ความคิดเห็นที่ 1 สุริยัน จันทรา สุริยัน จันทรา เขาว่าคู่กัน สุริยวรมันนั้นสร้างอังกอร์วัด สุริยะอัสดงตรงยอดไม้ใหญ่ ปราสาทหินเทวาลัย ตั้งทะมึนเสียดฟ้า (ซ้ำ) จากคุณ : แม่ของจิตร - [ 19 ม.ค. 49 06:34:08 ]

ความคิดเห็นที่ 2 แต่ยังมีบายนหรือว่าอังกอร์ธม ตั้งขึ้นมานานนมไม่ไกลอังกอร์วัด คนรุ่นโน้นเป็นใครเขาไม่ธรรมดา คนหมื่นแสนแขนขาต่างก็มาเพื่ออังกอร์ จากคุณ : แม่ของจิตร - [ 19 ม.ค. 49 06:37:18 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อังกอร์วัด...อังกอร์ธม พนมรุ้ง..ปราสาทหินพิมาย เขาพระวิหาร..โบราณสถานเล็กๆน้อยๆกระจาย เป็นแถวเป็นถิ่นปราสาทหินมากมาย มันเป็นความหมายว่าแหล่งอารยธรรม จากคุณ : แม่ของจิตร - [ 19 ม.ค. 49 06:39:57 ]

ความคิดเห็นที่ 4 สุริยัน จันทรา เขาว่าคู่กัน สุริยวรมันนั้นสร้างอังกอร์วัด สุริยะรุ่งสางสร้างสรรค์วันใหม่ หมื่นปีผ่านไป...ปราสาทหินยิ่งใหญ่... ก็คืออังกอร์วัด... จากคุณ : แม่ของจิตร - [ 19 ม.ค. 49 06:44:39 ]

ความคิดเห็นที่ 5 สุริยัน จันทรา เขาว่าคู่กัน สุริยวรมันนั้นสร้างอังกอร์วัด สุริยัน จันทรา เขาว่าคู่กัน สุริยวรมันนั้นสร้างอังกอร์วัด จากคุณ : แม่ของจิตร - [ 19 ม.ค. 49 06:49:18 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อังกอร์วัด คือคำขแมร์เรียกขาน ห้าปรางค์นั้นสูงตระหง่าน สระคูก็ดูโบราณ อัครสถานเทวาลัย      กระมมเสียมเรียบ       หงา  คาราวาน จากคุณ : พุกไม้ - [ 19 ม.ค. 49 08:53:13 ]

ความคิดเห็นที่ 7 : อังกอร์วัด /  คาราบาว โมสิบาย มือที่สร้างสรรค์ ศิลปกรรมยิ่งใหญ่ ตัดแต่งหินทราย จนกลายเป็นเทวสถาน เจ้าสุริยะวรมัน มีบัญชาพระเณรไพร่พล เจ้าสุริยะวรมัน ผู้ใฝ่ฝันต่อเทพเบื้องบน เจ้าสุริยะวรมัน สร้างสิ่งนั้นไว้แด่ผู้คนเขมร แปดร้อยปีผ่าน ดวงวิญญาณยังสิงสู่ ห่วงใยหดหู่ แห่งองค์เทวรูปโบราณ ลูกหลานยังมัวฆ่ากัน อุดมการณ์ผู้คนแตกต่าง ล้มหายเลือดเนื้อวิญญาณสร้างตำนานแห่งทุ่งสังหาร ไม่มีผู้ใดประสาน สันติภาพให้เกิดแก่คนเขมร * วางปืนลงไป เข่นฆ่ากันได้อะไร วางปืนลงไป เข่นฆ่ากันไปทำไม วางปืนลงไปที่ล้มตายนั้น พี่น้องร่วมเผ่าพันธุ์เป็นเจ้าของ อังกอร์วัด อังกอร์วัด มือที่ประสาน สร้างตำนานบรรพชน ยิ่งใหญ่กว่าคน ชนเผ่าใดกระทำไว้ เขมรเป็นเพียงชาติเดียว มีนครวัดอันยิ่งใหญ่ เขมรเป็นเพียงเผ่าเดียว สร้างนครวัดอันเกรียงไกร เขมรเป็นคนๆ เดียว ที่จะรักและภาคภูมิใจเขมร   http://www.carabao.net/MusicStation/musicPlay.asp?id=164 จากคุณ : EyE[s] - [ 19 ม.ค. 49 10:06:33 ]

ความคิดเห็นที่ 8 อีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจของ อังกอร์(นคร)วัด กับ รูปสลัก นาง อัปสรา(อัปสร) ที่เรียงรายนับพัน ด้วยใบหน้าที่แตกต่างกัน จากคุณ : EyE[s] - [ 19 ม.ค. 49 10:07:28 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณพี่พุกและ อรรถ ที่ค้นเพลงและรูปนำมาลงประกอบกระทู้...ตากำลังหรี่ปรือด้วยความเหนื่อยและง่วงจากการทำงาน...ขอไปนอนพักสักครู่...อยากได้เนื้อเพลง กระมมเสียมเรียบฉบับเต็ม ไม่ทราบพี่พุกจะกรุณานำมาลงให้ได้หรือเปล่าคะ.....ขี้เกียจแกะจากแผ่นเองอ่ะพี่ จากคุณ : แม่ของจิตร - [ 19 ม.ค. 49 14:32:43 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อยากให้ฟังเพลง อังกอร์วัด ของนุภาพ จังเลย ชอบเพลงนี้ เป็นเพลงบรรเลงแจมด้วยภาษาเขมร [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : อุ้มสี - [ 19 ม.ค. 49 18:04:35 ]

ความคิดเห็นที่ 11 คุณแม่ของจิตรตั้งกระทู้นี้ แถมด้วยภาพประกอบสวยๆ ของนครวัด อ่านแล้ว ดูแล้ว นึกถึงสมัยเรียนวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ กับท่าน ศจ.มจ.สุภัทรดิศ ดิศกุล จริงๆ ครับ เมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว น้องสาวของผมคนหนึ่งมีโอกาสไปเที่ยวนครวัด ขากลับเธอก็ซื้อเสื้อยืดที่ระลึกมีภาพสกรีนของนครวัดกลับมาฝาก 1 ตัว ที่คอเสื้อด้านในมียี่ห้อสินค้าติดอยู่ และมีคำว่า "made in thailand" ด้วย! จากคุณ : ลุงเก่า(เจ้าเดิม) (คนรักเพลงเก่า) - [ 19 ม.ค. 49 21:31:31 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ได้กลับมาแล้ว ดินแดนที่พ่อฝัน(ถึง) ได้กลับมาแล้ว ดินแดนที่พ่อฝัน นั่นคือหัวใจของเรา เรือเร็วเร่งปล่อยควัน ออกจากคันเหมือนลูกธนู สู่อังกอร์วัด คือคำขแมร์เรียกขาน อังกอร์วัด คือคำขแมร์เรียกขาน ห้าปรางค์นั้นสูงตระหง่าน สระคูก็ดูโบราณ อัครสถานเทวาลัย ต้นไม้ใหญ่ ยิ่งโตก็ยิ่งดี   ต้นไม้ใหญ่ ยิ่งโตก็ยิ่งดี ปกคลุมสุมทุมพุ่มพี ร่มเอยร่มเงาเย็นใจ ต้นไม้จะคอยดูแล ปราสาทหินนั้น อยู่มาว่าพันปี  (เกือบจะถึง) ปราสาทหินนั้น อยู่มาว่าพันปี ที่เสียมเรียบเขามี เขามีมากมายหลายองค์ มั่นคงเหมือนใจประชา เนียงหนั่งโตวนา กระมมเสียมเรียบเอย เนียงหนั่งโตวนา กระมมเสียมเรียบเอย หน้าตาน่ารักจังเลย เนียงเอยเนียงอัปสรา เนียงหงาสไลย์ปองเต ถามโมปีนา พี่มาจากไทยแลนด์ ถามโมปีนา พี่มาจากไทยแลนด์ โปรดรับพี่ไว้เป็นแฟนสักคน สักคนได้ไหม พี่จะได้มาบ่อย-บ่อย ออกุนเจริญ ข้าวปลาอาหาร ออกุนเจริญ ข้าวปลาอาหาร สุดซึ้งซอเย็นหวาน กับโทนกระตึมกังวาน ก้องสะท้านในใจเรา      กระมมเสียมเรียบ       หงา  คาราวาน จากคุณ : พุกไม้ - [ 19 ม.ค. 49 21:54:39 ]

ความคิดเห็นที่ 13 แผนกแปะเพลงกลับมาทำงานอีกแล้วครับ หายไปนานกลับมาที เอาไปเลยสองเพลง เพลงแรก สุริยัน-จันทรา http://www.fileupyours.com/files/15079/Sun-Moon.wma จากคุณ : LONESOME COWBOY - [ 19 ม.ค. 49 21:55:36 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เพลงที่2 กระมมเสียมเรียบ http://www.fileupyours.com/files/15079/Khramom.wma ทั้ง2เพลงมาจาก บันทึกการแสดงสด 30ปี หงา คาราวาน จากคุณ : LONESOME COWBOY - [ 19 ม.ค. 49 21:56:53 ]

ความคิดเห็นที่ 15 มีชายแก่อ่อนเทคโลโลยีฝากแปะรูปค่ะ จากคุณ : นางสาวอาร์ต - [ 19 ม.ค. 49 22:44:45 ]

ความคิดเห็นที่ 16 อลังการจังเลย [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : แปะต่อ (นางสาวอาร์ต) - [ 19 ม.ค. 49 22:50:45 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณมิตรรักนักเพลงของปุ๋ย ..ที่ได้ช่วยกรุณาทำให้กระทู้นี้มีสีสันและเสียงเพลงฟังด้วย...ลำพังปุ๋ยเองก็โลว์เทคเช่นกัน มิมีปัญญานำเพลงมาให้ฟังกันได้แน่นอน.... พูดถึงเรื่องเพลงนี่ ลักษณะของเพลงพื้นบ้านเขมร จะมีเสียงซอเด่นที่สุด...ตามมาด้วยกลองตะโพน ฉิ่ง ฉาบ...เป็นการบรรเลงที่เรียกว่า มโหรี....เพลงกระมมเสียมเรียบ นั้นคุณหงา ใช้ทำนองเพลงพื้นบ้านที่เรียกว่าเพลงกันตรึม มาใส่เนื้อร้องใหม่.. .เพลงกันตรึมเป็นการร้องโต้ตอบ เกี้ยวพาราสีกัน เช่นเดียวกับเพลงพื้นบ้านทั่วไป มีทั้งจังหวะช้า และรวดเร็วสนุกสนาน...นิยมเล่นกันเวลามีงานบุญต่างๆ...เครื่องดนตรีที่ใช้ก็มีเพียงกลองตะโพน ซอ ฉิ่ง ร้องเล่นกันจนสว่างโต้รุ่งโดยเปลี่ยนทำนองไปเรื่อยๆ เริ่มจากบทไหว้ครูที่เนิบช้า และเริ่มเข้าจังหวะเร็ว... ภายหลังมีการประยุกต์เป็นกันตรึมร็อค เช่นเดียวกันกับเพลงพื้นบ้านที่อื่นซึ่งถูกกระแสของการผลิตเพื่อขายเข้ามาครอบงำ....ภาพของกันตรึมชายหนุ่ม หญิงสาว ที่รำอ่อนช้อย โต้ตอบกันด้วยปฏิภาณไหวพริบ และอารมณ์ขัน ถูกแทนที่ด้วยหางเครื่อง นุ่งน้อยห่มนิด...เสียงเครื่องดนตรีไฟฟ้ากระหึ่มกลบเสียงเว้าวอนของซออู้และความร่าเริงมีชีวิตชีวาของกลองตะโพน และฉิ่งฉับ.... แม้แต่เนื้อร้องก็เปลี่ยนไปเป็นความทุกข์ของการติดหนี้สิน หมดตัว  เมาเหล้าด่าเมีย ด่าผู้หญิง...ความงดงามทางภาษาและอารมณ์แทบหาไม่พบ...เพลงที่จะแปะต่อไปนี้เป็นเพลงที่มีท่วงทำนองของเพลงเขมรปนอยู่ด้วยอีกเพลงหนึ่งโดยมีเสียงซออู้โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์.... ทราบว่าเป็นผลงานอีกชิ้นหนึ่งของคุณหงา คาราวาน...บทต่อไปจะคุยถึงประวัติโดยสังเขปของปราสาทหิน และหากมีเวลาจะ กล่าวถึงสงครามในเขมรรวมทั้งเรื่องทุ่งสังหารที่เขย่าขวัญชาวโลกด้วยค่ะ.... สาวทอผ้าไหม บ้านเฮานั้นมีผู้เฒ่าผู้แก่ โอว แมร์ บองปะโอนเด้ออ้าย คืนและวันของชาวบ้านเราไม่เปล่าดาย ทอผ้าไหมคิดลายสะไบให้ถ้วนถี่ เฝ้าแต่รอรักคนที่เขาไม่รักเรา นั่งเศร้าซึมด้วยในใจหลบลี้ ลมหายใจที่อยู่ยาวไกลจนป่านนี้ ก็เพราะชีวี น้องมีอ้ายนำประจำใจ เกิดมาใต้ฟ้าเดียวกัน เทิดความรักนั่นยิ่งกว่าใด ขวากหนามทิ่มตำหัวใจ แพรสะไบยังชุ่มฉ่ำไปด้วยรอยน้ำตา บ้านเฮานั้นมีผู้เฒ่าผู้แก่ โอว แมร์ บองปะโอน ยังท่า จะเป็นหรือตายขออ้ายคนดีจงกลับมา รู้ไหมสาวทอผ้าไหมคนนี้รอ (ซ้ำ) http://music.siamza.com/music.php?k=32K&id=1940 แก้ไขเมื่อ 20 ม.ค. 49 00:32:44 จากคุณ : แม่ของจิตร - [ 20 ม.ค. 49 00:31:37 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ชายแก่...ฝากสตรีสูงอายุ...แปะรูป แก้ไขเมื่อ 20 ม.ค. 49 01:36:19 แก้ไขเมื่อ 20 ม.ค. 49 00:34:13 จากคุณ : พุกไม้ - [ 20 ม.ค. 49 00:33:41 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ...ลองแปะรูป.... จากคุณ : พุกไม้ - [ 20 ม.ค. 49 00:36:46 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เข้ามาเจอกระทู้นี้ ก็ดึกดื่นมากแล้ว ขอมอบดอกไม้ก่อนจะไปนอน พรุ่งนี้เช้ามาอ่านต่อนะค่ะ พี่มินที่รัก จากคุณ : ชมพู่มะเหมี่ยว - [ 20 ม.ค. 49 01:21:04 ]

ความคิดเห็นที่ 21 แล้วก็แปะอีก ..ชอบปราสาทหิน จากคุณ : พุกไม้ - [ 20 ม.ค. 49 01:49:53 ]

ความคิดเห็นที่ 22 อืมห์ๆ เพลงก็เก่าคนก็แก่ สงสัยจะอยู่ผิดที่แหะ เรา อิอิ วิ่งออกจากกระทู้อย่างรวดเร็ว ^^ จากคุณ : EyE[s] - [ 20 ม.ค. 49 09:02:53 ]

ความคิดเห็นที่ 23 จขกท. เตะจระเข้ฟาดหาง พร้อมลงเข่าตีศอก คคห.ที่..22... . . . . ...สะดุ้งตื่น....อ่า.....ฝันไปน่ะ...แหะ แหะ.... จากคุณ : แม่ของจิตร - [ 20 ม.ค. 49 09:39:41 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ร่วมด้วย ช่วยอีกข้างค่ะพี่มิน คห.ที่22 น่ะ เพลงเพราะมาก สาวทอผ้าไหม.. เคยอ่านหนังสือ 4 ปีนรกในเขมร ใครแต่งจำไม่ได้ เป็นเรื่องของคนญี่ปุ่น ที่แต่งงานกับฑูตเขมร หดหู่ เศร้า นรกบนดินมีจริง.. แก้ไขเมื่อ 20 ม.ค. 49 11:04:16 จากคุณ : ชมพู่มะเหมี่ยว - [ 20 ม.ค. 49 11:01:20 ]

ความคิดเห็นที่ 25 อังกอร์ แปลว่า เมือง, นคร....อังกอร์วัด อังกอร์ธม เป็นโบราณสถานที่สร้างขึ้นมาโดยฝีมือและมันสมองของชาวขอม ซึ่งในสมัยนั้นนับถือศาสนาพราหมณ์และฮินดู... มีเทพสามองค์ที่เรียกว่า ตรีมูรติ เป็นที่เคารพสักการะ...เทพเหล่านั้นได้แก่ พระศิวะ หรือพระอิศวร..เป็นเทพผู้ทำลายโลก,  พระนารายณ์หรือพระวิษณุ เป็นเทพผู้ปกป้องโลก, และพระพรหม คือเทพผู้สร้างโลก.... ปราสาทหินที่สร้างขึ้นมาเป็นลักษณะของเทวาลัย เพื่อถวายบูชาแก่เทพองค์ใดองค์หนึ่ง ..ที่กษัตริย์ผู้สร้างให้ความเคารพนับถือ...หากนับถือพระศิวะ ภายในปราสาทหินแห่งนั้นก็จะมีรูปปั้นของพระศิวะหรือรูปปั้นศิวลึงค์ อันเป็นสัญญลักษณ์ของพระองค์ประดิษฐานอยู่ และเรียกนิกายที่เคารพพระศิวะว่า "ไศวะนิกาย".... กษัตริย์บางพระองค์นับถือพระนารายณ์ ก็จะสร้าง รูปพระนารายณ์ไว้ในปราสาทหิน เรียกว่ากลุ่ม ""ไวษณพนิกาย"...นอกจากศาสนาฮินดูแล้ว ขอมในบางยุคสมัยยังนับถือศาสนาพุทธนิกายมหายาน และสร้างปราสาทหินเพื่อให้เป็นพุทธสถาน ดังเช่นในรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทีที่ทรงสร้างปราสาทพระขรรค์ เป็นต้น ..อังกอร์วัด อังกอร์ธม อยู่คนละที่ แต่แต่ต่างก็อยู่ในเมืองเสียมราฐ ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ใกล้ชายแดนไทย...เฉพาะที่เมืองนี้แห่งเดียว มีปราสาทหินตั้งอยู่ถึง 308 ปราสาท แต่เนื่องจากภัยของสงครามกลางเมืองและการขาดการบูรณะซ่อมแซม ทำให้ในปัจจุบันเหลือเพียงร้อยกว่าปราสาทเท่านั้น... อังกอร์วัด..สร้างโดยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ประมาณพุทธศตวรรษที่ 17 (ปีพ.ศ.1650-1720 )...มรว. คึกฤทธิ์ ปราโมช ปราชญ์คนหนึ่งของเมืองไทยเคยกล่าวถึง อังกอร์วัดไว้ว่า " กล่าวกันว่า ปราสาทนครวัดนี้ มีเสาหินรวมกันถึง 1,800 ต้นแต่ละต้นหนักกว่า 10 ตันขึ้นไป ต้องใช้แรงงานคนก่อสร้างหลายแสนคน ใช้ช้างเพื่อลากหินถึง 4,000 เชือก วิศวกร 3,000 คน สถาปนิก 5,000 คน และช่างแกะสลักราว15,000 คน หินที่ขนมาสร้างนี้นำมาจากเขาพนมกุเลนที่ห่างไปราว 50 กิโลเมตร ใช้เวลาสร้างนานกว่า 40 ปี  ".... เป็นปราสาทที่นอกจากจะสร้างตามความเชื่อทางศาสนาแล้ว ยังมีจุดมุ่งหมายให้เป็นที่เก็บพระบรมศพของ พระเจ้าสุริยวรมัน ผู้ถือเป็นสมมุติเทพในโลกมนุษย์ด้วย...ต่อมาในราวพุทธศตวรรษที่ 21 ได้มีการสร้างพระพุทธรูปบนระเบียงคต และบนปรางค์ ...จากเทวาลัยของทางศาสนาฮินดู..กลายมาเป็นมหาวิหารของทางพุทธ....จึงได้รับการเรียกขานว่า.."นครวัด"...ในกาลต่อมา จากคุณ : แม่ของจิตร - [ 20 ม.ค. 49 11:10:59 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ชมพู่ ...พี่เคยพลิกๆดูหนังสือที่ว่านั่นเหมือนกัน เขียนโดยผู้หญิงญี่ปุ่น นานมาแล้วนะเล่มนี้...เรื่องจริงที่ได้รับฟังจากคนเขมรอพยพแถวบ้านก็น่าหดหู่ไม่แพ้กัน...ถ้าไม่ขี้เกียจเสียก่อน จะเล่าให้อ่าน...คืนนี้ขอไปพักตาก่อนล่ะ.... จากคุณ : แม่ของจิตร - [ 20 ม.ค. 49 11:20:31 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เป็นหนังสืออีกเล่ม ในไม่กี่เล่ม ที่อ่าน และ มีก้อนสะอึกเกิดขึ้นเป็นระยะ ในขณะที่อ่าน สงคราม ไม่มีใครได้ มีแต่สูญเสีย.. จากคุณ : ชมพู่มะเหมี่ยว - [ 20 ม.ค. 49 17:41:41 ]

ความคิดเห็นที่ 28 อ่าองค์อัปสรา     ฟ้าหยาดแสงดาว ดวงตาสุกสกาว   วาวไสวใจหวั่น ร่ายรำสำอางค์    สมดั่งนางฟ้าลาวัณย์ คัจฉะบี่กันตรึมกระชั้น    เจรียงรับอัปสรา ..................................................             บางส่วนจากเพลง อัปสรา จากคุณ : พุกไม้ - [ 20 ม.ค. 49 22:40:53 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เคยไปลูบๆคลำๆหนังสือภาพนครวัด ที่ร้านของศิปลปากรที่หน้าพระธาตุ แต่ยังตัดใจซื้อไม่ได้ จะไปชมเองถ่ายเอง ก็ไม่มีปัญญาและฝีมือ ขอบคุณที่เอาสิ่งดีมาแปะให้ชมครับ จากคุณ : นาย ก - [ 21 ม.ค. 49 11:14:26 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ....ด้วยความยินดีค่ะ...คุณ นาย ก...ความจริงแล้วต้องขอบคุณ ทุกท่านที่แวะมาร่วมแสดงความคิดเห็น, แปะรูป แปะเพลงให้มากกว่า เพราะถ้าตั้งกระทู้ขึ้นมาแล้วไม่มีคนร่วมแจมด้วยก็ไม่สนุก เหมือนนั่งคุยกับลมฟ้า อากาศอยู่คนเดียว ...พักหนึ่งก็ไม่รู้จะคุยต่อไปยังไงอีก... มาต่อเรื่อง อังกอร์ธม นะคะ...คืนนี้ถ้ายังมีไฟ จะเขียนเรื่องสงครามกลางเมืองของเขมรด้วย ก่อนจะขี้เกียจ มากกว่านี้ อังกอร์ธม แปลตามชื่อ ก็หมายถึง เมืองใหญ่  เพราะในอดีตนั้น นครธมเป็นเมืองหลวงของขอมโบราณมาหลายร้อยปี...ข้อแตกต่างระหว่่างปราสาทหินของนครวัด กับนครธมก็คือ ปราสาทหินของนครธมมิได้มีเพียงลักษณะเดียวแบบของนครวัด เนื่องจากมีการสร้างโดยกษัตริย์ในยุคต่างๆหลากหลายแบบ...มีประวัติและลักษณะเด่นเป็นของตัวเองแตกต่างกันออกไป... อย่างเช่นปราสาทบายน ซึ่งสร้างโดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 จะเป็นปราสาทที่มียอดพระปรางค์จำนวน 54 ยอด  แต่ละยอดจะประดับด้วยพระพักตร์ของพระโพธิสัตว์  ซึ่งเมื่อนับรวมกันแล้วก็จะมีถึง 216 พระพักตร์  (ชมตัวอย่างภาพได้จาก คคห ข้างบน)....การที่สร้างปราสาทที่มีรูปพระพักตร์ของพระโพธิสัตว์โดยรอบเช่นนี้ สันนิษฐานว่าพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 คงต้องการให้เป็นเครื่องหมายว่าพระโพธิสัตว์ที่ทรงเปี่ยมด้วยความเมตตากรุณา จะยังคงสอดส่องดูแลความทุกข์สุขของอาณาประชาราษฎร์ตลอดไป ...เป็นตัวแทนของกษัตริย์ผู้สร้างปราสาทนี้ขึ้นมา ... นอกจากนี้แล้วก็มีปราสาทตาพรม ซึ่งมีจุดเด่นคือ เป็นปราสาทที่มีต้นไม้ใหญ่เรียกว่าต้นสะปง แผ่รากปกคลุมตัวปราสาทไว้...สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่รักษาผู้ป่วย เป็นหนึ่งใน 102 ปราสาทที่สร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าว...ปราสาทอีกแห่งหนึ่งที่ขึ้นชื่อเช่นกันคือ ปราสาทบันทายสรี สร้างโดย พระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 2 ...เป็นการสร้างขึ้นจากหินทรายสีชมพู และมีลวดลายการแกะสลักที่ละเอียด ปราณีตงดงาม กล่าวกันว่าดูราวกับลายแกะสามารถจะลอยออกมาเลยทีเดียว....และที่สำคัญคือภาพแกะสลักรูปนางอัปสราของปราสาทแห่งนี้จะสวยมากกว่าปราสาทแห่งอื่นๆ เพราะชม้อยเมียงชายตาในรูปลักษณ์ที่แตกต่างกันไป..... แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 49 01:31:55 แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 49 01:27:51 จากคุณ : แม่ของจิตร - [ 22 ม.ค. 49 01:27:03 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เข้ามารอตอนต่อไป.... จากคุณ : พุกไม้ - [ 22 ม.ค. 49 08:48:50 ]

ความคิดเห็นที่ 32 .....มาแล้วจ้ะ คุณพี่พุก มาพิมพ์ต่อ ...มีคนอ่านหนึ่งคนก็ยังถือว่ามีผู้ร่วมอุดมการณ์ เอิ๊กๆ...ขอบคุณที่เป็นสปอนเซอร์ให้ปุ๋ยได้มีวันนี้//me ทำหน้าสวยแบบนางงามตอนได้ตำแหน่ง....เอ้า มาว่ากันต่อ... .....นอกจากสิ่งมหัศจรรย์ระดับโลกอย่าง นครวัด นครธมแล้ว...สถานที่อีกแห่งหนึ่งที่ถือเป็นตำนานโศกนาฏกรรมที่เลวร้ายที่สุดของมนุษย์ชาติในศตวรรษที่ 20 ก็คือ ทุ่งสังหารหรือ killing fields ของเขมร...เป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เช่นเดียวกันกับที่เคยเกิดขึ้นในเยอรมันยุคนาซี....ติมอร์ตะวันออก...รวันดาในทวีปแอฟริกา....ยูโกสลาเวีย... การที่จะเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คงต้องดูไปถึงเรื่องราวความเป็นมาของการเมืองในเขมรซึ่ง จขกท พยายามจะสรุปให้ได้ใจความสั้นๆดังต่อไปนี้.. .........ในคริสต์ศตวรรษที่ 18 เป็นช่วงการล่าอาณานิคมของประเทศทางตะวันตก เขมรได้ตกเป็นเมืองขึ้นของประเทศฝรั่งเศส จนกระทั่งถึงปี 2497 ได้มีการเจรจาปัญหาอินโดจีนที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์.. กลุ่มพรรคการเมืองเขมรของสมเด็จสีหนุได้วิ่งเต้นเรียกร้องให้ที่ประชุมยอมรับประเทศกัมพูชาเป็นประเทศที่ไม่แบ่งแยก และดันตนเองขึ้นเป็นกษัตริย์ ..มีพรรคการเมืองทำการสร้างนโยบายปกครองประเทศเอง... ฝรั่งเศสที่เคยเป็นเจ้าอาณานิคมเก่าต้านกระแสกดดันจากประชาคมไม่ได้จึงยอมคืนเอกราชให้เขมรในเวลาต่อมา... .....ในช่วง 10 ปีแรกพรรคการเมืองของสมเด็จสีหนุได้รับแรงสนับสนุนจากประชาชนด้วยดี ทำให้พรรคคอมมิวนิสต์ฝ่ายตรงข้ามอย่างกลุ่มของ "ซาร์ล็อต ซาร์ ..หรือ ชื่อ ในกาลต่อมา คือ พอลพต ต้องเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง.. นอกจากกลุ่ม ของซาร์ล็อต ซาร์ แล้วยังมีคอมมิวนิสต์สายเวียดนาม อีกสายหนึ่งที่จ้องคอยโอกาสจะทำการช่วงชิงการนำในระดับประเทศ....ด้วยเหตุนี้เองทำให้สมเด็จสีหนุ ต้องมีหน่วยงานลับที่คอยแสวงหาข่าว ตลอดจนเข่นฆ่าฝ่ายตรงข้าม โดยมีทหารคู่ใจ ชื่อนายพล ลอนนอล เป็นผู้รับสนองนโยบาย.... ........ต่อมาในปี พ.ศ. 2510 เวียดนามเหนือซึ่งปกครองด้วยลัทธิคอมมิวนิสต์ ได้พยายามรุกคืบเข้าไปแซกแซงการปกครองในเวียตนามใต้...ทำให้เวียตนามใต้ต้องร้องขอความช่วยเหลือจากพี่เบิ้มใหญ่ทางค่ายโลกเสรีอย่างอเมริกา...จนก่อให้เกิดสงครามเวียดนาม ซึ่งเป็นการวัดพลังระหว่างสองค่ายใหญ่ ..เสรีประชาธิปไตยที่มีกองหน้าคืออเมริกา กับ ฝ่ายคอมมิวนิสต์ ที่มีรัสเซียและจีนเป็นเสาหลัก... การฟาดฟันกันครั้งนี้ อเมริกาค่อนข้างเสียเปรียบเมื่อเจอวิธีการรบแบบกองโจรของเวียตกง...เส้นทางลำเลียงอาวุธจากเวียดนามเหนือสู่เวียดนามใต้ ซึ่งเรียกว่า " เส้นทางโฮจิมินท์" นั้นเป็นเสมือนหนามยอกอกของกองทัพอเมริกา เพราะไม่เคยทำลายเส้นทางขนอาวุธนี้ได้อย่างราบคาบเลยสักที เนื่องจากถูกกำบังด้วยสภาพทางธรรชาติและการหักร้างถางทางอย่างง่ายๆ... เวียดนามเหนือสร้างเส้นทางนี้อ้อมเข้า ลาวและเขมร ก่อนที่จะวกเข้าสู่จุดยุทธศาสตร์ในเวียดนามใต้...โดยหมายใจว่าจะอาศัยทั้งสองประเทศนี้เป็นโล่ห์กำบังการทำลายเส้นทางจากอเมริกา เพราะทั้งลาวและเขมรไม่ได้เป็นคู่ต่อกรกับอเมริกาโดยตรง...แต่ผิดคาด...พญาอินทรีย์ส่งเครื่องบินไปบอมบ์ในอาณาเขตของทั้งสองประเทศจนยับเยินเช่นกัน... จากคุณ : แม่ของจิตร - [ 22 ม.ค. 49 17:22:46 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ......สมเด็จสีหนุผู้นำเขมรในขณะนั้นพยายามดำเนินนโยบายที่เอาใจทั้งฝ่ายเวียดนามเหนือและอเมริกา แต่ไปไม่รอด...อเมริกาไม่พอใจกับท่าทีเช่นนี้ จึงเล่นแผนหอกข้างแคร่โดยการให้การสนับสนุน นายพล ลอนนอล นายทหารคนสนิทผู้รู้ใจสมเด็จสีหนุ ให้ทำการปฏิวัติยึดอำนาจ ขณะที่สมเด็จสีหนุและชายาไปพักร้อนที่ต่างประเทศ.... แต่หลังจากสนับสนุนให้หยิบมีดเชือดกันเองแล้ว อเมริกาก็ยังไม่ได้หยุดการทิ้งระเบิดแบบปูพรมภายในเขมรแต่อย่างใด ทำให้คะแนนนิยมในรัฐบาลของนายพล ลอนนอล ตกลงฮวบฮาบ เป็นโอกาสให้ พรรคคอมมิวนิสต์ที่เรียกตัวเองว่า เขมรแดง หรือ ขแมร์รูธ โดยการนำของ พอลพต, เอียง ซารี, เขียว สัมพัน,เข้ามาช่วงชิงอำนาจไปอีกที...เป็นการเริ่มตำนานฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และทุ่งสังหารที่เขย่าขวัญชาวโลก.... .......ตามตำนานของประเทศเขมรนั้น ได้มีคำทำนายทายทักว่า "ถึงกษัตริย์องค์ที่14ราชบังลังก์ก็จะถึงวาระอันสิ้นสุด โดยจะมีเหล่าปีศาจที่มาในร่าง "กาดำ" บินว่อนเต็มท้องฟ้าจนบังแสงสุริยาไม่ให้ตกทอดถึงแผ่นดิน.. พร้อมกับคาบผลไม้เน่าสีแดงมาทิ้งเสมือนหนึ่งเลือดที่จะนองแผ่นดิน "....คำทำนายที่ว่านี้ก็ตรงกันกับลักษณะเครื่องแต่งตัวของเขมรแดงที่นิยมใส่ชุดชาวนาสีดำ...และประมุขของเหล่ากาดำเหล่านี้ คือ พอลพต...ชายผู้สร้างตำนานทุ่งสังหาร.... ประวัติชีวิตส่วนตัวของพอลพตค่อนข้างดำมืด...ไม่มีใครรู้ประวัติ วัน เดือน ปีเกิด ที่แน่นอน...เขาทำตัวลึกลับ มีน้อยครั้งมากที่จะปรากฏตัวต่อสาธารณชน....ชื่อ พอลพต นั้นเป็นชื่อจัดตั้ง..ชื่อโดยกำเนิดของเขาคือ ซาร์ล็อต ซาร์ ...ในวัยเด็ก ซาร์ล็อต ซาร์ เป็นเด็กที่อ่อนโยน สุขุม เรียบร้อย ฝักใฝ่ในธรรมะถึงขนาดเคยบวชเรียนมาแล้วด้วย...ครอบครัวของเขาเป็นชาวนาที่มีฐานะค่อนข้างดี อาศัยอยู่ที่เมืองท่าขนถ่ายสินค้าทางตอนกลางของประเทศ.... จากเด็กหนุ่มที่สุภาพอ่อนโยน จุดหักเหของชีวิตเริ่มขึ้นเมื่อ พอลพต ได้รับทุน ให้ไปเรียนต่อทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อปี 2492... พอลพต ได้ซึมซับอุดมการณ์มาร์กซิสต์และร่วมกิจกรรมกับนักศึกษาฝ่ายซ้าย ประกอบกับขณะนั้นมังกรใหญ่อย่างเหมา เจ๋อตุง กำลังแผ่ขยายอิทธิพลทางด้านสังคมนิยม อย่างเกริกไกร...  จึงเป็นแรงกระตุ้นให้พอลพตทุ่มเทความสนใจให้กับแนวคิดมาร์กซิสต์แบบตะวันออกอย่างมากมายจนกระทั่งการเรียนในสาขาวิชาที่ได้รับทุนตกต่ำ...ถูกรัฐบาลฝรั่งเศสถอนทุนที่ให้การสนับสนุน....แต่จากการช่วยเหลือของเพื่อนนักศึกษาที่มีแนวคิดเดียวกัน...ในที่สุด พอลพต ก็ได้ไปศึกษาทางด้านมาร์กซิสต์เพิ่มเติมที่ประเทศเชกโกสะโลวาเกียสมความปราถนา.... จากคุณ : แม่ของจิตร - [ 22 ม.ค. 49 18:26:00 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ......เมื่อกลับมายังประเทศบ้านเกิดอีกครั้ง พอลพตได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของพรรคคอมมิวนิสต์กัมพูชา ซึ่งเป็นพรรคการเมืองใต้ดิน และเขาได้ไต่เต้าจนได้รับการดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรค....เมื่อโค่นล้มรัฐบาลทุนนิยมของ นายพล ลอนนอลได้สำเร็จ...พอลพตเริ่มปฏิวัติสังคมแบบใหม่ด้วยการเน้นให้ประชาชนชาวเขมรกลับไปสู่รากเหง้าเดิมคือการทำการเกษตร...ยกเลิกระบบทุน ไม่มีเมือง ไม่มีอุตสาหกรรม ยกเลิกระบบเงินตรา...ยกเลิกทรัพย์สินส่วนบุคคล ไม่มีการศึกษาและเลิกนับถือศาสนา โดยเด็ดขาด ... พอลพตเชื่อว่าคนชั้นสูงและ จักรวรรดินิยมคือการกดขี่และเอาเปรียบคนส่วนใหญ่...การจะพลิกฟื้นประเทศเขมรขึ้นมาได้นั้นต้องมาจากคนชนบท คนชั้นล่าง...รัฐจะต้องควบคุมกรรมสิทธ์ทุกอย่างและพึ่งตนเองได้โดยไม่อาศัยประเทศภายนอก...ใช้ระบบคอมมูนอย่างสมบูรณ์แบบ... และแล้ว ในเดือน กันยายน - ตุลาคม 2519 ชาวเมืองหลวงอย่างกรุงพนมเปญและเมืองใหญ่ๆ ก็ถูกขับออกไปสู่ชนบท ทำไร่ไถนาเพื่อสร้างผลผลิต ให้เป็นไปตามความเชื่อของพอลพต... ชาวเขมรหลายล้านคนต้ิองอยู่อาศัยอย่างอดๆหยากๆ ทำงานวันละไม่ต่ำกว่าสิบชั่วโมงเพื่อแลกกับข้าวต้มถ้วยเล็กๆ และปลาเค็มหนึ่งชิ้น....ทำงานสิบวันหยุดหนึ่งวัน วันที่หยุดคือการเข้ารับการสัมมนาล้างสมอง ให้เชื่อฟังนโยบายและค่านิยมของพรรค... สร้างความหวาดระแวงให้เกิดระหว่างคนอยู่ร่วมกัน..หากใครเผลอบ่นหรือแสดงท่าทีไม่พอใจ กับสิ่งที่เกิดขึ้น...คนที่ได้ยินจะไปฟ้องผู้ควบคุม..เพียงเท่านั้นบุคคลที่บ่นก็จะถูกนำตัวออกไปและไม่ได้กลับมาอีกเลย...วิธีการฆ่านั้นหากใช้กระสุนปืนยิงถือว่าสิ้นเปลือง อุปกรณ์ที่ใช้จึงมักเป็นมีด, พร้า จอบ, เสียม, หลาวไม้ไผ่...และการนำตัวออกไปที่ทุ่งซึ่งมีหลุมขนาดใหญ่ขุดไว้ ใช้พานท้ายปืนหรือจอบฟาดเข้าที่ศรีษะแล้วถีบลงหลุม... บางครั้งหลุมที่ว่านี้ก็เป็นการบังคับให้เหยื่อ ขุดขึ้นมาเองก่อนจะถูกฆ่า...อีกกลุ่มหนึ่งที่เป็นเป้าหมายหลักของการฆ่าอย่างเี้หี้ยมโหดคือ กลุ่มปัญญาชน, ครู,  หมอ, พระ, บาทหลวง, นักการเมืองฝ่ายตรงข้าม...ตลอดระยะเวลาตั้งแต่ปี พ. ศ. 2518-2522 ที่เขมรแดงเรืองอำนาจ..พอลพตเลิกล้มระบบการศึกษา ยุบโรงเรียน วิทยาลัย หนังสือทั้งหมดถูกเผา  คนมีความรู้ที่อาจกระด้างกระเดื่อง ล้างสมองไม่ได้ต้องตายสถานเดียว.... ห่างจากกรุงพนมเปญออกไปไม่ไกลนัก เป็นคุกที่ใช้เป็นที่กักขัง, ทรมาน และฆ่าคนเขมรเป็นจำนวนมาก เรียกว่าคุก ตูลสแลง...ปัจจุบันยังคงสภาพเดิม และเก็บรวบรวมหัวกะโหลกของผู้เสียชีวิตจากช่วงเวลานั้นไว้ให้ดูเป็นอนุสรณ์ โดยเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์เก็บค่าเข้าชม...คุกตูลสแลงนี้เมื่อก่อนเป็นโรงเรียนธรรมดา แต่เขมรแดงได้ดัดแปลงนำมาใช้เพื่อวัตถุประสงค์ใหม่...มีเครื่องจองจำ ทรมานหลายรูปแบบ และรูปภาพของผู้เคราะห์ร้ายรวมไปถึงสภาพศพก็ได้ถูกบันทึกไว้ด้วยเช่นกัน จากคุณ : แม่ของจิตร - [ 22 ม.ค. 49 19:39:13 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ขยมเป็นคนเขมร            อยู่เป็นด้วยชีวิตหวาดไหว เมืองเขมรวอดวาย           พ่อตายแม่ตายเพื่อนตาย สงครามคือความหายนะ    อารยะธรรมก็แหลกลงไป ปราสาทหินกลายเป็นฝุ่นทราย   ศพรายกระดูกเรียงเนียงเอย ไม่เคยระเหยจากดิน         เลืดคนไหลรินชุ่มแดง สัตว์ร้ายคุกคามเปลี่ยนแปลง      เปลี่ยนไปอย่างใดเล่าหนอ พ่อแม่เอ๋ยโปรดฟัง           พุทธัง  ธัมมัง  สรณัง... ขยมไม่มีสิ่งใด                 หัวใจก็แทบสิ้นหวัง ลึกก็คือพลัง                     ที่ยังให้อยู่สู้ไป หลายขวบปีนี่หนอ             เสียงซอเจรียงอยู่ไหน มีแต่เสียงลูกปืนลูกไฟ         ลูกบอมบ์ก้องไปทั่วแคว้น หมื่นแสนประกายปืนกล      เข่นคนเชียวคาวค่นแค้น ปวงประเจียทั่วแดน            ที่ยังให้อยู่สู้มัน ใจมั่นคงเกี่ยวพัน               ร้อยพันแสนพันชูธง ขยมเป็นคนเขมร , ขยมเป็นคนเขมร , ขยมเป็นคนเขมร                                           " ขยม "                                           คาราวาน จากคุณ : พุกไม้ - [ 22 ม.ค. 49 20:11:45 ]

ความคิดเห็นที่ 36 .....จากข้อมูลของโครงการวิจัยการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในกัมพูชา ซึ่งทำการศึกษาโดย มหาวิทยาลัยเยล แห่งสหรัฐอเมริกา...กล่าวว่าตลอดระยะเวลาสี่ปีที่พอลพต และกลุ่มเขมรแดงครองอำนาจ...ประชาชนชาวเขมรถูกฆ่าไปจำนวนประมาณ 1.7 ล้านคน...21% ของจำนวนประชากรทั้งหมด หรือ 1 ใน 5 ....คนเขมร 9 ใน 10 คนล้วนแล้วแต่มีคนในครอบครัว, ญาติพี่น้อง ที่ถูกฆ่าโดยทหารเขมรแดง... เมื่อราวๆปี 2533 จขกท เคยไปเป็นล่ามให้กับงานประชุมสัมมนาเพื่อสันติภาพงานหนึ่ง.. โดยมีหน้าที่เป็นล่ามและอำนวยความสะดวกให้แก่ชาวเขมรที่มาร่วมประชุม...ผู้เข้าร่วมคือสังฆราชจากเขมร,  พระราชาคณะจากหัวเมืองบางแห่ง, คณะทำงานของสมเด็จฮุนเซ็น, เจ้าหน้าที่พัฒนาองค์กรเอกชนจากเขมร, ผู้อพยพจากศูนย์อพยพเขาอีด่าง...และทหารเขมรแดง... ทุกท่านเป็นตัวแทนมาเข้าร่วมเพื่อหาทางทำงานร่วมกันในการฟื้นฟูประเทศด้วยแนวทางสมานฉันท์...ตลอดระยะเวลาสองอาทิตย์ของการประชุม..ตัวแทนจากกลุ่มอื่นๆที่นอกเหนือไปจากกลุ่มพระสงฆ์ ได้แสดงความอึดอัด ไม่พอใจเมื่อต้องเข้าร่วมกิจกรรมที่มีนายทหารเขมรแดงคนนั้นเข้าร่วม...ด้วยเหตุผลว่าประสบการณ์เลวร้ายที่พวกเขาได้รับในอดีตยังไม่สามารถลบเลือนไปได้.... ดูไปแล้วเขมรคงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าที่บาดแผลจากสงครามครั้งนั้นจะดีขึ้น.....จากอาณาจักรที่เจริญรุ่งเรือง ล้ำหน้าด้วยศิลปวัฒนธรรมในอดีต...เพียงเพราะความเชื่อที่สุดโต่งด้วยอวิชชาครอบงำของผู้นำ...ประเทศเขมรต้องนองเลือดราดรดแผ่นดินไปทุกหย่อมหญ้า...สิ้นชาติสิ้นแผ่นดินกันเลยทีเดียว.....พิสูจน์สัจจธรรมที่จริงแท้แน่นอนว่า....มนุษยชาติเป็นได้ทั้งผู้สร้างและผู้ทำลายที่ยิ่งใหญ่.... เสียงร้องเจรียงขับลำนำในยามค่ำที่โหยหวนเศร้าสร้อย...ยังคงดังสะท้อนตัดกับภาพอลังการของปราสาทหินอายุหลายพันปี ที่ทอดตระหง่าน ...ผ่านความรุ่งเรือง ..และ ตกต่ำวนเวียนไปตามวิถีแห่งโลก ....ดุจดั่ง สุริยัน จันทราที่ผลัดกันมาเยี่ยมเยือนมนุษย์โลกตลอดชั่วนิรันด์.... ..สาวเขมรในวันนี้ยังมีรอยยิ้มที่สดใสให้กับผู้ไปเยือน...นางอัปสราบนผนังกำแพงยังคงทอดกายอย่างเย้ายวนและอ่อนช้อย....แต่บาดแผลจากสงครามก็ยังทิ้งร่องรอยความอัปลักษณ์ไว้อย่างยากที่จะปฏิเสธความจริงได้เช่นกัน... แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 49 21:25:45 จากคุณ : แม่ของจิตร - [ 22 ม.ค. 49 21:24:42 ]

ความคิดเห็นที่ 37 .....พี่พุกกกกกกก...ข้าน้อยพิมพ์บทลงท้ายได้แล้ว เย้ๆๆ ดีใจจัง นึกว่าจะล่มกลางทางด้วยความขี้เกียจอีกแล้ว...เพลง "ขยม" ความหมายดีนะคะ...รอ คุณ คาวบอย เชิญยิ้ม แผนกแปะเพลงมานำเสนอให้ฟัง....ไม่เคยฟังเพลงนี้มาก่อนเลยค่ะ จากคุณ : แม่ของจิตร - [ 22 ม.ค. 49 21:42:42 ]

ความคิดเห็นที่ 38 กัมพูชา  กัมพูชา  กัมพูชา  กัมพูชา กัมพูชา  กัมพูชา  กัมพูชา  กัมพูชา สงคราม  สงคราม  ก็คือความวอดวาย ความเป็น  ความตาย  ล่มสลายเผ่าพันธุ์ สงคราม  ทำลาย  ดั่งไฟร้ายโลกันต์ ดินปืนคาวควัน  เลือดคลุ้งทุ่งสังหาร ตาย  ตาย  ตาย  เป็นแสนเป็นล้าน ล้มเจ็บ  ทรมาน  ก็เป็นล้านเป็นแสน กัมพูชา จะหาไหน มาแทน โอ......บ้านข้าแผ่นดินใคร กัมพูชา  กัมพูชา  กัมพูชา  กัมพูชา กัมพูชา  กัมพูชา  กัมพูชา  กัมพูชา                      " กัมพูชา "                       คาราวาน จากคุณ : พุกไม้ - [ 22 ม.ค. 49 23:07:52 ]

ความคิดเห็นที่ 39 กัมพูชา  กัมพูชา  กัมพูชา กัมพูชา  กัมพูชา  กัมพูชา "สงครามไม่มีความปราณี"      ไม่มีความอารี     มีแต่ทุกข์เวทนา     หลั่งเลือดละเลงน้ำตา     กองกระดูกมหึมา     กลาง เสียงร้องระงม ทับถม เลือดเนื้อเชื้อไข     มากมาย กลายเป็นเถ้าถ่าน วันนี้ ไม่เหมือนวันวาน     อันตรธาน หายไปในพริบตา บนเทือกเขา   สูงกันยาวเหยียดฟ้า ไม่มีเสียงสัตว์ป่า     มีแต่เสียง ปืนใหญ่ ในเมือง มีผู้หญิงผู้ชาย     วัยเด็ก อยู่กับวัยชรา หวาด ผวา กับสงคราม     ยามสิ้น เสียงปืนแผดก้อง กังวาน ไปทุกหย่อมหญ้า ผ้าขาวม้า     ปลิวหล่นลงพื้นดิน ธารน้ำซับเลือดริน     สงคราม ไม่มีความปราณี ทั้งบุรุษสตรี     แม้ลูกเด็กเล็กแดง ครอบคลุม ไปทุกหนแห่ง     แย่งยื้อ ยุดความมีชัย ทำลาย ทุกสิ่งที่ผ่านมา     พืชพันธุ์ ธัญญาหารล้มลง ผู้คน ยังคงล้มตาย     สิ้นเสียง ปืนนัดสุดท้าย หาย ไป พร้อมชน......... กัมพูชา  กัมพูชา  กัมพูชา กัมพูชา  กัมพูชา  กัมพูชา                                                              กัมพูชา                                                              คาราบาว จากคุณ : EyE[s] - [ 23 ม.ค. 49 10:28:58 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เสาร์-อาทิตย์ เดินสาย เลยยังไม่ได้แวะเข้ามาดูเพิ่ม..เลย เดี๋ยวคืนนี้มาดูนะจ้ะ จากคุณ : ชมพู่มะเหมี่ยว - [ 23 ม.ค. 49 17:06:06 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ศุกร์เมา เสาร์นอน อาทิตย์ถอน จันทร์ลา....เพลงนี้คล้ายๆชีวิตใครบ้างไหมนะ อิ อิ.... จากคุณ : แม่ของจิตร - [ 23 ม.ค. 49 17:34:39 ]

ความคิดเห็นที่ 42 พี่พุกไม้เหมือนรู้ใจเลยนะครับนี่ กำลังว่าจะมาแปะเพลงขยม กับ กัมพูชาอยู่พอดีเลย มาฟังกันเลยนะครับ ขยม จากอัลบั้ม คนไกลบ้านของคาราวาน http://www.fileupyours.com/files/15079/Khayom.wma กัมพูชา จากอัลบั้มชุดเดียวกัน http://www.fileupyours.com/files/15079/Kamphu-caravan.wma แล้วก็ กัมพูชา จากงานเดี่ยวชุดแรกของ แอ้ด คาราบาว เพลงนี้เป็นชื่ออัลบั้มชุดนี้ด้วย http://www.fileupyours.com/files/15079/Kamphu-Add.wma และแถมให้อีกเพลงนึง คัมโบเดีย จากงานเดี่ยว น้าหงาคาราวาน ชุด รักเมื่อเดือนเมษา http://www.fileupyours.com/files/15079/Cambodia.wma จากคุณ : LONESOME COWBOY - [ 23 ม.ค. 49 22:08:46 ]

ความคิดเห็นที่ 43 อิ...........เหมือนชีวิตใครไม่รู้พี่มิน จากคุณ : ชมพู่มะเหมี่ยว - [ 23 ม.ค. 49 23:17:27 ]

ความคิดเห็นที่ 44 แถมเพลงเรฟูจีของบาวด้วยได้ป่ะครับ อิอิ หลังสงครามมีผู้ต้องอพยบอยู่แยะพอควรทีเดียว จากคุณ : นาย ก - [ 24 ม.ค. 49 11:39:20 ]