ความคิดเห็นที่ 1 จำได้เลยค่ะเพลงนี้ตอนเด็ก ๆ ได้ดูกัวมาก ไม่ใช่มิวสิคน่ากัวหรืออะไรนะ แต่ฟังเรื่องเล่า ที่เค้าเล่าต่อกันมา แล้วเก็บไปจินตนาการเอง จนเกิดความกัวไปเอง จากคุณ : เจ๊ไฝ ตลาดไท - [ 1 ก.ย. 49 20:04:40 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ครูผมที่เคยสอนที่กรมศิลป์ก็เคยเล่าให้ฟังเหมือนกันครับ..แต่ผมชักจำไม่ค่อยได้ล่ะ ไว้รอผู้รู้จริงมาเล่าล่ะกันนะครับ จากคุณ : หนูน้อยบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ - [ 1 ก.ย. 49 20:07:21 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เท่าที่เคยดูจากรายการย้อนรอย เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง และเธอจัดว่าเป็นกระเทยที่สวยมาก เทียบกับว่าสมัยนั้นการศัลยกรรมยังไม่ก้าวหน้า และเธอก็ไม่มีฐานะพอจะทำด้วย เครื่องสำอางก็ไม่เหมือนสมัยนี้ ถือว่าสวยโดยธรรมชาติ แต่เธอไม่ใช่นางรำของกรมศิลป์ (อันนี้ในเพลงผิดจากความเป็นจริง) เธอเป็นเพียงนักเรียนนาฏศิลป์อยู่วิทยาลัยแห่งหนึ่ง ผมก็จำไม่ได้แล้วว่ารายการบอกว่าชื่อวิทยาลัยอะไร ดูเหมือนว่าจะยังไม่ทันเรียนจบก็ลาออกมาใช้ชีวิตคู่อยู่กับชายคนรักซึ่งเป็นคนขับสามล้อ หากินด้วยการรับจ้างเป็นนางรำ ต่อภายหลังคนรักไปมีหญิงอื่น (หญิงแท้) เธอก็ฆ่าตัวตาย แล้วต่อมาชายคนรักของเธอก็ฆ่าตัวตายตามไปตามที่เจ้าของกระทู้เล่าแหละครับ ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสที่รายการย้อนรอยจะเอามาย้อนให้ดูใหม่หรือเปล่า จากคุณ : คิด - [ 1 ก.ย. 49 20:55:19 A:124.120.132.122 X: TicketID:105307 ]

ความคิดเห็นที่ 4 รู้จักเพลงนี้  ผมว่าอายุน่าจะไม่น้อยนะครับ จากคุณ : hatashit (hatashit) - [ 1 ก.ย. 49 21:26:24 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อยากดูรายการย้อนรอยเทปที่ว่านี่จังครับ เสียดายที่ไม่ได้ดู ฟังเพลงที่ จขกท. ให้ลิงค์ไว้แล้วรู้สึกเศร้ามาก ขอให้คุณที่เอ่ยถึงในเพลง มีความสุขมากๆ นะครับ ถึงแม้ไม่ได้มีความสุขในโลกนี้ ก็ขอให้มีความสุขในที่ที่คุณอยู่ -•๐ Yours are the sweetest eyes I've ever seen ๐•- จากคุณ : Seraphyros DeCameron - [ 1 ก.ย. 49 23:06:36 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ฟังเพลงเเล้วเศร้าจัง ผมอยากทราบว่าพี่เเจ้นี่มีเมียมีลูกหรือเปล่าครับ เป็นเเบบพี่เบิร์ดหรือป่าวครับ คืออยากทราบจริงๆครับ เห็นตอนคอนเสิร์ต พี่เเจ้ใส่สร้อยคอเเละสร้อยมือเหมือนพวกเกย์เลยครับ จากคุณ : Antique - [ 1 ก.ย. 49 23:27:58 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ชอบเพลงนี้ตั้งแต่สมัยก่อนแล้วอะคับ...นานจนแทบจะจำเนื้อไม่ได้แล้ว จำได้แต่ว่าท่วงทำนองฟังแล้วเศร้าๆ ^^ จากคุณ : dragonite - [ 1 ก.ย. 49 23:56:53 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ประมาณที่คห.3ว่าไว้ล่ะครับ... และขอเพิ่มเติมดังนี้ ตอนนั้นเธอยังเรียนอยู่....ยังไม่ได้เป็นนางรำของกรมศิลป์.. แต่ความสวยของเธอรุนแรงมากจนคนเรียกเธอว่าสีดา ซึ่งมาจากเรื่องรามเกียรติ์.... เป็นหญิงที่สวยมากจนพระลักษณ์กับพระรามรบแย่งกัน... ยุคนั้นใครรำบทนางสีดาต้องทั้งสวยทั้งเก่งฝีมือเก๋า... แต่เธอยังเรียนอยู่ก็เป็นแค่นางรำตัวประกอบทั่วไป ในยุคนั้นความสวยของเธอเป็นที่เลื่องลือ เพราะเธอสวยกว่าหญิงแท้ ทั้งๆที่ไม่ผ่านมีดหมอและไม่มีเครื่องสำอางช่วย (ไม่เหมือนยุคนี้ที่กะเทยสวยด้วยแพทย์เยอะแยะเต็มไปหมด).... ถ้าเทียบเธอกับยุคนี้ก็เหมือนน้องปอยมั้ง...สวยทั้งๆที่ไม่ได้ผ่านมีดหมอ... เธอไม่ได้ถูกสามีทิ้ง แต่ความที่เธอเป็นกะเทย ทำให้อารมณ์ไม่มั่นคง กลัวว่าผู้ชายจะนอกใจ (ทั้งๆที่จริงๆแล้วผู้ชายรักเธอมาก) ทำให้เธอมีปากเสียงกับสามีบ่อยครั้ง... จนครั้งล่าสุดสามีทนไม่ได้ก็หนีไปเช่าห้องอยู่ในตลาด และความที่เขารูปหล่อก็เลยมีหญิงมาติดพัน ทำให้ได้เสียกัน พอเธอรู้ก็เสียใจจนฆ่าตัวตาย เมื่อสามีเธอรู้ว่าเธอฆ่าตัวตายก็ตามไปที่งานศพ... ไปขอให้เขาเปิดศาลาให้... แล้วตัวเองก็เข้าไปกอดโลงศพร้องไห้... ตอนหลังก็กลับบ้านไปฆ่าตัวตายตาม ญาติพี่น้องเลยนำโลงศพมาตั้งคู่กันทำพิธีไปพร้อมๆกัน จากคุณ : จำได้ - [ 2 ก.ย. 49 00:27:56 A:58.8.189.82 X: TicketID:108334 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อ่านแล้วเศร้าจังเลยค่ะ จากคุณ : วิสกี้โซดา - [ 2 ก.ย. 49 01:20:42 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อืมผู้ชายเขาก็รักจริง ถึงได้ฆ่าตัวตายตาม จากคุณ : คนหนอคน - [ 2 ก.ย. 49 01:37:11 ]

ความคิดเห็นที่ 11 หลังจากนั้นคงได้ไปใช้ชีวิตร่วมกันอยู่ที่ไหนสักแห่ง จากคุณ : Megalo - [ 2 ก.ย. 49 02:29:44 ]

ความคิดเห็นที่ 12 #8 พระราม รบกับ ทศกัณฑ์ น้องปอย ผ่านมีดหมอมาไม่น้อย จากคุณ : ชาเขียว - [ 2 ก.ย. 49 03:13:54 ]

ความคิดเห็นที่ 13 คห.6 พี่แจ้แต่งงานแล้ว มีลูกชาย 2 คน โตเป็นหนุ่มแล้ว เคยดูตอนมาออกชมดาว จากคุณ : ม่านมัสลิน - [ 2 ก.ย. 49 10:58:28 ]

ความคิดเห็นที่ 14 แล้วสีดาก็ดังระบือ  เธอลงหน้าหนึ่ง ต่างคาดไม่ถึง  ตามข่าว  เธอฆ่าตัวตาย ลาจากคนรัก  มือกอดจดหมาย  กอดจดหมายเอาไว้กับอก บอกให้เขารู้  ลาก่อน  ..... ส่วนแจ้  แต่งงานแล้ว  มีลูกแล้ว เคยแต่งเพลงให้ภรรยา  ชุด  ยิ่งกว่ารัก  ด้วย . จากคุณ : ขุนไกรครับผม - [ 2 ก.ย. 49 22:31:15 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ...ผมสนใจเรื่องนี้มากเลยฮะ  เคยค้นตามที่ต่างๆแต่ก็ไม่ค่อยละเอียด  ถามที่บ้านก็รู้คร่าวๆที่คนลือกัน  จำได้ว่าตอนนั้นดูโฆษณารายการย้อนรอยแล้วอยากดูมาก  แต่หลับไปซะก่อนT-T   ดีจังที่คุณเจ้าของกระทู้ถามมา   อยากเห็นรูปเธอจังเลยฮะ  สีดาคนนี้เนี่ย   เรื่องมันนานมากรึยัง  น่าจะมีรูปถ่ายแล้วนะฮะสมัยนั้นน่ะ...  อืมมม......... จากคุณ : Armenhotep - [ 3 ก.ย. 49 00:36:27 ]

ความคิดเห็นที่ 16 อยากรู้เหมือนกันคะ เฮ่อ สงสาร เธอจริงๆเลย เข้าใจความรู้สึกคะ เพราะว่าเป็นสาวประเภท2 เหมือนกัน แต่ หนูคงไม่ฆ่าตัวตายหรอกคะ เพราะว่า กลัวอะ  ผู้ชาย มันไม่ได้มีคนเดียวในโลกนี้ มีเป็น ล้านๆคน แก้ไขเมื่อ 05 ก.ย. 49 17:21:04 จากคุณ : เลดี้บอย - [ 5 ก.ย. 49 17:18:47 ]

ความคิดเห็นที่ 17 อยากรู้มากกว่านี้คะ เพื่อนๆ พี่ๆ คนไหนทราบหรือได้ข้อมูลมา เอามาแปะต่อหน่อยน่ะคะ ขนลุกซู่เลย.. จากคุณ : pHEe (space4chic) - [ 5 ก.ย. 49 20:08:19 ]

ความคิดเห็นที่ 18 คุณ จำได้ คะ เรื่องรามเกียรติ์พระรามกับพระลักษณ์ไม่ได้รบกันแย่งนางสีดานะคะ พระลักษณ์เป็นพระอนุชาต่างมารดากับพระราม ได้มาช่วยพระเชษฐารบกับทศพักตร์หรือทศกัณฐ์ที่มาชิงนางสีดาไปต่างหาก จากคุณ : นางพญามารเมฆไฟ - [ 6 ก.ย. 49 13:17:18 ]

ความคิดเห็นที่ 19 รายละเอียดตัดตอนจาก บทรายการย้อนรอย (ขออภัยค่ะ หากยาวไปหน่อย) 17 พฤษภาคม 2510 หนังสือพิมพ์พาดหัวข่าวโศกนาฏกรรมรักของคนคู่หนึ่ง ที่โชคชะตากำหนดให้เกิดมาอยู่ในเพศเดียวกัน เพียงชั่วข้ามคืนเหตุการณ์นี้ได้เลือนหายไปความทรงจำของคนไทย  ก่อนที่ถูกนำกลับมาย้ำเตือนอีกครั้งในอีก 22 ปีต่อมา ในรูปแบบของบทเพลง   บทเพลง “สีดา”  กล่าวถึงความรักที่มีต่อกันอย่างลึกซึ้งระหว่างชาย 2 คน  แต่สุดท้ายกลับต้องจบลงด้วยการกระทำอัตวินิตบาตกรรมของคนทั้งคู่   เป็นเหตุการณ์ที่สร้างความซาบซึ้ง และทำให้ “แจ้” ดนุพล แก้วกาญจน์   ตัดสินใจหยิบยกเรื่องราวนี้มอบให้ครูน้อย สุรพล โทณะวณิก  ช่วยถ่ายทอดเป็นบทเพลงในปี 2532   “สีดา” เป็นเรื่องราวจากชีวิตจริงเมื่อ  ปี 2510  ของสาวประเภทสองที่ชื่อ ประโนตย์ วิเศษแพทย์  แต่บางส่วนของเรื่องราวที่ผู้แต่งจำเป็นต้องดัดแปลงไป  ทำให้มีบางเสี้ยวของเหตุการณ์ต่างไปจากความเป็นจริง           “สีดา” ในบทเพลง หมายถึง นางเอกนาฏศิลป์โขนของกรมศิลปากรเมื่อเกือบ 40 ปีก่อน หากแต่ชีวิตจริง ประโนตย์ วิเศษแพทย์  กลับแทบไม่เคยออกแสดงในบทบาทนี้และสร้างชื่อเสียงให้กับกรมศิลปากรเลย แต่สิ่งที่ทำให้ประโนตย์โดดเด่นมากที่สุดในยุคนั้น  ก็คือความสวย // สุทิน ทับทิมทอง รุ่นพี่ที่สนิทสนมกับประโนตย์ เล่าว่า ปัจจุบันความสวยของสาวประเภทสอง เป็นเรื่องธรรมดาที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป แต่สำหรับเมื่อ 35 ปีก่อน ประโนตย์สวยเกินกว่าผู้หญิงบางคน และไม่มีสาวประเภท 2 คนใดเทียบได้   ปัจจุบันมีหลักฐานและภาพถ่ายของประโนตย์เหลืออยู่ไม่มากนัก //ประโนตย์  เกิดเมื่อปี 2481 เป็นบุตรของนายยงค์ และหม่อมหลวงหญิง บุญนาค วิเศษแพทย์ ซึ่งครอบครัวมีฐานะดี ประโนตย์มีพี่น้องทั้งหมด 5 คน และด้วยความที่เป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของบ้าน จึงเปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจของพ่อแม่   ประโนตย์เติบโตขึ้นท่ามกลางการถูกรุมล้อมด้วยพี่น้องที่เป็นผู้หญิงทั้งสี่ และค่อย ๆ ซึบซับความอ่อนหวานเรียบร้อยแบบผู้หญิงของคนรอบข้างไว้อย่างไม่รู้ตัว ....ยังมีอีกเยอะค่ะ  ถ้าไม่ขี้เกียจอ่านกันล่ะก็ จะมาโพสให้อ่านกันต่อนะคะ จากคุณ : MARS_ - [ 6 ก.ย. 49 18:56:56 ]

ความคิดเห็นที่ 20 คุณMARS_คะ อยากจะบอกว่าแค่นี้ยังสั้นไป อยากอ่านมากกว่านี้ เอามาเพิ่มด่วนคะ รู้อยู่น้าค้า..... มีรูปมาให้ยลด้วยยิ่งดีคะ ขอบคุณล่วงหน้า.. จากคุณ : pHEe (space4chic) - [ 6 ก.ย. 49 21:17:15 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ...ต้องขออภัยสำหรับเรื่องรูปจริงๆ ค่ะ เพราะไม่ได้มีเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์.... หลังเรียนจบระดับประถมที่โรงเรียนใกล้บ้าน  ย่านซอยสวนพลู ประมาณปี 2492  ด้วยความสนใจในการแสดงตั้งแต่เยาว์วัย และการสนับสนุนของผู้เป็นแม่   ประโนตย์จึงตัดสินใจสอบเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนนาฏศิลป์ โรงเรียนนาฏศิลป  กรมศิลปากร หรือ วิทยาลัยนาฏศิลปในปัจจุบัน   นอกจากจะเป็นจุดเริ่มต้นซึ่งต่อมาทำให้ประโนตย์เป็นที่รู้จักในชื่อของ “สีดา” แล้ว   ที่นี่ยังเปิดโอกาสให้เขาสามารถแสดงบุคลิกที่เบี่ยงเบนไปจากเพศที่แท้จริงของตนเองได้อย่างอิสระเสรี หน้าตาที่คมคาย  จมูกโด่งเป็นสัน   ในครั้งแรกประโนตย์ถูกเลือกให้ฝึกฝนเป็น  “พระ”   ตัวแสดงสำคัญที่ต้องมีการคัดสรรอย่างพิถีพิถันมาตั้งแต่ครั้งโบราณ แต่บุคลิกท่าทางเรียบร้อยนุ่มนวล ที่ซึมซับจากบุคคลรอบข้างมาตั้งแต่วัยเด็ก   ต่อมาครูผู้สอนจึงเปลี่ยนให้ประโนตย์ ฝึกฝนเป็น “ตัวนาง”     การสวมบทบาทสตรีเพศ  และ ความอ่อนหวานงดงามของศิลปะ   เป็นส่วนส่งเสริมให้ร่างกายและจิตใจของประโนตย์  เปลี่ยนแปลงมาเป็นผู้หญิงอย่างเต็มตัว ไพฑูรย์ ศราคนี เพื่อนร่วมชั้นที่สนิทสนมกับประโนตย์   เล่าว่า   ขณะนั้นเป็นช่วงหลังภาวะสงคราม ซึ่งนาฏศิลป์โขนกำลังอยู่ในภาวะทรุดโทรม   กรมศิลปากรไม่มีการฝึกหัดศิลปินโขนคนใหม่เพิ่มเติม   ทำให้เกิดการขาดแคลน   ต่อมาทางราชการจึงมีคำสั่งให้โรงเรียนนาฏศิลป์เร่งฝึกหัดนักเรียนเป็นศิลปินโขน   เพื่อร่วมออกแสดงในงานพิธีสำคัญต่าง ๆ   ซึ่งมีนักเรียนโขนในรุ่นเพียงไม่กี่คน   ที่มีโอกาสออกแสดงร่วมกับทางโรงเรียน ซึ่งไพฑูรย์และประโนตย์ก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น การออกแสดงตามสถานที่ต่าง ๆ ร่วมกับทางโรงเรียน ถือเป็นการปฏิบัติราชการ ซึ่งจะได้รับค่าตอบแทนเป็นเบี้ยเลี้ยงวันละ 8 บาท แต่นั่นไม่สำคัญสำหรับประโนตย์   เท่ากับการที่สามารถแต่งตัวเป็นผู้หญิงได้ตามอย่างที่ใจปรารถนา   เพราะขณะนั้นสภาพสังคมไทยยังไม่ยอมรับพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ แต่โอกาสได้ออกแสดงที่มีไม่มากนัก ประโนตย์ในวัย 14 ปี  จึงมักลักลอบหนีออกไปแสดงโขนกับบุคคลภายนอก   ซึ่งเป็นสิ่งที่ทางโรงเรียนนาฏศิลป์ขณะนั้นไม่อนุญาตอย่างเด็ดขาด   รวมทั้งเริ่มคบหากับเพื่อนต่างโรงเรียนที่มีลักษณะเดียวกัน     และทำให้ชีวิตในโรงเรียนนาฏศิลป์ของประโนตย์สิ้นสุดลงในเวลาเพียง 3 ปี ....จบตอนที่ 1 ค่ะ มีอีก 2 ตอน มาต่อให้พรุ่งนี้นะคะ จากคุณ : MARS_ - [ 6 ก.ย. 49 22:57:55 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ...ขอบคุณมากครับ  กำลังเข้มข้นเลย:-) จากคุณ : Armenhotep - [ 7 ก.ย. 49 00:58:42 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ต่อคะต่อ ขอบคุณในความกรุณาคะคุณ MARS_ จากคุณ : pHEe (space4chic) - [ 7 ก.ย. 49 13:25:36 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เพราะไม่ได้นำคำพูดจากบุคคล และพยานในเหตุการณ์ มาลง ทำให้เนื้อหาอาจจะขาดอรรถรสไปบ้าง ต้องขออภัยนะคะ.... ประโนตย์ออกจากโรงเรียนนาฏศิลป์กลางคันในปี 2495 ประโนตย์มีอิสระเสรีมากขึ้น   และยังคงใช้ชีวิตวนเวียนอยู่ในแวดวงของนาฏศิลป์โขน     โดยร่วมกับเพื่อนในกลุ่มเดียวกัน ใช้วิชานาฏศิลป์ที่ติดตัวมารับแสดงโขนตามงานการกุศลต่าง ๆ ซึ่งต่อมาได้สร้างชื่อเสียงให้เธอเป็นที่รู้จักในนามของ “สีดา”   “สีดา” คือ นางในวรรณคดีไทยเรื่องรามเกียรติ  ที่มีความงดงามอย่างมาก   ความงดงามของนางสีดาทำให้พระรามปักใจรัก   ทศกัณฐ์ต้องลุ่มหลง  หมู่ยักษาต่างเข่นฆ่ากัน   เพื่อแย่งชิงตัวนางสีดา   และกลายเป็นชนวนหนึ่งของสงครามอันยาวนานระหว่างพระรามและทศกัณฐ์ แม้ระยะเวลาเพียง 3 ปีในโรงเรียนนาฏศิลป์ ไม่อาจทำให้ท่วงท่าการร่ายรำของประโนตย์งดงามมากนัก แต่ความสวยของประโนตย์ ที่สามารถถ่ายทอดความงดงามของนางสีดา   และทำให้ผู้ชมรู้สึกเคลิบเคลิ้มไปจิตนาการการแสดง  อย่างยากที่จะหาผู้ใดในขณะนั้นเทียบได้   ช่วงเวลานี้เองที่ครูน้อย หรือสุรพล โทณวณิก   ได้มีโอกาสชมการแสดงของประโนตย์   และความสวยของเธอที่ยังคงประทับอยู่ในความทรงจำ   จึงกลายเป็นต้นกำเนิดของบทเพลง  “สีดา” ในอีก 22 ปีต่อมา แต่ภาพของหญิงสาวที่งดงาม สามารถตรึงผู้ชมได้เฉพาะบนเวทีเท่านั้น   เพราะหลังจากการแสดงจบลง  ประโนตย์ต้องสลับคราบความเป็นหญิง   และจำต้องกลับมาใช้ชีวิตปกติตามสรีระร่างกายของตน     เพราะสภาพสังคมไทยในขณะนั้น  ยังไม่ยอมรับพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ นอกเหนือไปจากการแสดงโขน   เวลาส่วนใหญ่ของประโนตย์หมดไปกับการเที่ยวเตร่กับเพื่อนฝูงตามสวนสาธารณะ อย่างเช่น สะพานพุทธ  ที่เกือบทุกเย็นจะเป็นแหล่งชุมนุมของบรรดาสาวประเภทสองในยุคนั้น   แต่สถานที่ที่ประโนตย์สามารถแสดงความเป็นหญิงได้อย่างเปิดเผยมากที่สุด ก็คือ  บ้าน   ผิดกับเพื่อนหลายคนในกลุ่มเดียวกัน  เพราะเธอโชคดีที่มีแม่ที่เข้าใจในตัวเธอมากที่สุด ดังนั้นบ้านพักของประโนตย์ในซอยสวนพลู จึงไม่เคยว่างเว้นจากการเยี่ยมเยียนของเพื่อนในกลุ่มเดียวกัน บริเวณที่เคยเป็นบ้านพักของประโนตย์ แต่เวลาที่ล่วงเลยมา ถึง 35 ปี ทำให้ปัจจุบันแทบจะไม่มีร่องรอยใดหลงเหลืออยู่   นอกจากเรื่องราวซึ่งบอกเล่าว่า ที่นี่เคยเป็นทั้งศูนย์กลางของบรรดาเพื่อนฝูง เป็นบ้านที่ประโนตย์ร่วมอยู่กินกับคนที่เธอรักมากที่สุด   และเธอได้เลือกจะทิ้งลมหายใจเฮือกสุดท้ายไว้ที่นี่ ประโนตย์เริ่มหายหน้าไปจากเวทีนาฏศิลป์โขน หลังพบรักครั้งแรกกับผู้ชายชื่อสมบูรณ์ ไม่ทราบนามสกุล   แต่เพราะความเจ้าอารมณ์ ทำให้สัมพันธ์รักต้องจบลงในระยะเวลาอันสั้น   ก่อนจะพบรักอีกครั้ง กับชายหนุ่มหน้าดีระหว่างออกแสดง ที่ต่อมากลายเป็นโศกนาฏกรรมความรักที่จบลงด้วยความตาย แต่น่าแปลก ก็คือพี่น้องของประโนตย์กลับไม่มีใครรู้จักปูมหลังคนรักของประโนตย์มากนัก       แม้ว่าบุคคลผู้นี้จะมาใช้ชีวิตร่วมชายคาเดียวกันนานถึง 7 ปี “ชีพ”  ที่ครอบครัววิเศษแพทย์รู้จัก มีชื่อจริงว่า  “สมชาติ  แก้วจินดา”   สมชาติ มีอาชีพขับรถรับจ้างอยู่ในย่านทุ่งมหาเมฆ และมีฐานะทางบ้านค่อนข้างลำบาก   แต่นั่นไม่ใช่อุปสรรค ที่ขวางกั้นต่อความรักของคนทั้งคู่ และยังเป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้คนรอบข้างในขณะนั้น ได้รู้ว่าเขารักประโนตย์มากเพียงใด   เพราะรายได้จากการถีบสามล้อ และทัพย์สินที่มีในตัวทั้งหมด   เขาได้ยกให้ประโนตย์เป็นผู้ดูแล ในยุคที่สรีระทางเพศยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้   ความกังวลใจที่ไม่สามารถให้ความสุขอย่างที่ภรรยาพึงให้กับสามี กลายเป็นความหวาดระแวงให้ความรักของประโนตย์และชีพไม่ราบรื่น   ถึงทั้งสองจะรักกันมากเพียงใดก็ตาม แม้ฝ่ายชายจะพยายามสร้างความเชื่อมั่น โดยตัดสินใจไปสาบานรักต่อหน้าศาลเจ้าพ่อหลักเมือง   หากผู้ใดทรยศต่อกัน ขอให้ผู้นั้นมีอันเป็นไป   แต่การแสดงความจริงใจของ “ชีพ”  ไม่ได้ช่วยทุกอย่างดีขึ้น   ทั้งคู่ยังคงมีปากเสียงกันบ่อยครั้ง  และความสัมพันธ์เริ่มแตกร้าว และด้วยนิสัยขี้งอน  เจ้าอารมณ์ บวกกับวาจาที่จัดจ้านของประโนตย์ ท้ายที่สุด ชีพ ก็จากบ้านในซอยสวนพลูไป และไปหวนกลับมาที่นี่อีกเลย ...โปรดติดตาม ตอนที่ 3 นะคะ.... จากคุณ : MARS_ - [ 7 ก.ย. 49 14:29:39 ]

ความคิดเห็นที่ 25 กรี้ดดดด  รออ่านต่อคะ  ทำไมต้องมาทำทีละ ขยักๆๆ ด้วย  แทนที่จะ ส่งๆๆมาให่หมดเลย เฮ่อ จากคุณ : เลดี้บอย - [ 7 ก.ย. 49 20:50:00 ]

ความคิดเห็นที่ 26 มิได้มีเจตนากั๊กเรื่องแต่อย่างใดค่ะ แต่เนื่องจากข้อมูลที่มีอยู่นั้น เป็นข้อมูลที่ต้องดูภาพประกอบด้วย  ถึงจะเข้าใจ ทำให้ต้องมีการปรับแก้ไขบางส่วน ไม่ใช่แค่ copy มา paste เฉยๆ กอปรกับมีภาระงานที่ต้องรับผิดชอบ ล่าช้าไปบ้าง  ต้องขออภัยค่ะ... ......... ช่วงสุดท้ายในชีวิต  ความรักของประโนตย์ไม่ต่างไปจากในบทเพลง ประโนตย์และชีพ เริ่มแยกกันอยู่   โดยที่ฝ่ายหลังเลือกที่จะไม่กลับมาบ้านพักในซอยสวนพลูนานหลายเดือน   แต่ฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ขาดสะบั้นลง   เมื่อประโนตย์สืบรู้ว่า  “ชีพ” ลักลอบมีความสัมพันธ์กับหญิงอื่น   วรสิทธิ์  คชสุนทร  ญาติของประโณตย์ เล่าว่า "เมื่อพี่โณตน์เริ่มระแคะระคาย  ทั้งคู่เริ่มทะเลาะกัน พี่ชีพยิ่งไม่ค่อยกลับบ้านใหญ่   พี่โณตย์ชวนผมกับเพื่อนไปลุยบ้านผู้หญิงคนนั้นที่เซนหลุยส์ แต่ไปถึงยังคุยกันไม่รู้เรื่อง เพราะพี่โนตย์เมา" หลังเหตุการณ์ถูกเปิดเผย ยิ่งทำให้ญาติสนิทฝ่ายประโนตย์ รวมทั้ง นายวรสิทธิ์  รู้สึกแคลงใจในตัว “ชีพ” มากขึ้น   นอกเหนือจากที่ไม่ชอบบุคคลผู้นี้เป็นทุนเดิมแล้ว   เพราะคิดว่า "ชีพ" จะมาหลอกลวง และปอกลอกประโณตย์ ขณะที่นางพิชญา แดงสมุทร  หลานสาวของชีพ   ซึ่งแม้ขณะนั้นจะมีอายุเพียง 10 ปี   แต่เธอก็ยืนยันว่าความสัมพันธ์ของ "ชีพ" และหญิงอีกคนในครั้งนั้น เกิดขึ้นเพราะความคับแค้นใจ   และอาของเธอก็ทุกข์ใจไม่น้อยไปกว่าอีกฝ่าย ไม่ว่าความสัมพันธ์ของ "ชีพ" และหญิงอีกคน จะเกิดขึ้นเพราะเหตุผลใดก็ตาม แต่มันก็ได้สร้างความโศกเศร้าเสียใจให้กับประโนตย์อย่างมาก   และเป็นเหตุผลที่ทำให้ประโนตย์ไม่คิดที่จะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้อีกต่อไป   สมาชิกในครอบครัววิเศษแพทย์เริ่มวิตกกังวล   เพราะเป็นที่รู้กันว่าประโนตย์มักทำร้ายตัวเองอยู่เสมอด้วยการกินยาพิษ   และผลจากการกระทำ บวกกับความตรอมใจที่สูญเสียคนรัก ทำให้ประโนตย์ในขณะนั้น ไม่หลงเหลือภาพความงดงามของนางสีดา ที่เคยสร้างความประทับใจให้กับผู้พบเห็นแม้แต่น้อย แม้ญาติหลายคนจะคอยผลัดเปลี่ยนกันเฝ้าดูพฤติกรรมของประโนตย์   แต่สุดท้ายความคิดที่จะอำลาโลกนี้ ก็ประสบความสำเร็จ   หลังพยายามฆ่าตัวตายเป็นครั้งที่ 3   ประโนตย์เสียชีวิตลงด้วยการดื่มยาพิษ ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2510 วัดหัวลำโพง คือสถานที่บำเพ็ญกุศลให้กับดวงวิญญาญที่จากไปของประโนตย์ แต่หลังจากที่งานศพเสร็จสิ้นลงเพียงไม่กี่วัน อีกหนึ่งชีวิตที่ผูกพันธ์ก็ติดตามไป เหมือนดั่งคำสาบานที่ได้ให้ไว้ต่อกัน     งานสวดศพของประโนตย์ผ่านไป 3 วัน โดยไม่มีผู้ใด พบเห็น "ชีพ" แม้แต่เงา     แต่ทันทีที่เขาปรากฏตัว   บรรยากาศภายในวัดหัวลำโพงขณะนั้น ก็ยังคงเต็มไปด้วยความโกรธแค้นของญาติพี่น้องผู้ตาย แม้ว่าในขณะนั้นเขาจะอยู่ในอาการโศกเศร้า ต่อการจากไปของประโนตย์อย่างสุดซึ้ง สุทิน  เพื่อนสนิทประโณตย์   "ตอนที่มาด้วยกันกับชีพเนี่ย เขาสวดศพเสร็จแล้ว แล้วเขาก็ปีนขึ้นไปกอดศพร้องไห้ เราก็กลัวว่าโลงมันจะโค่นลงมา ก็เลยบอกเขาไปว่า เธอจะมาร้องไห้ทำไม เขาตายก็เพราะเธอ เธอทำให้เขาตาย หลังจากที่งานสวดอภิธรรมศพของประโนตย์เสร็จสิ้นไปเพียงไม่กี่วัน   ชีพตัดสินใจฆ่าตัวตายด้วยการดื่มยาพิษ และภาพของร่างไร้วิญญาณในโลงศพที่ตั้งเคียงคู่กัน ณ วัดหัวลำโพง เพื่อรอการฌาปนกิจ   ได้สร้างความโศกสลดให้กับคนทั่วไป   และยุติความแคลงใจของคนรอบข้าง ที่มีต่อความรักของทั้งสองได้อย่างสิ้นเชิง หากยังมีขีวิตอยู่ ปัจจุบันประโนตย์จะมีอายุ 64 ปี   ความงดงามของนางสีดาที่สามารถครอบครองหัวใจใครต่อใครในโลกละคร   แต่ความสวยของประโนตย์ กลับไม่สามารถฉุดรั้งคนที่เธอรักมากที่สุดเพียงคนเดียวไว้ได้ เพราะในโลกชีวิตจริง... ความสวยเพียงอย่างเดียวนั้น   ไม่เพียงพอสำหรับความรัก นี่อาจเป็นสิ่งที่เธอมองข้ามไป ทำให้ชีวิตของเธอต้องมาถึงทางตัน และมีบทสุดท้าย คือ ความตาย ....... จบแล้วค่ะ....... จากคุณ : MARS_ - [ 8 ก.ย. 49 14:53:41 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : ว่านน้ำ - [ 8 ก.ย. 49 21:28:24 ]

ความคิดเห็นที่ 28 โห ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย ขอบคุณคุณ MARS_มากค่ะ จากคุณ : patsypacky - [ 9 ก.ย. 49 12:14:48 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ชอบคุณด้วยคนคับ  ^^ จากคุณ : ทามะจัง - [ 10 ก.ย. 49 00:15:18 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณมากๆ ค่ะ คุณ MARS T_T ฟังแล้วเศร้า แม้จะรักกันมากแค่ไหน แต่ก็ยังไม่พอ... จากคุณ : เดอะ กั้ง - [ 13 ก.ย. 49 16:24:46 ]