CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    **** คำแปล เหยียนเฉิงซวี่เป็นเหยื่อปลาเล็กๆ ชั่วคราว *****

    จากแมกกาซีน Xin Xi Dao Kan

    เหยียนเฉิงซวี่เป็นเหยื่อปลาชั่วคราว


    เขาหล่อมาก ริมฝีปากแดงและฟันที่ขาวของเขา ทำให้เวลายิ้มดูดีมากจริงๆ บางคนเรียกเขาว่าเป้าหลง  บางคนบอกว่าจริงๆ แล้วเขาเป็นกระต่ายน้อย เรื่องที่ทำให้รู้สึกสับสนวุ่นวายมีมาก บางครั้งก็ได้แต่เพียงเก็บเอาไว้และบอกตัวเองว่าถูกปรักปรำ นานวันเข้าก็กลายเป็นความเคยชินอย่างช่วยไม่ได้ ถ้าจะเปรียบวงการบันเทิงเหมือนอ่างย้อมสีขนาดใหญ่ มิสู้เปรียบมันว่าเป็นบ่อปลาขนาดใหญ่จะดีกว่า เมื่อมองจากด้านนอกเข้าไปข้างใน ถ้าสามารถยอมเปิดใจได้ ก็จะสามารถมองเห็นคนข้างในที่จริงๆ แล้วน่ารักมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง---- เหยียนเฉิงซวี่


    โปรโมทอัลบั้มที่เซี่ยงไฮ้จริงๆ แล้วโดนปรักปรำ


    เซี่ยงไฮ้ไม่ใช่เมืองที่มีโชคของเหยียนเฉิงซวี่


    เมื่อเดือนกันยายนปี 2004 ออกอัลบั้มแรกตี้อีชื่อ ตอนให้สัมภาษณ์กับนักข่าว เนื่องจากมาสาย เลยถูกตำหนิว่า "วางมาดดาราใหญ่" เขาที่แทบจะหันหลังกลับออกไป มีสีหน้าบึ้งตึงใช้คำพูด 3-4 คำตอบคำถามทั้งหมดของนักข่าว สองเดือนต่อมา ได้มาเซี่ยงไฮ้อีกครั้งเพื่อจัดงาน hand shaking เป็นความคิดสร้างสรรค์ที่มีไมตรีจิตนี้ในที่สุดกลับกลายเป็นข่าวด้านลบว่า "5 วินาทีราคา 438 เหรียญ" อีกครั้งเมื่อเร็วๆ นี้ เดือนกุมภาพันธ์ปี 2006 เป็นพรีเซ็นเตอร์ของแปรงสีฟันยี่ห้อหนึ่ง นักข่าวชั้นแนวหน้าบางคนทิ้งระเบิดว่า "ซื้อแปรงสีฟัน 1000 ด้ามเพื่อพบหน้าขวัญใจ"....

    แต่ละครั้ง เขาไม่ได้รู้เรื่องราวด้วยเลยแม้แต่น้อย แม้แต่โอกาสจะอธิบายก็ไม่ทันจะได้มี ข่าวทำลายชื่อเสียงก็ได้กระจายออกไปจนหมด กว่าจะได้ย้อนกลับมาในมือของเขา


    ถ้าสมมติว่า จริงๆ แล้วไม่มีใครแจ้งเขาว่าเวลาให้สัมภาษณ์นักข่าวคือกี่โมง เขาเดินเข้ามาด้วยหน้าตายิ้มแย้ม แต่กลับถูกตำหนิว่า "พวกเราทั้งหมดรอคุณอยู่" สมมติอีกว่า ก่อนหน้านี้เขารู้แต่ว่ามางานจับมือกับแฟนเพลง ไม่รู้มาก่อนว่าที่แท้มีการขายบัตรเข้างาน สมมติอีกว่า แฟนๆ ของเขาซื้อแปรงสีฟัน ที่แท้เป็นบริจาคให้เด็กๆ ของ "เหยียนเฉิงซวี่ชุนเหลยปัน" เขาซึ่งเป็นคนหัวแข็งนิสัยตรงไปตรงมา ไม่รับผิด ไม่อธิบาย ได้แต่เก็บคำพูดอัดอั้นไว้ในใจ


    "บางทีผมชินที่จะใช้สีหน้าที่เมินเฉยเผชิญหน้ากับสิ่งแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย เพื่อที่จะปิดบังความอายและประหม่าความของผม นั่นเป็นอาวุธลับของผม"


    จวบจนวันนี้ เขาก็ยังไม่รู้วิธีปิดบัง

    เขาไปออกรายการโทรทัศน์รายการหนึ่ง พิธีกรถามเขาว่า "คุณแม่อยากให้รีบหาแฟนแล้วพาแฟนมาบ้านรึเปล่า"
    "ไม่ครับ จริงๆ แล้ว พ่อผม, พ่อผม. จริงๆ แล้ว..กับผู้หญิง..เท่าที่ผมจำได้รู้สึกว่าพ่อผม ดูเหมือนจะ...จะ...คือว่ามีหลายคน..มีสาวๆ หลายคนดีกับเขามาก ดังนั้นแม่ผมก็เลยคิดว่า ทำงานให้ดีก็ดีแล้ว อย่าได้เป็นเหมือนพ่อแบบนั้น..." คำพูดนี้ ไม่ว่าจะเปลี่ยนเป็นดาราชายคนไหนพูดก็ตาม ก็จะไม่ออกมาเป็นแบบนี้ เขาคิดจะกลบกลื่อนปิดบังแทนพ่อ แต่กลับพูดจาประหม่า อ้ำๆ อึ้งๆ คนอื่นมองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าพ่อของเขาเป็นเพลย์บอย

    พิธีกรชมว่าเขาริมฝีปากแดง ฟันขาว พูดเล่นว่า "ลองซูมเข้ามาหน่อย" ก็เพียงแต่พูดเล่นเอาใจแปรงสีฟันยี่ห้อนั้น แต่เขากลับคิดเป็นจริงเป็นจัง ทำตัวไม่ถูก แถมยังพูดว่า "คุณทำแบบนี้ ทำให้ผมเขินนะ"

    ไม่ชอบก็แยกย้ายกันไป จบแบบลวกๆ

    ดูแล้วเหมือนพูดเรื่องที่ไม่สมควรในเวลาที่ไม่เหมาะสม แต่อย่างน้อย คำพูดของเขาก็เป็นความจริงทั้งหมด จริงๆ แล้ว ถ้าเขาสามารถปรับปรุงให้เหมือนเรื่องราวในนิทานสักหน่อย ก็จะสามารถรับมือสถานการณ์ได้ดูสวยกว่านี้

    เนื่องจากน้ำหนักที่แบกอยู่บนบ่า

    เกี่ยวกับปัญหาเรื่อง "พูดจริง" กับ "พูดเท็จ" ได้เคยคุยกันแบบสบายๆ กับเหยียนเฉิงซวี่มาแล้ว 2 ครั้ง เนื้อหาของการพูดคุยรอสักพักจะนำมาลง แต่ตอนนี้อยากจะขอเล่ารายละเอียดบางอย่างนอกเหนือจากคำพูดในตอนนั้น

    ครั้งแรกอยู่ที่ฮ่องกง มองผ่านหน้าต่างบานยาวจรดพื้นในห้องรับรองแขกออกไปที่ Victoria Harbour ที่มีคลื่นใส เขาเพิ่งจะโดนนักข่าวฮ่องกงไล่บี้ถามคำถามข่าวลือจนฝ่ามือเปียก ถามเขาว่ากล้าถอดเสื้อประชันกล้ามกับ Rain ไม๊  ถามเขาว่ากล้าเล่นบทบนเตียงกับเจิ้งซิ่วเหวินเหมือนในภาพยนตร์เรื่อง Chang Hen Ge ไม๊ ในที่สุดก็ได้หายใจ ล้มตัวลงบนเตียง แสงแดดพอส่องมาที่หน้าของเขาพอดี

    บนเตียงยังมีเป้ใบใหญ่ยักษ์ เขาบอกว่าทุกวันก่อนออกจากบ้าน ก็ยัดของใส่จนเต็ม แล้วก็ต้องแบกเอง ทางที่ดีที่สุดคือต้องมีหมวกอีกใบ จะได้บังแดด แบบนี้ถึงจะทำให้เขามีความรู้สึก "มั่นคงปลอดภัย"

    สำหรับเด็กคนหนึ่งที่ " ตั้งแต่อยู่มัธยม 1 พ่อก็ตาย แม่รับจ้างเย็บเสื้อผ้า ก็หาเงินได้ไม่มากนัก สุขภาพก็ไม่ค่อยแข็งแรง ตั้งแต่อยู่ ป. 5 ก็เริ่มทำงานพิเศษ บรรจุหีบห่อของเล่น แบกหามในสถานที่ก่อสร้าง เป็นบาร์เทนเดอร์ ตั้งแผงลอยขายของตอนกลางคืน ดูเหมือนอะไรก็ทำมาหมดแล้ว ทำการค้ามันต้องการไหวพริบเล่ห์เหลี่ยมเล็กน้อย" น้ำหนักที่แบกรับบนบ่า เป็นภาระความรับผิดชอบอย่างหนึ่ง และก็ยิ่งเป็นการเรียนรู้ในโลกของความเป็นจริงด้วย เพราะว่าน้ำหนักของกระสอบยิ่งมาก สิ่งที่จะได้รับก็ยิ่งมากมาก นี่คือความรู้ทั่วๆ ไปของเด็กที่ต้องรับภาระของครอบครัวตั้งแต่อายุยังน้อย การทุ่มเทและการตอบแทน ในใจของเขา เป็นสมการที่แน่นอน แม้ว่าเมื่อเติบโตขึ้น เขาอาจจะรู้สึกได้ว่า สมการนี้มันใช้ไม่ได้กับความสัมพันธ์ระหว่างคนกับคน แต่ว่าความฝังใจที่มีมาในวัยเด็กมันได้กลายเป็นความเคยชินที่ติดตัว ไม่สามารถขจัดออกไปได้  

    การสื่อสารก็เหมือนการเล่นปิงปอง

    ครั้งที่สองเป็นที่เซี่ยงไฮ้ ฉันอยู่ข้างๆ มองเขารับมือกับการสัมภาษณ์ระลอกแล้วระลอกเล่า เขาปรากฎพฤติกรรมที่ตรงข้ามไปมาอย่างสิ้นเชิง บางครั้งเขาก็พูดจ้อถึงความทรงจำไม่หยุด "ไจ่ไจ๋ในใจของผมเหมือนเจ้าชายขี่ม้าขาวที่สุด ปกติเวลาไม่พูด นั่งอยู่ตรงนั้นเหมือนตัวละครในการ์ตูนเลย เสี้ยวเทียนเหมือนแม่ศรีเรือน เพราะว่าชอบทำอาหารให้ทุกคนทาน รู้จักดูแลคน เหมาะจะเป็น Family Man มาก แวนเนสแน่นอนว่าเป็นคนที่ร่าเริงอยู่ไม่สุข เข้ากับคนอื่นๆ ได้เก่ง แล้วก็กล้าด่าผมต่อหน้ามากที่สุด..." แต่ส่วนใหญ่แล้ว เขาก็จะได้แต่ใช้คำว่า "ใช่ครับ" "ตุ้ย อา" "ก็ดี ครับ" เพื่อเอาตัวรอดจากบางคน

    ฉันพูดเล่นกับเขาว่า "พอคุณเริ่มจะพูดว่า ใช่ ครับ... ตุ้ย อา.... ดี ครับ ฉันก็รู้แล้วว่าคุณยืนกรานจะไม่ตอบคำถามของเขา"


    เหมือนกับอายที่ถูกเปิดโปง เขาพูดว่า "เหมือนกับการเล่นปิงปอง ผมตีออกไป เขาต้องรับให้ได้ การแข่งขันถึงจะน่าดู เพราะตอนที่ผมพูดกับเขา เขาไม่มองตาผม สนใจแต่จะจด สนใจแต่พลกดูว่าคำถามถัดไปคืออะไร ผมพยายามจะสื่อสารกับเขา แต่เขาไม่ต้องการ แค่คิดว่ามันเป็นงานชิ้นหนึ่ง เป็นแค่หน้าที่ที่จะกลับไปเขียน แบบนี้ผมก็ไม่อยากที่จะพูดอะไรมากหรอก"

    ฉันไม่รู้ว่าตัวเองแสดงออกไม่ชัดเจนรึเปล่า จะพูดง่ายๆ ก็คือ เขายอมพูดความจริง แต่ถ้าคุณพูดคำเท็จกับเขา เขาอาจจะไม่สามารถพูดเท็จเพื่อขายผ้าเอาหน้ารอดกับคุณ แต่ที่แน่นอนคือ เขาจะยิ่งพูดน้อยลงเรื่อยๆ จนเหลือแค่ "ใช่ ครับ" "ตุ้ย อา" "ดี ครับ" ------ คำพูด 3 คำนี้ พูดได้ว่า เป็น สัญญาณของเส้นแบ่งเขตแดนระหว่าง "พูดจริง" กับ "พูดเท็จ" อย่างหนึ่ง

    เหยียนเฉิงซวี่พยายามจะสำรวจ "อารมณ์ร้าย" และ "นิสัยเสีย" ของตัวเอง จนกระทั่งตอนหลัง เขาได้เข้าใจกระจ่างถึงปัญหาแก่นแท้ข้อหนึ่ง วงการบันเทิงเป็นอ่างปลาใบใหญ่ ในเมื่อเขายังไม่สามารถถือคันเบ็ดควบคุมคนทั้งหมดได้ เขาก็ได้แต่เป็นเหยื่อปลาเล็กๆ ชั่วคราว ที่โดนคันเบ็ดเหวี่ยงลงมา ถ้าไม่โดนกิน ก็สามารถดึงดูดปลาทั้งหลายได้ ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน มากที่สุดก็ได้แค่อยู่ในอ่างปลาท่ามกลางห่วงลูกโซ่ ไม่จำเป็นต้องทารุณโหดร้ายกับตัวเองมากเกินไป เช่น เสียสละนิสัย "พูดความจริง" ซึ่งอาจจะไม่คุ้มค่านัก


    (ช่วงต่อไปนี่งงๆ นะคะ เท่าที่จำได้เป็นคำพูดของเจอร์รี่ที่เขียนโดยเจียวจื่อในหนังสือ Amphibian)

    ชื่นชมนักดนตรีข้างถนนที่ได้ผึกหัดมาอย่างดีพวกนั้น แล้วก็ยิ่งอิจฉาพวกที่ได้เตรียมพร้อมหมดทุกอย่าง ถึงจะขึ้นแสดงอย่างตั้งอกตั้งใจเต็มที่

    เข้ามาในวงการ 1 ปี โดนเรื่องต่างๆ หลายเรื่องเร่งไล่มา ผมยอมรับว่าไม่ใช่ทุกเรื่องที่ผมจะสามารถกำหนดได้ว่าตัวเองอยู่ในสภาพที่พร้อมแล้วถึงจะเกิดได้ นั่นมันเป็นสภาพการณ์ที่ผมขาดความมั่นใจและเป็นทุกข์ที่สุด

    ผมอยู่ริมฝั่งแม่น้ำยาลา ได้พบกับอาจารย์สอนเล่นหีบเพลงคนหนึ่ง ผมนับถือเขามาก เพราะเขาเล่นหีบเพลงได้ดีมากๆ ผมนับถือและชื่นชมมืออาชีพทุกคน เพราะพวกเขามีจิตใจมุ่งมั่นและกระตือรือร้นกับอาชีพของตัวเอง ผมบอกเขาว่าผมจะออกอัลบั้มเพลง แต่ผมยังต้องฝึกอยู่ แต่ผมจะยืนกรานอย่างแน่วแน่ว่า ตัวเองจะต้องอยู่ในสภาพที่พร้อมจึงจะทำเรื่องนี้ เหมือนกับตอนที่เขาเล่นหีบเพลง ที่มีสีหน้าที่ฉายแววแห่งความมั่นใจและภาคภูมิใจแบบนั้น

    นั่นก็จะเป็นท่าทางของผมในอนาคตตอนที่ผมพร้อมแล้วจริงๆ ที่จะต้องร้องเพลง


    (ยังมีต่ออีกค่ะ)
    ----------------------------------

    อ่านประโยคนี้แล้วอยากร้องไห้ ไม่รู้เพราะอะไร มันหลายความรู้สึกมากเลย อัลบั้มเพลงชุดนี้ มันมีเรื่องเบื้องหลังมากจริงๆ

    ผมบอกเขาว่าผมจะออกอัลบั้มเพลง แต่ผมยังต้องฝึกอยู่ แต่ผมจะยืนกรานอย่างแน่วแน่ว่า ตัวเองจะต้องอยู่ในสภาพที่พร้อมจึงจะทำเรื่องนี้ เหมือนกับตอนที่เขาเล่นหีบเพลง ที่มีสีหน้าที่ฉายแววแห่งความมั่นใจและภาคภูมิใจแบบนั้น

    นั่นก็จะเป็นท่าทางของผมในอนาคตตอนที่ผมพร้อมแล้วจริงๆ ที่จะต้องร้องเพลง

    แก้ไขเมื่อ 15 เม.ย. 49 21:01:54

    แก้ไขเมื่อ 15 เม.ย. 49 17:23:23

    จากคุณ : Bam (Wen Wen) - [ วันเถลิงศก (15) 16:08:43 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป