PANTIP.COM : C4109898 +++ย้อนรอย คอนเสิร์ต Mariah Carey Live In Bangkok โดย SunnySideUp +++ [Mariah Carey Fanclub]

ความคิดเห็นที่ 4

กลับมาแล้วครับ จากคอนเสิร์ตระดับโลกสุดยิ่งใหญ่ครั้งแรกในประเทศไทยของ Mariah Carey ช่างเป็นค่ำคืนที่น่าประทับใจและคุ้มค่าเป็นอย่างยิ่งกับการรอคอยนานกว่าสิบปีของผม

ขอเล่าบรรยากาศงานคอนเสิร์ตตามที่ได้สัญญาไว้ เริ่มตั้งแต่การเดินทางไปอิมแพคอารีน่า เมืองทองธานี ของผม รู้สึกว่าการจราจรหนาแน่นเกินคาด แม้จะออกจากบ้านตั้งแต่สี่โมงเย็น กว่าจะไปถึงจุดหมายก็ห้าโมงกว่าแล้ว แต่ยังนับว่าทันเวลาเพราะหลังบัตรระบุไว้ว่าประตูจะเปิดเวลาทุ่มตรง ระหว่างนั้นก็มีกิจกรรมของผู้สนับสนุนคอนเสิร์ตครั้งนี้ให้ผู้เข้าชมคอนเสิร์ตได้ร่วมสนุก ทั้งเล่นเกมเล็กๆน้อยๆ หรือการขาย เทป, CD, VCD และ DVD ของ Mariah Carey ทุกชุด (ซึ่งผมมีครบหมดแล้ว เลยได้แต่เดินผ่านไป แต่น่าเจ็บใจตรงที่ของที่ผมมี ซื้อมาในราคาเต็มสุดแพง ในขณะที่สินค้าภายในงาน ลดสะบั้นหั่นแหลก ) เมื่อถึงเวลาหนึ่งทุ่ม ก็ยังไม่มีวี่แววว่าประตูจะเปิด แต่คนก็เริ่มทะยอยกันเข้าคิวเพื่อผ่านเครื่องตรวจโลหะ (ที่ไม่รู้ใช้งานได้จริง หรือเอามาตั้งไว้เล่นๆ เพื่อไม่ให้ผู้ชมนำกล้องต่างๆรวมทั้งอาวุธเข้าไปในคอนเสิร์ต) กว่าประตูจะเปิดก็สายไป 55 นาที จึงได้เข้าไปในอารีนา ระหว่างรอเวลาให้ผู้ชมเข้ามานั่งจนเต็ม ก็ใช้เวลานานพอดู

จนกระทั่งเวลาประมาณสามทุ่ม ซึ่งช้าไปจากที่ระบุไว้ในบัตรถึง 1 ชั่วโมง แสงไฟทั่วอารีนาก็มืดลง พร้อมด้วยเสียงกรีดร้องของแฟนๆ กับการปรากฎตัวอย่างไม่คาดฝัน ของ Mariah Carey จากทางด้านประตูทางเข้าของผู้ชม และเดินผ่านทางเดินด้านข้างท่ามกลางการคุ้มกันของบอดี้การ์ดร่างยักษ์ (ชุดเดียวกับที่ผลักผมที่สนามบิน ผมจำหน้าได้) จนถึงเวที Mariah ปรากฎตัวด้วยชุดสองชิ้นประกายเงินระยิบระยับ ปิดด้านบนและล่างเพียงน้อยนิด สุดเซ็กซี่ และขับร้องเพลง Heartbreaker ต่อด้วย Dreamlover โดยทันทีก่อนที่จะพูดทักทายแฟนๆ ระหว่างนี้ ผมต้องเตือนตัวเองว่าไม่ได้ฝันไป เพราะ Mariah Carey มาร้องเพลงให้ฟังสดๆต่อหน้านั้นเป็นเรื่องจริง ช่างเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นจนผมขนลุกไม่ยอมหาย จากนั้น Mariah ก็ร้องเพลง Through The Rain ที่สุดแสนจะซึ้ง จนผมน้ำตาคลอด้วยความดีใจอย่างไม่รู้ตัว และตามด้วยเพลง My All ก่อนที่จะแอบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและพักเหนื่อยหลังเวลา (การร้องเพลงที่ใช้พลังเสียงยอดเยี่ยม ถึง 4 เพลงติดๆกันโดยไม่ได้พักเลยนั้น นับเป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างหนึ่ง ที่นักร้องเพียงน้อยคนจะทำได้ ) Mariah กลับออกมาอีกครั้งกับชุดราตรียาวสีเนื้อ ดูงามสง่ากับเพลง Can't Take That Away และก็หลบไปเปลี่ยนเครื่องแต่งกายใหม่เป็นชุดเกาะอกกระโปรงสั้นสีน้ำเงิน พร้อมร้องเพลง Honey ด้วยท่าเต้นสุดเซ็กซี่ (ที่แม้จะเคยชมใน DVD แล้ว การได้มาเห็นการแสดงสดๆนั้นนับว่าน่าตื่นตาตื่นใจกว่ามาก) ก่อนที่ Mariah จะหายไปจากเวทีพักใหญ่ (อีกครั้ง) ปล่อยให้จอวิดีโอด้านข้างฉายภาพมิวสิควิดีโอเพลง I Know What You Want ซึ่ง Mariah ร้องร่วมกับ Busta Rymes โดย Mariah ออกมาร้องเพียงท่อนคลอรัสเพียงท่อนเดียว ในชุดเสื้อยืดแขนกุดกางเกงยีนส์ขาสั้นที่ดูสบายๆ ก่อนที่เธอจะกลับไปหลังเวทีอีกครั้ง เพื่อเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดที่ 5 ในชุดเกาะอกสั้นสีดำ รัดรูป และออกมาด้วยเพลง Without You ซึ่งใช้พลังเสียงมากมายในการร้อง ตามด้วยเพลงช้าเพราะๆซึ้งๆอย่าง My Saving Grace ที่สุดแสนประทับใจ เมื่อร้องจบ Mariah ก็เริ่มแนะนำนักดนตรีและนักร้อง Clorus ด้วยสไตล์ที่ไม่เหมือนใคร เป็นการแนะนำผ่านเสียงเพลงสดๆ ด้วยการโชว์ลูกเล่นในการร้องเพลงทั้งหมดที่เธอมีอยู่ ก่อนจะนำไปสู่เพลง I'll Be There ที่เธอร้องคู่กับ Trey Lorence เพื่อนและนักร้อง Back Up เสียงดีอีกคนของ Mariah เมื่อจบเพลงแล้ว Mariah ก็หลับเข้าไปหลังเวที และยกเวทีให้ Trey ร้องเพลง Friend of Mine ของเขา แล้ว Mariah ก็กลับออกมาในชุดเสื้อยืดสีชมพูดสดกับกางเกงยีนส์ขายาว กับเพลง Fantasy, Always Be My Baby และ Make It Happen ที่ทำให้คนทั้งอารีน่าต้องลุกขึ้นเต้น หรือปรบมือเข้าจังหวะกับเสียงร้องของ Mariah

เมื่อเพลงจบ แสงไฟบนเวทีก็ดับลง ประหนึ่งว่าคอนเสิร์ตจบลงแล้ว แต่ทุกคนต่างร้องเรียก Mariah พร้อมๆกับที่คลื่นมหาชนเริ่มลุกจากที่นั่งเพื่อไปยืนติดขอบเวที แต่ก็ไปได้ไม่ถึงไหนเพราะติดบอดี้การ์ดร่างยักษ์นั่นเอง Mariah ไม่ทำให้แฟนๆผิดหวังออกมาในช่วงสุดท้ายด้วยเพลง Vision Of Love ก่อนที่จะปิดท้ายการแสดงอย่างงดงามด้วยเพลง Hero พร้อมๆกับลงมาทักทายแฟนเพลงที่นั่งอยู่แถวหน้าสุด ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นท่านนายกรัฐมนตรี ดร.ทักษิณ ชินวัตร นั่นเอง (ผมก็เพิ่งรู้ว่ามีแขกระดับ Super VIP มาก็ตอนที่กล้องถ่ายให้เห็น Mariah หยุดยืนจับมือทักทายกับท่านนายกฯ และผู้ติดตามอีกหลายท่าน อย่างน้อยในที่สุดผมก็รู้แล้วว่าทำไมบัตรโซนแถวด้านหน้าถึงถูกจองเต็มหมด แม้ว่าผมจะไปซื้อบัตรเป็นคนแรกๆก็ตาม) เมื่อเพลงจบ Mariah กลับขึ้นบนเวทีอีกครั้ง พร้อมกับขอบคุณและอำลาแฟนๆชาวไทยก่อนที่แสงไปจะดับลงพร้อมกับการสิ้นสุดการแสดง ความยาวหนึ่งชั่วโมงครึ่ง กับ 15 เพลง ที่นับว่าคุ้มค่าที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต

ขณะที่พิมพ์อยู่นี้ ความประทับใจนั้นก็ยังไม่จางหาย เสียงร้องเรียก Mariah ยังดังก้องอยู่ในหู ความทรงจำนี้จะคงอยู่กับผมตลอดไป...

จากคุณ : Johan Carey - [ 16 ก.พ. 49 07:57:35 ]

ความคิดเห็นที่ 5

อันนี้รีวีวโดย คุณ wat

incredible! indescribable! marvelous! magnificent! truly tremendous!

เมื่อวานลางาน โฮ่โฮ่โฮ่ รู้ล่วงหน้าว่าต้องลา เข้านอนตอนตี 2 แต่พอตื่นขึ้นมาก็ป่วยเลย ท้องเสีย แย่จริงๆ
ให้เพื่อนมารับตอน 4 โมงกว่าๆ หนทางช่างยาวไกลจากเคหะสถานถึง Impact Arena เมืองทองธานี
ไปถึงห้าโมงนิด คนยังไม่ค่อยมีเลย มีบู๊ตจัดงานเห็นอยู่ไกลลิบๆ แต่ขี้เกียจเดินก็ไปนั่งรอใน food court ดีกว่า
นอนฟุบไปรอเวลาถึง หกโมงนิดๆ ก็ออกไปเดินดูรอบๆ คนเริ่มทยอยมา มีการเล่นเกมส์ ถามคำถาม แจกเสิ้อแจกเข็มกลัด เดินกลับไปกลับมาอยู่พักใหญ่ เสียงพิธีกรแหกปากใส่ไมโครโฟนแข่งกับบู๊ตขายของที่ต่างฝ่ายต่างเปิดเพลงของ MC มาประชันกัน ลำโพงก็ห่วยๆเสียงพิธีกรก็ช่างรบกวนโสตประสาทยิ่งนัก

พอใกล้ๆ 19 นาฬิกาตามเวลาที่ระบุไว้ในบัตรก็มีเสียงคนประกาศสาวเจื้อยแจ้วมาตามสายว่าอีก 15 นาทีประตูจะเปิด สำเนียงภาษาอังกฤษของเธอนั้นไม่ธรรมดา ออกเสียงอักขระถูกต้องตามหลักทุกประการ หลังจากนั้นอีกสักพักก็บอกว่าอีก 5 นาทีประตูจะเปิด จากนั้นเสียงก็เงียบหายไปนานแสนนาน ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงก็ไม่มีทีท่าว่าประตูจะเปิด (ไม่ทราบว่าต้องรอผู้ใดมาตัดริบบิ้นรึ?) กว่าประตูจะเปิดก็เฉียดสองทุ่ม โอว แล้วโฆษณาว่า TV on Mobile จะถ่ายทอดตอนสองทุ่ม แม่เจ้า connect กันเข้าไปสิตอนสองทุ่ม อาจจะได้เห็นภาพหน้าประตูที่ปิดอยู่

มีเครื่องตรวจจับโลหะด้วย อัศจรรย์ ทุกคนเดินผ่านเข้าไปก็เสียงร้อง"ตื้ด"เบาๆกันถ้วนทุกตัวคน (แล้วจะมีไว้ทำไมกัน ) จากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่มาจับๆตรวจๆว่ามี กล้องถ่ายรูป กล้องบันทึกวิดีโอ หรือ อาวุธของมีคม ขวดแก้วอะไรหรือเปล่า

ผ่านประตูเข้าไปก็ถึงสถานีที่แสดงคอนเสิร์ตที่บรรยากาศเหมือนมีหมอกลงบางๆ ก็ตรงไปที่นั่งของกระผม ณ แถว H เบอร์ 11 อ่า? เวทีไม่กว้างอย่างที่คิดไว้ นับว่าเป็นการจองที่ที่เหมาะสมมั่ก อยู่ตรงกึ่งกลางเวทีเยื้องๆมาหน่อย แล้วก็นั่งรออีก เพราะคนยังไม่เข้ามากัน ทำอะไรกันนะคนพวกนี้ นั่งรอกับซันนี่อยู่กันสองคน ซันนี่ก็ช่างสังเกต ขณะรอก็นั่งนับแถว ก็เอ๊ะ ทำไมเราเป็นแถวที่ 9 หว่า ที่ถูกต้องควรเป็นแถวที่ 8 มองๆไป อะไรกันมีแถวพิเศษอยู่หน้าแถว A ตอนหลังจึงรู้ว่าเป็นแถวอภิสิทธิ์ของ prime minister และคณะผู้ติดตามนั่นเอง จากนั้นก็มองไปรอบๆทางด้านขวาเพื่อมองหน้าพวกอำนาจมืดทั้งหลายที่ใช้พลัง dark force จับจองที่ไว้ล่วงหน้าก่อนวันขาย ที่ค่อยย้างเยื่องเข้ามาอย่างช้าๆ มีทั้งคุณหญิงคุณนาย และพวกไฮซ้อ รวมถึงฝรั่งที่คาดว่ามาจากสถานฑูตและอื่นๆอีกล้านแปด แต่จำได้ว่ามี jennifer tsu อยู่ในกลุ่มคนเหล่านั้น ข้างหน้าก็มีเด็กผู้หญิงสองคนซึ่งคาดว่าเป็นคนเกาหลี มองไปทางขวาเห็นพ่อแม่พาเด็กตัวเล็กๆสองคนมานั่งตักดูคอนเสิร์ต จากนั้นคนก็ค่อยทยอยกันเข้ามา พวกสังคมไฮโซเข้ามากันเรื่อยๆ ยกมือไหว้กันเป็นระวิง

ใกล้ 3 ทุ่มไฟก็ดับลง ไฟบนเวทีสว่างขึ้น และบนจบภาาพก็มีการฉายภาพเมืองต่างๆทั่วโลกเป็นขาวดำ พร้อมกับมีเพลงของมารายห์ประกอบไปด้วย แล้วก็มี dancer สาวคนนึ่งออกมาเต้นยักย้ายไปมาเหมือนระบำฟลามิงโก้ ผู้ชมก็ปรบมือเข้าจังหวะเป็นที่สนุกสนาน จากนั้นก็ได้ยินเสียงคนหวีดร้องจากทางซ้ายด้านหลัง เท่านั้นล่ะ คนหันกันไปพรึ่บ โอ้มารายห์ออกมาจากทางเดินข้างหลัง คนยืนกันเต็มมองไม่เห็นจนต้องปีนเก้าอี้ดู มาราย์ออกมาในชุดกระโปรงสั้นสีเงินพร้อมกับร้องเพลงแรก Heartbreaker + remix และต่อด้วยเพลง Dreamlover เพลงที่ขึ้นอันดับหนึ่งมาแล้วจากอัลบัม Music Box และร้องได้ดีจริงๆ จากนั้นก็กล่าวนิดนึงเกียวกับเพลงที่จะร้องอันดับต่อไปซึ่งก็คือเพลง Through The Rain จบแล้วก็ต่อด้วยเพลง My All ที่มีการนำเอา Version remix มาต่อด้วยกลายเป็นเพลงเต้นรำไป ขณะที่ขึ้นท่อนแบบเพลง dance มารายห์ก็แอบหลบไปหลังเวที ปล่อยให้ dancers มาวาดลวดลายกัน พบจบเพลงก็ออกมาในชุดใหม่เป็นชุดยาวสีครีมสวย และก็ร้องเพลง Can?t Take That Away ที่ร้องดีมั่กๆมี improvisation มากมาย จบเพลงก็เข้าหลังเวทีไปเปลี่ยนชุดใหม่มาอีกในชุดเกาะอกกระโปรงสั้นและไมค์แบบอันเล็กๆ ร้องเพลง Honey ที่มีท่าเต้นที่น่ารักมั่กๆ แต่เพลงนี้คาดว่าจะเป็นการ lipsync แต่การแสดงนั้นกินขาด จากนั้น มารายห์ก็หายเข้าไปหลังเวที ขณะที่บนจอก็เปิด music video เพลง I Know What You Want ของ Busta Rhymes ที่ featuring Mariah Carey ?. มารายห์เปลี่ยนชุดออกมาอีกครั้งกับเสื้อยืดและกางเกงยีนส์สั้น มาเต้นยึกยักพร้อมกับร้องท่อนหนึ่งในเพลงนี้อย่างไพเราะจริงๆ ร้องจบก็กลับเข้าไปหลังเวที แล้วก็ต่อกันด้วยเพลง Without You ที่ไม่คิดว่าจะได้ฟังแต่ก็ได้ฟัง เพราะจริงๆ พอซึ้งๆได้ที่ ก็ต่อกันด้วยเพลง My Saving Grace ที่กลับมาใช้ไมค์อันใหญ่เหมือนเดิม เพลงที่ขนเทคนิคมาใช้กันอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพลังเสียง เสียงเล็กเสียงน้อย ไต่ระดับโน๊ต กระโดดข้ามออกเทฟขึ้นๆลงๆ ทำได้อย่างสุดยอดไร้ที่ติ

พอจบเพลงมารายห์ก็ค่อยเดินช้าๆไปด้านในของเวทีพร้อมกับฮัมเพลง ฮื้มๆๆ ผมก็นั่งนึกว่าเอ๊ะเพลงอะไรหว่า เพราะจังแต่ทำไมไม่เคยได้ยิน หรือว่าจะเป็นเพลงจากอัลบัมใหม่??? สักพักก็รู้ โอ้ นี่มัน เป็นการแนะนำตัวนักดนตรีนั้นเองครับ โดยร้องเป็นเพลง โทนเสียงขึ้นลงลื่นไหลมั่กๆ ขนลุกทันที คิดได้อย่างไร ไม่เคยได้เห็นใครทำมาก่อน ไอเดียบรรเจิดยิ่งนัก มีการเล่นเสียงเล่นคำของชื่อนักดนตรีด้วย ประทับใจมั่กๆ มีมุกตลกตอนที่แนะนำตัวมือคีย์บอร์ดด้วยครับ คือ มารายห์ต้องการให้คนเห็นหน้าคนเล่นคีย์บอร์ดขึ้นบนจอ มารายห์ร้องว่า camera up! camera up! แต่คนถึงกล้องก็ถ่ายแต่มารายห์อยู่ มารายห์ก็ทำท่าแบบเซ็งๆ ฮามั่ก แล้วก็ร้องอีก cemera up! ทีนี้เอานิ้วชี้ไปด้วยชี้ไปที่มือคีย์บอร์ด กล้องถึงจะย้ายไปถ่าย

แนะนำตัวไปจนถึงนักร้อง backup singers สามคน หญิงสองชายหนึ่ง มารายห์ก็ร้องว่าให้ say hello to Bangkok แต่ละคนก็มีลีลาการร้อง hello แตกต่างกันไปแต่แบบว่าสุดยอดมากมากทั้งสามคน เสียงปรบมือดังก้องไปทั่ว แล้วก็แนะนำตัว Trey Lorence (มีมุก home of fish sandwich มาอีกละ ฮ่าฮ่าฮ่า) ก่อนจะเข้าเพลง I?ll Be There ที่เพราะมั่กๆ เสียงของ Trey ก็ดีเยี่ยมเหมือนเคย

เมื่อจบเพลง I?ll Be There แล้ว มารายห์ก็เข้าไปหลังเวทีปล่อยให้ Trey คุมเวทีอยู่กับนักร้องอีกสองคน Trey ก็เข้าเพลง Friend of Mine ที่มีช่วง improvise ของนักร้องผู้หญิงอีกสองคนด้วย นักร้องคนอ้วนๆเสียงดีเหลือเกินมีการไต่ระดับบันได้เสียงไล่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ น่าทึ่งจริงๆ แม้แต่คนเล่นคีย์บอร์ดก็ยังมาให้เสียง เสียงดีซะด้วยนะครับ เยี่ยมๆ

มารายห์กลับออกมาอีกครั้งกับกางเกงขายาวเสื้อชมพู พร้อมกับเพลง Fantasy ในแบบ featuring O.D.B. ซึ่งบนเวทีดูสนุกมั่กๆ ทุกคนออกมาเต้นรำกัน แม้แต่นักร้อง backup ยังเต้นกันมันส์จริงๆ และต่อด้วยเพลง Always Be My Baby ที่เป็นเพลงโปรดอีกเพลง shoo be doop ร้องได้อย่างดีเยี่ยมกว่าใน CD มากมายยิ่งนัก

จบแล้วก็คึกคักกันต่อด้วยเพลงสุดฮิตๆๆๆๆ อันดับหนึ่ง Make It Happen จากอัลบัมที่สอง โอย ขนลุกไปหมด ดีกว่าที่เคยเห็นใน DVD ล้านเท่า ร้องได้แบบยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว มีการร้องแบบ improvisation เยอะมากๆ เค้นพลังออกมาทั้งตัวแบบลงไปคุกเข่าคำราม (แฟนพันธุ์แท้จะต้องรู้จักและร้องเพลงนี้กันได้ทุกคน แต่คนรอบข้างไม่เห็นมีใครร้อง มีแต่พวกอำนาจมืดทั้งหลาย) รอบข้างกระผมมีแต่ลุงๆป้าๆอายุรวมกันหลายพันปีมานั่งจุมปุ๊กไร้อารมณ์ยิ่งนัก คาดว่าคงจะเคยฟังเป็นครั้งแรกในชีวิต จะเขยื้อนมือมาปรบกันก็ต้องใช้เวลาไปนอนกลางแดดให้เลือดมันอุ่นขึ้นมาซะก่อน หรือว่าคิดว่ากำลังชม opera อยู่กันนะ นั่งได้เป็นสุภาพชนอย่างแท้จริง ไร้การตอบสนองใดๆต่อเสียงเพลง ข้างหน้าก็เป็นเด็กผู้หญิงเกาหลีสองคนที่เป็นกุลสตรีเหมือนกัน ถัดไปมีครอบครัวแสนรัก พ่อแม่ลูกสอง โอ๊ว พระเจ้า

พอจบเพลง Make It Happen มารายห์และนักดนตรีก็ออกมาจับมือกันเป็นแนวยาวก่อนจะโค้งคำนับราวกับจบการแสดง แสงไฟก็มืดลง คนเริ่มตะโกนเรียก มารายห์ๆๆ พร้อมกับปรบมือเป็นจังหวะ มีเสียงหวีดร้องอยู่ไกลๆ สักพักมีคลื่นมหาชนแฟนพันธุ์แท้ไหลมาจากด้านหลัง มาออกันข้างหน้าเต็มทางเดิน ไฟบนเวทีสว่างขึ้นมาอีกครั้ง มารายห์กลับมาพร้อมกับเพลงอันดับหนึ่งเพลงแรกของเธอ Vision of Love ร้องได้อย่างเต็มพลังเสียงจริงๆแถมยังมีใช้ whistle voice อีกเพื่อไม่ให้เสียเอกลักษณ์ของมารายห์ ยอดเยี่ยมจริงๆจ้า

ปิดท้ายการแสดงด้วยเพลง Hero ที่มารายห์มีเดินลงมาจากเวทีด้วย โอย เดินลงมาแถว 0 (แถวหน้าแถว A) เพื่อมาสัมผัสมือกับ prime minister ทักษิน ชินวัตร ก่อนจะเดินกลับขึ้นไปเสียไมโครโฟนบนขาตั้งและกางแขนร้อง Hero ต่อจบจบ Hero lies in you, you, you?.

จบการแสดงความยาว 90 นาทีเต็ม (ที่แต่ละเพลงต้องใช้สมาธิและพลังเสียงมากจริงๆ) กับน้ำเสียงและเทคนิคการร้องเพลงที่เป็นหนึ่งในโลกอย่างแท้จริง Mariah Carey Charmbracelet World Tour Live in Bangkok นับเป็นคอนเสิร์ตที่ยอดเยี่ยมที่สุด แม้เวทีจะดูไม่ค่อยอลังการ แต่น้ำเสียงนั้นเหนือคำบรรยายจริงๆครับ

จากคุณ : Johan Carey - [ 16 ก.พ. 49 08:01:14 ]