื่นก็ได้ การเขียนหนังสือก็เหมือนกัน มันจะต้องมีชั้นเชิง เพื่อให้คนอ่านได้รับประโยชน์สูงสุด และมีความประทับใจ ว่าเขาจะได้อะไรกลับไปบ้าง ในเมื่อเขาเสียเงินและเสียเวลานั่งอ่าน การทำเพื่อ โชว์ว่าเราเจ๋ง..เราแปลกอย่างเดียว " มันอาจจะเป็นดาบสองคม" บางครั้งมันอาจจะทำให้คนเขาทึ่ง ชื่นชมในความสามารถ..ว่าเราทำได้อย่างไรกันเนี่ย แต่บางครั้งก็อาจจะทำให้คนอ่านเขารู้สึกอิจฉาหรือหมั่นไส้ก็เป็นได้ และการเลือกเขียนเนื้้อหาตำหรับตำราให้คนอ่านเข้าใจ เขียนหมดวันนี้วันหน้าก็ไม่มีอะไรจะเขียนอีก เขียนแบบ กั๊กๆ เอาไว้ มันก็น่าเกลียดคนอ่านก็งง.. เขียนแต่ของเก่าๆเดิมๆ เล่าใหม่ซ้ำๆ มันก็ไม่มีอะไรพัฒนา เรื่องเนื้อหา มันก็ต้องวางแผนกันอีกว่า ในหนึ่งปี หรือ 12 เล่ม เราจะเขียนอะไรลงไปให้มันต่อเนื่อง และมีประโยชน์ต่อผู้อ่านบ้าง ที่จริงก็มีตัวอย่างที่ดี ที่เกี่ยวกับคนที่เคยล้มมาก่อน ท่านเคยคุยกับผมเกี่ยวกับอดีตที่เคยมีไฟที่ลุกโชติช่วงเกี่ยวกับการทำงานศิลปะภาพถ่าย ท่านอยากจะทำหนังสือแบบศิลปิน ศิลปินทำแบบฉีกแนว และไม่ง้อสปอนด์เซอร์ ท่านเคยล้ม และ ตอนนี้ท่านก็ลุกขึ้นมาอีกครั้งในนามของนักบริหารจัดการ แต่ไม่ใช่ศิลปินเฉยๆ เหมือนแต่ก่อน ท่านบอกผมว่า ศิลปิน กับ ธุระกิจ จะต้องแยกกันให้ขาด ถ้าจะทำธุระกิจแบบศิลปิน โอกาสพลาดจะมีเยอะ ดังนั้นจะคิดทำธุระกิจต้องคิดแบบนักธุระกิจ.. ซึ่งท่านก็เมตตา ไม่คิดจะปิดบังอะไร และยังบอกกับผมว่า วันนึง ผมอาจจะต้องมาทำหนังสือขายก็ได้ ถ้ามีโอกาสก็ลองไปคุยกับ อาจารย์มังกรดำก็ได้นะครับ ต้องขออนุญาติเอ่ยชื่อ เพราะว่า ประสบการณ์บางอย่างของท่านอาจจะเป็นประโยชน์กับหนังสือ natnalin ก็ได้ จากคุณ : go_med - [ 3 ส.ค. 47 13:44:50 ]

ความคิดเห็นที่ 26 " ถ้านำงานพาณิชย์ ไปใส่ในงานศิลป์ อาจจะทำให้งานศิลป์ นั้นเลวลง ถ้านำงานศิลป์ ไปใส่ในงานพาณิชย์ อาจทำให้งานดีขึ้น " คล้ายๆอย่างนี้ จำมาจาก ปากของ อ. ช่วง มูลพินิจ เอง จากคุณ : บางคนที่เอาใจช่วย (lexusman) - [ 3 ส.ค. 47 13:57:37 ]

ความคิดเห็นที่ 27 คุณค่าของงานศิลปะวัดกันที่ตรงไหน เรื่องสุดท้ายที่อยากจะแสดงความเห็นก็คือ .... แนวคิดที่เปิดกว้างทางศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีใหม่ หรือ ความคลาสสิค ถ้าได้ชื่อว่าเป็นศิลปินอย่างแท้จริงแล้ว ย่อมไม่แบ่งแยก บางทีปากอาจจะบอกว่ายอมรับแต่ใจก็ยังคงยึดติด ยกตัวอย่าง หนังเรื่องโหมโรง ท่านครูดนตรีไทย "นายศร" ถึงแม้นจะรักดนตรีไทยเท่าชีวิต ท่ายก็ยังเปิดรับดนตรีฝรั่งแบบกลมกลืน เช่นเดียวกันกับ การถ่ายภาพขาวดำ ไม่ว่าฟิลม์หรือดิจิตอล มันก็คืองานศิลปะเหมือนกัน การทำหนังสือโดยอาศัยความกลมกลืน นั้น ย่อมจะนำมาซึ่งการดึงดูดใจคนส่วนมาก ที่ทุกวันนี้ เทคโนโลยีดิจิตอลก็เริ่มครอบงำสังคมเข้ามาทุกที ไม่ได้ทิ้งสิ่งเก่าๆ แต่ก็ไม่ได้เห่อว่าของใหม่จะดีกว่าง่ายกว่า แต่ธุรกิจ มันก็จะต้องวิ่งอยู่บนความต้องการของตลาดเป็นหลัก แนวของหนังสือก็ควรจะมีการปรับให้ทันสมัยแบบกลมกลืน สำหรับผม ผมตีความ คุณค่าของภาพขาวดำ ตรง.... อารมณ์ของภาพที่สื่อออกมามากเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนเรื่องวิธีการสร้างสรรนั้น ความยากความง่าย ผมไม่อยากจะให้มาเน้นกันให้เป็นให้ตายว่าฟิลม์หรือดิจิตอล ถ้างานชิ้นหนึ่งมีคุณค่าในด้านอารมณ์และการนำเสนอแนวคิด แต่ถูกสร้างมาด้วยกล้องสมัยใหม่ อัดล้างแบบสมัยใหม่ แล้วทำให้คุณค่าทางศิลปะัมันลดน้อยลง เพราะว่าถ่ายมาง่ายไป ล้างอัดมาง่ายไป..มันก็อาจจะไม่ค่อยยุติธรรมเท่าไหร่ อย่างน้อยถ้าลองเปรียบเที่ยบกับ คนเล่นกล้องฟิลม์สมัยนี้กับ คุณปู่ที่เคยเล่นกล้องฟิลม์ขาวดำในยุคแรกๆ มันก็ย่อมมีความต่างกันเยอะ และก็เช่นเดียวกันคนมีเงินน้อยไม่มีปัญญาซื้อกล้องแพงๆ ก็คงจะสร้างงานมาแข่งกับคนที่มีโอกาสใช้อุปกรณ์ดีๆไม่ได้เลย... ดังนั้นผมก็เลยอยากจะได้เห็นหนังสือ ที่มีทั้งความรู้ที่ทันสมัย และคุณค่าทางงานศิลปะอย่างครบถ้วน ก็หวังว่าข้อความที่ผมเขียนมานี้คงจะมีสาระบ้างนะครับ "อยากให้มีหนังสือดีๆ เป็นทางเลือกให้กับผู้อ่านที่รักการถ่ายภาพอีกเล่นหนึ่งนะครับ" ด้วยความเคารพจริงๆ จากคุณ : go_med - [ 3 ส.ค. 47 14:00:49 ]

ความคิดเห็นที่ 28 รูปเล่มอาจไม่ได้สื่อว่าเป็นหนังสือการถ่ายภาพ คนเลยไม่ค่อยสังเกต ชอบภาพทุกภาพในหนังสือ อากเป็นเพราะชอบถ่ายภาพแนวนี้เหมือนกัน เนื้อหาหลวมไปหน่อยเหมือนกับเขียนแค่ประกอบภาพ อ่านภาษาฝรั่งเศษไม่ออก เล่มก็ไปก็จะซื้อ เป็นกำลังใจให้ครับ จากคุณ : กบ - [ 3 ส.ค. 47 14:14:41 A:127.0.0.1 X:203.130.158.9 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ผมก็เห็นด้วยกับคุณ RBJ ครับ ผมไปเดิน มองๆ แล้วก็ หยิบมา 1 เล่ม โดยหวังว่าจะมีหนังสือ ภาษาไทยเกี่ยวกันการถ่ายภาพที่ผมจะยอมเสียเงินซื้อทุกๆ เดือน พอกลับบ้านมาอ่าน ผมยอมรับครับ ว่าหนังสือ ดีมากๆ แต่ ไม่เหมาะกับผม ผมว่า มันเป็นหนังสือ "เฉพาะกลุ่ม" เกินไปครับ เลยไม่ได้ซื้อเพิ่มอีกเลยครับ :> คุณ go_med ผมฝากให้คิดนิดนึงนะครับ ทำไม "ภาพวาดสีน้ำมันถึงแพงกว่าภาพถ่าย" อาจจะทำให้คุณ go_med เปลี่ยนแนวคิดไปซักนิดครับ :> ซึ่งแนวคิดเดิมของ คุณ go_med ก็ไม่ผิดนะครับแต่มันต้องใส่น้ำจิ้ม เพิ่มรสชาติมันถึงจะสมบูรณ์ครับ ถ้ากลัวไปไม่รอดก็ลองเพิ่มราคาครับ :> พิมพ์แต่น้อย ออกไม่ต้องบ่อย ลดคนทำให้น้อยลง ทำงานให้ได้ประสิทธิภาพมากขึ้น ยังไงก็มีคนซื้อครับ และ ถ้ามีฉบับไหนเนื้อหาเหมาะกับผม ผมก็จะซื้อครับ ว่าจะไปอบรมกับเขาเหมือนกัน อิอิ จากคุณ : salanai - [ 3 ส.ค. 47 14:28:55 A:61.90.43.252 X: ]

ความคิดเห็นที่ 30 หนังสือดารา คู่สร้างคู่สม ราคา 20 บาท พิมพ์สี่สีทุกหน้า ไม่หมดแผง ก็ยุบพรวดพราด ภาพสี่สี จะให้รายละเอียด ดีกว่า ภาพ2โทน (ที่คนตีพิมพ์ประหยัดสี) จากคุณ : color much better - [ 3 ส.ค. 47 15:01:51 A:203.113.33.7 X: ]

ความคิดเห็นที่ 31 ที่จริงไม่อยากจะค้านอะไร พี่ Salanai หรอกครับ เพราะผมเข้าใจดี เพียงแต่ผมอยากจะแสดงความคิดเห็นเพื่อผลประโยชน์ทางด้านการตลาดครับ เนื่องจากได้ฟังข้อมูลมาจากปากคุณ Natnalin เองเรื่อง "การถ่ายภาพด้วยฟิลม์ที่ไม่มีวันตาย" ก็เลยอยากจะให้ความสำคัญในสิ่งใหม่ๆบ้างเองครับ แต่ผมก็ยังยืนยันว่า ไม่เคยคิดดูถูกการใช้ฟิลม์ว่าล้าสมัยแต่อย่างใดเลยครับ เพราะว่าการดูถูก ก็คือการลบหลู่ครูบาอาจารย์ "ผมไม่กล้าครับ" สำหรับภาพขาวดำ ที่ต้องล้าง ต้องอัดกับมือย่อมจะมีคุณค่าอยู่แล้ว อันนี้ผมเชื่อตามนั้น แต่สิ่งที่ผมเข้าใจในภาพรวมก็คือความเปิดกว้าง เพื่อสร้างสรรงานศิลปะ ไปพร้อมๆกับการทำธุระกิจที่ประสบความสำเร็จครับ " ผมก็ขอน้อมรับและเข้าใจเรื่องคุณค่าที่อาจจะต่างกันตามที่พี่ Salanai ติงมา.." ด้วยความเคารพครับ จากคุณ : go_med - [ 3 ส.ค. 47 15:05:17 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ไม่เคยอ่าน และก็ไม่เคยเห็นตามแผงเลยครับ สำหรับหนังสือเล่มนี้ ผมว่าหนังสือที่ดี นอกจากเนื้อหาที่ดีแล้ว(สำหรับบางกลุ่ม) อาจจะต้องเพิ่มเนื้อหาที่ดีสำหรับหลาย ๆ กลุ่มที่หลากหลายด้วย(กลุ่มตลาด) เพราะหนังสืออยู่ได้ด้วยทุน(เงิน) ดังนั้นหากไม่มีทุน งานก็ไม่เดิน ก็ต้องกินแกลบต่อไป จะพัฒนาให้หนังสือขายได้ เห็นน้า ๆ ข้างบนชี้แนะก็น่าสนใจดีครับ ลองดูใหม่ ผมก็เน้นเหมือนน้า ๆ เค้าแหละครับคือ - หน้าปกต้องรู้ว่านี่หนังสือถ่ายภาพ - ชื่อหนังสือนี่สำคัญครับ อ่านแล้วไม่สื่อเลยครับ - เนื้อหาไม่ทราบ เพราะไม่เคยเปิดอ่านครับ - ช่องทางการจัดจำหน่ายนี่สำคัญมากเลยนะครับ แรก ๆ อาจลดราคาให้เค้าเยอะ ๆ เลย พอขายได้ค่อยเล่นตัว เป็นหลักพื้นฐานทางธุรกิจ สำหรับเนื้อหาการถ่ายภาพ โดยส่วนตัวแล้วผมชอบงาน outdoor นะครับ เว็บโปรดที่ผมชอบอ่านคือ www.luminous-landscape.com เป็นเว็บที่มีเนื้อหาที่ดีมากสำหรับผมเลยล่ะครับ ผมชอบถ่ายภาพดาว ถ้าอยากได้เรื่องการถ่ายภาพดาวก็บอกได้นะครับ จะเขียนให้(แต่ไม่ประจำนะครับ เพราะไม่มีปัญญาเขียนครับ) ไม่คิดค่าเขียนครับ เพราะหนังสือยังไม่มีกำไรเลยครับ เอาใจช่วยให้ผ่านมรสุมไปให้ได้นะครับ จากคุณ : pop - [ 3 ส.ค. 47 15:05:28 A:202.176.161.186 X: ]

ความคิดเห็นที่ 33 มาสายคร้าบ ผมเองได้รุ้จักหนังสือ จากอาจารย์ติ้วอะครับ ส่วนตัวก็คิดว่าเป็นหนังสือที่มีความเฉพาะตัวสูงมาอะครับ ผมเองไมได้เรียนทางศิลป์โดยตรง ยังเข้าไม่ค่อยถึง แต่ดีครับ เป็นหนังสือทางเลือกใหม่กับการถ่ายภาพอะครับ อืมม์........ตอนนี้กระแสเพลงอินดี้กำลังแรงครับ ผมว่าคนกลุ่มนี้ไม่น้อยชอบถ่ายภาพด้วย ผมว่าด้วยอารมณืทางการเลือกสิ่งที่ไม่ใช่กระแสนักทีเดียว เค้าคงชอบอะครับ เดี่ยวมาใหมีครับ วันนี้ตัวเป้นเกลียวเลยอะครับ โดนงานรัด ยังไงก็รัก...เอ้ย เชียร์ด้วยคนครับ จากคุณ : ก้อง : ) - [ 3 ส.ค. 47 17:00:04 ]

ความคิดเห็นที่ 34 แอมป์หลอดซิ เจ๋ง ฮิฮิฮิ จากคุณ : หนูน้อยต้อยตีวิด.. - [ 3 ส.ค. 47 17:39:35 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เดี๋ยวโบนัสออกก่อน.. จะถอยแอมป์หลอด ใส่หลังรถให้กาหึ่มเยย... นี่แน่แซวเรา..... จากคุณ : ซามาคมรถยุ่น (go_med) - [ 3 ส.ค. 47 17:43:57 ]

ความคิดเห็นที่ 36 แฮ่ก แฮ่ก... เพิ่งมาถึงค่ะ งานแยะสุดๆ เพิ่งเห็นหนังสือเล่มนี้ ครั้งแรก เมื่อวาน ชม 1. รูปอาร์ตมากๆๆ แบบว่ามิชชี่คิดไม่ออกว่าถ่ายมาได้ไง คนถ่ายคงผ่านกระบวนการคิดนอกกรอบที่ถึงขั้นไหมฟ้า .. อย่างแน่นอน ชอบมากอันที่เป็นผลงานช่างภาพฝรั่งเศส ดูอินเตอร์ดี ปกติหนังสือที่มีภาพแบบนี้ แพงจนหูตูบ ตอนนี้หกสิบบาทรักษาได้ทุกโรค น่าเก็บ น่าเก็บ 2. คนทำใจถึงดี กล้าทำ ทั้งที่น่าจะพอเดาๆได้ว่าตลาดคงยังรับไม่ได้ โธ่ งานโชว์อาร์ตในกทม. มีคนไปชมกันกี่คนเทียบเปอร์เซ็นกับคนมีการศึกษาในกทม. ถามว่าเข้ากลุ่มเด็กที่นิยมงาน Alternative ได้ไหม มิชชี่ว่าไม่ไหว เพราะคนที่ชื่นชอบ ALternative แบบจริงๆ ไม่ได้ตามกระแส... มีกี่คน 3. ชอบรูปขาวดำ ถึงจริงๆภาพจะเป็นสีแล้วมาพิมพ์ขาวดำ หรือขาวดำจริงๆก็เถอะ ภาพในหนังสือ สวยหมด แต่.... ติ 1. ซ้ำค่ะ ภาพซ้ำไปซ้ำมา เหมือน Deja vu เปิดแล้วเจอภาพเดิมอีกแล้ว และอีกแล้ว เปิดไปเปิดมา... ป้า งงค่ะ 2. ไม่รู้จะหาซื้อที่ไหน บอกตรงๆ อยากช่วยอุกหนุน แต่หาไม่เจอและไม่มีเวลาหาด้วย Distribution ต้องปรับปรุงอย่างแรง 3. ทำไมไม่รู้ ดูปกแล้วไม่คิดว่าเป็นหนังสือภาพ อาจจะเป็นที่ชื่อหนังสือ หรือรูปปก นึกว่าเป็นหนังสือผู้หญิงมากกว่า แนะนำ รวมภาพแล้วทำหนังสือ Coffee Table Book เหอะ พิมพ์เล่มแรก ลงรูปสวยๆ เทคนิคน้อยๆ (คนขี้เกียจอ่าน) พิมพ์ด้วยกระดาษดีๆ วางขายร้านหนังสือ อีกปีค่อยมาทำอีกเล่ม งานแบบนี้ ไม่รู้สิ มิชชี่ไม่ได้อยากดูบ่อยๆมากขนาดซื้อรายเดือน หรือต้องติดตาม มันเป็นงานที่มันอาศัยความละเอียด ผ่านกระบวนการคิดแล้วถ่ายเป็นภาพ พอออกรายเดือน เลยรู้สึกเหมือนหนังสือท่องเที่ยว หรือนิยายรายปักษ์ อยากให้เป็นแบบ ซื้อเล่มนึงไว้เก็บ แล้วเปิดดูพร้อมจิบกาแฟ และเพลงเบาๆ และมีเวลาชื่นชมรายละเอียดและอารมณ์ภาพ มากกว่า ของที่มีคุณค่า จงทำให้คนเห็นว่ามันมีคุณค่าสิคะ จากคุณ : Michy - [ 3 ส.ค. 47 17:59:23 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ก้องโดนงานรัดแล้วเหรอ ตอนไม่รัด... จะเป็นไงเนี่ย นึกไม่ออก จากคุณ : Michy - [ 3 ส.ค. 47 18:00:54 ]

ความคิดเห็นที่ 38 โอ้ว คนตอบกันยาวเหยียดเลย อืม โดยส่วนตัว ชอบเนื้อหาพวกบทความหรือสัมภาษณ์นะคะ แต่ว่ามันสั้นไปอะ คือ รู้แหละว่า เนื้อเรื่องยาวไปไม่ดี ขี้เกียจอ่าน ( เล่มแรกๆ ยาวมาก มีแต่ตัวหนังสือ ) แต่บางอัน ( เล่มหลังๆ ) โดนตัดด้วนๆเลย อยากอ่านต่ออะ แบบว่าบางเรื่องหน้าเดียว พลิกหน้าต่อมาเป็นเรื่องอื่นซะงั้น ชอบรูป รูปสวย แต่มันก็ล้ำสำหรับมือใหม่จริงๆอะ บางรูปดูแล้วก็งง 5555 เป็นมือใหม่น่ะค่ะ นอกจากมีรูปสวยๆเยอะแยะ แล้วก้บทความเรื่องครูใหญ่ ก็ยังไม่ค่อยมีอะไรชี้ว่าเป็นหนังสือรูปเลยอะค่ะ ถ้าไม่อยากยุบหนังสือไป คิดว่า นานๆออกทีก็ได้ค่ะ ราย3 เดือน 6เดือน อะไรก็ว่าไป เก็บเนื้อหาให้เต็มที่ดีกว่า ซื้อแน่ๆอะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ :) ป.ล. หนังสือกล้องเดี๋ยวนี้ ไม่ได้ติดตามเลยอะ สอนแต่อะไรเดิมๆ - -' ถึงหนูจะมือใหม่ แต่ก็เบื่อเป็นน่อ พวกสอนพื้นฐาน แล้วพื้นโคตรๆ วนไปวนมาอ้ะ เปิดเล่มไหนก็เจอ ถ้าสอนพลิกแพลง หารูปแปลกมาเป็นตัวอย่างจะดีมากเลย จากคุณ : GLASSESGIRL (mangporr) - [ 3 ส.ค. 47 20:31:39 ]

ความคิดเห็นที่ 39 คิดสะว่าที่บ้านรวย ยอมขาดทุนอีกสัก 30 40 เล่ม ก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลย เอาใจช่วยนะ ซื้อทุกเล่น ไม่อยากให้หายไปอย่าง สเกล เสียดายเช่นกัน จากคุณ : โอ๊ก - [ 3 ส.ค. 47 21:13:36 A:203.149.43.75 X: ]

ความคิดเห็นที่ 40 เคยเป็น Pass along reader ง่ะคับ ยืมชาวบ้านอ่าน...ไม่กล้าซื้อ ช่วงนั้นจน ช่วงนี้ก็จนอยู่ จะบอกว่า เป็นหนังสือที่ "ตามใจเจ้าของ" อีกเล่มหนึ่งครับ ส่วนตัวรู้สึกเฉย ๆ เพราะดูแล้วก็ไม่ get ไม่รู้สึกว่าจะมีอะไรที่จะมาต่อ ยอดความรู้ของผมได้ หรือผมหัวบื้อเองก็ไม่รู้นะ หลาย ๆ รูปที่เป็นแนวสตรีท ในเล่ม ดูดีครับ แต่....ไม่ทำให้เกิดแรงบันดาลใจในงานทำงานของผมง่ะคับ หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่ไม่ดี แต่ไม่เหมาะกับผมอีกเช่นกัลล์ จากคุณ : อยากจะโปร - [ 3 ส.ค. 47 21:42:53 ]

ความคิดเห็นที่ 41 อ่านผ่าน ๆ ไม่ละเอียดเท่าไหร่นะคะ นิตยสารในปัจจุบันนี้ อยู่ด้วย Ad ค่ะ ไม่ใช่อยู่ด้วยยอดขาย ที่คู่สร้างคู่สม ทำเล่มละ 20 บาทได้ พิมพ์สี่สี เพราะเค้ามี AD ที่สามารถ cover ต้นทุน แถมยังมีกลุ่มเป้าหมายที่แน่นอนว่า "ใครจะเป็นคนซื้อนิตยสาร" ซึ่งตรงนี้แหละค่ะ ที่ทำให้คู่สร้างคู่สมอยู่ได้ยั้งยืนจนถึงเด๋วนี้ จะถามว่า Natnalin สามารถตอบอะไรกับ Agency หรือ บรรดานายทุนที่จะนำเงินมาซื้อ AD ได้หรือไม่ คำตอบมันค่อนข้างคลุมเคลือค่ะ ในความคิดของหนู นิตยสารเด๋วนี้ไม่ได้อยู่ด้วยยอดขาย เพราะต้นทุนของมันน่ะ เกินราคาขายจริง ๆ แน่นอน อย่าง Image หรือ แพรว ที่พิมพ์หนาสีสวย สี่สี ต้นทุนจริง ๆ คงเกินราคาขายไปเป็นเท่าตัว แต่มันขายได้ในราคานั้น เพราะมี AD เป็นตัวอุปถัมภ์ค่ะ เพราะนิตยสารหนึ่งเล่ม ต้องเสียเงินให้สายส่งอีก 35 % ของราคาขายแล้ว มันจะอยู่ได้อย่างไรค่ะ แต่คนทำนิตยสารที่ร่ำรวยก็มีตั้งมากมาย ที่บอกมาไม่ใช่ให้ขายวิญญาณให้กับ Agency โฆษณา หรือเปลี่ยนโฉมนิตยสาร natnalin แต่น่าจะระดมความคิดที่จะทำนิตยสารให้สามารถตอบกลุ่มทุนได้ว่า "นิตยสารเล่มนี้ จะผ่านสายตาใคร มีกำลังซื้อมากแค่ไหน" มันก็จะทำให้นิตยสารอยู่ได้ แล้วก็อยู่ยืนยงต่อไปค่ะ แสดงความคิดเห็น ประมาณนี้ค่ะ จากคุณ : KQ - [ 3 ส.ค. 47 22:45:24 A:203.150.193.201 X: ]

ความคิดเห็นที่ 42 ชอบครับ งานแรงๆ โดน .. หาที่ซื้อให้ได้ก่อนสักฉบับ แล้วกันสำหรับผม ชีวิตอยู่ในคอก กะ คอม .. จากคุณ : เด็กนรกฯ - [ 3 ส.ค. 47 22:47:37 ]

ความคิดเห็นที่ 43 อยากช่วยทำแบบไม่คิดค่าแรงเลย ชอบ จากคุณ : 5488 - [ 3 ส.ค. 47 22:48:54 A:127.0.0.1 X:203.130.158.11 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ได้อ่านเรื่องจากใน thaidphoto แล้ววันนี้เจอในแผงหนังสือ ซุกอยู่กับพวกหนังสือดารา ก็เลยซื้อมาลองดู ชอบครับ ทำต่อไปครับ ผมจะอุดหนุนต่อไป ขอดูอีกสักสองสามฉบับแล้วจะสมัครสมาชิกครับ จากคุณ : suw - [ 3 ส.ค. 47 23:40:09 ]

ความคิดเห็นที่ 45 เมื่อตอนเเริ่มรุ่น ผมก็คลั่งไคล้ โคลง-ฉันท์-กาพย์-กลอน รวมทั้ง-กลอนเปล่า ศัพท์-สำนวน-สุดๆ ต้องเป็นคำโบราณมากๆ แล้วผมก็รู้สึกว่าบทกวีของผมสุดยอด(ในความรู้สึกของผม) แม่ อ่านบทกวีของผม แล้วแมาก็ถามว่า เขียนให้ใครอ่าน ไม่รู้เรื่อง จากนั้นเป็นต้นมา ผมก้เลยพยายามหาทางทำเรื่องยากๆให้เป็นเรื่องง่ายๆ และให้ง่ายที่สุดเท่าที่ทำได้ แต่ต้อง---มีอะไรอยู่ในนั้น--- จากคุณ : มังกรดำ - [ 3 ส.ค. 47 23:51:22 A:61.90.32.246 X: ]

ความคิดเห็นที่ 46 ขอโทษเคาะแป้นผิดไม่ได้ล็อคอินเลยแก้ไขข้อความไม่ได้ +++++++++++++++ แม่ อ่านบทกวีของผม แล้วแม่ก็ถามว่า เขียนให้ใครอ่าน ไม่รู้เรื่อง จากนั้นเป็นต้นมา ผมก็เลยพยายามหาทางทำเรื่องยากๆให้เป็นเรื่องง่ายๆ และให้ง่ายที่สุดเท่าที่ทำได้ แต่มันต้อง---มีอะไรอยู่ในนั้น--- จากคุณ : มังกรดำ - [ 3 ส.ค. 47 23:59:09 A:61.90.32.246 X: ]

ความคิดเห็นที่ 47 ทำหนังสือไม่เอาใจตลาด(แต่ผมเคารพความคิดเห็นของเจ้าของนะครับ) แนวหนังสือมันเข้าใจยากท ขาดการอภิบายอย่างชัดเจน คือผมไม่มีหัวศิลป์นะ ในหนังสือมีรูปถ่ายแบบพวกอาร์ตๆ แต่ไม่บอกว่าถ่ายอย่างไร ค่าอะไรเท่าไหร่ อย่างนี้ไม่มีคนซื้อหรอกครับ รูปเล่มก็ไม่ดึงดูดใจคนซื้อเห็นปก ไม่ทราบว่าเป็นหนังสือแนวไหน เจ้าของหนังสืออาจจะมีคอนเซ็บอีกอย่างหนึ่ง แต่คนซื้อยังไม่เข้าใจหรือเข้าใจมีน้อยคน เลยไม่โดนใจกลุ่มเป้าหมาย ลองคิดดูในช่วงกระแสกล้องดิจิตอลมาแรงในขณะนี้ มีกลุ่มผู้ใช้กล้องมากขึ้น ในตลาดมีแต่หนังสือแนะนำอุปกรณ์ การเลือกซื้อทดสอบกล้องเกร่อไปหมด ผมอยากซื้อหนังสือเทคนิคการถ่ายภาพจริงๆคือสอนตั้งแต่เบสิคถึงแอดวานซ์ไปเลย บอกให้ละเอียดเลย เช่น ภาพนี้ถ่ายยังไง ค่าแสงเท่าไหร่ ระบบวัดแสงอย่างไร วัดตรงไหนชี้ให้ชัดๆไปเลย จะขายได้ดีมาก เพราะคนเล่นกล้องมีเยอะ ยังไม่รู้จักวิธีใช้ที่ถูกต้อง ต้องการคนชี้แนะ ถ้าจะไปเรียนก็ไม่รู้จะไปเรียนที่ไหน อาจไม่สะดวกที่จะไปเรียนน่ะ แต่ถ้ามีหนังสือในแนวนี้คงขายดีมาก ยอมรับว่าผมและผู้ใช้กล้องมือใหม่หลายๆคนที่เริ่มเข้ามาวงการนี้ ยังขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการถ่ายภาพ ซึ่งเป็นฐานลูกค้ากลุ่มใหญ่มากกว่าพวกที่เข้าใจหลักการถ่ายภาพแล้ว ซึ่งกลุ่มนี้มีน้อย หนังสือพื้นๆจะไม่ซื้อ รอซื้อเฉพาะที่ตนสนใจเท่านั้น ก็ขอเสนอความเห็นให้เจ้าของหนังสือรับไว้พิจารณาด้วยแล้วกันครับ จากคุณ : นิคA7V333 - [ 4 ส.ค. 47 00:07:46 ]

ความคิดเห็นที่ 48 สายส่งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญ ไม่ใช่ว่าส่งหนังสือให้แล้ว - มารับไป จะได้วางแผงนะคะ บางทีส่งไปเอาไปวางค่ะ...ใต้แผง แล้วก็เก็บคืน โดนไปหลายเล่มค่ะ ไม่ขอเอ่ยนามสายส่ง สายส่งบางสาย ภาพอาร์ตมากๆ ออกแนวนู๊ด ไม่ส่ง ส่งไปก็หมก มีด้วยนะคะ พอส่งหนังสือเสร็จ ออกสำรวจตลาดบ้างก็ดีค่ะ หัวฉบับแรกๆ ถ้าทำให้ชัดเจน คนวางแผงซึ่งไม่มี ความรู้เกี่ยวกับตัวหนังสือจะหากลุ่มได้ง่าย ฉบับแรกๆ ถ้าไม่เตะตา - ไม่มีกลุ่มเสียแล้ว ฉบับหลังๆยากจะพูดถึงค่ะ ลูกค้าเหนียวแน่นกับกลุ่ม "รักแรกพบ" ของหนังสือนี่กลุ่มโตทีเดียว อย่ามองว่าการตลาดไม่เกี่ยวกับงานศิลป์ ถ้าศิลปะสื่อไปไม่ถึงคนมอง ก็ยากพบคนรู้ใจนะคะ จากคุณ : ป้าหนอน - [ 4 ส.ค. 47 01:44:42 ]

ความคิดเห็นที่ 49 แอมป์หลอดซิ แอมป์หลอด หวาน ใส ปี๋ง นี่ถ้ารู้จักกันก่อนจะทำก็จะถามนะครับว่า มีทุนสัก 10 ล้านไหมที่จะทำหนังสือ หรืออย่างน้อยก็ต้องสัก 5 ล้าน โดยเฉพาะหนังสือแบบนี้ แต่นี่ทำไปแล้ว คงไม่ถามอีก หนังสือแนวนี้ ถ้าไม่ปรับเปลี่ยน โจทย์แรกคือต้องหาสมาชิกให้เยอะที่สุดก่อน เพื่อให้ได้ต้นทุนกลับคืนมา วันนั้นมีการระดมความคิดไปพอควร คุณนรินทร์คงได้อะไรพอควรนะ ต้นทุนได้แล้วค่อยมาว่าเรื่องกำไร แต่ที่ผมเป็นห่วงคือ ช่วงที่สมาชิกยังไม่ถึงเนี้ย จะทำอย่างไร จะเอาทุนจากไหน ไม่อย่างนั้นต้องหาสมาชิกให้ได้สัก 2000 คนก่อนจะออกเล่มถัดไป ไหวหรือเปล่า หรือไม่อย่างนั้นก็ต้องปรับเปลี่ยนให้มีเนื้อหาตรงกับตลาดเข้ามาอยู่ด้วย เพื่อคุณจะได้ขอสปอนเซอร์ได้ และได้ยอดขายจากตลาดทั่วไปมากขึ้น ตรงนี้ทำได้เร็วกว่านะ จะทำธุรกิจ ก็ต้องคิดถึงธุรกิจก่อนนะ แต่ไม่ทิ้งปรัชญาของตัวเอง แต่ถ้าทำธุรกิจ แล้วยึดปรัชญาของตัวเอง (ซึ่งไม่ตรงกับตลาด) ต้องทนรับความเจ็บปวดอะไรมากมายให้ได้ สุดท้ายจะบอกว่า เจ้าของหนังสือน่ารักดี ฮิฮิฮิ แอมป์หลอดเจ๋งสุด ฮิฮิฮิ จากคุณ : หนูน้อยต้อยตีวิด.. - [ 4 ส.ค. 47 09:43:00 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ผมว่าลูกค้าคนล่ะกลุ่มมากกว่า ถามผมถ้าทำเหมือนหนังสือกล้องทั่วๆ ไป ผมก็คงไม่ซื้อ natnalin มาอ่านเหมือนกัน ตินิดนึงตรงที่ใช้ภาษาฝรั่งเศล ผมอ่านไม่ออกครับ ถ้าแปลเป็นอังกฤษหรือไทยได้ก็เยี่ยมเลย จากคุณ : Jee - [ 4 ส.ค. 47 10:34:16 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ชอบมากครับ...ผมว่านี่คือนิตยสารเกี่ยวกับการถ่ายภาพที่ดีที่สุดในประเทศไทยในช่วงนี้เลยครับ...นำเสนอเรื่องแนวคิดล้วนๆ..ไม่ใช่สักแต่จะมาแนะนำอุปกรณ์...โฆษณาเต็มรูปเล่ม..แนวคิดเป็นสิ่งสำคัญที่สุดครับ..เพราะต่อให้คุณใช้อุปกรณ์อะไรดีสุดยอดไฮเทคหรือล้าสมัยแค่ไหนสุดท้ายก็ต้องตัดสินกันที่แนวคิดของงานอยู่ดี.....นิตยสาร NATNALIN เป็นนิตยสารที่มีคุณค่ามากครับ...เปิดโลกทรรศน์ให้ผู้อ่านได้ศึกษานำเสนอแนวคิดไม่จำเจ...ชอบมากอย่าเลิกทำนะครับ (ทำไมในบอร์ดนี้มีคนเก่งแยะจังเลยแต่ไม่รู้ว่าเป็นใครมีผลงานดีเลิศขนาดไหน หรือว่าเก่งแต่ใน Internet เอ๊ะ หรือว่าเป็นผีขนุน ......ฮ่าฮ่าฮ่า อย่าคิดมากครับไปล่ะ) จากคุณ : ผีขนุนสุดเก่ง - [ 4 ส.ค. 47 20:13:39 A:202.57.183.179 X: ]

ความคิดเห็นที่ 52 เอาใจช่วยนะครับ...ได้เห็นมุมมองใหม่ๆจากนิตสารเล่มนี้บ้างเหมือนกัน.... จากคุณ : เจ้าเมือง - [ 4 ส.ค. 47 21:18:47 ]

ความคิดเห็นที่ 53 หึหึ คงไม่คิดมากครับ บางที เบื่อความเห็นเสียดสี ครับ แต่ บางทีก็คิดว่า ดีเหมือนกัน จะได้ชี้แจงเปิดมุมมอง เพราะ ประโยคนี้ .. (ทำไมในบอร์ดนี้มีคนเก่งแยะจังเลยแต่ไม่รู้ว่าเป็นใครมีผลงานดีเลิศขนาดไหน หรือว่าเก่งแต่ใน Internet เอ๊ะ หรือว่าเป็นผีขนุน ......... เท่ากับ ว่าส่วนรวมทั้งหมด ก็ขอเรียนคุณ คห. ๕๑ ดังนี้ กรณีนี้ คงไม่จำต้องมีคนเก่งเยอะหรอกครับ ประเด็น คือ วิจารณ์ให้ความเห็นได้ในฐานะผู้ ซื้อ ผู้ออกเงิน คุณ Natalin เข้ามาขอความเห็นมาขอความช่วยเหลือ ว่าทำไม เธอทำหนังสือที่ในความเห็นของเธอแล้วดีมากๆ ราคาแค่ ๖๐ บาท แต่ขายไม่ออก ขาดทุนเดือนละแสน ตอนนี้เกือบล้านแล้ว go_med จึงนำมาตั้งกระทู้ เพื่อตอบโจทย์ และสร้างความรู้จักให้หนังสือไปด้วย ความเห็นต่างๆ มองได้ว่า เขาให้ความเห็น ของคนที่มีเงิน ๖๐ บาท แต่ไม่ซื้อ บางคน ไม่เคยรู้จัก บางคนไม่ชอบ ส่วน บางคนที่ชอบมากๆ และซื้อไปแล้ว ก็ให้ความเห็นได้ ว่าทำอย่างไรจะดีกว่าที่เป็นอยู่ แต่ ทุกคนนั้น ไม่จำต้อง เก่ง มีผลงานเลิศ เท่านั้น จึงจะออกความเห็นได้ ถ้าต้องใช้มาตรฐานนี้ เท่านั้น จึงจะออกความเห็นได้ ขอเรียนถามว่า คุณ ผีขนุน เคย ดูหนัง แล้ววิจารณ์ให้ความเห็นไหม ครับ ถ้าเคย แปลว่า คุณต้อง ทำหนังเก่ง มีผลงานเลิศนะครับ จึงวิจารณ์ได้ เคย ฟังเพลง แล้ว ให้ความเห็น แปลว่า คุณ ต้อง ทำเพลง ,ร้องเพลงได้เก่ง จึงทำเช่นนั้น เคย กินอาหาร แล้ว บอกว่า อร่อย หรือ ไม่อร่อย ก็แปลว่า คุณ ต้องทำเก่ง จึงวิจารณ์ได้ เคยดูรายการทีวี แล้วบอกว่าดี/ไม่ดี ก็แปลว่า ต้องเก่ง ทำรายการทีวีมาแล้ว เป็นเลิศ จึงได้ออกความเห็นได้ ตราบใด ที่ตัวเอง ยังทำเช่นนั้นได้ ไม่รู้สึกว่ากระไร แต่ เสียดสีคนอื่นๆ ที่ทำเช่นกัน อาจเรียก double standard ได้ครับ คำนี้ในภาษาอังกฤษ ความหมาย คงทราบว่า ไม่ค่อยสุภาพนัก แต่ถ้าคุณผีขนุน ไม่เคยทำเช่นที่ว่า และเก่งจริงๆ ผลงานเลิศแล้วจริงๆ จึงให้ความเห็น ในเรื่องต่างๆ ก็ขอแสดงความนับถือครับ และอยากจะขอแสดง ตัว ช่วย ชี้นำ และยกระดับ เว็บแห่งนี้ ให้ ดีกว่าที่เป็นอยู่ แต่ ถ้าไม่ใช่ ก็ คิดเองคงได้ นะครับ ว่าสมควรทำเช่นไร ขออภัยที่ยาวไป จากคุณ : บางคนก็ไม่รู้จักผมหรอกครับ (lexusman) - [ 4 ส.ค. 47 21:49:19 ]

ความคิดเห็นที่ 54 แอมป์หลอดซิ แอมป์หลอด หวาน ใส ปี๋ง ....ผมตังม่ายมีใช้แต่แอมทำเองบ้านหม้อคับ... "....ไม่อยากให้ซีเรียสกันครับ.... ...แต่ว่า...." "มีผลงานดีเลิศขนาดไหน" ก็เฉียจาย เล็กน้อยคับ ..ชอบเมืองไทยอยู่อย่างครับ...ที่มีสงกรานต์... ไม่เกี่ยวกันแฮะ.. อยากให้หนังสือขาย ออก คร๊าบ เรื่องของเรื่อง... แต่คิดม่ายออกไม่รู้จะช่วยเขาอย่างไร... ก็ต้องมาขอความเห็น..คับ.... อย่างน้อยกลุ่มคนที่นี่ก็น่าจะจัดอยู่ในกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ อย่างน้อย(อีกเหมือนกัน)เขาก็ให้ข้อมูลมาเพียบ เหมือนทำวิจัยตลาดไงครับ (ไม่ต้องเสียเงินซักบาท) ผมว่าดีออก เนอะ... ขนาดเรียน จบการตลาดมา...(แต่ดันไปเสริฟอาหาร) ก็ยัง มองปัญหาไม่ขาด เพราะไปดูแต่งานต่างประเทศทุกเดือนเลย.. เข้าใจฝรั่งครับ แต่คนไทย บางทียังไม่ค่อยเข้าใจ แต่ใจมันอยากจะช่วย ...อ่ะคับ... ก็เลยต้องมาถามคนไทยด้วยกัน ใช้ช่วยกันคิดช่วยกันวิจารณ์...ครับ เงินม่ายมี มีแต่สมองแก่ๆ กะใจ..ครับ ก็ช่วยได้แค่นี้แหละครับ...เต็มที่แย้ว...คับ..บ กระทู้นี้จริงใจนะ...ขอ..บอก...ด้วยใจจริงๆครับ... หวังว่าสักวัน....เมืองไทยจะได้มีหนังสือดีๆ มีศิลปินดีๆ(ไม่ต้องเก่งระดับโลกก็ได้) แต่เรามันต้องช่วยกันครับ "แอมป์หลอดครับเสียงใสปิ๊ง"เชื่อแยัว ..คับ...แอมป์หลอดดีจริงๆ จากคุณ : เต็มที่แล้วครับ (go_med) - [ 5 ส.ค. 47 00:24:42 ]

ความคิดเห็นที่ 55 Oh ......อ้า ในที่สุดเมืองไทยก็มีนิตยสารภาพถ่ายที่มีคุณภาพถือกำเนิดขึ้นมาซะที ฮ่าฮ่าฮ่าๆ หลังจากที่ข้ารอคอยมานานแสนนาน ราคาไม่แพงแถมยังมีเนื้อหาที่สุดยอดด้วย.....ข้าขอประพลังแห่งการสร้างสรรค์ของข้าให้เจ้าสามารถอยู่ได้โดยที่ยังยืนหยัดบนแนวความคิดเช่นนี้...มิเช่นนั้นแล้ววงการนิตยสารภาพเมืองไทยคงถึงกาลวิบัติแน่.. จากคุณ : ช่างภาพในตำนานถือกำเนิด - [ 5 ส.ค. 47 06:59:12 A:202.57.187.125 X: ]

ความคิดเห็นที่ 56 เอานะครับ ใครจะเสียดสีก็ช่างเขาเถอะ ถ้าเป็นผู้ชายก็ไม่ต้องเอาใจใส่ แต่ถ้าสาวๆ แบบน้องแนท มาเสียด มาสี ก็ยินดีครับ ที่มาออกความเห็นแต่ละท่านเนี้ย ไม่ธรรมดานะครับ รู้จักตัวจริงแล้วจะหนาว อย่างคุณพี่ Lexusman นี่ก็เจ้าของโรงน้ำแข็ง คุณ go-med ก็เปิดร้านน้ำแข็งใส่ ส่วนผม ทายาทเจ้าของไอสครีมหมื่นล้าน ตอนนี้กำลังเปิดเสรีทางการค้าไอสครีมกับจอร์ชนุชอยู่ ส่วนคุณมังกรดำ (เออพี่ มังกรพี่ดำจริงๆ นะหรือ ฮิฮิฮิ) ก็เจ้าของร้านน้ำแข็งใสรายใหญ่ที่เยาวราช hit นี่ก็ลูกเขยเจ้าพ่อสายส่งโอเลี้ยงย่านฝั่งธน เป็นหัวคะแนนป๋าเหลิมไวไวควิก น้องสะใจโรคจิตก็เป็นเด็กยกน้ำแข็งที่ยะลา ส่วน Salanai นี่เป็นสายส่งน้ำแข็งหลอดทั่วภาคเหนือ ตอนนี้สมัครลงสมัครสส.ที่แม่ฮ่องสอน คะแนนท่วมท้น เอาใครอีกม๊ะ ฮิฮิฮิ จากคุณ : หนูน้อยต้อยตีวิด.. - [ 5 ส.ค. 47 09:25:54 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ความคิดดี ไฟแรง วิญญาณตีสต์เต็มเปี่ยมในทุกๆหน้าของหนังสือครับ แต่.... เป็นไปไม่ได้ในแง่ของธุรกิจครับ จบ.... จากคุณ : kobee - [ 5 ส.ค. 47 09:33:32 ]

ความคิดเห็นที่ 58 หลังจาก รี้ดโอลี่ ทุ้งนี้อยู่นาน เคยได้อ่านหนังสือเล่มนี้อยู่เหมือนกันครับ เนื้อเรื่องผมไม่ค่อยได้อ่าน อาศัยดูรูป เหมือนที่คุณJeeบอก แต่นับถือครับ ผมใช้ดูแนวทาง มุมมอง ในการถ่ายได้ เอาใจช่วยด้วยคนครับ จากคุณ : mOm1 - [ 5 ส.ค. 47 10:26:05 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ป้ามิชชี่ มาอ่านอีกรอบ พี่หมอ เป็นเจ้าของโรงน้ำแข็ง ผมช่วยเข็นน้ำแข็งก้อนละกัน มีแต่แรงงาน ปล.อีกอย่าง.....เอาใจช่วยคร้าบ จากคุณ : ก้อง : ) - [ 5 ส.ค. 47 13:56:01 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ใครว่าเป็นไปไม่ได้ในแง่ธุรกิจแสดงว่ายังคงมองอะไรได้ไม่กว้างพอยังอ่อนครับๆ......เมื่อเจ้าออกจากกะลา......เจ้าจะเข้าใจเอง อย่าด่วนสรุปในสิ่งที่เจ้ายังไม่รู้จริง..... จากคุณ : ช่างภาพในตำนานกำเนิดขึ้นมาแล้ว - [ 5 ส.ค. 47 15:18:30 A:202.57.176.141 X: ]

ความคิดเห็นที่ 61 อึม..... . . น่าคิดเหมือนกัน. . . แอมป์หลอดเสียงใสปิ้ง จริงๆครับ จากคุณ : go_med - [ 5 ส.ค. 47 15:52:29 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ช่ายๆๆๆ แอมป์หลอดเสียงใส รายละเอียดดีสุดยอด ฮิฮิฮิ เรานิยมแอมป์หลอด(ลดราคา) ฮิฮิฮิ คุณช่างภาพในตำนาน ( ตำนานจริงหรือ? ดูจาก IP ท่าทางจะตำแว๋บเดียวก็เสร็จแล้วม้างงง ฮ่าๆๆๆ คู่แข่งป๋าเหลิม ? ) ก็แนะนำเจ้าของหนังสือเขาหน่อยซิครับ ถ้าคุณมองออกว่าจะทำอย่างไรให้ไม่ขาดทุน แต่บอกว่ามันได้หรือไม่ได้นะ ไม่มีผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหรอกนะ ได้ จะทำอย่างไรให้ได้ ไม่ได้ แล้วจะทำอย่างไรให้ได้ จะได้ดูมีหยึกหยักที่ภายในหัวหน่อย นะนะ แนะนำน้องเขาหน่อย จากคุณ : หนูน้อยต้อยตีวิด.. - [ 5 ส.ค. 47 16:09:01 ]

ความคิดเห็นที่ 63 : ) อย่างน้อยก้อ สร้างกระแส ได้นิดหน่อยแล้วครับตอนนี้.... แต่จะ อยู่ได้นานหรืออยู่คู่แผงหนังสือได้หรือไม่ ยังต้องรอดูต่อไป เอาใจช่วยครับ เล่มไหน โดน ผมจะ อุดหนุน คำแนะนำ ... เจ้าของหนังสือลดมานะทิฐิลงหน่อยก้อดีครับ ( อาร์ตและแรงเกินไป บางที มันก้อสร้างความอึดอัดได้) ... สำหรับสิ่งที่คิดว่าเป็นจุดเด่นที่มีในหนังสือ มันก้อเป็นจุดอ่อนเหมือนกันนะ (แบบว่า ผมอ่านภาษาฝรั่งเศษไม่เป็นครับ) อวยพรให้ประสบความสำเร็จในธุรกิจ ...สื่อศิลปะ ครับ ธีรชัย. จากคุณ : Tee3307 - [ 5 ส.ค. 47 16:55:39 ]

ความคิดเห็นที่ 64 อืม... มาช่วยสร้างกระแสอีกทีครับ คนจะได้รู้จักหนังสือนี้เยอะ ๆ อีก ว่าแต่ว่าผมดูมาหลายแผงแล้ว ไม่เคยเห็นหนังสือเล่มนี้เลยครับ ผมว่าสายส่งนี่ก็สำคัญนะครับ อย่าประมาทเชียว เหมือนน้ำปลาแหละ บ้านผมขายของ ของอะไรลูกค้าก็ซื้อทั้งนั้นแหละครับถ้าอยู่ใกล้มือ หรือคนขายแนะนำให้ซื้อ(อุปมาคนขายก็คือสายส่งนั่นเอง) บ้านผมพอน้ำปลาทิพรสหมด ลูกค้าก็จะเอาแต่ทิพรส ทำไงได้ ก็มันติดตลาดนี่ ผมก็แนะนำตราปลาหมึกแทน หยิบให้แล้วบอกเหมือน ๆ กันนั่นแหละ เค้าก็เอาโดยไม่ลังเล จากคุณ : pop - [ 5 ส.ค. 47 17:05:42 A:202.176.161.34 X: ]

ความคิดเห็นที่ 65 ของทุกอย่างนีก็เหมาะกับคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น หนังสือเล่มที่ว่านี่ก็ต้องโดนเข้าซักกลุ่ม แต่กลุ่มมันคงเล็กน่ะ ว่าแต่ผมเป็นพวกเสพติดแผงหนังสือยังไม่เคยเห็นเลย ไม่รู้มันรอดตาไปได้ไง ถ้ากำลังใจจากกองเชียร์บวกกับคห.ต่างๆ มีโอกาสไปถึงเจ้าของ ก็ขอให้ตรองดีๆ ว่าอันไหนความฝันอันไหนความจริง ถ้ามีแผนชัดเจนและมีความพร้อมจะสู้ต่อก็คงไม่มีใครฉุดอยู่หรอก ถ้าไปไม่ไหวก็กลับมาตั้งหลักใหม่ ที่ทำมานี่ก็นับว่าสำเร็จระดับหนึ่งแล้ว ลองเลือกเดินบนทางที่ต่างไปบ้าง ก็อาจได้เห็นวิวใหม่ๆ คนหน้าตาแปลกไป หล่อๆ สวยๆ แตกต่างไปจากเดิม มาถึงตรงนี้ก็ปลงตัวเองจริงๆ เจ้าของเขาก็ไม่ได้มาโอดครวญอะไร แค่มือที่สองเอามาฝากก็ตามน้ำเขาไปด้วยจนยาวเป็นหางว่าว จากคุณ : kit_p - [ 5 ส.ค. 47 17:16:44 A:61.90.55.56 X: ]

ความคิดเห็นที่ 66 http://www.shirodog.com/flash/Natt.html ดูรูปน้องแนทกันดีกว่า จากคุณ : หนูน้อยต้อยตีวิด.. - [ 5 ส.ค. 47 18:01:18 ]

ความคิดเห็นที่ 67 เขาว่าหาโฆษณามาลงไม่ได้..แต่เขาสามารถหางานของช่างภาพสารคดีระดับโลกให้คนไทยมาได้ชมกัน...ซึ่งตามปกติแล้วเนี่ยงานภาพถ่ายระดับนี้ ( ดูในเล่ม10นะ ) จะเอามาลงนิตยสารทั่วไปไม่ได้ง่ายๆนะครับ ( ภาพคุกการเมืองในไซบีเรีย ) และ ซึ่งสิ่งที่ทำให้เจ้าของงานเขาอนุญาติก็คือเขาชอบผลงานของช่างภาพชาวในไทยนิตยสารนั่นเองครับ......ผมว่าถ้าช่างภาพผลิตงานคุณภาพได้สม่ำเสมอล่ะก็ยังไงๆมันก็ไม่เจ็งหรอกครับ...สบายมากไม่ขาดทุนหรอก ยังไงก็อยู่ได้ถ้าคิดจะอยู่ จากคุณ : ยังไงก็อยู่ได้ถ้าคิดจะอยู่ - [ 5 ส.ค. 47 18:32:16 A:202.57.183.187 X: ]

ความคิดเห็นที่ 68 เคยได้ยินมาบ้าง แต่ยังหามาอ่านไม่ได้เลยค่ะ ... เลยยังไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง .. จากคุณ : Blue Whale - [ 5 ส.ค. 47 18:39:56 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ไม่เคยซื้อครับ แต่เคยอ่านอยู่เล่มนึง (ของรุ่นพี่ท่านนึงซื้อมา) บอกตามตรงว่า ผมคงเข้าไม่ถึง แล้วก็รู้สึกว่า เจ้าของหนังสือ ทำหนังสือ "ตามใจตัวเอง" มากเกินไป ถ้าอยากให้มีความคุ้มค่าทางธุรกิจ เจ้าของหนังสือคงต้องปรับเปลี่ยนแนวบ้าง หรือไม่ก็ต้องมาดูว่า จะหาอะไรมาช่วยพยุงหนังสือไว้ได้บ้าง - การสมัครสมาชิก - การจัดอบรม (เหมือนกำลังจะทำอยู่) - การโปรโมท -ให้ตรงจุด ตรงกลุ่ม (กระทู้นี้ก็เหมือนเป็นการโปรโมทได้กลาย ๆ เหมือนกัน)  ;-) และอีกหลาย ๆ อย่างครับ แก้ไขเมื่อ 05 ส.ค. 47 19:03:35 จากคุณ : ..::anubis::.. - [ 5 ส.ค. 47 19:02:41 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ชื้อมาอ่านสี่เล่มแล้วครับ 7 8 9 10 ชอบเพราะแปลกดี ไม่มีคำแนะนำใดๆ ถ้ายังทำต่อไป เดินไปแผงหนังสือเจอก้อจะซื้อครับ จากคุณ : น้าเอ๋ - [ 5 ส.ค. 47 19:21:24 A:202.183.201.163 X: ]

ความคิดเห็นที่ 71 จะเจ๊งก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ครับ ต้องยอมรับ แต่ยังไงๆ คุณนัทก็โชคดีแล้ว ที่ช่วงนึงในชีวิต ได้มีโอกาสทำอะไรตามใจของตัวเอง แล้วก็มีคนให้กำลังใจมากมาย ผมอิจฉานะ อยากมีโอกาสเช่นนี้บ้าง ทุกวันนี้ก็ทำงานหาเงิน กะว่าได้สักก้อนนึงแล้วจะทิ้งทุกอย่างไปเรียนวาดภาพธังการ์ที่อินเดียสัก 5-6 ปี เกือบจะเป็นจริงแล้วล่ะ นัทนลินทำมาได้ถึงขนาดนี้แล้ว 10 เล่มก็ไม่น้อยเลยนะ ถ้าเกิดต้องปิดตัวไปจริงๆ คนมีกึ๋นคงไม่ยากหรอก ที่จะเริ่มอะไรใหม่ๆ ได้อีก จากคุณ : eudzilly - [ 5 ส.ค. 47 23:14:13 A:202.183.162.35 X: ]

ความคิดเห็นที่ 72 รวมเล่มก่อน.... มายุให้รวมเล่มอย่างเดียว อิ อิ จากคุณ : Michy - [ 7 ส.ค. 47 00:13:21 ]

ความคิดเห็นที่ 73 อ่านกระทู้นี้แล้วอยากสนับสนุนครับ วันนี้เลยไปควานมาจาก นายอินทร์ FoodLand เล่ม 10 ผิดหวังครับ คุณภาพไฟล์ที่นำมาพิมพ์ไม่ดี ขนาดกระดาษก็ดีพอใช้ นึกว่าจะได้ชมภาพขาวดำสะท้านฟ้า กลับเป็นภาพไร้คอมโพสิชั่น ไร้โฟกัส ภาพฝีมือตากล้องระดับโลกยังดูไม่จืดเลย แนวสตรีทไลฟ์ คัลเชอร์ หรืออาร์ตนูโว ที่ผมชมภาพจากหนังสือและเว็บนอกมันไม่ใช่แบบนี้ครับ นี่คงเป็นการถ่ายภาพแนวใหม่ครับ ที่เรียกว่า Wanna-be- Art จริงๆ อยากให้ความเห็นจากคนซื้อหนังสือคนนึงซึ่งซื้อเยอะมาก แต่กลัวจะถูกตอกกลับครับ ต้องขออภัยที่ติอย่างเดียว หากจะให้แนะนำก้อคือ ตัดตัว Wannabe ออก แล้วจะมองแผนงานทำหนังสือได้ชัดเจนกว่านี้ครับ จากคุณ : นักอ่านครับ (DZL) - [ 8 ส.ค. 47 01:00:11 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ผมว่าเค้าคงจะไม่ใช่ Wannabe ในแบบที่คุณคิดหรอกครับ.. เปรียบเทียบกับนิตยสารภาพถ่ายอื่นๆแล้วน่าสนใจกว่าตั่งแยะ ว่าแต่ (นึกว่าจะได้ชมภาพขาวดำสะท้านฟ้า กลับเป็นภาพไร้คอมโพสิชั่น ไร้โฟกัส ภาพฝีมือตากล้องระดับโลกยังดูไม่จืดเลย ) โอ้โฮ ก็ลองแนะนำไอ้ที่คุณว่ามันเจ็งๆมาหน่อยเหอะ...จะได้รู้ว่าในเมืองไทยยังมีคนเก่งขนาดนี้ด้วยซ่อนอยู่ด้วย.... อย่าทำตัวเป็นอีแอบอยู่เลย...กล้าๆหน่อย... จากคุณ : sexphoto - [ 8 ส.ค. 47 08:50:02 A:202.57.176.205 X: ]

ความคิดเห็นที่ 75 Phototech , CameraArt , Focusing เล่มหลังเนี่ยผมยังวางไม่ลงเลยครับ ให้ไปดูแต่คุณภาพการพิมพ์นะครับ เพราะหนังสือเป็นคนละแนว ผมเป็นคนชอบภาพขาวดำมากครับ แต่ไม่เคยเห็นภาพขาวดำคุณภาพแย่แบบนี้มาก่อน ไฟล์ภาพที่จะนำไปพิมพ์ภาพในหนังสือควรตั้งค่าที่ 300 dpi ครับ เป็นขาวดำก็ควรจะเป็น 24 bit  ลองไปดูที่โรงพิมพ์นะครับ ว่าเค้าตั้งค่าก่อนพิมพ์ไว้เท่าไร  ทำหนังสือมาตั้ง 10 เล่มแล้วและมีความรู้ด้านภาพพิมพ์น่าจะละเอียดกว่านี้  ไม่งั้นจะเป็นการดูถูกผู้ซื้อ  ผมทำพ็อคเก็ตบุ๊คเล็กๆ อยู่ เป็น Hobby ไม่เกี่ยวกับเรื่องกล้องแต่พอจะทราบอยู่บ้าง  ว่าถ้าคุณภาพไฟล์ไม่ดี แม้ต้นฉบับจะฝีมือเลอเลิศ พิมพ์ออกมาก็ดูไม่ดี ผมหมายความอย่างนั้นครับ ที่ผมวิจารณ์มาอาจรุนแรงไปมากก็ต้องขออภัย แต่มันเป็นความรู้สึกเสียดายตังค์ไงครับ  นอกจากคุณภาพการพิมพ์แล้ว  หนังสือแนวใหม่ควรมีตัวอักษรที่โตพอควรและเข้มชัดเจน เนื่องจากคนยุคใหม่อ่านหนังสือระหว่างเดินทางกันเยอะ เรื่องราวสารคดีประกอบภาพควรให้น่าสนใจขึ้นอีกนิด  ทำการบ้านหน่อยครับว่าคนอ่านอยากอ่าน อยากดูอะไร  เช่นชีวิตคนขายของตามคลองถม หรือสะพานพุทธตอนเย็นๆ  สัมภาษณ์และถ่ายรูปพวกเค้ามาในแนวศิลป์ๆก็ได้ครับ   ผมถือว่าผู้ซื้อหนังสืออาร์ตเป็นผู้เสพย์งานศิลป์  ย่อมมีสิทธิ์จะวิพากษ์วิจารณ์  ในหนังสือดังกล่าวมีหลายภาพมากที่จัดได้ว่าแย่  น้องๆ มือใหม่ในห้องกล้องหลายท่านยังถ่ายได้ดีกว่าซะอีก  การจัดรูปเล่มไม่จ๊าบพอ มีให้ติแทบทุกจุด  หากจะไล่รายหน้าเลยก็ยาวยืดครับ ที่สำคัญ หนังสือเล่มนี้บ่งบอกถึง Ego ในแนวทางผิดเพี้ยนทำให้เซียนในห้องกล้องหลายท่านที่ทำหนังสืออยู่และประสบความสำเร็จไม่ลงมาออกความเห็นใดๆ  เพราะกลัวจะเป็นการสอนหนังสือแก่สังฆราช อีกอย่างเรื่องภาพถ่ายนั้น  หากจะเป็นการนำเทคนิคถ่ายภาพแนวใหม่จากต่างประเทศมานำเสนอก็ควรพิจารณาให้มาก  เพราะคนรุ่นใหม่เค้านิยมถ่ายภาพและมีความรู้มากขึ้นกว่าเดิม เค้าเรียนรู้มาจากรุ่นพี่ และตำรา เรื่องคอมโพสิชั่น  โฟกัส  อันเดอร์ โอเวอร์  จุดดึงดูดใจของภาพ  หากมีใครจบนอกมาแล้วบอกว่าให้สลัดหลักทุกอย่างไปหมด  ก็จะทำให้เด็กรุ่นใหม่มีค่านิยมและความเชื่อเป๋ไปได้ ขอพักกินน้ำแป๊บครับ คอแห้ง .... แก้ไขเมื่อ 08 ส.ค. 47 14:14:19 จากคุณ : DZL - [ 8 ส.ค. 47 14:10:45 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ก่อนอื่นขอร้องน้องๆ เพื่อนๆ นักปั่นกระทู้ทุกท่านที่ผมรู้จัก ว่ากรุณาอย่าถอดล็อกอินมาโต้ตอบ หรือเสียดสีผู้ที่มีความเห็นไม่ตรงกับเรานะครับ  เพื่อจะได้ตัดปัญหาเรื่องการแบ่งพวกทะเลาะกัน  กระทู้นี้ว่ากันด้วยเหตุผลเพียวเพียวครับ ยกตัวอย่างเรื่องภาพยนตร์ครับ  มียุคนึง สตูดิโอในฮอลลีวู้ดไปจ้างผู้กำกับมิวสิควีดีโอมา  ทำให้หลายๆเรื่องเน้นฉีกแนวในการถ่ายทำไป เช่นเอียงกล้อง เขย่ากล้อง โฟกัสเบลอร์ ตัดต่อรวดเร็ว ซ้อนภาพวูบวาบ จนคนดูปวดตา เดินออกมาปวดหมอง  บ้างก็จัดแสงแบบแปลก อันเดอร์หรือโอเวอร์ไปบ้าง  ทำให้หลายคนไปไม่ถึงดวงดาว  และที่ยังทำหนังอยู่ได้ก็ปรับแนวทางมาทำหนังและถ่ายทำตามแบบสากลนิยม  ไอ้เอียงกล้องเขย่ากล้องเริ่มหายไปแล้ว และผู้กำกับเหล่านั้นก็ไม่มีใครหลงตัวเองออกมาว่าผู้ชมของตนเป็นเต่าล้านปี หัวเก่าไม่เข้าใจในศิลป์แต่ประการใด เค้าเหล่านั้นค่อยๆ ปรับตัวปรับแนวทางของตนอย่างอ่อนน้อมและทำตัวเป็นแก้วน้ำที่ว่างเปล่า ที่พร้อมรับความรู้และคำติชม จริงๆ ผมเป็นคนชอบแหกกฏ ชอบชมงานศิลป์แบบแหวกแนวไม่ยึดติดกับหลักการ  แต่ภาพที่ดีเหล่านั้นก็ยังมีหลักและระเบียบแบบแผนในตัวเอง  ไม่ใช่ว่าถ่ายเด็กขายพวงมาลัย แต่โฟกัสจุดสนใจไปอยู่ที่ปฏิทิน  หรือคนหัวขาด ชามกองโต  มันสื่ออะไรไม่เด่นชัด  จะเป็นรูปในแนวนามธรรมมันก็ไม่ใช่ เมื่อเช้านี้เพื่อนผมที่เคยเรียนด้ายภาพถ่ายและสิ่งพิมพ์จาก UCLA เข้ามาเยียม คุยเรื่องงานทีวีกัน  ผมให้เค้าดูหนังสือเล่มนี้  เค้าพลิกดู 2-3 หน้า ส่ายหัวดิกๆ แล้วก็ส่งคืน  ไม่พูดไม่จาไม่ออกความเห็นใดๆ  พูดแต่ว่า " อย่าถาม Ku นะ " ที่แน่ๆ เค้ามีความรู้สึกโมโหครับ  และไม่ใช่ความรู้สึกอิจฉาแน่นอนเพราะหมอนี่เป็นเจ้าของบริษัทโฆษณาชื่อดัง เป็นนักเล่นกล้องและนักถ่ายภาพแนวสตรีทไลฟ์ตัวยง สำหรบผมๆ คงจบแค่นี้ครับ  ใครจะมาต่อว่าผมอีกก็ไม่ว่ากัน  และผมจะให้โอกาสหนังสือเล่มนี้อีกครั้งครับ  หากยังไม่พัฒนา (อย่างน้อยก็คุณภาพงานพิมพ์) ผมคงไม่อุดหนุนอีกต่อไปเพราะเล่มนี้เสียดายเงินจริงๆ ขอโทษอีกครั้งที่พูดตรงๆครับ แก้ไขเมื่อ 08 ส.ค. 47 14:50:41 แก้ไขเมื่อ 08 ส.ค. 47 14:49:57 จากคุณ : DZL - [ 8 ส.ค. 47 14:43:25 ]

ความคิดเห็นที่ 77 อืม.....ผมซื้อ Natnalin มาอ่านประมาณ 5-6 เล่มได้แล้วครับ และผมก็ ติดตามอ่านนิตยสารถ่ายภาพอย่าง Phototech , CameraArt , Focusing มาเหมือนกัน ก็นับมาตั่งแต่สมัย Shutter Photography โน่น....จะเรียกได้ Shutter Photography เป็นแนวตัวอย่างความสำเร็จ ของนิตยสารถ่ายภาพที่เราที่เราเห็นทั่วไปในบ้านเราก็ว่าได้.. (สมัย ShutterPhoto ยุคแรกๆน่ะผมว่าสุดยอด ) ซึ่งระยะหลังๆนี่นิตยสารแนวนี้ผมก็ไม่ได้ซื้อมาอ่านซักเท่าไร...เพราะถ้าผมอยากรู้ข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ถ่ายภาพเนี่ย จะหาอ่านจากทาง อินเตอร์เน็ตซะมากกว่า ภาพถ่ายในเล่มก็มักจะเป็นภาพทดสอบอุปกรณ์ซะเป็นส่วนใหญ่.. ( แนวคิดแบบทดสอบอุปกรณ์น่ะครับดูแล้วรู้สึกแบบเห็นแล้วไม่เกิดความรู้สึกมีสาระทางศิลปแต่อย่างใด ) ซึ่งอาจจะถูกบดบังด้วยอำนาจของเงินทุนของบริษัทผลิตกล้อง.ฟิล์ม.. หรืออะไรต่อมิอะไรซึ่งมันก็วนๆกันไม่กี่ยี่ฮ้อ ดูแล้วไม่มีความเป็นตัวของตัวเองเลยครับ...และเมือยิ่งออกมาเรื่อยๆเรื่อยๆ .. อืมผมว่ามันยิ่งแย่ลงเรื่อยๆนะ..เวลาซือ้รู้สึกเหมือนถูกหลอกน่ะ แต่เมื่อได้มาอ่าน Natnalin ผมกลับเกิดความรู้สึกแตกต่างออกไปรู้สึกว่า...ได้...อะไรมากกว่าน่ะ อืม..และเท่าที่อ่านความคิดเห็นที่ผ่านๆมานะครับก็จะมีเห็นด้วยครับที่คุณของภาพขาวดำแต่ผมว่ามันไม่ได้แย่ถึงขนาดนั้นซะหน่อย..ลองเปรียบเทียบกับนิตยสารถ่ายภาพอื่นๆแล้วบางเล่มต่อให้คุณภาพกระดาษหรือสแกนและพิมพ์ออกมาดีแค่ไหนแต่ภาพที่นำมาลงเนี่ยไม่ดีมันก็ไม่มีความหมาย....ซึ่งถ้าจะให้ความสำคัญกับจุดนี้ซะหน่อยก็คงไม่ยากอะไร....และก็เรื่องหาซื้อก็สำคัญ...ในส่วนเนื้อหาในนิตยสารผมชอบบทสัมภาษณ์มากครับ...ไม่ว่าจะเป็น..ช่างภาพชาวไทยหรือชาวต่างชาติที่นิตยสารนำมาลง...หรือ...ชีวิตคนธรรมดาที่เราๆเห็นกันอยู่ทุกวันก็ทำออกมาได้ดีครับ...ตรงกับConceptของนิตยสารดี ..............จะว่าไปที่กล่าวมาทั้งหมดเนี่ยอาจจะเป็นความเห็นที่ผิดก็ได้กับการที่เอานิตยสารถ่ายภาพคนละแนวมาเปรียบเทียบกัน.....นิตยสารต่างๆก็มีมาตรฐานต่างกันไปคนละแบบ...เหมือนกับการกินอาหาร.... จากคุณ : zeromission - [ 9 ส.ค. 47 01:13:26 A:202.57.183.143 X: ]

ความคิดเห็นที่ 78 นั่นดิ...ไม่ควรจะเอามาเปรียบเทียบกันอยู่แล้ว ถ้าให้คนชอบ Phototech , CameraArt , Focusing มาชอบNatnalin คงจะยากเพราะมันเป็นคนละแนวกัน จากคุณ : คิดเหมือนกันเลย - [ 9 ส.ค. 47 01:26:21 A:202.57.183.143 X: ]

ความคิดเห็นที่ 79 zeromission - [ 9 ส.ค. 47 01:13:26 A:202.57.183.143 X: คิดเหมือนกันเลย - [ 9 ส.ค. 47 01:26:21 A:202.57.183.143 X: ผีขนุน 202.57.183.179 ช่างภาพในตำนาน คคห 55 202.57.187.125 ยังไงก็อยู่ได้ถ้าคิดจะอยู่ 202.57.183.187 น้าเอ๋ 202.183.201.163 ช่างภาพในตำนาน คคห 60 202.57.176.141 eudzilly 202.183.162.35 sexphoto 202.57.176.205 เซิร์ฟเวอร์เดียวกัน e-go-net เปลียนเบอร์โทร จากคุณ : ออฟฟิศบอย - [ 9 ส.ค. 47 20:41:34 A:203.113.36.6 X:203.150.217.113 ]

ความคิดเห็นที่ 80 : น้าเอ๋ - [ 5 ส.ค. 47 19:21:24 A:202.183.201.163 X: ]       ของผมของแท้ครับ      บางทีอยู่ที่ที่ทำงานก็ไม่สะดวกล็อกอินครับ   ไม่เคยเปลี่ยนชื่อครับ แก้ไขเมื่อ 10 ส.ค. 47 11:51:57 จากคุณ : ตัวจริง (น้าเอ๋) - [ 10 ส.ค. 47 11:47:45 ]

ความคิดเห็นที่ 81 Concept ดีครับ แต่ต้องปรับปรุงเรื่อง Document อีกหน่อย ยังไม่ดึงดูดให้รู้สึกว่าน่าอ่านเท่าที่ควรครับ อีกอย่าง ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ พออ่านได้ครับ แต่พอไปเจอภาษาฝรั่งเศส ไม่ไหวครับ จนปัญญาจริง ๆ จากคุณ : PaTiOrA - [ 13 ส.ค. 47 14:33:23 A:167.206.189.3 X: ]