CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    Backstreet Boys Live in Bangkok – วันที่ฉันกลับไปเป็น “เด็กชาย”

    Backstreet Boys Live in Bangkok – วันที่ฉันกลับไปเป็น “เด็กชาย”
    โดย merveillesxx

    ถ้า Backstreet Boys มาเล่นคอนเสิร์ตเร็วกว่านี้สัก 2-3 ปี ผมก็คงไม่ได้สนใจแม้แต่จะแยแสมัน ในใจคงพาลคิดไปว่า “คอนเสิร์ตบอยแบนด์กิ๊กก๊อกแบบนี้ ไม่มีทางจะได้กินเงินฉันหรอก” ว่าแล้วก็เชิดหน้าเดินผ่านโปสเตอร์โฆษณาไปแบบไม่ใยดี แล้วมุ่งเข้าร้านซีดีไปคุ้ยหาแผ่นเพลงอินดี้ลับแลต่อ

    บางทีกาลเวลาที่ผันผ่านไป มันทำให้เราเติบโตขึ้น แต่มันก็ “ฆ่า” วัยเด็กของเราไปจนหมดสิ้น ลืมความทรงจำดีๆ ในวัยเยาว์ ลืมแม้กระทั่งความสนุกสนานแบบ “ไม่ต้องคิดอะไรมาก” แบบเด็กๆ

    โชคดีเหลือเกินที่ Backstreet Boys มาประเทศเราช้าไปถึง 10 ปี ณ วันเวลานี้ความแก่ตัวเริ่มถาโถมเข้าหาตัวผม ชีวิตเริ่มเหนื่อยหน่ายกับอะไรที่ “จริงจัง” จิตใจเริ่มถามหาความสุขในอดีต กระบวนการย้อนกลับเพื่อโหยหาบางสิ่งเริ่มทำงาน ศักดิ์ศรีหรืออีโก้ทั้งปวงได้พังทลายไปสิ้นแล้ว

    ดังนั้นเมื่อผมรู้ว่า Backstreet Boys จะมาเล่นคอนเสิร์ตที่เมืองไทย กลไลอัตโนมัติของผมตอบกับตัวเองทันทีว่า “ไป” เพราะนี่อาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายที่ผมจะได้ตามหาตัวตนในอดีตอีกครั้ง


    22 มกราคม ผมกลับมาที่อิมแพ็คอารีน่า สถานที่อันคุ้นเคยอีกครั้ง มองสายตาไปโดยรอบ คนดูส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง และอยู่ในวัยเดียวกับผม หรือไม่ก็บวกเพิ่มไปสัก 2-5 ปี ระหว่างนั่งรออยู่ในฮอลล์ ผมกับเพื่อนก็คุยเล่นทบทวนความจำในอดีต “แกจำได้มั้ยเอ็มวี All I Have To Give ที่มันแต่งชุดมนุษย์ห้าสีไง” “เออๆ จำได้แต่ชั้นว่าเห่ยสุดก็ต้องเพลง I Want It That Way ที่มันไปเต้นในสนามบินอ่ะ เสร่อโคตรๆ” “อุ๊ย แต่เอ็มวีนั้น Nick หล่อมากนะ” “เอ้อใช่ แต่ยังไงที่หนึ่งในใจชั้นก็ต้อง Kevin ย่ะ” ฯลฯ

    ท่ามกลางประโยคทั้งหลายนั้น มันทำให้เราตระหนักได้ว่า Backstreet Boys คือวงบอยแบนด์ที่เราเติบโตมาด้วยกัน และพวกเขาก็เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเรา…

    สองทุ่มเกือบครึ่ง หลังจากวง Acappella 7 ลงจากเวทีไป ไฟบนเวทีก็ดับลงอีกครั้ง แสงไฟวูบวาบสีขาวฉาบไปทั่วเวที อินโทรเพลงบรรเลงขึ้น และแล้ว 5 หนุ่ม (?) แห่งวง Backstreet Boys ก็ปรากฏตัวพร้อมกับเพลง The Call ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ แต่ภาพที่อยู่ตรงหน้านั้น มันทำให้ผมรู้สึกว่าพวกเขาดูเท่มาก

    ระหว่างที่พวกเขาร้องเพลงอีกมากมาย ที่ผมคุ้นบ้าง ไม่คุ้นบ้าง เมื่อเพ่งพิจมองพวกเขาทั้งห้าผมรู้สึกว่าเขาไม่เปลี่ยนไปเลย Brian ยังคงหน้าเสถียรคงความเหลี่ยมประหนึ่งมนสิทธิ์ คำสร้อยเอาไว้, Kevin ที่อายุนำเพื่อนๆ ในวงไปไกลโขก็ยังหล่อเหมือนเดิม, หนวดของ AJ ก็ดูดีรับกับใบหน้า (แต่ดูเหมือนหัวเขาจะเถิกมากขึ้นนะ) ส่วน Howie ก็ดูขี้เล่นน่ารักเหมือนสมัยก่อน จะมีก็ Nick นี่แหละที่อ้วนฉุจนคนดูอึ้งกันทั้งฮอลล์

    ถึงแม้งานวันนี้จะไม่มีโปรดักชั่นอลังการมากมาย เหมือนที่เราเคยดูกันในแผ่น DVD ไลท์ติ้งเอฟเฟกต์ก็ไม่ได้หนีไปจากไฟงานวัดเท่าไร เวทีก็เรียบง่ายไม่มีลูกเล่นพิสดาร แต่สิ่งที่น่าประทับใจมากก็คือ ทั้ง 5 คน ยังเต้นเก่งเหมือนสมัยก่อน จังหวะแม่นยำไม่มีผิดเพี้ยน มันเหมือนกับภาพสมัย 10 ปีก่อนนั้นยังคงไว้เหนือกาลเวลา

    เห็นสภาพของ Nick Carter แล้วก็นึกปลงถึงเรื่อง “สังขาร” รวมถึงของตัวเองด้วย รู้สึกเลยว่าตัวเองแก่แล้ว เพราะแค่นั่งดูร้องกรี๊ดแหกปากไป 3-4 เพลง ก็หันหน้ามองกับเพื่อนแล้วพูดพร้อมกันเลยว่า “เหนื่อยว่ะ!” แต่ก็แค่นั้นแหละ ไม่มีอะไรหยุดเราได้ ว่าแล้วเรากรี๊ดแหกปากต่อไป

    จะว่าไปแล้วความแก่ตัวมันก็ดีเหมือนกัน มันทำให้ผมเลิก “เก๊ก” เสียที สมัยก่อนผมเกลียดเพลง I Want It That Way มาก ถึงขนานนามว่ามันเป็นเพลงที่ “เสร่อที่สุดในประวัติศาสตร์วงการเพลงป๊อป” แต่ 7 ปีผ่านไป (เพลงนี้ออกมาตอนปี 1999) ผมก็ร้องแหกปากสุดเสียง และอินกับมันสุดๆ

    “Tell me why
    Ain’t nothin’ but a heartache
    Tell me why
    Ain’t nothin’ but a mistake
    Tell me why
    I never wanna hear you say
    I want it that way”    

    นี่คือเพลงที่เสียงร้องกระหึ่มที่สุดในงานวันนั้น และต้องบอกเลยว่าผมไม่เคยเจอคอนเสิร์ตไหนเลยที่เสียงร้องดังขนาดนี้


    ขบวนเพลงฮิตทั้งหลายทยอยกันพาเหรดออกมา ท่ามกลางเสียงกรี๊ดสนั่นทั้ง Shape of My Heart, Larger That Life, Show Me The Meaning Of Being Lonely, All I Have To Give, As Long As You Love, I’ll Never Break Your Heart และ Quit Playing Games (With My Heart) …เมื่อผมได้ร้องตามไปกับเพลงเหล่านี้ มันก็เหมือนกับการต่อ “จิ๊กซอว์” ให้กับตัวเอง ผมรู้สึกว่าตัวเองกลับไปเป็น “เด็กชาย” อีกครั้ง

    เมื่อลองไปรอบตัวอีกครั้ง โดยสายตาของเด็กชาย ผมรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด เหมือนกับว่าอิมแพ็คอารีน่าในตอนนั้น มีจิตวิญญาณแห่งวัยเยาว์บรรจุอยู่อย่างเนืองแน่น ณ เวลานั้นทุกคนล้วนหลอมรวมกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน เพราะเราทุกคนต่างเคยมี Backstreet Boys เป็นวงบอยแบนด์ในดวงใจ


    อีกสิ่งที่ผมชอบมากในคอนเสิร์ตนี้คือ การเล่นเพลงย้อนหลังไปเรื่อยๆ จากอัลบั้ม Black & Blue, Millennium, Backstreet’s Back ไปจนถึง Backsteet Boys แล้วก็ปิดท้ายด้วยอัลบั้มล่าสุดคือ Never Gone ซึ่งผมคิดว่าสารที่ทั้งห้าคนต้องการสื่อถึงพวกเราก็คือ พวกเขาจะไม่จากไปไหน

    เมื่อถึงช่วงอังกอร์ เพลงสุดท้ายอย่าง Everybody (Backstreet’s Back) ถูกเล่นขึ้น แค่อินโทรขึ้นมาคนดูก็กรี๊ดนำหน้าไปหลายช่วงตัว และทุกคนก็พร้อมใจกันลุกขึ้นเต้น พร้อมกับตะโกนพร้อมกันว่า

    “Everybody…
    Rock your body…
    Everybody…
    Rock your body right
    Backstreet’s back all right!”

    ในที่สุดแล้วเพลง Everybody นี่เองที่ทำให้ความทรงจำในอดีตทั้งหมดของผมกลับมาชัดเจนอีกครั้ง
    …ภาพตอนที่เต้นอย่างเสียสติกับเพลง Everybody เพราะเมาน้ำพันช์ในปาร์ตี้บ้านเพื่อน
    …ภาพตอนที่ตื่นตะลึงสุดชีวิตกับมิวสิกวิดีโอเพลงนี้
    …ภาพตอนที่เถียงกับเพื่อนแทบเป็นแทบตายว่า Nick กับ Kevin ใครหล่อกว่ากัน
    …ภาพตอนที่แอบย่องไปซื้อเทปชุด Millennium ที่ร้านแถวสามย่านเพราะกลัวเพื่อนเห็น
    …และสุดท้ายก็คือ ภาพเหตุการณ์ในคอนเสิร์ตวันนั้น

    ผมว่าทั้งหมดนี้แหละคือความหมายที่แท้จริงของคำว่า “Never Gone”

     
     

    จากคุณ : merveillesxx - [ 29 ม.ค. 49 20:13:05 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป