เพลงชื่อประมาณนี้มีบ่อยมาก ถึงมากที่สุด โดยเฉพาะสำหรับเหล่าวัยรุ่นหญิงและดิว่าสาวที่อยากยืนยันความเป็นวัยรุ่นของตัว ชื่อเพลงนี้มักมาพร้อมเนื้อหาประมาณนั่งรำพันเฝ้าฝันถึงเธอ บ้างก็แอบชอบบ้าง บ้างก็คิดถึงเธอม๊ากมากบ้าง ซึ่งเป็นอาการประจำของสาวรุ่นและ(อยาก)สาวรุ่นที่จะนั่งพร่ำเพ้อถึงเธอในฝัน ซึ่งเป็นอาการที่ไม่ค่อยเกิดกับผู้ชาย เว้นแต่ต้องการจะสร้างภาพให้หน่อมแน้มลอลลี่ป๊อปหน่อยแบบพวกวงบอย แบนด์ ไอดอลทั้งหลาย จากเพลงหลากหลายที่สรุปมา พบว่า 90 % ของชื่อเพลงนี้ เป็นเพลงที่มักจะมีเนื้อเพลงที่วัยรุ่น และมีทำนองเป็นวันรุ่นหวานแหววกิงก่องแก้วมากที่สุดในชื่อเพลงประมาณนี้

      ยกตัวอย่างเพลงที่พอจะรู้จักกันก็อย่าง Thinking About You ของป้าวิทนี่ จากอัลบั้มชุดแรกของป้าแก และเพลง Thinking About You ของ ยัยหอกบิดหนี จากอัลบั้มชุดแรกเช่นกัน จะเห็นได้ว่าเพลงชื่อประมาณนี้ถูกสร้างมาเพื่อสร้างลุคส์วัยรุ่นให้กับคนร้อง เพื่อไม่ให้คนหลงลืมเข้าใจผิดอายุที่แท้จริงของคนร้องไป

     เช่นเดียวกัน อัลบั้ม Music Box ก็เปรียบเสมือนอัลบั้มแรกของมารายห์ที่โชว์ความเป็นวัยรุ่นให้คนเห็นมากที่สุด และทำให้คนรู้จักมากที่สุด เช่นเดียวกับการเป็นอัลบั้มแรกอย่าง วิทนี่ และ บริทนี่ เพลงทั้ง 3 มีความเหมือนกันในด้านเนื้อหา และความเสร่อของทำนอง ที่ฟังแล้วเป็นป๊อปวัยรุ่นตามแต่ช่วงสมัยนิยมของแต่ละคนมาก ซึ่งเมื่อฟังในวันนั้นอาจจะไม่แปลก แต่มาฟังวันนี้ ถ้าไม่ใช่คนจากยุคนั้น ก็คงจะแอบขำๆเหมือนกัน โดยเฉพาะที่เก่าสุดอย่างของป้าวิทนี่ ที่เก่า 80 เสียงซินธ์ โพรแกรมมิ่งเจ๋อได้ใจมาก แต่อย่างไรก็ดีเพลงทั้ง 3 เพลงนี้ ก็มีคุณค่าสำคัญที่ทำให้เราไม่หลงลืมอายุของคนร้องในขณะออกอัลบั้มนั้นๆไป ลองนึกดูสิ ถ้าไม่มีเพลงเหล่านี้ พวกเราจะนึกถึงอายุของ 3 เจ๊เหล่านี้ตอนออกอัลบั้มนั้นได้อย่างไร ในเมื่อ อย่างหนูบริท ที่จากเด็กในชุดประถม หน้มน้มมหาลัยในวันนั้น มาวันนี้ดูจะกลายเป็นสาววัย 30 สำหรับพวกเราไปแล้ว จากการทำตัวแก่แดดเกินกว่าวัยไปเร็วมากๆ กับป้าวิท ที่พวกเราจำแต่ภาพเจ๊ร้องเพลง ฉันรักผัวเขา "Saving All My Love For You" ที่ภาพดูแก่ แก๊ แก่ หยั่งกะสาว 30 ปลายๆที่มานั่งบ่นถึงเรื่องคานๆ ทั้งๆที่ตอนนั้น เจ๊เองเพิ่งจะอายุ 20 เท่านั้นเอง ไม่รวมแม่มาลัยของเราเองก็ดี ที่แม้จะมีแอบมาเต้นน่ารักสดใสใน ดรีมเลิฟเวอร์ส แต่ใครจะไปอยากเชื่อ เมื่อเพลงดังของเจ๊กับการแต่งตัวของเจ๊ในยุคนั้น รวมทั้งสามี มันทำให้เรายากจะเชื่อเหลือเกินว่าเจ๊จะอายุแค่ 20 ต้นๆจริงๆ เพลงเหล่านี้จึงเป็นเพลงที่บ่งบอกตามช่วงอายุกันไป เพราะเชื่อว่าเพลงก็บ่งบอกถึงบุคลิกการร้องได้เหมือนกัน นักร้องที่แก่ขึ้น ก็ย่อมไม่อยากสร้างผลงสนที่ดูขัดกับอายุตัวเอง เว้นนางมาลัยของพวกเราที่ทำสติแตกซ้ำซ้อนขอกระชากวัยมาไล่ล่าผู้ชายใน Loverboy จนเจ๊งแล้วยังไม่รู้ตัว ยังขอทำร้ายจิตใจแฟนเพลงซ้ำด้วย Boy (I Need You) ที่แม้จะแต่งตัวดูเป็นสาววัยทีนยังไง ภาพที่พวกเราเห็นมันก็คือ หญิงวัยใกล้ 40 เสียจริต ที่หมายจะแต่งตัวกระชากวัยเพื่อใช้ในเชิงการค้า แต่หาไม่ดูสังขารตัวเองเล๊ย

       ฟังครั้งแรกๆ ขอบอกเลยว่าไม่ค่อยชอบเพลงนี้ เพราะโพรแกรมมิ่งและสรรพเสียงในเพลงนี้มันดูเชยล้าสมัยแถมโฉ่งฉ่างเสร่อเอามากๆ สู้เพลงพี่สาวทั้ง 2 อย่าง To Be Around You และ Now That I Know ไม่ได้เลย แต่พอฟังคุ้นหู แล้วนำมาฟังเรียงกัน ก็จะพบความแตกต่างในด้านดนตรีที่ชัดเจนของทั้ง 3 เพลง อย่าง To Be Around You เป็นเพลงเร็วที่โชว์ลีลาการดวลของเสียงทั้งดนตรี เสียงร้อง คอรัส Now That I Know โชว์ความสนุกสนานและชั้นเชิงการสร้างอารมณ์ร่วม แล้วเสน่ห์ของเพลงนี้ล่ะอยู่ที่ไหนหนอ


        ใครที่เคยคิดว่าเพลงนี้เป็นเพลงแถม ที่จะมีหรือไม่มีในอัลบั้มนี้ก็ได้ ขอบอกว่าคิดผิดถนัด เพลงนี้เป็นเพลงที่มีคุณค่าในตัวของมันอยู่ในแบบที่อาจถูกบดบังรัศมีจากพี่สาวทั้ง 2 ในแบบของน้องนุชสุดท้อง แต่ใน 3 เพลงนี้ อย่างที่เคยบอกในกระทู้ Now That I Know แล้ว นี่เป็นเพลงที่ทำให้มารายห์ดูเป็นสาววัรุ่นมากที่สุด ติดดินมากสุด และใครๆก็สามารถสวมวิญญาณเป็นเธอในเพลงนี้ได้อย่างไม่ยากเย็น

      เพลงนี้มาลัยทำกับทีมเดียวกับพี่สาวทั้ง 2 นั่นแล คือ David Cole ซึ่งหลังจากอัลบั้มนี้ออก ก็ถูกเจ๊แม่มะดันเน่าดึงไปช่วยปรุงโฉมเธอ ให้ออกมาในคราบสาว อาร์แอนด์บี ทันที ในBedtime Stories ซึ่งหลายๆเพลงในอัลบั้มนั้นของเจ๊แม่ ก็มีท่วงท่าลีลาไม่ต่างไปจากเพลงนี้เลย หลายๆเพลงมีบีทและโครงสร้างเพลงที่คล้ายคลึงกันเลยล่ะ เพียงแต่จังหวะจะหนืดกว่านี้นิดนึง ใครที่ชอบเพลงนี้ก็อยากจะแนะนำให้ไปฟังเจ๊แม่ในอัลบั้มนี้มาก เพราะว่านี่คือ อัลบั้มนึงของมาดอนน่าที่ฟังง่ายที่สุดเลยทีเดียวนะจ้ะ แถมแอบไพล่ชวนให้คิดว่า ถ้าเจ๊แม่เรียกว่า อัลบั้มของเธอนั้นเป็นเพลง อาร์แอนด์บี แล้ว งั้นอัลบั้ม มิวสิค บอกซ์ ของ แม่มาลัย เราก็เป็น อาร์แอนด์บีไปด้วยสิ เพราะใช้โพรดิวเซอร์ซ้ำกันมากมาย ใช้เทคนิคการแซมเปิ้ลจากเพลงโซลยุคเดียวกันเป๊ะ(Dreamlover กับ I'd Rather Be Your Lover) มีตาเบบี้เฟซมาช่วยทำเพลงช้า ตาเดวิดโคลคุมเพลงเร็ว และมีเสียงตึด ตึ่ด ตึ่ด ตึ่ด แบบที่เจ๊คิดว่านี่แหละ อาร์แอนด์บี เหมือนกันเป๊ะ แฝดนรกกลายๆจริงๆ

     ส่วนที่ดีที่สุดของเพลงนี้ ก็คือ เสียงร้อง ล่ะ จะบอกให้ เพลงนี้ มาลัยของเราร้องๆเบาๆ ไม่ตะโกนร้องแรกแหกกระเชอเหมือนเพลงพี่สาวทั้ง 2 แถมเนื้อเพลงมีอะไรบางอย่างที่ชวนให้นึกถึงเพลงพี่สาวทั้งด้วย ด้วยการใช้คำเหมือนกล่าวอ้างถึงกันกลายๆ แต่มาลัยของเราเพลงนี้ กลายร่างเป็นสาวน้อยที่เพิ่งจะรู้ตัวว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในห้วงรัก และกำลังอยู่ในอารมณ์รื่นรมย์ที่อย่างน้อยหัวใจของตัวเองก็ได้ทำงานสักที จนต้องมานั่งร้องรำพันเฝ้าฝันถึงความรักแสนหวานอย่างไม่เชื่อตัวเอง เพลงนี้เป็นเพลงที่ มาลัยแหกปากน้อยที่สุดเลยใน 3 เพลง แต่ก็ทำให้ได้เพลงที่มีรสชาติที่แตกต่างกันไป  และที่สำคัญเพลงนี้ชวนเต้นมากที่สุด เป็นการใช้เพลงสนุกมาเบรคอารมณ์เศร้าเหงารักหลังจากผ่านกันมาหลายเพลงได้เป็นอย่างดี และแล้วสุดท้ายเพลงนี้ก็กลายเป็นเพลงโปรดประจำใจเราไปได้อีกตามเคย


พิมพ์ไปพิมพ์มาเลยนึกได้อีกเพลงแน่ะ ยัยเจสสิกา ซิ้มสั้น I Think I'm In Love ไง ชื่อก็แนวนี้ เนื้อหาก็เหมือนกันเด๊ะ เพียงแต่ดนตรีและอารมณืเพลง บวกลีลาการร้องไพล่ไปกอปมาจากเพลง Fantasy มากกว่า สรุปได้ว่า ตอนสั่งแต่งเพลงนี้ ตามอตโตล่า ต้องไปยืนสั่งบอกว่า "เฮ้ย ลื้อชั่วแต่งเพลงวัยรุ่นๆให้น้องเจสหน่อยสิวะ เอาเพลงของเมียเก่าอั๊วมาผสมๆกันหลายๆเพลงนะ คนฟังจะได้ติดหูไวๆ"