Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    ทำไมนักร้องนักแต่งเพลงอย่าง เกลน แคมป์เบลล์

    บ่อยครั้งที่คอเพลงอดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมนักร้องนักแต่งเพลงอย่าง เกลน แคมป์เบลล์ (GLEN CAMPBELL) ผู้มีผลงานฮิตติดชาร์ต TOP-10 ถึง 27 เพลง

    อาทิ BY THE  TIME I GET TO PHOENIX GALVESTON และ RHINESTONE COWBOY อัลบั้มขายทั่วโลกร่วม  50 ล้านก๊อบปี้ รางวัลแกรมมี่ 5 รางวัล อีกทั้งเคยเล่นกีตาร์แบ็กอัพให้กับนักร้องชื่อดังมาแล้วนับไม่ถ้วน  อาทิ  เอลวิส เพรสลีย์ และแฟรงค์ ซิเนตรา  ฝีมือการเล่นกีตาร์ 12 สายไม่มีใครทาบ แต่ทำไมถึงไม่มีนักวิจารณ์กล่าวชมเชยยกย่องเขาถึงขั้นระดับตำนาน  เหตุผลอาจเป็นเพราะพฤติกรรมส่วนตัว เกลน แคมป์เบลล์ เป็นคนชอบดื่ม  ครั้งหนึ่งเคยติดโคเคนชนิดถอนตัวไม่ขึ้น  เมื่อเมาหรือตกอยู่ภายใต้ฤทธิ์ยา  เขามักควบคุมตัวไม่อยู่  เคยอาละวาดทำความเสียหายให้กับห้องพักโรงแรมหรู  เคยตวาดผู้โดยสารวีไอพี  ขณะนั่งอยู่บนเครื่องบินกลางอากาศ ปัจจุบันหันมาพึ่งศาสนาเป็นเครื่องบำบัดจิตใจ ชีวิตกลับเข้าที่ อดีตเต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจ

    เกลน  แคมป์เบลล์  มีชื่อเต็มว่า  GLEN  TRAVIS  CAMPBELL เขาเกิดเมื่อวันที่ 22  เมษายน ค.ศ. 1936 ที่เมืองบิลส์ทาวน์ (BILLSTOWN) รัฐอาร์คันซอ ครอบครัวยากจน เขาเป็นหนึ่งในจำนวนพี่น้อง 11 คน  ยามเด็กต้องทำงานเก็บฝ้ายตามไร่ ช่วยเลี้ยงครอบครัว  ไม่ได้เรียนหนังสือตามหลักสูตรเหมือนเด็กคนอื่น  แต่เกลนเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ เล่นกีตาร์เป็นด้วยตัวเอง ลุงบู (BOO) เห็นถึงความสามารถจึงซื้อกีตาร์ให้ เมื่ออายุ  15 ปี  เกลนออกจากบ้านพร้อมกับกีตาร์คู่ชีพ  เที่ยวร้องเพลงหารายได้เลี้ยงชีพตามคลับต่างๆ  ทางภาคตะวันตกของอเมริกา ก่อนที่จะกลับมาร้องเพลงที่เมืองอัลบูเคอร์กี  (ALBUQURQUE)  รัฐนิวเม็กซิโก ในปี ค.ศ. 1954 สังกัดวงดนตรี DICK BILLS BAND ที่มีลุงเป็นหัวหน้าวง

    เกลนเคยเล่าให้นักข่าวฟังว่า เขาพบเอลวิส เพรสลีย์ ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1957 ที่เมืองอัลบูเคอร์กี  กลายมาเป็นเพื่อนสนิท  อีกทั้งเป็นคนเลือกเกลน  แคมป์เบลล์ ให้มาเล่นแบ็กอัพในซาวนด์แทรคหนังเรื่อง  VIVA LASVEGAS สิ่งหนึ่งที่เอลวิสขอร้องเกลน แคมป์เบลล์ อย่าทำคือ เลียนแบบร้องเพลง  THAT'S ALRIGHT (MAMA) เกลนบอกกับเอลวิสว่า หากตนจะเลียนแบบ คงต้องเพิ่มน้ำหนักตัวก่อนจึงจะทำได้

    ปี  ค.ศ. 1958 เกลน แคมป์เบลล์ จัดตั้งวงของตัวเองชื่อวง GLEN CAMPBELL  AND THE WESTERN WRANGLERS ในปีเดียวกันนี้ที่เกลนแต่งงานกับเพื่อนสาววัย 15  ปี  ชื่อ  ไดแอน เนิร์ก (DIANE NIRK) เธอให้กำเนิดลูกสาวชื่อ เด็บบี้ ปัจจุบันบางครั้งบางคราวเธอมาร้องดูเอตกับพ่อในคอนเสิร์ต  อย่างเช่นเมื่อเร็วๆ   นี้ ร้องดูเอตเพลง  JACKSON กับเกลน ที่กาสิโน ออร์ลีนส์ ในลาสเวกัส ชีวิตแต่งงานครั้งแรกต้องเจอกับมรสุม จนถึงขั้นแยกทางกันเดินในปี ค.ศ. 1959 ไม่นานหลังจากนั้นเกลนพบรักอีกครั้งกับ  บิลลี  ยีน  นันเลย์ (BILLIE JEAN NUNLEY) ขณะเล่นดนตรีอยู่ที่คลับในเมืองอัลบูเคอร์กี  ทั้งคู่แต่งงานในช่วงฤดูใบไม้ร่วง  ปี ค.ศ. 1959 เกลนพาบิลลี ยีน ไปฮันนีมูนที่ลาสเวกัส

    "ผมพาเธอไปดูโชว์บ็อบบี้  ดาริน เป็นโชว์แรกในชีวิตที่ผมได้ดูที่เมืองนี้ ผมจำได้ว่าผมเพ่งดูที่กีตาร์นักดนตรีคนหนึ่งในวง  เสียงมันวิเศษสุด ผมบอกกับตัวเองว่า นี่คือสิ่งที่ผมอยากทำในอนาคต เล่นแบ็กอัพให้กับนักร้องชื่อดัง"

    ปี  ค.ศ.  1960  เกลน แคมป์เบลล์ ย้ายมาอยู่ลอสแองเจลีส ทำงานบันทึกเสียงกับวง THE   CHAMPS  ซึ่งเคยมีผลงานฮิตเพลง  TEQUILA ส่วนตัวเกลน แคมป์เบลล์ สังกัด  CREST ชวนมาอยู่ด้วย เพลง TURN AROUND, LOOK AT ME ทีเกลนแต่งเองและนำมาบันทึกเสียง  ได้รับความนิยมติดอันดับ   62  ในชาร์ตบิลบอร์ด  ปี ค.ศ. 1962   เกลนย้ายสังกัดมาอยู่กับแคปปิตอล  ออกซิงเกิลเพลง TOO LATE TO WORRY-TOO BLUE  TO  CRY (#76) ไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควรเพราะขาดการประชาสัมพันธ์ ขณะเดียวกัน จิมมี โบเวน (JIMMY BOWEN) โปรดิวเซอร์ชื่อดัง  สนับสนุนให้เกลนเล่นแบ็กอัพให้กับนักร้องมีชื่ออย่างเช่น  ดีน มาร์ติน และแฟรงค์ ซิเนตรา เสียงกีตาร์เพลง STRANGERS IN THE NIGHT นั้นมาจากฝีมือของเกลน แคมป์เบลล์

    เดือนมกราคม   ค.ศ. 1965 เมื่อ ไบรอัน วิลสัน เกิดป่วย ไม่สามารถเดินสายแสดงคอนเสิร์ตกับเพื่อนสมาชิก  THE BEACH BOYS เกลน แคมป์เบลล์ ถูกตามตัวมาทำหน้าที่แทน  เสียงกีตาร์ในอัลบั้ม   PET   SOUNDS และงานฮิต อย่างเช่น HELP ME RHONDA  และ  CALIFORNIA  GIRLS   เป็นฝีมือการเล่นของเกลนทั้งสิ้น เกลนอยู่กับ BEACH BOYS เพียง 4 เดือน ก็กลับออกมาเป็นศิลปินเดี่ยว ซึ่งก่อนหน้านั้นเกลนถูกตามตัวให้ไปเล่นแบ็กอัพกับ  THE  MONKEES  เมื่อบันทึกเสียงเพลง  I'M  A  BELIEVER และ  THE RIGHTEOUS BROTHERS เมื่อบันทึกเสียงเพลง YOU'VE  LOST  THAT  LOVIN'  FEELIN อีกทั้งเขาเคยเป็นสมาชิกวง THE WRECKING CREW ที่ทำงานบันทึกเสียงให้กับ ฟิล สเปกเตอร์

    หลังออกจาก  THE  BEACH BOYS   เกลน  แคมป์เบลล์ บันทึกเสียงเพลง  UNIVERSAL  SOLDIER เพลงกึ่งแอนตี้สงครามเวียดนาม หลายคนคิดว่าเกลนมีแนวคิดเช่นนั้น แต่จริงๆ แล้ว เกลนเป็นคนที่มีแนวคิดขวาจัด  มีเพื่อนเป็นจอห์น เวย์น ดาราคาวบอยผู้สนับสนุนริชาร์ด  นิกสัน และโรนัลด์ เรแกน UNIVERSAL SOLDIER กลายเป็นเพลงฮิตติดอันดับ  45 ในป็อปชาร์ต หลังจากนั้นอีกสองปี  ในปี  ค.ศ. 1967 เกลนเกิดไปติดใจเพลง  GENTLE  ON MY MIND ที่จอห์น ฮาร์ตฟอร์ด (JOHN HARTFORD)  เขียนโดยที่ได้รับแรงบันดาลใจหลังจากดูหนังเรื่อง ดอกเตอร์ชิวาโก จบ   เขียนเสร็จภายในเวลา  15 นาที แถมได้รับรางวัลแกรมมี่อีกด้วย เวอร์ชั่นที่เกลน แคมป์เบลล์ บันทึกเสียง ขึ้นถึงอันดับที่ 39 ในป็อปชาร์ต

    วันหนึ่งขณะอยู่ที่สตูดิโอบันทึกเสียง  เกลน แคมป์เบลล์ เหลือบไปเห็นอัลบั้มชุดหนึ่งของจอห์นี  ริเวอร์ส  (JOHNNY RIVERS) ในอัลบั้มชุดนี้มีเพลง BY THE TIME I GET TO PHOENIX ทันทีที่เกลนเห็นชื่อเพลงเกิดความคิดขึ้นมาว่ายังไงต้องขอบันทึกเสียง เพราะครั้งหนึ่งเคยมีความฝังใจกับเมืองฟินิกซ์   BY  THE  TIME I GET TO PHOENIX  เป็นงานเขียนของ จิมมี เว็บบ์ (JIMMY   WEBB)   หนุ่มบุปผาชนผมยาว  ผู้มีหัวคิดเอียงซ้ายแอนตี้สงครามเวียดนาม  เนื้อเพลงพรรณนาถึงชายคนหนึ่งเขียนจดหมายพร่ำเพ้อถึงคนรัก   ขณะขับรถผ่านไปยังเมืองต่างๆ แถบ MID-WEST ของอเมริกา เวอร์ชั่นของเกลน  แคมป์เบลล์ ได้รับความนิยมขึ้นถึงอันดับที่ 26 ในป็อปชาร์ต  เป็นผลทำให้คนทั่วไปเริ่มหันมาให้ความสนใจกับงานเขียนของ  จิมมี  เว็บบ์ เมื่อปี ค.ศ. 2000 นิตยสาร MOJO จัดเพลงนี้อยู่ที่อันดับ 84 เพลงยอดเยี่ยม 100 เพลงตลอดกาล

    หลังจาก  BY  THE TIME I GET TO PHOENIX จุดประกายให้คนทั่วไปรู้จักกับชื่อของ เกลน แคมป์เบลล์  เกลนเริ่มค้นหาเพลงอื่นที่เขียนโดยจิมมี  เว็บบ์ นำเพลง GALVESTON  มาบันทึกเสียง  GALVESTON  เป็นชื่อเมืองชายทะเลในรัฐเทกซัส  เนื้อเพลงพูดถึงความเหงาเปล่าเปลี่ยวของทหารในสมรภูมิรบเมื่ออยู่ไกลบ้าน ช่วงนั้นประจวบกับสงครามเวียดนามพอดี หลังบันทึกเสียงเปิดผ่านสถานีวิทยุทั่วประเทศ GALVESTON กลายเป็นเพลงฮิตติดอันดับ 4 ในชาร์ตบิลบอร์ด

    วันหนึ่งในปี  ค.ศ. 1968 เกลน แคมป์เบลล์ โทรศัพท์มาหาจิมมี เว็บบ์ ที่บ้านพักในแอลเอ ขอให้ช่วยเขียนเพลงเกี่ยวกับคนตรวจสายโทรเลข (LINEMAN) ที่ทำงานอยู่บนยอดเสาโทรเลขทางแถบรัฐแคนซัสให้สักเพลง ตนนั้นฝังใจกับภาพคนเหล่านั้น เพราะช่วงเป็นวัยรุ่นผ่านไปแคนซัสบ่อยครั้ง  จิมมี   เว็บบ์ รับปาก   ไม่นานหลังจากนั้นกลายมาเป็นเพลง   WICHITA  LINEMAN   WICHITA เป็นชื่อเมืองหนึ่งในรัฐแคนซัส "I AM A LINEMAN  FOR  THE  COUNTY  AND I DRIVE THE MAIN ROADS" เวอร์ชั่นที่เกลน แคมป์เบลล์ บันทึกเสียงขึ้นถึงอันดับ 3 ในชาร์ตบิลบอร์ด ภายหลังมีศิลปินรุ่นหลังหลายคนนำมาบันทึกเสียง  แม้กระทั่ง  REM ยังหลงใหลเพลงนี้เลย  นอกจาก 3 เพลงข้างต้นที่จิมมี  เว็บบ์ เขียนไว้ยังมี HONEY COME BACK ที่เกลน แคมป์เบลล์ นำมาขับร้องได้รับความนิยมขึ้นถึงอันดับที่ 19 ในชาร์ตบิลบอร์ด

    หลายคนเคยพูดไว้ว่า  เกลน แคมป์เบลล์ กับ จิมมี เว็บบ์ เป็นของคู่กัน ขาดคนใดคนหนึ่งไม่ได้ มันออกเป็นเรื่องเหลือเชื่อ แต่ก็เกิดขึ้นมาแล้ว จิมมี เว็บบ์ เคยเล่าให้นักข่าวฟังว่า "ขณะที่ผมอายุ  14 ปี อาศัยอยู่ที่เมืองลาเวิร์น (LAVERNE) รัฐโอคลาโฮมา วันหนึ่งผมได้ยินเพลง TURN  AROUND,  LOOK AT ME ที่ เกลน แคมป์เบลล์ ขับร้องออกอากาศผ่านทางวิทยุ ผมเกิดหลงใหลแบบถอนตัวไม่ขึ้น ขอยืมเงินคุณพ่อไปซื้อแผ่นซิงเกิลเปิดฟังที่บ้าน ฟังครั้งแล้วครั้งเล่าจนพ่อซึ่งเป็นนักเทศน์ต้องขอร้องให้หยุด  ผมบอกกับพ่อว่า ผมอยากจะเขียนเพลงให้ดีเท่ากับนักร้องคนนี้  อนาคตผมอยากจะเป็นนักแต่งเพลง  คืนนั้นผมอธิษฐานในห้องนอน ขอพรจากพระเจ้า  ขอให้ผมมีโอกาสเขียนเพลงได้ดีเท่ากับ  TURN  AROUND,  LOOK  AT ME เพลงที่ผมเขียนขอให้เกลน แคมป์เบลล์ เป็นคนร้อง นั่นเป็นคำอธิษฐานของผม

    ระหว่างปี  ค.ศ.  1968-1974 เกลน แคมป์เบลล์ ออกเพลงฮิตอยู่หลายเพลง อาทิ DREAMS  OF  THE EVERYDAY HOUSEWIFE, TRUE GRIT, TRY A LITTLE KINDNESS, IT'S  ONLY MAKE BELIEVE, THE LAST TIME I SAW HER FACE มาได้รับความนิยมสูงสุดอีกครั้งในปี  ค.ศ.  1975  กับเพลงอันดับ  1  RHINESTONE  COWBOY กับ SOUTHERN NIGHTS เพลงอันดับ 1 ในปี ค.ศ. 1977

    ปี  ค.ศ.  1969  เกลน  แคมป์เบลล์  มีรายการโทรทัศน์ของตัวเองชื่อ  THE GLEN CAMPBELL GOOD TIME HOUR ช่วงนี้เป็นยุคทองของชีวิต ขณะเดียวกันเกลนเริ่มดื่มจัด เสพโคเคน  ซึ่งหยิบยื่นมาจากภรรยา บิลลี   ยีน ชีวิตสมรสเริ่มแตกร้าว ทั้งคู่แยกทางกันเดินในปี  ค.ศ. 1975  ปีต่อมาเกลนพบรักและแต่งงานอีกครั้งกับ ซาราห์ เดวิส อดีตภรรยาของแม็ก เดวิส นักร้องชื่อดัง  อยู่ด้วยกันไม่นานก็แยกทางกันเดิน  มามีความสัมพันธ์กับ ทันยา  ทักเกอร์ (TANYA TUCKER) นักร้องคันทรีอายุอ่อนกว่าเกลน 22 ปี   สุดท้ายก็แยกทางกันเดิน  เกลนพบรักและแต่งงานกับ คิม  วูลเลน  (KIM  WOOLEN) แดนเซอร์ที่ RADIO CITY MUSIC HALL ในปี ค.ศ. 1982 ครองรักครองสุขมาจนกระทั่งทุกวันนี้

    ปัจจุบัน  เกลน  แคมป์เบลล์  อายุ  71  ปี เลิกดื่มจัด และเลิกเสพโคเคนมาหลายปี เกลนกลายเป็นคนเคร่งศาสนา ทุกวันอาทิตย์เขาจะไปโบสถ์ และอ่านคัมภีร์ไบเบิลก่อนนอนทุกครั้ง  กำหนดการแสดงคอนเสิร์ตมีบ้างแต่ไม่มากเหมือนก่อน  ปีนี้เกลนมีแผนจะออกอัลบั้มกับจิมมี เว็บบ์ อีกอัลบั้มหนึ่ง หลายคนคาดว่าจะเป็นอัลบั้มชุดสุดท้ายระหว่างคนทั้งสอง

    *จากไทยโพสต์แทบลอยด์ คอลัมน์บันเทิง 20/5/2550

    ps.In 2005, Campbell was inducted into the Country Music Hall of Fame.
    and Glen will be performing with Andy Williams at The Moon River Theater in Branson, Mo. May 18- Jun 16, 2007

    แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 50 12:21:51

     
     

    จากคุณ : coif - [ 20 พ.ค. 50 12:17:00 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom