CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    รีวิวดีๆ จากบอร์ดพี่โอ๋ Christina Aguilera - Back To Basics โดย นรกานต์(pom)

    ไปเจอมาพอดีครับจากบอร์ดพี่โอ๋ เขียนได้สนุกชวนอ่าน เอามาฝากเพื่อนๆ ขอบคุณเจ้าของงานด้วยนะครับ(นรกานต์(pom) )



    ลักษณะ : อัลบั้มเต็ม
    ศิลปิน : CHRISTINA AGUILERA
    ชุด : BACK TO BASICS แผ่นคู่ 22 เพลง booklet 28 หน้า มีเนื้อเพลง
    ค่าย : RCA Records (Sony BMG USA)

    แรกภาคปรากฏ :

    การรอคอยมาถึงจุดสิ้นสุด กับเวลา 4 ปี ที่นานแสนนานของนักร้องสาวมีพันธะ ที่เพิ่งแต่งผัวไปหมาด ๆ อย่าง คริสติน่า อากิเรล่า สาวมั่นที่ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองอยู่นิ่ง ทั้งด้านภาพลักษณ์ ผลงาน และความสามารถ ในปี 2006 สตูดิโออัลบั้มภาษาอังกฤษชุดที่ 3 ก็ได้ออกสู่โสตคนทั่วโลก คราวนี้เธอกลับมากับงานเพลงที่ได้ผ่านการเรียบเรียงปรุงแต่งมาอย่างดี และอย่างนาน ผลลัพธ์คือซีดีแผ่นคู่ พร้อมบุ๊คเล็ตแสนสวย ในชื่อ Back To Basics ที่เธอมีส่วนร่วมในการแต่งเพลงเองทุกเพลง งวดนี้ยกเครื่องใหม่หมดทั้งแนวเพลง ทีมงาน และโปรดิวเซอร์ จะเกิดขนาดไหนคงต้องรอดูกัน


    จรดกรรณพิเคราะห์ :

    ว่ากันว่าเสน่ห์อย่างหนึ่งของงานย้อนยุคที่เรียกว่า เรโทร คือการอัดเสียงด้วยระบบอนาล็อก แบบการบันทึกม้วนเดียวจบ ไม่แต่ง ไม่เสริม ไม่เพิ่ม ไม่ร้องใหม่ แต่กับงานนี้ที่นางคริสติน่าเธอป่าวประกาศว่าเป็นงานย้อนยุคที่นำสรรพเสียงแห่งความล้าสมัยของช่วงยุคทศวรรษที่ 20, 30 และ 40 มาปรุงแต่งผลงานให้เกิดความร่วมสมัยและน่าฟัง กลับให้ผลลัพธ์ที่ผู้เฒ่าผู้แก่คาดหวังกัน เด็ดดวงชนิดล่มสลายต่อหน้าต่อตา ไอ้แบบอัดทีเดียวแล้ววางขายน่ะไม่มีให้ฟังหรอก มีแต่งานตัดต่อพันธุกรรมประหลาดลึก เพราะฟังยังไง ๆ มันก็คืองานที่มีแค่กลิ่นของความรุ่งเรืองแห่งยุคสมัย ซึ่งเป็นส่วนน้อยเสียด้วย เรียกว่ามีแค่ "แรงบันดาลใจ" หลงเหลืออยู่ในงานเสียมากกว่าจะบอกว่า "ได้รับอิทธิพล" มาจากยุคสมัยเหล่านั้น กับงานชิ้นนี้ตัวเพลงส่วนใหญ่มีกลิ่นของดนตรีแจ๊ส บลูส์ และโซลอยู่เกือบจะทุกเพลง แต่ในสัดส่วนที่มากน้อยลดหลั่นกันไป ตามความตั้งใจของศิลปินที่คิดแบ่งส่วนของงานเพลงเป็นสองส่วน คือส่วนแรก "ดึกดำบรรพ์" ในซีดีแผ่นที่หนึ่ง ส่วนใหญ่จะเป็นการดูแลงานของ คริสโตเฟอร์ มาร์ติน หรือที่รู้จักกันในวงการว่า ดีเจพรีเมียร์ ผู้ขึ้นชื่อว่าเป็นเซียนในการแต่งเติมเสริมแต่ง และเลือกสรรแซมเปิ้ลมาใส่ในเพลงได้อย่างฉลาดล้ำ จึงไม่แปลกเลยที่ว่าทำไมเพลงในแผ่นแรกนั้นจึงมีเครดิตแซมเปิ้ลเพลงต่าง ๆ รั้งท้ายถึง 10 เพลง ในวงการเพลงก็คงต้องยอมรับเฮียเค้าในฐานะป๋าดันคนนึง เพราะพ่อคุณทูนหัวเก่งกาจถึงกับได้รับงานเป็นโปรดิวเซอร์ของศิลปินใหญ่ ๆ ในปี 2006 นี้ถึง 3 คนแล้ว คือหนูติ๊, Nas และ Verbal Threat ฮิปฮอปน้องใหม่ที่เพิ่งแจ้งเกิดในวงการเพลง สมทบด้วย มาร์ค รอนสัน ดีเจชาติอังกฤษที่หล่อสุดบรรยาย, Big Tank & Q มือโปรดิวซ์เพลงอาร์แอนด์บี และ Kwame Holland แร้ปเปอร์ นักแต่งเพลงฮิปฮอป เบื้องหลังความสำเร็จของ พี ดิดดี้ และลอยด์ แบงก์ ที่เหล่าแร้ปปากดำจากค่ายจียูนิต รุมจีบเข้าค่ายตั้งแต่แรกเริ่มตั้งค่ายขึ้นมา แต่ขอโทษเฮียแกเค้าเข้าวงการตั้งกะปี 1989 เรื่องไรจะก้มหัวให้พวกเด็กอมมือ อีกส่วนที่เหลือคือในซีดีแผ่นที่สอง "ตามใจฉัน" ได้ ลินดา เพอรี่ย์ นักแต่งนักคุมมือโปรวัย 41 กะรัต ผู้เคยร่วมงานกับคริสติน่ามาแล้วในเพลง Beautiful มาคุมการผลิตทั้งหมด แต่งานแผ่นสองกลับสร้างความผิดคาดชนิดหงายหลังตึงกับความสามารถของเจ๊แกที่คนมักจะติดหูติดตากับผลงานเพลงร็อกจาก พิ้งค์, เคลลี่ย์ ออสบอร์น หรือไม่ก็เพลงอาร์แอนด์บีจากโซแลง, ชูก้าร์เบ๊บ, เกว็น สเตฟานี่ ซะมากกว่า พอมาเจองานชิ้นเซียนแบบทุกเพลงในแผ่นที่สองนี้ จึงต้องโค้งหัวซูฮกในความเก๋าของเจ๊ ที่แสดงความสามารถและวิสัยทัศน์ล้ำหน้า จนตีโจทย์งานชิ้นนี้ออกกระจุย แต่ไม่หลุดไปซึ่งความเป็นตัวตน จุดเด่นจริง ๆ ของงานชุดนี้นอกจากพัฒนาการทางการสร้างงานเพลงแล้ว ยังอยู่ที่ตัวศิลปินเองที่นั่งแท่นผู้คุมบังเหียนใหญ่เป็น Executive Producer เองคนเดียวทั้งชุด แต่อย่าเพิ่งดีใจไปค่ะ ตำแหน่งนี้จริง ๆ ก็คือตำแหน่งคนคุมบ่อน ที่คอยชี้สั่งจิกตบเหล่าโปรดิวเซอร์ให้ทำงานออกมาให้ได้ตามที่ต้องการ โดยที่ไม่ต้องออกแรงพลังสมองมากนัก ไม่ได้หมายความว่าเธอไปตบตีเค้นสมองมาออกศึกแต่อย่างไร ...แววแรดแรงตามหลังรุ่นพี่นมเทียมประกายจรัสจริงแม่คุณ อย่าเพิ่งสิ้นมุกละกันค่ะ ไม่งั้นเดี๋ยวจะเจออาถรรพ์ชุดที่ 7 (นับเฉพาะสตูดิโอ) เหมือนกันอีก เกิดกรีดข้อมือตายขึ้นมาอีกคนต้นสังกัดคงคลั่งตาย (เจ้านั้นมวลเยอะร่างยักษ์ กว่าเลือดจะเหือดตายก็คงใช้เวลาร่วม 72 ชั่วโมง แต่เรามันตัวไซ้ส์มด พึงระลึกไว้) ว้าย พูดถึงใครเนี่ยนอกเรื่องอีกแล้ว...


    เสนาะพิไล :

    ไอเดียดีมีชัยไปเกินครึ่ง จะมีซักกี่คนที่บ้าดีเดือด กล้าที่จะแหกกฎพันธนาการผูกขาดของวงการเพลงตลาดโลกมาทำเพลงชนิดชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ แบบไม่มีหลุดคอนเส็ปต์แบบนี้ งานนี้ผลสัมฤทธิ์ออกมาไม่ใช่งานขี้ ๆ ทั้งในด้านการพิสูจน์ตนเอง การแหกออกจากความจำเจอยู่กับที่ของตลาดเพลง และการสร้างฐานกลุ่มคนฟังใหม่พร้อมสละแฟนเก่าบางส่วนที่รับไม่ได้กับความแปลกเก่าทำใหม่แบบนี้ การแบ่งแผ่นเป็นสองส่วนตามอารมณ์ของงานเพลงอาจทำให้เกิดข้อเปรียบเทียบขึ้นบ้างในด้านการรับรู้ และความคาดหวังของผู้ฟัง จึงหนีไม่พ้นที่จะคนจะบอกว่าแผ่นที่สองเด่นกว่าแผ่นที่หนึ่ง เพราะว่ามีความเป็นสากลมากกว่างานแผ่นแรก ที่ฟังไปกี่รอบก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่านี่มันฮิปฮอปใส่เสียงทรัมเป็ตหรือไง มหัศจรรย์ของงานชุดนี้คือ ในเพลงที่ต้องการความอลังการของเสียงดนตรีโดยเฉพาะในแผ่นสอง คนส่วนใหญ่จะนึกถึงวงออเครสตร้าชุดใหญ่ ที่จะมีส่วนประกอบของเครื่องเป่าไม้ (The Woodwinds) เครื่องเป่าทองเหลือง (The Brass) เครื่องเคาะ (The Percussion) และเครื่องสาย (The Strings) มาเป็นปราการสำหรับสร้างอารมณ์ร่วม แต่ลินดากลับเลือกที่จะใช้เพียงวงเครื่องสาย ในการสร้างสรรค์สรรพเสียงอันวิจิตร ไม่น่าเชื่อว่าในความก้ำกึ่งของความสมบูรณ์ ก็สร้างความร่วมสมัยให้กับเพลงได้จากการหยิบเล็กผสมน้อย แต่อาศัยวิสัยทัศน์ของคนทำเพลงเสียมากกว่าสูตรสำเร็จเดิม ๆ แบบที่ศิลปินหลายคนตีความและนำมาใช้กัน พ่วงท้ายที่ทักษะการใช้เสียงของตัวศิลปินเองที่ทำให้หลายฝ่ายขนลุกกันกราวในงานชุดใหม่นี้ ว่าพัฒนาได้เร็วกว่าขนาดนม ล้ำหน้าเพื่อน ๆ รุ่นเดียวกันไปเยอะ และสุดท้าย ดนตรีทุกชิ้นในงานแผ่นที่สองนี้ อัดเสียงสดด้วยระบบอนาล็อกค่ะ ไร้เสียงสังเคราะห์มาให้ระคายหู ...เด่นพอมั้ยคะ...


    วิบัติอสัญ :

    หลายหลากเสียงลือเสียงเห่าโฮ่งจากบรรดาปฏิปักษ์แฟนเพลงแกนสมองสั้น ที่แม้แต่ศิลปินเองก็ไม่ได้ปรารถนาจะให้มาซึมซับงานสมองชั้นสูงของตน ต่างพากันบอกว่างานแผ่นที่หนึ่งนี้ฟังยาก และไม่ติดหู แต่นั่นไม่ใช่ปมด้อยหรอกค่ะ แค่อคติที่ล้อมกรอบกั้นกำแพงสำหรับพวกหูไม่ถึง สะเออะขยับปากก็เท่านั้น... งานนี้ไม่ได้เลิศถึงกับไม่สามารถหาที่ติได้ ในแผ่นที่หนึ่งแค่การใช้เพลงทำแซมปลิ้งก็ถือว่ารกตามากแล้วในเครดิต ทว่าแต่ละเพลงกลับหยิบเล็กหยิบน้อยมาชนิดเอาหางลูกอ๊อดมาย่างไฟ ได้กลิ่นไม่ทันได้ชิมก็จากไป ส่วนหนึ่งเสียดายไอเดียในการเคี่ยวกรำหาวัตถุดิบ อีกส่วนหนึ่งอยากตบนังตัวดีที่คุมบังเหียนแบบคันไถหลุดพาควายติดหล่ม ที่ปากพะงาบ ๆ ว่าซาวด์ปี 20 ถึง 40 เจ้าค่ะ แต่ปล่อยให้ตามืดหัวหอกลูกมือมาทำเอาแซมเปิ้ลทุกเพลงไม่มีเพลงไหนเก่าไปเกินกว่ายุคทศวรรษ 60 เลยซักกะเพลง แถมหลายเพลงแอบจับไต๋ได้ว่าเป็นฮิปฮอปแอบแฝงแล้วแกล้งเนียนเติมเสียงเครื่องเป่าลงไปให้ดูโบราณแปร่งหู แหม พูดไปให้เสียรังวัดเล่น ๆ แผ่นที่หนึ่งนี่ซาวด์ดนตรีของปลอมจากโปรทูลส์ (Pro Tools) หมดเลยค่ะคุณ แล้วจะไม่ให้โดนเปรียบเทียบกับอีกแผ่นได้ไงล่ะ ไหนจะเรื่องหลงผัวหัวปักหัวปำแบบเพื่อนร่วมเวทีครั้งยังเยาว์ที่แต่งเพลงเทิดทูนผัวและลูก ทำเป็นนังเจโลกระแดะเขียนเพลง Dear Ben ไปได้ นี่ถ้าเกิดวันไหนมดลูกพังเตียงหักขึ้นมา แฟนเพลงคงต้องช่วยกันขุดหลุมฝังเพลงดี ๆ อย่าง Safe Me From Myself กับ The Right Man งั้นสิ

    จากคุณ : Johan Carey - [ 31 ส.ค. 49 21:51:04 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com