ความคิดเห็นที่ 1 20 ปีที่แล้ว ตอนนั้นผมกำลังเข้าสู่วัยรุ่น (ก็พอได้ยินบ้าง) ดูแต่เวอร์ชั่นล่าสุดครับที่นิโคล คิดแมน แสดงไว้ จากคุณ : ตี๋หล่อมีเสน่ห์ - [ 19 ม.ค. 49 15:28:59 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เรื่อง Bewitched ออกอากาศครั้งแรกในปี 1964 ยังเป็นภาพขาว-ดำ ซึ่งต่อมามีการเพิ่มสีสันเข้าไป เมื่อเราได้ดูอีกครั้งทาง ยูบีซี เมื่อกลับมารีรันปีที่แล้ว ( ตอนนี้รีรันอีกรอบ ทางช่อง ฮอลล์มาร์ค ) รายชื่อนักแสดง Cast: Elizabeth Montgomery as Samantha Stephens/Serena - Elizabeth Montgomery Photo Gallery Dick York as Darrin Stephens (1964-1969) Dick Sargent as Darrin Stephens (1969-1972) Agnes Moorehead as Endora Maurice Evans as Maurice (occasional) David White as Larry Tate Irene Vernon as Louise Tate (1964-1966) Kasey Rogers as Louise Tate (1966-1972) Erin and Diane Murphy as Tabitha Stephens (1966-1972) David and Greg Lawrence as Adam Stephens (1971-1972) George Tobias as Abner Kravitz Alice Pearce as Gladys Kravitz (1964-1966) Sandra Gould as Gladys Kravitz (1966-1972) Marion Lorne as Aunt Clara (1964-1968) Paul Lynde as Uncle Arthur (1965-1972) (occasional) Alice Ghostley as Esmerelda (1969-1972) (occasional) Bernard Fox as Dr. Bombay (1967-1972) Mabel Albertson as Phyllis Stephens Roy Roberts as Frank Stephens ปล. นักแสดงในเรื่องนี้ที่ยังมีชีวิตอยู่ คือ Erin and Diane Murphy as Tabitha Stephens ที่เสียชีวิตระหว่างถ่ายทำ 1. Alice Pearce as Gladys Kravitz 2. Marion Lorne as Aunt Clara ************************************* รูปและเรื่องราวที่จะเพ้อก่อนเป็นอันดับแรกเป็นของนางเอกคนสวยตลอดกาล Elizabeth Montgomery เกิดในครอบครัวที่พ่อแม่เป็นผู้มีชื่อเสียง และร่ำรวยในวงการธุรกิจการแสดง ในปี 1933 ที่ Beverly Hills, CA หลังเรียนการแสดงจบ ได้เริ่มงานแสดงในรายการโชว์ของพ่อของเธอเอง ปี 1954 แต่งงานครั้งแรกกับนักธุรกิจไฮโซ Fred Cammann แต่ได้หย่าในปีต่อมา รูปนี้ถ่ายกับคุณพ่อ Robert Montgomery ในวันแต่งงาน จากคุณ : toomood - [ 19 ม.ค. 49 15:34:45 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ( อ๊ะๆ มีชายหนุ่มมาสนใจแล้ว ทันภาคนี้ก็บอกมาเหอะน่า ) แต่งครั้งที่ 2 ปี 1956 กับ Gig Young นักแสดงหนุ่มอนาคตดี แต่เนื่องจาก Gig Youngมีปัญหาเรื่องเหล้า และผู้หญิง ทำให้ชีวิตคู่ไม่สุขสมหวังดังที่เธอหวัง จากคุณ : toomood - [ 19 ม.ค. 49 15:38:16 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ในปี 1962 จากการทำงานร่วมกับ ผกก.William Asher เธอจึงเกิดความรักอีกครั้ง กลางปี 1963 เธอจึงทำการหย่ากับ Gig Young และแต่งงานเล็กๆกับ Asherปลายปีเดียวกัน Asher และเธอได้ร่วมกันผลิตซีรีส์เรื่อง Bewitched เสนอ ABC  และได้ออกอากาศ ในปี 1964 เป็นครั้งแรก จากคุณ : toomood - [ 19 ม.ค. 49 15:43:07 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ^ ^ ^ รูปข้างบน เป็น Asher กับ Liz หลังจากเริ่มถ่ายทำได้ไม่นาน เธอก็ตั้งครรภ์ลูกชายคนแรก ( William Allen Asher, Jr. ) หลังคลอด 3 สัปดาห์ก็กลับมาถ่ายทำต่อ และปีต่อมา 1965 เธอก็ได้ให้กำเนิก ลูกชายคนที่ 2 ( Robert Deverell Asher ) ซึ่งในเรื่องBewitched ซีซั่นที่ 2 เธอก็ได้ให้กำเนิด Tabatha ( ออกเสียง Tabitha ) และในซีซั่นที่ 5 เธอก็ให้กำเนิดลูกสาวอีกครั้ง ( Rebecca Elizabeth Asher ) และตามท้องเรื่อง เธอให้กำเนิด ลูกชายแก่ แดริน คือ หนูน้อย Adam เช่นกัน สรุป ตอนนี้ เธอมีลูกในชีวิตจริง 3 ในเรื่อง 2 จากคุณ : toomood - [ 19 ม.ค. 49 15:52:09 ]

ความคิดเห็นที่ 6 มารอชม ครับ เรื่องนี้ชื่อไทยว่าอะไรครับ บ้านผมไม่มียูบีซี T T มีซีรีส์อีกหลายเรื่องที่ผมนึกได้แต่ภาพ แต่นึกชื่อเรื่องไม่ออก - - อย่างว่าตอนนั้นยังเด็ก ที่บ้านเค้าเปิดอะไรก็ดูไปตามเรื่อง แต่พอโตกลับมาคิดถึงหนังเก่าๆพวกนั้น แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 49 16:02:33 จากคุณ : ID.2.CU - [ 19 ม.ค. 49 15:54:38 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ในช่วงนั้นเอง เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ที่ทำให้ความนิยม(น่าจะ)ลดลง คือ มีการเปลี่ยนแปลงผู้แสดงเป็น Darrin จาก Dick York เป็น Dick Sargent เนื่องจาก York มีปัญหาทางสุขภาพ จากเคยประสบอุบัติเหตุทำให้กระดูกสันหลังได้รับบาดเจ็บ York ต้องทุกข์ทรมานจากอาการปวดหลัง และทำให้มีปัญหาเรื่องติดยาแก้ปวด ส่งผลต่อการแสดง จะเห็นว่าในซีซั่นนี้ เค้าจะมาๆหายๆ ถ้าหายก็จะมีการบอกกล่าวในเรื่องว่า ไปติดต่อทำโฆษณาต่างประเทศ บางทีก็มีการให้ซาแมนธารับโทรฯ คุยกับแดริน จริงๆ แล้ว ก่อนที่ York จะรับแสดงเรื่องนี้ ทางผกก.ได้ติดต่อให้ Sargent มาแสดง แต่เค้าติดงานเรื่องอื่นจึงปฏิเสธไป เมื่อต้องเปลี่ยนตัวเอกกลางอากาศ ทางทีมสร้าง ก็คิดกันว่า จะเอายังไงดี บอกคนดูว่าแดรินทะเลาะกับแม่ยาย แล้วโดนสาปให้หน้าเปลี่ยนดีมั้ย หรือแถลงการณ์ให้ทราบไปเลยว่าเปลี่ยนแล้วนะ แต่ในที่สุดก็ไม่รู้ไม่ชี้เปลี่ยนไปเฉยๆ ไม่ได้สร้างเรื่องหรือแถลงอะไร ปรากฏว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์มากมาย เหมือนดั่งโต๊ะเฉลิมกรุงของพันทิป ว่า เล่นห่วยมั่ง ซีเรียสไปมั่ง แล้วยังจูบกันน้อยอีกต่างหาก ( อันนี้เราวิจารณ์เอง แหะๆ ) รูปนี้ กับ Dick York จากคุณ : toomood - [ 19 ม.ค. 49 16:06:45 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ตอนนู้นนน เรายังดูหนังฝรั่งไม่เป็นเลยค่ะ ดูเป็นแต่หนังจีน ^^" และก็เพิ่งจะรู้จักเรื่องนี้ ก็ตอนที่เค้าเอามาสร้างเป็นหนัง ที่เพิ่งฉายไปเมื่อปีที่แล้วเองค่ะ เชยสุดๆเลยเรา - -" จากคุณ : ตุ๊กตาไขลาน - [ 19 ม.ค. 49 16:12:30 ]

ความคิดเห็นที่ 9 รูปนี้กับ Dick Sargent ปล.คุณ ID.2.CU คะ ชื่อไทยว่าแม่มดสาวเจ้าเสน่ห์ ในราวปี 1971 Asher รู้สึกได้ถึงความนิยมที่ลดลงเรื่อยๆ จึงจบเรื่องนี้ลงในซีซั่นที่ 8 และไม่เฉพาะซีรีส์เท่านั้นที่จบลง ชีวิตคู่ของ Liz และ Asher ก็สิ้นสุดลงด้วย มีกอซซิบว่ามีลางบอกว่าความรักนั้นจบลงแล้วตั้งแต่กลางซีซั่น เพราะปกติ Liz จะสวมสายสร้อยห้อยล้อกเก็ตรูปหัวใจ ที่เป็นเครื่องหมายความรักของทั้งคู่ แต่สายสร้อยนั้นได้หายไปจากลำคอเกลี้ยงเกลาของเธอไป เธอได้พยายามปกปิดด้วยการใส่เสื้อคอเต่า ( หะๆ อันนี้เราสังเกตเอา จากการเข้าไปอ่านที่เวบบอร์ดบีวิทช์ปีแล้ว แล้วมานั่งผิดสังเกต ประสาคนน้ำเน่า ) จากคุณ : toomood - [ 19 ม.ค. 49 16:15:59 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ไม่เชยค่ะคุณ ตุ๊กตาไขลาน เราดูเป็นเรื่องเป็นราวก็เมื่อปี 2 ปีนี่เองจากยูบีซี เมื่อก่อนยังนั่งผมจุกนั่งหน้าทีวี ไม่รู้เรื่องเท่าไหร่ คิดย้อนแล้วเหมือนฝันๆ หลังจากจบซีซั่น เธอหนีหายจากชีวิตของAsher ไปเฉยๆ ( อันนี้ Asher เคยให้สัมภาษณ์ไว้ เราไม่ได้นั่งเทียนนะ ) Asher บอกว่า เมื่อฉากสุดท้ายถ่ายทำเสร็จ เธอก็หอบผ้าหอบผ่อน ออกจากชีวิตเค้าไป พร้อมลูกๆ สาเหตุแห่งความร้าวฉาน น่าจะมาจาก เรื่องธุรกิจ คือแรกๆที่เริ่มสร้าง Bew. มาด้วยกัน Liz ถือได้ว่าเป็นผู้มีส่วนสำคัญมากๆ เท่าๆกับ Asher แต่ต่อมาเหมือนเธอถูกลดทอนอำนาจ การตัดสินใจ จึงเกิดความไม่พอใจสะสม ไม่นานเธอก็พบรักใหม่ ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย เธอเริ่มต้นชีวิตรักบทสุดท้ายกับ Robert Foxworth นักแสดงหนุ่มใหญ่ จากซีรีส์เรื่อง Falcon Crest โดยเธอตัดสินใจที่จะไม่มีการแต่งงานในครั้งนี้ เพราะเชื่อว่า การแต่งงานในอดีต ล้วนทำให้เธอผิดหวังทั้งสิ้น รูปกับ  Robert Foxworth ในกองถ่าย " Face to Face in East Africa " จากคุณ : toomood - [ 19 ม.ค. 49 16:28:23 ]

ความคิดเห็นที่ 11 Liz ยังคงมีงานแสดงทางทีวี มาจนถึงปี 1985จึงตัดสินใจ กึ่งๆรีไทร์ ( semi-retire  )แปลว่าอะไรงงๆ มาใช้ชีวิตคู่กับสามีสุดที่รัก และช่วงหลัง กลับมาอีกครั้งกับ Bewitched TV show reunion special ปี 1992 หลังจากใช้ชีวิตร่วมกันมาเกือบ 20 ปี ทั้งคู่จึงเข้าพิธีแต่งงานกัน เป็นงานเล็ก ส่วนตั๊วส่วนตัว ทำให้มีบางคนเพิ่งได้รู้ว่าเธอแต่งงานแล้ว หลังจากเธอเสียชีวิต ต้นปี 1995 ระหว่างการสร้างหนัง " Deadline For Murder: From the Files of Edna Buchanan " Liz เริ่มป่วย แต่เธอคิดว่าเป็นไข้หวัด และเกิดจากการตรากตรำทำงาน เธอจึงทำหนังต่อไปจนเสร็จ เมษายน 1995 Foxworth ได้ยืนยันที่ต้องการให้เธอเข้ารพ.รับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์ จึงทราบว่าเธอป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ ( colorectal cancer ) และใน เดือน พฤษภาคม เธอก็จากไปอย่างสงบ ท่ามกลางบุคคลอันเป็นที่รักของเธอ รูป Elizabeth Montgomery ในช่วง' 90 แก้ไขเมื่อ 20 ม.ค. 49 08:49:50 จากคุณ : toomood - [ 19 ม.ค. 49 16:43:37 ]

ความคิดเห็นที่ 12 รูปหลุมฝังศพของเธอค่ะ จาก www.thanatophobialand.com/ ElizabethMontgomery.htm จากคุณ : toomood - [ 19 ม.ค. 49 16:47:14 ]

ความคิดเห็นที่ 13 สรุปรางวัลที่ Elizabeth Montgomery ได้รับตลอดชีวิตการแสดง Emmy 9 รางวัล ในนี้ มี 5 รางวัลจากเรื่อง Bewitched ปี 2004 ได้รับการจารึกชื่อไว้ใน Walk of Fame ปล.ยังมีดารานักแสดงในดวงใจจากเรื่องนี้ที่เราอยากนำเสนอ คือ คุณป้าเอนดอร่า Agnes Moorehead  แม่ยายต้นฉบับ ที่ลูกเขยควรยำเกรง คุณป้าคลาร่า Marion Lorne เป็นคุณป้าที่น่ารักที่สุดในโลก และคุณน้าแกลดีส์ Alice Pearce ที่มีบุคลิกไม่เหมือนใคร ไม่มีใครเหมือนค่ะ โปรด ( ได้โปรด ) รอคอยตอนต่อไป ยังมีเกร็ดเกี่ยวกับ ดารา และ หนังเรื่อง Bewitched ให้ท่านได้อ่านไป หาวไป ตอนนี้ขอไปทำกับข้าวก่อนนะคะ ขอบคุณที่ติดตามชม coming soon der. จากคุณ : toomood - [ 19 ม.ค. 49 17:02:08 ]

ความคิดเห็นที่ 14 โอ้จำได้แล้ว เมื่อก่อนคุณแม่ผมชอบทำปากทำจมูกขมุบขมิ้บแล้วทำเป็นเศกของเล่นมาให้ ใช่เรื่องนี้หรือป่าวหนอ เวอร์ชั่นล่าสุดครับที่นิโคล คิดแมน แสดงต้องไปหามาดูซะหน่อย จากคุณ : ID.2.CU - [ 19 ม.ค. 49 17:35:10 ]

ความคิดเห็นที่ 15 Agnes Moorehead as Endora เป็นตัวละครที่เราชอบมากที่สุด มีสีสันที่สุด เกิดในปี 1900 อาชีพแรกคือ ครูสอนการละคร และ การออกเสียง ( Drama & speech ) เริ่มอาชีพการแสดงจาก นักเต้น นักร้องโอเปราทางวิทยุ ในปี 1923 แสดงละครบอร์ดเวย์ เป็นดารานำในละครทางวิทยุที่ได้รับความนิยมสูงสุด จากนั้นเริ่มเล่นหนังในปี 1941 กับ นักสร้างคนดังที่สุดในยุคนั้น Orson Welles จากคุณ : toomood - [ 19 ม.ค. 49 20:29:26 ]

ความคิดเห็นที่ 16 บท Endora เป็นบทที่ Elizabeth Montgomery เสนอให้เธอเล่น และว่าเหมาะกับเธอที่สุด ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ Endora เป็นแม่ที่รักลูกสาวอย่างมาก เธอปราถนาให้ลูกสาวมีสามีที่เป็นพ่อมดเช่นกัน และต้องหล่อ มีฐานะ ทุกอย่างต้องเพอร์เฝค แต่ลูกเขยที่ลูกสาวเลือกมานั้น ทำให้เธอต้องกลายเป็นแม่ยายตัวแสบ ( ของลูกเขยจอมกวน ) ที่คอยกลั่นแกล้ง เหน็บแนม สาปให้เป็นตัวประหลาดทุกโอกาสที่มี แม้กระทั่งชื่อลูกเขย เธอก็เรียกผิดๆถูกๆ ( ส่วนใหญ่จะผิด ) ถือเป็นคู่กัดตั้งแต่ต้นจนจบ แม้หลังๆเธอจะอ่อนข้อให้บ้าง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะแหย่เล่นบ้างเพื่อความบันเทิงตามประสาแม่ยายร่ำรวยอารมณ์ขันร้ายๆ จากคุณ : toomood - [ 19 ม.ค. 49 20:39:22 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ยอดเยี่ยมเลยค่ะ  เคยดูตอน..เป็นเด็กหรือเป็นสาวแล้ว จำไม่ได้(แฮ่..แฮ่ บางท่านบอกว่าแค่นี้ก็รู้แล้ว ว่าตอนไหน)  ตอนนี้ได้กลับมาชมทาง ยูบีซี ยังชอบเหมือนเดิม ชมแล้วคลายเครียดได้ เสียดาย แม่มดเจ้าเสน่ห์ ตายเสียแล้ว  ไม่รู้วา เจ เค โรลลิ่ง คนเขียน แฮรี พอตเตอร์ ได้แรงบันดาลใจ มาจากเรื่องนี้หรือเปล่านะคะ จากคุณ : ไฮเดรนเยีย - [ 19 ม.ค. 49 20:43:23 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เธอไม่เคยทิ้งงานแสดงที่เธอรักจนวันตายเช่นกัน หลังจากจบซีซั่นสุดท้ายของ Bew. ได้ 2ปี เธอมีงานชิ้นสุดท้าย เป็นละครเพลง " Gigi " ในปี 1973 30 เมย. 1974 เธอก็เสียชีวิตอย่างสงบด้วยโรคมะเร็งปอด ในวัย 73 ปี สาเหตุจากการสูบบุหรี่อย่างหนักมาตลอดชีวิต ได้รับรางวัลมากมายตลอดชีวิตการแสดง ที่เด่นๆ คือ Golden Globe Awards 2 ครั้ง จากคุณ : toomood - [ 19 ม.ค. 49 20:47:08 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ท่านต่อไปค่ะ Marion Lorne แสดงเป็น ป้าคลาร่า ที่น่ารัก อารมณ์ดี อารมณ์เย็น ไม่เคยโกรธใครเลยซักครั้ง ป้าคลาร่าเป็นพี่สาวของเอนโดร่า แต่นิสัยต่างกันคนละขั้ว เป็นที่รักของซาแมนธา และใครก็ตามที่ได้รู้จัก ป้ามีปัญหาของแม่มดอายุมาก คือ ลืมหน้า ลืมหลัง ก่อให้เกิดปัญหาทุกครั้งที่ป้าหวังดี อยากช่วย ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงทุกครั้ง เพราะป้าจะลืมไปแล้วว่าคาถาที่ป้าเสกไปนั้น ร่ายว่าอย่างไร  ซึ่งการจะแก้คาถาที่เสกผิดได้นั้น ต้องจำให้ได้ก่อนว่าร่ายไปอย่างไร ป้ายังชอบการหายตัวไปไหนมาไหน แม้ทุกครั้งที่มาบ้านหลานสาว ป้าจะหลงเข้าไปในตู้เก็บของบ้าง เตาผิงฝุ่นเขรอะซึ่งออกมาทีป้าจะมอมแมมสุดๆ แต่ป้าก็ยิ้มได้ จากคุณ : toomood - [ 19 ม.ค. 49 21:00:26 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เวลาป้าพูดจะกระตุกๆ ตะกุกตะกัก เวลาเดินก็จะสะดุ้งๆ แค่ดูท่าทางก็ขำแล้ว รูปนี้เพิ่งออกมาจากเตาผิง [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : toomood - [ 19 ม.ค. 49 21:04:30 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ตอนที่ดู Bew. ปีที่แล้ว ได้เข้าไปอ่านเวบบอร์ด ว่าป้าเล่นได้ไม่กี่ซีซัน ป้าก็จากไปอย่างสงบ ด้วยโรคหัวใจวาย ใน May 9, 1968 เรากำลังหลงรักป้าคลาร่าอยู่ เศร้าไปเลย หลังจากป้าไปสวรรค์ ในปีนั้น ป้าก็ได้รางวัล  Emmy Award จากบท ป้าคลาร่า รูปในปี 1920 จากคุณ : toomood - [ 19 ม.ค. 49 21:13:40 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ท่านต่อไป เป็นบทที่มีความสำคัญ เป็นเสน่ห์ เป็นสีสันคือ Alice Pearce รับบท เพื่อนบ้านที่ชอบสอดรู้สอดเห็นของซาแมนธา Gladys Kravitz ( Nosy neighbor) เป็นชาวนิวยอร์ค ด้วยรูปร่างที่ผอมบาง ตัวเล็ก นัยน์ตากว้าง ฟันเหยิน และคางสั้น ( ใช้คำว่า Parrote face ) ด้วยบุคลิกที่เรียกเสียงฮา เสียงปรบมือจากผู้ชม เธอมีโทนเสียงเขย่าประสาท ขึ้นจมูก รวมๆกันแล้ว ทำให้ Gladys Kravitz เป็นตัวละครที่ได้รับความนิยมไม่แพ้ใคร จากคุณ : toomood - [ 19 ม.ค. 49 21:28:21 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เธอเป็นดาราที่มีงานแสดงมากมาย ถือเป็นตัวขโมยซีน ( Scene-stealer) เรื่องนี้เธอจะเป็นผู้ที่รู้ เห็นการใช้จมูกดุ๊กดิ๊ก ร่ายคาถา อย่างที่คุณ ID.2.CU บอก เมื่อเห็นแล้ว เธอก็จะโวยวายวิ่งกลับบ้านไปบอกสามี ( Abner ) ซึ่งสามีเธอก็จะหายาน้ำกล่อมประสาทให้ดื่มทุกครั้งไป Abner ที่เล่นโดย George Tobius เป็นคู่สามี-ภรรยาที่ไร้ที่ติ ในเรื่องการประชดประชัน แต่มีหลายตอนที่ทำให้รู้ว่า เขารักเธอมากแค่ไหน แม้เค้าจะคิดว่าเธอสุดเพี้ยน จากคุณ : toomood - [ 19 ม.ค. 49 21:40:03 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เป็นเรื่องน่าเศร้าอีกเช่นกันที่เธอเล่นได้ 2 ซีซั่นเท่านั้น ก่อนจะรับเล่นเรื่องนี้ เธอทราบอยู่แล้วว่าป่วยเป็นโรคมะเร็งรังไข่ ( Ovarian Cancer ) เธอไม่ได้แจ้งให้ใครทราบ มีเพียงครอบครัวเท่านั้นที่รู้ เธอจากไปด้วยวัย 48 เมื่อ 3 March 1966 รูปนี้กับสามี Paul Davis ปล. มาเพิ่มเติมว่า หลังจากที่เธอเสียชีวิตลง ในปีนั้นเธอก็ได้ Emmy จากเรื่องนี้ค่ะ แก้ไขเมื่อ 20 ม.ค. 49 08:37:02 จากคุณ : toomood - [ 19 ม.ค. 49 21:48:16 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ก่อนจบการเพ้อเจ้อครั้งนี้ ขอจบด้วยเรื่องอันน่าเศร้าของพระเอก Dick Yorks หรือ ชื่อเต็มว่า Richard Allen York เกิด ในปี 1928 ที่ ชิคาโก้ เค้ามีช่วงชีวิตที่ยากลำบากมาตั้งแต่เด็ก เพราะเกิดในช่วงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ พ่อของเค้ายากจนถึงขนาด ต้องหาเศษอาหารจากถังขยะ มาให้ลูกกินขจัดความหิวโหย ด้วยความมานะพยายาม ดิ๊คได้งานแสดงในละครวิทยุ ในปี 1940 และย้ายไปนิวยอร์ค ได้แสดงหนัง ในปี 1951 และในปีเดียวกันนี้เอง เค้าได้แต่งงานกับหญิงผู้เป็นคนเดียวของตลอดชีวิต ( Joan “Joey” ) ซึ่งชอบกันมาตั้งแต่ ดิ๊คอายุ 15 เธอ 12 มีลูกสาว 3 ลูกชาย 2 ดิ๊คได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับชีวิตคู่ที่มั่นคงของเค้าไว้ด้วย Dick York: Still Magic แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 49 22:23:21 แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 49 22:20:14 แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 49 22:16:11 จากคุณ : toomood - [ 19 ม.ค. 49 22:14:49 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ดิ๊คได้รับอุบัติเหตุในการขับรถในฉากถ่ายหนังเรื่องหนึ่ง ในช่วงปี 1950 กว่าๆ ทำให้เค้าได้รับบาดเจ็บที่กระดูกสันหลัง มีอาการต่อเนื่องมา และก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อน  ตลอดชีวิตที่เหลืออยู่จากนั้น ในช่วงระหว่างถ่ายทำ Bew. ดิ๊คจะมีอาการทรมานจากการปวดหลังอย่างมาก วิธีที่ดิ๊คใช้ คือ กินยาแก้ปวด มันส่งผลต่องานแสดงอย่างมาก ทั้งโรค ที่เต้าเป็น และการติดยาแก้ปวดอย่างหนัก เป็นเหตุให้เค้าต้องขาดงานบ่อยๆ จนในที่สุดทีมงานต้องเปลี่ยนให้ Dick Sargent มารับช่วงเป็นแดรินต่อ ดิ๊คยอมรับสภาพนั้น หลังจากเลิกเล่น Bew. ดิ๊ค ต้องเริ่มต้นใหม่ งานหด เงินหาย ครอบครัวกลับมาลำบากอีกครั้ง จากคุณ : toomood - [ 19 ม.ค. 49 22:33:10 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ชีวิตหลังจากนั้น ไม่เคยได้กลับไปสูงสุดเหมือนเมื่อเป็นแดรินอีกเลย ดิ๊ค ได้ทำสิ่งที่ตรงกันข้ามกับบทบาทแดริน ที่ต้องห้ำหั่นกับแม่ยาย เพราะในช่วงเวลาที่แม่ยายของเค้าประสบปัญหา ต้องการคนดูแล เค้าและครอบครัวจึงย้ายไปช่วยโดยทันที ช่วงหลังๆของชีวิต ดิ๊คได้พยายามตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนจรจัด ร่อนเร่ ตามกำลังเท่าที่มี ถือเป็นคนที่จิตใจดีงาม อดทนต่อความยากลำบาก และมั่นคงในหญิงคนเดียวตลอดชีวิต สุดท้ายดิ๊คจากไปด้วยโรคแทรกซ้อนของความพิการ ผิดปกติต่อเนื่องมาเรื่อยๆของกระดูกสันหลังที่คดงอ ส่งผลต่อระบบการหายใจ ปอด ถุงลม ทำให้เค้าต้องหายใจทางสายอ๊อกซิเจนตลอดเวลา แต่ในช่วงทุกข์ทรมาน ไม่ว่าใครจะถาม สัมภาษณ์ ดิ๊คไม่เพียงแต่ยอมรับในความเจ็บป่วยของตน เค้ายังมองโลกในแง่ดี  ให้กำลังใจคนอื่นอีกด้วยซ้ำ ดังคำพูดของเค้าก่อนเสียชีวิตไม่นาน   “that the world was kind to me. That I never met anybody I hated or who hated me,” and that he wanted to be remembered laughing and encouraged everyone to “be happy.” ดิ๊คจากโลกที่แสนโหดร้ายไป ในวัย 63 เมื่อ February 20, 1992. จากคุณ : toomood - [ 19 ม.ค. 49 22:43:39 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ขอคารวะนักแสดงผู้มากความสามารถในเรื่องนี้ทุกท่าน ลูก หลาน เหลน ของเราก็จะรู้สึกเดียวกัน เมื่อพวกเค้าได้ดู Bewitched ในยุคของเค้า จากคุณ : toomood - [ 19 ม.ค. 49 22:47:17 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณคุณ toomood มากๆ ย้อนอดีตได้น่ารักดี รายละเอียดเพียบ เห็นสัจธรรมด้วย หนังเรื่องนี้ทำให้ผมต้องจ่อมอยู่หน้าจอทีวีเป็นประจำ ดูแล้วก็สบายใจนะ ผมเสนออีกสองเรื่องได้ไหม "แม่ชีกายสิทธิ" กับ "ขวัญใจสายลับ" สองเรื่องนี้เป็นหนังฝรั่งยุคนี้แหล่ะ ตอนนั้นผมติดเป็นตังเมเลย ไหนๆฝากหนังไทยอีกเรื่อง เอ้า "ตาเถรกายสิทธิ" หนังทีวีช่อง7สี  จำได้ว่า คุณสมพงษ์ พงษ์มิตร แสดงเป็นตาเถรผมขาวหนวดขาว เหาะเหิรเดินอากาศได้ สนุกมาก (ยากไปไหมเนี่ย)55555 จากคุณ : tarmood (ต.ลาดพร้าว) - [ 19 ม.ค. 49 22:58:22 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชมนะคะ จากคุณ : toomood - [ 19 ม.ค. 49 22:58:25 ]

ความคิดเห็นที่ 31 คุณต๋าหมูด ขอชื่อภาษาอังกฤษของ 2 เรื่องที่ว่าด้วยนะคะ แต่ถ้าไม่ทราบไม่เป็นไร เดี๋ยวจะปลุกตาแก่ที่บ้านมาถาม ขอเป็นวันพรุ่งนี้นะคะ ชอบจริ๊ง เรื่องมอบหมายให้ทำเพื่อความบันเทิง  ขอให้บอก แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 49 23:01:38 จากคุณ : toomood - [ 19 ม.ค. 49 23:01:19 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เรื่องนี่หรือเปล่าครับ ฮิฮิฮิ จากคุณ : Duke-ดุ๊ก - [ 20 ม.ค. 49 01:19:18 ]

ความคิดเห็นที่ 33 คุณ toomood เขียนได้ดีมากค่ะ ชอบจริงๆ ขอบคุณที่ทำให้ความทรงจำดีๆย้อนกลับมาอีกครั้ง ป.ล. เราเป็นหนึ่งในทีมแปลซับไตเติ้ลของ Bewitched ที่ฉายอยู่ทาง Hallmark ตอนนี้ค่ะ เลยโชคดีได้ดูแทบทุกตอนอีกครั้ง ตอนดูรอบแรกยุคโน้นยังคาบขวดนมอยู่หน้าทีวีอยู่เลย จากคุณ : sukh - [ 20 ม.ค. 49 02:34:27 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ยอดเยี่มมั่กๆ จากคุณ : 5150_b - [ 20 ม.ค. 49 07:47:19 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ...      เคยดูเมื่อครั้งที่ช่อง 5 เอาซีรี่ส์ฝรั่งเก่าๆอย่าง แบทแมน จินนี่ และก็บีวิทช์นี่แหละมาฉายช่วยก่อนเที่ยง จากคุณ : The Legendary Midfielder - [ 20 ม.ค. 49 12:42:34 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ข้อมูลเจ๋งค่ะ อีกหนึ่งเรื่องโปรดในดวงใจของเราเลย สมัยก่อนตอนยังไม่มียูบีซี เพื่อนไปเรียนต่อที่อเมริกา จม.กลับมาบอกว่ามีฉายที่นู่น ถึงกับขอให้อัดวีดีโอแล้วส่งกลับมาให้ดู จนมียูบีซี แล้วยูบีซีนำซีรี่ส์นี้มาฉาย เราก็ยังตามดูอย่างไม่เบื่อหน่าย ฉายเมื่อไหร่ก็ดูเมื่อนั้น ชอบจริงเลย ถึงกับไปดู Bewitched ฉบับนิโคล คิดแมน ด้วยความหวังที่เต็มเปี่ยม แล้วก็อกหักกลับมาอย่างยับเยิน เลยยิ่งรักซีรี่ส์นี้จับใจ จากคุณ : paper wing - [ 21 ม.ค. 49 00:45:55 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ต้องขมุมปากซ้ายขวาไช้เวทมนต์ ฮิฮิ แม่มดซาแมนทา จากคุณ : มาย (my moky) - [ 21 ม.ค. 49 08:05:52 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ช่วงก่อนหน้านี้ยูบีซีก็ยังฉายอยู่นะครับ ช่วงนี้ไม่ทราบมีหรือเปล่า จากคุณ : น้ำใส - [ 23 ม.ค. 49 07:43:05 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เพิ่งดู DVD ฉบับ Nicole Kidman มีความรู้สึกเหมือนอย่างที่คุณ Paper Wing ว่า ดูไม่จบเรื่อง ถอดใจเสียก่อน ผิดหวังอย่างแรง นึกว่าจะเป็น Bewitched - The Movie โดยใช้ plot เรื่องเดิมๆ จากคุณ : แป๋ง แป๋ง - [ 27 ม.ค. 49 17:34:03 ]