เมื่อท้องฟ้าเริ่มอ่อนแสง
ค่อยๆเปิดทางให้ความงามยามค่ำคืนเปล่งประกาย
ผมโอบกอดคุณไว้ข้างกายแนบชิดขึ้นอีกนิด
ช่างเป็นความรู้สึกที่แสนดี
จนอยากจะให้ริมฝีปากของผมได้สัมผัสจูบคุณอย่างแผ่วเบาจัง
และเมื่อดวงตะวันลาลับพ้นขอบฟ้าไป
ก็ไม่หลงเหลือความงามใดจะเปล่งประกายได้เท่ากับดวงดาวที่ส่องแสงบนท้องฟ้าตอนนี้ได้เลย

     ผมเพียงแต่อยากจะโยกกายไปพร้อมคุณอย่างนุ่มนวล
ถ่ายทอดความรักให้คุณช้าๆแผ่วเบา
ทุ่มเทเวลาทั้งหมดที่พอจะมีให้กับคุณในคืนนี้
ไม่สนว่าแสงสว่างของท้องฟ้าจะกลับมาเมื่อไหร่
หากเพียงแค่ยังได้มองตากับคุณเรื่อยไป
และทำมันไปอย่างนั้นทั้งคืน
นุ่มนวล และแผ่วเบา เรื่อยไป

           นี่คือเพลงที่โรแมนติคมากที่สุดตั้งแต่เคยฟังมาในชีวิตเลย (ฟังแล้วเวอร์มากมะ...) แต่รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ซึ่งมันน่าแปลกมาก ตรงที่มันไม่ได้เป็นเพลงรักบัลลาดหวานซึ้งอมตะนิรันดร์กาลเหมือนเพลงรักเพลงอื่นๆที่เคยฟังๆกันมา แต่มันเป็นเพลงที่มีโครงสร้างคร่อมๆแบบอาร์แอนด์บี ฮิพฮอพ เบาๆใสๆในทางของทีมทำดนตรีน่ารักอย่าง Soulshock&Karlin ที่สามารถสร้างแนวทางดนตรีที่น่ารักให้กับพื้นบีทโพรแกรมมิ่งสังเคราะห์ที่มีอาร์แอนด์บียืนพื้นให้กับหลายๆศิลปิน (Destiny's Child / Toni Braxton / Craig David / Whitney Houston / Monica) ที่มีการจำลองเสียงบรรยากาศของค่ำคืนที่สวยงามในเมืองใหญ่ ในลักษณะที่ฟังแล้วเป็นเพลงที่ให้ภาพความเป็น Urban ค่อนข้างมาก เสียงบีทสังเคราะห์คร่อมๆที่ปรากฏเป็นพื้นของเพลง ฟังดูเหมือนจังหวะการกระพริบของดวงดาว และมีเสียงแบคกราวนด์ที่ค่อยๆดังขึ้นมาห่มเพลงทีละนิด จนกลายเป็นบรรยากาศที่ค่อยๆอบอุ่นขึ้น จนไปถึงขีดสุดที่ท้ายเพลง ประกอบกับความสวยงามของเนื้อร้อง และทำนองที่เกิดจากการบรรจงแต่งของนักแต่งเพลงคนดังที่แต่งเพลงได้หวานสุดเลี่ยนอย่าง Diane Warren ที่ทุกๆคนรู้จักกันดี

           ก่อนจะได้ฟังเพลงนี้ อ่านคำวิจารณ์จากปอป ก็พอรู้แค่ว่า มีเพลงเพราะเพลงนี้ซ่อนอยู่ โดยเป็นเพลงที่มีป้า Diane Warren มาช่วยแต่ง เพื่อส่งให้ลุง Toshi ซึ่งเป็นเหมือนป้าเบิร์ดของเมืองญี่ปุ่น ประสบความสำเร็จในการปล่อยผลงานที่อเมริกาอย่างเต็มตัวสักที หลังจากเคยออกมาอัลบัมหนึ่ง ซึ่งมีเพลงดังพอประมาณเพลงนึงอย่าง Just The Two of Us คัฟเวอร์เพลงเก่าอมตะสุดคลาสสิก ที่ถูกนำมาทำเป็นเพลงฮิพฮอพหวานๆโยกๆโดย Jermaine Dupri เป็นเพลงที่พอสร้างชื่อเสียงให้ลุงแกได้ไม่ขายขี้หน้า ด้วยความที่ช่วงนั้นบ้าป้า Diane มาก ตามเก็บทุกเพลงของแกหมด เพราะว่าเพลงของแกในช่วงนั้น มันสุดๆจริงๆ ประกอบกับเห็น บอกอตี้ แห่งปอป ที่เราเชื่อในรสนิยมของเธอ ยกให้เป็น 1 ใน เพลงโปรดของเธอ เราก็ไม่รอรี ตัดสินใจรีบซื้ออัลบัมป้าเบิร์ด แห่งญี่ปุ่นคนนี้ทันที โดยไม่เคยฟังเพลงของแกมาก่อน ปรากฏเปิดมา หน้าหงาย นึกว่าแกจะมาเป็นเพลงอาร์แอนด์บีหวานๆแบบ ยัยหมวย CoCo Lee ที่ออกอัลบัมมาก่อนอัลบัมนี้ไม่นานนัก กลับเจอแต่เพลงอาร์แอนด์บีดำๆออกนีโอ-โซล แบบพวก The Roots / The Fugees ไปซะฉิบ อดทนฟังมาหลายๆเพลงอย่างไม่รู้ความเพราะ (แต่หลายๆเพลงมาฟังตอนหลัง กลับรู้สึกว่ามันเป้นอัลบัมที่ฟังง่ายมาก- Nothing But Your Love (2000)) ทนรอ ด้วยความคาดหวังว่ามันจะมาเป็นเพลงแบบ I'll Make Love To You อะไรเทือกนั้น อดทนรอจนมาถึงเพลงนี้ ซึ่งเป็นเพลงสุดท้ายของอัลบัม (และเป็นเพลงที่หาโหลดยากมากที่สุด เพราะจะถูกตัดออกไปก่อนทุกที จะหาซื้อซีดีก็ไม่ได้แล้ว เพราะตอนนั้นยังซื้อเป็นเทปอยู่)

          หากแสงแห่งดวงจันทร์จะยังคงเป็นเพียงแสงเดียวที่สาดส่องให้เราสองมองเห็น
ผมก็อยากจะปลดปล่อยความรู้สึกทั้งหมดที่มีให้เป็นอิสระอย่างนี้อยู่เรื่อยไป
ให้ความรื่นรมย์หอมหวานนี้เป้นความสุขสูงสุดดั่งฝันเสมอไป
และในยามที่ดวงดาวทอแสงออกมาร่วมทักทาย
ก็เชื่อว่านั้นจะเป็นความสุขที่มีเพียงแต่เราอยู่ร่วมกันสองคน

          ผมจะสัมผัสคุณให้เคลิ้มไปอย่างแผ่วเบา
ทุ่มเทความรักทั้งหมดให้อย่างนุ่มนวลอ่อนไหว
เทเวลาทั้งหมดลงไป เพียงเพื่ออยู่กับคุณคืนนี้
ไม่อยากจะมองเห็นแสงตะวันสาดทอเข้ามา
เพราะแค่ได้มองเห็นดวงตาของเธอก็เกินเพียงพอแล้ว
ทำมันซ้ำไป ซ้ำมาทั้งคืนนี่ล่ะ
ให้มันนุ่มนวล และแผ่วเบาทั้งคืน

          เพราะการได้นอนทอดกายอยู่ร่วมกันในตอนนี้
ให้ความรู้สึกนุ่มนวลอ่อนไหวดังสายลมที่พัดผ่าน
และนั่นคือความรู้สึกที่มีแต่เพียงเราสองเท่านั้นที่จะรู้ดี
เราจึงจะถ่ายทอดความรักที่มีต่อกันและกัน อย่างนุ่มนวล แผ่วเบา แบบนี้เรื่อยไป

          ม่าย มันไม่ใช่เพลงบัลลาดกรุ่นอาร์แอนด์บีอย่างที่ใฝ่ฝัน กลายเป็นเพลงจังหวะป๊อกๆต๊อกๆโยกได้นิดๆ ออกน่ารัก ที่เด่นไปด้วยเสียงร้อง ที่เป็นตัวขับเคลื่อนเรื่องราวไปกับบรรยากาศที่กรุ่นด้วยความหวานเซ็กซี่ของเพลง ใครจะไปนึกว่าเจ้าป้าไดแอน ที่ถนัดแต่แต่งเพลง เธอรักฉัน ฉันรักเธอ ขอบคุณที่รักกัน อะไรแบบบริสุทธิ์ผ่องใสมาตลอด จะแต่งเพลงที่ออกเสียวๆเซ็กซี่ๆ ส่อถึงเรื่องบนเตียงอย่างโจ้งแจ้งขนาดนี้ แต่เจ้าป้า ก็ยังคงฝีไม้ลายมือเฉียบขาดอยู่ ในด้านของการใช้คำสวยๆมาสร้างภาพและบรรยากาศ ซึ่งก็ออกมาสอดคล้องกับดนตรี ทำให้เพลงคร่อมๆเพลงนี้ กลายเป็นภาพความหวานของคนเมืองยามค่ำคืนที่ชวนฝัน และทำให้ความสวยงามของภาษา มาช่วยกลบความส่อของเพลงได้อย่างไม่ประดักประเดิด และให้ความรู้สึกว่าเพลงนี้เป็นเพลงเซ็กซี่ที่ดูดีมีคลาสในด้านภาษากว่าเพลงโปรดเพลงเดิมที่ให้บรรยากาศเดียวกันอย่าง I'll Make Love To You ซะอีก
       
          น่าเสียดายที่ชาวมารายห์พันทิพจะมองเพลงนี้ผ่านไป เพราะแค่มันคือเพลงจากนักร้องที่ไม่รู้จัก และคิดว่านี่คือเพลงอาร์แอนด์บีพื้นๆเพลงนึงที่ฟังผ่านๆแล้วไม่สวยเหมือนอย่างที่คนเขียนบอกเลย หลายๆคนในบอร์ด มักจะถูก พระนายหมื่นไร่ ขู่เข็ญให้ฟังเพลงนี้ พร้อมอวดสรรพคุณอยู่เป็นประจำ แต่ฟังแล้วก็งั้นๆ ไม่เห็นดีอย่างที่บอกเลย แต่สำหรับเพื่อนๆหลายคนที่ฟังเพลงมากับพระนายด้วยกัน ลงความเห็นว่า นี่เป็นเพลงหวานที่เพราะมาก ตรงที่ ไม่ต้องมาทำเป็นแหกปากอลังการสร้างภาพรักกันสุดขอบให้เหนื่อย ไม่ต้องมีดนตรีสุดอลังกรีดอารมณ์ แต่เพลงที่มีดนตรีเบาๆ เสียงร้องนุ่มๆดีๆ เนื้อร้องสวยๆ บรรยากาศสวยๆ ก็ทำให้เพลงๆนึงเป็นเพลงเพราะขึ้นหิ้งได้เหมือนกัน โดยส่วนตัวแล้ว ลงมติให้ ลุงToshi เป็นนักร้องชายเอเชียที่มีเสียงร้องเพอร์เฟกต์ที่สุด คือ เสียงบางในแบบเอเชีย แต่สามารถออกเสียงได้อย่างพริ้วไหวลื่นไหลไปกับสำเนียงเพลงแบบอเมริกันจ๋าได้อย่างลงตัว เป็นเอกลักษณ์ผลงานที่ไม่เหมือนใคร เสียงแกนิ้งจริงๆ เสียงแหวว แต่ใช้ไถขึ้นลงได้สบายๆ อย่างไม่รู้สึกเกร็ง ฟังเพลงนี้แล้วแอบนึกถึงเจ๊ทาทา ยัง บ้านเรา หากเจ๊จะโก อินเตอร์ทั้งที ก็กล้าสร้างแนวเฉพาะแบบลุงโทชิไปเลย ฝรั่งเค้าก็ชื่นชม และรู้สึกดีที่จะทำงานให้ เพราะรู้สึกว่าคือความท้าทาย อย่างเช่นลุงโทชิ ที่กล้าจับแพะอย่าง Soulshock มาชนกับแกะตลาดอย่าง ป้า Diane Warren ได้อย่างลงตัวและดูดีมีสไตล์เกินคาดคิด ไม่ใช่เอาแต่จะให้คนแต่ง มาสร้างเพลงซ้ำให้เหมือนกับคนที่เค้าเคยดังมาก่อนโดยไทม่รแสดงให้เค้าเห็นไปเลยว่าเราน่ะแตกต่าง ก็คงกลายเป็นเหมือนเจ๊ทาทา ที่อยากได้เพลงเจ๊ diane มาก จนถึงขั้น ยอมขอเพลง For You I will มาร้องใหม่ เพียงเพื่อที่จะได้ขึ้นชื่อว่า ตัวเองเคยมีผลงานในเครดิต เป็นเพลงของนักแต่งเพลงระดับโลก น่าชื่นชมซะจริง