Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    รหัสชีวิต : รักในสิ่งที่ทำ ทำในสิ่งที่รัก

    กำลัง Install Programs อยู่ ว่าง ๆ เลยอ่านเวบไปเรื่อย
    เจออันนี้เข้า อดีตแม่ยก อดใจไม่ไหว เอามาให้เพื่อน ๆ อ่าน

    http://www.bangkokbiznews.com/bodyheart/20070202/news.php?news=column_22757480.php


    รหัสชีวิต

    เรื่อง : เพ็ญลักษณ์ ภักดีเจริญ
    ภาพ : ศุภชัย เพชรเทวี

    รักในสิ่งที่ทำ ทำในสิ่งที่รัก

    ชายหนุ่มคนนี้ไม่เคยเรียนดนตรีในมหาวิทยาลัย แต่เขาเป็นอาจารย์สอนดนตรีในมหาวิทยาลัย เพราะความรู้ความสามารถในการเล่นดนตรี และความเชี่ยวชาญในการเล่นเบสมากกว่าดนตรีชิ้นอื่นๆ

    เขาเลือกทำในสิ่งที่ตัวเองรัก เพราะบรรยากาศในครอบครัวเอื้อให้เขาอยากเรียนรู้ดนตรี ยามว่างพ่อของเขาเล่นเปียโน พี่ชายเล่นกีตาร์ โดมค่อยๆ ซึมซับเรื่องดนตรี จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต

    ปัจจุบัน โดม หโยดม เป็นอาจารย์สอนดนตรี สาขาดนตรีแจ๊ส คณะดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร และเป็นนักดนตรี นักแต่งเพลง เคยทำงานให้ศิลปินหลายคนและร่วมแสดงคอนเสิร์ตมากมาย เขาร่ำเรียนจบคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แต่ไม่ได้ทำงานในวิชาชีพนี้เลย เขาหันมาเป็นนักดนตรีเล่นเบสนานกว่า 15 ปี จนผันตัวมาเป็นอาจารย์สอนดนตรีประมาณ 3-4 ปี

    "ตอนเด็กๆ ผมฟังพี่สาวพี่ชายเล่นดนตรี ฟังบ่อยๆ ก็เลยรู้สึกชอบ พี่ชายสอนให้ผมเล่นเบสตั้งแต่อายุ 11 ปี หลังจากนั้นผมก็แกะเพลงเล่นเอง ฝึกฝนด้วยตัวเองและเล่นกับเพื่อนๆ จนได้มาเล่นดนตรีกับอาจารย์สมเจตน์ และอาจารย์ผดุง นักดนตรีแจ๊สรุ่นเก่า และได้เรียนรู้กับอาจารย์อานนท์ ศิริสมบัติวัฒนา ตอนนั้นเขาเปิดสอนดนตรีแจ๊ส ผมได้เรียนรู้จากอาจารย์คนนี้เยอะมาก"

    โดมเล่าถึงจุดเริ่มต้นของการเรียนดนตรีจากนักดนตรีแจ๊สรุ่นใหญ่ ทำให้เขาได้ค้นพบความสุขมากมายในชีวิต

    เมื่อรู้ว่า การเล่นดนตรีคือ สิ่งที่เขาต้องการมากกว่าสิ่งอื่นใด แม้กระทั่งการเรียนในห้องสี่เหลี่ยม โดมบอกว่า ไม่ค่อยชอบเรียนหนังสือ มักจะหนีเรียนไปเล่นดนตรีและกีฬา และหาเวลาตอนกลางคืนไปเล่นดนตรี

    "ผมรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องทำอย่างที่คนอื่นทำ ไม่จำเป็นต้องอยู่ในกรอบ คิดว่าชีวิตไม่ได้มีแค่นี้ ไม่อยากทำเหมือนคนอื่น เรียนจบแล้วก็ไปเรียนเมืองนอก หรือไม่ก็แต่งงาน ทำงานบริษัทแล้วก็หาเงิน ชีวิตยังมีทางเลือกอื่นๆ อีก ผมค่อนข้างเป็นคนที่ตามใจตัวเอง ก็เลยคิดว่าน่าจะมีช่องทางอื่นๆ ที่เป็นอิสระ สามารถเลี้ยงตัวเองได้ แม้การเป็นนักดนตรี บางคนจะบอกว่าไส้แห้ง แต่ผมก็ภูมิใจ"

    แม้รายได้จากการเล่นดนตรีจะไม่มากนัก แต่เขาก็เลือกทำงานอิสระ อยู่ที่ว่าต้องรู้จักปรับตัวเรื่องการใช้จ่าย เพราะอาชีพนักดนตรี ถ้าขยันก็จะมีรายได้ใช้จ่ายไม่ใช่น้อย

    ช่วงที่เขาเล่นดนตรีตอนกลางคืน บางเดือนก็มีรายได้เยอะ เขาจะไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เพราะชีวิตไม่ชอบเป็นหนี้ ไม่ชอบซื้อของเงินผ่อน อยากใช้ชีวิตสบายๆ เพราะชีวิตช่วงนี้ค่อนข้างอิสระ ยังไม่มีครอบครัวและไม่ต้องเช่าบ้าน ส่วนใหญ่เขาจะเสียเงินไปกับการท่องเที่ยว เพราะเคยเดินทางไปเนปาลแล้วติดใจธรรมชาติและวัฒนธรรมในประเทศนั้นๆ

    "ชีวิตผมไม่จำเป็นต้องซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ หรืออุปกรณ์เครื่องดนตรีที่ออกรุ่นใหม่ๆ ผมจะบอกเด็กๆ ที่สอนเสมอว่า การใช้อุปกรณ์ดนตรีให้เน้นความถนัดในการเล่น เพื่อใช้พัฒนาการเล่นดนตรีของตัวเรา เพราะผมเองก็ยังใช้เบสตัวเก่า ไม่ได้ซื้อใหม่"

    เขายอมรับว่า ชีวิตไม่ทุกข์มาก ไม่สุขมาก มีความสุขตามอัตภาพ และชอบอ่านหนังสือธรรมะ ส่วนใหญ่อ่านหนังสือของท่านพุทธทาส หลวงปู่ชา อ่านแล้วก็นำมาใช้กับชีวิต อย่างเรื่องการยึดมั่นถือมั่น แม้ตอนนี้จะยังทำไม่ได้ในเรื่องการละตัวตน แต่ก็พยายามอย่าให้มีตัวเรามากเกินไป

    "ชีวิตผมไม่ต้องดิ้นรนอะไร เพราะผมไม่ชอบการช่วงชิง ก็อยู่สบายๆ ง่ายๆ แม้จะไม่มีบางอย่างในชีวิต ก็ไม่เดือดร้อน บางคนบอกว่า ผมไม่ค่อยทะเยอทะยาน ไม่กระตือรือร้น"

    ถ้ามองย้อนชีวิตที่ผ่านมา เขายอมรับออกจะเป็นคนขี้เกียจ ปล่อยให้ชีวิตเป็นไปตามครรลองของมันเอง และไม่ชอบการต่อสู้ช่วงชิงเรื่องใดๆ ขอเพียงได้ใช้ชีวิตอิสระต่างจากคนอื่นๆ อย่างตอนเช้าคนทำงานทั่วไปต้องเบียดเสียดแย่งกันขึ้นรถไปทำงาน แต่เขามีเวลากับตอนเช้าที่สดใส เดินเอื่อยๆ ออกไปใส่บาตร แล้วเดินกลับบ้านสบายๆ

    เท่าที่ผ่านมา เขาเคยมีผลงานแต่งเพลงให้นักร้องหลายคน ตั้งแต่ มาร์ค ตยางคานนท์ น้องเม-รัตติกาล(ลูกทุ่ง) และชุติมา(โอ๋) และเวลาว่างของเขาก็จะแต่งเพลงและแสดงคอนเสิร์ตกับเพื่อนนักดนตรี

    "อีกมุมหนึ่งผมเป็นคนชอบแต่งเพลง หากมีคนชอบเพลงของเรา ผมก็ดีใจ แต่วงการนี้หาเงินจากการแต่งเพลงได้ยาก ช่วงนี้ผมก็เลยหยุดแต่งเพลง บางครั้งก็ท้อ เพราะเรื่องเงินค่าตอบแทนเป็นไปได้ยากมาก ทั้งๆ ที่กว่าจะทำอัลบั้มออกมาก็ยากมาก แต่เพลงก็ถูกวางขายตามแผงเหมือนของขายในกระบุง ในอนาคตผมอยากเอาเพลงที่แต่งไว้มาทำเป็นอัลบั้ม แต่ยังมีปัญหาเรื่องเงิน" โดมเล่าถึงปัญหาการทำงานเพลง และเขาย้อนถึงความสุขเล็กๆ ในชีวิตว่า

    "เวลาผมเล่นดนตรี แค่มีคนนั่งฟังเราอย่างตั้งใจโต๊ะเดียว ผมก็มีความสุขแล้ว เพราะนั่นย่อมดีกว่ามีคนนั่งอยู่เต็มร้าน แต่ไม่มีคนฟัง"

    จะว่าไปแล้วสีสันดนตรีแจ๊สกับชีวิตของเขาก็ไม่ต่างกัน เพราะเขาไม่อยากใช้ชีวิตในกรอบเหมือนคนในสังคม

    "ก่อนผมจะเล่นดนตรีสไตล์แจ๊ส ผมเริ่มจากการฟังแจ๊ส พอฟังแล้วก็รู้สึกชอบ จึงค่อยๆ ศึกษาหาความรู้ด้วยตัวเอง ประกอบกับนิสัยผมชอบอิสระ การเล่นแจ๊สปล่อยให้เราเล่นเป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่ ผมได้สื่อสารดนตรีออกมาจากใจ ไม่จำเป็นต้องเล่นไล่ตามตัวโน้ต"

    ดนตรีแจ๊สในความรู้สึกของเขา ก็เหมือนกับการใช้ชีวิตของเขา



    สาวน้อยปะแป้ง

    จากคุณ : pka - [ 26 เม.ย. 50 13:35:04 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom