( ก่อนอื่น ต้องขออนุญาตคนที่จองเขียนเพลงนี้ไว้ดั้งเดิม คือ คุณ RemySexyCool นะคับ เพราะว่ามีคนเร่งให้ถึงอัลบั้มเดย์ดรีมแล้ว ผมเลยต้องขออนุญาตเขียนแทนไปก่อนนะคับ แล้วขอให้คุณเรมี่มาเล่าเรื่องราวเสริมให้เพลงนี้สมบูรณ์ขึ้นเนาๆ รออ่านต่ออยู่นะคับ----)
ไม่เคยสนใจเพลงนี้เลย จำได้ว่าอัลบั้ม มิวสิคบอกซ์ นี่เป็นอัลบั้มที่ไม่ค่อยชอบเป็นอย่างมาก เพราะมีแต่เพลงง่อยจัดเรียงกันอยู่เป็นพืด โดยเฉพาะเพลงหน้าบีอย่าง Just To Hold You Once Again - เพลงนี้ แล้วก็ Everything Fades Away นี่แทบแยกกันไม่ออก รู้แต่เพลงมันทึมๆ เศร้าๆ คล้ายกันไปหมด ไม่นับเนื้อหาที่ทำนองเดียวๆกันอีกต่างหาก เลยแทบไม่เคยสนใจเพลงนี้เลย รู้แต่ว่าเพลงนี้มันประมาณนี้ๆนะ แต่ไม่สนใจจะฟัง
จนวันหนึ่ง ได้ฟังคลิปร้องเองของสาวทีน่า บอร์ดเรา ที่ได้เอามาโพสลงในบอร์ด ปรากฏว่าเธอร้องได้น่าประทับใจมาก (สนใจฟัง ตามไปฟังที่บลอกผม ตามลิงค์นี้คับ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=pranai&month=04-2006&date=05&group=1&gblog=3 ขออนุญาตทีน่านะจ้ะ ) ทำให้ผมรู้สึกว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่มีเมโลดี้ที่สวยมาก และมีความเศร้าหม่นเด่นชัดในตัว ฟังแล้วรู้สึกได้เลยถึงความผิดหวัง และสามารถเข้าใจในอารมณ์เพลงได้โดยไม่ต้องกางเนื้อตามเลย
รีบค้นไฟล์เพลงนี้กลับมาฟังใหม่ทันที เหลือเชื่อ ว่ารู้สึกว่าตัวเองอินไปกับเพลงนี้ได้อย่างน่าประหลาดใจ เสียงดนตรีอ้อยอิ่งเหมือนเสียงสายฝนที่โปรยปรายเบาๆตอนต้น พาเราดำดิ่งไปสู่ความเศร้าในวันฟ้ามืดหม่นได้ในทันที คล้ายๆกับการเริ่มอารมณ์ในเพลง Can't Let Go ที่มีท่อนเอื้อนฮึมฮำแสดงอารมณ์ก่อนนำเข้าสู่เนื้อหาของเพลงที่แท้จริง แล้วมารายห์ก็เริ่มเอื้อนเอ่ยเล่าเรื่อง ซึ่งเพียงแค่ประโยคแรก ความบาดใจก็ของประโยค ก็แทงเข้าหัวใจของคนที่มีชีวิตอยู่ด้วยความรักอย่างเราในทันที
มารายห์ถ่ายทอดความรู้สึกของคนแอบรักมาได้อย่างตรงจุดและตรงใจของคนทั่วไป ที่ล้วนแต่น่าจะเคยแอบรักในสิ่งที่ดูเหมือนไกลเกินเอื้อม แต่เมื่อรักไปแล้วก็ไม่รู้ว่าจะควบคุมจิตใจไว้ใต้เหตุผลได้อย่างไร เพราะรู้ดีว่าตัวเองคงไม่มีความหวังให้พอหวังได้เลย กับสิ่งที่ดูแสนไกลเกินไปเหมือนกับความฝัน
หลายๆครั้งที่เคยนึกว่า หากใครคนนั้นรู้ว่ามีใครคนนึงแอบรักเค้ามากมายจนยอมแลกชีวิตได้แล้วเค้าจะรู้สึกเช่นไร จะสมเพช สงสาร ในความบ้าและคิดไปเองของเราหรือไม่ เพราะเราเองมันบ้าบอเหลือเกินที่เมื่อตกอยู่ในห้วงรักแล้ว ก็ยินดียอมจะแลกทุกสิ่งทุกอย่างที่มีเพียงเพื่อจะได้รู้ใจเค้า และหากมันพอจะเป็นจริง ก็คิดว่าทุกสิ่งที่อย่างที่รอคอยมาในชีวิตที่ไม่เคยคาดหวังกับอะไรนี้คงจะสมบูรณ์แล้ว
แม้ว่าอาจจะมองว่าเป้นสิ่งที่บ้าเหลือเกินหากใครสักคนจะพูดว่ามีชีวิตอยู่เพียงเพื่อความรัก แต่เมื่อเผลอใจให้เชื่อว่านั่นคือความรักแล้ว ก็ยินดีที่จะยอมทำทุกสิ่งเพียงเพื่อให้ความรักเป็นจริง แม้รู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้เลยก็ตาม เช่นเดียวกับมารายห์ที่ถ่ายทอดอารมณ์ความผิดหวังนี้ออกมาได้อย่างสวยงามซึมลึกในตอนต้น แล้วค่อยๆปลดปล่อยความทุกข์ตรมออกมาทีละนิด พร้อมกับเหตุผลที่เราต้องยอมจำนน จนนำเราไปสู่อารมณ์ที่พีคสุดในช่วงหลัง ซึ่งเหมือนกับเรากำลังฟังเธอร้องไห้ออกมาพร้อมๆกับการร้องเพลง ซึ่งมันไม่ใช่เกิดจากความรู้สึกว่า เศร้าเพราะไม่ได้เธอ แต่นั่นคือความรู้สึกอัดอั้นกดดันต่อชีวิตต่างหาก เมื่อรู้ว่า แม้จะพยายามอย่างไร เธอก็คงไม่มีทางหันมอง
ชอบเพลงพี่สาวแอบรักอย่าง Can't Let Go ตรงที่ ความดิบ ตรงในสำนวน และเนื้อหาเพลง ชอบ My All น้องสาวตรงความเหงาและรันทด แต่เพลงนี้เป็นเพลงกึ่งกลางของทั้งสอง ตรงที่ Can't Let Go ให้ภาพแห่งความสว่าง แต่ My All ให้ภาพแห่งความมืดมนในยามดึก เพลงนี้ก็คือกึ่งกลางระหว่างทั้งสอง คือ เป็นภาพของหญิงสาวที่นั่งรำพึงอยู่ในห้องยามฝนตกพรำยามเย็น แล้วนึ่งรำพึงถึงโชคชะตาของตนเอง โดยมีความเด่นที่ความคมคายของคำพูดที่เป็นเชิงตัดพ้อ และสามารถถ่ายทอดความเศร้าออกมาได้บาดใจคนทั่วไป
จากคุณ :
พระนายหมื่นไร่ 
- [
4 พ.ค. 50 17:21:10
]
032- All I've Ever Wanted วิวัฒนาการแอบ พี่สาว Can't Let Go น้องสาว My All
