เปิดตัวด้วยเสียงพรมคียบอร์ดแสนเศร้า พร้อมเสียงครวญของมารายห์ ชวนนึกถึงความรักในด้านที่ผิดหวัง และแล้วดนตรีก็พลันสะบัดจากเพลงช้าไปเป็นเพลงเร็ว พร้อมกับเสียงเครื่องเป่าแปร๋น กับเสียงเครื่องดนตรีประกอบตุ๊งแช่ๆ ประหนึ่งอยู่ในงานเทศกาล เป็นการพลิกอารมณ์เพลงที่ชวนสะดุ้งแต่น่าประทับใจ

ได้ฟังอัลบั้ม มิวสิค บอกซ์ ครั้งแรก ตอนอายุ 10 ขวบ ทั้งๆที่ตอนนั้น ยังฟังเพลงง่ายๆแท้ๆ แต่กลับไม่รู้สึกประทับใจกับเพลงช้าเนิบนาบบางเบา อย่างเพลงกล่องดนตรี เพลงก่อนหน้านัก เพลงนี้เหมือนกับมาปลุกให้คนฟังตื่น ก่อนจะเดินไปเปลี่ยนหน้าเทป และฟังเธอต่อไปได้ ก่อนที่จะหลับใหลไปกับความซึ้งเศร้าโศกจากเพลงก่อนหน้าไปซะหมด สำหรับข้าพเจ้า ในการฟังครั้งแรกแล้วนั้น รู้สึกทันทีว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่ประทับใจและคิดไว้ในใจว่าจะต้องเปิดวนกลับมาฟังอีกแน่นอน

เพลงนี้เลียนแบบเพลงอารมณ์ดิสโก้โบราณที่ชอบเปิดตัวอย่างช้าๆเศร้าๆ แล้วก็พลันเปลี่ยนเข้าสู่โหมดเต้น ชวนทุกคนมาเริงร่าลืมความทุกข์ (เพลงแนวปูๆทั้งหลายแล) หลังจากร้องมั่วๆ พึมพำคิดว่าตัวเองเข้าใจความหายเพลงนี้ดีมาตั้งนาน ว่าเป็นเพลงที่กล่าวถึง การที่อยู่ดีๆ คนรักก็มาบอกรัก เธอเลยดีใจเต็มปรี่ ต้องออกตะโกนป่าวร้อง ว่า อย่างชั้นก็มีแฟนแล้วนะคะ และแอบคิดว่า การที่เพลงทำเศร้าๆตอนต้นมา ก็เพื่อที่จะแทนอารมณ์ว่า หลังจากผ่านพ้นความผิดหวังมาหลายครา สุดท้ายฉันก็ได้พบกับความรัก แม้ไม่รู้ว่าจะแท้จริงสักเพียงไหน แต่ฉันก็ยินดีที่จะเชื่อ และรักกับความรักที่ผ่านเข้ามาครั้งนี้ให้นานที่สุด เป็นความรักรื่นรมย์ที่ปนความขมอยู่เล็กๆ

แต่ปรากฏว่าพอมาดูเนื้อเพลงจริงๆแล้ว จึงรู้ว่าเราเข้าใจผิดไปเล็กๆ นี่คือเพลง ที่ว่าถึงการไปตกหลุมรักผู้ชายเจ้าเล่ห์ที่ใครๆก็บอกว่าเค้าไม่ดี เจ้าชู้ และมองผู้หญิงเป็นของเล่น แต่มารายห์ก็มาบอกว่า ชั้นไม่สน เพราะชั้นเชื่อในคำพูด(หวานๆ)ของเธอที่เธอบอกว่าชั้นคือคนที่เธอต้องการมาตลอดชีวิต และด้วยใจที่ฉันสัมผัส (อาการงมงายนั่นเอง อิอิ)  แม้ชั้นจะยังหวั่นๆใจ แต่เพียงแค่ชั้นรู้ว่า เธอนั้นต้องการฉัน มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมาปิดกั้นความรักของฉันได้อีกแล้ว (จึงโดนหลอกไปตามระเบียบ) พอมาอ่านเพลงนี้ทำให้นึกถึงเพลง Love Will Never Do (Without You) ของเจ๊เจเนทเลย ในฐานะเป็นเพลงบูชาผู้ชายของหญิงงมงายรักเหมือนกัน

อย่างไรก็ดี แม้ว่าเพลงนี้จะเป็นเพลงที่มีคู่แฝด หรือพี่น้อง อย่าง To Be Around You หรือ I’ve Been Thinking About You แต่หากพิจารณาภาพของหญิงสาวในเพลงแล้ว จะรู้สึกว่า แม้จะเป็นเพลงรักรื่นรมย์เฉลิมฉลองความรักเหมือนกัน แต่หญิงสาวในทั้ง 3 เพลง ไม่ใช่คนเดียวกัน  โดยสามารถเรียงความสาวได้ย้อนทางกับ ความเป็นจริง คือ เพลง I’ve Been Thinkin’ About You  คือหญิงสาววัยรุ่นที่อยู่ในห้วงรักจนมานั่งฝันเห็นภาพสวยงาม ในขณะที่เพลงนี้ โตขึ้นมาอีกนิดนึง มองเห็นความจริงมากขึ้น แต่ก็ยินดีตกในห้วงรัก ในขณะที่ To Be Around You กลับเป็นภาพคุณนายที่สมหวังในรัก (แก่สุด) และไม่มีอะไรทำขณะเฝ้าบ้าน เลยมานั่งร้องเพลงขอบคุณสามีและพระเจ้าแก้เซ็ง แต่ทั้ง 3 ก็เป็นเพลงที่รื่นเริงและติดหูทั้งสามเพลง และเป็นสามสาวที่คล้าย แต่ไม่เหมือนกัน ต่างคนต่างมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างไปคนละนิด ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าทั้ง 3 เพลง คือ เพงประเภทร้อยเนื้อ ทำนองเดียว แต่อย่างใด โดยเฉพาะถ้าทำอย่างที่ข้าพเจ้าทำ คือ เอา 3 เพลงนี้มาเปิดเรียงต่อกัน จะม่วนขนาด ถึงขั้นฟังแล้วต้องลุกขึ้นมาเซิ้งสะเดิดกันเลยทีเดียว



เพลงๆนี้มาช่วยปรุงโฉมอัลบั้ม มิวสิคบอกซ์ ให้ดูเป็นวัยรุ่นมากขึ้น โดยช่วยเสริมบารมีให้กับเพลง ดรีมเลิฟเวอร์ และมีเพลง ฉันกำลังคิดถึงคุณ มาเป็นของแถม ซึ่งหากไม่มีทั้ง 3 เพลงนี้ แม่มารายห์ของเราก็จะกลายเป็นศิลปินสำหรับผู้ใหญ่อย่างเต็มตัว และทำให้ภาพรวมของอัลบั้มนี้ดูเฉื่อยๆ เพราะ แต่ไม่กระฉับกระเฉง และทำให้การฟังทั้งอัลบั้มอย่างต่อเนื่องกันสำหรับคนที่ไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้เป็นไปได้ ไม่ใช่หลับกันไปก่อน ก่อนจะได้เจอกับเพลงติดหูอีกหลายเพลงที่จะอยู่หลังจากเพลงนี้ต่อไป