ความคิดเห็นที่ 1 แคลปตันก็ยังคงยึดมั่นอยู่กับ Strat เหมือนเดิมตลอดมาเป็นระยะเวลา 30 กว่าปีแล้ว กีตาร์ Strat สีแปลกๆ ที่แคลปตันเคยใช้ก่อนหน้านี้ก็นำไปประมูลแทบหมด งานนี้แคลปตันก็ใช้ Strat รุ่น Signature ของตัวเองตามปรกติ บางตัวก็เซ็ทสำหรับเล่นสไลด์ ส่วนกีตาร์อคูสติกก็เป็น Signatue ของเค้าอีกเช่นกัน จากคุณ : Agent Fox Mulder - [ 9 ส.ค. 49 21:06:31 ]

ความคิดเห็นที่ 2 นี่คือ Fender Custom-Built Eric Clapton Stratocaster หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า Custom Shop ซึ่งเป็นที่รู้ๆ กันอยู่ว่ากีตาร์ประเภทนี้มีราคาสูงมาก เนื่องจากเป็น Custom-Built แน่นอนว่างานจะเนี้ยบกว่า Signature ทั่วๆ ไป แต่สเป็คส่วนใหญ่ก็ถือว่าใกล้เคียงกันอยู่ ในทัวร์ล่าสุดนี้แคลปตันมีกีตาร์แบบนี้อยู่หลายตัว ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้ บางตัวก็ถือตั้งแอ๊คชั่นให้เหมาะสำหรับเล่นสไลด์ หลายคนอาจจะมองว่ากีตาร์รูปทรงแบบนี้ สีแบบนี้ ดูเชยๆ ไปหน่อยในปัจจุบัน แต่ขอบอกว่าเมื่อมันมาอยู่ในมือของแคลปตันแล้ว ไม่ธรรมดาแน่นอน แคลปตันใช้กีตาร์ Strat เป็นกีตาร์ตัวหลักมาเป็นเวลา 30 กว่าปีแล้ว กีตาร์ Signature ของแคลปตัน ดูภายนอกก็เหมือนกีตาร์ Strat ทั่วๆ ไป แต่มันมีซาวน์ที่เฉพาะตัวมากทีเดียว มาดูที่สเป็คกันก่อนครับ คอเป็นไม้เมเปิ้ลชิ้นเดียว คอเป็นแบบ Soft “V” Shape เฟร็ต 22 เฟร็ต ลำตัวเป็นไม้ Alder ส่วนปิ๊คอัพเป็น Fender Vintage Noiseless (เมื่อก่อนเป็น Lace Sensor) ซึ่งในว่าจะไร้เสียงจี่รบกวนร้อยเปอร์เซ็นต์ ในทัวร์ล่าสุดนี้เราจะเห็นตัวหลักๆ เป็นสีดำกับสีเทา ซึ่งตัวสีดำนั้นผมเข้าใจว่าน่าจะเป็นตัวเดียวกับที่อยู่ในดีวีดี Cream Reunion เมื่อปีที่แล้ว ฟิงเกอร์บอร์ดออกจะดำๆ ซะหน่อย ส่วนสีเทานั้นผมเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อนเหมือนกัน สงสัยจะเป็นตัวใหม่ กีตาร์รุ่น Signature ของแคลปตันนั้น สามารถเลือกซื้อได้ตามกำลังทรัพย์ สำหรับคนที่ทุนสูงหน่อยก็เล่นเป็น Custom Shop ส่วนคนที่ทุนน้อยลงมาหน่อยก็เล่นเป็น Signature ธรรมดาไป ผมเองก็ยังไม่เคยลองเล่น Signature แบบที่แคลปตันใช้ในยุคปัจจุบัน เคยลองแต่ Signature ที่ผลิตเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ซึ่งสมัยนั้นจะยังไม่มี Active Mid Boost ซึ่งได้ลองเล่นแล้วก็ต้องบอกว่าซาวน์หวานดีจริงๆ ครับ เสียงใสปิ้ง โดยเฉพาะเวลาเล่นเสียงคลีนๆ เนี่ย งดงามจริงๆ ส่วน Signature รุ่นปัจจุบันสนใจอยากจะครอบครองก็ลองติดต่อสอบถามร้านเบ๊ เงียบ เส็งซึ่งเป็นดีลเลอร์ดูนะครับ แว่วมาว่าสนนราคา 7 หมื่นบาทครับ (เฮ้อ.....) จากคุณ : Agent Fox Mulder - [ 9 ส.ค. 49 21:08:05 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เสียงแตก (Overdrive) ของแคลปตันน่ะเหรอครับ จะบอกให้ว่าแคลปตันไม่ได้ใช้เสียงแตกหน้าตู้ครับ เพราะแอมป์ที่แคลปตันใช้อยู่นั้นไม่มี Drive Channel แล้วแคลปตันก็ไม่ได้ใช้ใช้ Overdrive Pedal ด้วย แล้วเสียงแตกนั้นมาจากไหนล่ะ? คำตอบก็คือมันมาจากวงจร Active Mid-Boost ภายในกีตาร์ของแคลปตันครับ ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นวงจรแบบ Active จึงต้องใช้ไฟเลี้ยงด้วย บูสต์ได้ตั้งแต่ 0-25dB ครับ ซึ่งระดับของการบูสต์จะถูกควบคุมโดยโทนคอลโทรลตัวบน ส่วนโทนคอนโทรลตัวล่างก็ควบคุมโทนตามปรกติครับ หากแคลปตันต้องการเสียงคลีนก็ปิดเจ้า Active Mid-Boost นี่ซะ ส่วนถ้าต้องการเสียงแตกนิดๆ ก็หมุนเจ้าโทนคอนโทรลตัวแรกซักเล็กน้อย จนไปถึงเปิดสุดก็จะเป็นเสียง Drive เต็มที่ครับ ไม่ต้องเสียเวลาไปปรับหน้าตู้ หรือก้มลงไปปรับแต่ง Effect Pedal ซะให้ยุ่งยาก ลองดูภาพข้างล่างนี้จะเข้าใจได้ง่ายขึ้นครับ จากคุณ : Agent Fox Mulder - [ 9 ส.ค. 49 21:10:11 ]

ความคิดเห็นที่ 4 หลายๆ คนคงจะสังเกตเห็นแอมป์ Fender สีเหลืองๆ ที่แคลปตันใช้เล่นตามคอนเสิร์ตต่างๆ อยู่เป็นประจำ มีอยู่สองตัวครับ ตัวนึงไว้ใช้เล่นจริง อีกตัวเป็นตัวที่สำรองไว้ ซึ่งบางคนอาจจะคิดว่าเป็นแอมป์เก่ารุ่นโบราณที่ผลิตมานานแล้ว แต่ความจริง เรื่องมันมีอยู่ว่า แคลปตันมีแอมป์ Fender Tweed Twin รุ่นปี 1957 อยู่ตัวหนึ่ง และต้องการที่จะใช้ในการออกทัวร์ แต่ปัญหาอยู่ตรงที่ว่ามันมีอยู่ตัวเดียวเนี่ยแหละ ทำให้แคลปตันกลัวความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับแอมป์จากการขนส่ง โยกย้าย และความเสียหายอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างออกทัวร์ ทาง Fender ไม่นิ่งนอนใจ จึงได้ผลิตตัวโคลนของแอมป์ Fender Tweed Twin รุ่นปี 1957 มาให้แคลปตันใช้ อุปกรณ์แทบทุกชิ้นเป็น Vintage ทั้งสิ้น ไม้ที่ใช้ก็ถูกคัดสรรมาอย่างดี เพื่อให้ได้ซาวน์ออกมาใกล้เคียงกับตัวต้นแบบมากที่สุด จากคุณ : Agent Fox Mulder - [ 9 ส.ค. 49 21:11:19 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เจ้าแอมป์ตัวนี้ให้ซาวน์ที่เป็นเอกลักษณ์แบบแอมป์หลอดรุ่นโบราณเหมือนกับตัวต้นแบบอย่างแท้จริง เป็นผลมาจากตัวหลอดและเนื้อไม้ที่ใช้ แถมด้วยความที่มันเป็น Tweed จึงทำให้รูปลักษณ์ดูคลาสสิคยิ่งขึ้นไปอีก ว้าวว....... จากคุณ : Agent Fox Mulder - [ 9 ส.ค. 49 21:12:51 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ก่อนหน้านี้แคลปตันเคยใช้แอมป์ Cornell Custom 80 อยู่พักหนึ่ง ซึ่งสเปคก็คล้ายๆ กับ Fender Tweed Twin 1957 แต่ซาวน์จะออกอุ่นมากกว่านิดนึง ในขณะที่ Fender Tweed Twin จะออกใสๆ มากกว่า แอมป์ Fender Tweed Twin 1957 แบบ Reissue นี้ มีผลิตขายอยู่ในปัจจุบันด้วยครับ ราคาก็แสนถูก เช็คจาก musiciansfriend.com ก็แค่ $2,099.99 US (หรือประมาณ 84,000 บาท) เท่านั้นเองครับ เห็นไม๊ครับ! ไม่แพงเลย (เฮ้อ........) ตัวนี้ผมเองก็ไม่เคยเห็นในเมืองไทยหรอกครับ แต่คาดว่าชาตินี้คงไม่มีโอกาสได้สัมผัส ชาตินี้เอาแค่ Fender Tweed Blues Deluxe ไปก่อนก็พอมั้ง จากคุณ : Agent Fox Mulder - [ 9 ส.ค. 49 21:18:31 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ทัวร์ล่าสุดนี้ก็มีส่วนของเซ็ทที่เป็นอคูสติกเช่นเคย แคลปตันก็มีกีตาร์อคูสติกที่เป็นรุ่น Signature ของ Martin อยู่หลายแบบเหมือนกัน บางตัวก็สีขาว สีดำก็มี ผมเห็นเคยเอาไปออกงานอยู่บ่อยๆ แต่ที่เด่นๆ เลยก็คือเจ้าตัวแบบนี้ Martin 000-28EC ซึ่งบอดี้จะเป็นแบบคล้ายๆ กับกีตาร์ Martin เก่าๆ ที่แคลปตันใช้เล่นในอัลบั้ม Unplugged เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ไม้ด้านหลัวและด้านข้างเป็นแบบ Premium East Indian rosewood สลักมุกเป็นลายเซ็นต์ของแคลปตันบริเวณเฟร็ตที่ 19-20 ฟิงเกอร์บอร์ดเป็น Ebony ซาวน์ก็สุดแสนจะนุ่มนวลและไพเราะมากๆ ใครมีดีวีดี One More Car, One More Rider ไปลองเปิดฟังดูก็จะสัมผัสได้เลย ว่าเสียงดีจริงๆ ดูแล้วแอ๊คชั่นน่าจะตั้งมาให้เล่นได้ง่าย เบามือและ Sentsitive กับการเคลื่อนไหวของนิ้วมาก ขนาด อ.ปราชญ์ แห่ง Overdrive และ Prart Music Group ยังเอาไปใช้อัดเสียงในอัลบั้มล่าสุด 5th Avenue เลย ใครไม่เคยฟังก็ลองไปหามาฟังกันดูนะครับ จากคุณ : Agent Fox Mulder - [ 9 ส.ค. 49 21:20:49 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เรื่องราคาเหรอครับ........ อืม.......... ก็ไม่แพงอีกเช่นกันครับ ถ้าอยากทราบราคาจากตัวแทนจำหน่ายในไทยก็ลองสอบถาม Lucky Music ดู ผมเองเคยถามไว้เหมือนกันแต่จำราคาไม่ได้แล้ว (แค่ถามเท่านั้น) ถ้าลองเช็คจาก musiciansfriend.com เจ้าเก่า ก็จะอยู่ที่ $3,099.99 (หรือประมาณ 124,000 บาท) ราคาไม่แพงเลยใช่ไม๊ครับ (เฮ้อ....) ป.ล. ปัจจุบันแคลปตันใช้ปิ๊คอัพ Carlos Juan CP-1 สำหรับกีตาร์อคูสติกของเค้าครับ จากคุณ : Agent Fox Mulder - [ 9 ส.ค. 49 21:22:29 ]

ความคิดเห็นที่ 9 สำหรับที่เหลือก็จะเป็นส่วนของเอฟเฟคต์เล็กๆ น้อยๆ ที่แคลปตันใช้ครับ Leslie Speaker ลำโพงเลสลี่ สำหรับไว้ใช้ในบางเพลง แคลปตันเลือกที่จะเสียงจากลำโพงเลสลี่จริงๆ ไม่ใช้พวกเอฟเฟคต์พวกซิมมูเลตเสียงอย่างที่ในปัจจุบันนิยมใช้กัน เพื่อได้ซาวน์เลสลี่แท้ๆ เลย จากคุณ : Agent Fox Mulder - [ 9 ส.ค. 49 21:23:00 ]

ความคิดเห็นที่ 10 Samson wireless pack ตัวสายต่อสำหรับส่งสัญญาณจากกีตาร์เข้าสู้แอมป์แบบ Wireless ทำให้แคลปตันไม่ต้องกลัวจะเดินรอบเวทีเพลินจนกระตุกสายเคเบิลหลุด หรือไม่ต้องห่วงกับปัญหาสายเคเบิลพันรอบตัวเอง เวลาหมุนไปหมุนมา (ผมเจอปัญหานี้บ่อยๆ จนสายเคเบิลข้างในขาดไปหลายเส้นแล้ว) จากคุณ : Agent Fox Mulder - [ 9 ส.ค. 49 21:23:35 ]

ความคิดเห็นที่ 11 Vox Wah Wah Pedal เมื่อทัวร์ในปี 2004 แคลปตันใช้ Jim Dunlop Cry Baby 535Q Multi-Wah รุ่นยอดนิยม ซึ่งสามารถปรับเรนจ์ของเสียงได้ ว่าจะเอาทุ้มแค่ไหน แหลมแค่ไหน ส่วนในโชว์ Cream Reunion นั้น แคลปตันใช้ Jim Dunlop Jimi Hendrix Wah เพื่อให้ได้ซาวน์ที่อ้วนและทึบแบบ Vintage ส่วนทัวร์ล่าสุดแคลปตันเปลี่ยนมาใช้ Wah ของ Vox แทน ผมเองไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นรุ่น V847 หรือ V848 แต่เข้าใจว่าน่าจะเป็น V848 (เพราะมันแพงกว่า) ซึ่งเป็น Wah ที่น่าเล่นตัวหนึ่ง เสียงค่อนข้างจะลื่นกว่า Cry Baby อยู่ซักหน่อย และราคาก็แพงกว่าพวก Cry Baby ด้วยเช่นกัน จากคุณ : Agent Fox Mulder - [ 9 ส.ค. 49 21:24:54 ]

ความคิดเห็นที่ 12 Boss TR-2 Tremelo Pedal เอฟเฟคต์ Tremelo จากยี่ห้อยอดนิยม Boss ซึ่งเมื่อทัวร์ก่อนหน้านี้ในปี 2004 แคลปตันเคยใช้เอฟเฟคต์ Chorus CE-3 ของ Boss มาก่อน ส่วนทัวร์คราวนี้เปลี่ยนมาใช้เอฟเฟคต์ Tremelo แทน ซึ่งฟังจาก Bootlegs แล้ว ก็ไม่แน่ใจว่าใช้ในตอนไหน เพลงอะไรเหมือนกัน บางทีแคลปตันอาจจะมีไว้บนเวที แต่แทบจะไม่เคยเหยียบใช้มันเลยก็ได้มั้ง จากคุณ : Agent Fox Mulder - [ 9 ส.ค. 49 21:25:48 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ปิดท้ายกันด้วยเรื่องของสายกีตาร์ครับ สำหรับกีตาร์ไฟฟ้านั้นแคลปตันใช้สาย Ernie Ball เบอร์ 10 ซองสีเขียวๆ แบบที่เราหาซื้อกันได้ทั่วไปนั่นแหละครับ ราคาประมาณชุดละ 180 ถึง 230 บาท แล้วแต่ร้านที่ซื้อ ซึ่งก็เป็นสายกีตาร์แบบที่ผมใช้มาตลอดไม่เคยเปลี่ยนมา 5 ปีแล้ว ข้อดีของมันคือ Ernie Ball เป็นสายกีตาร์ที่นุ่มมาก ดันสายได้สบายนิ้วดีจริงๆ โทนก็จะออกกลางๆ คือ ไม่ Bright มาก แต่ก็ไม่ Mellow เกินไป แต่สาย Ernie Ball มีข้อเสียที่ใครๆ ก็ต่างบ่นกันมาก ก็คือสายจะดำง่ายมาก บางทีถ้าเล่นมากๆ อาทิตย์นึงก็เริ่มจะดำแล้ว ล่าสุดนี่ผมก็เลยเปลี่ยนมาลองใช้ GHS Boomers Strings เบอร์ 10 ดูเป็นชุดแรกครับ เนื่องจากเห็น David Gilmour ใช้อยู่ และที่แน่ๆ เลยคือดำช้ากว่า Ernie Ball ซาวน์ก็จะออก Bright กว่า แต่ความนุ่มจะสู้ Ernie Ball ไม่ได้ ราคาก็แพงกว่า Ernie Ball นิดหน่อย แพคเกจดีกว่า ซองสวยกว่า (อันนี้ไม่เกี่ยว) คิดว่าจะลองใช้สลับกันไปเรื่อยๆ แหละครับ แต่บ้านผมมี Ernie Ball ซองเขียวอยู่เต็มบ้านแล้ว เพราะผมชอบสะสมพวกซองพวกนี้ เปลี่ยนใช้ทีก็เอาซองไปซุกไว้ตรงโน้นทีตรงนี้ที ไม่ยอมทิ้ง (เสียดายอ่ะ มันคลาสสิคดีออก) แคลปตันเปลี่ยนสายกีตาร์บ่อยแค่ไหน ? คำตอบก็คือ เปลี่ยนทุกโชว์ครับ เพื่อให้ได้ซาวน์ที่สดใหม่เสมอ (สงสัยกลัว Lee Dickson กีตาร์เทคนิคเชี่ยนของแคลปตันจะไม่มีงานทำ เลยให้เปลี่ยนสายทุกโชว์) ส่วนผมเองก็แล้วแต่ ถ้าช่วงปิดเทอมเล่นบ่อยๆ ก็เดือนนึงเปลี่ยนที ถ้าเปิดเทอมเล่นน้อยหน่อยก็อาจจะซักเดือนครึ่งหรือสองเดือนเปลี่ยนที (สำหรับสาย Ernie Ball นะครับ) บางทีก็ขี้เกียจเปลี่ยนบ่อยๆ เหมือนกัน ก็ทิ้งไว้อย่างงั้นแหละ เล่นแล้วสากๆ นิ้วดี ปิ๊กกับสายสะพายกีตาร์แคลปตันก็ใช้ของ Ernie Ball เช่นกันครับ จากคุณ : Agent Fox Mulder - [ 9 ส.ค. 49 21:28:25 ]

ความคิดเห็นที่ 14 สำหรับสายกีตาร์โปร่งผมก็ไม่มีข้อมูลหรอกครับ แต่เข้าใจว่าแคลปตันน่าจะใช้สาย Martin รุ่น Signatue ของตัวเอง ซึ่งมีสองขนาด คือเบอร์ 12 กับเบอร์ 13 ไม่แน่ใจว่าแคลปตันใช้เบอร์อะไรเหมือนกัน ซึ่งร้าน Music Collection ก็นำมาขายเช่นกัน (มีแต่เบอร์ 12) ในราคาชุดละ 320 บาท ซึ่งผมก็ตกเป็นเหยื่อไปเรียบร้อยแล้ว สายรุ่น Signature ของแคลปตันจะแพงกว่าสาย Martin รุ่นปรกติทั่วไปอยู่ประมาณ 40 บาท ซึ่งพ่อผมตั้งข้อสังเกตไว้ว่า สาย Signature มันก็เหมือนกับสายรุ่นปรกติแหละ เพียงแต่เอารูปกับชื่อแคลปตันมาติดไว้บนกล่องแล้วเพิ่มราคาไป ก็เท่านั้นเอง ซึ่งก็อาจจะจริงอยู่ แต่ยังไงผมก็ขอซื้อแบบ Signature ต่อไปอยู่ดี เพราะมันดูอุ่นใจดีเวลาเล่นจะได้รู้สึกว่า ซาวน์เหมือนแคลปตันหน่อย (ไม่เกี่ยวกันเลย) จะว่าไป ผมก็ฟังเสียงสายกีตาร์โปร่งว่ารุ่นไหนแบบไหนไม่ค่อยออกหรอกครับ แหะๆ รูปนี้ถ่ายตอนซื้อสายชุดแรกเลยครับ ตอนนั้นเห็นเป็นของแปลกเลยจับมาถ่ายรูปไว้ จากคุณ : Agent Fox Mulder - [ 9 ส.ค. 49 21:29:28 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ก็หมดแล้วครับสำหรับอุปกรณ์หลักๆ ของแคลปตัน มีของแถมมาฝากอีกเล็กน้อยเกี่ยวกับอุปกรณ์ของนายดิเรกครับ อุปกรณ์ของนายดิเรกก็เรียบง่ายเช่นกัน ข้อมูลจากเวปไซต์ของ Derek Trucks Band นายดิเรกใช้กีตาร์ Gibson SG custom 1962 reissue ตัวสีแดง จูนสายเป็น open E (คือดีด 6 สายเปล่าแล้วเป็นคอร์ด E เลย) ต่อตรงเข้าแอมป์ 1965 Fender Super Reverb โดยไม่ผ่าน Effect Pedal ใดๆ ทั้งสิ้น ใช้ Glass Coricidin Bottle สำหรับสไลด์ และเล่นด้วยมือเปล่าโดยไม่ใช้ปิ๊ก ส่วนสายกีตาร์ใช้สายเบอร์ 11 ของ D'Addario ครับผม จากคุณ : Agent Fox Mulder - [ 9 ส.ค. 49 21:31:05 ]

ความคิดเห็นที่ 16 จบแล้วครับผม ขอบคุณท่านผู้อ่านทุกท่านเช่นเคยครับ และที่ขาดไม่ได้คือแหล่งข้อมูลดีๆ และรูปภาพประกอบ จากเวปไซต์ whereseric.com และเวปไซต์อื่นๆ อีกมากมายครับ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ไว้ผมจะกลับมาพร้อมกับเรื่องราวของ David Gilmour ในภาคสอง และถ้าความสามารถเพียงพอ อาจจะมีกระทู้เกี่ยวกับคีย์บอร์ดของ Richard Wright ขึ้นมาด้วยก็ได้ แต่ต้องขอเวลาไปศึกษาซักพักครับ วันนี้ลาไปก่อนครับ สวัสดีทุกท่านครับ แล้วเจอกันที่คอนเสิร์ตของแคลปตันในต้นปีหน้านะครับ ป.ล. อยากชมภาพประกอบใหญ่ๆ แบบไม่ต้องย่อขนาด ตามไปชมได้ในบล็อกในส่วน Work in Progress นะครับ จากคุณ : Agent Fox Mulder - [ 9 ส.ค. 49 21:40:55 ]

ความคิดเห็นที่ 17 สายกีต้าร์ลายเซ็นของ ตา แคลปตัน นี่ ราคาถูกกว่า สาย กีต้าร์ ธรรมดาอีก น่าซื้อมาใช้นะเนี่ย มาร์ตินรุ่น แคลปตัน รู้สึกในเว็ป Guitarthai จะมีคนมีนะครับ ตอนนี้ผมชักอยากได้ Fender ลายแบบลุงแกแล้ว ... ปล. อยากอ่านความลับ คีย์บอร์ด ของ ริค มากกว่า กีต้าร์ ของเดฟซะแล้วครับ... จากคุณ : Hurricane_love goldfish - [ 9 ส.ค. 49 22:29:37 ]

ความคิดเห็นที่ 18 อ้อ ผมชอบที่แคลปตันเป็นเพื่อนสนิทของ จอร์จ แฮริสัน ด้วยครับ เพลง จอร์จ ที่แคลปตัน เอามาร้อง เพราะทุกเพลงเลย ตอนนี้กำลังหา Eric Clapton Unplugged อยู่ ที่ตอนไม่อยากได้ดันมี ทีตอนอยากได้ดันไม่มี และกำลังจะหาเก็บคอนเสิร์ต 24 Nights ด้วยครับ จากคุณ : Hurricane_love goldfish - [ 9 ส.ค. 49 22:34:33 ]

ความคิดเห็นที่ 19 คุณน้าสโลว์แฮนด์จะมาไทยจริงหรอครับ จากคุณ : ID.2.CU - [ 10 ส.ค. 49 01:00:48 ]

ความคิดเห็นที่ 20 สาย Ernie Ball ดำเร็วจริงๆครับ ใช้อยู่เหมือนกันครับ สงสัยคงต้องเปลี่ยน เป็น GHS เหมือนที่ จขกท.แนะนำมา จากคุณ : melodic - [ 10 ส.ค. 49 06:59:11 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณมากครับ ชอบจังเลย จากคุณ : blueframe - [ 10 ส.ค. 49 12:46:02 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณมากครับ ถ้าหิ้ว Derek มาไทยด้วยนี่ป๊อกเก้า 2 เด้งเลย ว่าแต่เห็น Amp แล้วทรมานใจมาก อยากได้ชะมัด จากคุณ : เจ็บ...วาย - [ 10 ส.ค. 49 13:19:42 A:124.121.71.129 X: TicketID:114114 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ใช่ครับพี่ martinลายเซ็นลุงแคลปตันมีคนมีจริงๆครับ ผมไปจับมาแล้ว อยากได้มากๆ แต่ราคาแปดหมื่นกว่าบาทอ่ะครับ เสียงนี่ไม่ต้องสืบครับสุดยอดมากๆๆ ไว้เก็บตังได้ก่อนจะไปสอยมาเล่นบ้าง อยากดูลุงเขาเล่นจังเลย เป็นบุญตาสักครั้งในชีวิต จากคุณ : LKJOOIVNLEG - [ 10 ส.ค. 49 19:33:40 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เอ..ผมตาฝาดไปหรือเปล่าเนี่ย.. ทำไม ผมไม่เห็น วี่แวว ของแอมป์มาร์แชล อยู่บนเวที นายแคลปตั้นเลย.. ทำไมวง แนวบลู หรือเพื่อชีวิตของไทย.. ถึงมีแต่แอมป์มาร์แชล เน้อ.. ................................. Fender Tweed Twin แค่เห็นการวางหลอด ทั้งหมด.. ก็พอจะเดาได้แล้วว่าเสียงดี.. อยากเห็นตัวเป็นๆจังเลย จะรื้อดูซะหน่อยว่า อุปกรณ์ทั้งหมด ทำเหมือนของเดิมหรือเปล่า .................................. เซ็ทอัพ บนเวที เรียบง่ายจริงๆ.... แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 49 23:51:13 แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 49 23:48:31 จากคุณ : ซิกตี้บอย - [ 14 ส.ค. 49 23:45:37 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เห็นกระทู้นานแล้ว อยากอ่านมาก แต่เพิ่งได้อ่านอ่ะ ขอบอกว่านายสุดยอดอีกแล้ววววววววว ชอบๆๆๆ กระทู้อย่างนี้ ชอบมากๆ จากคุณ : กึ่งยิงกึ่งผ่าน - [ 15 ส.ค. 49 01:24:22 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เรื่อง TBX และ Tone อาจเข้าใจผิดน๊ะครับ เนื่องจาก ec sign, ได้ติดตั้งทั้ง Tbx และ Mid Boot เข้าไปทำให้แตกต่างจาก Strat ทั่วๆไปคือ 1. pot. tone ตัวกลาง จะกลายเป็น Tbx control โดย 0-5 เป็น 250k และ 5-10 เป็น 1000k 2. pot. tone ตัวที่ 3 จะกลายเป็น booster โดย boot ได้ตั้งแต่ 1-10 เวลา boost เยอะๆ เสียงจะแตกเลยครับ เป็น sound ของ EC อย่างชัดเจน ผมมาคิดเล่นๆ ว่าทำไมต้อง boost เออ สงสัยกันไหม? ถ้าดู concert เค้า จะเห็นว่า EC เล่นเสียงแตกไม่เยอะ และ ไม่เคยวุ่นวายกับการเหยียบ pedal เสียงแตกเลย ยกเว้นแตกมากๆ EC ใช้วิธีปรับเอาจาก mid boost นี่แหละครับ แต่ mid boost มาพร้อมกับย่านเบส mid และ low ค่อนข้างมาก จึงต้องมี TBX control ซึ่งค่อนข้างแหลมมาชดเชย (อันนี้ผมคิดเองน๊ะ) ส่วนเรื่องราคา Signature ธรรมดา 7 หมื่น ลด 10 % Custom Shop Signature แสนหนึ่ง ลด 10 % มันยังมีอีก Master Build เคยเห็นราคาใน evil-bay 6 พัน แต่มีหน่วยเป็น US Dolla ครับ และ '57 Twinamp ถ้าอยากได้จริงๆ ไป Music Concept เลยครับ ไม่แพง 1 นึงเอง ผม Teeraparp จาก Guitarthai ยินดีที่ไคยกับคนคอเดียวกันครับ จากคุณ : Customshop - [ 17 ส.ค. 49 11:04:49 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณพี่ Teeraparp มากครับสำหรับการแก้ไข ผมเองก็ไม่เคยลองเล่นไอเจ้า Mid Boost นี่ดูซักที เลยใช้วิธ๊อ่านที่นั่นที่โน่นมาเขียนเอาอีกที ขอบคุณพี่ Teeraparp มากครับผม จากคุณ : Agent Fox Mulder - [ 17 ส.ค. 49 21:39:00 ]