CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    **** บันทึกการสัมภาษณ์ความรู้สึกของเหยียนเฉิงซวี่ก่อนการเดินทางไปมองโกลเลีย ****

    บันทึกการสัมภาษณ์ความรู้สึกของเหยียนเฉิงซวี่ก่อนการเดินทางที่จะนำเอาความห่วงใยเอื้ออาทรและความซาบซึ้งใจจากผู้อุปการะเด็กทั้ง 3 ล้านคนไปกับเขาด้วย

    เหยียนเฉิงซวี่ ทูตประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกของโครงการอุปการะเด็กปี 2007 กำลังจะออกเดินทางไปยังประเทศมองโกลเลีย โดยจะนำเอาความห่วงใยเอื้ออาทรและความคาดหวังจากผู้อุปการะเด็กกว่า 3 ล้านคนในมูลนิธิ World Vison ทั่วโลกไปกับเขาด้วย นอกเหนือจากการไปเยี่ยมเยียนเด็กๆ ที่อยู่ภายใต้การอุปการะของเขาและเพื่อนๆ แฟนคลับแล้ว ยังจะเป็นการพิสูจน์ยืนยันให้เห็นว่าแม้อากาศหนาวเหน็บแสนสาหัสที่ว่านั้นก็ไม่อาจจะต้านทานความรักที่มอบให้จากนานาประเทศ โลกใบนี้ไม่ได้ถูกทอดทิ้ง และการให้การอุปการะนั้นสามารถเชื่อมต่อความรักเอื้ออาทรให้กันและกัน

    ก่อนที่จะออกเดินทาง เหยียนเฉิงซวี่ได้ให้สัมภาษณ์เพื่อแบ่งปันกับทุกคนที่ให้ความสนใจกับโครงการอุปการะเด็กถึงความรู้สึกที่ได้มาเป็นทูตในครั้งนี้และความรู้สึกก่อนที่จะเดินทางไปยังประเทศมองโกลเลีย

    ถาม... ในฐานะที่เป็นศิลปินที่มีงานรัดตัวมาก อยากจะทราบว่าเพราะเหตุใดครั้งนี้จึงยอมสละเวลาเพื่อมารับหน้าที่ทูตประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกของมูลนิธิ World Vision

    ตอบ... ในงาน Premiere Charity ของละคร The Hospital ได้เคยมีการติดต่อกับมูลนิธิ World Vision ของไต้หวัน แต่จริงๆ แล้วก่อนหน้านั้น เพื่อนๆ จากแฟนคลับกับตัวผมเองก็มีการให้บริจาคเป็นประจำเป็นผู้อุปการะในมูลนิธิ World Vision อยู่แล้ว ผมทราบว่ามูลนิธิ Wolrd Vision ได้ช่วยเหลือเพื่อนตัวน้อยที่ยากไร้ทั้งในและนอกประเทศเป็นจำนวนมาก

    จริงๆ แล้ว ผมได้เห็นจากในโทรทัศน์หรือหนังสือพิมพ์บ่อยๆ ว่ามีเพื่อนตัวน้อยที่ยากไร้เป็นจำนวนมากที่มีชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก ในใจผมก็จะรู้สึกว่าปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้ ผมหวังอย่างยิ่งว่าจะสามารถช่วยเหลือเด็กๆ เหล่านี้ได้มากกว่านี้ แต่ว่านอกจากการบริจาคอย่างเงียบๆ แล้ว ก็ไม่รู้จริงๆ ว่าจะสามารถทำอะไรได้อีก ดังนั้นในงาน Premiere Chairty ของละคร The Hospital ผมได้พบกับคุณตู้หมิงฮั่น ประธานมูลนิธิ World Vision ของไต้หวัน ในตอนนั้นผมก็เลยบอกประธานตู้ว่า "ถ้ามีเรื่องอะไรที่ต้องการให้ผมช่วย ก็อย่าได้เกรงใจ" คิดไม่ถึงว่าจะมีโอกาสได้ติดต่อกันเร็วขนาดนี้ และก็พบว่าเพียงแค่จัดการและปรับตารางงาน ก็สามารถที่จะทำให้ความปรารถนาที่จะช่วยเหลือเพื่อนตัวน้อยของผมเป็นจริงขึ้นมาได้ ดังนั้น ผมก็ต้องตอบรับด้วยความยินดีอย่างแน่นอน

    ถาม...นอกเหนือจากความสงสารที่มีให้แก่เพื่อนตัวน้อยที่ยากไร้แล้ว ไม่ทราบว่าเคยมีประสบการณ์ในอดีตอะไรที่ทำให้คุณสามารถเข้าใจรับรู้ถึงความต้องการของเพื่อนตัวน้อยได้เป็นพิเศษ

    ตอบ... อืม..ผมคิดว่าตั้งแต่เล็กตัวผมเองก็ได้เผชิญกับความยากลำบากในวัยเด็กอันเนื่องมาจากความกดดันทางเศรษฐกิจอยู่บ่อยๆ  หลายคนคิดว่าเด็กๆ น่าจะมีความสุข ได้รับการดูแล แต่จริงๆ แล้ว สภาพความเป็นจริงมักจะทำให้เด็กๆ สูญเสียสิ่งต่างๆ ที่ควรจะมีไปมากมาย ตอนที่ผมอยู่ ป. 4 - ป. 5 ก็ต้องทำงานนอกบ้านเพื่อช่วยเหลือทางบ้าน เป็นงานพวกบรรจุหีบห่อของเล่น ผมยังจำได้ว่าในตอนนั้น เดือนๆ หนึ่งผมหาเงินได้ 500 เหรียญ พวกเราไปทำงานกัน แล้วตอนค่ำพ่อก็มารับพวกเรา ในโรงงานมีเด็กโตหลายคน ผมกับพี่สาวค่อนข้างเด็กกว่าคนอื่นๆ  ต่อมาก็มีประสบการณ์เรียนไปทำงานไปอีกมาก เช่นตอนอยู่ ม. ปลาย ผมก็ทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์ อาจจะเป็นเพราะแบบนี้ ผมถึงสามารถเข้าใจรับรู้ถึงความยากลำบากอันเนื่องมาจากความกดดันทางเศรษฐกิจที่เพื่อนตัวน้อยได้รับได้เป็นพิเศษ เช่นผมรู้ว่าที่มองโกลเลียมีเด็กเร่ร่อนข้างถนนมากมายซึ่งเป็นเพราะความกดดันทางเศรษฐกิจในครอบครัวทำให้พ่อแม่มีการกระทำรุนแรงในครอบครัว  หรือไม่ก็ยากจนเสียจนกระทั่งไม่มีที่จะอยู่อาศัยก็เลยต้องออกมาเร่ร่อนตามถนน ความทุกข์ยากเหล่านี้มันหลีกเลี่ยงไม่ได้

    ถาม...การที่ได้มาเป็นผู้อุปการะ ไม่ทราบว่าจะเล่าถึงเรื่องที่ทำให้เกิดความซาบซึ้งใจหรือประทับใจที่ลึกซึ้งที่สุดได้ไม๊

    ตอบ...บ่อยครั้งในตอนที่ผมเห็นข้อมูลของเด็กๆ ที่ทางมูลนิธิ World Vision ส่งมาให้ผม ก็จะคิดว่าเด็กๆ พวกนี้ที่แท้เขามีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมยังไงกันแน่ เช่นเพื่อนตัวน้อย 2 คนที่มองโกลเลีย ในรูปข้างหลังพวกเขาเป็นท้องฟ้าสีฟ้า ทะเลทรายสีเหลือง ผมก็คิดอยู่ตลอดว่าถ้ามีวันหนึ่งที่สามารถไปเยี่ยมพวกเขาได้จะต้องไปดูบ้านของพวกเขา สถานที่ที่เขาเรียนหนังสือ

    ต่อมาผมก็รู้มาจากทางเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิ World Vision ว่าในขณะนี้ทั่วโลกมีผู้อุปการะของมูลนิธิ World Vision ที่เหมือนกับที่ผมเป็นอยู่ 3 ล้านคน แล้วทุกคนก็ช่วยเหลือเด็กๆ จำนวนมาก ดังนั้นตอนที่ผมรู้ว่าจะได้เป็นทูตของมูลนิธิ ก็รู้สึกว่าภารกิจมันหนักขึ้นมาก เพราะผมไม่ได้เพียงทำหน้าที่ของตัวเองแต่ยังเป็นการทำหน้าที่แทนทุกๆ คนในการไปเยี่ยมเด็กๆ ทั้งหมดที่ทุกๆ คนให้ความช่วยเหลืออยู่ ไปเยี่ยมยังสถานที่ต่างๆ ทั้งหมด แน่นอนว่ามองโกลเลียไม่สามารถเป็นตัวแทนโลกทั้งใบ ในความคิดของผม ผมก็ไม่สามารถเป็นตัวแทนของผู้อุปการะทั่วโลก แต่อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้สิ่งที่ผมจะนำกลับมาจากมองโกลเลีย เพื่อแบ่งปันให้กับประชาชนของไต้หวัน ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ทั้ง 7 ประเทศ ก็คือทำให้คนจำนวนมากขึ้นรู้ว่าพวกเราสามารถทำอะไรต่างๆ ได้มากมายโดยผ่านโครงการอุปการะเด็ก

    ถาม... อยากให้เล่าถึงความประทับใจและความรู้สึกเกี่ยวกับมองโกลเลีย

    ตอบ...แต่ก่อนความคิดของผมเกี่ยวกับมองโกลคือสวยมาก มีท้องฟ้าสีฟ้ากว้างใหญ่ไพศาลกับทุ่งหญ้าที่สวยงาม ตลอดมาผมอิจฉาแล้วก็ชอบชีวิตบนท้องทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่ไพศาลไร้ขอบเขต ยังหวังด้วยว่าหลังจากเกษียณแล้วจะสามารถเปิดฟาร์มเลี้ยงสัตว์ แต่ต่อมาได้ยินเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิ World Vision บอกว่าที่มองโกลอุณหภูมิเฉลี่ยในหน้าหนาวคือ - 44 องศา มีสัตว์ที่เลี้ยงไว้ตายเป็นจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้เด็กจำนวนมากจึงไม่มีอาหาร ที่บ้านไม่มีเครื่องทำความอบอุ่นอะไรเลย แล้วก็ยังมีเด็กเร่ร่อนข้างถนนที่พยายามหาความอบอุ่น โดยการหลบซ่อนใช้ชีวิตอยู่ที่ท่อส่งน้ำร้อนใต้ดิน บ่อยครั้งที่โดนลวกบาดเจ็บหรือโดนลวกจนตาย ดังนั้นฤดูหนาวจึงเป็นวันเวลาที่ทุกข์ทรมานที่สุดของเด็กๆ จำนวนมาก คิดถึงตอนนี้ ก็รู้สึกทุกข์ใจจริงๆ

    ดังนั้น ผมจึงถามเจ้าหน้าที่ตลอดว่าควรจะนำของขวัญอะไรไปให้แก่เพื่อนตัวน้อยจึงจะดีที่สุด จริงๆ แล้วผมเฝ้ารอคอยการเดินทางครั้งนี้เป็นอย่างมาก แต่ก็กลัวมากว่าพอมองเห็นสภาพที่ทุกข์ยากของเด็กๆ แล้ว ตัวเองจะ "เศร้าใจมาก" ดังนั้นตอนจัดกระเป๋าเดินทาง ก็เลยเตรียมของขวัญเล็กๆ น้อยๆ บางอย่างเป็นพิเศษ หวังว่าจะทำให้เพื่อนตัวน้อยสามารถมีความสุขได้บ้าง

    ถาม...ตอนนี้มองโกลเลียนอกกำลังเข้าสู่ฤดูหนาว ก่อนออกเดินทางไม่ทราบว่ามีการเตรียมอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า  หรือว่ามีเรื่องอะไรที่พะวง เป็นห่วงรึเปล่า

    ตอบ... เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิ World Vision บอกผมว่า ที่นั่นตอนนี้อุณหภูมิต่ำสุดโดยเฉลี่ยอยู่ที่  -6 องศา หลักๆ ก็เลยเตรียมเสื้อกันหิมะ มันแกะ อุปกรณ์อื่นๆก็เอาไปด้วย ตัวผมเองจริงๆ แล้วกลับไม่ห่วงอะไร แต่มีเพื่อนๆ เป็นห่วงว่าผมเพิ่งจะกลับมาจากออสเตรเลีย (เสร็จสิ้นการทำหน้าที่แขกรับเชิญในคอนเสริต์ของไช่อี้หลิน) ก็จะไปมองโกลเลียทันที จะเหนื่อยเกินไปรึเปล่า หรือไม่ก็กลัวว่าผมจะไม่สามารถสู้กับอากาศหนาวเย็นสุดขั้ว ชีวิตที่ไม่มีความอบอุ่นได้ ผมก็อยากจะถือโอกาสนี้บอกกับทุกคนว่า ผมสุขภาพแข็งแรงนะ ทุกคนโปรดวางใจได้ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือพวกเราจะสามารถนำเอาความต้องการของพวกเด็กๆ กลับมาได้อย่างราบรื่น ทำให้คนทั่วเอเชียรับรู้ ห่วงใย ...ได้รึเปล่า  นี่จึงจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

    ถาม...ครั้งนี้ไปมองโกลเลียนอก นอกจากไปเยี่ยมเยียนเด็กๆ ที่ได้รับการช่วยเหลือแล้ว ยังมีรายการอะไรอื่นอีกรึเปล่า

    ตอบ... มี นอกจากไปเยี่ยมเด็กผู้ชาย 2 คนที่ผมอุปการะแล้ว พวกเราจะไปสัมภาษณ์เด็กเร่ร่อนข้างถนน ไปสัมภาษณ์พวกเขาที่ท่อน้ำใต้ดินที่พวกเขาอยู่อาศัย แล้วก็ ผมยังจะไปเยี่ยมเด็กๆ และครอบครัวของพวกเขาที่มีสภาพทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมยากลำบากเป็นพิเศษ
    นอกจากนี้ ผมรู้ว่าเพื่อนๆ แฟนคลับยังมีการอุปการะเด็กอีก 29 คนในมูลนิธิ World Vision ในนามของคลับ ในนั้นมี 5 คนที่อยู่ที่มองโกลเลีย ดังนั้นในการเดินทางครั้งนี้ ก็จะเป็นตัวแทนเพื่อนๆ เหล่านี้ของผมไปพบปะกับเพื่อนตัวน้อยทั้ง 5 คนที่มองโกล ผมจะต้องถ่ายรูปมาเยอะๆ มาให้ทุกคนดูแน่ นี่มันเป็นประสบการณ์ความรักเอื้ออาทรที่พวกเรามีร่วมกัน

    จากคุณ : Bam (Wen Wen) - [ 21 ต.ค. 49 01:46:03 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com