ถ้าจะมีเพลงไหนที่ให้ความรู้สึกถึงค่ำคืนสวยๆสักคืน กับความรู้สึกนุ่มนวลที่มีคนนั่งดูดาวอยู่ข้างๆกาย เพลงนี้จะเป็นเพลงที่สวยมากที่สุดเพลงหนึ่ง ซึ่งมีทั้งภาพประกอบและดนตรีสอดคล้องไปในทางเดียวกันได้ทั้งหมด

        ดนตรีขึ้นอย่างนุ่มนวลพริ้วแผ่ว ไปพร้อมกับเสียงจังหวะที่เหมือนการกระพริบของแสงดวงดาว ท่วงทำนองเบาๆที่ค่อยๆคลอไป ให้ภาพของคืนหม่นๆคืนหนึ่ง กับการนั่งดูดาวที่ดาดฟ้าตึกกับใครสักคน ท่ามกลางอาคารสูงใหญ่รายล้อม แต่ให้ความรู้สึกว่าในโลกใบใหญ่ที่มีคนมากมาย การได้นั่งนิ่งๆโดยไม่ต้องพูดอะไรกับใครสักคน แล้วมองความงามของท้องฟ้านั้น ทำให้โลกดูอบอุ่นและสวยงามขึ้นได้อย่างแปลกประหลาด

    เพลงนี้กล่าวถึง ความงามของฟ้าในยามค่ำคืนที่เกือบจะพาให้คน 2 คน เกือบเคลิ้มตามความงามนั้น ไปสู่จุดเปลี่ยน เจ๊เจเนท ถ่ายทอดความรักในวัยสาวของเธอ(young Love) ออกในลักษณะของหญิงสาวที่มีความคิด เพลงนี้พูดถึงการเสียสาว (ที่ไม่ใช่ที่สวนหอมนะ) ว่า บางที อาจไม่ใช่จุดสูงสุดของการคบกันก็ได้ การคบกันนั้น หมายถึงการเข้าใจกันและกันอย่างดีที่สุดแล้ว แล้วทุกอย่างจึงจะเป็นไปได้ยั่งยืน แม้ว่าความรักจะทำให้เอเสียวซ่านเพียงใด แต่เธอก็ยังอยากให้ยั้งคิด เพราะว่าหากไปไกลกว่านั้นแล้ว อาจทำให้บางสิ่งยากเกินการแก้ไข และอาจทำให้สูญเสียความรู้สึกที่สวยงามที่เคยมีจากความรักไป

       นี่คือ เพลงที เพลงและเอ็มวี มีภาพร้อยรัดเป็นภาพเดียวกันได้อย่างเหมาะเจาะเป็นที่สุด ในคืนที่นั่งเหงาๆถึงความรักที่อาจจะเกิดขึ้นกับเราสักครั้งในชีวิต ก็จะเปิดเอ็มวีเพลงนี้ ภาพขาวดำในเพลงนี้ ให้ความคลาสสิกอย่างประหลาด เป็นภาพที่ดูแล้วเหงา แต่ก็สวยงามจับใจ โดยเฉพาะในเวอร์ชั่นวิดีโอ ที่นำเพลงมาฝากกันนี้ ดนตรีจะมีการเพิ่มบางส่วนให้เพราะขึ้นจากอัลบัมเวอร์ชั่นที่ดูเรียบๆ เนิบๆ ยิ่งทำให้เพลงนี้มีความพริ้ว เหงา เข้าไปใหญ่

       เพลงนี้เป้นเพลงรักที่โตขึ้นมาจาก Underneath The Stars มาหน่อย เป็นความรักของเด็กสาวช่างคิดที่ผ่านพ้นเข้ามาสู่วัยสาว แต่ก็เป้นเพลงที่ทำให้เห็นภาพความรักวัยเด็กของเด็กชายหญิง 2 คน เหมือนกัน ดนตรีประกอบจังหวะเพลงนี้ค่อนข้างเบาบาง มีดนตรีเชิงสังเคราะห์พร้อมสรรพเสียงแปลกๆที่ไม่เว้นแม้กระทั่งเพลงช้าที่เป็นเอกลักษณ์ของ Janet และ Flyte Tyme Production (Jimmy Jam & Terry Lewis) ซึ่งกลายมาเป็นเพลงที่กำหนดแนวทางเพลงช้าของเจเนทในอัลบัมต่อๆมา เพลงนี้เลยกลายเป็นเพลงที่คลาสสิกมากทั้งสำหรับตัวเจเนทเอง และคนฟังเพลงของเจเนท ความนิยมในเพลงนี้ ทำให้มีการนำเพลงนี้มาพูดถึงอีกหลายครั้ง คล้ายๆเป็น เพลงธีมของเจเนท ในด้านของความรักเลยทีเดียว


       ในเพลงมีการพูดถึงว่า สักวัน ฉันจะยอมให้เธอ  ซึ่งเธอก็ยอมจริงๆในอัลบัมต่อมาคือ Someday is Tonight และพัฒนาการมาจนถึงในอัลบัมปัจจุบัน ที่เธอกล่าวว่าเธอสร้างเพลงภาคต่อให้ Let's Wait Awhile คือเพลง With U ซึ่งล้วนเป็นการพูดถึงภาวะความสับสนทางอารมณ์ก่อนและหลังการมีเซ็กส์ได้อย่างมีชั้นเชิง

        พูดได้อย่างหนึ่งเลยว่า เพลงนี้ น่าจะมีอิทธิพลต่อการทำเพลง Underneath The Stars ของมารายห์แน่นอน เพราะอย่างที่รู้คือ มารายห์ชอบผลงานของ จิมมี่ แจม และเทอร์รี่ ลิวอิส เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในด้านการทำเพลงที่มีอารมณ์หวาน โรแมนติก แต่ดูดีมีสไตล์ไม่โฉ่งฉ่าง ซึ่งเธอก็ใช้เจเนท นี่ล่ะที่เป็นแม่แบบในการพัฒนาผลงานเพลงช้าแบบเนิบนาบอ่อนหวานของเธอ ทั้งใน Fourth of July และกระทั่งได้ทำกับทีมนี้จริง เธอก็ยังทำผลงานที่ลอกแนวเจเนทมาเห็นๆอย่าง Bliss / Yours แต่เอามาร้องและสร้างสรรค์ท่อนร้องในสไตล์ของเธอ แต่มีลักษณะของเพลงเนิบนาบปนเซ็กซี่ยั่วใสๆ แบบเจเนทอยู่

    ส่วนตัวแล้ว ใครฟังเพลงนี้และอ่านบทความนี้แล้ว ไม่เห็นภาพท้องฟ้ากว้างในคืนมืด ที่มองเห็นจังหวะการกระพริบของดวงดาว จากการฟังเพลงนี้ประกอบไปด้วย จะถือว่า เป็นคนไม่โรแมนติค เอาซะเลย ให้ตายเถอะ!

      ชอบเพลงนี้เหมือนเราเถิด ขอร้อง