ความคิดเห็นที่ 1 ก่อนอื่นขอให้ข้อมูลเกี่ยวกับกล้องตัวนี้ก่อนนะครับ Pentax ME Super จัดเป็นกล้องระดับรอง Top ในอนุกรม M ของ Pentax แต่ Pentax ME Super กลับมีในสิ่งที่กล้องรุ่น Top อย่าง Pentax MX ไม่มี คือ 1. ช่วงของ Speed Shutter ที่กว้างกว่าคือจาก 4-1/2000 วินาที ในขณะที่ MX อยู่ที่ 1-1/1000 วินาทีเท่านั้น 2. มีระบบควบคุมการถ่ายภาพแบบ Av ซึ่งช่วยให้สามารถถ่ายภาพได้รวดเร็วขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาในการปรับ 3. การทำงานสัมพันธ์กับแฟลชสูงสุดที่ 1/125 วินาที ในขณะที่ MX สัมพันธ์กับแฟลชที่ 1/60 วินาทีเท่านั้น 4. ม่านชัตเตอร์ทำจากโลหะ ซึ่งทนทานกว่าม่านผ้าของ MX และกลไกการทำงานของ Shutter ก็นุ่มนวลกว่า จากคุณ : Den KX - [ 24 ต.ค. 48 12:34:54 ]

ความคิดเห็นที่ 2 สิ่งที่มันขาดไปสำหรับกล้องระดับโปรมีเพียง 2 อย่างเท่านั้น คือ 1. ระบบเช็คชัดลึก 2. ภาพของความทนทาน ขณะที่ MX หรือ K1000 ใช้แบตเตอรี่ในการวัดแสงเพียงอย่างเดียว ในขณะที่  ME Super จำเป็นต้องใช้แบตเตอรี่ในการควบคุมการทำงานของ Shutter ด้วย จากคุณ : Den KX - [ 24 ต.ค. 48 12:35:53 ]

ความคิดเห็นที่ 3 แต่สำหรับข้อสองแล้วเราจะเห็นว่ากล้องรุ่นใหม่ๆ ล้วนใช้แบตเตอรี่ในการควบคุมการทำงานของชัตเตอร์หมดทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น Nikon F4, F5, F6 ตลอดไปจนถึงตระกูล F ของ Nikon ทุกรุ่นที่เป็นกล้อง Auto Focus Canon EOS ทุกรุ่น Minolta ตระกูล Dynax ทุกรุ่น Pentax ตระกูล Z และ MZ ทุกรุ่น ดังนั้นข้อกล่าวหาที่ 2 นี้จึงไม่เป็นธรรมต่อเจ้า ME Super นี้แม้แต่น้อย จากคุณ : Den KX - [ 24 ต.ค. 48 12:36:38 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ดังนั้นสิ่งที่ขาดหายไปจริงๆ ของ ME Super ที่มันควรจะมีคือ ระบบเช็ดชัดลึก อย่างเดียวเพียงเท่านั้น โดยส่วนตัวผมก็แก้ปัญหาเรื่องนี้โดยการใช้เลนส์เกลียวร่วมกับ ME Super เนื่องจากคุณสมบัติพิเศษของเลนส์เกลียวที่เหนือกว่าเลนส์เมาท์ K คือ มันจำเป็นต้องวัดแสงแบบ Stop down ดังนั้นเมื่อใดที่เราวัดแสงแบบ Stop down นั้นคือมีการหรี่ของ diaphragm ที่หน้าเลนส์ และมันคือการเช็ดชัดลึกไปในตัวนั้นเอง จากคุณ : Den KX - [ 24 ต.ค. 48 12:38:39 ]

ความคิดเห็นที่ 5 สรุปว่าเมื่อนำเลนส์เกลียวมาใช้กับ ME Super เราจะสามารถแก้ปัญหาเรื่องการเช็คชัดลึกได้ แต่ก็จำเป็นที่จะต้องเสียเวลาในการทำ Stop down metering จากคุณ : Den KX - [ 24 ต.ค. 48 12:40:10 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ผมได้กล้องตัวนี้มาเมื่อต้นเดือนสิงหาคม ปีที่แล้ว และได้ใช้งานมันอย่างสนุกสนาน จนสองเดือนต่อมา อาการเจ็บไข้ได้ป่วยก็เริ่มมาเยือนคือ มันมีอาการม่านชัตเตอร์ ค้าง อาจจะเนื่องจากอายุการใช้งานที่ยาวนานของมันจากเจ้าของเดิมทำให้ฝุ่นเข้าไปขัดในม่านชัตเตอร์ และเมื่อทดลองใช้น้ำมันไฟแช๊คหยอดและใช้นิ้วเขี่ยช่วยก็ทำให้มันกลับมาทำงานอย่างปกติ จากคุณ : Den KX - [ 24 ต.ค. 48 12:42:01 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อีกห้าเดือนต่อมาคือประมาณกลางเดือน มีนาคมปีนี้ ผมก็ได้นำมันไปเขาค้อ พร้อมกับ Pentax ME เป็นกล้องสำรอง มันก็เกิดอาการสูญเสียการควบคุมการทำงานของชัตเตอร์ คือชัตเตอร์ทำงานที่ 1/125 วินาทีเพียง speed เดียว เท่านั้นไม่ว่ากล้องจะวัดแสงในระบบ Av ได้เป็นเท่าใด โชคดีที่มีกล้องสำรองไปด้วย ME ก็ได้ทำหน้าที่ของมันได้อย่างสมบูรณ์ จากคุณ : Den KX - [ 24 ต.ค. 48 12:44:31 ]

ความคิดเห็นที่ 8 จึงจำเป็นที่มันจะต้องไปพบช่างเพื่อตรวจรักษา ซึ่งผมก็ได้ไว้ใจร้าน อ. ที่ภิรมย์พลาซ่า ซึ่งช่างคิดค่าซ่อมถึง 1.200 บาท เมื่อรวมกับค่าตัวที่ผมซื้อมันมา 3,200 บาท ทำให้มันมีค่าตัวรวมแล้วสะระตะเป็น 4,400 บาท เนื่องจากภาระกิจรัดตัว หลังซ่อมเสร็จจึงฝากน้องที่ทำงานไปรับกล้องให้ และผมก็ไม่ได้มีเวลาตรวจสอบโดยละเอียด ได้แค่ตรวจสอบว่า Shutter ทำงานสัมพันธ์กับระบบวัดแสงเป็นปกติเท่านั้น จากคุณ : Den KX - [ 24 ต.ค. 48 12:45:32 ]

ความคิดเห็นที่ 9 สี่เดือนต่อมา คือกรกฎาคมที่ผ่านมานี้ ซึ่งเป็นเวลาที่หมดระยะการรับประกันการซ่อมแล้ว ผมได้เอามันออกมาใช้อีกครั้งหนึ่ง และเพิ่งจะพบว่าระบบวัดแสงของมันผิดปกติ คือวัดแสงได้สูงกว่าสภาพแสงจริง มีผลทำให้ภาพออกมา under ซึ่งผมรู้ตั้งแต่ถ่ายไปได้เพียงไม่กี่ภาพ จึงถอดฟิล์มออกและนำไปใช้กับกล้องตัวอื่นต่อไป จากคุณ : Den KX - [ 24 ต.ค. 48 12:46:12 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ผมได้พยายามตรวจสอบเพื่อดูว่าอาการของมันเป็นอย่างไรบ้าง พบว่าระบบวัดแสงรวนแบบไม่มีรูปแบบ คือมั่วไปหมด อาการหลักๆ คือวัดแสงได้สูงกว่าค่าแสงจริง และไม่สามารถหาความสัมพันธ์กับ ISO ได้ จึงไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการปรับ ISO เพื่อหลอกกล้องให้ได้ค่าแสงตรง ด้วยความรักและอาลัยในกล้องตัวนี้มากจึงพยายามที่จะทำให้มันกลับมาใช้ได้อีก จึงตัดสินใจส่งมันไปซ่อมที่ร้าน ฮ. หน้าเซ็นทรัลลาดพร้าว บอกกับทางร้านว่าระบบวัดแสงรวน ต้องการเปลี่ยนระบบวัดแสง จากคุณ : Den KX - [ 24 ต.ค. 48 12:47:29 ]

ความคิดเห็นที่ 11 หลังจากติดตามอยู่ 2 ครั้งในระยะเวลาเดือนกว่าๆ ก็หมดหวังเพราะทางร้านบอกว่าไม่มีอะหลั่ย ผมจึงจำเป็นต้องไปรับกล้องกลับคืนมา โดยที่ทางร้านไม่ได้คิดค่าซ่อม และในระหว่างที่รอกล้องตัวนี้ก็มีคนนำ ME Super ในสภาพสุดแจ่มมาขายให้กับผม และผมได้ตัดสินใจซื้อไว้ จากคุณ : Den KX - [ 24 ต.ค. 48 12:48:25 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เมื่อรับกล้องกลับคืนมา เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมานี่เอง ผมได้ลองนำกล้องมาสอบเทียบค่าแสงกับกล้องดิจิตอล Casio QV 4000 ของผม พบว่าการวัดแสงใกล้เคียงกัน และกลับมาลองที่บ้านอีกครั้งในวันเสาร์ที่ผ่านมานี้กับ Nikon FA พบว่าได้ค่าแสงที่เท่ากัน กลายเป็นว่าผมได้กล้องกลับมาในสภาพที่ระบบวัดแสงทำงานปกติ โดยที่ทางร้านก็ไม่ได้เปลี่ยนระบบวัดแสงให้ จากคุณ : Den KX - [ 24 ต.ค. 48 12:49:44 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เหตุการณ์จึงน่าจะเป็นว่า ร้าน อ. ซ่อมเสร็จแล้วแต่อาจจะมีปัญญาเรื่องการประกอบหรือการเดินสายวงจรผิดปกติไป ทำให้ระบบวัดแสงเพี้ยน และร้าน ฮ. ทำให้มันกลับคืนในสภาพที่ถูกต้องโดยไม่ได้เปลี่ยนระบบวัดแสง ทำให้ระบบวัดแสงกลับมาทำได้โดยปกติ ตอนนี้ผมจึงมีเจ้า ME Super ไว้ครอบครองถึง 2 ตัว และที่เขียนมาทั้งหมดนี้ ไม่ได้เขียนมาเพื่อขายกล้องแต่ประการใด กล้องที่ผมมีผมก็คงจะเอาไว้เก็บสะสมตัวนึง และเอาไว้ใช้งานตัวนึง จากคุณ : Den KX - [ 24 ต.ค. 48 12:50:41 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ที่อยากจะบอกคือ ME Super เป็นกล้องที่ใช้งานง่าย ทนทาน และราคามือสองสมเหตุผล สภาพดีๆ ราคาไม่เกิน 4000 บาทพอเล่นได้ บอดี้มีขนาดเล็ก พกพาสะดวก เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น หรือผู้ที่ต้องเดินทางบ่อยๆ จากคุณ : Den KX - [ 24 ต.ค. 48 12:51:37 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ลองหาเลนส์เมาท์ K หรือเลนส์เกลียวตัวเล็กๆ ขนาด 28,35 หรือ 50 มม. มาลองใช้ร่วมด้วยดู และสำหรับผู้ที่ชอบ Range Finder อย่าง Leica M6 แต่ทุนทรัพย์ไม่พอ ลองเล่นตัวตัวนี้ดูครับ ราคาอาจจะเพียง 1/15 ของ Leica แต่คุณภาพผมว่าไม่น่าน้อยกว่า 80% ของ Leica นะ จากคุณ : Den KX - [ 24 ต.ค. 48 12:52:28 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ความสุขในการถ่ายภาพไม่จำเป็นต้องมี DSLR ราคาแพงๆ ครับ สำหรับผม ME Super + เลนส์เกลียวดีๆ ซักตัว ก็มีความสุขกับการถ่ายภาพได้แล้ว และ Film Camera Story ของผมกับเจ้า ME Super ก็ได้เวลาเริ่มต้น Episode II แล้วครับ จากคุณ : Den KX - [ 24 ต.ค. 48 12:53:29 ]

ความคิดเห็นที่ 17 กินของขม... ชมของขาว... เล่าความหลัง... ....หุ.หุ.หุ.... จากคุณ : นายฉาบฉวย - [ 24 ต.ค. 48 13:25:42 ]

ความคิดเห็นที่ 18 นู๋ก็ มี ME Supper อยู่ 1 ตัว อ่ะ สภาพ ยังพอแจ่ม วัดแสง เพี้ยนหรือเปล่า ไม่รู้ เพราะไม่เคยเทียบ แต่ เท่าที่ใช้ดู ก็ โอเช ดี ค๊าบบ อ้อ ช่าย ตอนนั้น ซ่อมระบบ กับ เปลี่ยนสักหลาด ไป 2500 อ่ะนะ ตอนนี้ น้องเวง คนนึง มันยืมไปใช้ แล้วงคิดจะอุ๊บอิ๊บ เลย อ่ะ ค๊าบ ไว้ เจอน้าเด่น จะเอาไปให้ดู นะค๊าบ จากคุณ : ฉงน (ฉงน34) - [ 24 ต.ค. 48 13:31:01 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ยอดเยี่ยมจริงๆ  เสียดายผมมาจับกล้องเอาเมื่อเป็นดิจิตั้ลไปหมดแล้ว ( แบบเพิ่งเป็นหนุ่มอ้ะ ) ความรู้เรื่องกล้องและเลนส์คลาสสิค ไม่แน่นเลย คงต้องมาขอความรู้บ่อยๆ แล้วละครับ   จากคุณ : DZL - [ 24 ต.ค. 48 14:00:40 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ผมก็มีme superอยู่ตัวนึงฮับเป็นสีดำ ผมว่ามันมีเสน่ห์นะ เพราะว่าตัวของผมก็ซ่อมเหมือนกัน เปลี่ยนห้องmirror boxไปเพราะว่าโฟกัสไม่ตรง เปลี่ยนไป1000ก่าบาท(ปลายๆ) รวมค่าตัวที่ซื้อมันมาแล้วก็4000ก่าบาท (ค่าซ่อม+เงินอีกไม่กี่บาทก็ได้ตัวใหม่แล้วคับ ยังงงอยู่ว่าตอนนั้นซ่อมทำไม) แต่ผมก็ชอบมันเหมือนที่น้าเด่นชอบอะคับ มันตัวเล็กมาก ถ้ารวมกับ501.4 หรือ1.7นะมันจะเหมาะกับงานstreetมากเลยคับ แล้วถ้าได้ 40 2.8มา ผมว่าจะเป็นอะไรที่เล็กสุดยอกมาเลยคับ จากคุณ : seisei - [ 24 ต.ค. 48 14:20:25 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ป๋มก็ชอบนะ กล้องเล็กๆ เบาๆ ถ่ายสนุก แต่ me super มีถ่ายซ้อนไหมฮับ กล้องแป้น ยังไม่เห็นตัวไหนมีเลย จากคุณ : tkroot - [ 24 ต.ค. 48 17:59:08 ]

ความคิดเห็นที่ 22 แซ่ดวันไงฮับน้าทีเค.. อย่างน้อยก็ตัวนึงนะ.. แต่ว่าถ่ายภาพซ้อน..กล้องแมนนวลมันทำได้หมดนิ.. แค่กดปุ่มกรอฟิล์มกลับค้างไว้ขณะที่เราขึ้นชัตเตอร์ แล้ววัดแสงทดเอา.. จากคุณ : sirind - [ 24 ต.ค. 48 18:18:31 ]

ความคิดเห็นที่ 23 แอบมากดเข้าคลัง จากคุณ : sirind - [ 24 ต.ค. 48 18:19:06 ]

ความคิดเห็นที่ 24 me super ไม่มีถ่ายซ้อนโดยตรงคับต้องใช้ทางอ้อมเอา กล้องที่มีถ่ายซ้อนโดยตัวมันเอง ที่เป็นแมนนวลน่าจะเป็นLXคับ แต่ถ้าเป็นautoก็น่าจะเป็น Z1 Z1p mzนี่ไม่แน่ใจคับ ก็น่าจะประมาณนี้อะคับ จากคุณ : seisei - [ 24 ต.ค. 48 18:19:21 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เอิ๊ก เอิ๊ก ทู้นี้เรียก น้าฉาบ ได้อ่า หวัดดีครับน้า แซวผมเหรอ จากคุณ : Den KX - [ 24 ต.ค. 48 21:33:06 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ศุกร์นี้อยู่ปากช่องหรือเปล่าครับน้า เผื่อเลิกประชุมที่จุลดิศ จะแวะไปชิมกาแฟที่ร้านหน่อยครับ จากคุณ : Den KX - [ 24 ต.ค. 48 21:35:03 ]

ความคิดเห็นที่ 27 อยู่ครับ..โทรมาจะพาไปกินของอร่อย พักนี้หมดมุข...แอบสิงอย่างเดียว จากคุณ : นายฉาบฉวย - [ 24 ต.ค. 48 22:46:57 ]

ความคิดเห็นที่ 28 กาแฟ ฟรีมั้ยครับ จะได้บุกไปกินด้วย จากคุณ : ตังกุย - [ 24 ต.ค. 48 23:11:10 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ง่า อ่านแล้ว งง คับ แต่ไม่ถามดีกว่า สงสัยตอบกันไม่หมดซะที อิอิ จากคุณ : BaSiLisK DS - [ 25 ต.ค. 48 00:47:29 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ผมมีแต่MEธรรมดาถ่ายออกมาแล้วมืดไปหน่อยลอง2ม้วนแล้วแต่ยังไม่ได้ลองหลอกกล้องดูว่าจะหลอกได้หรือเปล่า (มันอันเดอร์ปนะมาณ1สตอปน่ะ) จากคุณ : grape69 (eparg) - [ 25 ต.ค. 48 10:02:04 ]

ความคิดเห็นที่ 31 จากคุณ : Buta Jung - [ 25 ต.ค. 48 11:12:49 ]

ความคิดเห็นที่ 32 สุดยอดเลยฮับน้าเด่น ผมอ่านแล้วงงโคด #29 กะแล้วน้าต้องมาแนวนี้ ... งั้นผมมานั่งงงกะน้าด้วยละกัน จากคุณ : สันโต๊ะ - [ 25 ต.ค. 48 22:47:10 ]

ความคิดเห็นที่ 33 กาแฟฟรีแน่นอน.... จากคุณ : นายฉาบฉวย - [ 26 ต.ค. 48 12:09:28 ]

ความคิดเห็นที่ 34 กาแฟ....ฟรี แต่ อย่างอื่นเสียตังค์ //กร๊ากกก จากคุณ : เด็กหลังเขา (annlearn) - [ 27 ต.ค. 48 13:21:39 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ดีใจด้วยครับ  ได้กล้องรุ่นที่ชอบใจ  มีเพิ่มอีก แถมยังสภาพแจ๋วๆ  ด้วย     ทุกวันนี้ตั้งแต่ได้ใช้กล้องดิจิตอล  ก็เลยไม่ได้จับกล้องฟิมล์เลย    ไปเที่ยวครั้งหนึ่งก็จะติดกล้องฟิมล์ไปด้วย  แต่ก็ถ่ายมาได้ไม่เกินครึ่งม้วน    ฟิมล์ผมเหลือในตู้เย็นบานเลยครับ   ซื้อมาที่ละสองสามม้วน  หลายครั้งเข้า ก็เกือบยี่สิบม้วน     ไว้จะเอา spotmatic ใส่เลนส์เกลียวไปถ่ายรูปมาโชว์ห้องแป้นบ้าง   คิดถึง spotmatic จัง จากคุณ : ปังปอนด์KM - [ 28 ต.ค. 48 12:29:41 ]

ความคิดเห็นที่ 36 หวัดดีครับครับน้าๆ น้าสันโต๊ะกะน้าตี๋ ไว้มีโอกาสออกทริปด้วยกันถ้างงตรงไหนก็ถามได้นะครับ ส่วนน้าฉาบผมต้องขอโทษด้วยครับ ผมเลิกค่อนข้างเย็นมาก วันนี้ออกจากจุลดิส 2 ทุ่มแนะครับ เลยตีรถกลับสระบุรีเลย ไว้คงได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยือนแน่นอนครับ ส่วนน้าปอนด์ ลองเอาทาคูมาร์มาใช้กับ  Spotmatic F ดูนะครับ แล้วจะไม่ยากขายมันแน่นอนครับ จากคุณ : Den KX - [ 28 ต.ค. 48 23:10:56 ]