เมื่อวานเป็นการรวมพลครั้งใหญ่ครั้งแรกในปีนี้ของชุมชนสังคมเพลงหลอนครับ ครั้งนี้เป็นคอนเสิร์ตแบบเต็มตัวครั้งแรกของค่าย SO::ON Dry FLOWER นับจากรวมตัวกันของสองกลุ่มคนดนตรีที่มีรสนิยมทางดนตรีในทางเดียวกัน
งานคราวนี้จัดที่ EVI ย่านเอกมัยซึ่งไปไม่ยากเลย ขนาดผมไปแถวนั้นครั้งแรกยังไม่หลงเลยครับ ตัวสถานที่เป็นลานจอดรถเล็ก ๆ ของทาง EVI เอง ก็ไม่ใหญ่สักเท่าใดนักแต่ก็เพียงพอที่จะจุผู้ชมจำนวนหลักพันได้สบาย ๆ ดูจากเมื่อคืนกะประมาณด้วยสายตาคร่าว ๆ แล้วผู้มาชมน่าจะแตะสี่หลักนิด ๆ นะครับ ซึ่งผมไม่คิดไม่ฝันเหมือนกันว่าจะมีคนชอบเพลงแนวนี้เยอะขนาดนี้ (คือหากวัดเป็นสเกลทั้งประเทศก็คงต้องบอกว่าเล็กอยู่ดี เพียงแต่ความรู้สึกผมดีใจไม่น้อยที่คนชอบอะไรคล้ายกันมารวมตัวกันราวกับงานมีตติ้งได้เยอะเกินกว่าที่คิด) อดดีใจแทนคนจัดไม่น้อย
ผมไปถึงที่นั้นตั้งแต่สี่โมงเย็น เหตุที่ไปตั้งแต่ไก่โห่เพราะผมไม่คุ้นทางเลยไปก่อนดีกว่า นั่ง ๆ เดิน ๆ แถวนั้นก็คงมีคนรู้จักให้พูดคุยบ้าง (ตามกำหนดจะเริ่มเปิดงาน + ขายบัตรตั้งแต่หกโมงเย็น) ไปถึงกำลังเห็นทีมงานทำงานกันอย่างขยันขันแข็งท่ามกลางความร้อนระอุยามบ่ายแก่ ๆ พร้อมกับการซาวด์เช็คของอัศจรรย์จักรวาล
ผมโชคดีได้มางานในฐานะ Guest เนื่องจากว่าผมเคยรีวิวอัลบั้มอัศจรรย์จักรวาลและมีทัศนคติอันดีกับค่าย โคอิชิ บอสของ SO::ON Dry FLOWER เลยชวนให้ผมไปสัมภาษณ์วงอัศจรรย์จักรวาล และ Desktop Error (ซึ่งจะได้อ่านเร็ว ๆ นี้ในรูปแบบของ E-Magazine) ตอนไปถึง ก็โชคดีที่ทีมงานซึ่งรู้จักและเคยคุยกันบ้างแล้ว ชวนเข้าไปเดินเล่นภายในงาน ส่งผลให้ผมไม่ต้องนั่งเวิ่นเว้ออยู่หน้างานคนเดียว
งานเริ่มช้าไปจากตารางนิดหน่อย อากาศตอนหกโมงเย็นยังไม่มีทีท่าว่าจะเย็นลงแม้แต่น้อย มีลมพัดเข้าไปหลอกให้ดีใจเป็นครั้งคราว แต่สุดท้ายก็ร้อนอยู่ดี คนเริ่มทยอยมา ดีเจ Spydamonkey เปิดแผ่นเรียกความสนใจจากผู้มาร่วมงาน แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีใครสนใจเท่าไรเพราะมัวแต่มุ่งจะไปบู๊ทขายซีดีกันถ้วนหน้า เรียกได้ว่างานนี้ใครพลาดอัลบั้มไหนของ SO::ON Dry Flower ก็ไปซื้อที่นี้ได้ทั้งหมด (ยกเว้น SO::ON Vol.1) แถมด้วยงานใหม่ของ Furniture และ The Observatory
ก่อนมางาน ไม่เคยคิดสาวจะเยอะขนาดนี้ แถมยังเป็นสาว ๆ น่ารักอีกด้วย (ถ้าให้ดีกว่านี้คือมาคนเดียวจะดีมากครับ เลยไม่รู้ว่าเจอแฟนบังคับมาหรืออยากมาจริง ๆ) เห็นแล้วอิจฉาอยากมีบ้างสักคน แต่สาวน่ารักจริง ๆ ครับ นั่งเฉย ๆ ดูสาว ๆ ก็เพลินแล้ว (ชักเริ่มเผยธาตุแท้)
คนเริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ Desktop Error ที่จะเล่นวงแรกขึ้นเซ็ทเครื่องเสียงไปพลาง ๆ ที่ DJ Spydamonkey เล่น สักพักคนเริ่มเต็มพื้นที่พร้อมกับการมิกซ์เพลงต่ออารมณ์ไปยังเวที Desktop Error ผมว่าเพลงของทั้งห้าหนุ่มเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการปูอารมณ์เริ่มต้นคอนเสิร์ตได้อย่างดี ผมยืนดูอยู่กับคุณปอ fakeplasticgirl โยกหัวอย่างเมามัน ทุกเพลงทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ผู้คนเริ่มโยกหัวไปมาตามจังหวะเพลง เป็นการเริ่มต้นงานได้อย่างดีเยี่ยม
จบ Desktop Error เป็นดีเจเซ็ทของ Dude Sweet ต่อ ผู้คนเริ่มทยอยไปซื้อของ น้ำเย็นและเบียร์เย็นขายดีเป็นเทน้ำเทท่า อย่างว่าละครับ อากาศมันร้อนมาก ๆ หลายคนพักเหนื่อยจิบเบียร์จิบน้ำนั่งลงพูดคุย รอดูวงต่อไปคือ Furniture จากมาเลเซีย
Furniture มีสมาชิกด้วยกันหกคน ชายห้าหญิงหนึ่ง ความเก๋ที่ต่างไปจากวงแนว Shoegaze ทั่วไปคือมี การใช้เสียงทรัมเป็ต ไวโอลิน และฟลุ๊ต เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ผมดูพวกเขาเล่นนี้เป็นอึ้งเลยเพราะเครื่องดนตรีที่ว่ามา เขาใช้เหมือนประหนึ่งเสียง noise นะครับ คนละอารมณ์กับ Slur ที่เสียงทรัมเป็ตจะเด่นชัดเจนกว่า
ผู้คนโห่ร้องปรบมือต้อนรับ Furniture หลายคนเคยฟังเพลงของพวกเขาจาก Myspace แล้วต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเจ๋ง ปกติเรามักจะเฉย ๆ กับเพลงที่ไม่คุ้นเคยใช่ไหมครับ แต่กับโชว์ของ Furniture แล้ว คนดูสนุกมากพอ ๆ กับเหงื่อที่ผุดออกมาเต็มหน้า เครื่องเสียงในงานอยู่ในขั้นดีทีเดียว ผมยืนอยู่ด้านขวาใกล้ ๆ ห้องน้ำ ได้ยินเสียงชัดมาก โดยเฉพาะเสียงทรัมเป็ตและฟลุ๊ต จนต้องลุกขึ้นยืนดู (ตอนแรกนั่งเพราะเหมื่อยมากครับ) แล้วก็อึ้งกับความครีเอทของพี่ท่านไม่น้อย โดยเฉพาะกับเพลงสุดท้ายที่เมโลดี้ติดหูคนฟัง ผมโยกหัวตามจังหวะเพลงไปพร้อม ๆ กับผู้ชมคนอื่น ๆ ปิดการแสดงเสร็จเสียงปรมมือดังอย่างล้นหลาม พร้อมกับบู๊ทขายซีดีที่คนพุ่งกันเข้าไปจับจองเป็นเจ้าของซีดี
จบการแสดงวงหลัก ดีเจเซ็ทก็จะขึ้นทันที แต่ผมเหนื่อยและขอพักเอาแรงเลยนั่งดีกว่า (ซึ่งคนดูส่วนใหญ่ก็จะนั่งกัน) แถมเพลงมันตึ๊บ ๆ เนือย ๆ ยังไงไม่รู้เลยยิ่งฟังแล้วพาลเหนื่อยไปกันใหญ่ (ปกติผมชอบฟังพวกดรัมแอนเบสที่สนุก ๆ โหด ๆ กรณีนี้ดีเจเซ็ทชุดนี้อาจจะเป็นกับผมคนเดียว) ไม่นานนัก ศิลปินคนที่สามก็ขึ้นโชว์ เขาคนนั้นเป็นมือกลอง ชื่อว่า Tatsuya Yoshida
เฮียแกนี้พลังแรงเหลือเกิน โซโล่กลองคนเดียวอย่างเมามัน ราวกับมีคนมาช่วยตีอีกเพียบ ทำเอาคุณมนต์มือกลองวงอัศจรรย์จักรวาลที่เล่นต่อมีเครียด แรก ๆ ก็สนุกดีครับ ดูแกตีแล้วแบบว่า โอ้ว!!! สุดยอด แต่สักพักไม่นานก็ชักเริ่มชินและเบื่อ เลยกลับไปนั่งเพราะปวดเท้ามาก ๆ อากาศไม่ได้ลดความร้อนลงเลย เหงื่อเม็ดโป้งปรากฎอยู่บนใบหน้าของทุกคนจนทีมงานเครียดเอาไม่น้อยกลัวคนร้อนจนไม่สนุก
ลืมเล่าว่างานนี้มีกราฟฟิคด้วย สามวงแรกตั้งแต่ Desktop Error ถึง Tatsuya Yoshida เห็นฝีมือของกลุ่ม B.O.R.E.D โดยจะเอาภาพถ่าย ภาพวิดีโอมาตัดต่อให้เข้ากับอารมณ์และเรื่อง ผมชอบวิดีโอภาพซิลลูเอทท์ (ภาพย้อนแสง ตัววัตถุจะมืด) คนสูบบุหรี่ในช่วงการแสดงของ Desktop Error มาก ๆ เลยครับ เก๋สุด ๆ
นั่งรอเวลา เม้าท์ ๆ กันสักพัก อัศจรรย์จักรวาลก็ขึ้น พร้อมกับเพลง ร่างกาย ก็กระโดดกันสนุกสนาน สี่เพลงต่อมาเป็นเพลงหลอนหมด เริ่มจาก พัดลม พอ ไม่เคยรู้ และ Reverse เพลงก็จะอารมณ์เนิบ ๆ หลอน ๆ นะครับ แต่ซาวด์นี้ทรงพลังจริง ๆ ไฮไลท์ของอัศจรรย์จักรวาลก็คือ ในเพลง Reverse ซึ่งเป็นเพลงสุดท้าย อยู่ดี ๆ คุณต้อม มือกีตาร์ก็กระโดดลงมาด้านล่างเวทีเสียอย่างนั้น แถมเมื่อขึ้นไปใหม่ก็คว้าเอากีตาร์โปร่งทำท่าจะทุบ ทำเอาคนดูและสมาชิกในวงลุ้นว่าจะทุบจริงไหม (แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทุบ) แถมยังไปยุ่งกับแอมป์กีตาร์อีก ผมนึกว่าจะพังแอมป์คาเวทีเสียแล้ว (มารู้เหตุผมทีหลังจากได้คุยกับอัศจรรย์จักรวาลคือ เอฟเฟคส์กีตาร์เจ๊งครับ ตอนซาวด์เช็คยังดีอยู่เลย เพราะผมก็ดูอยู่ ในเมื่อเอฟเฟคส์เจ๊ง พี่ต้อมก็ไม่รู้จะทำอะไรเลยจัดการซะ)
กราฟฟิคตั้งแต่วงอัศจรรย์จักรวาลเป็นต้นไปรับผิดชอบโดย Duck Unit ความเก๋ก็คือเป็นการสเกตช์ภาพแนว abstract นิดหน่อยสื่อความหมายความรู้สึกของเพลงออกมา ผมชอบกราฟฟิคของเพลง พอ (เพลงที่สี่ที่เป็นจุด ๆ ในปกซีดี) มาก คือเพลงนี้เป็นเพลงเกี่ยวกับคน ๆ หนึ่งที่แยกฝันออกจากความจริงไม่ได้ คนที่เราฝันเราแยกไม่ออกว่าเฮ้ย เขาไม่มีจริงนะ เป็นความรู้สึกทรมานอะไรทำนองนี้ แล้วภาพมันแบบว่า โอ้ว!!! ใช่เลย
จบอัศจรรย์จักรวาลด้วยเสียงปรบมือที่กึกก้องแล้ว ดีเจจาก Dude Sweet ก็รับหน้าที่ขับกล่อม ซึ่งเพลงก็สนุก ๆ ดีครับ ตอนแรกผมเข้าใจว่าวงที่จะเล่นต่อเป็น Goose แต่ความจริงแล้วเป็น The Observatory แทน
ช่วงนี้มีน้องหลายคนที่รู้จักกันถามผมว่า โคอิชิไม่เล่นหรอพี่ ผมเห็นพี่โคอิชิเดินอยู่พอดี ก็เลยถาม ได้คำตอบว่า ไม่ไหววะ พร้อมกับหัวเราะอย่างเฮฮา ก็เอาเป็นว่างานคราวนี้โคอิชิเว้นว่างนะครับ
ผมเคยฟัง The Observatory ชุด Time of Rebirth ซึ่งเป็นชุดที่สองและดังทีเดียว ชุดนั้นเป็นเพลงฟังสบาย ๆ ฟังก่อนนอนนี้ใช่เลย พอมาชุดนี้รู้สึกซาวด์ที่เคยได้ยินชักไม่คุ้นเคย ทำไมเพลงชุดใหม่มันหลอนกว่าเดิมเยอะเลยฟ่ะ มีแค่เสียงนักร้องนำอย่างเดียวที่พอทำให้ผมยังจำได้ว่าฟัง The Observatory อยู่นะเฟ้ย
The Observatory เล่นนานมาก ๆ นานจนคนที่มารอดูกูสโดยเฉพาะบ่น (คนที่ดูกับผมนี้แหละ 555) ลองจับเวลาคร่าว ๆ พวกเขาใช้เวลาเกือบชั่วโมงนะครับ หลายคนที่ไม่เคยฟัง ไม่เคยรู้จักต่างหากันนั่งกับพื้นนั่งเม้าท์กันอย่างเมามัน ส่วนกราฟฟิคที่ชอบเป็นนาฬิกาแบบตัวเลขครับ แต่ใช้มือเขียนเอา จับเวลากันเลย
มาถึงกับวงไฮไลท์อย่าง Goose คนพร้อมใจกับอัดแถวไปข้างหน้า ผมเป็นคนหนึ่งที่ปกติชอบยืนข้างหลังก็ยังไปข้างหน้าเช่นกัน ความร้อนของอากาศไม่ร้อนเท่าดีกรีความมันของเพลง ผมเคยดูกูสมาหลายเวที ยอมรับอย่างหนึ่งนอกจากฝีมือแล้วคือพวกเขาพิถีพิถันมากในการเลือกเพลงมาเล่น รวมถึงการเรียงเพลงต่าง ๆ ให้อารมณ์มันสอดคล้องกัน
กูสเริ่มด้วย Disappear Son ที่ทำเอาผมขนลุกไม่น้อย ต่อด้วย Another Try อาร์ทกับบะให้สัมภาษณ์ในแฟตว่าเขาพยายามจะเล่นเพลงที่ไม่ค่อยได้เล่นเท่าไร คราวนี้เราจึงไม่ได้ยินเพลงอย่าง ไหม้ เวลาที่มี ทิ้งฉันไว้ ฯลฯ เพลงที่ผมว่าทรงพลังมาก ๆ (ซึ่งในบรรดาเพลงของกูสทั้งหมด ผมชอบเพลงที่สุด) นั้นก็คือ ลั่นทม ตอนเสียงโน้ตตัวแรกดังจากกีตาร์ของอาร์ท ผมขนลุกไปทั้งตัว ช่วงโซโล่นี้โยกหัวอย่างเมามันไม่เกรงใจคนข้าง ๆ ทั้งสิ้น
ทุก ๆ เพลงทรงพลังมาก เสียงปรบมือดังลั่นทุกครั้งที่เพลงจบ กูสปิดท้ายด้วย รู้สึก เพลงจาก Ghosted Note โต้งนักร้องนำสร้างความงงให้กับคนดูเล็กน้อย ด้วยการร้องเสร็จแล้วเดินลงเวทีไปเลย ปล่อยให้อีกสี่คนที่เหลือจัดการโซโลกันต่อไปอย่างเมามัน พอจบแล้ว โต้งเดินขึ้นมาบนเวทีอีกครั้งพร้อมกับกอดคอขอบคุณคนดู ท่ามกลางเสียงปรบมือและตะโกนเอาอีก ๆ นานร่วมสิบนาที
แต่นี้เป็นอังกอร์ที่ไม่เกิดขึ้นครับ สงสัยต่อไม่ได้เพราะเลยเวลา ตำรวจคงเข้ม
. คนดูก็บ่นกันว่าโอ้ว อยากดูอีก ยังไม่หายมันเลย แต่สุดท้ายก็เหมือนเดิมคือจบครับ โคอิชิขึ้นมาบนเวทีขอบคุณคนดูแล้วก็เดินลงเวทีไปแบบงง ๆ จนคนดูก็งงตามว่าเฮ้ย จบแล้วจริงอ่ะ ไม่น่ะ
งานจบผมอยู่คุยกับอัศจรรย์จักรวาลอีกสักพัก ขยะเกลื่อนกลาดเต็มไปหมด ๆ พี่เขาบอกว่าเดี๋ยวต้องอยู่ต่อเพื่อเก็บขยะครับ อยู่ SO::ON Dry FLOWER ต้องทำทุกอย่าง 555
คอนเสิร์ตจบราว ๆ เที่ยงคืนกว่า คนทยอยกันกลับบ้าน เป็นคอนเสิร์ตที่เรียกได้ว่าสุดคุ้ม เงินเพียงสองร้อยบาทได้ดูกันขนาดนี้ ใครพลาดงานนี้งานคราวหน้าห้ามพลาดด้วยเหตุผลประการทั้งปวง
น่าเสียดายผมไม่มีอะไรไปบันทึกภาพเลยนอกจากความทรงจำ ใครมีรูปหรือไฟล์วิดีโอก็ฝากโพสต์ให้ชมกันบ้างนะครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ
แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 50 11:36:27
จากคุณ :
I will see U in the next life.
- [
1 เม.ย. 50 18:38:44
]