CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    @... Greeting Card from Jerry's Overseas Friends ...@

    สวัสดีวันปีใหม่ของ Jerry ค่ะ ทุก ๆ มามา  และ หลาน ๆ  พลุลูกโป่งเทียนเทียนลูกโป่งพลุ


    วันนี้ คือ 28 มกราคม 2006 เป็นวันปีใหม่ของพี่น้องชาวจีน  
    ภาษาจีนแต้จิ๋ว จะเรียกวันนี้ว่า ชิวอิก  คือ วันที่ 1

    ขณะนี้ ในหลาย ๆ ประเทศคงมีการฉลองรับวันใหม่กันอย่างสนุกสนาน
    ด้วยการ เซ่นไหว้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย เจ้าที่ เจ้าทาง และบรรพบุรุษ ผู้ล่วงลับ ทุก ๆ คน
    รวมถึงการ เผากระดาษเงิน กระดาษทอง จุดประทัด เชิดสิงโต และ อื่น ๆ


    โดยปกติ บรรพบุรุษมักจะบอกเล่ากับลูกหลานไว้ง่าย ๆ ว่า
    ถ้าวันแรกของปี ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี  ก็จะสามารถทำให้วันต่อ ๆ ไปในปีนั้น ดีไปด้วย

    เรื่องนี้มิใช่ความเชื่อที่งมงาย  แต่เป็นกุศโลบายอันแยบยลของ ปู่ย่าตาทวด  
    เพราะท่านเพียงต้องการ ให้ลูกหลานเห็นคุณค่าของชีวิต  ที่ช่วยกันประคับประคอง  
    ฝ่าฟันอุปสรรคด้วยกันมาอย่างเหนื่อยยาก จนสามารถผ่านมาได้อีกหนึ่งปี

    เท่านี้ก็สมควรจะแสดงความยินดีร่วมกัน อย่างมีความสุข สามัคคี และสนุกสนานรื่นเริง
    เพื่อเป็นการสร้างเสริมกำลังใจให้สามารถทำวันพรุ่งนี้ และวันต่อ ๆ ไป ให้ดียิ่งขึ้นกว่าวันที่ผ่าน ๆ มา

    และวิธีที่จะทำให้เด็ก ๆ ทั้งหลาย รวมทั้งผู้ใหญ่ที่ขี้โกรธ ขี้โมโห วัน ๆ เอาแต่คอยจับผิดลูกหลาน
    ได้บรรเทาความโกรธขึ้งลงเสียบ้าง  อย่างน้อยสักปีละหนึ่งวันก็ยังดี

    บรรพบุรุษที่มีความฉลาด  จึงกำหนดไว้ให้วันชิวอิกเป็นวัน ออกท่องเที่ยว
    แต่งตัวสวย ๆ นิยมสีสดใส ส่วนใหญ่จะเลือกสีแดง ๆ เข้าไว้  
    เพราะสี ฟ้า เทา ขาว  นิยมใช้เป็นสีไว้ทุกข์  
    และสี น้ำเงิน น้ำตาล หรือดำ ก็ยังเป็นสีที่ใช้ทำ ไร่ นา อีกด้วย

    เมื่อมีคนไปเที่ยว ก็ต้องมีคนอยู่เฝ้าบ้าน  หัวหน้าครอบครัวจึงต้องหากุศโลบาย
    เพราะไม่ต้องการให้วันชิวอิกมีสิ่งไม่ดีเกิดขึ้น  แม้เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ
    จึงออกกฎ ห้ามคนอยู่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ห้ามหยิบไม้กวาด กวาดบ้าน
    อย่างน้อยเพื่อป้องกัน ไม่ให้เผลอไปปัด ถ้วยโถโอชาม หล่นลงมาแตก


    วันชิวอิก  จึงห้ามกวาดบ้าน ห้ามจับไม้กวาด  ห้ามลงโทษเด็ก ๆ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด
    ผู้ใหญ่โดนขอร้องแบบนั้น  ส่วนเด็ก ๆ ก็โดนขอร้องบ้าง ห้ามทะเลาะกัน
    ห้ามพูดคำหยาบ ห้ามร้องไห้  ห้ามเจ็บป่วย อิ อิ ถ้าบังคับได้นะ

    จำได้ว่า ตอนเด็ก ๆ เคยบอกเตี่ยว่า หนูอยากให้มีวันชิวอิกทั้งปี  ถ้าเตี่ยเผลอ ทำท่าเงื้อมือ  
    เราก็ลอยหน้าบอกว่า ฮั่นแน่ วันนี้แตะต้องหนูมะล่ายหนา  ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า
    พูดไม่ทันขาดคำ นิ้วหงิก ๆ ของแม่ลอยลงกลางหัว พอคัน ๆ หันไปค้อนและต่อว่า  
    แม่ก้อบอกว่าฉันเป็นคนไทยฉันตีได้  

    ครั้น พอจะออกจากบ้านไปเที่ยวกัน เราก็แหย่แม่ ด้วยการบอกเตี่ยว่าไม่ต้องให้แม่ไป
    เพราะแม่ไม่ใช่คนจีน  แม่ก็เงื้อมือมาอีก  บอกว่าฉันเป็นลูกคนจีน ฉันมีเตี่ย  
    อิ อิ หนูเหล่าซิ่ม จึงมีชีวิตที่เริ่มสับสน  ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา  555

     
    ยุคที่จำความได้ พ.ศ. 2496 -2515  ผลไม้ดี ๆ ต้องมาจากจีน ไทยมีแต่ผลไม้เมืองร้อน
    ประเภทพืช และดอกไม้เมืองหนาว เราไม่ปลูกกันเลย  ทั้ง ๆ ที่ยุคนั้น
    ฤดูหนาว ยาวนานตั้ง 4 เดือน หนาวมากตั้งแต่วันปิยมหาราช  ไปถวายบังคมที่ลานพระรูป  
    ต้องนั่งเรือจากวัดชลอบางกรวย ไปขึ้นที่ท่าช้าง  ขณะอยู่ในเรือแท็กซี่หนาวสั่นมาก  
    วันลอยกระทงเดือน พ.ย. ยิ่งหนาวหนักหนา หมอกขึ้นเต็มท้องน้ำ  ลงอาบน้ำไม่ได้
    ต้องไปนั่ง  สวดคาถาอยู่ที่หัวบันไดท่าน้ำเป็นเวลานาน  ๆ  
    ส่วนใหญ่จะหล่นตูมลงไปเพราะมีคนมาผลัก
    ถ้าหนาวจัด ๆ ก็จะได้อาบน้ำอุ่น ๆ  เตี่ยแม่ ยาย และน้าบ้าง ใจดีต้มน้ำไว้ให้

    ปีใหม่ไปใส่บาตร ห่อตัวกันจนเหมือนลูกหมี  แม้ 2520 ก็ยังหนาวแบบนั้นอยู่

    แต่หลังจากอาเจิ้น เกิดมาแล้ว คือหลัง พ.ศ. 2520 ความหนาวก็ค่อย ๆ หดหายไปจากเมืองไทย
    กระทั่งถึง 2546  เมืองไทยเต็มไปด้วยความร้อนระอุ  จนชาวไทยหลาย ๆ คน
    ไม่สามารถทนนั่งนอนอยู่ได้  ต้องสู้อุตส่าห์เดินทางไปหาความหนาวเย็นที่ไต้หวัน  555

    กระพริบตา  อิ อิ ในที่สุดก็หาทางลงจนได้  นึกว่าจะต้องจิ้มจนฉว่างเสียแย้วววววววว

     
     

    จากคุณ : ยายอุ๊ดจัง - [ 29 ม.ค. 49 01:49:44 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป