จากการที่ได้นั่งติดตามAF4มาจนเกือบจะจบซีซั่น เลยเริ่มซึมซับความรู้จากการติดตามรายการนี้ จึงเป็นที่มาของกระทู้นี้ในการที่จะตีความบทเพลง ฤดูที่แตกต่าง จากมุมมองของแฟนคลับคนนึง ที่ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญอะไรในด้านนี้ เพียงแต่ได้ความรู้มาบ้างจากการดูรายการนี่แหละครับ
เพลงนี้ถ้าเข้าใจตรงกันว่าไม่ได้เน้นไปถึงฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลงไปก็คงจะทำให้การตีความนั้นง่ายขึ้น เพราะ เป็นการนำเอาสิ่งที่เรามองเห็นและสัมผัสได้ (นั่นคือ "ฤดูกาล") มาเปรียบเทียบกับความเป็นไปในชีวิต หรือเป็นการอุปมาอุปไมยนั่นเอง
อดทนเวลาที่ฝนพรำ อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่าง
เมื่อวันเวลาที่ฝนจาง ฟ้าก็คงสว่างและทำให้เราได้เข้าใจ ว่ามันคุ้มค่าแค่ไหนที่เฝ้ารอ
~~~ท่อนเริ่มของเพลงเป็นการเริ่มด้วยสิ่งที่เราเข้าใจได้ดีก็คือการนำเอาเวลาที่ฝนตกมาอธิบาย แล้วหลังจากฝนตก ฟ้าก็จะสว่าง เราก็จะรู้สึกสดชื่นและสดใส
แต่ถ้าหากเราหลงจินตนาการไปกับท่อนแรกของเพลงนี้ เราก็จะมีจินตนาการไปกับสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงจริงๆ มัวแต่ไปนึกถึงฝนตก แดดออกซะงั้น
ซึ่งจะทำให้ความหมายของเพลงมันไม่น่าสนใจ เพราะมันเป็นความจริงที่ทุกคนเจอได้อยู่แล้ว~~~
หากเปรียบกับชีวิตของคน เมื่อยามสุขล้นจนใจมันยั้งไม่อยู่
ก็คงเปรียบได้กับฤดู คงเป็นฤดูที่แสนสดใส
~~~มาแล้วครับ ถ้าอยากฟังให้สนุกต้องมาเริ่มซึ้งที่ท่อนนี้ เพราะการเปรียบเทียบเริ่มขึ้นที่นี่
ท่อนนี้เป็นการย้ำให้นึกถึงความสุขที่เราเคยมี ซึ่งในที่นี้ขอมองเป็นความสุขที่แฟนคลับได้รับจากต้อล ในระหว่างที่อยู่ในบ้านและบนคอนเสิร์ต นึกออกกันมั๊ยว่ามันสดใสแค่ไหน~~~
* (และ)แต่ถ้าวันหนึ่งวันไหน ที่ใจ เจ็บจนทุกข์ ดั่งพายุที่โหมเข้าใส่
บอกกับตัวเองเอาไว้ ความเจ็บต้องมีวันหาย ไม่ต่างอะไรที่เราต้องเจอทุกฤดู
~~~เป็นการย้ำให้รู้ว่าไอ้ความสุขที่เราได้รับมา มันไม่ได้มีอยู่ตลอดไป มันอาจจะมีความทุกข์สอดแทรกเข้ามาบ้าง แต่เดี๋ยวมันก็ต้องหายไป
ทีนี้เราก็ลองย้อนคิดไปว่า ที่ผ่านมาแฟนคลับกับต้อลก็ได้เจอกับเหตุการณ์ที่ทำให้เรามีความทุกข์กันมาบ้าง แต่สุดท้ายมันก็ผ่านพ้นไปได้ (คงไม่ต้องบอกนะว่าเราเจออะไรกันมาบ้าง)~~~
** อดทนเวลาที่ฝนพรำ อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่าง
เมื่อวันเวลาที่ฝนจางฟ้าก็คงสว่างและทำให้เราได้เข้าใจ ว่ามันคุ้มค่าแค่ไหนที่เฝ้ารอ
~~~อันนี้เป็นการเอาเรื่องฤดูมาย้ำกันอีกที เพื่อเน้นการเปรียบเทียบ~~~
เมื่อวันที่ต้องเจ็บช้ำใจ จากความผิดหวังจนใจมันรับไม่ทัน
เป็นธรรมดาที่เราต้องไหวหวั่น กับวันที่อะไรมันเปลี่ยนไป( ซ้ำ * , ** )
~~~พูดถึงวันที่เจ็บช้ำและผิดหวังกันอีกที (ย้ำกันเข้าไป จะได้จำได้) นึกถึงวันที่ต้อลต้องออกมายืนปากเหว ให้พวกเรานั่งลุ้นในช่วงเสี้ยววินาที พร้อมกับคิดในใจว่า ไม่ ไม่ ไม่ ไม่นะ~~~
อย่าไปกลัวเวลาที่ฟ้าไม่เป็นใจ อย่าไปคิดว่ามันเป็นวันสุดท้าย
น้ำตาที่ไหลย่อมมีวันจางหาย หากไม่รู้จักเจ็บปวด ก็คงไม่ซึ้งถึงความสุขใจ
~~~ท่อนนี้สิต้องเข้าใจกันให้ได้ เพราะ ต้อลกำลังบอกเราว่าไม่ต้องไปกลัวกับเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมา ไม่ต้องไปกลัวกับสิ่งแวดล้อมต่างๆที่อยู่รอบๆ
ขอให้เชื่อมั่นในตัวต้อลเอาไว้ ทุกอย่างมันเพิ่งเริ่มขึ้น เพราะเราจะต้องจับมือกันเดินไปกับต้อลต่อไป ถ้าหากเราไม่ได้ฟันฝ่าอุปสรรคมาด้วยกัน แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าความสุขที่เรากำลังจะได้รับนั้นมันมีค่าแค่ไหน
แต่อย่าลืมว่าไอ้ ความสุขใจ ที่เรากำลังพูดถึงเนี่ยมันคืออะไร มันคือจุดมุ่งหมายของเราที่จะพาต้อลก้าวไปยังความฝันสูงสุดของนักล่าฝันทุกคนใช่หรือไม่
เพราะฉะนั้น ขอให้จดจำเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมา แล้วมาร่วมมือกันเพื่อเราทุกคนจะได้ร่วมเดินทางไปสู่จุดหมายนั้นด้วยกัน
เพลงนี้อยากให้ต้อลร้องออกมาในแบบรู้สึกเชื่อมั่นในตัวเอง และร้องออกมาให้เราได้ฟัง ตอกย้ำความเชื่อมั่น และ ความผูกพันของเราทุกคนที่มีกับต้อล
ตอนนี้ก็ได้แต่หวังว่าต้อลคงจะตีโจทย์เพลงนี้ออกมาได้ดี ให้ต่อเนื่องจากการ จับมือกันไว้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขอฝากความหวังผ่านสายลมที่พัดผ่าน และ แสงแดดที่สาดส่องเข้าไปในบ้านแมคโนเลียทำให้ต้อลบรรลุถึงความหมายของเพลงนี้แล้วกัน
ขอบคุณสายลมและแสงแดดเอาไว้เลยแล้วกันครับ
เชื่อมั่น และ ศรัทธา จะนำพามาสู่ความสำเร็จและสมหวัง
ปล. ทั้งหมดเป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ
แก้ไขเมื่อ 23 ส.ค. 50 10:42:38