 |
007- Alone In Love โดดเดี่ยวจนไม่อยากร้องไห้
ขึ้นต้นแทรคมาด้วยเสียงกรุ๊งกริ๊งกระพริบๆวังเวง (โดยแอบมาได้ยินเพลงไทยเพลงนึงขึ้นเหมือนเพลงนี้เด๊ะเลย คือ เพลง รักที่ผ่านพ้นไป เวอร์ชั่น เบน ชลาทิศ) แล้วมารายห์ก็เอื้อนเบาๆออกมา บรรยายความเศร้าของหญิงที่ถูกทิ้งไว้กับความเปล่าเปลี่ยว เหมือนเห็นภาพในเอ็มวี ฉันไม่อยากร้องไห้มาประกอบ มารายห์ใช้คำแทนความเศร้าเหงาได้สวยพอๆ ว่าเธอเหมือนถูกสลัดทิ้งอย่างไม่ใยดี จนเหมือนเคว้งคว้างท่ามกลางความมืดมน เหมือนเธอให้ความหวังกับฉันมากมาย สุดท้ายเธอก็ไม่ได้ให้อะไรนอกจากแค่ความหวัง เธอเหมือนทำให้ฉันตกอยู่ในวังวนที่ยากจะหาทางออก ฉันจึงเหมือนเป็นคนที่ถูกเธอทิ้งให้อยู่ในความรักอย่างเดียวดาย
มารายห์ใช้คำที่ง่ายๆ แต่ดูดี มีสัมผัสคล้องจอง มาช่วยเปิดเพลงนี้ให้น่าสนใจ จนกระทั่งเหมือนมีคุณพี่หวีดหนี มาลงทรง เมื่อท่อนคอรัสมาถึง ดนตรียุคปี90นิยม เริ่มเปิดตัว พร้อมการร้องและดนตรีที่สามารถจะโยนเพลงนี้ไปให้วิทนี่ร้องแทนได้แบบไม่ขัดเขิน มารายห์เริ่มโวยวายร้องขอความเห็นใจจากผู้ชายให้เข้าใจเธอ อย่าได้รักเธอทิ้งๆขว้างๆค้างๆแบบนี้เลย แม้ว่าเพลงนี้จะมีดนตรีข้างหลังที่ 90 มาก กับเสียงคอรัสแบบมารายห์ร่างที่ 2 มาช่วยทำให้เพลงนี้ดูเก่าโบราณมาก แต่ข้อดีของเพลงนี้ก็คือ มารายห์สามารถถ่ายทอดอารมณ์เพลงได้แตกต่างกันได้ชัดเจน ทั้งจากการสร้างสรรค์ทำนอง และการดีไซน์การร้อง
แม้ว่าใครๆจะคิดว่าเพลงนี้ไม่ต่างจาก I Don't Wanna Cry แต่ความจริงเพลงนี้มีข้อแตกต่างหลายอย่าง คือ เพลงนี้มารายห์มีส่วนร่วมในการสร้างภาคดนตรีเอง และ เชื่อแน่ว่า ไม่น่าจะก๊อปอิทธิพลมาจากนาราดา เพื่อให้เพลงนี้เป็นคู่แฝดกับเพลงนั้น (เพราะมารายห์เกลียดตานั่นจะตาย จะก๊อปมาทำไม) เพลงนี้มารายห์ให้ดนตรีที่ดูเหมือนแสดงสดกว่านิดนึง เหมือนเป็นดนตรีที่แสดงได้ในร้านอาหารในยุคนั้น โดนจำลองเสียงเครื่องดนตรีให้เหมือนความเคว้งคว้าง ความเหงา เป็นจังหวะที่ระบายอยู่เบื้องหลัง มีการประสานไลน์เสียงทั้งคอรัสและมารายห์ที่ซับซ้อนในช่วงท้าย มีการแหกปากที่เหมือนระบายความในใจจริงๆ ซึ่งต่างไปจากการแหกใน I Don't Wanna Cry ที่เหมือนเป็นการแหกเพื่อบอกลา (ทำไมเราถึงฟังว่าเธอร้องได้อารมณ์แตกต่างกันอย่างชัดเจนหนอ ทั้งที่ก็แหกปากมากเหมือนกันแท้ๆ) ชอบเพลงนี้ตรงเหมือนเป็นการร้องไห้ท่ามกลางบรรยากาศเคว้งคว้างที่ระบุไม่ได้ เหมือนลอยอยู่กลางดวงดาว ดูสวยงาม แต่ก็อึดอัด เคว้งคว้าง ไม่มีทางหนีพ้น ฟังไปแล้วเหมือนขอบตาจะผ่าวๆ อยากช่วยเหลือเธอให้พ้นจากอาการนี้ ถ้าฟังต่อกันแบบนี้ จะเหมือนกับว่า ผู้หญิงคนนี้กำลังหาทางออกกับชีวิตว่าจะทำไงดีที่จะรักษาความรักของเธอไว้ ในเมื่อทุกสิ่งไม่เป้นไปอย่างที่หวังอีกต่อไป แล้วเธอก็ตัดสินใจได้ เป็นฝ่ายขอเลิกเองทั้งที่ยังทำใจไม่ได้ใน I Don't Wanna Cry แล้วมานั่งทำใจใน Love Takes Time แล้วคิดได้ใน Someday แล้วมาด่าผู้ชายใน Prisoner (ประมาณนั้น) สิ่งเหล่านี้ ทำให้เชื่อว่ามารายห์ในหลายๆเพลงเป็นคนๆเดียวกัน เธอน่าจะเป็นคนประมาณนี้ มีความคิดอย่างนี้ในเรื่องๆหนึ่ง ซึ่งถึงแม้บางเรื่องจะไม่เกิดกับเธอโดยตรง แต่ก็เป็นการแสดงมุมมองของหญิงสาวในวัยนั้นได้อย่างชวนคิด ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมด นั่นคงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เรามีความสนิทแน่นแฟ้นกับมารายห์ในความรู้สึกเสมอ เพราะในอัลบั้มของเธอจะมีเพลงจำนวนหนึ่งที่แสดงถึงความคิดของเธอในแต่ละช่วงขณะ (แม้หลังๆจะแสดงออกถึงความคลั่งผู้ชายไปนิดก็เหอะ ก็แก่แล้วนี่หน่า เนอะ) เพลงของมารายห์อาจจะให้โพรดิวเซอร์มากมายมาทำเต็มไปหมด เต็มไปด้วยอิทธิพลของคนโน้นคนนี้ แต่สิ่งที่ปรากฏในเพลงก็ทำให้เราเชื่อว่าคือเธอคนเดิมที่เรารู้จัก และไม่ค่อยมีอะไรที่ผิดไปจากความรู้สึกของเราแบบสุดโต่ง นี่คือเสน่ห์ของเธอ แม่มาลัย (แต่ เลิฟเวอร์บอย นี่คงเป็นที่เกิดจากจิตภายในสั่งเป็นแน่แท้)
ฟัง I Don't Wanna Cry กับ Alone In Love แล้วนึกถึงเพลงหนึ่งๆที่มีท่วงทำนองคล้ายๆกัน เนื้อหาบ่นว่าถูกทอดทิ้งคล้ายๆ 2 เพลงนี้ Tamia - Stranger In My House บางคนอาจจะเคยฟังแล้ว แต่ถ้าใครอยากฟัง ก็ขอมาละกันนะคับ
ป.ล. ตอนนี้เริ่มเหนื่อยยังไม่รู้ เพราะรู้สึกว่า พอโพสเพลงที่ไม่ใช่ซิงเกิ้ลแล้ว ดูทุกคนจะสนใจลดลง ทั้งๆที่จุดมุ่งหมายของโครงการนี้คืออยากให้แฟนมารายห์รู้จัก และอิน กับเพลงของมารายห์มากขึ้น โดยเฉพาะในเพลงที่เคยข้ามๆไปไม่สนใจ แต่ยังไงก็ไม่เลิกโครงการนี้ในตอนนี้แน่ แต่หากรู้สึกไม่ไหวจริงๆ ผมอาจโพส แนะนำแค่เป็นเพลงๆไป เอาเฉพาะเพลงที่อยากแนะนำ พวกที่ไม่ค่อยหยิบมาฟังละกันนะคับ
จากคุณ :
พระนายหมื่นไร่
- [
24 ม.ค. 50 22:19:27
]
|
|
|
|
|